DoctorAtoZ“จับมือหมอพันชีวิต-จิตอาสาลุยเปิด“ช่วยด้วย”เฟส2หาเครื่องมือช่วยผู้ป่วยโควิดโฮมไอโซเลต”กทม/นนท์/สมุทรปราการ
“ด็อกเตอร์เอทูแซด”ผนึกหมอพันชีวิต-จิตอาสาลุยเปิด“ช่วยด้วย”เฟส2
ระดมเครื่องมือช่วยผู้ป่วยโควิดโฮมไอโซเลต”กทม/นนท์/สมุทรปราการ
“คิงเพาเวอร์”สนับสนุนช้อปผ้าภูมิปัญญาไทยเด่น3ภาค5แบรนด์มาแรง
“ไทยเทสต์ฮับมหานครคิวบ์”จัดโปรทุกวันจันทร์ราคาเดียว99บาท/เมนู
ททท.ลุ้นนำเข้าตลาดรัสเซีย+69ชาติฉีดสปุ๊กนิกวีเที่ยวไทยเริ่มต.ค.64
“TCEB”รุกจัดไมซ์เดย์26ส.ค.นี้แจกTMVS-AMVS-ชูสัมมนาเทรนด์ใหม่
วางแผนเที่ยวเหนือสุดที่“เชียงราย”เช็คอินวิถีใหม่สุดฟินแสนชีล
6 จุด
เภสัชแนะกิน“สมุนไพรแก้ไอ”
2กลุ่มช่วยบรรเทาการระคายเคืองได้ดี
ม.ธุรกิจเผยผลวิจัยลูกเรือ20แอร์ไลน์ทำงานช่วงโควิดเครียดหรือไม่?
“กลุ่มดุสิตธานี”เปลี่ยนใหญ่ไฮเทค-ขายออนไลน์รับมือวิกฤตโควิด-19
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้
ช่วงที่ 1 ห้ามพลาดโอกาสการมีส่วนร่วมช่วยเหลือสังคมกับ “กรรณิการ์ จำปาพันธ์” ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง บริษัทและกลุ่ม “ด็อกเตอร์เอทูแซด : DoctorAtoZ” เดินหน้าโครงการ “ช่วยด้วย” เฟส 2 เริ่มแล้ว!! สิงหาคม 64 ระดมพลังช่วย “ผู้ป่วยโควิดกลุ่มโฮม ไอโซเลต” 3 จังหวัด “กรุงเทพฯ-สมุทรปราการ-นนทบุรี” ใช้ช่องทางเพิ่มเพื่อน Line@ “ช่วยด้วย” เข้าถึงอุปกรณ์ เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์
โดยผนึกเอกชนพันธมิตร 30 บริษัท ทีมจิตอาสากว่า 100 คน เครือข่ายหมออีกกว่า 1,000 ชีวิต ยินดีให้คำปรึกษาผู้ป่วยฟรีได้โดยตรง
พร้อมรณรงค์บริจาคเงินซื้ออุปกรณ์ช่วยชีวิตผ่านเว็บไซต์ 2 ช่อทาง “Taejai.com” และมาร์เก็ตเพลส “www.mkp.doctoratoz.co/product-detail” แนะนำ “ระวังการติดเชื้อจากคนใกล้ตัว”
ควรดูแลสิ่งสำคัญ 3
เรื่อง
“จำกัดที่พักอาศัยแยกคนติดกับคนปกติ-ศึกษาข้อมูลวิธีขอความช่วยเหลือ-เลือกรับข่าวสารที่ถูกต้อง”
“กรรณิการ์ จำปาพันธ์” ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง บริษัทและกลุ่ม “ด็อกเตอร์เอทูแซด : DoctorAtoZ” เปิดเผยว่า ขณะนี้จับมือกับเครือข่ายพันธมิตร ทำโครงการ “ช่วยด้วย” ผ่านไลน์แอด (Line@ช่วยด้วย) เพื่อให้ความช่วยเหลือสังคมแก่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องรักษากักตัวเองอยู่บ้าน หรือ Home Isolate 14 วัน เฟส 2 ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นมา จำกัดสิทธิ์ให้ความช่วยเหลือประมาณ 500 ราย หากได้รับเงินสมทบจากผู้บริจาคมากขึ้นก็จะสามารถนำไปช่วยเหลือผุ้ป่วยได้เพิ่มขึ้น โดยกำหนด “พื้นที่เป้าหมาย” ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ กับ นนทบุรี
หากผู้ป่วยที่มี “สิทธิประกันสังคมหรือสิทธิ์จากสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)” เมื่อติดต่อเข้ามาทางทีมงานของโครงการ “ช่วยด้วย” ก็สามารถช่วยประสานส่งต่อไปยังเครือข่ายดูแลผู้ป่วยโฮมไซเลทได้ด้วย โดยทำร่วมกับ “โครงการใกล้บ้านใกล้ไกล” ช่วยกันดูแลพื้นที่ะจังหวัดรอบปริมณฑล เช่น นนทบุรี ปทุมธานี
ซึ่งทาง “ด็อกเตอร์เอทูแซด” เป็นแพลตฟอร์ม Tele Medicine ทุกคนสามารถขอคำปรึกษาจากคุณหมอผ่านระบบออนไลน์ได้ ส่วนภารกิจหลักในโครงการนี้ คือ นำอุปกรณ์ เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ที่จำเป็นขั้นพื้นฐานมอบให้ผู้ป่วยโควิดรักษาตัวอยู่บ้าน เมื่อปี 2563 ได้เข้าไปทำงานช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดร่วมกับกรมการกงศุลที่ดูแลคนไทยทั่วโลก 95 ประเทศ และทีมเป็ดไทยสู้ภัยโควิด-19
ผลจากแอคเซสที่มีคุณหมออยู่ในแอพลิเคชั่นเป็นฐานอยู่แล้วกว่า 400 คน อีกทั้งยังมีคุณหมอผู้ให้การรักษาได้ด้วยรวมกันแล้วประมาณกว่า 1,000 คน เป็น “จุดแข็ง” ในสถานการณ์ที่ทุกคนต้องการแพทย์ พยาบาล เพื่อการรักษาจนเกิดเป็น “โครงการช่วยด้วย” ซึ่งมีพันธมิตรเอกชนบริษัทชั้นนำจับมือกันประมาณ 30 บริษัท
