ททท.เปิดTATAP2022แผนแม่บทท่องเที่ยวปี’65งัด5สูง3ไอฟื้นเศรษฐกิจตั้งเป้าปั๊มรายได้เข้าไทย1.5-2ล้านล้าน
ผู้นำ ททท.เปิดTATAP2022แผนแม่บทท่องเที่ยวปี’65งัด5สูง3ไอฟื้นศก.
ตั้งเป้าท้าทาย3กรณีหาช่องปั๊มรายได้เข้าไทย1.5-2ล้านล้านปลุกพลังธุรกิจ
ห้ามพลาด!!ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์วันที่8เดือน8ลดยาว10วันสูงสุด40%
คิงเพาเวอร์จัดชุดใหญ่โปรโมชั่น3แคมเปญดีลดีลดแจกแถมตลอดส.ค.64
คิงเพาเวอร์ในกรุง3แห่ง“รางน้ำ/มหานคร/ศรีวารี”ชูช้อปออนไลน์3ช่องทาง
ททท.จ่อชงศบค.ก่อน15ส.ค.นี้เคาะสูตรต่อยอดเปิด7+7“กระบี่/พังงา/สมุย”
ททท.เกาะติดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ส.ค.มี“408เที่ยวบิน-ยอดที่พัก3.39แสนคืน
TCEBภาคใต้กอดคอรัฐ/เอกชนกับคนภูเก็ตชู6แนวทำยุทธศาสตร์5ปี’66-70
รอออกเที่ยวคิดถึง“ภูทับเบิก”สวรรค์บนดินถิ่นดูดาวบนดอยสูงเพชรบูรณ์
วัคซีนเข็ม2ป้องกันโควิดต้องเตรียมตัวให้พร้อมเะอความสบายใจด้านสุขภาพ
นกแอร์”โล่ง2เรื่อง “ได้4ผู้บริหารแผนฟื้นฟู-CAATให้บินอู่ตะเภาสู่5จังหวัด”
โรงแรมแมริออทมาร์คีย์จัดโปรห้องพักส.ค.นี้รับฟรีเครดิตแทนเงินสด5พัน
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม 2564 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #Kingpower #TAT
#PhuketSandbox #TATAP2022
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้
ช่วงที่ 1 ผ่าแผนแม่บทท่องเที่ยวปี’65 กับ “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) TATAP 2022 เปิดสวิตซ์ความหวังรายได้ 2.2 ล้านล้าน เปลี่ยนเกมตลาดครั้งใหญ่ด้วย “5สูง 3ไอ” 1.นักท่องเที่ยวคุณภาพสูง : high Quality 2.สินค้าที่มีมูลค่าสูง :high Value 3.บริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวอิมแพคสูง: high impack 4.เพิ่มสมรรถนะของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในห่วงโซ่การท่องเที่ยว : high skill 5. ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีนำมาเพิ่มประสิทธิภาพส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงรุก : hightec บวกดิจิทัล “อินดัสตรี-อินเวสเมนท์-อินโนเวชั่น” แนะนำ “ชุมชนเจ้าของโปรดักต์ท่องเที่ยว” ปรับตัวใหม่ 2 เรื่อง “ใช้นวัตกรรมคัดสินค้ากับลูกค้าเป้าหมายให้ตรงและติดอาวุธวิธีบริหารความยั่งยืน” ขณะที่ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ความสำเร็จฉลุย 2 มิติด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ทุกปี ททท.ต้องวางแผนแม่บททิศทางการทำตลาดท่องเที่ยวปีต่อไป ขณะนี้ต้องทำแผนแม่บทการตลาดประจำปีงบประมาณ 2565 TATAP : Tourism Autority of Thailand Action Plan 2022 เพื่อเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 -30 กันยายน 2565 เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรับทราบทั่วกัน ปีนี้ทำในรูปแบบประชุมออนไลน์เนื่องจากมีสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
ททท.ได้กำหนดเป้าหมายทิศทางเชิงยุทธศาสตร์เพื่อนำท่องเที่ยวกลับมาเป็นกลไกหลักฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการ “สร้างรายได้” โดยจะ “ต้องลุกให้เร็ว ก้าวให้ไว เข้มแข็งพอจะยืนหยัดได้” ตอบโจทย์รัฐบาลในการวางรากฐาน “สร้างมูลค่าสูง : High Value” กับ “การสร้างความยั่งยืน :Sustainable” สอดคล้องตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับใหม่ที่กำลังทำกันอยู่ ถือเป็นบทบาทใหม่ที่สำคัญ
ททท.ตั้งเป้าหมาย ท่องเที่ยวไว้ใน TATAP 2022 ประจำปี 2565 ส่วนที่ 1 “เป้าหมายรายได้” ประมาณ 2 ล้านล้านบาท แบ่งตามสถานการณ์ออกเป็น 3 กรณี ประกอบด้วย
กรณที่ 1 สถานการณ์ดี จะมี“จำนวนนักท่องเที่ยว จากต่างประเทศ 18 ล้านคน ตลาดในประเทศ 160 ล้านคน-ครั้ง “สร้างรายได้รวม” 1.938 ล้านล้านบาท
กรณีที่ 2 สถานการณ์ฐานปกติ จะมี“จำนวนนักท่องเที่ยว จากต่างประเทศ 13 ล้านคน ตลาดในประเทศ 140 ล้านคน-ครั้ง “สร้างรายได้รวม” 1.589 ล้านล้านบาท
กรณีที่ 3 สถานการณ์แย่สุด จะมี “จำนวนนักท่องเที่ยว จากต่างประเทศ 10 ล้านคน ตลาดในประเทศ 122 ล้านคน-ครั้ง “สร้างรายได้รวม” 1.306 ล้านล้านบาท
อันเป็นผลมาจากแรงกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเดิมเคยตั้งไว้ปีละ 3 ล้านล้านบาท นั้น ต้องปรับลดตามสถานการณ์จริง
ส่วนที่ 2 “ทิศทางการท่องเที่ยวของประเทศ” อยากจะเห็นการฟื้นตัวรูปแบบใหม่เพราะสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 สอนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลายเรื่อง จึงต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง อันดับที่ 1 การนำดิจิทัลเข้ามาใช้เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน อันดับ 2 การเปลี่ยนแปลงภายใน ททท.พัฒนาให้องค์กรมีความยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น เพื่อต่อบริบทของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ส่วนที่
