ททท.งัด“7โปรเจ็กต์”ช่วยธุรกิจ9จังหวัดภาคตะวันออกปี’65 ท่องเที่ยว“พัทยา-ระยอง-จันทบุรี-นครนายก”ฟื้นตัวเร็วสุด
ททท.งัด“7โปรเจ็กต์”ลุยตลาดช่วยธุรกิจ9จังหวัดภาคตะวันออกปี’65
หวัง4เมือง“พัทยา-ระยอง-จันทบุรี-นครนายก”ท่องเที่ยวฟื้นตัวเร็วสุด
“คิงเพาเวอร์” ขายเพิ่มทาง”Chat+Call”to Shop ทุ่ม4โปรเด็ดส.ค.64
คิงเพาเวอร์ลดแรง30%ช้อปสินค้าบ้านไลฟ์สไตล์HER HOME BLISS
จัดไป!!ทัพสินค้าไอเท็มใหม่ที่คิงเพาเวอร์เอาใจแฟนพันธ์แท้ลด30%
ททท.ชูอันซีนนิวซีรีย์ 2 เฟสช่วยธุรกิจทั่วไทยเทขาย“ห้อง-ตั๋ว-รถเช่า”
ททท.ถกผู้นำเชียงใหม่24ส.ค.64แผนเปิดเชียงใหม่รับต่างชาติต.ค.64
TCEB ผนึกก.แรงงานดึงธุรกิจ/ลูกจ้างไมซ์เฮ29จังหวัดเฮรับเงินเยียวยา
“น่าน”ชวนจัดโปรแกรมเช็คอินเที่ยว“ธรรมชาติ-วัด-ทุ่งนา-ค่าเฟ่”วิถีใหม่
“จิบชายามบ่าย”ได้ประโยชน์ป้องกันสารพัดโรคเกิดผลดีต่อสุขภาพ
“บินไทย”ลั่นก.ย.-ต.ค.64เปิดบิน3ทวีปเข้าไทย16เมือง27เที่ยว/สัปดาห์
“Airasiafood”บุกไทยแล้วทำฟู้ดเดลิเวอรี่แจกฟรี3หมื่นมื้อถึงก.ย.64
ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
วันเสาร์ที่
21 สิงหาคม
2564 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ
“เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0
MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
#ทททตะวันออกเปิด7โครงการฟื้นท่องเที่ยวปี65 #PhuketSandbox
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1699868523540532&id=100005522016696
ช่วงที่ 1 ถอดรหัสแผนท่องเที่ยวช่วยธุรกิจภาคตะวันออก 9 จังหวัด กับ “วิบูลย์ นิมิตรวานิชย์” ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระดมผลวิจัยฟื้นท่องเที่ยวปี’65 ดัน 7 โปรเจ็กต์ ““ท่องเที่ยววิถีใหม่-เมืองรองต้องไป 55 จังหวัด-City Marketing-เที่ยววันธรรมดา-เที่ยวไทยไม่รู้ลืม-ไทยแลนด์ พรีเมี่ยม” จับตาพื้นที่หลักกลับมาได้เร็วสุด 4 จังหวัด “พัทยา--ระยอง-จันทบุรี-นครนายก” เที่ยวใกล้เที่ยวง่าย พร้อมปั๊มรายได้จาก 2 ส่วน “เพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัว+เพิ่มความถี่เดินทาง” พร้อมสานฝันนโยบายรัฐบาลเดินหน้าเปิดประเทศใน 120 วัน นำต่างชาติเข้ามาเที่ยวได้โดยไม่กักตัว14 วัน
นายวิบูลย์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การเตรียมความพร้อมขับเคลื่อนแผนแม่บทตลาดการท่องเที่ยวภาคตะวันออก 9 จังหวัด ปี 2565ที่จะต้องเริ่มตามปีงบประมาณ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งจะต้องรอเวลาให้สถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง จึงจะกระตุ้นการเดินทางภายใต้เงื่อนไขงบที่มีอยู่อย่างจำกัดหลังถูกตัดออกไปราว 40 % ต้องบริหารจัดการใช้เงินให้คุ้มค่ามากที่สุด
ขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กับทางฝ่ายวางแผน ททท.มุ่งเน้นการทำแผนปฏิบัติเชิงประจักษ์เห็นผล คุ้มค่าเม็ดเงิน สอดคล้องตามยุทธศาสตร์ ชาติ รวมถึงยุทธศาสตร์พื้นที่จังหวัด ตามที่ สศช.ทำแผนแม่บทมาให้บวกกับการนำประยุกต์ใช้กับฐานข้อมูลทางการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง
การทำตลาดท่องเที่ยวของภูมิภาคภาคตะวันออกปี 2565 อิง “ผลงานวิจัย” ทั้งกลุ่มเป้าหมาย ไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยว เทรนด์การเดินทางแบบใดมาแรง จะต้องบูรณาการแล้วนำมาใช้ขับเคลื่อนอย่างมีพลัง ปีนี้ตั้งเป้าทำ 7 โครงการ ประกอบด้วย 1. “ท่องเที่ยววิถีใหม่”กระตุ้นในเชิงพื้นที่ท่องเที่ยว 2.เมืองรองต้องไป กระจายตัวนักท่องเที่ยวครอบคลุม 55 จังหวัด 3.ท่องเที่ยวในเมือง City Marketing จะเน้นลักษณะการส่งเสริมคล้ายคลึงกับ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ขยายไปยังพื้นที่ที่รัฐกำหนดอีก 9 จังหวัด 4.วันธรรมดา น่าเที่ยว 6.เที่ยวไทยไม่รู้ลืม เป็นการรักษาวันพักเฉลี่ยไว้ให้ได้มากที่สุด 7.ไทยแลนด์ พรีเมี่ยม มุ่งเน้นเรื่องของตลาดระดับสูงจะต้องเพิ่มมูลค่ารายได้มากสุด
ผอ.วิบูลย์กล่าวว่า ภาคตะวันออก ในเชิงกายภาพของท่องเที่ยวทั้ง 9 จังหวัด ชลบุรี ระยอง จันทบุรีตราด นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ล้วนเป็นพื้นที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดจัดเป็นพื้นที่สีแดงทั้งหมด แต่ “โอกาส” ยังคงมีอยู่ที่จะต้องเดินหน้าทำการตลาด โดยจัดลำดับ กลุ่มพื้นที่สามารถฟื้นกลับมาได้เร็วก่อนอันดับแรก 4 จังหวัด คือ “พัทยา/ชลบุรี-ระยอง-จันทบุรี-นครนายก”
เนื่องจาก 3 ปัจจัย คือ 1.พื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ 2.เดินทางสะดวก 3.มีกิจกรรมต่าง ๆ อย่างโดดเด่น ได้แก่ เป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร More Fun! Food &Fruit เป็นแม่เหล็กดึงคนเข้ามาร่วมได้ทั้งกลุ่มพันธมิตร นักท่องเที่ยว ด้วยการนำเสนอการขายผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดียดึงคนเข้าพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว
ประการสำคัญแต่ละพื้นที่จะต้องรณรงค์ให้ “ผู้ประกอบการ/ธุรกิจ” เข้าร่วมปฏิบัติตามมาตรฐานตราสัญลักษณ์สาธารณสุขด้านความปลอดภัย SHA : Amazing Safety and Health Administration
ส่วนโครงการ
“เมืองรองต้องไป” ในภาคตะวันออก ททท.ดูแล 3
สำนักงาน
ได้แก่ 1.“จันทบุรี”
มุ่งนำเสนอความโดดเด่นเรื่องอาหาร หาดทราย ชายทะเลต่าง ๆ 2.ตราด นำเสนอจุดเด่นเมืองเกาะ ไฮไลต์คือ เกาะช้าง
เกาะกูด เกาะหมาก 3.นครนายก มีจุดขายเรื่องเมืองท่องเที่ยวเชิงผจญภัย