“เปิดช่องทางให้ผู้ป่วยเข้าถึงช่วยด้วย” 1.เข้าไปยังไลน์แอด “ช่วยด้วย” 2.เพจเฟสบุ๊ค ด็อกเตอร์เอทูแซด ซึ่งทางโครงการ “ช่วยด้วย” มีรูปแบบบริหารจัดการ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยดังนี้
1.เข้าร่วมในไลน์แอด Line@ช่วยด้วย โดยผู้ป่วยมีผลตรวจจาก antigen Test Kid หรือผลตรวจยืนยันเรียบร้อยแล้ว ว่าตัวเองติดโควิด-19 สามารถขอความช่วยเหลือจากทีมช่วยด้วยผ่านไลน์แอดดังกล่าว
2.เมื่อได้รับข้อมูลเรียบร้อยทางเราจะมีทีมจิตอาสากว่า 100 คน โทรศัพท์กลับไปสอบถามอาการของคนไข้
3.เมื่อผู้ป่วยสามารถเข้ารักษาตัวอยู่บ้านกับทางช่วยด้วยได้ ก็จะมีระบบ “ด็อกเตอร์เอทูแซด” เป็นแพลตฟอร์มเทเลเมดิซีน เพื่อปรึกษาคุณหมอผ่านระบบออนไลน์ได้
4.เมื่อคนไข้คุยกับคุณหมอเรียบร้อยแล้ว และคุณหมอสั่งจัดยาในกลุ่มที่ใช้สำหรับคนไข้โควิด-19 ทางทีมงานก็จะจัดเวชภัณฑ์ยาประมาณ 6-7 รายการ รวมถึง “มีพยาบาล” มอนิเตอร์รายวัน สอบถามคนไข้รายวันถึงอาการคนไข้หนักหรือไม่
5.หากคนไข้มีอาการหนักขึ้นทางช่วยด้วยจะประสานโรงพยาบาล
โฮสพิเทล หรือโรงพยาบาลสนาม ให้ผู้ป่วย
แต่ต้องทำความเข้าใจสถานการณ์หาเตียงผู้ป่วยนั้นจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์รายวัน
เพราะบางวันมีคนไข้จำนวนมากหาเตียงค่อนข้างยาก
6.ทางทีมช่วยด้วยจะมีทีมพยบาลหรือแคร์ลีฟเวอร์คอยช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยกลุ่มรักษาตัวอยู่บ้าน
โดยจัดส่งอาหาร 3 มื้อ
ต่อเนื่องตลอด 14 วัน
โดยได้รับการอนุเคราะห์จากบริษัทเอกชนกว่า 30 บริษัท
ที่เข้ามาช่วยกันบวกกับการเปิดรับบริจาคจากบุคคลทั่วไป
“คำแนะนำผู้ป่วย” 1.ต้องการให้คนตรวจโควิดหรือทำสกรีนนิ่งให้เร็วขึ้น ซึ่งตอนนี้จะเห็นภาครัฐ หรือหน่วยงานต่าง ๆ ตั้งจุดตรวจเพื่อความรวดเร็ว 2.เมื่อรู้ผลเร็วทีมช่วยเหลือก็จะสามารถแยกกลุ่มผู้ป่วยตามสี “เขียว-เหลือง-แดง” ได้ และนำเข้าสู่กระบวนการดูแลรักษา 3.แพทย์สามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสม หากป่วยน้อยแพทย์ก็จะได้กำหนดแนวทางดูแล หรือหากป่วยหนักก็นำเข้าสถานพยาบาลอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความปลอดภัยจากโรคด้วยเร็วที่สุด
“ประการสำคัญที่สุด” ตอนนี้สิ่งที่ต้องการฝากให้ทุกคนปฏิบัติ คือ “ระวังการติดเชื้อจากคนใกล้ตัว” เพราะฉนั้นต้อง 1.จำกัดพื้นที่อยู่อาศัยระหว่างคนป่วยกับคนปกติ 2.ศึกษาข้อมูลการเข้ารับความช่วยเหลือเผื่อไว้ เพราะโควิดมีทั้งปรากฏอาการและไม่มีอาการ 3.ควรรับข้อมูลที่ถูกต้องทางตรงจากกลุ่มมืออาชีพหรือเป็นวิชาชีพอย่างแท้จริง เพื่อดูแลตัวเองได้อย่างปลอดภัย
ขณะเดียวกัน “การรับมือกับผู้ป่วย” กรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ทางทีมงานโครงการช่วยด้วย อยากจะขอความร่วมมือให้ 1.แยกปัญหาซึ่งเป็นความกังวลออกเป็น 2 ส่วน กังวลเรื่องเจ็บป่วยกับกังวลเรื่องอื่น ๆ ทางทีมงานช่วยด้วย สามารถดูแลได้ดังนี้
ส่วนที่ 1 “ความวิตกกังวลเรื่องเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด” แนะนำให้ติดต่อไปยังแต่ละโครงการที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ
และทางผู้ป่วยสะดวก ขอความช่วยเหลือโดยตรงจากผู้เชี่ยวชาญหรือมีความชำนาญ
ตอนนี้มีจิตอาสาหลายแห่งเกิดขึ้นมาเพื่อช่วยสังคม
ส่วนที่ 2 โครงการ “ช่วยด้วย” สามารถ “ช่วยได้” คือมีทีมนักจิตบำบัด หรือแพทย์จิตบำบัดอยู่ในโครงการ ก็สามารถเข้ามาขอความช่วยเหลือได้เลย
ปัจจุบันทางเพจเฟสบุ๊ค “DoctorAtoZ” จัดทำ Facebook Live ทุกวัน เวลา 20.00-21.00 น.โดยมีคุณหมอแต่ละสาขา มาให้ความรู้ผู้ป่วยเรื่องการปฎิบัติตัว และ “ช่องทางความช่วยเหลือ” โดยเฉพาะการเข้า Line@ช่วยด้วย สามารถสอบถามและขอความช่วยเหลือฟรีจากคุณหมอแต่ละคนได้โดยตรง โครงการนี้ได้รับเงินสนับสนุนมาจาก “Invent Intouch” ซึ่งเป็นนักลงทุนในด็อกเตอร์เอทูแซด