3 “รูปแบบใหม่ตามแผนแม่บทท่องเที่ยว”
ปี 2565
ซึ่งจะตอบโจทย์การพัฒนาท่องท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ททท.พุ่งเป้าเปลี่ยนแปลงทำ 2 ภารกิจไฮไลต์
ประกอบด้วย
เปลี่ยนแปลงสู่ภารกิจที่
1 “5 สูง” ได้แก่
1.นักท่องเที่ยวคุณภาพสูง : high Quality
2.พัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าสูง :high Value
3.บริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ
ที่จะช่วยลดพิษการสร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ : high impack
4.การเพิ่มสมรรถนะของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในห่วงโซ่การท่องเที่ยว
: high skill
5. ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีนำมาเพิ่มประสิทธิภาพส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงรุก : hightec
เปลี่ยนแปลงสู่ภารกิจที่
2 “ดิจิทัล 3 I”
ซึ่งคิดว่ามีความสำคัญไม่แพ้ 5 สูง ได้แก่
1.Digital Industries สนับสนุนการนำดิจิทัลไปปรับใช้ในธุรกิจกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
2. Digital Investing ให้ความสำคัญกับการลงทุนพลิกโฉมสู่ยุคดิจิทัลของภาคธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ
3. Digital Innovation ร่วมพัฒนานวัตกรรมพื้นฐานของเทคโนโลยีดิจิทัล
ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ไม่ว่าจะเป็น AR, VR, BlockChain ระบบจดจำใบหน้า,
Recockation และ Smart ผู้ช่วยอัจฉริยะ
เวอร์ชั่นต่าง ๆ เข้ามาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ทั้ง 5สูง และ 3I เป็นสิ่งที่ ททท.อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
ผู้ว่าฯ
ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับความท้าทายภายใต้การ TATAP 2022
นั้นทุกอย่างอาจจะต้องกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งหรือ Set Zero กันใหม่เพราะ
“ความพร้อมในอดีต” อาจจะไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าอนาคตจะพัฒนาเป็นแบบไหน แต่
ททท.บอกได้ว่าการพัฒนาจะต้องทำงานเชิงบูรณาการทั้งกับภาครัฐ เอกชน
และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
รวมทั้งนักท่องเที่ยวเองก็ต้องเข้ามามีส่วนร่วมทำงานด้วยกัน
เพื่อผลักดันตามทิศทางที่กำหนดไว้
ถ้าไม่เช่นนั้นผมคิดว่าคงจะเริ่มไม่ได้
ถ้าไม่กำหนดทิศทาง สิ่งที่ ททท.ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยคือ “สถานการณ์โควิด”
ควรจะจบได้ภายในปีนี้แล้วท่องเที่ยวกลับสู่ปกติได้แล้ว
แต่ทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับไปเหมือนเดิม เจอปัญหาแบบเดิม ๆ
โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ “พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงแน่นอน”
หรือแม้กระทั่ง “บทบาทของ ททท.” แต่ก่อนจำกัดอยู่แค่เรื่อง “การตลาด” แต่ต่อไปจะต้องมีบทบาท “ผลักดันเชิงนวัตกรรม” จะต้องมีคนหาคำตอบโจทย์โซลูชั่นให้ครบทั้ง 5 สูง ตามที่ ททท.กำลังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อไป
ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ททท.พร้อมเดินหน้าผลักดันการเปลี่ยนแปลงให้ได้มากที่สุดตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป อันดับ 1 “ดิจิทัล” เพราะโลกเปลี่ยนไปมาก โดยเปลี่ยนธุรกิจด้านการสื่อสาร การทำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว การลงทุนพัฒนานวัตกรรมร่วมกัน โดยเฉพา “แพลตฟอร์มต่าง ๆ” เพื่ออำนวยความสะดวกผนวกกับการดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว ซึ่งไม่ได้หมายถึงการทำในส่วนแค่โซเชียลมีเดียเฟสบุ๊คเท่านั้น
ทั้งนี้ต้องการ “วางหมุดหมาย” เพราะโลกหลังโควิดของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไม่ใช่เรื่อง “ความต้องการคนเข้ามาจำนวนมาก” อีกต่อไป แต่ต้องการ “นักท่องเที่ยวคุณภาพตามยุทธศาสตร์ 5 สูง” บวกกับต้องการให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินสูง ประการสำคัญเมื่อท่องเที่ยวแล้วก็ต้องคำนึงถึง “สิ่งแวดล้อม” ด้วย เพราะตอนนี้ธรรมชาติกลับมาสวยงามมาก
ดังนั้นจึงมีความสำคัญหรือจำเป็นอย่างมากที่จะต้องทำ “เทคโนโลยีเข้ามาใช้บริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว” ให้คงความสวยงามอย่างยั่งยืน ซึ่งต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนช่วยกันทำอย่างจริงจังด้วย