เช่น ล่องแก่ง การขี่เอทีวี ปีนผาต่าง ๆ โดยดูแลไปถึง “ปราจีนบุรี” สามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองสมุนไพรเทรนด์ด้านสุขภาพกำลังมาแรง
และสระแก้วก็เด่นเรื่องการท่องเที่ยวเมืองชายแดน
สำหรับ “ตราด” จะโหมจุดขายเรื่องเมืองเศรษฐกิจสีเขียว BCG : Bio Circular Green กับพื้นที่ท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ (low carbon) ปีนี้ทำได้ชัดขึ้น พร้อมทั้งกระจายตัวไปพื้นที่อื่น ๆ ด้วย
“พัทยา/ชลบุรี” ชูการทำการท่องเที่ยวในเมือง City Marketing มีเพียงพื้นที่เดียวในภาคตะวันออก ที่เน้นยุทธศาสตร์ดังกล่าว กำลังดำเนินการทำ SOP : Standard Operation Procudure รวมทั้งกำลังปูพรมฉีดวัคซีนให้ประชากรในพื้นที่ โดยเฉพาะ “พัทยา” เป็นสถานที่มีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น แหล่งท่องเที่ยว หาดทรายชายทะเล กิจกรรม เรือยอร์ช ร้านอาหารต่าง ๆ
ขณะที่โครงการ “วันธรรมดา น่าเที่ยว” จะชูเรื่องกีฬาเพื่อการท่องเที่ยวหรือ Sport Lover มุ่งเน้น “กีฬากอล์ฟ” เป็นหลัก โดยเน้นจัดการแข่งขันกอล์ฟตามพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งกีฬาเป็นกิจกรรมการรักษาระยะห่าง โดย ททท.ได้ทำไปแล้วเรื่อง Golf Quarantine ตั้งแต่ต้นปี 2563
รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน กีฬานทางน้ำ เซิร์ฟ สเกตบอร์ด สินค้าท่องเที่ยวกลุ่มนี้สามารถนำมาต่อยอดขายเที่ยววันธรรมดาได้ เสริมสร้างเทรนด์ Happy Blend ด้วยศักยภาพ “การท่องเที่ยวเชิงกีฬา” ตามสถิติมีไม่ต่ำกว่า 26 % จึงจะนำมาขยายผลใช้ทำการตลาดกระตุ้นท่องเที่ยวต่อเนื่องปี 2565 ในพื้นที่หลัก ได้แก่ พัทยา ระยอง ตราด
โครงการ “เที่ยวไทย ไม่รู้ลืม” จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.พื้นที่เชื่อมโยงที่น่าสนใจ 4 แห่ง พัทยา ระยอง จันทบุรี นครนายก รักษาวันพักของแต่ละแห่ง 2.ทำกิจกรรมเชิญชวนกลุ่มท่องเที่ยวข้ามภาค จากอีสานมาเที่ยวทะเลภาคตะวันออก
โครงการ
“ไทยแลนด์ พรีเมี่ยม” งบประมาณจะไปอยู่ที่พัทยา
ด้วยศักยภาพความพร้อมของที่พัก โรงแรม ระดับ 5-6
ดาว มีจำนวนมากและกิจกรรมท่องเที่ยว
สามารถขยายการตลาดเชื่อมโยงกระจายตัวต่อไปยัง “ตราด” 3 เกาะ คือ เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก
มุ่งเน้นตลาดไฮเอนด์ ความหรูหราของ พัทยา+ตราด
ผอ.วิบูลย์กล่าวว่า การสร้างรายได้แบบมูลค่าสูงหรือ High Value จะใช้การกระตุ้นคู่กัน 2 อย่าง คือ 1.เพิ่มความถี่การเดินทางของนักท่องเที่ยวไทย 2.เพิ่มการใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวต่อคนต่อทริป เพื่อกระจายเม็ดเงินไปสู่ผู้ประกอบการ สร้างนักท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายกลุ่มให้เข้าถึงได้ เปิดช่องให้ ททท.สามารถนำเสนอสินค้ามูลค่าสูง มีรายละเอียดกิจกรรมทำเงิน สร้างกิมมิก เชิญชวนท่องเที่ยวเกาะ ทำสปา และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเฮลท์แอนด์เวลเนส
โดยขึ้นอยู่กับการให้น้ำหนักยุทธศาสตร์ของแต่ละจังหวัด โดยมีฤดูกาลเดินทางของแหล่งท่องเที่ยว กับจังหวะและโอกาสสร้างจุดขายเด่น ๆ ทางทะเลกับภูเขา รวมถึงภาคตะวันออก ยังเป็นมหานครแห่งการท่องเที่ยวอาหารและสวนผลไม้ Food & Fruit ถึงแม้จะไปจริงยังไม่ได้ ก็สามารถสั่งทุเรียนออนไลน์ไปกินได้ถึงบ้าน
โดยวางกลยุทธ์ดึงดูดกำลังซื้อเลือกทำหลายช่องทาง เช่น 1.จัดทำทัวร์นาเมนท์แข่งขันกันใน 5 ภูมิภาค 2.ทำ bundle ซื้อเป็นคู่ในราคาถูกกว่า ที่จะนำเสนอไปในพื้นที่ต่าง ๆ
ขณะนี้ ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออก ได้หารือพร้อมให้นโยบาย ททท.แต่ละสำนักงาน ปูพรมยึดหลักปฏิบัติใหญ่คือ ให้ “ฟังเสียงความต้องการ” ของธุรกิจภาคเอกชนแต่ละจังหวัดเป็นหลัก ซึ่งเป็นฝั่งผู้ผลิตหรือ Supply Chain ว่าต้องการแบบไหน เพื่อจะได้ตอบสนองได้ตรงโจทย์ของพื้นที่ แล้วนำมาทำแคมเปญจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดการขายเจาะได้ตรงตามกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการ
เพราะตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมา
ทำให้ ททท.แต่ละพื้นที่กับพันธมิตรท่องเที่ยว ทำงานใกล้มีความสนิทสนมกันมากขึ้น
เพราะต้องช่วยเหลือกันเนื่องจากมีหลายพื้นที่ หรือชุมชนเข้าไปเที่ยวไม่ได้
จึงต้องแก้ปัญหาเฉพาะด้วยการ “ขายออนไลน์” มาตลอด รวมทั้งปี 2565 จะบุกหนักให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมมาตรฐาน SHA สร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานครบ
ตอกย้ำนักท่องเที่ยวเลือกไปเที่ยว
คาดสถานการณ์เปิดแหล่งท่องเที่ยวในประเทศได้ตามปกติอีกครั้ง หลังจากต้องล็อกดาวน์และให้หน่วยงานต่าง ๆ หยุดทำงานอยู่บ้าน ตอนนี้ก็ต้องรอดู 1.ผลการกระจายฉีดวัคซีนประชาชนทั้งประเทศเกินกว่า 70 % ขึ้นไป 2.โมเดลต้นแบบเปิดการท่องเที่ยวโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” กับ “สมุย พลัส โมเดล” นำตลาดต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย จะเป็นอีกแรงส่งที่ทำให้เกิดการเดินทางเพิ่มขึ้น บวกกับหากทุกพื้นที่มีมาตรการเคร่งครัดเข้มงวด เป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปในภาวะทุกคนยังคงต้องอยู่กับโควิดต่อไป จึงต้องใช้สองส่วนข้างต้นสร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวได้ด้วย
