ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่า ททท.บูมตรุษจีน สงกรานต์ปี67



 ผู้ว่าฯ“ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์”โชว์แผนท่องเที่ยวปีมังกร67

เร่งเพิ่มรายได้รับ4นโยบายกระหน่ำขายตรุษจีน/สงกรานต์

ติดเทอร์โบ“AirlinesFocus-ตลาดคุณภาพ-ซอฟท์เพาเวอร์”

ข่าวดี!คิงเพาเวอร์คว้ารางวัลWorldBrandingAwards2024 

“คิงเพาเวอร์มหานคร”โปรวันเด็กฟรีสกายวอล์ค/3สนุก

คิงเพาเวอร์แจกสุขแล้วสุขอีกแลก2,024กะรัตรับส่วนอื้อ

นายกฯเศรษฐาดันเที่ยวเชียงใหม่อู้ฟู่/ททท.ผุด3โปรเจกต์

บางจากวางศิลาฤกษ์เปิดลงทุนหน่วยผลิตน้ำมันSAF8.9ไร่

เที่ยวลำปางงานประเพณีปอยต่างข้าวชมศิลปะพม่า9วัด

แนะนำ!!ลองดื่มน้ำผึ้งมะนาวมีดีต่อสุขภาพมากกว่าอร่อย

โรงแรมไทย-แบงก์ชาติโพลล์Q1ปี67รายได้ทั่วไทยยังไม่ฟื้น

สังคมสุขใจจัดใหญ่ที่สามพรานบูมเที่ยวเกษตรอินทรีย์ดี๊ดี

 

วันเสาร์ที่  13 มกราคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน  #KingPower  #TAT   #TCEB  #บางจาก #เที่ยวศิลปะพม่าลำปาง9วัด  #งานสังคมสุขใจ2567 #ฐาปนีย์เกียรติไพบูลย์


ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/pxNT1Qi_Cv/?mibextid=UyTHkb

ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี67ติดเทอร์โบท่องเที่ยวขานรับ 4 นโยบายใหญ่ “เพิ่มรายได้ 55 เมืองรอง 4 แนว-ปลุกเที่ยวไทย 365 วัน-สื่อสารขยายเครือข่ายเชื่อมโยงตลาดทั่วโลก-เพิ่มรายได้ในและต่างประเทศ” ลุยขาย “ตรุษจีน” ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ “จัดมหาสงกรานต์ World Water Festival” เม.ย.และเปิดความสำเร็จปี 66 นำต่างชาติเที่ยวไทยเกินเป้าจาก 5 มาตรการรัฐบาลใหม่ ปี67 เร่งกระตุ้น 3 ส่วน Airlines Focus-บริหารจัดการความเสี่ยงเพิ่มตลาดคุณภาพ -บูรณาการทุ่มจัดซอฟท์ เพาเวอร์


นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. เร่งเดินหน้านำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศทำรายได้รวม 3.0 ล้านล้านบาท จากตลาดต่างประเทศ 1.9-2 ล้านล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 35 ล้านคน เติบโต 26.12%   ส่วนตลาดในประเทศน้อยกว่า 1 ล้านล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 200 ล้านคน-ครั้ง โดยได้ขานรับนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 

นโยบายแรก ส่งเสริมการท่องเที่ยว 55 เมืองรอง ซึ่งทาง รมว.สุดาวรรณ ได้นำคณะผู้บริหาร และผู้อำนวยการ ททท.ทั่วประเทศ เข้ารับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีโดยตรงเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้น “ตลาดในประเทศ” ประกอบด้วย 4 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.ส่งเสริมการท่องเที่ยว 55 เมืองรอง ททท.จะใช้กลยุทธ์ Partnership 360 ทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกกลุ่มทั้งเอกชนและหน่วยงานรัฐบาล ทั้งผู้เกี่ยวข้องทางตรงและทางอ้อมกับท่องเที่ยว 2.ส่งเสริมการลงทุนสร้างจุดขายใหม่ ๆ ทางวัฒนธรรมโดยเน้นเอกลักษณ์ท้องถิ่น เป็นทุนสำคัญทางวัฒนธรรม 

3.การยกระดับคมนาคมสร้างการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวทั่วไทย ททท.ทำงานร่วมกับกระทรวงคมนาคม กรมทางหลวงชนบท จะเสริมเส้นทางท่องเที่ยวใหม่เข้าสู่เมือง 4.ออกแบบกิจกรรมการท่องเที่ยว ควบคู่กับการพัฒนาสินค้าชุมชน ซึ่ง 3 กระทรวงหลัก ทั้งกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเข้ามาช่วยบูรณาการอย่างเต็มที่ 

 


นโยบายที่ 2 ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองไทยได้ทั้ง 365 วัน ตามที่นายกรัฐมนตรี กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ย้ำเน้นถึงเมืองไทยจะต้องเป็นไฮซีซันเที่ยวได้ทุกวันโดยไม่มีโลว์ซีซัน ททท.จะใช้หลักคิดทำการตลาดด้วยอีเวนต์ (Event Marketing) ผ่านการพัฒนาเทศกาลงานประเพณีหลักของเมืองไทย ให้เกิดการกระจายทุกพื้นที่ทั่วประเทศครบทั้ง 365 วัน โดย ททท.จะทำงานอย่างเข้มแข็งกับทางคณะกรรมการ ซอฟท์ เพาเวอร์ ทุกด้าน โดยเฉพาะด้านเฟสติวัล และกับกระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อผลักดันประเทศไทยเป็น Festival Hub ที่สำคัญในอนาคตอันใกล้นี้

 

นโยบายที่ 3 พัฒนาการสื่อสารเชื่อมต่อกับนักท่องเที่ยว ในส่วนการเชิญชวนผู้นำแต่ละด้านทั้ง Influencer หรือผู้มีอิทธิพลสร้างกระแสการท่องเที่ยว Celebrity หรือผู้มีชื่อเสียง รวมถึงขอให้เชิญผู้แทนองค์กรชั้นนำ สมาคมต่าง ๆ มาสร้างความเชื่อมั่นในประเทศไทย พร้อมกับให้ ททท.ออกแบบเส้นทางใหม่ เช่น เส้นทางแห่งความฝัน หรือ Dream Route ในเชิงโฆษณาประชาสัมพันธ์ แล้วสื่อสารผ่านเครือข่ายต่าง ๆ ในตลาด รวมถึงร่วมกับสื่อมวลชนเผยแพร่ข้อมูลไปยังตลาดต่างประเทศทั่วโลก เช่นเดียวกับที่ผ่านมาการจัดงานเคาท์ดาวน์มี CNN สื่อระดับโลก มอบหมายพิธีกรภาคสนามรายงานสดงานเคาท์ดาวน์ พร้อมกับเชิญผู้ว่าการ ททท.ร่วมไลฟ์สดก่อนนับถอยหลังเข้าสู่วันใหม่ 2 ชั่วโมง ภาพดังกล่าวเข้าถึงประชาชนทั่วโลกเห็นความสวยงามวัดอรุณราชวรารามวรวิหารปรากฎสู่สายตาหลายร้อยล้านคน ถือเป็นส่วนหนึ่งในการสื่อสารประชาสัมพันธ์สื่อถึงเครือข่ายทั่วโลกได้

 