สำหรับบทบาทในการช่วยทุกฝ่ายด้วยการทำงานเชิงบูรณาการเพิ่มมากขึ้น ททท.พร้อมจะเป็น “ข้อต่อ” ในทุกห่วงโซ่อุปทานหรือห่วงโซ่คุณค่าที่จะเกิดขึ้น บางอย่างอาจไม่ใช่หน้าที่ ททท.โดยตรง เช่น ปัจจุบันประสานให้ความช่วยเหลือโดยส่ง SOS ไปยังภาครัฐเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว ทั้งเรื่อง การหาวัคซีนมาฉีดให้บุคลากร หรือการช่วยด้านปรับตัวให้เข้ากับยุควิถีใหม่ New Normal การทำเรื่องความปลอดภัยด้านสุขอนามัย และการเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ททท.จะเข้าไปเป็นข้อต่อดังกล่าวต่อไป
ส่วนการสร้างความเข้มแข็งให้ “ชุมชนเจ้าของสินค้าท่องเที่ยว” ททท.จะทำในเชิงพื้นที่ร่วมกับกระทรวงต่าง ๆ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่หลักด้วย เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ร่วมมือกันเข้าไปดูแลยกระดับ “ทักษะการทำท่องเที่ยวชุมชน หรือ Re-Up Skill ซึ่งปัจจุบันทำอยู่ โดย ททท.มีระบบ skill factory คอยให้ความช่วยเหลือชุมชนอยู่ตลอด มีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ช่วยตรวจหรือจัดทำโครงการมอบรางวัล ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มทักษะผู้ประกอบการในชุมชนทั้งสิ้น
ขณะเดียวกันก็มีข้อแนะนำชุมชน เพื่อเชื่อมกับข้อต่อหลักของ ททท.คือ 1.ชุมชนควรพิจารณาเปลี่ยนวิธีคิดด้านการคัดสรรสินค้าของดีในชุมชนที่มีอยู่แล้ว ขยายการทำงานไม่ใช่เป็นเพียง “ผู้ขาย” อย่างเดียว ทว่าจะต้อง “เลือกนักท่องเที่ยว” ที่จะเดินทางเข้าไปใช้บริการ ซึ่งจะสอดคล้องกับแผน TATAP 2022 ที่มีเรื่อง 5 สูง คือการมุ่งเน้นหาปลาหรือลูกค้าให้เจอพร้อมกับวิธีจับปลาว่ากลุ่มใดมีคุณภาพสูงและมีกำลังซื้อสูงด้วย เมื่อเข้ามาแล้วจะได้สร้างประโยชน์ กระจายความมั่งคั่งด้วยแล้ว ชุมชนยังสามารถทำงานร่วมกับ ททท.ได้โดยจะทำหน้าที่ไปชักชวนนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย พร้อมให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่กลุ่มดังกล่าว เพื่อให้เกิดการเดินทางเข้ามาใช้บริการในพื้นที่ดังกล่าวได้
โดยสรุป ททท.สามารถช่วยชุมชนได้ 2 เรื่อง คือ เรื่องที่ 1 พัฒนาสินค้าด้วยนวัตกรรมแล้วหาโซลูชั่นเป็นคำตอบโจทย์ให้นักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย แล้วร่วมกันพัฒนาสินค้าดังกล่าวมานำเสนอขายให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า เรื่องที่ 2 การบริหารจัดการเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ในทางปฏิบัติจะต้องทำให้เกิดเป็นรูปธรรมด้วยวิธีและเครื่องมือ ต่าง ๆ
ผู้ว่าฯ
ยุทธศักดิ์ กล่าวต่อถึงเรื่องการวางแผนเดินหน้าท่องเที่ยวควบคู่กับโรคโควิด-19
ซึ่งคนไทยและทั่วโลกอยู่กับโรคระบาดครั้งนี้มาแล้วเกือบ 2 ปี
ซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญซึ่งเคยเป็นหัวใจสำคัญของการท่องเที่ยวมาก่อนครอบคลุมทั้ง
3 ส่วน
คือ 1.ไม่สามารถเดินทางได้
2.ไม่สามารถเคลื่อนย้ายคนได้
และ 3.ไม่สามารถรวมกลุ่มทำกิจกรรมได้
ฉนั้นทุกฝ่ายจึงต้อง
“เร่งเปลี่ยนแปลงสู่วิถีใหม่” เพราะการท่องเที่ยวค่อนข้างจะเปลี่ยนไปมาก
ดังนั้น”การบริหารจัดการ” จึงต้องทำควบคู่ไปกับ “การบริหารความเสี่ยง” และ
“การควบคุมโรค” บางทีอาจจะไม่ได้ทำเป็นขนาดสเกลใหญ่จำนวนคนมาก ๆ อีกแล้ว อาจจะเริ่มทำแนวใหม่
ขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายทำพื้นที่ความปลอดภัยในการดำเนินเศรษฐกิจผนวกรวมเรื่องท่องเที่ยวเข้าไว้ด้วย เป็น “พื้นที่สีฟ้า : Blue Zone” ดังนั้นจึงอาจจะต้องหันมาช่วยกันทำบลูโซนให้เกิดขึ้นจำนวนมาก เพราะทั้งประเทศไม่สามารถที่จะเดินทางท่องเที่ยวได้ เนื่องจากสถานการณ์โควิดแพร่ระบาดยังอยู่ แต่ถ้าทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวแบบ “จุดต่อจุด” หมายความว่าคนในพื้นที่สามารถเดินทางทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้เช่นกัน โครงการนี้จะเป็นอีกส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้มาตรการการควบคุมโรค
สำหรับภาพรวมของปีงบประมาณ
2564 ที่จะปิดในเดือนกันยายน
2564
ตามนโยบายของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ยืนยันอาจจะทำได้ต่ำกว่าประมาณการณ์ที่ตั้งไว้
ททท.ได้คาดการณ์ตามข้อมูลของผู้รู้ต่าง ๆ เช่น สถาบันการเงิน สถาบันวิจัย
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วนำมาตั้งเป็น “เป้าหมายรายได้”
ขณะนี้
“ตัวเลขรายได้ท่องเที่ยว” ตามเป้าหมาย ททท.ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก
เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดกลับมารุนแรงเป็นวงกว้างกว่าทุกครั้ง
ส่งผลทำให้ต้องชะลอการเดินทาง เศรษฐกิจหยุดชะงัก เมื่อมีจำนวนผู้ติดเชื้อมาก ๆ
ก็ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไทยด้วยเช่นกัน
แต่