ผอ.วิบูลย์กล่าวว่า การตั้งเป้าเสริมตลาดเข้าด้วยกัน 2 ส่วน ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยเดินทางเข้าสู่ภาคตะวันออกปี 2565 ได้วางกลยุทธ์ 1.กระตุ้นตลาด “ต่างประเทศ” เน้นกลุ่มอาเซียนกับเอเชีย ชูขายท่องเที่ยวกอล์ฟ โดยให้ “ในประเทศ” เน้นเรื่องซัพพลายหรือสินค้าท่องเที่ยวโดยให้ธุรกิจสนามกอล์ฟรวมตัวกันคิดแพกเกจและโปรโมชั่นมาเสนอขายนักท่องเที่ยวต่างชาติ
2.เปิดตลาดเสมือนจริง Virtual Mart จับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างผู้ขายในไทยกับผู้ซื้อต่างประเทศ แยกเจาะตามกลุ่มเป้าหมาย เช่น “พัทยา” สัดส่วนตลาดจะเป็นต่างชาติกับคนไทย 50-50 พิจารณาตามศักยภาพของแต่ละจังหวัด
3.การเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ในหมวดอันซีน ไทยแลนด์ : Unseen New Series โดย ททท.แต่ละสำนักงานได้นำมาเสนอเรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าท่องเที่ยวชุมชนซึ่งสามารถตรวจย้อนกลับไปยังที่ตั้งได้ หรือ GI : Geographic Index
สินค้าท่องเที่ยวใหม่ที่จะเสนอขายตามคอนเซ็ปต์ “อันซีน ไทยแลนด์ นิว ซีรีย์ส” นั้นจะต้องนำมาผสมผสานกันอีกครั้ง เนื่องจากปัจจุบันยังอยู่ในช่วงไม่ปกตินักท่องเที่ยวยังเดินทางไม่ได้จึงต้องใช้ช่องทาง “ออนไลน์” ให้เกิดประโยชน์ ผนวกกับการเปิดตลาดกลางหรือ Marketplace เพื่อให้ชุมชนช่องเที่ยวนำสินค้ามาวางขายให้ลูกค้าทั่วไป จะเป็นอีกเครื่องมือช่วยชุมชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ถึงแม้นักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้าไปไม่ได้ ก็สามารถสั่งสินค้าชุมชนแล้วส่งให้ถึงบ้านของนักท่องเที่ยวได้
โดยสรุปปี 2565 การท่องเที่ยวภูมิภาคภาคตะวันออก ได้หารือกับผู้ประกอบการ วางแผนเดินหน้าอย่างมีทิศทาง ประกอบด้วย 1.ตามนโยบายรัฐบาลประกาศจะเปิดประเทศให้ได้ภายใน 120 วัน หรือจะเริ่มประมาณวันที่ 14 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าหมายกระจายฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วประเทศเกิน 50 ล้านคนขึ้นไป ภายในธันวาคม นี้ จึงประมวลผลว่าหากสามารถทำได้ครบตามเงื่อนไข ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการคลิกออฟท่องเที่ยวต่อไป
ในส่วนหลักที่เตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว 2 เรื่อง คือ 1.กลยุทธ์ทางการตลาด 2.การสร้างกิมมิกส่งเสริมการขายท่องเที่ยว ทันทีที่รัฐบาลปลดล็อกการท่องเที่ยวสามารถออกตัวไปได้ทันที “ภาคตะวันออก” ย้ำกันอีกครั้งว่าแรงส่งจริงสามารถทำได้ทันทีคือ พัทยา ระยอง จันทบุรี นครนายก ปราจีนบุรี
โดยมีความต่างอยู่ 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก “การใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวต่อคนต่อทริป” ทางนครนายก ปราจีนบุรี ยังคงน้อยกว่า ระยอง จันทบุรี และ “พัทยา” ซึ่งเป็นเมือง เที่ยวง่าย เที่ยวใกล้ ไม่ต้องวางแผนมากมาย โดยมีโครงการใหญ่ Neo Pattaya เป็นแม่เหล็กสำคัญ ส่วนที่ 2 จำนวนวันพักผ่อน ช่วงเริ่มต้นกลับมาเปิดการท่องเที่ยวในประเทศ คนอาจจะเลือกไปเช้าเย็นกลับ หรือ 2 วัน 1 คืน เพื่อทดลองเที่ยวใหม่อีกครั้ง ดังนั้นก็ต้องพยายามช่วยกันทำให้ดีที่สุดต่อไปจนกว่าทุกอย่างจะกลับเป็นปกติ
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ช่าวแรก “คิงเพาเวอร์” ขายเพิ่มทาง”Chat+Call”to Shopทุ่ม4โปรเด็ดส.ค.64
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่าตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นไป พร้อมเคลื่อนทัพทำตลาดการขายเชิงรุกอย่างเข้าใจและเข้าถึงฝ่าสถานการณ์โควิด-19 ไม่ต้องมีไฟลต์บิน และหยุดเชื้อเพื่อชาติอยู่บ้าน
ก็สามารถซื้อสินค้าที่ชอบและที่ใช่ได้ จากบริการใหม่ของ กลุ่มบริษัท คิง
เพาเวอร์ ด้วยบริการใหม่แบบ “Service Beyond Expectation ที่ไร้ขีดจำกัด”
เป็นกลยุทธ์ “สร้างความแม่นยำ” เข้าถึง “ฐานลูกค้าสมาชิก”
หลายแสนราย กับเพิ่ม “ลูกค้าใหม่” คิง เพาเวอร์ เข้ามาด้วย
จึงได้เพิ่มบริการทางเลือกให้ลูกค้าทุกกลุ่มอีก 2
ช่องทาง ประกอบด้วย
ช่องทางแรก บริการ “KING POWER CALL TO SHOP ช้อปง่าย ช้อปคุ้ม ส่งไว’ เปลี่ยนโฉมพนักงานให้กลายเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของนักช้อปทุกคน เพียงแค่ลูกค้าหมุนโทรศัพท์มาที่ “02-338-7870” ก็ช้อปสินค้าที่มีอยู่นับหมื่นรายการได้ทุกวัน
ช่องทางที่สอง “KING POWER CHAT TO SHOP อยู่ที่ไหนก็ช้อปฟิน ไม่ต้องมีไฟลต์บิน” เป็นบริการใหม่ล่าสุด เปิดทุกวัน 09.00 น. – 21.00 น.พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าสั่งซื้อสินค้า คิง เพาเวอร์ ได้ง่าย ๆ จากที่บ้านเหมือนมาช้อปด้วยตัวเอง ผ่าน LINE Application เพียงเพิ่มเพื่อนด้วย LINE: @KP_ChatToShop หรือ LINE: @Kingpowerofficial ในการสอบถามสินค้าโฮม เดลิเวอรี่ เสมือนมีผู้ช่วยช้อปส่วนตัว (Personal Shopper) ดูแลอย่างใกล้ชิด ช่วยเลือกซื้อสินค้า เช็กสินค้า แจ้งราคา แนะนำโปรโมชั่นสุดคุ้ม
กระทั่งได้สินค้าที่พอใจชำระเงินเสร็จเรียบร้อย
รอรับสินค้าที่บ้านได้เลย เขตกรุงเทพฯ และปริมาณมณฑลภายใน 7 วัน
ส่วนพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ประมาณ 10
วัน และมั่นใจได้ทุกขั้นตอนการบรรจุผลิตภัณฑ์ก่อนส่งเน้นมาตรฐานสุขอนามัยเรื่องควบคุมโรคทั้งหมด
นักช้อปสามารถใช้บริการใหม่เพิ่มจากทั้ง 2 ช่องทาง คือ “King Power Call to Shop” และ “King Power Chat to Shop” ได้ทันทีกับโปรโมชั่นแรง ๆ “ตลอดเดือนสิงหาคม 2564”