นโยบายที่ 4 กระตุ้นนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติใช้จ่ายเงินตลอดปี 2567 นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ททท.1.ทำงานร่วมกับเอกชน เช่น สมาคมโรงแรมไทย ทำโปรโมชั่นห้องพัก ขยายวันพักของนักท่องเที่ยวด้วยการจัดงานเทศกาลแสง สี เสียง ผนวกกับการขยายระยะเวลาพำนักของวีซ่านักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มคุณภาพ กระตุ้นการใช้จ่ายเงินเพิ่มได้เป็นอย่างดี 2.พัฒนาสินค้าบริการการท่องเที่ยว ทำร่วมกับไทยแลนด์ ซอฟท์ เพาเวอร์ 11 อุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ แฟชั่น ศิลปะ อาหาร วัฒนธรรม และเฟสติวัลต่าง ๆ ควบคู่กับการยกระดับสินค้าชุมชนร่วมกับกระทรวงมหาดไทย

 


ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ กล่าวว่า ทั้ง 4 นโยบายเป็นเรื่องเร่งด่วน ที่จะเพิ่มรายได้กับเป้าหมายท่องเที่ยว ที่ ททท.จะต้องนำมาแปลงให้เป็นความสำเร็จทั้งเรื่องการเพิ่มรายได้กระจายทั่วประเทศ โดยเฉพาะการยกระดับการท่องเที่ยว 55 เมืองรอง ที่จะต้องนำสินค้าซอฟท์ เพาเวอร์ เข้าไปสร้างจุดขายเพิ่มรายได้ทันที สินค้าแรกที่สามารถทำได้เลยคืออาหารมิชลินผนวกอาหารถิ่น สถิติปี 2566 เมืองรองมีรายได้และวันพักเฉลี่ยเพิ่มสูงกว่าปี 2565 และปี 2567 จะนำร่องทำโครงการ 10 เมืองรองสู่เมืองหลัก ซึ่งจะเพิ่มรายได้ไปพร้อมกัน เพราะเมืองหลักจะมีเกณฑ์คือต้องเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้ได้ปีละ 4 ล้านคน/จังหวัด

 

โดยจะคัดเลือกไฮไลต์ท่องเที่ยวงานเทศกาลแต่ละเดือน ได้แก่ เทศกาลแรก “ตรุษจีน” เดือนกุมภาพันธ์ นี้ จะพิจารณาพื้นที่เมืองรองที่จัดตรุษจีนมีชื่อเสียงติดตลาดมีชาวจีนนิยมเดินทางไปเที่ยว เช่น ราชบุรี นครสวรรค์ และจังหวัดอื่น ๆ เทศกาล 2 มหาสงกรานต์ World Water Festival ปี 2567 จะจัดยิ่งใหญ่ซึ่งไทยได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจากยูเนสโก ผลักดันให้การท่องเที่ยวเมืองรองขยายตัวมีรายได้เติบโตจากวันพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากการจัดสงกรานต์

 

ปี 2567 หน่วยงานพันธมิตรจะเป็นส่วนสำคัญอย่างมากกับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ โดยเฉพาะเอกชนจะสามารถช่วยทำให้รายได้ไปถึงเป้าหมาย จึงให้น้ำหนักการจับมือกับสายการบินนานาชาติ เพื่อเพิ่มจำนวนที่นั่งผู้โดยสารเที่ยวบินจากแต่ละตลาดมายังไทย และร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวฝั่ง supply side ในประเทศ ทำโปรโมชั่นร่วมกัน เช่น เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ สมาคมผู้ประกอบการเกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ การค้าการท่องเที่ยว และสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ  หรือแม้แต่ค่ายรถยนต์ ซึ่งล้วนอยู่ในห่วงโซ่อุปทานที่จะทำงานกับ ททท. แล้วยังได้ทำ MOU กับอีกหลายภาคส่วนมากขึ้น

 

รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการเข้าสู่ “โลกดิจิทัล” เพิ่มมากขึ้น เทรนด์ใหม่คือ AI Marketing ผนวกกับดูแลโซเชียล มีเดียว ไว้ให้ได้มากที่สุด รักษาศักยภาพไว้ให้อยู่ในระดับแถวหน้าของตลาดท่องเที่ยวระดับนานาชาติ ไปพร้อมกับกระตุ้นท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน เป็นทิศทางหลักปี 2567

 


ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ กล่าวว่า ปี 2566 ททท.ยิ้มได้เนื่องจากสามารถนำนักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยได้กว่า 28 ล้านคน เกินที่ตั้งไว้เดิม โดยมีหลายตลาดที่มีศักยภาพทำได้มากกว่าเป้าหมาย ทั้ง รัสเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ คาซัคสถาน กลุ่มอาเซียนอย่างเวียดนาม ขณะเดียวกันตลาดระยะไกลจากอเมริกา อังกฤษ ตัวเลขมาไทยดีมาก จึงขอขอบคุณ ฯพณฯ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.สุดาวรรณ ได้อนุมัติการกระตุ้นไม่ต่ำกว่า 5 มาตรการ ได้แก่

 

มาตรการที่ 1 สนับสนุนการท่องเที่ยวไฮไลต์ การยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวต่างชาติพำนักในไทย (Visa Exemtion) สาธารณรัฐประชาชนจีน กับคาซัคสถาน มาตรการที่ 2 ขยายวันพักให้นักท่องเที่ยวรัสเซียพำนักในไทยเป็นครั้งละ 90 วัน จากปกติ 30 วัน มาตรการที่ 3 ยกเว้นการยื่นแบบ ตม.6 ให้นักท่องเที่ยวตรงบริเวณด่านชายแดนสะเดาเปิดกว้างให้มาเลเซียเข้าออกไทย มาตรการที่ 4 ยกเว้นการขอวีซ่าของนักท่องเที่ยวอินเดีย และไต้หวัน มาตรการที่ 5 ขยายเวลาให้บริการสถานประกอบการบันเทิงในพื้นที่โซนนิ่ง ซึ่งมีนักท่องเที่ยวกล่าวถึงด้วย

 

ทว่าไฮไลต์สำคัญของ ททท.เรื่องหลัก 3 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 เดินหน้าทำงานอย่างใกล้กับสายการบินนานาชาติหรือ Airline Focus ตอนนี้เกิดความสำเร็จในหลายตลาด ในการเปิดเส้นทางบินตรงใหม่ ๆ  เช่น 1.กรุงเทพฯ-อิสตันบูล (ตุรกี) 2.แวนคูเวอร์ (แคนาดา)-สุวรรณภูมิ/กรุงเทพฯ 3.มิลาน(อิตาลี) -ภูเก็ต 4.ริยาด (ซาอุดิอาระเบีย)-ภูเก็ต 5.ดูไบ(สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)-อู่ตะเภา/พัทยา 6.รัสเซีย-อู่ตะเภา/พัทยา 7.ออสโลว์(นอร์เวย์)-สุวรรณภูมิ/กรุงเทพฯ

 

ส่วนที่ 2 บริหารจัดการความเสี่ยงลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งเพียงตลาดเดียว โดยรักษาสมดุลอัตราส่วนตลาดการท่องเที่ยวคุณภาพในทุกพื้นที่ให้เหมาะสม ด้วยวิธีทำโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตรเน้น More Alliance กับสายการบินต่าง ๆ ทำให้มีนักท่องเที่ยวศักยภาพเข้ามาเที่ยวเมืองไทยเกินเป้าหมาย\

