คอลัมนิสต์ท่องเที่ยว และผู้ดำเนินรายการ สวท.FM97.0MHz.
ปี’67เทรนด์คนรวยมิลเลนเนียลไทย/ต่างชาติคึกคัก
ตลาดใหม่มาแน่Gen AI-Tech Capabilities 7 เทรนด์
กระแสอื่นหลบไปขอทางให้ESGแจ้งเกิดเอาใจโลก
ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์DIPTYQUE ฝรั่งเศสลด20%
รร.เดอะสแตนดาร์ดมหานครจัดเมนูกริลรับปีใหม่67
ททท.บูมปีใหม่งานหุ่นโคมไฟนครสวรรค์โกย383ล้าน
บางจากร่วมทุนธนโชคฯลุยแผนผลิตน้ำมันSAFปี67
เที่ยวเหนือหลังปีใหม่ในชุมชนยั่งยืน5จังหวัด5พิกัด
ทำ 6 อย่างสุขภาพดีเป็นของขวัญปีใหม่ให้ตัวเอง
หอการค้าปั้นโมเดลเมืองรองสู่เมืองหลัก10จังหวัด
โพลล์ชี้ปีใหม่คนกทม.เปย์เที่ยวไทยนำโด่ง5จังหวัด
วันอาทิตย์ที่
31 ธันวาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower
#TAT #TCEB #บางจาก #มิลเลนเนียล #สุขทันทีที่เที่ยวไทย
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...
ช่วงที่ 1 พยากรณ์ ท่องเที่ยวปีงูหรือมังกร 2567 “คนไทย” หันเที่ยวกับญาติและครอบครัว “คนรวยเผ่ามิลเลนเนียล” ทั้งโลกส่อง 5 เทรนด์ “ที่เที่ยว/ที่พัก/การเดินทาง/หาทำ/ประสบการณ์มิติใหม่” ส่วน “ต่างชาติเที่ยวไทย” กลุ่มเดินทางซ้ำเล็งแหล่งใหม่ มิลเลนเนียลใช้เงินไม่ยั้ง “จีน” ทำสถิติสูงสุดแตะ 100,000 บาท/คน/ทริป “มาเลเซีย” มาไทยมากสุดใช้เงินรั้งอันดับ 5 เฉลี่ย 34,000 บาท/คน และโลกยุคใหม่มาแล้ว Tech Capabilities 7 เทรนด์ “Gen AI” ธุรกิจต้องเตรียมรับมือภัยไซเบอร์ และเข้าสู่วงโคจร ESG สิ่งแวดล้อม/สังคม/มีธรรมาภิบาล
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้โบกมือลาปี 2566 เตรียมพร้อมเข้าสู่ปีใหม่ 2567 โดยเฉพาะ “เมืองไทย” ได้รับโจทย์ให้สร้างเศรษฐกิจเติบโตตามนโยบายของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ท่องเที่ยวจะต้อง “ทำรายได้” ขยับเป็น 3.5 ล้านล้านบาท และตามความเห็นชอบตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาให้ขับเคลื่อนแผนท่องเที่ยวฉบับที่ 3 ทำยุทธศาสตร์ท่องเที่ยว 5 ปี ระหว่าง 2567-2570 ต้องสร้างรายได้ 1.ให้เกินกว่า 25 % ของจีดีพีประเทศ 2.เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 7 % 3.กระตุ้นต่างชาติพักค้างคืนไม่ต่ำกว่า 10 วัน/คน/ทริป และคนไทยพักค้างคืน 3 วัน/คน/ทริป
“รายได้” จะเติบโตตามเป้าหมายปี 2567 อย่างไรจึงจะตอบทั้ง
2 โจทย์รัฐบาลและกระจายเม็ดเงินอย่างเป็นธรรมประเทศได้จริง
จากปี 2566 ทำได้
2 ล้านล้านบาท
แล้วปี 2567 หวังสูงถึง
3.5 ล้านล้านบาท
ส่วนต่าง 1.5 ล้านล้านบาท
เป็นความท้าทายขั้นสูงมาก เมื่อวิเคราะห์สถานการณ์แนวโน้มจาก “พฤติกรรมผู้บริโภค”
ซึ่งเป็นกำลังซื้อหลักจาก “ตลาดในประเทศ” และ “ตลาดต่างประเทศ” แล้ว
มีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
“ตลาดในประเทศ”
บริษัท พีเค เอ็กซิบิชั่น เมเนจเมนท์ จำกัด
ผู้นำจัดมหกรรมซื้อขายการท่องเที่ยว “ไทยเที่ยวไทย” ระบุถึงผลสำรวจในการใช้แบบสอบถามผู้เข้าชมงานงานไทยเที่ยวไทยระบุปี
2567 เทรนด์กำลังซื้อจะกลับมาได้รับความนิยมอีก 2
กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มที่ 1
ท่องเที่ยวกับครอบครัว มีเกินกว่า 80 % วางแผนจะไปเที่ยวกันภายในครอบครัวพ่อแม่ลูก
(Family Tourism) กลุ่มที่ 2 ขยายการเดินทางร่วมกับญาติและเพื่อนฝูง อีก 52 % แล้วจะทำให้เกิดการท่องเที่ยวเป็นครอบครัวขึ้นอย่างน้อยปีละ
2 ครั้ง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวปี 2567 พบว่า “มิลเลเนียลหรือคนรวย” คือตลาดความหวังเป็นกลุ่มเป้าหมายทั้งคุณภาพและศักยภาพที่พร้อมทุกอย่างหลังสถานการณ์สิ้นสุดโควิดนักเดินทางกลุ่มนี้หันมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ 5 เทรนด์
เทรนด์ที่ 1 Inspiration หาที่เที่ยว โดยเลือกพึ่งพาแพลตฟอร์มออนไลน์ โซเชียลมีเดีย และที่ปรึกษาทางการท่องเที่ยว กับผู้มีอิทธิพล หรือInfluencer จะมีบทบาทมากขึ้นในฐานะผู้ให้ข้อมูลและสร้างแรงบันดาลใจที่น่าเชื่อถือมีรสนิยมดี