ททท.ก็ไม่ได้กังวลถึงตัวเลข “รายได้” ที่พลาดเป้าในปี 2564 เนื่องจากได้ทำโครงการทดลองเปิด
“ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” จากตัวเลขปัจจุบันคือ “จำนวนผู้ติดเชื้อ” มีน้อยมากไม่ถึง 1 %
ของผู้ที่เดินทางเข้าภูเก็ต 15,000 คน ช่วงตลอดกรกฎาคม 2564 ขณะเดียวกันเมื่อเกิดการระบาดในประเทศก็ยังคงสามารถควบคุมได้
ตามแผน ททท.จะนำโครงการ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ไปขยายผลต่อไป ประกอบเข้ากับนโยบายใหม่ของรัฐบาลจัดเพิ่มพื้นที่ “บลู โซน” ถือเป็น “ความสำเร็จพื้นฐาน” ที่น่าจะเป็นดัชนี “ความสำเร็จ” มากกว่าตัวเลข “รายได้ในอดีต”
ส่วน “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” สิงหาคม 2564 ก้าวเข้าสู่เดือนที่สองแล้ว ททท.เห็นโอกาสที่จะเกิดขึ้นอย่างน้อยสุดมีความสำเร็จเกิดขึ้น 2 มิติ คือ
มิติที่ 1 ความสำเร็จเรื่องระบบสาธารณสุข สร้างความมั่นใจให้คนในพื้นที่ และความมั่นใจ ซึ่งไม่มีตัวเลขการติดเชื้อแพร่จากคนในประเทศ และจากคนต่างประเทศที่เดินทางเข้าภูเก็ต คงมีอุปสรรคบ้างเรื่อง ขั้นตอนการเดินทางเข้าพื้นที่ค่อนข้างยุ่งยาก แต่ก็เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
มิติที่
2 ความสำเร็จทางด้านเศรษฐกิจ
ที่เห็นได้ชัดเจนหลัก ๆ 3
เรื่อง คือ
เรื่องที่
1
มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มจากปกติ 2 เท่า การเดินทางตลอดกรกฎาคม
2564 กว่า 15,000 คน
เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤษภาคมเพียง 6,000 คน
สะท้อนถึงภายในเดือนเดียวพอเปิดภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มคิดเป็นกว่า
2 เท่า
เรื่องที่ 2 การกระจายตัวจองที่พักโรงแรม ต่อเนื่อง 3 เดือน ระหว่างกรกฎาคม - กันยายน 2564 มากกว่า 3.2 แสนคืน มีโรงแรมที่ได้รับประโยชน์ 300-400 แห่ง
เรื่องที่ 3 อัตราพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยว มีประมาณ 11-12 วัน/คน/ทริป กระจายการสร้างรายได้ไปยังทุกกลุ่มตั้งแต่ระดับฐานรากขึ้นไป
ดังนั้น ททท.จะนำภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ไปต่อยอดโครงการท่องเที่ยว 7+7 ก่อน พักอยู่ภูเก็ต 7 วัน จากนั้นก็ให้เลือกไปเที่ยวในพื้นที่ที่กำหนดหรือ Seal Route ได้แก่ พังงา 3 พื้นที่ เขาหลัก เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ “กระบี่” 3 พื้นที่ เกาะพีพี เกาะไหง หาดไร่เลย์ และสมุย/สุราษฎร์ธานีเปิดแล้วตั้งแต่ 15 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นมา
จากนี้เป็นต้นไป จะได้เห็นการต่อยอด “แซนด์บ็อกซ์” ไปเรื่อย ๆ อาจจะเริ่มนำร่องทำโครงการ “แซนด์บ็อกซ์ข้ามภาค” เกิดขึ้นในโอกาสต่อ ๆ ไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 ห้ามพลาด!!ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์8เดือน8ลดยาว10วันสูงสุด40%
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเดือนสิงหาคม 2564 ด้วยการช้อปผ่านช่องทาง “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” เริ่มต้นด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษกับแคมเปญไฮไลต์ “8.8 HER LUCKY DEALS” มอบลดสูงสุดถึง 40 % พร้อมให้ทุกคนได้เลือกช้อปอย่างจุใจสินค้ากว่า 2 หมื่นรายการ โดยไม่ต้องมีไฟลต์บิน ก็สามารถเลือกช้อปสุดคุ้มต่อเนื่องถึง 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-18 สิงหาคม 2564 นี้
เพียงคลิกเข้าเว็บไซต์ www.kingpower.com หรือ คิง เพาเวอร์ แอพลิเคชั่น สนุกกับการเลือกช้อปวันที่ 8 เดือน 8 คิง เพาเวอร์ มีดีลดีสินค้าแบรนด์เนมมากมาย พากันยกขบวนมามอบความสุขด้วยส่วนลดสูงสุด 40% เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท
ห้ามพลาด !! วันที่ 11-13 สิงหาคม และวันที่ 17-18 สิงหาคม 2564
รอรับเพิ่มเป็นโค้ดแห่งความโชคดีหรือ LUCKY CODES แจกให้นักช้อปนำไปใช้เป็นส่วนลดเพิ่มได้อีก 5% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท
เตรียมตัวเปิดประสบการณ์ช้อปออนไลน์กับ คิง
เพาเวอร์ แบบไม่ต้องมีไฟลต์บิน แม้จะอยู่บ้านก็สนุกกับการช้อปสินค้าราคาดิวตี้ฟรี
ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้านหรือ Home Delivery จัดส่งฟรีทั่วประเทศ
เมื่อมียอดช้อปขั้นต่ำ 699 บาท ทาง www.kingpower.com หรือ คิง
เพาเวอร์ แอพลิเคชั่น
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์จัดชุดใหญ่โปรโมชั่น3แคมเปญดีลดีคุ้มสุดๆ ตลอดส.ค.64
ตลอดเดือนสิงหาคม 2564 กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มีโปรโมชั่นเด็ด ๆ ดี ๆ ไว้ให้ได้ช้อปพร้อมดีลดี ราคาสุดคุ้ม อยู่ที่ไหนก็สามารถช้อปได้ ประกอบด้วย