ส่วนที่  3 บูรณาการความร่วมมือจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยว ตามที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเปิดงาน Thailand Winter Festival  ได้รับการพูดถึงอย่างมากทั้ง 4 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมที่ 1 สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง ปี 2566 กิจกรรมที่ 2 Amazing Thailand Marathon Bangkok 2023 มีนักวิ่งจากทั่วโลกเข้าร่วมสูงมากกว่า 20 % กิจกรรมที่ 3 วิจิตร เจ้าพระยา/Vijit Chao Phraya 2023 ตลอดเดือนธันวาคม 2566 มีนักท่องเที่ยวสนใจเข้าร่วมกว่า 500,000 คน สร้างราได้สู่การท่องเที่ยวทางตรงกว่า 800 ล้านบาท ส่งท้ายด้วย กิจกรรมที่ 4 Amazing Thailand Countdown 2024 ซึ่งทาง CNN จัดให้ไทยเป็นประเทศติด 1 ใน 10 งานเคาท์ดาวน์ของโลก

 


ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ กล่าวว่า เปิดศักราชใหม่ปี 2567 จะขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเข้ามาสนับสนุนแบบ 360 องศา โดยใช้เครื่องมือดิจิทัลเข้ามาสร้างประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ ๆ ขานรับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปเน้นเอ็กซ์คลูซีฟ เดินทางร่วมกันเป็นกลุ่มขนาดเล็ก เข้ามาแทนที่เดินทางพร้อมกันครั้งละเป็นจำนวนมากหรือ Mass tourism ททท.จึงพยายามเจาะเข้าถึงนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ และให้ความสำคัญมากกับการยกระดับความปลอดภัย และการพัฒนาท่องเที่ยวที่ยั่งยืน รักษามาตรฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงขอฝากไปยังทุกภาคส่วนเพื่อทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางหลักของ กลุ่ม First Visit หรือนักท่องเที่ยวเดินทางครั้งแรก  Re-visit หรือนักท่องเที่ยวกลับมาซ้ำ   และ Repeater นักท่องเที่ยวเลือกมาในสถานที่เดิมบ่อย ๆ

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1 ข่าวดี!!คิงเพาเวอร์คว้าWorldBrandingAwards2024  

นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า   มีข่าวดีต้อนรับศักราชใหม่ปี 2567 ทางกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ สร้างความสำเร็จ คว้ารางวัล สุดยอดแบรนด์ของโลกแห่งปี 2023-2024 หรือ BRAND OF THE YEAR” ต่อเนื่องปีที่ 9 จากเวที WORLD BRANDING AWARDS ครั้งที่ 17 ที่มอบให้แบรนด์ชั้นนำทั่วโลก รางวัลดังกล่าวนี้สะท้อนการทำงานอย่างหนักของ คิง เพาเวอร์  มุ่งสร้างความแข็งแกร่งพร้อมส่งมอบประสบการณ์เชิงสร้างสรรค์ และสร้างความประทับใจให้กับนักเดินทางยาวนานกว่า  34 ปี ด้วยบริการที่เป็นเลิศ นำเสนอสินค้าตอบโจทย์ตรงใจนักเดินทาง จึงครองความเป็นหนึ่งในใจนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยว ทุกฝ่ายภูมิใจกับความมุ่งมั่นพัฒนามอบประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าอยู่เสมอ สร้างพลังความเป็นไปได้ สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในเวทีระดับโลก ตามแนวคิด “THE POWER OF POSSIBILITIES ชีวิตไม่หยุดค้นหาความเป็นไปได้”

 

นำโดย “คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี” ซึ่งเวทีโลกการันตีและยอมรับมาตรฐานคุณภาพการให้บริการและสินค้าต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ด้วยการมอบรางวัล สุดยอดแบรนด์ของโลกแห่งปี 2023-2024” ในสาขาค้าปลีกสินค้าดิวตี้ ฟรี (Retailer-Duty Free Category) ที่มีบริการเป็นเลิศ พัฒนาสินค้าตอบโจทย์ตรงใจนักเดินทางผ่านการเชื่อมโยงให้ทุกความต้องการเป็นไปได้แบบไม่รู้จบ กระทั่งสามารถครองความเป็นหนึ่งในใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

 

นายอัยยวัฒน์ ย้ำว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ต้องขอขอบคุณทุกเสียงตอบรับจากลูกค้า นักท่องเที่ยว พันธมิตรทางธุรกิจ และคณะกรรมการ ซึ่งพิจารณาให้ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติแห่งปีครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นพลังสร้างแรงบันดาลใจขับเคลื่อนธุรกิจอย่างแข็งแกร่งต่อไป เพื่อทุกคนและประเทศไทย

 

สำหรับการตัดสิน WORLD BRANDING AWARDS ครั้งที่ 17 มีแบรนด์ที่ได้รับการนำเสนอชื่อกว่า 1,500 แบรนด์ ที่ “คิง เพาเวอร์” ชนะเกณฑ์การตัดสินเป็น 1 ใน 200 แบรนด์ทั่วโลก ได้รับรางวัล สุดยอดแบรนด์ของโลกแห่งปี 2023-2024” หรือ BRAND OF THE YEAR ระดับ National Award  สาขาค้าปลีกสินค้าดิวตี้ ฟรี (Retailer-Duty Free Category) มีตัวแทนผู้บริโภคร่วมคัดเลือกแบรนด์คุณภาพ และเป็นแบรนด์ชั้นนำในหลายประเทศของแต่ละภูมิภาค พิจารณาด้วยหลักเกณฑ์เฉพาะสำคัญ 3 ด้านหลัก ประกอบด้วย

 

ด้านที่ 1 การวิจัยตลาดผู้บริโภค ด้านที่ 2 การประเมินมูลค่าแบรนด์ ด้านที่ 3 การลงคะแนนจากประชาชน โดยแบรนด์ที่คว้ารางวัลนี้ ต้องเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและได้รับคะแนนโหวตจากผู้บริโภคครอบคลุมทั้ง 35 ประเทศ จาก 6 ทวีป มีคุณสมบัติเป็นแบรนด์โดดเด่น มีคุณค่า มีภาพลักษณ์ที่ดีและเข้าถึงทุกเจเนอเรชั่น

 

นายอัยยวัฒน์ยืนยันว่า รางวัลนี้พลังงานทุกคนทุกระดับของ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมกันสร้างความสำเร็จเป็นพลังสำคัญที่จะสร้างสรรค์ประสบการณ์ท่องเที่ยวเมืองไทยอย่างเหนือระดับ ส่งมอบสินค้าและบริการครอบคลุมทุกมิติ   ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นักเดินทางทั่วทุกมุมโลก แทนคำขอบคุณในความไว้วางใจและเลือกให้ คิง เพาเวอร์ เป็นแบรนด์ในดวงใจของผู้บริโภคมาตลอดกว่า 3 ทศวรรษครึ่ง นับจากนี้เป็นต้นไปจะได้นำความไว้วางใจไปเร่งพัฒนาทำทุกอย่างให้เป็น ไป ได้ ด้วยประสบการณ์เชิงคุณค่าและมูลค่าอย่างมีคุณภาพต่อไป

 

ข่าวที่ 2 “คิงเพาเวอร์มหานคร”โปรวันเด็กฟรีสกายวอล์คพร้อม3สนุก

 


คิง เพาเวอร์ มหานคร เตรียมมอบความสนุกสนานด้วยอีเวนต์ดี ๆ ต้อนรับเทศกาลพิเศษ “วันเด็ก 2567” วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2567 เปิดพื้นที่ความสนุกจบครบที่เดียว ชวนทุกครอบครัวเข้าร่วมงานความประทับใจ ตื่นเต้น พร้อมเสียงหัวเราะ เพิ่มประสบการณ์น่าจดจำรับปีมังกรทอง ทางทีมมหานคร สกายวอล์ค มีแคมเปญเปิดให้เด็ก ๆ ขึ้นฟรีไปสัมผัสความสูงชมเส้นขอบฟ้ากรุงเทพมหานคร เมื่อผู้ปกครอง ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ในแต่ละครอบครัวซื้อบัตรเข้าชมสกายวอล์ค 1 ใบ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 19.00 น.  น้อง ๆ อายุระหว่าง 3 – 12 ปี สามารถขึ้นไปชมพร้อมครอบครัวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายวิวพาโนรามาแบบ 360 องศาของกรุงเทพฯ

 

ตลอดวันเด็ก เสาร์ที่ 13 มกราคม 2567 คิง เพาเวอร์ มหานคร ได้จัดกิจกรรมไฮไลท์ ให้หนู ๆ น้อง ๆ ได้ร่วมสนุกสนานดังนี้

 

กิจกรรมที่ 1 โบโซ่และมาสคอตแฟนซี เริ่มต้นความสนุกกับโบโซ่แจกลูกโป่ง และมาสคอตสุดน่ารัก พร้อมจะมาสร้างเสียงหัวเราะแจกลูกโป่งให้น้อง ๆ ตั้งแต่ 11.00 – 13.00 น.