“กรรณิการ์” กล่าวว่า โครงการ “ช่วยด้วย” เฟส 2 เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 เพื่อขยายจำนวนเพิ่มขึ้น จึงต้องคิดแคมเปญเพื่อเชิญชวน “ร่วมบริจาคเวชภัณฑ์กับอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยโควิด-19” อุปกรณ์หลักประกอบด้วย 1.เครื่องตรวจวัดออกซิเจนปลายนิ้ว กับปรอทวัดไข้ ซึ่งทางโครงการ “ช่วยด้วย” ได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิตเสื้อยืดห่านคู่นำเสื้อมามอบให้ผู้บริจาคเงินเข้าโครงการช่วยด้วยผ่านแพลตฟอร์มที่กล่าวมาเพื่อนำไปซื้อเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ในเฟส 2 โดยทุกการบริจาค 999 บาท/ครั้ง จะได้รับเสื้อยืดตราห่านคู่ 1 ตัว
โดยได้เปิด “ตลาดกลาง” หรือ Market Place ออนไลน์ เพื่อนำเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ เปิดให้ผู้สนใจบริจาค เลือกซื้อแล้วมอบให้ทางโครงการ “ช่วยด้วย” นำไปมอบกับผู้ป่วยตามที่แพทย์วินิจฉัยแล้ว
“ผู้ที่สนใจบริจาค” สามารถทำผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่
1 บริจาคเงินผ่านแพลตฟอร์มเทใจ “taejai หรือ www.taejai.com ของมูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
2.เข้าเว็บไซต์มาร์เก็ตเพลส www.mkp.doctoratoz.co/product-detail สามารถเลือกแคมเปญ “ช่วยด้วย” ได้ มีทั้ง เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ปรอทวัดไข้ และเวชภัณฑ์ เมื่อผู้บริจาคเลือกผลิตภัณฑ์พร้อมโอนเงินเรียบร้อยแล้ว ทางทีมด็อกเตอร์เอทูแซดก็จะจัดส่งอุปกรณ์และเวชภัณฑ์กระจายไปยังผู้ป่วยที่ลงทะเบียนในโครงการช่วยด้วยต่อไป
“กรรณิการ์” กล่าวว่า ความต้องการเงินทุน เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดเฟส 2 อีกประมาณกว่า 1 ล้านบาท โดยมีเวชภัณฑ์บางส่วนเหลือจากเฟส 1 มาใช้ต่อได้ แต่ยังขาดเครื่องมือคือ ออกซิเจนปลายนิ้ว กับปรอทวัดไข้ โดยมีหลักเกณฑ์การคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ด้วยการอาศัยที่ “ด็อกเตอร์เอทูแซด” ก่อตั้งจนกระทั่งมีเครือข่ายแพทย์มีประสบการณ์มายาวนานนับ 20 ปี เครือข่ายบริษัทเอกชนกลุ่มผู้ผลิตยา เวชภัณฑ์ต่าง ๆ อย่างเครื่องมือแพทย์ ก็ช่วยกันเข้ามาดูแล เฟส 1 ทุกคนช่วยแล้วทั้งหมด พอเฟส 2 เปิดเพิ่มเพื่อรับบริจาคอีกช่องทาง
ทั้งนี้ โครงการ “ช่วยด้วย เฟส 1” ทำเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว สามารถช่วยผู้ป่วยโควิดที่รักษาตัวอยู่บ้าน จำนวน 1,000 ราย ขณะนี้กำลังเตรียมเปิดให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด
สำหรับที่มาที่ “ด็อกเตอร์เอทูแซด” นำทีมสร้างโครงการ “ช่วยด้วยไ นั้นมีวัตถุประสงค์หลักคือ ต้องการเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยทั้งสองสีนี้สามารถรักษาตัวอยู่บ้านหรือ Home Isolate อย่างปลอดภัย ด้วยการดูแลตัวเอง หลังจากพบเห็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบ่งเป็น 3 โทนสี “สีเขียว-สีเหลือง-สีแดง” โดยมี 2 สี “เขียวกับเหลือง” ไม่ได้รับพื้นที่ในการให้เข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล
จากประสบการณ์ที่ทางกลุ่ม “ด็อกเตอร์เอทูแซด” มีโอกาสทำงานหลังบ้านเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ ที่ใช้ทำรายงานหรือ Dashboardสายด่วน 1422 เห็นข้อมูลของคนไข้เข้ามาปรากฎอยู่ในข้อมูลมีผู้ป่วยยังตกค้างอยู่ประมาณ 8,000 ราย จึงอยากทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อช่วยเหลือคน โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่มี “เด็กอายุ 7-8 ขวบ” ทางคุณแม่เองก็โพสต์ผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อขอเตียงแต่จนถึงตี 1 ตี 2 ก็ยังหาไม่ได้
ด้วยเหตุผลดังกล่าวซึ่งเป็นที่มาและวัตถุประสงค์จึงทำให้กลุ่ม “ด็อกเตอร์เอทูแซด” ลุกขึ้นมาเปิดพื้นที่ “ช่วยคนไข้ที่ไม่มีพื้นที่และไม่สามารถเข้าถึงสถานพยาบาลเพื่อการรักษาได้” ทางกลุ่มพอที่จะช่วยเหลือเรื่องใดได้ก็จะทำทันที
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์” สนับสนุนช้อปผ้าภูมิปัญญาไทย3ภาค5แบรนด์มาแรง
“คิง เพาเวอร์” ได้คัดสรร “แฟชั่นผ้าไทย” มานำเสนอถึงความมหัศจรรย์ของ “ผ้า” แบรนด์โดดเด่นมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะจากแต่ละภาคของไทย ที่ได้ยกระดับดีไซน์สู่สากล เลือกช้อปเป็นของฝากของขวัญให้แม่ได้ที่ออนไลน์ www.kingpower.com และคิง เพาเวอร์ แอพลิเคชั่น เป็นผ้าจาก 3 ภาค 5 แบรนด์ยอดนิยม เลือกได้ดังนี้