เทรนด์ที่ 2 Accommodation หาที่พัก ธุรกิจต้องปรับให้สอดรับกับความต้องการนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้พากันมองหมาที่พักแนวใหม่ ๆ เช่น Vacation Home หรือ ห้องเช่าระยะสั้น/ระยะยาว (Short-term / Long-term Rental)
เทรนด์ที่ 3 Transportation หาพาหนะเดินทาง การเช่าพาหนะส่วนตัวมาแรง เช่น รถ เรือยอร์ช พร้อมบอกลารถทัวร์ รถบัส ที่ต้องพบปะผู้คนจำนวนมาก
เทรนด์ที่ 4.Activity & Event หากิจกรรมทำ ธุรกิจบริการและสินค้าทางการท่องเที่ยวในรูปแบบต่าง ๆ ควรปรับเข้าสู่โหมดออนไลน์มากขึ้น เช่น ทัวร์เสมือนจริง/Virtual Tour กับสัมมนาออนไลน์/Virtual Event ต้องมีไว้รองรับ
เทรนด์ที่ 5 Business
Strategy หารูปแบบการเดินทางมิติใหม่ที่น่าสนใจ เช่น เลือกท่องเที่ยวโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม/Regenerative Tourism การท่องเที่ยวเชิงอาหาร/Gastronomy
การท่องเที่ยวชุมชน/CBT
การท่องเที่ยวหรูหรามีสไตล์ /Lavish&Luxury ดังนั้นผู้ประกอบการต้องทำธุรกิจด้วยวิธีลงลึกตามเซกเมนต์ตลาดอย่างหลากหลายมากขึ้นแล้วก็สร้างจุดขายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นมา
Visa Global Travel Intentions Study 2023 ในฐานะที่วีซ่าคือผู้นำการให้บริการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก
ได้ประกาศผลสำรวจปี 2023 ถึงพฤติกรรมและเทรนด์การท่องเที่ยว โดยมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ
“พฤติกรรมและแผนการเดินทางของผู้บริโภค”คนไทยและต่างชาติวางแผนและความต้องการเดินทางอีก
12 เดือนข้างหน้า ตลอดปี 2567
“ตลาดนักท่องเที่ยวคนไทย”
ส่งท้ายปี 2566 ปักหมุดเลือกพื้นที่ต่างประเทศ “เอเชีย-แปซิฟิก”
ครองใจคนไทยมากที่สุด เบอร์ 1
“ญี่ปุ่น” ครองแชมป์ เกาหลีใต้ สาธารณรัฐประชาชนจีน
ออสเตรเลีย สิงคโปร์
ปี 2567 คนไทยวางแผนจะเดินทางท่องเที่ยวเฉลี่ย
2.4 ทริป จุดหมายปลายทางหลักที่เลือกได้แก่ 1.ท่องเที่ยวซ้ำตามแหล่งท่องเที่ยวที่เคยไปมาแล้ว
46% และ 2.สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ มีประมาณ 54%
“แรงกระตุ้นนักท่องเที่ยว”
คนไทย 67% เน้นเดินทางท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายเป็นแรงจูงใจหลัก
ต่อด้วย ชอปปิ้ง 41% เปิดประสบการณ์และเรียนรู้สิ่งใหม่ 37% เที่ยวเพื่อเป็นรางวัลชีวิต
26% และต้องการออกผจญภัย 25%
“เลือกวิธีชำระเงิน”
ระบบดิจิทัลจะได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างเพราะสะดวกและปลอดภัยกว่า
โดยหันมานิยมจ่ายผ่านบัตรแทนเงินสดเพิ่มขึ้น โพลล์ย้ำชัดคนไทยใช้บัตรจองที่พักล่วงหน้า
78% ค่าตั๋วเครื่องบิน 62% ระหว่างทริปจะใช้บัตรแทนเงินสด
รับประทานอาหาร และทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วย
“นักท่องเที่ยวต่างชาติ”
ปี 2566 เลือกมาเที่ยวเมืองไทย
อันดับ 1 เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางซ้ำ
ๆ หรือ Re-visitor เกินกว่า 28%
ปี 2567 ตลอด
12 เดือนข้างหน้า
นักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งใจจะกลับมาเที่ยวเมืองไทยซ้ำ
ตลาดแรก “มาเลเซีย” มีแนวโน้มจะกลับมาไทยมากสุดถึง 42% รองลงไปอีก
4 ประเทศ
ได้แก่ สิงคโปร์ 41% ฟิลิปปินส์ 28% สาธารณรัฐประชาชนจีน 25%
เวียดนาม 22%
เหตุผล
-เลือกมาไทย อันดับ 1 เพื่อผ่อนคลาย
กับชอบชอปปิ้ง ผนวกเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ พบปะครอบครัวและเพื่อนฝูง จุดหมายปลายทางยอดนิยม
ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยา
วีซ่า
อินเตอร์ แสดงผลสำรวจปี 2566
มีนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกเดินทางมาไทยมากที่สุด 7 กลุ่มหลัก ต่อเนื่องถึงปี 2567 ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 มิลเลนเนียลคนรวยมากถึง
51% กลุ่มที่
2 นักท่องเที่ยวที่มีกำลังใช้จ่ายสูง
27% กลุ่มที่ 3
ครอบครัวเดินทางพร้อมกับเด็กเล็ก 18% กลุ่มที่ 4 คนโสดวัยหนุ่มสาว
16% กลุ่มที่ 5 Gen Z 15% กลุ่มที่ 6 ครอบครัวที่เดินทางกับเด็กโต
14% กลุ่มที่ 7 วัยเกษียณ 11%
ระยะเวลาต่างชาติพพำนักในไทย -เฉลี่ย