 

กิจกรรมที่ 2 การแสดงมายากล ชั้น 74 หรือจุดชมวิวภายในอาคาร ชวนเด็ก ๆ มาเพลิดเพลินกับการแสดงมายากลถึง 2 รอบ รอบแรก 13.00 – 13.30 น. รอบสอง 16.00 – 16.30 น.

 

กิจกรรมที่ 3 ชมพระอาทิตย์ตกดินพร้อมเพลิดเพลินกับเสียงเพลงจากดีเจตัวน้อย เตรียมพบกับดีเจอายุน้อยที่สุด “ดีเจออสติน : DJ Austin” เยาวชนผู้มากด้วยความสามารถ จะมาสร้างสีสัน และเสียงเพลงสุดมันส์ บนชั้น 78 ให้ได้สนุก ๆ กันแบบยาวช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ตั้งแต่ 17.00 – 18.30 น.

 

รวมทั้ง คิง เพาเวอร์ มหานคร พร้อมมอบความพิเศษวันเด็กปี 2567 ให้แต่ละครอบครัวได้ใช้ความสุขร่วมกันด้วยการเลือกอิ่มอร่อยกับมื้ออาหารจานโปรด ได้ที่ มหานคร อีทเทอรี่  โดยมีร้านสุดชิคให้เลือกลิ้มลองได้ถึง 7 ร้าน โดยมีโปรโมชั่นพิเศษ เมื่อรับประทานอาหารครบ 1,500 บาท รับบัตรฟรี สำหรับผู้ใหญ่ เพื่อเข้าชม มหานคร สกาลวอล์ค ส่วนเด็ก ๆ รับฟรี ไอศครีมแสนอร่อยจากร้าน ICI  สิทธิพิเศษนี้ทำขึ้นเฉพาะจึงไม่ได้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่น ๆ

 

วันเด็กแห่งปี เสาร์ที่ 13 มกราคม 2567 ชวนเด็ก ๆ มาเพิ่มประสบการณ์พิเศษวนไปรับทุก  เป็น ไป ได้ ที่ คิง เพาเวอร์ มหานคร ได้ตลอดทั้งวัน สนุกสนาน จบครบที่เดียว

 


ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์แจกสุขแล้วสุขอีกแลก2,024กะรัตส่วนลดอื้อ

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มอบของขวัญแบบไม่หยุดกับ “2024 สุขแล้ว สุขอีก” ต้อนรับปีใหม่ แลกก่อน สุขก่อน กับกะรัตรีวอร์ด พิเศษเฉพาะ 2,024 คนแรก ช้อปด่วนวันนี้-31 มกราคม 2567  ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต

 

 

1.แลก 24 กะรัต รับคูปองส่วนลด 1,000 บาท สำหรับช้อป 4,500 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ

 

2.ยิ่งช้อป ยิ่งสุขอีก รับคืน GIFT VOUCHER สูงสุด 15,000 บาท/ คน / วัน ได้ดังนี้คือเมื่อช้อปครบทุก 15,000 บาทสุทธิ รับคืนทันที Gift Voucher 1,000 บาท  และ/หรือ รับพิเศษ Gift Voucher 5,000 บาท

 

ข่าวที่ 4 นายกฯเศรษฐาดันเที่ยวเชียงใหม่อู้ฟู่/ททท.ผุด3โปรเจกต์

 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผย ภายหลังการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ว่า ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการเชื่อมโยงระบบขนส่งการเดินทาง การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละออง PM 2.5  โดยมี 3 รัฐมนตรีเข้าร่วมด้วย ทั้งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายณณัฏฐ์ หงส์ชูเวช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และนายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท.

 

โดยที่ประชุมรับทราบ  3 เรื่องหลัก ได้แก่ เรื่องที่ 1 ความคืบหน้าการปรับปรุงโครงข่ายถนนในเขตเมืองเชียงใหม่วงแหวนให้เชื่อมต่อกันได้ครบวงจรรอบ 3 วง เรื่องที่ 2 แผนพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะรถไฟฟ้าใต้ดิน LRT สายสีแดง น้ำเงิน เขียว เชื่อมโยงสนามบินเชียงใหม่ สู่ตัวเมืองและแหล่งท่องเที่ยว เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว เรื่องที่ 3 ลดปัญหาฝุ่นละอองพิษ PM 2.5 ตามแผนระยะสั้นภายในเดือนเมษายน 2567 จะเปิดเส้นทางเดินรถโดยสารสาธารณะใหม่ 3 เส้นทาง เชื่อมเข้าสนามบินเชียงใหม่ สถานีรถไฟ และแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 7 แห่ง ได้แก่ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ น้ำตกห้วยแก้ว สวนสัตว์เชียงใหม่ เวียงกุมกาม และวัดพระธาตุดอยคำ

 

รวมทั้งจะเปลี่ยนรถแดงเชียงใหม่ให้เป็นรถแดงไฟฟ้า (EV) ลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและฝุ่นละออง จัดตั้งป้ายรถเมล์อัจฉริยะ Smart Bus Stops และ Smart Bus System ขณะที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่จะเพิ่มขีดความสามารถรองรับเป็นปีละ 18 ล้านคน จากปัจจุบัน 8 ล้านคน และอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้การสร้างท่าอากาศยานล้านนาเป็นสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 หลังจากได้ประกาศให้สนามบินเชียงใหม่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง และมาตรการวีซ่าฟรี ทำให้เที่ยวบินเพิ่มขึ้น 100 เที่ยว/สัปดาห์ นำนักท่องเที่ยวตลาดสำคัญเข้าสู่เชียงใหม่ 4 ประเทศ ได้แก่ จากเซี่ยงไฮ้ ฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน คันไซ ญี่ปุ่น ไทเป ไต้หวัน นิวเดลีและมุมไบ อินเดีย  

นอกจากนี้ยังเตรียมพัฒนาปรับปรุงทางหลวงให้เข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวอย่างสะดวก 6 เส้นทาง ได้แก่ 1.เชียงใหม่-เชียงราย 2.เชียงใหม่-ลำพูน 3.จอมทอง-ฮอด 4.เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน 5.เชียงใหม่-ปาย 6.เชียงใหม่-แม่กำปอง-กิ่วฝิ่น-แจ้ซ้อน กับทำทางเดินเท้าขึ้นดอยสุเทพ  

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท.เชื่อมั่นการพัฒนาระบบขนส่งเชื่อมโยงทั้งทางบกและทางอากาศจะเพิ่มขีดความสามารถกับศักยภาพเชียงใหม่ในการเดินทางเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกเกิดการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวทั่วเชียงใหม่และเชื่อมโยงพื้นที่จังหวัดโดยรอบ ดังนั้น ททท.จึงจะเดินหน้าต่อยอดทำทันที 3 โครงการ ประกอบด้วย