“ภาคอีสาน” ตื่นตลึงกับผ้าไทยทอมือ 2 แบรนด์ คือ แบรนด์แรก “Hattra : หัตตรา” ผ้าทอมือแฟชั่นเสื้อผ้า ผ้าคลุมไหล่ มาจากชุมชนเล็ก ๆ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี หัตถกรรมชุมชนดีไซน์สากล การันตีด้วยมาตรฐาน Green Product และ OTOP ระดับ 5 ดาว สืบทอดภูมิปัญญาทอผ้าด้วยเทคนิคชั้นสูงมากว่า 200 ปี ทั้งการย้อมจากเปลือกไม้เลือกโทนสีพาสเทล
แบรนด์ที่สองของกลุ่ม “ฝ้ายดอกเปลือย” ทอมือย้อมครามสีธรรมชาติ โดย “ชุมชนบ้านสงเปลือย” จังหวัดสกลนคร รวมตัวก่อตั้งวิสาหกิจชุมชน สืบสานภูมิปัญญาโบราณจากบรรพบุรุษ นำมาต่อยอดสินค้าที่ด้วยลวดลายพื้นเมืองที่ผสานสีธรรมชาติหลากสีไว้ด้วยกัน มีทั้งเสื้อผ้า ผ้าคลุมไหล่ และผ้าพันคอ คลิก
ภาคกลาง เซอร์ไพรส์เสน่ห์ผ้าไทยหัวใจรักษ์โลก
แบรนด์ “Mud More Value : มัดมอวาลู” ผ้ามัดย้อมมูลวัวนม
อันเกิดจากการนำเอกลักษณ์ “ฟาร์มโคนมออร์แกนิก” จังหวัดสระบุรี ทดลองนำของเสียจากมูลของวัวมาแปรรูปให้เกิดมูลค่าผ้าคุณภาพสูงโดนใจต่างประเทศทั้ง
เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง และไต้หวัน และคนไทย
ภาคเหนือ อะเมซิ่งผ้าไทยทอและปักมือ 2 แบรนด์ แบรนด์แรก “Ninechaidee : นายใจดี” ผ้าไทยภาคเหนือ เป็นงานคราฟต์วิถีไทย ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติจาก “ชุมชนออนใต้” อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ นำผ้าฝ้ายปักมือเล่าเรื่องราวความสวยงามของธรรมชาติ ทั้งดอกไม้ ภูเขา ต้นไม้ ปลา ลำธาร อักษรไทย และอักษรล้านนา สร้างอาชีพให้ชาวบ้านในชุมชนได้เป็นอย่างดี
แบรนด์ที่สอง “NITHEE : นิธี” ของบ้านสันกอง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย งานภูมิปัญญาชุมชนถ่ายทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายด้วยหัตถกรรมผ้าปักลายชาวไทยภูเขา ทำไว้ใช้งาน นุ่งห่ม
ข่าวที่ 2 “ไทยเทสต์ฮับมหานครคิวบ์”เสิร์ฟโปรวันจันทร์ราคาเดียว99บาท/เมนู
ไทย เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์ : Thai Taste Hub Mahanakhon CUBE ของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ศูนย์รวมสตรีทฟูดระดับตำนานใจกลางย่านสาทร จัดโปรโมชั่น “One Price Monday” อิ่มคุ้มทุกวันจันทร์ราคาเดียว 99 บาท/เมนู จากร้านระดับตำนานและมิชลินแนะนำ พร้อมเสิร์ฟเมนูเด็ดตลอดเดือนสิงหาคมถึงวันจันทร์ที่ 27 กันยายน 2564 ผ่านบริการสั่งแล้วมารับด้วยตัวเองหรือ Self Pick-up โดยการสั่งเมนูไว้ล่วงหน้าผ่านไลน์ @MahanakhonCUBE เวลา 10:00-18:00 น.
พบความอร่อยสารพัดจานเด็ด 99 บาท/เมนู สั่งได้เลย 1.ผัดไทยไฟทะลุพร้อมไข่เป็นดาวไล่ทุ่ง จากร้านผัดไทยไฟทะลุ (ปกติ 130 บาท) 2.ยำมาม่าหมูสับไข่ดาว จากร้านเผ็ด เผ็ด เฮ่! (ปกติ 160 บาท) 3.มาม่าหมูสับไข่ดาว จากร้านเผ็ด เผ็ด เฮ่! (ปกติ 160 บาท) 4.สุกี้ทะเล จากร้านสุกี้เมาเวอริค (ปกติ 120 บาท) 5.ข้าวหมูอบพร้อมเกี๊ยวน้ำหมูย่าง จากร้านบุญเลิศ (ปกติ 110 บาท)
6.ชุดเกาเหลาเลือดหมูพร้อมข้าวสวย จากร้านก๋วยจั๋บนายเอ็ก ปกติ 105 บาท) 7.ปาท่องโก๋ 1 ชุด พร้อมเครื่องดื่ม 2 แก้ว จากร้านชุมพลปาท่องโก๋ (ปกติ 125 บาท) 9.ข้าวเหนียวมะม่วงพร้อมขมนวุ้นใบเตยกระทิ จากร้านป้าหงษ์ขนมไทย (ปกติ 140 บาท)
พบกับ “เมนูความอร่อยใหม่” เพิ่มพิเศษ ได้แก่ 1.เมนูผัดไทยไฟทะลุกับไก่ย่าง จากร้านผัดไทยไฟทะลุ นำเส้นผัดไทยเหนียมนุ่มซอสซึมเข้าเส้นเสิร์ฟพร้อมไก่ย่างชิ้นโต ราคา 190 บาท 2.แซ่บซี๊ดสไตล์อีสานจากร้านเผ็ด เผ็ด เฮ่! กับลาบเป็ดนครพนม 220 บาท 3.ยำแหนมข้าวทอด 185 บาท 4.ต้มกระดูกเป็ดมะนาวดอง 140 บาท
รวมทั้งเมนูสตรีทฟูดระดับตำนานอีกหลากหลายร้าน พร้อมเสิร์ฟความอร่อยถึงบ้านผ่าน 3 แพลตฟอร์มฟูดเดลิเวอรีดัง คือ 1.โรบินฮู้ด (Robinhood) 2.ไลน์แมน (Lineman) 3.แกร๊ปฟูด (Grab Food) และบริการสั่งแล้วมารับด้วยตัวเอง ได้ทุกวันบริเวณ ชั้น 1 มหานคร คิวบ์ 10:00-18:00 น.