แคมเปญแรก “King Power Call to Shop” บริการใหม่ล่าสุด “ผู้ช่วยช้อปส่วนตัว : Shopping Assistant” เพียงโทรศัพท์มาที่ 02-338-7870 เพื่อขอคำแนะนำวิธีเลือกช้อปสินค้าได้ทุกวัน ตั้งแต่ 09.00.- 21.00 น. หรือ Inbox มาที่ Facebook King Power ขณะนี้มีสินค้าลดสูงสุด 10 % โดยไม่ต้องมียอดซื้อขั้นต่ำ ที่แผนกเครื่องสำอาง และน้ำหอม
แคมเปญที่ 2 ร่วมลุ้นรับรางวัล 2 ล้านบาท จากที่ คิง เพาเวอร์ เข้าร่วมการขายในโครงการ “AMAZING ยิ่งกว่าเดิม : แคมเปญ AMAZING THAILAND GRAND SALE 2021 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ตั้งแต่สิงหาคม– 15 กันยายน 2564 เปิดให้คลิกออนไลน์เข้ามาเลือกช้อปสินค้าแบรนด์ดังจากคิง
เพาเวอร์ ครบ 2,000 บาท ลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษจากโครงการดังกล่าวได้ทันที 1 สิทธิ์ คลิกช้อปเลยได้ที่
- https://bit.ly/3B8EAHN
โดยนักช้อปสามารถลงทะเบียนได้ที่หน้าสรุปรายการสินค้า
หรือ Order Summary ได้ตลอดการช้อป เพื่อลุ้นรับรางวัลที่จะประกาศผลผู้โชคดีวันที่
25 กันยายน 2564 ทางwww.amazingthailandgrandsale.com และ FACEBOOK: AMAZINGTHAILANDGRANDSALE2021
ข่าวที่ 3 “คิงเพาเวอร์รางน้ำ/มหานคร/ศรีวารีเปิดช้อปออนไลน์3ช่องทาง”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ได้ปรับบริการจำหน่ายสินค้าของร้านค้าในกรุงเทพฯ 3 แห่ง ได้แก่ 1.คิง เพาเวอร์ รางน้ำ 2.คิง เพาเวอร์ มหานคร และ 3.คิง เพาเวอร์ ศรีวารี ด้วยการเปิดให้ลูกค้าสามารถช้อปปลอดภัย
อยู่ที่ไหนก็ช้อปได้ทุกวัน ผ่าน 3 ช่องทางหลัก
คือ 1.
www.kingpower.com 2.King Power Application และ 3.บริการ King Power Call to Shop 02-338-7870 บริการทุกวันตั้งแต่
9.00 – 21.00 น.
ขณะที่
“ศูนย์อาหาร ไทย เทสต์ ฮับ” ของ คิง เพาเวอร์ 2 สาขา ที่รางน้ำ และ มหานคร
คิวบ์ ปรับการเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่10.00
– 18.00 น. โดยรับออเดอร์ “เฉพาะสั่งกลับบ้าน” ผ่านแอปพลิเคชัน “ฟู้ดเดลิเวอรี่”
ต่าง ๆ เท่านั้น เพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรการของรัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เตรียมเสนอที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาควาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธาน พิจารณาก่อนวันที่ 15 ส.ค.2564 นี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถเดินหน้าขยายผลทำโครงการท่องเที่ยว 7+7 โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ แล้ว 7 วัน สามารถเดินทางไปเที่ยวพื้นที่เชื่อมโยงตามเส้นทางที่กำหนดได้อีก 7 วัน ได้แก่ กระบี่ 3 แห่ง มี เกาะพีพี/เกาะ/ไหง/หาดไร่เลย์ พังงา 3 แห่ง มี เขาหลัก/เกาะยาวใหญ่/เกาะยาวน้อย และ สมุย พลัส 3 แห่ง คือ เกาะสมุย/เกาะพะงัน/เกาะเต่า
เนื่องจากก่อนหน้านี้ ศบค.ได้อนุมัติให้ ททท.ดำเนินโครงการ ISLAND HOPPING หรืออนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวระหว่างเกาะได้ รวมทั้งเดิมยังกำหนดให้เปิดกระบี่ พังงา ในวันที่ 1 สิงหาคม 2564 แต่พอดีมีการแพร่ระบาดของโควิดในภูเก็ตเกิดขึ้นจนต้องชะลอการเปิดไว้ชั่วคราว แต่ถ้า ศบค.พิจารณาอีกครั้งเพื่อให้ทำต่อได้ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.หรือเริ่มต้นวันที่ 22 ส.ค.2564 เป็นต้นไป แต่ละฝ่ายก็จะเร่งทำตามนโยบายทันที เพราะตามขั้นตนอน “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ต้องยื่นขอเอกสารการท่องเที่ยว 7+7 ตั้งแต่ต้นทางในการขอใบรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (COE)
ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ทาง ททท.สำนักงานลอนดอน รายงานว่า ได้จับมือกับการ์ตา แอร์เวย์ส และ Secret Escape กลุ่มลักชัวรี ดิจิทัล แพลตฟอร์ม ซึ่งมีฐานสมาชิก 20 ล้านคน ร่วมกันทำแพกเกจขายท่องเที่ยวเข้ามายังภูเก็ต เนื่องจากรัฐบาลสหราชอาณาจักรยังคงให้ไทยเป็นประเทศโซนสีเหลือง หรือ Ember list เมื่อชาวอังกฤษมาเที่ยวไทยกลับไปไม่ต้องกักตัวแต่ต้องตรวจหาเชื้อตามที่กำหนด
โดย ททท.ลอนดอน ตั้งเป้า จะร่วมกับพันธมิตรขายแพกเกจนี้ให้ได้ถึง 1,200 แพ็จ ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 75,000 บาท/คน/ทริป
ข่าวที่ 5 ททท.เกาะติดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ส.ค.มี“408ไฟลต์-จองพัก3.39แสนคืน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) รายงานความเคลื่อนไหวโครงการ "ภูเก็ต แซนต์บอกซ์" ก้าวเข้าสู่เดือนที่
2 ตลอดสิงหาคม 2564 ยังมีสัญญาณเดินหน้าต่อได้อย่างระมัดระวัง
มีความเคลื่อนไหวเชิงบวก 3 เรื่อง คือ
เรื่องที่
1 ประเทศไทยได้รับการยืนยันจากสายการบินระหว่างประเทศยังคงพร้อมบินเข้าออกจากประเทศต้นทางสู่ภูเก็ตรวม
9 สายการบิน เบื้องต้นจะมีจำนวนเที่ยวบินรวม 408 เที่ยว
1.สิงคโปร์แอร์ไลน์ 28 เที่ยว /สัปดาห์
2.