โปรโมชั่นแรก แผนก น้ำหอม เครื่องสำอางค์ หมวดสินค้ายอดนิยม เปิดให้ลงทะเบียนก่อนช้อป เพื่อรับทันทีส่วนลด 10 % และส่วนลดมูลค่ารวม 6,500 บาท เมื่อเลือกซื้อสินค้าตามกติกา คือ 1.ซื้อตั้งแต่ 8,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ รับส่วนลด 2,000 บาท 2.ซื้อสินค้าตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ รับส่วนลด 4,500 บาท
โปรโมชั่นที่ 2 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 16 % เมื่อช้อปเสร็จแล้วเลือกจ่ายผ่านบัตรเครดิตที่เข้าร่วมรายการ
โปรโมชั่นที่ 3 ซื้อบัตรเงินสด (Cash Card) มีให้เลือก 1.ซื้อบัตรแคชการ์ดมูลค่า 20,000 บาท รับทันทีบัตรกำนัลอิเลคทรอนิกส์ (Gift Card )มูลค่า 2,500 บาท 2.ซื้อบัตรแคชการ์ดมูลค่า 50,000 บาท รับบัตรกำนัลอิเลคทรอนิกส์มูลค่า 8,000 บาท
โปรโมชั่นที่ 4 ลุ้นรับสิทธิพิเศษและของรางวัลมูลค่ารวม 2 ล้านบาท ได้ทุกการช้อปกับกิจกรรม AMAZING THAILAND GRAND SALE 2021 มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ เช่น รถยนต์ ทองคำ สมาร์ตโฟน และอื่น ๆ
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์ปลุกช้อHER HOME BLISSสินค้าบ้านไลฟ์สไตล์ลด30%
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ พาเหรดสินค้าไลฟ์สไตล์ ให้ช้อปอยู่ที่บ้านได้ทุกวันกับแคมเปญ “Her Home Bliss” ลดสูงสุดถึง 30 % โดยเข้าไปรับรหัสช้อปผ่านทางเว็บไซน์ www.kingpower.com และ แอปพลิเคชัน KING POWER เท่านั้น ระหว่างวันนี้ -24 สิงหาคม 2564 เท่านั้น
ไม่ต้องมียอดสั่งซื้อขั้นต่ำรับได้ทันทีส่วนลดสูงสุด 25% จากสินค้าหมวด Home & Lifestyle ที่เข้าร่วมรายการส่งเสริมการขายแคมเปญนี้
แคมเปญนี้มาจากการขยายเวลาช้อป! 8.8 HER LUCKY DEALS ยกขบวนสินค้าแบรนด์ดัง ให้คุณช้อปสนุกได้ทุกที่ ลดสูงสุด 40% เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท พร้อมดีลพิเศษมากมายในราคาสุดคุ้ม!
พบ HER HOME BLISS ไอเทมสำหรับบ้าน หลากหลายสไตล์ ลดสูงสุด 30%* พิเศษ! ลดเพิ่มสูงสุด 25% และ HER
FABULOUS LOOK ไอเทมแฟชั่นแบรนด์ดัง ลดสูงสุด 50%* และลดเพิ่มสูงสุด 40%
ข่าวที่ 3 คิง เพาเวอร์จัดทัพสินค้าไอเท็มใหม่มาเอาใจแฟนพันธ์แท้ลดสูงสุด 30%
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เอาใจแฟนพันธุ์แท้ที่ต้องทำงานอยู่บ้าน หรือ อยู่ที่ไหนก็ช้อปคุ้มได้ทุกวัน ด้วยการคัดสรร “สินค้า 2 ไอเทมใหม่” ได้แก่ 1.ไอเทมน่าช้อป!! ให้บ้านน่าอยู่ ได้แก่ เครื่องฟอกอากาศ หุ่นยนต์ทำความสะอาด เครื่องทำความชื้น หรือจะเสริมด้วยของตกแต่งบ้านให้ผ่อนคลายสบายตามากยิ่งขึ้น ช้อปออนไลน์ได้ง่ายๆ ที่ www.kingpower.com และ แอปพลิเคชัน King Power วันนี้ - 24 ส.ค. 64
เปิดเว็บไซต์ www.kingpower.com หรือแอพลิเคชั่น คิง เพาเวอร์ แล้วกรอกรหัสส่วนลด SV Code เมื่อช้อปครบ 1,200 บาท ลดเพิ่มอีก 5% ถามหารหัสช้อปได้จากพนักงาน คิง เพาเวอร์ทุกคน เลือกซื้อสินค้าที่ร่วมรายการ ตามเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คอลเซนเตอร์ 1631
ไอเท็ม 2.NEW ITEMS ADDED!! สินค้าใหม่มาแล้ว ราคาดิวตี้ฟรี ไม่ต้องมีเที่ยวบิน ลดสูงสุด 30% สะดวกสบาย ส่งตรงถึงบ้านฟรีทั่วประเทศ เมื่อมียอดครบ 699 บาท ช้อปเลยวันนี้ – 31 ส.ค. 64 ซื้อครบ 2,000 บาท ลดสูงสุด 30% โดยใส่รหัสส่วนลด SDSBAUG ช้อปเลยที่ https://bit.ly/2VaS3OM
ข่าวที่ 3 ททท.ชูอันซีนนิวซีรีย์2เฟสช่วยธุรกิจทั่วไทยเทขาย“ห้อง-ตั๋ว-รถเช่า”
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ททท.จัดกิจกรรมช่วยผู้ประกอบการโรงแรมไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ผ่านแคมเปญ “Unseen New series” โดยแบ่งรูปแบบการส่งเสริมการท่องเที่ยวออกเป็น 2 ระยะ
เฟสที่ 1 ททท. รวบรวมโรงแรม รีสอร์ตทั่วประเทศกว่า 50 แห่ง จัดโปรโมชั่นพิเศษเสนอขายผ่าน “Unseen New Series : น้ำใจไทยช่วยไทย” โดยรณรงค์ให้ “ซื้อก่อน เที่ยวทีหลัง” ช่วยผู้ประกอบการการเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ ด้วยการเปิดตลาดกลางหรือ Market Place ให้ผู้ซื้อและผู้ขายประชาสัมพันธ์ พร้อมกระตุ้นการส่งเสริมการขายผ่านเฟสบุ๊คแฟนเพจ Facebook Fan page : Amazing Thailand เปิดให้เข้าไปเลือกจองซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ -31 ตุลาคม 2564 แล้วเก็บไว้ใช้เข้าพักได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคม 2565
โปรโมชั่นของโรงแรมต่าง ๆ ได้แก่ “ภาคใต้” โรงแรมเครืออนันตรา 2 แห่ง คือ 1.หัวหิน รีสอร์ท ราคาเริ่มต้น 2,564 บาท/คืน 2.บ่อผุด เกาะ สมุย รีสอร์ท ราคาเริ่มต้น 3,000 บาท/คืน 3.อวานี พลัส ไม้ขาว ภูเก็ต สวีทส์ แอนด์ วิลล่าส์ ห้องสวีทส์ เริ่มต้น 1,999 บาท/คืน 4. เดอะ เฮเว่น เขาหลัก 1,990 บาท/คืน พิเศษพัก 2 คืน รับเครดิต 500 บาท ไปใช้เป็นค่าอาหารเครื่องดื่มของโรงแรม
“ภาคเหนือ” ที่ แคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ 2,400 บาท/คืน “ภาคอีสาน” ที่ โรงแรมทอแสง เฮอริเทจ โขงเจียม ราคา 2,250 บาท/คืน (จากปกติ 4,500 บาท) และ ภาคกลาง ที่รอยัล ริเวอร์แคว รีสอร์ท แอนด์ สปา 1,550 บาท/คืน
รวมทั้ง ททท.ร่วม 3 พันธมิตร ได้แก่ ไทยสมายล์ รถเช่า Avis และ Agoda จัดโปรโมชั่นพิเศษ ประกอบด้วย
1.ไทยสมายล์ ลดค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินทุกเส้นทาง 200 บาท/เส้นทาง ให้ 1,000 สิทธิ์ ซื้อแล้วเก็บไว้ใช้ได้สิ้นปี 2564 ซื้อระหว่างวันนี้- 31 ตุลาคม 2564 ใช้เดินทางได้ 1 กันยายน – 31 ธันวาคม 2564)