ข่าวที่ 3 ททท.ลุ้นนำเข้าตลาดรัสเซีย+69ชาติฉีดสปุ๊กนิกวีเที่ยวไทยเริ่มต.ค.64
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เตรียมหารือกับเอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำประเทศไทย หลังจากคณะกรรมการด้านวิชาการ ตามพ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มีมติให้เปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ได้รับวัคซีนสปุตนิก วี (Sputnik V) ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วสามารถเข้าไทยได้ ซึ่งตอนนี้ทั่วโลกยี่ห้อดังกล่าวแล้ว 69 ประเทศ จากสถิติปีนี้ 2564 นักท่องเที่ยวรัสเซียพร้อมเดินทางเข้าไทย 5-7 แสนคน ลดลงครึ่งหนึ่งจากสถานการณ์ปกติปี 2562 รัสเชียมาไทย 1.4 ล้านคน
ขณะเดียวกัน ททท. เตรียมเชิญทูตทั่วโลกประจำประเทศไทยเดินทางพร้อมครอบครัวไปเที่ยวภูเก็ต เพื่อชมธรรมชาติทะเลอันดามันและภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ก่อนไทยจะเริ่มเปิดประเทศภายใน120 วัน ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อีกทั้งยังเตรียมเสนอเปิดพื้นที่ใหม่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มอขึ้นบริเวณภาคตะวันออก 3 เกาะหลัก คือ เกาะช้าง เกาะกูด เกาะล้าน
ทางด้าน “นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร” รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. กล่าวว่า มีรายงานตอนนี้ชาวรัสเซียฉีดวัคซีนสปุตนิก วี ไปแล้ว 20 ล้านคน พื้นที่หลักเขตเมืองใหญ่ซึ่งเป็นตลาดหลักของไทยในเมือง มอสโก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก วลาดิวอสต็อก พร้อมจัดเที่ยวบินทั้งแบบปกติ และเช่าเหมาลำ ภายในตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
ข่าวที่ 4 “TCEB”รุกจัดไมซ์เดย์26ส.ค.นี้แจกTMVS-AMVS-ชูสัมมนาเทรนด์ใหม่
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า ทีเส็บเตรียมจัดงาน MICE Standards Day 2021 วันที่ 26 สิงหาคม 2564 เป็นครั้งแรกที่ใช้วิธีจัดเสมือนจริงผ่านสื่อออนไลน์ หรือVirtual Event คาดจะเชิญชวนผู้ประกอบการไมซ์เข้าร่วมงานได้กว่า 350 ราย เพื่อร่วมมือกันยกระดับ “มาตรฐานสถานที่จัดงานของไทย” ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล หรือ TMVS : Thailand MICE Venue Standard
ปีนี้จะเพิ่มเติมแนวปฏิบัติด้านสุขอนามัยสำหรับอุตสาหกรรมไมซ์ : MICE Venue Hygiene Guidelines ในกลุ่มสถานที่จัดงาน ผู้จัดงาน รวมถึงผู้ร่วมงาน ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกที่พัฒนายกระดับมาตรฐานสถานที่จัดงานอาเซียน ร่วมกันสร้างความมั่นใจในการจัดงานอย่างปลอดภัยครอบคลุมทั่วทุกภาคทั้งประเทศ ไมซ์ เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันได้ดียิ่งขึ้นไป
ปี 2565 ทีเส็บตั้งเป้าตรวจประเมินมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย
เพิ่มอีก 155 แห่ง และจะศึกษาความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มมาตรฐานการรับรองประเภทใหม่ ๆ
รวมไปถึงการร่างเกณฑ์มาตรฐานการจัดงานที่เป็นมิตรต่อมุสลิมเพื่อขยายขอบข่ายมาตรฐานรองรับการจัดงานมากขึ้น
ด้านมาตรฐานสถานที่จัดงานอาเซียน รวมทั้งจะเร่งผลักดันมาตรฐานประเภท “สถานที่จัดกิจกรรมพิเศษ”
ให้ระดับอาเซียนยอมรับ
เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ยุควิถีใหม่ต่อไป
นายจิรุตถ์กล่าวว่า การจัดงาน MICE Standards Day 2021 วันที่ 26 สิงหาคม นี้ ทีเส็บจัดทางออนไลน์ โดยได้รับเกียรติจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน พิธีมอบตราสัญลักษณ์มาตรฐานต่างๆ ปี 2564 มีสถานประกอบการที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน TMVS : THAILAND MICE Venue Standard และ AMVS : ASEN MICE Venue Standard ดังนี้
1.สถานประกอบการที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน TMVS : THAILAND MICE Venue Standard รวม 194 แห่ง แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1.1ประเภทห้องประชุม (Meeting Room) 169 แห่ง 472 ห้อง
1.2 ประเภทสถานที่จัดงานแสดงสินค้า (Exhibition
Venue) 10 แห่ง 16 ฮอลล์
1.3 ประเภทสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษ (Special Event Venue) 15 แห่ง
2.สถานประกอบการที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน AMVS : ASEN MICE Venue Standard อีก 28 แห่ง แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
2.1 ประเภทห้องประชุม (Meeting Room) 25 แห่ง
2.2 ประเภทสถานที่จัดงานแสดงสินค้า (Exhibition
Venue) 3 แห่ง
นายจิรุตถ์กล่าวว่า ในวันจัดงาน 26 สิงหาคม นี้ เชิญชวนเข้าร่วม “กิจกรรมสัมมาเชิงปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรมไมซ์” ที่ได้จัดเตรียมวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากอุตสาหกรรมไมซ์ และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการอาหารและความปลอดภัยอาหาร ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ 2 หัวข้อหลัก คือ
1.ขยะอาหารกับแนวทางจัดการอาหารส่วนเกินในธุรกิจไมซ์
เข้าร่วมชมได้ช่วงเวลา 13.00-14.30 น.