เอทิฮัด 12 เที่ยว/สัปดาห์
3.แอลอัล
อิสราเอล แอร์ไลน์ 4 เที่ยว /สัปดาห์
4.
เอมิเรตส์ 16 เที่ยว /สัปดาห์
5.
กาตาร์แอร์เวย์ส 14 เที่ยว /สัปดาห์
6.
การบินไทย 12 เที่ยว /สัปดาห์
7.
คาเธย์แปซิฟิก 2 เที่ยว /สัปดาห์
8. กัฟแอร์
4 เที่ยว /สัปดาห์
9. ฮ่องกงเอ็กซ์เพรส 6 เที่ยว /สัปดาห์
เรื่องที่ 2 มีนักท่องเที่ยวกระจายการเข้าพักตามสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม 4 หาดหลัก ได้แก่ 1.ป่าตอง 39% 2.เชิงทะเล 14% 3.กะตะ/ กะรน 12% 4.ราไวย์ 6% ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตมีโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA Plus เปิดบริการแล้วครึ่งหนึ่ง 380 แห่ง จากทั้งหมด 720 แห่ง
เรื่องที่ 3 สถานการณ์ ระหว่าง 1 กรกฎาคม -6 สิงหาคม 2564 “จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม”ยังคงสูงอยู่ที่ 17,024 คน เฉพาะวันที่ 6 สิงหาคม เดินทางเข้ามา 616 คน ขณะที่ “ยอดจองห้องพัก 3 เดือน” ระหว่างกรกฎาคม-กันยายน นี้ รวม 339,708 คืน เฉพาะเดือนสิงหาคมนี้ มียอดจองพักเข้ามาแล้ว 131,550 คืน
ข่าวที่ 6 TCEBภาคใต้กอดคอรัฐ/เอกชนภูเก็ตชู6แนวทำยุทธศาสตร์5ปี’66-70
นางสาวณัฏฐณิชชา สิงห์บุระอุดม ผู้จัดการอาวุโส สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคใต้ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้นำคณะผู้แทนทีเส็บภาคใต้ ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการผ่านออนไลน์กับจังหวัดภูเก็ต หน่วยราชการ องค์กรภาครัฐ ภาคประชาชน ใน 2 เรื่องสำคัญ คือ 1.การประชุมจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2566 – 2570 และ 2.การประชุมจัดทำแผนปฏิบัติราชการ ประจำปี 2566 โดยมีนายปิยะพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นประธานการประชุม
ระหว่างการประชุมทีเส็บได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์อีก 5 ปีข้างหน้า ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์สำคัญของทีเส็บ 6 แนวทาง ประกอบด้วย 1.Win 2.Promote 3.Develop 4.Smart MICE 5.Global Ranking และ 6.Facilitation รวมmyh’ส่งเสริมให้ภูเก็ตมุ่งจัดทำซิตี้ แพกเกจ (City Package) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนศักยภาพของจังหวัดในการเป็นศูนย์กลางการจัดงานและส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์สู่ระดับนานาชาติต่อไป
ตลอดการประชุมทุกฝ่ายได้ระดมความคิดเห็นอย่างเข้มข้นของผู้แทนภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาสังคม และภาคธุรกิจเอกชน นำเสนอแนวคิดที่จะนำมาใช้วางยุทธศาสตร์จังหวัดภูเก็ตให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยใช้ศักยภาพของภูเก็ตปูพรมสร้างโอกาสด้วยวิธีบูรณาการบริหารงบประมาณ และเปิดให้ทุกภาคส่วนในจังหวัดประสานความร่วมมือเพื่อให้ไมซ์ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็ง
ช่วงที่ 2 เตรียมตัวให้พร้อมเมื่อทุกโควิดสงบ เราจะไปปักหมุดเที่ยวให้หายคิดถึง “ภูทับเบิก” เพชรบูรณ์ ดาวบนดินสวรรค์บนดอยสูง ส่วนคนที่รอฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ต้องฟัง “วิธีเตรียมตัวให้พร้อม” และข่าวฮ็อตสุด ๆ “นกแอร์” โล่งแล้ว 2 เรื่อง แผนฟื้นฟูกิจการผ่านฉลุยแถม CAAT ผ่อนปรนให้บินในประเทศจากอู่ตะเภาสู่ 5 จังหวัดได้ ช่วง 6-18 ส.ค.นี้ ส่วน “โรงแรมแมริออท มาร์คีย์” อัดโปรโมชั่นจองห้องพักแจกเครดิตแทนเงินสดฟรี 5,000 บาท
รอเที่ยวคิดถึง“ภูทับเบิก”สวรรค์บนดินถิ่นดูดาวบนดอยสูงเพชรบูรณ์
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
กลิ่นฝนไอหนาวเริ่มใกล้เข้ามาทุกที ทำให้คิดถึง “ภูทับเบิก” ที่บ้านทับเบิก ตำบลวังตาล
จังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 97 กม.