 

โครงการที่ 1 ททท. สำนักงานเชียงใหม่เสนอเปิดท่องเที่ยวเชื่อมโยงเพิ่ม 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ท่องเที่ยว Chiangmai Faithival หรือเที่ยวเชียงใหม่มหาศรัทธา และ เส้นทาง 2 Chiang Mai I Care เที่ยวเชียงใหม่ สรรค์สร้างประสบการณ์ สร้างการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้อย่างยั่งยืน รองรับตลาดกลุ่มครอบครัวเสนอขายกับคนไทยและต่างชาติ

 

โครงการที่ 2 ส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเชียงใหม่ตลอดทั้งปี ภายใต้แนวคิด “12 เดือน 12 เทศกาล ต่อยอดสนับสนุนการจัดงานเทศกาลประเพณีให้เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งเทศกาลหรือ Chiang Mai Festival City มุ่งกระจายการท่องเที่ยวโดยจะไม่กระจุกตัวอยู่ช่วงเวลาเดียว

 

โครงการที่ 3 เร่งผลักดันให้เชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางตลาดทำงานได้เที่ยวด้วยหรือ Workation และ Digital Nomad พร้อมสร้างการรับรู้ผ่านโซเชียล มีเดีย แพลตฟอร์ม ผ่านอินฟลูเอนเซอร์กับเครือข่ายพันธมิตรสื่อมวลชนของ ททท.ต่างประเทศทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์

 

สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวเชียงใหม่ตัวเลขล่าสุด 11 เดือน ระหว่างมกราคม - พฤศจิกายน 2566 มีผู้เยี่ยมเยือนรวม 9.4 ล้านคน-ครั้ง เติบโต 24 % เทียบกับปี 2565 สร้างรายได้กว่า 75,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47 % เทียบกับปี 2565 มีส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวคนไทย  73 % ต่างชาติ 27 % ซึ่งนิยมท่องเที่ยวเชียงใหม่ไฮไลต์ 5 ตลาด ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง และมาเลเซีย

 

ปัจจุบันเชียงใหม่มีเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศบริการ 606 เที่ยว/เดือน  รวม 109,440 ที่นั่ง มาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมากสุด 7 เมือง คือ ปักกิ่ง หางโจว เฉินตู กวางโจว เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง จิ่นหง   เวียดนาม 3 เมือง คือ ดานัง ฮานอย โฮจิมินห์  กัวลาลัมเปอร์/มาเลเซีย สิงคโปร์   หลวงพระบาง/สปป.ลาว ย่างกุ้ง/เมียนมา ไทเป/ไต้หวัน เกาหลีใต้ 2 มือง คือ อินชอนกับปูซาน คันไซ/ญี่ปุ่น   ฮ่องกง และมาเก๊า 

 

ข่าวที่ 5 บางจากวางศิลาฤกษ์ลงทุนหน่วยผลิตน้ำมันSAF8.9ไร่

 

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ ก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF) ในพื้นที่ 8.9 ไร่ ภายในพื้นที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมคณะสงฆ์ ร่วมสวดเจริญพระพุทธมนต์พิธีวางศิลาฤกษ์ หน่วยผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF) ของกลุ่มบริษัทบางจาก

 

สำหรับการลงทุนครั้งนี้ถือเป็นหน่วยผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน SAF แห่งแรกในประเทศไทย คาดจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จสามารถเริ่มผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2568 ด้วยกำลังการผลิตระยะเริ่มต้นวันละ  1,000,000 ลิตร ดำเนินการโดย บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด มีหน้าที่จัดหานำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วจากครัวเรือนและภาคธุรกิจผ่านโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” รวมถึงผ่านช่องทางอื่น ๆ มาผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนและน้ำมันแนฟธายั่งยืน ประกอบด้วย 2 หน่วยหลัก คือ 1.หน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันใช้แล้ว (Pretreating Unit, PTU) 2.หน่วยผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel Unit, SAFU)   

 

            ช่วงที่ 2  เที่ยวไทยไปสุขทันทีที่ “ลำปาง” ในงาน “ปอยต่างข้าวซ่อมต่อ” โชว์วิถีดั้งเดิมตื่นตาศิลปะพม่า 9 วัด แล้วดื่ม “น้ำผึ้งผสมมะนาว” ดีต่อสุขภาพมากกว่าอร่อย และข่าวฮ็อต ข่าวแรก “โรงแรมไทยจับมือแบงก์ชาติ” ทำโพลล์ห้องพักไตรมาส 1 ปี67 ทั่วไทยรายได้ยังไม่ฟื้น ข่าวที่สอง “จัดใหญ่งานสังคมสุขใจ” เปิดโลกอินทรีย์ท่องเที่ยวเชิงเกษตร

 

ท่องเที่ยว –เที่ยวลำปางงานประเพณีปอยต่างข้าวชมศิลปะพม่า9วัด

 

ตั้งเข็มไมล์ออกเดินทางเที่ยวงานประเพณี “ปอยต่างข้าวซ่อมต่อ” เยี่ยมชมศิลปะวัดพม่าและท่องเที่ยวเส้นทางสายศรัทธาวัดงามแห่งเมียนมา 9 วัด ระหว่างวันที่ 20-21 มกราคม 2567 เวลา 17.00-20.00 น. นำเสนอพื้นที่หลัก วัดจองคา(ไชยมงคล) อ.เมือง จ.ลำปาง

           

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานลำปาง เล่าว่างานประเพณีปลอยต่างข้าวซ่อมต่อ ทางมหาวิยาลัยราชภัฎลำปาง เป็นผู้ริเริ่มจัดขึ้นร่วมกับ จังหวัดลำปาง และภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ต้องการฟื้นฟูเทศกาลประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อวัดศิลปะพม่าเมืองลำปางยกระดับเศรษฐกิจฐานรากจากทุนวัฒนธรรมที่มีให้โดดเด่นทางการท่องเที่ยวสายศรัทธาซึ่งกำลังเติบโตในปัจจุบัน โดยเฉพาะวัดอันงดงามศิลปะเมียนมา 9 วัด 9 พิกัด ชวนคนมาเที่ยว

 

พิกัดที่ 1 วัดจองคา (วัดไชยมงคล) สถาปัตยกรรมยุโรปกับเมียนมา ปี 2559 เคยได้รางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทอาคารศาสนสถาน

 

พิกัดที่ 2 วัดป่าฝาง โดดเด่นด้วยเจดีย์ทรง 8 เหลี่ยม ประดับพระพุทธรูปและสัตว์ประจำทิศและประจำวันเกิด

 

พิกัดที่ 3 วัดศรีชุม เป็นวัดพม่าขนาดใหญ่ที่สุดในไทย มีครบทั้งวิหาร โบสถ์ เจดีย์ กุฎี ซุ้มประตู ภายในมีพระประทานปางมาวิชัยศิลปะพม่า

 

พิกัดที่ 4 วัดศรีรองเมือง สร้างด้วยไม้สัก ภายในวิหารประดับด้วยเสาไม้ปั้นรักเป็นลายเครื่องดอกไม้สวยงาม

 

พิกัดที่ 5 วัดม่อนจำศีล โดดเด่นด้วยเจดีย์ทรงพม่า 3 องค์ เป็นเจดีย์ทอง และ อรหันต์ 8 ทิศ สถานที่ประดิษฐานพระเจ้าทันใจ

 