2.การจัดการสถานที่จัดงานไมซ์อย่างไรให้โดนใจลูกค้ามุสลิม”
เวลา 15.30-17.00 น.
สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมสัมมนาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่ลิ้งก์: https://bizconnect.tceb.or.th/e/304
ส่วนผู้สนใจเข้าร่วมชมพิธีเปิดงาน MICE Standards Day 2021 พิธีมอบตราสัญลักษณ์มาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย หรือ Thailand MICE Venue Standard (TMVS) และมาตรฐานสถานที่จัดงานอาเซียน หรือ ASEAN MICE Venue Standard (AMVS) ระหว่าง 09.00-11.00 น. สามารถเข้ารับชมงานผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ได้ที่: Facebook MICE Capabilities
รวมทั้งมี “กิจกรรมภายในงาน” อีกรายการคือ การมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ เพื่อเป็นเกียรติและแสดงความขอบคุณในฐานะหน่วยงานพันธมิตรหลักที่ร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ร่วมกันอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และเตรียมมอบให้แก่ สมาคมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ 4 สมาคม และ 1 หน่วยงาน ได้แก่ สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน (EMA) สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) (TEA) สมาคมโรงแรมไทย (THA) สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) (TICA) และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน
ช่วงที่ 2 การท่องเที่ยวตอนนี้ถึงแม้จะยังเดินทางแบบปกติไม่ได้
ทว่าก็สามารถพ็อตจุดรอไว้ได้ ทริปนี้แนะนำ สถานที่ฟิน ชิล เหนือสุดที่ “เชียงราย”
รอให้ไปเช็คอินวิถีใหม่ในอ้อมกอดธรรมชาติ 6 จุด ไร่ชา คาเฟ่
ชุมชนชาวเขา วัดสวย ๆ บนดอย แล้วมาฟังเภสัชกรมหาวิทยาลัยมหิดล แนะ “กินสมุนไพรบรรเทาอาการไอ”
ช่วยได้มากทีเดียว เสิร์ฟข่าวร้อนท้ายชั่วโมง “ม.ธุรกิจบัณฑิตย์” เปิดผลวิจัย
“ลูกเรือ” 20 แอร์ไลน์ต้องกลับมาทำงานท่ามกลางโควิดจะเครียดขนาดไหน
และ “กลุ่มดุสิตธานี” ยกเครื่องนำไฮเทคช่องทางขายออนไลน์ รับมือวิกฤตโควิด-19
วางแผนเที่ยวตามคำแนะนำของ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย”
เตรียมขับรถขึ้นเหนือสุดในสยาม
“เชียงราย” เช็คอินไร่ชา หมู่บ้านชาวเขา
คาเฟ่วิวสวย เข้าวัดบนดอย สโลไลฟ์ ฟิน ชีล สบาย ๆ ตามแบบวิถีใหม่ 6 จุด
เช็คอินจุดที่ 1 "ไร่ชาฉุยฟง" นั่งจิบชาสไตล์ญี่ปุ่น ในอาคารเก๋ ๆ ท่ามกลางเนินเขาสีเขียว ปลูกแบบขั้นบันได สุดลูกหูลูกตา
เช็คอินจุดที่ 2 เยี่ยมชม "หมู่บ้านหล่อโย" หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ของชาวอาข่าที่ยังอนุรักษ์วความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น การล่าสัตว์ ทอผ้า ตีเหล็ก ตำข้าวเหนียว โล้ชิงช้า การแสดงกระทุ้งกระบอกไม้ไผ่
เช็คอินจุดที่ 3 เพิ่มประสบการณ์ดี ๆ ที่ "อนุสรณ์ชาวไทยเชื้อสายจีน" โดยอนุสรณ์สถานอยู่ที่อาคารหลักตรงกลาง สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์สมัยทหารจีนมาช่วยราชการไทยต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ ภายในอาคารมีสถาปัตยกรรมจีน พร้อมข้อมูลประวัติความเป็นมาของชุมชนแม่สลอง ประวัติคณะทหารจีนคณะชาติ