ภูทับเบิก สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอยู่บนดอยสูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,768 เมตร เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปเยี่ยมเยือน ด้วยไฮไลต์ของ “จุดชมวิวที่สูงที่สุด” ของเพชรบูรณ์ ท่ามกลางทะเลภูเขา อากาศเย็นทั้งปี ช่วงธันวาคม-มกราคม ของทุกปี ทุ่ง “ดอกซากุระหรือนางพญาเสือโคร่ง” สีชมพูชูช่อบานสะพรั่งครอบคลุมทั้งภูเขา
อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นจุดชม “ดาวบนดิน” เมื่อนักท่องเที่ยวขึ้นไปยืนชมวิวบนยอดดอยสูงแล้วทอดสายตาลงสู่พื้นราบ ยามค่ำคืนจะเห็นแสงไฟระยิบระยับของชาวบ้านอำเภอหล่มสักคล้ายแสงดาวกระจายตัวสุกสว่างอยู่เต็มไปหมด
สำหรับภาพจำ “ภูทับเบิก”
ติดตาผู้คนทั้งชาวไทยและนานาชาติ คือ “แปลงปลูกกะหล่ำแบบขั้นบันได” หัวโต ๆ ที่ชาวไทยภูเขาเผ่าม้งประกอบอาชีพทำกันเป็นล่ำเป็นสัน
จนได้ชื่อว่าเป็นแหล่งทำแปลงปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริเวณรอบภูทับเบิก
จึงมีสถานที่ให้แวะไปเยี่ยมชมน่าสนใจ
จุดที่ 1 สถานีวิจัยเพชรบูรณ์ แปลงทดลองทับเบิก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เป็นสถานีสาธิตปลูกพืชเกษตรเมืองหนาว
จุดที่ 2 วัดป่าภูทับเบิก ภายในมีพระมหาเจดีย์โพธิปักขิยธรรม เจดีย์เพชร 37 ยอด บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ธาตุ
ส่วนการท่องเที่ยวแบบพักแรม ในหมู่บ้านทับเบิก ได้จัดต้อนรับนักท่องเที่ยวไว้
โดยมีลานจอดรถ ห้องน้ำ ร้านอาหาร จุดกางเต็นท์ และบ้านพัก ก็มีให้เลือกหลากหลายหน่วยงาน
บ้านพัก ของ “อบต.วังบาล” เปิด 3 หลัง
พักได้หลังละ 10 คน ราคา 800 บาท ส่วนเต็นท์หลังละ 200 บาท สอบถามได้ที่โทร. 0
5674 7532, 08 1042 8556
บ้านพักรอบ “สถานีอนามัยทับเบิก” เปิดบ้านพักหลังใหญ่ขนาด
10 คน ราคา 1,200 บาท เรือนแถว 8 ห้อง พักได้ห้องละ 5 คน คิดราคา 700 บาท/คืน
เต็นท์ 200 บาท สอบถามได้ที่โทร. 08 90485412,
0 5672 8143
บ้านพัก “บริเวณจุดชมวิวภูทับเบิก” ระหว่างทางเข้าหมู่บ้าน
มีลานกางเต็นท์ ค่าเช่าเต็นท์ 400 บาท/หลัง ค่ากางเต็นท์ 30 บาท มีร้านอาหาร
และห้องน้ำ สอบถามได้ที่โทร 0 5681 0737, 08 9958 1491
รวมทั้งมี “สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง” เช่น “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว” ตั้งตระหง่านบนยอดเขาสูง มีถ้ำอยู่ปลายยอดเขา เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมในพื้นที่ขนาด 91 ไร่ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2547 มีทิวทัศน์สวยงามรอบด้านมองเห็นผาซ่อนแก้วและทิวเขาสลับซับซ้อน มีศาลาปฎิบัติธรรมประดิษฐานพระพุทธรูปหยกงดงาม ภายในตกแต่งด้วยภาพวาดศิลปะสวยงามแปลกตา
เป็นจุดเติมพลังศรัทธา ทำสมาธิ อันเงียบสงบอีกแห่ง ภายในวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว มีสถานที่สำคัญ คือ “เจดีย์พระธาตุผาแก้ว” บริเวณใต้ฐานพระเจดีย์ใช้เก็บรวบรวมหลักธรรมคำสอน “ภาพปริศนาธรรม” และเป็นสถานที่เจริญสติภาวนาสำหรับพุทธทั่วไป “ศาลาปฏิบัติธรรม” หรือศาลาพระหยกเขียว รูปทรงจัตุรัสโปร่ง รายรอบด้วยบานกระจกขนาดใหญ่ เพื่อให้สัมผัสกับธรรมชาติของขุนเขาอันเขียวชอุ่ม รายล้อมด้วยสวนดอกไม้ชนิดต่าง ๆ สวยงาม
อีกทั้งยังมี “พระพุทธเลิศรัตนโชติมณี หรือ "พระหยกเขียว" ปางมารวิชัย เป็นศิลปะสมัยเชียงแสน แกะสลักจากหยกเขียวทั้งก้อน พระเศียรบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรัตนสัมฤทธิ์ผล หรือ "พระหยกขาว" เป็นพระพุทธรูปหยกปางขัดสมาธิเพชร สร้างตามรูปแบบศิลปะ คันธาระ พระเศียรบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ลานโพธิ์ บริเวณลานโดยรอบมีต้นศรีมหาโพธิ์ปลูกไว้เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวศรัทธา
เตรียมตัวให้พร้อม เมื่อทุกอย่างสดใส ออกไปเที่ยว “ภูทับเบิก” ให้หายคิดถึงกัน
เมื่อต้องรับวัคซีนเข็มที่ 2 เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อความสบายใจ
ตลอดเดือนกรกฎาคม
ต่อเนื่องถึงสิงหาคม 2564 ประชาชนคนไทยในประเทศ มีความตื่นตัวที่จะรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด
ผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 เรียบร้อยแล้ว จะต้องรอเวลาเพื่อที่จะฉีดเข็ม
2 โดยวัคซีนแต่ละชนิดจะมีระยะเวลาที่ต้องเว้นห่างกัน
ไม่เท่ากัน
·
วัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 จะต้องเว้นระยะห่าง 2-4 สัปดาห์
·
วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 จะต้องเว้นระยะห่างไม่เกิน 8 สัปดาห์เพื่อประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อที่ดี
ในกรณีที่เราติดเชื้อโควิดมาก่อนแล้วรักษาหายแล้ว ควรรอให้ร่างกายปรับตัวประมาณ 3