2. AVIS ลดค่าเช่ารถทั่วไทยเหลือเพียง 590 บาท ให้ 1,000 สิทธิ์ ซื้อแล้วเก็บไว้ใช้ได้ถึงสิ้นปี 2564 *จองวันนี้ - 31 ตุลาคม 2564 เดินทางได้วันนี้ – 31 ธันวาคม 2564
3.Agoda ลดที่พักของโรงแรมทั่วไทยกว่า 50% เปิดจอง 1 กันยายน - 31 ตุลาคม 2564 เข้าพักได้ 1 กันยายน – 31 มีนาคม 2565
เฟส
2 หลังปลดล็อกดาวน์ เมื่อสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นแล้วรัฐบาลประกาศยกเลิกล็อกดาวน์ ททท. ได้สำรวจแหล่งท่องเที่ยวใหม่ทั่วประเทศ “Unseen New Series” เตรียมเปิดตัว 25 แห่ง ชวนออกเดินทางครั้งใหม่อีกครั้ง
ภายใต้ Amazing ยิ่งกว่าเดิม
เตรียมพร้อมนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่/มุมมองใหม่
หรืออันซีนเป็น Hotspot เน้นกระจายตัวเดินทางท่องเที่ยว
และเชื่อมไปยังแหล่งท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมท่องเที่ยวอื่น ๆ เช่น ชุมชน อาหารถิ่น และอีกมากมาย พร้อมทั้งสอดแทรกแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคม
(Responsible Tourism) ปลุกจิตสำนึกการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ควบคู่การให้ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ภายใต้การปฏิบัติอย่างเข้มข้นด้วยมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ข่าวที่ 5 ททท.ถกผู้นำเชียงใหม่24ส.ค.64แผนเปิดเชียงใหม่รับต่างชาติต.ค.64
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ
รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วันที่
24 สิงหาคม 2564 เตรียมหารือกับนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และผู้เกี่ยวข้อง วางแผนเปิดโครงการ “Charming
Chiang Mai” ขยายผลเที่ยวเชื่อมต่อจาก ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ และขานรับนโยบายเปิดประเทศภายใน
120 วัน เพื่อสรุปแนวทางทั้งหมด
ก่อนนำเสนอคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พิจารณา
แนวโน้มจังหวัดเชียงใหม่อาจเลื่อนเปิดเพราะประชาชนในพื้นที่ยังฉีดวัคซีนยังไม่ครบ
70% ของประชากร การเปิดเมืองอาจจะขยับไปเป็นตุลาคม
2564 จากเดิม 1 กันยายน 2564 ที่จะสามารถรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าพื้นที่แบบไม่กักตัว
เดินทางเข้าเฉพาะพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง แม่แตง แม่ริม และดอยเต่า
ซึ่งทางเอกชนและหน่วยงานรัฐในเชียงใหม่ให้ใช้วิธีผ่านบริษัททัวร์เท่านั้น
ตั้งเป้ารุกดึงนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงเจาะไฮเอนด์ “กลุ่มเล่นกอล์ฟ” ชาวญี่ปุ่นและเกาหลี
รวมทั้งเล็งนักท่องเที่ยว 5 ตลาดหลัก ดังนี้
1.จีนจากเมืองชิงเต่า
ฉงชิ่ง เฉิงตู เซี่ยงไฮ้ สิบสองปันนา ไห่หนาน แต่ตอนนี้รัฐบาลจีนยังไม่ได้ส่งสัญญาณอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางต่างประเทศ
ดังนั้น ททท.จะขอหารือกับทางเอกอัครราชฑูตประจำประเทศไทยคนใหม่ก่อน และคาดหวังจีนจะเริ่มเดินทางได้ต้นปี
2565 เป็นต้นไป 2.ญี่ปุ่น จากเกาะฮอกไกโด
โตเกียว 3.เกาหลีใต้ จากเมือง ซองนัม กังวัน 4.อาเซียน จากอินโดนีเซีย 5.อเมริกา แคนาดา
นายธเนศวร์ กล่าวว่า ททท.จัดทำประมาณการณ์รายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเชียงใหม่ตามนโยบายแซนด์บ็อกซ์และเปิดประเทศ
แบ่งเป็น
กรณีที่ 1 มีเที่ยวบิน1 เที่ยว/วัน นำเข้านักท่องเที่ยว 90 คนจะสร้างรายได้ให้เชียงใหม่
3.3 ล้านบาท และหากมี 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ นำเข้านักท่องเที่ยว 360 คน สร้างรายได้
13.22 ล้านบาท ตลอดการเปิดเมือง 1 เดือนแรก จะมีนักท่องเที่ยว 1,440 คน
สร้างรายได้ 52.9 ล้านบาท/เดือน
กรณีมี 2 มี 2เที่ยวบิน/วัน จะมีนักท่องเที่ยว 2,880 คน/เดือน สร้างรายได้ 105 ล้านบาท/เดือน
และ
กรณีที่ 3 มี 3 เที่ยวบิน/วัน จะมีนักท่องเที่ยว 4,320 คน/เดือน สร้างรายได้ 158
ล้านบาท/เดือน
ทั้งนี้ในช่วงสถานการณ์ปกติจากฐานข้อมูลปี
2562 เชียงใหม่มีรายได้ท่องเที่ยวรวมปีละ 109,057 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวทั้งหมด10.82
ล้านคน/ปี แบ่งเป็น คนไทย 7.44 ล้านคน 68.83% ต่างชาติ 3.37 ล้านคน 31.18%
ในจำนวนนั้มีนักท่องเที่ยวจีนอยู่มากถึง 1 ใน 3 รองลงไปเป็น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา
ข่าวที่ 6 TCEB ผนึกก.แรงงานดึงธุรกิจ/ลูกจ้างไมซ์เฮ29จังหวัดเฮรับเงินเยียวยา
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า ทีเส็บร่วมกับสำนักงานประกันสังคม
กระทรวงแรงงาน ได้จัดกิจกรรม “ไมซ์คลินิก” จัดสัมมนาออนไลน์ (Webinar) เพื่อเป็นเวทีสื่อกลางประสานงานให้หน่วยงานภาครัฐ ร่วมสร้างความรู้ความเข้าใจกับผู้ประกอบการไมซ์ถึง
“นโยบายและแนวทางดำเนินงานสำคัญของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์” แก่นายจ้างและลูกจ้างในอุตสาหกรรมไมซ์ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด
19 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด
ได้สอบถามข้อมูลเชิงลึก
สร้างความเข้าใจและนำไปปฏิบัติตามมาตรการเพื่อรับเงินช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างถูกต้อง
โดยมีผู้เกี่ยวข้องร่วมฟังสัมมนาออนไลน์กว่า 240 ราย
ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการไมซ์ เพราะมาตรการดังกล่าวสามารถตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของแต่ละฝ่าย ทีเส็บในฐานะหน่วยงานรัฐหลักที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์พร้อมเดินหน้าประสานงานและอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการไมซ์ ได้รับความรู้ความเข้าใจมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐในการช่วยเหลือเยียวยาอย่างถูกต้องต่อไป