เช็คอินจุดที่ 4 "ไร่ชาวังพุดตาล" นั่งชีลดื่มกาแฟนที่คาเฟ่วิวหลักล้านของดอยแม่สลอง ทั่วไร่มีมุมถ่ายรูปมากทั้งไร่ชาทั้งขุนเขา และสามารถกางเตนท์นอนนับดาวในเต้นท์ได้
เช็คอินจุดที่ 5 "วัดสันติคีรี" ขึ้นเขาไปสักการพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่บนยอดดอยสูงสุดแม่สลอง สร้างขึ้นถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า จุดนี้วิวพระอาทิตย์ตกดินสวยงามมาก มองเห็นบ้านเรือน เจดีย์ และวิหารดีไซน์ล้านนาประยุกต์แปลกตาไปอีกแบบ
เช็คอินจุดที่ 6 "วังพุดตาลบูทิคเฮ้าส์" เป็นที่พักสไตล์จีน สามารถตื่นเช้ามาชมวิวทะเลหมอก ดินเนอร์ฟินกับเซตสุกี้ยูนนานชาบูหม้อไฟมังกรซุปใสกับซุปหมาล่า ยามค่ำคืนก็นอนนับดาวสุกสว่างบนท้องฟ้าได้ด้วย
ททท.แนะนำให้ลองเข้าไปส่องดูข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว ที่พัก และเส้นทางเที่ยวเชียงรายได้ทางเว็บไซต์ "เที่ยวไทยอะเมสซิ่งยิ่งกว่าเดิม" หากเห็นโปรโมชั่นโดนใจก็จองซื้อไว้ก่อนแล้วเดินทางทีหลัง เมื่อโควิดจางหายไป...แล้วเดินทางมายังจุดนัดพบได้ที่เชียงราย
เภสัชแนะกิน“สมุนไพรแก้ไอ” 2กลุ่มช่วยบรรเทาการระคายเคืองได้ดี
ผศ.ดร.วีณา นุกูลการ อ.ดร.ปองทิพย์ สิทธิสาร ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหิดล แนะนำการใช้สมุนไพรแก้ไอเพื่อสุขภาพ
เนื่องจาก
“การไอ” เป็นกลไกหนึ่งของร่างกายในการกำจัดสารคัดหลั่ง สิ่งระคายเคือง
หรือจุลชีพออกจากระบบทางเดินหายใจ และช่วยบ่งบอกถึงโรคและพยาธิสภาพได้หลายอย่าง
เช่น โรคหอบหืด หลอดลมอักเสบเรื้อรัง กรดไหลย้อน วัณโรค เป็นต้น รวมทั้งการไอยังส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและสุขภาพจิต
บางครั้งการไอมาก ๆ อาจทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ หรือเหนื่อยหอบได้
มียาที่ผลิตจากสมุนไพรบรรเทาอาการไอขนานดั้งเดิมมาตั้งแต่โบราณ
เช่น ยาแก้ไอน้ำดำ ซึ่ง ใช้บรรเทาอาการไอแห้ง
หรือการไอแบบมีเสมหะใสในผู้ใหญ่ที่ไอบ่อยครั้ง ก่อนใช้ยาต้องเขย่าขวดก่อนใช้
รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนชา
1.สมุนไพรบรรเทาอาการไอ แบ่งเป็น 2 กลุ่มย่อยคือ
1.1สมุนไพรเคลือบเยื่อบุทางเดินหายใจ
ลดอาการระคายเคือง เช่น น้ำผึ้ง มะนาว มะขามป้อม
1.2 สมุนไพรที่กดศูนย์ไอในสมอง
เช่น ฝิ่น
2.สมุนไพรขับเสมหะ
2.1 สมุนไพรที่มีน้ำมันหอมระเหย
เช่น เหง้าขิง ผลดีปลี ดอกกานพลู ผลพริกไทย ต้นกะเพรา
2.2 สมุนไพรที่มีกรดอินทรีย์ซึ่งมีรสเปรี้ยว
ได้แก่ เนื้อฝักมะขามแก่ น้ำมะนาว ผลมะขามป้อม ผลบ๊วย ผลมะนาวดอง
2.3 สมุนไพรอื่นๆ
ที่แสดงฤทธิ์ในการบรรเทาอาการไอได้ดี และมีกลไกการออกฤทธิ์อื่นๆ ได้แก่
ผลมะแว้งเครือ ผลมะแว้งต้น ใบเสนียด เมล็ดเพกา
“สาธารณสุขมูลฐาน” ได้กำหนดรายการสมุนไพรแก้ไอขับเสมหะไว้ดังนี้ สมุนไพรและตำรับยาสมุนไพรดังที่กล่าวมาข้างต้น ออกฤทธิ์เพียงบรรเทาอาการไอ มิได้มีผลในการรักษาสาเหตุของการไอ
ดังนั้นการกำจัดที่สาเหตุของ “อาการไอ” โดยการรักษาโรคหรือพยาธิสภาพ หรือปรับพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดการไอ จึงเป็นแนวทางในการรักษาอาการไอที่ดีที่สุด
ม.ธุรกิจเผยผลวิจัยลูกเรือ20แอร์ไลน์มาทำงานช่วงโควิด“เครียดหรือไม่?”