8 คืน/คน/ทริป โดยมีกลุ่มวัยเกษียณพำนักอยู่ในไทยนานที่สุดเฉลี่ยมากถึง
12 คืน/คน/ทริป แบ่งตามเชื้อชาติ อันดับ 1 สิงคโปร์พักนานที่สุด
7 คืน/คน/ทริป ตามมาด้วย สาธารณรัฐประชาชนจีนกับเวียดนาม
5 คืน/คน/ทริป มาเลเซียกับฟิลิปปินส์เฉลี่ย 4
คืน/คน/ทริป
“การใช้จ่ายเงินท่องเที่ยว”
ของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยต่อคนต่อทริป พบว่า อันดับ 1 นักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายสูงที่สุดเฉลี่ย
95,000 บาท อันดับ
2 สิงคโปร์
58,000 บาท อันดับ 3 ฟิลิปปินส์ 48,000
บาท อันดับ
4 เวียดนาม 38,000
บาท อันดับ 5 มาเลเซีย
34,000 บาท
สำหรับ “ยอดใช้เงินของท่องเที่ยวทั้งหมด”
จะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาการเดินทาง และการเลือกวิธีชำระผ่านบัตรแทนเงินสด
ตั้งแต่การจองที่พัก ซื้อตั๋วเครื่องบิน ใช้ซื้อสินค้า รับประทานอาหาร
ทำกิจกรรมต่าง ๆ
ขณะที่ “BBIK
หรือ บลูบิค”
ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นครบวงจร นำเสนอ เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ผู้ประกอบการไทยต้องรู้ปัจจัยที่จะกำหนดทิศทางเศรษฐกิจ
3 ปีข้างหน้า เริ่มตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป กับ Tech
Capabilities ด้วย 3 ตัวแปรเปลี่ยนโลก
ประกอบด้วย 1.ธุรกิจไร้พรมแดนนำมาซึ่งโอกาส ความเสี่ยง
และการแข่งขันที่รุนแรงใน Digital Landscape 2.ไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมการใช้จ่ายที่แตกต่างกันของผู้บริโภคแต่ละช่วงวัย
3.การทำงานแบบ Gig Worker ที่รับค่าตอบแทนตามจำนวนงานที่ทำ
ดังนั้นธุรกิจจึงจำเป็นต้อง “เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันอย่างเข้มข้น”
เพื่อให้ผู้ประกอบการลองศึกษาและประยุกต์ใช้พัฒนาธุรกิจให้สอดคล้องกับทิศทางของ Tech Capabilities 7
เทรนด์ คือ
1.Democratization
of Generative AI (Gen AI) : AI เพื่อศึกษาข้อมูลเชิงประชากร
2.
Multiexperience (MX) : ผสานประสบการณ์ซื้อสินค้าและบริการด้วยเทคโนโลยีครบวงจร
3.
Event-Driven Nano Architecture (EDNA) : เทคโนโลยีเพื่อสร้าง Digital
Ecosystem ที่เข้มแข็ง
4.
Generative Cybersecurity AI : เทคโนโลยีที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้งาน
Generative AI
5.
AI-Enhance Security Operations : เทคโนโลยีหลังบ้านเพื่อป้องกันจากโจมตีทางไซเบอร์
และแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที
6.
AI for Sustainability : ปรับปรุงระบบการดำเนินงานและจัดการกระบวนการที่เป็นอุปสรรคต่อการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการปล่อยคาร์บอน
7.
ESG Management and Reporting : ระบบบริหารจัดการช่วยเหลือเรื่องการรับมือกับแรงกดดันในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม
ด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจะแรงกดดันจาก ESG หรือ สิ่งแวดล้อม/Environmental สังคม/Social และการมีธรรมาภิบาล/Corporate Governance ผนวกเข้ากับความเสี่ยงจากเทคโนโลยี เช่น จริยธรรมของปัญญาประดิษฐ์ ภัยคุกคามไซเบอร์ ทำให้องค์กรต้องเร่งยกระดับขีดความสามารถของตนเองอย่างรวดเร็ว เพื่อก้าวข้ามอุปสรรคไปสู่ยืนอยู่แถวหน้านำพาการท่องเที่ยวของเมืองไทยถึงฝั่งฝันความเร็จ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับรัฐบาลขับเคลื่อนเป้าหมายเชิงนโยบายสร้างรายได้ท่องเที่ยวเข้าประเทศในปี 2567 ให้ได้ถึง 3.5 ล้านล้านบาท
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์DIPTYQUE ฝรั่งเศสลด20%
ช้อปดีลฉ่ำว้าวที่ คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ รับ SEASONAL GREETING กับ KING POWER Celebration 2024 ฉลองส่งท้ายปี 2566 ต้อนรับปี 2567 ตลุยเลือกได้เลย ตั้งแต่วันนี้ -2 มกราคม 2567 ช้อปส่งท้ายให้ของขวัญตัวเอง หรือคนพิเศษแบบราคาดีที่สุด ละลานตากับขบวนสินค้าแบรนด์ดังมาลดแบบเบอร์ใหญ่มาก จะพลาดได้ไง มีไฟลต์บินแล้วรีบช้อปด่วน!!