เดือนแล้วค่อยนัดหมายฉีดวัคซีนอีกครั้งหนึ่ง
และสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรรอให้มีอายุครรภ์ประมาณ 12 สัปดาห์ขึ้นไปก่อนถึงจะรับการฉีดวัคซีนทั้งเข็มที่ 1 และ 2 แบบปลอดภัย
อาการที่พบได้บ่อย
ๆ หลังฉีดวัคซีนเข็ม 1 และ 2 โดยผลข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีนที่พบได้บ่อยมีอาการที่แสดงออกด้วยกัน
2 ระดับ
1.อาการแบบไม่รุนแรง เช่น มีอาการคลื่นไส้
อาเจียน มีไข้ อ่อนเพลีย หรือปวดศีรษะ
หากใครมีอาการเหล่านี้ก็ไม่ต้องตกใจไปเพราะร่างกายของเราหลังได้วัคซีนจะกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกัน
เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หรือเสียชีวิต อาการที่เราเจอจะหายได้เองหลังฉีดวัคซีน 3-4
วัน
2.อาการที่ควรพบแพทย์ หากหลังฉีดวัคซีนแล้วเกิดอาการที่รู้สึกว่ารุนแรงเช่น
ใจสั่น เหงื่อออกมากผิดปกติ มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ปากเบี้ยว จนถึงอาการชัก เกิดผื่นขึ้นตามร่างกาย มีอาการหายใจติดขัด
หากพบอาการเหล่านี้หลังฉีดวัคซีน ควรรีบไปพบแพทย์โดยทันที อย่าเก็บเอาไว้
เพราะอาจเกิดผลที่รุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้
นอกจากเรื่องของการดูแลตัวเองแล้ว ในระหว่างที่ประเทศเรายังไม่มีการเพิ่มขึ้นของภูมิคุ้มกันแบบหมู่ อาจต้องดูแลตัวเองให้ดีเหมือนตอนก่อนได้รับวัคซีน เพราะเชื้อโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ให้แข็งแกร่งขึ้นอยู่ตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการไปในที่แออัด ยิ่งเราดูแลตัวเองดีแค่ไหน โอกาสติดเชื้อก็จะน้อยลงนั่นเอง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “นกแอร์”โล่ง2เรื่อง “ได้4ผู้บริหารแผนฟื้นฟู-CAATให้บินอู่ตะเภาสู่5จังหวัด”
นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทสายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าเมื่อช่วง ต้นเดือนสิงหาคม นอกแอร์ได้เดินหน้าเรียบร้อยแล้ว 2 เรื่อง เรื่องแรก แผนฟื้นฟูกิจการผ่านมติที่ประชุมเจ้าหนี้พร้อมทั้งได้แต่งตั้งผู้รับผิดชอบเข้ามาดูแล 4 คน ซึ่งเป็นผลมาจากวันที่ 4 สิงหาคม 2564 ทางเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้จัดการประชุมเจ้าหนี้ของ บมจ.นกแอร์พร้อมมีมติตามมาตรา 90/46 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483
โดยมีเจ้าหนี้ที่รวมกัน 76.72 % ของจำนวนหนี้ของเจ้าหนี้ทั้งหมดที่เข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะแนน ลงมติยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการที่ผู้ทำแผนได้ยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เมื่อ17 พฤษภาคม 2564 และคำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ 1 ฉบับ รวมทั้งได้ยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปเมื่อ 30 กรกฏาคม 2564 ทำให้ บมจ.นกแอร์จะมีผู้บริหารแผนที่ได้รับการเสนอชื่อ 4 คน ประกอบด้วย 1. นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร 2. นายไต้ ชอง อี 3. นายปริญญา ไววัฒนา 4. นายชวลิต อัตถศาสตร์
เรื่องที่ 2 นกแอร์ได้รับการผ่อนผันจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
หรือ CAAT ให้บินบริการ เข้า-ออก ภายในประเทศได้ ระหว่าง 6
-18 สิงหาคม 2564 64 จากต้นทาง สนามบินอู่ตะเภา สู่ปลายทาง 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ อุดรธานี อุบลราชธานี
นครศรีธรรมราช และ “ภูเก็ต” ซึ่งบินได้เฉพาะขาออกจากภูเก็ตเท่านั้นหมายถึงจะต้องนำเครื่องเปล่าบินไปรับผู้โดยสารออกมาอย่างเดียว
ไม่สามารถนำนักท่องเที่ยวเข้าไปได้
ตามประกาศของจังหวัดภูเก็ตที่ปิดเกาะชั่วคราวระหว่าง 3-18 สิงหาคม 2564
ข่าวที่สอง โรงแรมแมริออทมาร์คีย์จัดโปรห้องพักรับฟรีเครดิตแทนเงินสด5พัน
โรงแรมแบงค็อก
แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค จัดแพกเกจ “Take the Credit” โปรโมชั่นห้องพักราคาพิเศษ
ระหว่างวันนี้ - 31
สิงหาคม 2564
เพียงจองห้องพัก “ห้องดีลักซ์หรือห้องสวีท” รับฟรี “เครดิตแทนเงินสด” สูงสุดถึง 5,000
บาท
ให้นำไปใช้รับประทานอาหาร หรือทำสปาภายในโรงแรม เลือกสปาทรีตเมนต์เพื่อการผ่อนคลาย
ดังนี้
1.จองพักห้องพักดีลักซ์” เริ่มต้นเพียง 3,500++
บาท/คืน (เฉพาะห้องเท่านั้น)
พร้อมรับเครดิตโรงแรม 3,500
บาท/ห้อง/คืน
2.จองพักห้องพักเอ็มสวีท เริ่มต้นเพียง 5,000++
บาท/คืน พร้อมรับ
อาหารเช้า
2 คน
ที่ห้องอาหาร โกจิ คิทเช่น + บาร์
สามารถรับสิทธิประโยชน์เข้าใช้บริการเอ็มคลับเลานจ์ เครดิต 5,000 บาท/ห้อง/คืน จองห้องพักได้ที่ www.bangkokmarriottmarquis.com (รหัสโปรโมชั่นV2X) โทร. 02 059 5555 อีเมล mhrs.bkkqp.reservation@marriotthotels.com
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น