พิกัดที่ 6 วัดม่อนปู่ยักษ์ มีเจดีย์ศิลปะพม่าตั้งอยู่บนฐานประทักษิณขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว มีจิตรกรรมฝาพนังแบบพม่าหนึ่งในแบบสกุลช่างสำคัญของไทย บ่งบอกถึงวิถีชีวิตความเชื่อและศรัทธา

 

พิกัดที่ 7 วัดท่ามะโอ ความน่าสนใจคืออุโบสถทั้งหลังสร้างด้วยปูน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะพม่า ปางมารวิชัย

 

พิกัดที่ 8 วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม เก่าแก่กว่า 500 ปี เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกด ภายในวัดมีเจดีย์องค์ใหญ่ และมณฑปปราสาทพม่าทั้งหลัง

 

พิกัดที่ 9 วัดพระเจดีย์ซาวหลัง มีความหมายถึงวัดที่มีพระเจดย์ 20 องค์ ลักษณะการสร้างด้วยเจดีย์ขนาดเล็กศิลปะพม่าผสมล้านนา แล้วมีเจดีย์ใหญ่อยู่ตรงกลาง หากไหว้ครบทั้ง 20 องค์ จะถือเป็นผู้มีบุญมาก

 

นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมงานบุญปอยต่างข้าวซ่อมต่อ วันที่ 20-21 มกราคม นี้ จะได้ร่วมกิจกรรม นั่งรถราง ชมวัดพม่า สักการะเทพทันใจ โดยซื้อแพ็กเกจ หลง ม่าน ลำปาง จะได้รับสิทธิ์ฟรีทำ DIY ยาดมสมุนไพร สูตรพม่า SAYA  เพียงนักท่องเที่ยวสแกน QR-CODE จองรอบรถรางเพื่อการท่องเที่ยวท่องเที่ยวจากลิ้งค์ https://forms.gle/6aeqS1nQk7xgmwUc9

 

แล้วมาสร้างสีสันด้วยการแต่งกายย้อนวันวาน (ชุดพม่า ชุดพื้นเมืองหรือชุดย้อนยุค) ตามรอยมุมภาพถ่ายนิตยสารโวค ได้ฟรีตลอดงานประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ วัดศิลปะพม่าลำปาง   วันเสาร์ที่ 20 มกราคม 2567 ช่วงเย็น 17.00-20.00 น. ที่วัดจองคา(ไชยมงคล) ภายในงานยังจะได้ชิมอาหารถิ่น ถ่ายภาพมุมฮิต พร้อมรับไฟล์ภาพฟรีทันทีเป็นของที่ระลึกได้ด้วย ไฮไลต์กิจกรรมที่เตรียมไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งเสาร์และอาทิตย์มีดังนี้

 

วันเสาร์ที่ 20 มกราคม 2567 เริ่มตั้งแต่ 09.00 - 21.00 ฟังเสวนาตามรอยพม่า-ไทใหญ่นครลำปาง  ชมการประกวดต่าง ๆ เช่น ทำแกงฮังเล  จัดหม้อดอก การแต่งกายธีมพม่า-ไทใหญ่สำหรับผู้เข้าร่วมงาน  ร่วมเวิร์คช็อปทำอาหารกับงานหัตถศิลป์  ชมการแสดงซึ่งมีอัตลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น อย่าง ฟ้อนหุ่นกระบอกพม่า  การแสดงนกกิงกะหร่า  การแสดงตีกลองปู่จา การเดินแฟชั่นโชว์ชุดพม่าไทใหญ่และชุดราชสำนักสุดอลังการ  ชมขบวนแห่เครื่องสักการะ ขบวนเริ่มจากมิวเซียมลำปาง ไปสิ้นสุดขบวนที่วัดไชยมงคล 

 

ต่อเนื่องถึงการร่วม ชิม แชะ อป สินค้าพื้นเมือง สินค้าพม่า-ไทใหญ่ เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพที่นำมาเสนอภายในงานมากมาย แล้วยังเปิดให้ลงทะเบียนรับคูปองเพื่อทานอาหารจากโรงทานฟรี

 

วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม 2567 ช่วงเช้า 05.00 . – 07.00 น. ร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ล้างหน้าพระมหามัยมุนีจำลอง ครั้งแรกของนครลำปาง และพิธีถวายข้าวซ่อมต่อ  รับผ้าเช็ดหน้าของพระมหามัยมุนี จากวัดมหามัยมุนี เมืองมัณฑเลย์ เมียมมา

 

สำหรับ “ปอยต่างข้าวซ่อมต่อ” เป็นประเพณีของชุมชนชาวพม่าไทใหญ่ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในลำปางกว่า 184 ปี ตั้งแต่ยุคสมัยสัมปทานป่าไม้ พ.ศ.2383 ตามรากศัพท์ “ปอย” ในภาษาล้านนามาจากคำว่า แปวว์ ในภาษาพม่าแปลว่า งานบุญ ส่วน “ซ่อมต่อ” มาจากคำว่า ซุน แปลว่า ข้าว และ ต่อ คือการถวายปอยต่างข้าวดังนั้นการซ่อมต่อจึงหมายถึงการทำบุญโดยถวายข้าว โดยคนลำปางนำคำว่า “ซ่อมต่อ” มาตีความหมายแบบภาษาท้องถิ่นแบบไทย คือจัดงานบุญเพื่อซ่อมบำรุงข้าวของเครื่องใช้โดยเฉพาะหมวดเครื่องครัวที่ชำรุดเสียหาย แล้วนำภาชนะใหม่ที่จะถวายมาใส่ข้าวสาร ตกแต่งประดับให้สวยงามถือเป็นกุศโลบายดูแลข้าวของเครื่องใช้ของวัด เป็นทรัพย์สินสาธารณะหรือของชุมชนซึ่งชาวบ้านมักจะเข้ามาหยิบยืมใช้

 

ด้วยเรื่องราวมีเอกลักษณ์การปฏิบัติสืบต่อกันมาตามประเพณีอันดีงาม ททท.และหน่วยงานเกี่ยวข้องขึ้นได้นำมาเสนอ “งานปอยต่างข้าวซ่อมต่อ” ให้รู้จักอย่างแพร่หลายสู่คนเมืองจัดงานบุญเพื่อซ่อมแซมภาชนะหรือสร้างใหม่แทนของเดิมที่ชำรุด เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน แล้วยังสร้างประสบการณ์มุมใหม่กับวิถีชีวิตงานประเพณีพื้นถิ่นที่อยู่คู่ลำปางมาอย่างยาวนานสืบต่อไป  

 

สุขภาพ –แนะนำ!!ดื่มน้ำผึ้งมะนาวมีดีต่อสุขภาพมากกว่าอร่อย

 

 หลายคนคงได้รู้เรื่องสรรพคุณของ “น้ำผึ้งมะนาว” มาบ้างแล้ว คนส่วนใหญ่มักจะนำน้ำผึ้งและมะนาว มาผสมกันแล้วดื่ม เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพผิว ระบบทางเดินอาหาร สูตรนี้มีมาตั้งแต่โบราณ จนปัจจุบันก็ยังคงเป็นสูตรยอดฮิตสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการจะลดน้ำหนัก และอยากมีผิวสวยด้วย

 

สาเหตุที่น้ำผึ้งมะนาวถึงเป็นที่นิยม มีประโยชน์ต่อสุขภาพมหาศาลเลยทีเดียว  ดังต่อไป

 