รวมเครื่องหอมกลิ่นขายดี TOP5 ของแบรนด์ DIPTYQUE/ดิ๊ปทีค แบรนด์ยอดนิยมจากฝรั่งเศส กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ประหนึ่งงานศิลปะบอกเล่าเรื่องราว อาทิ น้ำหอม สเปรย์น้ำหอม เทียนหอม เลือกกลิ่นที่บ่งบอกสไตล์คุณจัดหนักจัดเต็มได้เลย รับสินค้าได้ที่สนามบิน
ลดสูงสุด 10% เมื่อช้อปครบ 4,000 บาท รหัสส่วนลด 10DEC
ลดสูงสุด 15% เมื่อช้อปครบ 7,000 บาท รหัสส่วนลด 15DEC
ลดสูงสุด 20% เมื่อช้อปครบ 10,000 บาท รหัสส่วนลด 20DEC
พิเศษ! ลดเพิ่ม 5% เมื่อช้อปสินค้าที่ร่วมรายการ*
สินค้า Duty
Free สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย! รับสินค้าที่สนามบิน ช้อปได้ทั้งขาเข้าและขาออก แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน รับเครดิตเงินคืนสูงสุด
11,000 บาท ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง รับเลย! ส่วนลด 200
บาท เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ และรับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ
1,000 บาท (สุทธิ)
ข่าวที่ 2 รร.เดอะสแตนดาร์ดมหานครจัดกริลมื้อเช้ารับปีใหม่67
โรงแรม
เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร ธุรกิจในเครือ คิง เพาเวอร์ ชวนเริ่มต้นปีใหม่กับมื้อสายแบบอะลาคาร์ตไม่อั้นด้วยThe
Standard Grill ราคาคนละ
1,200++ บาท เปิดให้จองที่นั่งได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทางโรงแรมได้ยกขบวนทั้งเมนูของคาวและหวานรวมถึงเมนูอาหารเช้าจานโปรดมาแบบจัดเต็ม
เช่น
เฟรนช์โทสต์สมอร์ส วาฟเฟิลส์ โทสต์อะวาคาโด้ ไปจนถึงเมนูกริลล์อย่าง ขาแกะย่าง
กุ้งลายเสือเนื้อแน่นฉ่ำ เนื้อวัวดรายเอจริบอายจาก Copper Tree
Farms และอีกเพียบ
สายหวานไม่ควรพลาดที่จะตบท้ายด้วย
ช็อกโกแลตทาร์ต ชูครีมวานิลลา เค้กสตรอวเบอร์รีแสนอร่อย
บรันช์ในวันขึ้นปีใหม่แบบอะลาคาร์ตไม่อั้น ตั้งแต่ 11.00 – 15.00 น. คนละ 1,200++ บาท
สำรองที่นั่งและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร 02 085 8888 หรือแอดไลน์ @TheStandardBangkok
ข่าวที่
3 ททท.บูมปีใหม่งานหุ่นโคมไฟนครสวรรค์โกย383ล้าน
นางสาวสมฤดี
จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า ททท.สำนักงานนครสวรรค์
จับมือกับหอการค้าจังหวัดนครสวรรค์และหน่วยงานเกี่ยวข้อง
เดินหน้าทำกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองจัดงานเทศกาลหรือ Festival
หนึ่งใน 5F ซอฟท์ เพาเวอร์ จัดงาน “หุ่นโคมไฟ”
นำเสนอด้วยธีม “เกาะมังกรฟ้า อุทยานแสงสวรรค์ ครั้งที่ 6” โชว์มหัศจรรย์แห่งแสงสวยงาม
ต้อนรับเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ต่อเนื่อง 12 วัน 12 คืน ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 2 มกราคม 2566
บริเวณอุทยานสวรรค์ (หนองสมบุญ) อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ รวมทั้งเป็นปีแรกที่ได้การรับรองเป็นเทศกาลประจำปีของจังหวัดนครสรรค์อย่างเป็นทางการ
ตั้งเป้าหมายส่งเสริมกระตุ้นเศรษฐกิจในนครสวรรค์ และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2
คาดตลาดงานจะมีนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 408,000 คน
ใช้จ่ายเงินสะพัดกว่า 383.76 ล้านบาท
โดยได้นำเสนอรูปแบบการจัดงานสไตล์รักษ์โลก
หรือ Go Green ส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติ ลดใช้พลาสติก
และโฟม
สร้างอีเวนต์ต้นแบบที่จะส่งต่อไปถึงการปลุกจิตสำนึกการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ
และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Toursim Goals :STGs) ตามนโยบาย ททท.ปี 2567
เป็นต้นไป
สำหรับการจัดงานครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งใน
ซอฟท์ เพาเวอร์ กระตุ้นการท่องเที่ยวงานเทศกาลในพื้นที่เมืองรอง
เพื่อส่งเสริมศักยภาพจัดการแสดงศิลปะซึ่งได้รับการ่ถายทอดจากช่างฝีมือชาวจีน
เมื่อครั้งมาจัดแสดงต้อนรับ องค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ปี 2550
โดยได้ประดิษฐ์โคมไฟขึ้นเป็นรูปสัญลักษณ์สวยงาม ตกแต่งบริเวณรอบเมืองนครสวรรค์
ตามความเชื่อว่าโคมไฟคือสัญลักษณ์มงคลช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และการจุดโคมไฟ
จะนำความเจริญรุ่งเรืองมาให้ผู้เข้าร่วมงานด้วย
นางสาวสมฤดี
กล่าวว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าชมงานจะได้สัมผัสกับหุ่นโคมไฟ
“มังกรฟ้า”ขนาดใหญ่ (ยักษ์) เป็นหุ่นโคมไฟมังกรชนิดต่าง ๆ ทั้งแบบจีน ฝรั่ง
และทรงแปลกตามากมาย พร้อมปราสาทเทพนิยาย รถฟักทอง นางฟ้า ภูตน้อย
เหล่าสัตว์น่ารักต่าง ๆ ตกแต่งประดับไฟสวยงามนับล้านดวง รวมถึงมีกิจกรรม DIY ให้นักท่องเที่ยวได้เพิ่มประสบการณ์ลองลงมือทำ โคมมงคล
แสงสวรรค์แห่งศรัทธา แล้วยังมีประกวดประดิษฐ์หุ่นโคมไฟ ไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์
“ลอยโคมประทีบ” ประกวดการแต่งกายคอสเพลย์ การออกบูทจำหน่ายสินค้า OTOP ผลิตภัณฑ์ชุมชน ของฝากของที่ระลึก ของดี อาหารอร่อย กว่า 200 ร้าน
แล้วนักท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดร่วมมหกรรมเคาท์ดาวน์ชมแสดงพลุสุดอลังการต้อนรับปีใหม่
ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีในจังหวัดนครสววรค์ ภาคเหนือตอนล่าง ตลอดค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ต่อเนื่องถึงหลังเที่ยงคืนนำเข้าสู่วันและปีใหม่
1 มกราคม 2567
ข่าวที่
4 บางจากร่วมทุนธนโชคฯลุยแผนผลิตน้ำมันSAFปี67
บางจากฯ
ทำสัญญาส่งท้ายปี 66 ร่วมทุน “ธนโชคน้ำมันพืช (2012)” รุกแผนบริหารจัดการน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน
SAF พร้อมผลิตสู่ตลาด ไตรมาส 4 ปี’67
นายธรรมรัตน์ ประยูรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่
กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ร่วมลงนามสัญญาร่วมทุนการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน บริษัท ธนโชคน้ำมันพืช (2012) จำกัด ระหว่าง
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับนายธนวัฒน์
ลินจงสุบงกช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธนโชคฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่โรงแรมอวานี่ พลัส
ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ
ผลจากการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว จะทำให้ บริษัท ธนโชคน้ำมันพืช
(2012) จำกัด มีทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท โดยมีบางจากฯ
ถือหุ้นตามสัดส่วน 45 % แผนงานร่วมทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ด้านการบริหารจัดการน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว
(Used Cooking Oil, UCO) ร่มกันนำวัตถุดิบมาใช้ผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน
(SAF : Sustainable Aviation Fuel ) ป้อนให้ บริษัท
บีเอสจีเอฟ จำกัด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในการร่วมทุนกันระหว่าง 3 บริษัท
ได้แก่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน)
และบริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์ จำกัด
โดยภาพรวมการลงนามร่วมทุนกันตามแผนก่อนสิ้นปี 2566
จนเรียบร้อยแล้วนั้น
จะส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจตามห่วงโซ่การผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน ตามนโยบายผู้บริหาร บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้าหมายจะเดินหน้าใช้เงินลงทุนรวมกว่า 10,000 ล้านบาท
โดยจะสามารถผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนเริ่มได้ตั้งแต่ภายในไตรมาส 4 ปี
2567 เป็นต้นไป
ช่วงที่ 2 วางแผนหลังปีใหม่ชวนไปแอ่วเหนือ ตลุยชุมชนท่องเที่ยวยั่งยืน 5 จังหวัด 5 พิกัด
แล้วเพิ่มประสบการณ์สุขทันที่เที่ยวเมืองไทย ตามด้วย “ทำ 6 อย่างสุขภาพดี”
เป็นของขวัญปีใหม่ให้ตัวเอง พร้อมกับข่าวฮ็อต ๆ อำลาปีกระต่าย ข่าวแรก
“หอการค้าจัดหนักปี67” ปั้นโมเดลเมืองรองสู่เมืองหลัก 10 จังหวัด ข่าวที่สอง “โพลล์ชี้คนกรุงแห่พร้อมเปย์เที่ยวปีใหม่ถึงหมื่น”
เลือกปักหมุดใช้เงินนำโด่ง 5 จังหวัด
ท่องเที่ยว –เที่ยวเหนือหลังปีใหม่ในชุมชนยั่งยืน5จังหวัด5พิกัด
วางแผนเดินทางหลังปีใหม่สบาย ๆ ได้ต่อเนื่องกับทริปท่องเที่ยวชาร์จพลังเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคม
(Banpu
Champions for Change) หรือ BC4C โครงการของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กับสถาบัน ChangeFusion ชวนไป “ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ตามเทรนด์นักเดินทางรุ่นใหม่
ช่วยกันออกไปกระจายรายได้สู่ชุมชน สร้างสมดุลที่ดีให้สิ่งแวดล้อม สร้างคุณค่าให้สังคม
จุดหมายปลายทางแห่งใหม่ทำให้ชุมชนยิ้มได้
สิ่งแวดล้อมยั่งยืน ซึ่งสถานที่หรือสินค้าและบริการที่คัดสรรมาให้ล้วนเป็นกิจการเพื่อสังคม
(Social
Enterprise) ภายใต้โครงการพลังเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคม (Banpu
Champions for Change) นักท่องเที่ยวสามารถไอเดียเส้นทางเหล่านี้ออกไปหาประสบการณ์ดี
ๆ ตามชุมชนใหม่ ๆ กิจกรรมสนุก ๆ ด้วยกัน 5 พิกัด ดังนี้
พิกัดที่ 1 Banana
Land” จังหวัดเลย ดินแดนกล้วย ๆ
แลนด์มาร์กแห่งใหม่ จังหวัดเลย ความพิเศษของชุมแห่งนี้
คือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนด้วยกล้วย วัตถุดิบท้องถิ่นในชุมชนภูหลวง จังหวัดเลย
ที่ได้ต่อยอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ต้อนรับคนภายนอกและคนในชุมชนได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
จะชวนกันไปเป็นคู่ หมู่คณะ หรือไปคนเดียวก็มีกิจกรรมสร้างสรรค์ให้ทำแบบไม่รู้เบื่ออย่างแน่นอน
ดูเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: บานาน่าแลนด์ - Banana Land ดินแดนกล้วยๆ
พิกัดที่ 2 ตามรอยผ้า
“ภูคราม” ภูมิปัญญาไทยที่ดังไกลสู่สากลที่ภูพาน
จังหวัดสกลนคร
เหมาะกับคนชอบไปหาเขา … เทือกเขาภูพาน
แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำคัญแห่งหนึ่งของสกลนคร ในผืนป่ากว้างใหญ่เขียวชอุ่มรอต้อนรับนักท่องเที่ยวให้ไปเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติสูดออกซิเจนจนฉ่ำปอด!