อาจารย์สถาวร เลิศสุวรรณกุล รองคณบดีฝ่ายวิชาการ วิทยาลัยการพัฒนาและฝึกอบรมด้านการบิน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตได้จัดทำงานวิจัยเรื่อง “ทัศนคติของลูกเรือต่อการทำงานในช่วงที่มีโรคระบาด” จากกลุ่มพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน มีความกังวลและความเครียดรูปแบบต่าง ๆ จากสถานการณ์ความไม่แน่นอน
กระทั่งช่วงกลางปี 2564 หลังรัฐบาลกระจายฉีดวัคซีนให้ประชาชนกว้างขึ้น บวกกับมีระบบมาตรการป้องกันที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สายการบินต่าง เริ่มมั่นใจทยอยกลับมาให้บริการ พร้อมกับเรียกตัวพนักงานให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง
“พนักงานต้อนรับบนเครื่อง” หลายสายการบิน ระบุถึงความรู้สึก “พนักงานบางกลุ่ม” เครียดตอนทำงาน โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับผู้โดยสารที่ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของสายการบิน ส่วน “พนักงานอีกส่วน” ไม่เครียดเท่าใด เนื่องจากเข้าใจถึงธรรมชาติของงานว่าต้องพบเจออะไรบ้าง
เพราะความจริงแล้ว “งานบริการบนเครื่องบิน” นั้น พนักงานอาจจะต้องเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ มากมายนอกเหนือจากโควิด-19 เช่น เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ และโรคต่าง ๆ บางครั้งอันตรายอาจเกิดขึ้นได้จากผลของ Flight Turbulence (การตกหลุมอากาศ) ที่อาจทำให้เกิดแผล การฟกช้ำ ศีรษะกระทบกระเทือนจากการกระแทก หรือแม้กระทั่งอาการ Shift Work Disorder (SWD) หรือความผิดปกติเรื่องการนอนจากการทำงานเป็นกะ ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้
งานวิจัยสรุปได้ว่า “ลูกเรือ” เข้าใจถึงธรรมชาติของงานเป็นอย่างดี และพร้อมเผชิญความท้าทายต่าง ๆ นั่นเอง โดยสิ่งที่ทำได้ และต้องทำ คือป้องกันตนเองให้ดีที่สุด ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับ ขั้นตอนของสายการบิน และองค์กรด้านการบินอย่างเคร่งครัด โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสาร ของตนเอง ควบคู่กับการบริการที่ดีเลิศไปพร้อม ๆ กัน
รวมทั้งมีปัจจัยน่าสนใจอีกปัจจัยที่งานวิจัยเรื่อง
Flight Attendants' Attitudes Against The Pandemic Outbreaks:
Investigate On How Pandemics Affect On The Job Stress and Job Performance ของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์พบคือ “ความเครียด” เกิดจากแรงกดดันของญาติ
(พ่อ แม่ พี่ น้อง) ของพนักงานต้อนรับบนเครื่อง
ส่วนใหญ่จะเป็นห่วงความปลอดภัยของลูก หลาน พี่น้อง
เนื่องจากไม่ได้รับข้อมูลด้านมาตรการความปลอดภัยต่าง ๆ ที่สายการบินกำหนดอย่างเพียงพอ
ส่งผลให้เกิดแรงกดดันกับพนักงานเมื่อต้องไปทำงานนั่นเอง
ภาพรวมช่วงนี้จะดีขึ้นเนื่องจากใช้การสื่อสารเข้าถึงทุกกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ
และนโยบายการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรในกลุ่มเสี่ยง
ทำให้ความเครียดที่เกิดจากความกังวลในการทำงานลดลง
“สมาคมพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน” (The Association of Flight Attendants: AFA) มีลูกเรือเป็นสมาชิกกว่า 50,000 คน จากกว่า 20 สายการบิน ระบุว่าทางสมาคมหวังว่าสายการบินจะเข้มงวดเรื่องการบังคับใช้กฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อเป็นการป้องกันสวัสดิภาพของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ทางสมาคมได้ออกข้อเรียกร้องให้สายการบินต่าง ๆ หลายอย่าง เช่น การขอให้เลิกบริการผ้าร้อน มีการขอให้ใช้แก้วน้ำแบบใช้แล้วทิ้งแทน
ส่วน
“สายการบิน” เองก็มีมาตรการต่าง ๆ ออกมามากมาย เช่น
ให้พนักงานใส่ชุดและอุปกรณ์ป้องกัน การให้ผู้โดยสารใส่หน้ากากตลอดการเดินทาง
อย่างสายการบินฝั่งอเมริกา
และอีกหลายสายการบินได้ยกเลิกการบริการอาหารและเครื่องดื่มขณะเดินทาง
ล่าสุดองค์กรสมาคมการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO :International Civil Airtransport Organization ) และสมาคมขนส่งทางอากาศ (IATA :International Air Transport Association) ก็ได้หาแนวทางการเดินทางทางอากาศที่ปลอดภัยมากยิ่งขี้น เช่น การใช้ IATA Travel Pass หรือ Vaccine Passport
สรุปแล้วการต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่จำกัดบนเครื่องบิน และด้วยธรรมชาติของงาน “ความเครียด” จากการทำงานนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ด้วยมาตรการทั้งขององค์กรด้านการบิน ภาครัฐ สายการบิน ทีมงานที่ดี หรือแม้กระทั่งการปฏิบัติตัวของตัวพนักงานเอง ล้วนมีส่วนช่วยให้บรรเทาความเครียดลงได้
ข่าวที่สอง “กลุ่มดุสิตธานี”ปรับใหญ่ไฮเทค-ขายออนไลน์รับมือวิกฤตยาวโควิด-19
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานีพร้อมเดินหน้าปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี
(Technology Transformation) ตามแผนระยะยาว
หวังตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในอนาคตที่มีพฤติกรรมที่หลากหลาย ซับซ้อน
และเจาะจงมากขึ้น
โดยได้ทำโครงการ Technology Transformation ประกอบด้วย การปรับปรุงระบบ ERP, CRM และ DATA Platform ใหม่ ย้ายระบบทั้งหมดไปอยู่บนระบบคลาวด์แพลตฟอร์มของบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำไม่ว่าจะเป็น SAP, MICROSOFT และ CENDYNE โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาระบบงานทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถเก็บรักษาและเชื่อมต่อข้อมูลของทุกหน่วยงานเข้าไว้ด้วยกันเสมือนอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน และยังเป็นการทำงานแบบเรียลไทม์อีกด้วย
เพื่อให้ดึง Big Data ของข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์และวางแผนงานได้รวดเร็วมากขึ้น รวมถึงเป็นระบบที่มีความยืดหยุ่น รองรับการขยายกิจการเพิ่มเติมในอนาคต ล่าสุดยังได้วางระบบ ERP เชื่อมต่อข้อมูล 24 บริษัทย่อย ครอบคลุม 5 ธุรกิจหลัก ทั่วโลกใน 17 ประเทศ ที่ดุสิตธานีดำเนินงานเฟสแรกเรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด เมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นมา กลุ่มดุสิตธานี ยังได้เปิดแพลตฟอร์มเพิ่มช่องทางการขายบน ร้านค้าออนไลน์ บน LINE MyShop และ LazMall เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นเครือดุสิตธานีทั่วประเทศ ทั้งห้องพักโรงแรมและรีสอร์ท ร้านอาหาร ฟิตเนส ตั้งเป้าสร้างแหล่งรายได้ใหม่ภายในประเทศ ช่วงที่การเดินทางระหว่างประเทศยังไม่กลับสู่ปกติ
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น