นายสุรสิทธิ์
ศรีแก้ว ผู้อำนวยการสำนักเงินสมทบ สำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า
ทางสำนักงานประกันสังคมทำโครงการ “จ่ายเงินเยียวยาแก่นายจ้างและผู้ประกันตน” ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ
ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด เป็นกิจการ 9
ประเภท ครอบคลุมถึง “กิจการจัดการประชุมและจัดการแสดงสินค้า” 3 โครงการ ได้แก่
1.โครงการเยียวยาฯ นายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33
2.โครงการเยียวยาฯ ผู้ประกันตนมาตรา 39
3.โครงการเยียวยาฯ ผู้ประกันตนมาตรา 40
อีกทั้งประกันสังคมยังพร้อมจ่าย
“ประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานด้วยเหตุสุดวิสัย” เนื่องจากรัฐสั่งปิดเพิ่มเติมด้วย
สำหรับโครงการจ่ายเงินเยียวยา “นายจ้าง” และ “ผู้ประกันตน” ตามมาตรา 33 ทางสำนักงานประกันสังคมได้กำหนดแนวทางช่วยเหลือดังนี้คือ
“นายจ้าง”จะได้รับเงินช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้าง
3,000 บาท/คน สูงสุดไม่เกิน 200 คน/แห่ง แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
ประเภทแรก
- นายจ้างบุคคลธรรมดา “รับเงินผ่านพร้อมเพย์” เลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น
ประเภทที่สอง -นายจ้างนิติบุคคล “รับเงินผ่านบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้กับสำนักงานประกันสังคม” โดยนายจ้างจะต้องแจ้งความประสงค์ขอรับการเยียวยาและยื่นเอกสารให้ครบผ่านทางเว็บไซต์ www.sso.go.th
“ลูกจ้าง/ผู้ประกันตัน”
แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มที่
1 ผู้ประกันตนตามมาตรา 33
จะได้ “รับเงินช่วยเหลือ” 2,500 บาท /คน
(สัญชาติไทย) ผ่าน “พร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชน” เท่านั้น
กลุ่มที่
2 ผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 จะได้ “รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพ” 5,000 บาท/คน
สำหรับกรณี “ว่างงานด้วยเหตุสุดวิสัยเนื่องจากรัฐสั่งปิดกิจการชั่วคราว” ลูกจ้างร้านอาหารและผู้ประกอบการที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลาก่อนว่างงาน 15 เดือน จะได้รับเงินชดเชย 50 % ไม่เกิน 90 วัน
นายสุรสิทธิ์ กล่าวเพิ่มว่ากลุ่มธุรกิจที่เข้าข่ายได้รับสิทธิ์เยียวยาที่เกี่ยวข้อง ก็มี 1.ธุรกิจนำเที่ยว 2.มัคคุเทศก์ 3.ผู้จัดงานแสดงสินค้า และ 4.การจัดประชุม และ 5.ธุรกิจที่มีสำนักงานหลายสาขา สาขาย่อยสามารถไปแจ้งข้อมูลกับสำนักงานประกันสังคมในเขตพื้นที่ได้โดยตรง
โดยมีกลุ่มที่ “ไม่เข้าข่ายได้รับสิทธิ์” คือ “ธุรกิจที่ไม่ได้อยู่ในกิจการที่รัฐประกาศ 9 ประเภท และธุรกิจที่ไม่ได้ถูกรัฐสั่งปิด แต่ยุติการดำเนินงานเอง
หากผู้ประกอบการหรือผู้ประกันตนมีข้อสงสัยหรือต้องการยื่นข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับสิทธิ์รับการเยียวยา สามารถติดต่อ สำนักงานประกันสังคม ได้ทางสายด่วน 1506 เปิดบริการ 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมไมซ์ที่เข้าร่วมฟังเป็นผู้แทนจากองค์กรต่าง
ๆ กว่า 240 ราย ประกอบด้วย สมาคมด้านไมซ์ ท่องเที่ยว
และสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการจัดงาน อาทิ 1.สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ
(ไทย) (TICA) 2.สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) (TEA) 3.สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน
(EMA) 4.สมาคมโรงแรมไทย (THA) 5.สมาคมการค้าส่งเสริมการจัดมหกรรมและเทศกาลนานาชาติไทย
(TIEFA)
6.สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TCT) 7.สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว
(ATTA) 8.สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (ADT) 9.สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) 10.สมาคมการค้าผู้จัดงานกีฬามวลชนไทย
(TMPSA)
ตลอดการสัมมนาออนไลน์
หรือ Webinar ที่ทีเส็บกับสำนักงานประกันสังคม จัดขึ้นนั้น
ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไมซ์ที่ร่วมเข้าฟังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
โดยส่งคำถามล่วงหน้าเพื่อสอบถามข้อมูล
และส่งคำถามสอบถามช่วงเวลาสัมมนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการทำความเข้าใจในหลากหลายประเด็นที่เป็นคำถามยอดนิยม
ได้แก่
1.ขอบข่ายการได้รับสิทธ์เยียวยาของธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์ งานแสดงสินค้า
และงานประชุม
2.แนวทางการสนับสนุนกรณีเมื่อธุรกิจถูกสั่งปิดเกิดความเสียหายมากกว่าเงินเยียวยาที่ได้รับ
3.แนวทางการช่วยเหลือเพิ่มเติมของภาครัฐ
4.วิธีดำเนินการกรณีที่ไม่เข้าข่ายอยู่ในกิจการ 9 ประเภท
ที่ได้รับสิทธิ์การเยียวยา
5.การช่วยเหลือกรณีธุรกิจไม่ได้ถูกรัฐสั่งปิดแต่จำเป็นต้องยุติการดำเนินงาน
6.กรณีที่สำนักงานมีหลายสาขา สำนักงานใหญ่ได้รับสิทธิ์เยียวยาแล้ว แต่สาขายังไม่ได้รับการเยียวยา