แล้วมาร่วมเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวชุมชนลุกขึ้นมาดีไซน์ธรรมชาติรอบตัวให้กลายเป็นลายผ้า
“ภูคราม” แบรนด์ผ้าย้อมครามสุดเก๋ ปักด้วยลายดอกไม้จากอุทยานภูพาน
ใส่แล้วดูมีสไตล์ แถมได้สนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วยดูเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: ภูคราม Bhukram
พิกัดที่ 3 แอ่วเชียงใหม่
แวะช้อปสินค้าหัตถกรรมชุมชนที่ “Craft de Quarr” มีกิจกรรมให้ทำมากมาย
จะเที่ยวธรรมชาติ เข้าป่า ขึ้นดอย นอนโฮมสเตย์ หรือเที่ยวชิลล์ ๆ ในเมือง เข้าวัด
ไหว้พระเสริมสิริมงคลได้ตามสไตล์ที่ชอบ ส่วนอาหารก็มี ร้านอร่อย ร้านเด็ด ให้เลือมากมาย
ก่อนกลับ อย่าลืมแวะอุดหนุนสินค้าหัตถกรรมชุมชนจาก “Craft de
Quarr” ทางร้านออกแบบและสั่งผลิตโดยชุมชน จะซื้อเป็นของที่ระลึกก็ดูมีคุณค่า
จะซื้อฝากก็น่าประทับใจ แถมได้ร่วมอนุรักษ์งานหัตถศิลป์ด้วย ดูเพิ่มเติมได้ที่ Facebook:
Craft de Quarr
พิกัดที่ 4 เช็คอินแลนด์มาร์คกลางหุบเขา
เรียนรู้วิถี “ม้ง Cyber” บ้านน้ำจวง จังหวัดพิษณุโลก ถิ่นของชุมชนชาวไทยภูเขาซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชุมชนที่ดีอีกแห่งของไทย
ได้รับการขนานนามให้เป็น “ซาปาเมืองไทย” ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ
ผนวกเข้ากับการได้เรียนรู้วิถีชาวม้ง เปิดประสบการณ์กับวัฒนธรรมใหม่ ๆ
การท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วยเยาวชนและชุมชนชาวม้ง
โดยมี “ม้ง Cyber”
กิจการเพื่อสังคมพัฒนาเยาวชน และสร้างผู้นำชุมชน เพื่อให้เข้าถึงทักษะอาชีพ
สามารถนำไปต่อยอดอาชีพ สร้างรายได้โดยไม่ต้องย้ายถิ่นฐานบ้านเกิด ที่น่าสนใจคือ
ม้ง Cyber มักจะจัดกิจกรรมสนุก ๆ เช่น Hmong Cyber
Music Festival บ้านน้ำจวงครอสคันทรี เปิดบ้าน ม้งไซเบอร์ และอื่น ๆ
ทำให้บ้านน้ำจวงกลายเป็นหุบเขาแห่งการสร้างแรงบันดาลใจ
เปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงศักยภาพและขยายผลสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ดูเพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Hmong Cyber Social Enterprise
พิกัดที่ 5 ท่องเที่ยวเชิงเกษตรให้เด็ดต้องที่เพชรบูรณ์กับ
“Green Diamond Phetchabun” หากอยากสัมผัสบรรยากาศนอนฟาร์มสเตย์
สูดกลิ่นอายธรรมชาติ ตื่นเช้าหิ้วตะกร้าไปเก็บผักอินทรีย์ เก็บไข่ไก่สดๆ
มาปรุงอาหารทานเอง หรือจะไปเที่ยวชมฟาร์มโคนม การเกษตรแบบผสมผสาน “Green Diamond
Phetchabun” ช่วยจัดให้ได้!
จริงๆ แล้ว “Green Diamond
Petchabun” ทำมากกว่าธุรกิจฟาร์ม สเตย์ นั่นคือเป็นกิจการที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันของเกษตรกรรุ่นใหม่
หรือ Young Smart Farmer ช่วยกันต่อยอดทำเกษตรพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชน
ช่วยเชื่อมโยงกลุ่มเกษตรกรและกิจการหลายรูปแบบในเพชรบูรณ์เข้ามาเป็นเครือข่ายขับเคลื่อนชุมชน
ที่นี่มีสินค้าเกษตรอินทรีย์ให้เลือกซื้อกลับบ้านหลายผลิตภัณฑ์ ดูเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Green
Diamond Phetchabun
สุขภาพ –ทำ 6 อย่างสุขภาพดีเป็นของขวัญปีใหม่ให้ตัวเอง
เริ่มต้นเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาดีดี ที่เราจะได้เริ่มต้นการดูแลและเปลี่ยนแปลงตนเอง
เพื่อสุขภาพที่ดี
1.รับประทานอาหาร สุขภาพดี You are what you eat : เริ่มต้นสุขภาพดีดี
ด้วยการรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ เริ่มด้วยอาหารที่ ปริมาณสารอาหารครบ 5 หมู่
และปริมาณพลังงานงานให้เหมาะสมตามช่วงวัย
เด็กกว่า 6 ปี ต้องพลังงาน 1200-1400
กิโลแคลอรี่ต่อวัน เด็ก 6-13 ปี ผู้หญิงวัยทำงาน
ผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปต้องการพลังงาน 1600-1800 กิโลแคลอรี่ต่อวัน ส่วนวัยรุ่น
14-25 ปี และ ผู้ชายวัยทำงาน ต้องการพลังงาน 2000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน
แนะนำให้เลือกรับทานอาหารที่ไขมันต่ำ น้ำตาลต่ำ โปรตีนสูง
กากใยสูง ทานผัก ผลไม้เพื่อสารเสริมเกลือแร่และวิตามินที่ร่างกายต้องการ
ร่วมกับดื่มน้ำ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป
ควรกินอาหารที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่สะอาด
ปลอดภัยไร้สารเคมี เช่น เกษตรอินทรีย์ งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
2. ลดน้ำหนัก เพื่อสุขภาพดี ประเมินตนเองว่าเข้าข่ายภาวะอ้วนหรือ
น้ำหนักเกินหรือไม่ สามารถทำได้ง่ายๆ คือการคำนวณ ดัชนีมวล ถ้าเข้าข่ายโรคอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน
ควรลดน้ำหนัก อย่างน้อย 5-10 % ช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น เช่น ความดันโลหิต
และน้ำตาลในเลือดดีขึ้น ด้วยการควบคุมน้ำหนักเริ่มต้นง่าย ๆ คือควบคุมอาหารจำกัด
พลังงานและแคลอรี่ลดลงอย่างน้อย 500-1000
kcal /day ร่วมกับออกกำลังกายสม่ำเสมอ 200-250
นาทีต่อสัปดาห์
3. การออกกำลังกาย : ขยับเคลื่อนไหว ห่างไกลโรค ดูแลสุขภาพ ทั้งป้องการโรค กลุ่ม NCD และรักษาดูแล
ภวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน แนะนำเป็นการออกกำลังกายแบบใช้ออกซิเจน ( aerobic exercise ) ซึ่งจะช่วยลดมวลไขมัน ส่งเสริมการเผาผลาญ ได้อย่างดี
โดยแนะนำเป็นการออกกำลังกาย แบบ moderate
intensity เช่น การขี่จักรยาน การวิ่ง เล่นแบดมินตัน
ประมาณ 150 นาทีต่อสัปดาห์ ช่วยลดน้ำหนักได้ 2-3 กิโลกรัม และหากออกกำลังกายนาน
250 นาทีต่อสัปดาห์ ลดน้ำหนักได้ถึง 5 กิโลกรัม
4. ตรวจสุขภาพปี เพื่อคัดกรองและเฝ้าระวังภาวะเสี่ยงตามช่วงวัยและเสี่ยงจากกรรมพันธุ์
เพราะการตรวจสุขภาพจะได้ข้อมูลที่ดี ดูแลตนเองที่ถูกต้อง
รวมถึงติดตามปัญหาสุขภาพต่อเนื่อง เริ่มต้นเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ตรวจต่าง ๆ
ตามช่วงอายุ โดยส่วนใหญ่หลายคนมักพบเจอกับโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
ไขมันในเลือดสูง จนบางคนมองเป็นเรื่องปกติ และยังใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ
ละเลยการตรวจสุขภาพจนนำไปสู่โรคร้ายได้
5.พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับดีที่สุดของทุกคน
ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงวัยชรา ดีต่อสุขภาพมากมาย เช่น ร่างกายแข็งแรงขึ้น
ภูมิต้านทานโรคเพิ่มขึ้น อายุยืนยาวขึ้น ควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น มีความจำดี
อารมณ์ดี ไม่เครียด และไม่หงุดหงิดง่าย ควรนอนหลับสนิทอย่างน้อยคืนละ
7-9 ชั่วโมง
6.จิตใจแจ่มใส ห่างไกลความเครียด หาเวลาพักผ่อน หรือกิจกรรมช่วยคลายความเครียด เช่น
ทำกิจกรรมที่สนใจหรือชอบ เลือกทำในช่วงเวลาว่าง เช่น ท่องเที่ยววันหยุดพักผ่อน เพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้ตนเองและครอบครัวแล้วใช้เวลาว่างร่วมกัน
เป็นกิจกรรรมบำบัดที่ดีมีประโยชน์ เพราะสุขภาพกายและใจที่ดี นำไปสู่
ร่างกายแจ่มใสแข็งแรงอย่างแท้จริง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –หอการค้าปั้นโมเดลเมืองรองสู่เมืองหลัก10จังหวัด
นายสนั่น อังอุบลกุล
ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
เปิดเผยว่า ทางหอการค้าได้จัดตั้งคณะทำงานเดินหน้าทำโมเดลโครงการพัฒนาเมืองรองยกระดับเป็นเมืองหลัก
10 จังหวัด
ตามนโยบายกระจายรายได้ท่องเที่ยวอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม
ริเริ่มในพื้นที่มีศักยภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน
นั่นคือจะสามารถผลักดันให้มีนักท่องเที่ยวเข้าไปได้ปีละ 4 ล้านคนขึ้นไป
ได้แก่ “ภาคเหนือ” 3 จังหวัด นครสวรรค์ ลำปาง แพร่
“ภาคอีสาน” 2 จังหวัด นครพนม ศรีสะเกษ “ภาคกลาง” 2 จังหวัด ราชบุรี กาญจนบุรี “ภาคใต้ 2 จังหวัด
นครศรีธรรมราช ตรัง “ภาคตะวันออก” 1 จังหวัด คือ จันทบุรี
โดยคณะทำงานที่ หอการค้า
กับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน จะกำหนดกรอบการพิจารณา
เมืองรองที่จะยกเป็นเมืองหลักนำร่องปี 2567 รวม 10 จังหวัด
จะต้องมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้
เรื่องที่ 1 เป็นจังหวัดที่ขนาดพื้นที่
จำนวนประชากร โครงสร้างเศรษฐกิจขนาดเล็กถึงปานกลาง
เรื่องที่ 2 สามารถพัฒนาศักยภาพจุดแข็งที่โดดเด่นด้านวัฒนธรรม
เกษตรกรรม สินค้าชุมชน ท่องเที่ยวและอาหาร
เรื่องที่ 3 เป็นจังหวัดที่มีโครงข่ายพื้นฐานการคมนาคมและการเดินทางเข้าถึงอย่างสะดวก
เรื่องที่ 4 ได้รับการสนับสนุนจากบุคคลภายในจังหวัด
ภาครัฐ มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา เอกชน
เรื่องที่ 5 เอกชนในแต่ละจังหวัดจะต้องมีความพร้อมลงทุนขนาดกลางและใหญ่ด้วย
ข่าวที่สอง -โพลล์ชี้ปีใหม่คนกทม.เปย์เที่ยวไทยนำโด่ง5จังหวัด