1.แก้ไอ ในน้ำมะนาวมีกรดซิตริก และวิตามินซีอยู่มาก ซึ่งกรดซิตริกในน้ำมะนาวก็มีฤทธิ์ช่วยลดไข้ บรรเทาอาการกระหายน้ำ ช่วยให้ลำคอชุ่มชื้น และวิตามินซียังมีสรรพคุณช่วยแก้อาการหวัดได้อีกด้วย ยิ่งเมื่อจิบน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นและน้ำผึ้งด้วยแล้ว ฤทธิ์คล้ายยาปฏิชีวนะในน้ำผึ้ง ก็จะช่วยกำจัดเชื้อไวรัสที่ทำให้เราไอ แก้ไอได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรเลย

 

2.แก้เจ็บคอ - หากใครมีอาการเจ็บคอ ฟีลเหมือนจะไข้ขึ้น ลองจิบน้ำผึ้งมะนาวอุ่น ๆ โดยบีบมะนาวครึ่งลูก ผสมในน้ำอุ่น 1 แก้วกาแฟ และตักน้ำผึ้งสัก 2 ช้อนชาลงไปคนให้เข้ากัน ทั้งวิตามินซี กรดซิตริก และฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสของน้ำผึ้ง จะบรรเทาอาการเจ็บคอที่เป็นอยู่ได้

 

3.ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร การดื่มน้ำผึ้งมะนาว ส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหารเช่นกัน เพราะในน้ำผึ้งเองมีฤทธิ์คล้าย ๆ โพรไบโอติก จึงช่วยปรับสมดุลการทำงานของลำไส้ได้ อีกทั้งด้วยความที่มีคุณสมบัติคล้ายยาปฏิชีวนะชนิดเบา น้ำผึ้งจึงช่วยกำจัดแบคทีเรียตัวร้ายในลำไส้ได้พอสมควรด้วย ระบบย่อยอาหารของเราจึงมีความสมดุล ทำงานคล่องขึ้นกว่าเดิมได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ มะนาวเองก็เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อด้วยอีกทาง ดังนั้นใครที่ระบบย่อยอาหารเหมือนจะป่วย ๆ จิบน้ำผึ้งมะนาวสักแก้วคงดีไม่ใช่น้อย

 

4.แก้ท้องผูก มะนาวมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของลำไสัได้ในบางคน เพราะจัดเป็นยาระบายอ่อน ๆ ซึ่งหากต้องการจะดื่มน้ำมะนาวแก้ท้องผูก แนะนำให้ดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งแทนการใส่น้ำเชื่อมหรือน้ำตาล เพื่อช่วยลดปริมาณแคลอรีและปริมาณน้ำตาลที่ร่างกายจะได้รับ และข้อสำคัญคือต้องจิบน้ำผึ้งมะนาวในช่วงเช้า ก่อนอาหารเช้าได้จะยิ่งดี ซึ่งก็จะช่วยระบายท้องได้ดีกว่ายาระบายเป็นไหน ๆ

 

5.ป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ -โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เกิดจากการที่ร่างกายติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งภาวะนี้ มักจะเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงมีขนาดสั้น และอยู่ใกล้กับทวารหนัก โอกาสติดเชื้อแบคทีเรียจากทวารหนักจึงมีมากกว่าเพศชาย แต่โรคนี้น้ำผึ้งมะนาวช่วยป้องกันได้ เนื่องจากมะนาวเป็นสมุนไพรที่มีโพแทสเซียมค่อนข้างสูง และสารชีวเคมีตัวนี้ มีฤทธิ์ช่วยขับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะและตับออกไปได้ อีกอย่างอย่าลืมสรรพคุณคล้ายยาปฏิชีวนะของน้ำผึ้ง ที่จะช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่อาจหลงเข้ามาในร่างกายเราด้วย

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก –โรงแรมไทย/แบงก์ชาติชี้Q1ปี67รายได้ทั่วไทยไม่ฟื้น

 

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA :Thai Hotels Association) เปิดเผยว่า มีผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมเดือนธันวาคม 2566 ที่สมาคมโรงแรมไทยร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยจัดทำให้เห็นถึงสถานการณ์แนวโน้มของธุรกิจช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 โรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป ส่วนใหญ่กว่า 80 % ประเมิน “รายได้” ยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาเท่าก่อนปีเกิดโควิด บางกลุ่มยืนยันจะเริ่มฟื้นจริงปี 2568 และมีลูกค้าต่างชาติไม่นับรวมตลาดสาธารณรับประชนจีนแนวนโน้มภาพรวมไตรมาสแรกปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ส่วนลูกค้าคนไทยจะทรงตัว  

 

ในจำนวนนี้มีโรงแรมประมาณ 20% มีรายได้เท่ากับหรือมากกว่าช่วงโควิดแล้ว ส่วนใหญ่เป็นระดับ 4 ดาวขึ้นไป ในภาคกลางและภาคใต้ แต่โรงแรมอีก 10% คาดยังไม่สามารถทำรายได้กลับสู่ระดับเดิม รวมทั้งผลสำรวจครั้งนี้เรื่อง “ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน” ช่วงเดือนธันวาคม 2566 เปรียบเทียบกับก่อนเกิดโควิด พบโรงแรมกว่า 50% ปรับราคาห้องพักได้สูงกว่าช่วงก่อนโควิด โดยเฉพาะโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป ภาคใต้ แต่โรงแรมส่วนใหญ่ไม่เกิน 3 ดาว ยังปรับราคาได้จำกัด อย่างภาคอีสานต้องขายห้องพักราคาใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิดต่อไป

 

ขณะที่ “อัตราการเข้าพักเฉลี่ย” ช่วงไฮซีซันตลอดเดือนธันวาคม 2566 ที่พักทั่วไทยทำด้ 68% เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน คาดการณ์เดือนมกราคม 2567 จะทำได้ประมาณ 65% เป็นผลมาจากผลสำรวจของผู้ตอบแบบสอบถาม 71 % ที่มีต่างชาติเข้าพัก 50 % ระบุภาพรวมมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติใกล้เคียงกับเดือนก่อนตลาดหลักจะเป็น เอเชีย (ไม่รวมจีน) ตะวันออกกลาง (ไม่รวมจีน) และยุโรปตะวันตก กระจายเข้าพักระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2566 แบ่งตามรายภูมิภาค เป็นดังนี้

 

“ภาคกลาง”เดือนพฤศจิกายน 70.3 %      เดือนธันวาคม 77  % “ภาคใต้”เดือนพฤศจิกายน 69.7% เดือนธันวาคม 75.1 % “ภาคตะวันออก” เดือนพฤศจิกายน 64.6 % เดือนธันวาคม 65.8 % “ภาคเหนือ” เดือนพฤศจิกายน 62.3 % เดือนธันวาคม 65 % และ “ภาคอีสาน” เดือนพฤศจิกายน 43.3 %เดือนธันวาคม 38.3 %

 

ส่วน “การจ้างงาน  โรงแรมกว่า 60% ต้องเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงานเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้ส่วนใหญ่ไปกระทบคุณภาพให้บริการ แต่ไม่กระทบความสามารถที่จะรองรับลูกค้า

 

จากสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับธุรกิจโรงแรม ทำให้ผู้ประกอบการต้องการให้ภาครัฐพิจารณาความช่วยเหลือ 4 มาตรการ คือ

 

มาตรการที่ 1 กระตุ้นการท่องเที่ยวไทยต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มจำนวนและเน้นตลาดคุณภาพ เปิดวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมกับกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะเมืองรอง

 

มาตรการที่ 2 ช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่าย ลดราคาพลังงาน ค่าสาธารณูปโภค และค่าแรง ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของธุรกิจโรงแรม

 