ช่วงที่ 2 อากาศช่วงปลายฝนต้นหนาว ที่ “น่าน” ช่างเป็นฤดูเหมาะจะไปผ่อนคลายในอ้อมกอด “ธรรมชาติ-วัด-ทุ่งนา-คาเฟ่” วิถีใหม่ เริ่มเปิดบ้างแล้ว ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ทางด้านเภสัชกรมหิดลแนะ “จิบชายามบ่าย” ได้ประโยชน์แก้สารพัดโรค และข่าวฮ็อตสุด ๆ ต้อนรับวันหยุด “การบินไทย” ลั่นก.ย.-ต.ค.64 เปิดบิน 3 ทวีปเข้าไทย 16 เมือง 27 เที่ยว/สัปดาห์ และ “แอร์เอเชียฟู้ด” นำแอพฟู้เดลิเวอรี่บุกไทย ดึงพันธมิตร้านอาหารดังอัดฉีดโปรโมชั่นในกทม.4 เขต แจกฟรีส่งฟรี 30,000 มื้อ วันนี้-ก.ย.64
“น่าน” ชวนจัดโปรแกรมเช็คอินเที่ยว “ธรรมชาติ-วัด-ทุ่งนา-ค่าเฟ่”วิถีใหม่
เตรียมตัวไว้ให้พร้อมออกไปสัมผัสธรรมชาติในแดนเหนือ “จังหวัดน่าน” ให้หายคิดถึงในดินแดนธรรมชาติ สายหมอก ป่าเขียว ภูเขาสูง ธารน้ำเย็น ทุ่งนาวิถีใหม่ ที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายกำลังรอให้ทุกคนไปผ่อนคลายกันในช่วงปลายฝนต้นหนาว โดยมี “โฮมสเตย์” เก๋ ๆ คาเฟ่/ร้านกาแฟชิค ๆ จุดชิมวิวสวยเกินบรรยาย ให้เช็คอินได้ไม่ต่ำกว่า 20 จุด
เช็คอิน
“แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ” 3 แห่งแรก ต้องห้ามพลาด!! ที่ ผานับดาว น้ำตกสะปัน จุดชมวิว
1715
เช็คอิน “วิถีชุมชน” มาสักครั้งแล้วจะรู้ว่าภูมิปัญญาท้องถิ่นดีและโดนจริง เลือกได้เลย 5 แห่ง คือ บ่อเกลือสินเธาว์ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวนา หมู่บ้านสะปัน และโรงเรียนชาวนาฟาร์มสเตย์
เช็คอิน “คาเฟ่หรือร้านกาแฟชิค ๆ” พลาดได้ไง 5 ร้าน ที่ ฮักนาน่าน กาแฟบ้านไทลื้อ 3.วังศิลาแลง หยุดเวลา คาเฟ่ 4. วิวนา คาเฟ่ 5. เดอะวิว @กิ่วม่วง
เช็คอิน “วัดโบราณ” แวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สถาปัตยกรรมล้านนา 4 วัดดัง ที่ วัดพระธาตุเขาน้อย วัดศรีพันต้น วัดภูมินทร์ และวัดศรีมงคล
การเดินทางไปยัง “จังหวัดน่าน” ช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ต้องปฏิบัติตามประกาศของจังหวัดดังนี้
1.โหลดใช้ “แอปพลิเคชั่น” ไทยชนะและหมอชนะ 2.หากพักในโรงแรม สถานที่พักอื่น ๆ ที่ไม่ใช่บ้านของตน ให้ไปรายงานตัว พร้อมกรอกข้อมูลและประเมินตนเองกับเจ้าหน้าที่โรงแรมหรือสถานที่พักนั้น ๆ
3.ยอมรับการตรวจวัดอุณหภูมิและปฏิบัติตามคําแนะนําจากเจ้าหน้าที่สถานที่ต่าง
ๆ อย่างเคร่งครัด 4.ควรเว้นระยะห่างระหว่างกัน (D-Distancing)
1 - 2 เมตร
5.ทำอย่างสม่ำเสมอทุกครั้ง 3 อย่าง คือ “สวมหน้ากาก” ผ้าหรือหน้ากากอนามัย (M-Mask) “หมั่นล้างมือ” (H-Hand washing) ให้สะอาด และ “ตรวจวัดอุณหภูมิ” ร่างกาย (T-Temperature Check)
“เมืองน่าน”
เที่ยวได้ เที่ยวง่าย ภายใต้การ์ดสูงด้านการป้องกันความปลอดภัยด้านสุขอนามัยตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขและประกาศของจังหวัดน่านอย่างเคร่งครัด
เท่านี้ก็ไปสัมผัสธรรมชาติแสนสวยในดินแดนอันเงียบสงบกลางหุบเขาได้แล้ว
“จิบชายามบ่าย”ได้ประโยชน์ป้องกันสารพัดโรคเกิดผลดีต่อสุขภาพ
ภญ. กฤติยา ไชยนอกสำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แนะนำ “การจิบชา” เครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองรองจากน้ำเปล่า ซึ่งปัจจุบันมีชาในท้องตลาดหลายชนิด เช่น ชาขาว ชาเขียว ชาเหลือง ชาดำ ชาอู่หลง ชาผู่เออร์ เป็นต้น ซึ่งล้วนมาจากชาต้นเดียวกันนี่ล่ะ แต่เพราะกระบวนการผลิต สายพันธุ์ วิธีการเก็บ ระยะเวลาการเก็บ รวมถึงแหล่งปลูก ทำให้ได้ชาที่มีรสชาติต่างกัน
จากผลการศึกษา “ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา พบว่า ชามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง กระตุ้นให้ตื่นตัว ยับยั้งการเกิดเนื้องอกและมะเร็งหลายชนิด ต้านการอักเสบ แก้แพ้ ลดไขมันและน้ำตาลในเลือด บรรเทาอาการท้องเสีย ช่วยป้องกันฟันผุ ช่วยลดความอ้วน ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน ช่วยต่อต้านการเกิดโรคของหลอดเลือดหัวใจ และมีส่วนช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งต่าง ๆ ได้
ส่วน “วิธีเลือกซื้อชา” ชนิดใดมาบริโภคนั้นขึ้นกับความชอบและรสนิยมส่วนตัว สิ่งสำคัญในการ “ชงชา” คือน้ำและอุณหภูมิที่ใช้ ที่เหมาะคือน้ำที่ผ่านการกรองหรือน้ำสะอาด ส่วนอุณหภูมิของน้ำมีตั้งแต่ 65 -100 องศาเซียลเซียส ขึ้นอยู่กับชนิดของชา
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก“บินไทย”ลั่นส.ค.-ก.ย.นี้เปิดบิน3ทวีปเข้าไทย16จุด27เที่ยว/สัปดาห์
นายนนท์ กลินทะ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทย พร้อมจะเปิดเที่ยวบินบริการผู้โดยสาร ไป-กลับ เส้นทางบิน "ในประเทศ" กรุงเทพฯ-ภูเก็ต เริ่ม ก.ย.64 "ต่างประเทศ" เข้าไทยจาก 3 โซน "ยุโรป-ออสเตรเลีย-เอเชีย" รวม หนุนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" ช่วง ส.ค.-ต.ค.64 ดังนี้
1.เส้นทางในประเทศ จะเริ่มบิน ตั้งแต่ "กันยายน-ตุลาคม 2564" เนื่องจากต้องปฏิบัติตามประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กำหนดบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต 2 เที่ยว/สัปดาห์ คือ TG 922 ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพฤหัสบดี และ TG 916 ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันศุกร์
2.เส้นทางระหว่างประเทศ ไป-กลับ 3 ทวีป "ยุโรป-ออสเตรเลีย-เอเชีย" 16 เส้นทาง (จุดบิน) รวม 27 เที่ยว/สัปดาห์ เพื่อสนับสนุนโครงการ "ภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์" ประกอบด้วย
2.1 เส้นทางบินยุโรป 7 เส้นทาง รวม 10 เที่ยว/สัปดาห์ ดังนี้
1.กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-แฟรงก์เฟิร์ต 1
เที่ยว/สัปดาห์ ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพฤหัสบดี
2.
กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-ลอนดอน 1
เที่ยว/สัปดาห์ ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันศุกร์
3. กรุงเทพฯ-ปารีส-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ 1 เที่ยว/สัปดาห์ ออก จากกรุงเทพฯ
ทุกวันพฤหัสบดี
4.กรุงเทพฯ-ซูริก-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ 1 เที่ยว/สัปดาห์ ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันศุกร์
5.กรุงเทพฯ-ลอนดอน 2 เที่ยว/สัปดาห์ ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพุธ และอาทิตย์
6.กรุงเทพฯ-แฟรงก์เฟิร์ต 2 เที่ยว/สัปดาห์
ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันเสาร์ และอาทิตย์
7.กรุงเทพฯ-โคเปนเฮเกน 2 เที่ยว/สัปดาห์ ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันอังคาร และเสาร์ (หมายเหตุ : เดือนกันยายนทำการบินเฉพาะวันเสาร์)
2.2 ออสเตรเลีย ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ซิดนีย์ 2 เที่ยว/สัปดาห์ ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพุธ และอาทิตย์
2.3 เส้นทางเอเชีย 8 เส้นทาง รวม 15 เที่ยว/สัปดาห์ ดังนี้
1. กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ 1 เที่ยว/สัปดาห์ ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพุธ
(หมายเหตุ : ให้บริการเดือนตุลาคม 2564)
2.กรุงเทพฯ-โอซากา 2 เที่ยว/สัปดาห์ ออกจากกรุงเทพฯ ทุกพฤหัสบดี
และเสาร์
3. กรุงเทพฯ-โตเกียว (นาริตะ) 3 เที่ยว/สัปดาห์ ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันอังคาร
พฤหัสบดี และเสาร์
4.กรุงเทพฯ-โตเกียว (ฮาเนดะ) 2 เที่ยว/สัปดาห์ ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันอังคาร
และเสาร์
5.กรุงเทพฯ-นาโกยา 2 เที่ยว/สัปดาห์
ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพฤหัสบดี และอาทิตย์
6. กรุงเทพฯ-โซล 2 เที่ยว/สัปดาห์ ออกจากกรุงเทพฯ
ทุกวันพฤหัสบดี และอาทิตย์
7. กรุงเทพฯ-ไทเป 2 เที่ยว/สัปดาห์ ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพุธ
และศุกร์
8. กรุงเทพฯ-จาการ์ตา 1 เที่ยว/สัปดาห์ ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพุธ
ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติม
รายละเอียดตารางบิน พร้อมสำรองที่นั่ง และออกบัตรโดยสารได้ที่เว็บไซต์ www.thaiairways.com
และสำนักงานขายการบินไทย หรือ THAI Contact Center โทร.
0-2356-1111 ทุกวัน (ตลอด 24 ชั่วโมง) สำหรับผู้โดยสารจากต่างประเทศเข้าไทย สอบถามเพิ่มจากสำนักงานสาขาที่ออกบัตรโดยสารในแต่ละท้องถิ่น
ข่าวที่สอง “Airasiafoodบุกไทยทำฟู้ดเดลิเวอรี่แจกฟรี3หมื่นมื้อถึงก.ย.64
อแมนดา วู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพ
เปิดเผยว่า แอพลิเคชั่น “airasia food : แอร์เอเชียฟู้ด” ได้ขยายบริการแรกเข้ามยังประเทศไทยในธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทย
โดยร่วมกับพันธมิตรแบรนด์ดังหลายแห่ง เปิดให้บริการทุกวัน 06.30 – 19.00 น. นำร่องในกรุงเทพฯ และพร้อมจะขยายสู่พื้นที่อื่น ๆ ในอนาคตอันใกล้ทั้งที่เชียงใหม่และภูเก็ต
ช่วงแนะนำบริการได้จัดแคมเปญแจกฟรีส่งฟรี 30,000 มื้อ ช่วง 30 วันแรก พร้อมส่วนลดอีกมากมาย นำร่องในกรุงเทพฯ
4 พื้นที่แรก ได้แก่ ดินแดง จตุจักร ลาดพร้าว และห้วยขวาง ตั้งเป้าเร็ว
ๆ นี้จะขยายพื้นที่ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ เพิ่มเขต พญาไท ราชเทวี ปทุมวัน และวัฒนา
สำหรับ “แคมเปญฟรี 30,000 มื้อ30 วัน” ตั้งแต่วันนี้ – 16 ก.ย. 2564 แจกฟรีวันละ 1,000 มื้อ
จัดส่งฟรีทุกออร์เดอร์รัศมี 6 กิโลเมตรแรก ทำร่วมแบรนด์ชั้นนำ
อาทิ แม็ค โดนัลด์ แฟลช คอฟฟี่ และคาเฟ่ อเมซอน เพื่อจัดเมนูยอดนิยมมอบให้ฟรี1
เมนู/วัน หมุนเวียนให้ลูกค้าได้สั่ง เพียงใส่โค้ด FREEMEALS จะได้รับเมนูประจำวันฟรีทุกวัน ตลอดแคมเปญ จำกัดออเดอร์ฟรี/วัน /1 ครั้ง/1ผู้ใช้บริการ
มอบ “ส่วนลด” ตั้งแต่วันนี้ – 16 ก.ย. 2564 “ผู้ใช้ใหม่”
ลด 80 บาท เมื่อสั่งขั้นต่ำ 100 บาท
เพียงใส่โค้ด HELLO80
มอบ “สิทธิ์สะสมแต้ม BigPoint” ตั้งแต่วันนี้ – 16 ก.ย. 2564 รับ 2,000 แต้ม สำหรับสมาชิกที่ลงทะเบียนใช้งานครั้งแรก
20,000 รายแรก
นายวรุฒ วุฒิพงศาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ แอร์เอเชีย
ซูเปอร์แอพ กล่าวว่า มั่นใจ airasia food จะสามารถนำเสนอประสบการณ์ที่ตรงใจลูกค้าที่สุดและเป็นทางเลือกของคนในกรุงเทพฯ
ต่อไป บนแพลตฟอร์มที่ได้รวบรวมอาหารหลากหลายตรงใจ ราคาเข้าถึงได้ และใช้งานง่าย
รวมถึงช่วยสนับสนุนร้านค้าและผู้ขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพและลูกค้าได้ราคาที่ดีที่สุด
โดยการจ่ายด้วยเทคโนโลยีไร้เงินสดหลายช่องทาง ได้แก่ บัตรเครดิต บัตรเดบิต
การโอนเงินผ่านธนาคาร พร้อมเพย์ บิ๊กเพย์ และอีวอลเล็ต
ส่วน “ร้านอาหาร” ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทางแอร์เอเชียฟู้ดจะมอบค่าคอมมิชชั่นให้ 5% ตั้งแต่วันนี้ถึง
31 ตุลาคม 2564
สำหรับ airasia super app มียอดผู้ใช้ทั้งสิ้นกว่า
75 ล้านราย โดยมีผู้ใช้บริการตอบรับดีมากในมาเลเซียและสิงคโปร์
กับบริการแบบออนดีมานด์ ล่าสุดขยายบริการมาที่ “ประเทศไทย” ซึ่ง airasia
food พร้อมให้บริการส่งมอบความอิ่มให้คนเมืองในภาวะวิกฤต รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ
โดยเข้าไปดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นทั้งในระบบ iOS และ Android ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง
สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น