ผู้ช่วยศาสตราจารย์
ดร. สิงห์ สิงห์ขจร
ประธานคณะกรรมการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ เปิดเผยว่า ผลการสำรวจเรื่องการท่องเที่ยวและของฝาก ช่วงเดือนธันวาคม 2566
ซึ่งมีวันหยุดราชการและเป็นช่วงเวลาการส่งท้ายปีเก่า ตามที่รัฐบาลประกาศวันหยุดปีใหม่ต่อเนื่อง
4 วัน ระหว่าง 29 ธ.ค.2566-1 ม.ค.2567 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศ จึงได้ทำสำรวจคนกรุงเทพฯ
นิยมออกไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ เลือกจุดมุ่งหมาย ที่พัก และการใช้จ่ายเงิน
ไว้อย่างน่าสนใจ
ซึ่งทางสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา หรือ “บ้านสมเด็จโพลล์” ในฐานะศูนย์สำรวจความคิดเห็น จึงได้นำร่องทำโครงการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
เก็บรวบรวมข้อกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครทั้งสิ้น 1,156
กลุ่มตัวอย่าง เก็บข้อมูลช่วง 9 - 13 ธันวาคม 2566
โดยใช้เกณฑ์ตารางสำเร็จรูปของ Taro Yamane กับเกณฑ์ประชากรเกิน
100,000 คน ต้องการความเชื่อมั่น 95% และความผิดพลาดไม่เกิน
3% จากการใช้ 1,111 กลุ่มตัวอย่าง
ผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ
ได้ข้อมูลสรุปที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “พฤติกรรมวางแผนใช้จ่ายเงินเพื่อการท่องเที่ยวในประเทศ”
อันดับ 1 ระหว่าง 5,000 - 10,000 บาท มีประมาณ 71.1 % อันดับ 2 น้อยกว่า
5,000 บาท มีประมาณ 22.8 % อันดับ
3 ใช้เงินท่องเที่ยวเกิน 10,000 บาทขึ้นไป มีประมาณ
6.1 % พร้อมทั้ง “จะเลือกหาที่พักท่องเที่ยวในประเทศ”
อันดับ 1 โรงแรม 56
% อันดับ 2 รีสอร์ท 27.7 % อันดับ 3 โฮมสเตย์ 16.3 %
ตลอดช่วงวันหยุดปีใหม่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ได้ตอบแบบสำรวจระบุจะเลือกไปตามสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ
กระจายแต่ละภาคดังนี้
อันดับ 1 ภาคเหนือ 22.1 % อันดับ 2 ภาคกลาง 19.5 % อันดับ
3 ภาคตะวันตก 18.3 % อันดับ 4 ภาคตะวันออก 18.2 % อันดับ 5 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 15.7 % อันดับ 6 สุดท้าย ภาคใต้ 6.2 % ในแต่ละภาคนิยมไปเที่ยวตามจังหวัดต่าง ๆ 5 อันดับแรก
ประกอบด้วย
“ภาคเหนือ”
อันดับ 1 เชียงใหม่ 42.4
% อันดับ 2-5 คือ แม่ฮ่องสอน 39.7 % พะเยา 37.1 % เชียงราย 33.8 % และจังหวัดแพร่
ร้อยละ 30.6 %
“ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อันดับ 1 ขอนแก่น
32.4 % อันดับ 2-5 คือ นครราชสีมา 30.6
% นครพนม 28.3
% บึงกาฬ 27.4
% และบุรีรัมย์ 27.3 %
“ภาคตะวันออก”
อันดับ 1 ระยอง 40.1
% อันดับ 2-5 คือ ฉะเชิงเทรา 37.9 % ชลบุรี 36.6
% จันทบุรี 32.4 % และตราด 31.1 %
“ภาคตะวันตก” อันดับ 1 เพชรบุรี 46.1 % อันดับ 2-5 คือ กาญจนบุรี 43.4 % ราชบุรี 43.3 % จังหวัfตาก 36.6
% และประจวบคีรีขันธ์ 26 %
“ภาคกลาง” อันดับ 1
พระนครศรีอยุธยา 29.8
% อันดับ 2-5 คือ นครสวรรค์ 28.5 % เพชรบูรณ์ 28.4 % พิจิตร 27.6 % และพิษณุโลก 27.4 %
“ภาคใต้” อันดับ
1 คือ กระบี่ 33.4
% อันดับ 2-5 คือ นครศรีธรรมราช 29.3 %
ภูเก็ต 28.9 % พังงา 26.4 % และชุมพร 25.3 %
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่
2567 ททท.คำนวณรวม 11 วัน เริ่มตั้งแต่คริสต์มาส
วันที่ 22 ธันวาคม 2566 ต่อเนื่องถึงปีใหม่
1 มกราคม 2567
ประเมินจะมีนักท่องเที่ยวตลาดในและต่างประเทศใช้เงินเดินทางพักผ่อนกระจายทั่วประเทศรวม
54,400
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 45% โดยเฉพาะ นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยปีใหม่
จะมีสูงถึง 1.18 ล้านคน เพิ่มขึ้น 56 % สร้างรายได้ 41,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% แนวโน้มเดือนธันวาคมนี้มีเที่ยวบินระหว่างประเทศบริการด้วยจำนวนที่นั่งมากถึง
3.7 ล้านที่นั่ง
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มากับเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น
ได้แก่ เอเชียตะวันออกและอาเซียน คือสาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง เกาหลีใต้
อินโดนีเซีย กับตะวันออกกลาง เช่น กาตาร์ และทวีปไกลจากสหภาพยุโรป สแกนดิเนเวีย
สาธารณรัฐเช็ก ตุรกี อุซเบกิสถาน และแถบอเมริกาอย่าง แคนาดา
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น