มาตรการที่ 3 ด้านแรงงาน เช่น ช่วยพัฒนาและอบรมบุคลากร ยกระดับฝีมือแรงงานและเพิ่มบุลคากรภาคท่องเที่ยวให้มากขึ้น

 

มาตรการที่ 4 ด้านการเงิน พิจารณาเรื่องสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ธุรกิจโรงแรมนำไปใช้ปรับปรุงที่พักเพื่อสามารถแข่งขันได้ และมีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจฟื้นตัวได้  

 

ข่าวที่สอง -สังคมสุขใจจัดใหญ่ที่สามพรานบูมทัวร์เกษตรอินทรีย์

 

นายอรุษ นวราช ผู้ก่อตั้งสามพรานโมเดล เปิดเผยว่า ในฐานะเลขานุการมูลนิธิสังคมสุขใจ  ได้จับมือกับพันธมิตรจัดงาน “สังคมสุขใจครั้งที่ 9 ภายใต้แนวคิด "รวมพลังขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์” ระหว่างวันที่ 26-28 มกราคม 2567 ตลอด 3 วัน เปิดทุกวันตั้งแต่ 09.00-17.00 น. ที่สวนสามพราน จ.นครปฐม โดยมีเครือข่ายทั่วประเทศเข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 200 บูธ เพื่อเชิญชวนให้ผู้บริโภค หรือคู่ค้าทางธุรกิจมาร่วมงานฟรี พร้อมกับแลกเปลี่ยนเพิ่มประสบการณ์สุดปังกับ 9 ไฮไลท์ ทั้งความรู้ เวิร์คช็อป เครือข่าย และสินค้าเกษตรอินทรีย์ จากเกษตรกรเครือข่ายทั่วประเทศ เดินหน้าผลักดันเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม  สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ตอบโจทย์เทรนด์โลกสายกรีนเต็มรูปแบบ   

 

การจัดงานครั้งนี้ทางมูลนิธิสังคมสุขใจ ร่วมกับพันธมิตรท่อเงที่ยวหลัก ๆ มี สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ องค์การมหาชน “TCEB/สสปน.” การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กลุ่มเซ็นทรัล Rxv Wellness Village PTTGC SCGP สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ภาคีภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ทั่วประเทศ  

 

ตลอดงานได้ออกแบบกิจกรรมต่าง ๆ ตอบโจทย์ความยั่งยืน หรือ Sustainability และร่วมผลักดันซอฟท์พาวเวอร์ เกี่ยวกับการกินอยู่ตามวิถีอินทรีย์ ทำให้เห็นความเชื่อมโยงของสังคมอินทรีย์ความเกื้อกูล เป็นวัฒนธรรมไทยที่ดีงามและมีคุณค่า ผ่านผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น อาหารไทย สมุนไพรไทย อันมีรากฐานมาจากภูมิปัญญาและความเป็นไทย อีกทั้งมุ่งสนับสนุน BCG Economy ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทย และกระแสโลก

 

 

พร้อมกับวางกลยุทธ์จัดเป็นงานรวมตัวของกลุ่มผู้ขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์ ทั้งห่วงโซ่มากที่สุด ตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลาย มาพบปะกันปีละครั้ง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การผลิต การจำหน่าย การตลาด นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ผนวกกับขยายความร่วมมือเชื่อมโยงพันธมิตรใหม่ๆ และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจโดยเฉพาะเกษตรกรต้นน้ำ โดยเฉพาะ “ผู้ประกอบการ” จะได้พบกับผู้ผลิตหลากหลาย ส่วน “ผู้บริโภค” ตื่นตากับการเลือกซื้อสินค้าอินทรีย์คุณภาพดีจากเกษตรกรตัวจริงที่มาจากทั่วทุกภาคของประเทศ แล้วยังเป็นศูนย์รวมแบบครบวงจร ทั้งเรื่อง ความรู้ดี ๆ มากมาย มีทั้งงานวิจัย เวทีเสวนาหัวข้อต่าง ๆ  จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง จัดนิทรรศการแสดงห่วงโซ่เกษตรอินทรีย์อย่างเป็นรูปธรรม

 

            ตลอดงานสังคมสุขใจครั้งที่ 9 ปี 2567 เตรียมพบกับไฮไลต์สุดปัง  9 กิจกรรม ดังนี้

 

กิจกรรมที่ 1  ช้อปจุใจ จากเกษตรกรทั่วประเทศกว่า 200 บูธ นำเสนอสินค้าเกษตรอินทรีย์ จากเกษตรกรเครือข่ายสามพรานโมเดล เครือข่ายเซ็นทรัลทำ เครือข่าย ส.ป.ก. กลุ่มเกษตรกร เลือกซื้อได้เต็มที่มีทั้งข้าว ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ อาหารทะเล อาหารปรุงสด สินค้าแปรรูป งาน Art & Craft เก๋ๆ มากมาย

 

กิจกรรมที่ 2  เวิร์คช็อปสนุกทุกวัน หมุนเวียนกันมาให้ความรู้ เช่น การย้อมผ้าจากเปลือกไม้ ทำน้ำยาบ้วนปากสมุนไพร ทำเส้นบุก ทำเครื่องดื่มแห่งกายะ สาธิตทำขนมอินทนิล ทำน้ำอ้อยแฟนซี

 

กิจกรรมที่ 3  Kids zone โซนสนุกของวัยซน กับกิจกรรม DIY ถุงผ้าจากสีธรรมชาติ อโรม่าออย ยาดมสมุนไพร ตะลุยแปลงนา เรียนรู้วิถีชาวนาไทย ดำนา สีข้าว ฝัดข้าว

 

กิจกรรมที่ 4  เปิดประสบการณ์รักษ์โลกกับ ลุงรีย์ “อังเคิลรีย์แก๊ง” กับกิจกรรม โอมากาเสะเห็ด × สังคมสุขใจ เมนูเด็ดจากเห็ดมิลกี้ การเลี้ยง ไส้เดือนและหนอนแมลงวันลาย และ Rethink & Upcycling พลาสติก จัดวันเดียวเฉพาะวันศุกร์ 26 มกราคม 2567

 

กิจกรรมที่ 5  Business Matching โครงการ Farm to Functions Plus ร่วมกับ TCEB เปิดพื้นที่จับคู่ธุรกิจ ส่งเสริมผู้ประกอบการไมซ์  ซื้อสินค้าอินทรีย์ตรงจากเกษตรกร กว่า 30 ราย

 

กิจกรรมที่ 6  Zero Food Waste ถ่ายทอดความรู้พร้อมสาธิตการจัดการขยะอาหาร ด้วยนวัตกรรมเครื่องย่อยเศษอาหารเป็นปุ๋ยภายใน 24  ชั่วโมง 

 

กิจกรรมที่ 7  คลินิกเกษตรครบวงจร ให้คำปรึกษาฟรี โดย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

 

กิจกรรมที่ 8  ชมนิทรรศการตามเทรนด์ เช่น Amazing Organic ท่องเที่ยววิถีออร์แกนิก ของดีไม่ต้องพ'ยาม แนะนำแหล่งเที่ยววิถีชีวิต แหล่งเที่ยวคาร์บอนต่ำ กับ ททท. และ สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย  ( TEATA) และเวทีเสวนาความรู้มิติต่าง ๆ จากคนต้นแบบวงการเกษตรอินทรีย์ กับเกษตรกรกูรูผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

 

กิจกรรมที่ 9  สนุกกับกิจกรรม TOCA Earth Points Promotions สะสมคะแนนแลกรับสิทธิพิเศษมากมายในงาน

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง