ชี้เป้าปัญหา“คอขวดอาชีพนักบินไทย”
ทัวร์พิพิธภัณฑ์สองกษัตริย์ไทย-เดนมาร์ค
37แอร์ไลน์เปิดเวทีถกมาตรฐานบินอนาคต
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่ ….2559
เวลา 11.00-12.00 น.พบกันทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย” FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” รู้ทันข่าวและสารคดีท่องเที่ยวอัพเดททุกสถานการณ์
ช่วงแรกเวลา 11.15 น.
ชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ |
“คุณชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ” กรรมการในคณะกรรมการการบินพลเรือน
(กบร.) และอดีตรองปลัดกระทรวงคมนาคม
จะถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับเยาวชนที่กำลังสนใจหอบเงินมาเรียน “อาชีพนักบิน”
ซึ่งกำหอมหวานในสังคมไทยและอาจจะกลายเป็น “แฟชั่นรุ่นใหม่” ในอนาคตอันใกล้นี้
ทว่าเส้นทางการใช้เงินของแต่ละคนตลอดหลักสูตรปีละกว่า
3 ล้านบาท
ในความเป็นจริงมิได้หอมหวานดังภาพมายาที่ปรากฎ
เพราะยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่น้อง ๆ กำลังตัดสินใจเลือกทางเดินเข้าสู่
“อาชีพนักบิน”
ต้องฟังจุดแข็งและจุดอ่อนก่อนตัดสินใจจากผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมานานกว่า 40 ปีอย่างคุณชัยศักดิ์
ที่จะมาเล่าให้ฟังผ่านทางรายการตอน 11.15 น.ทาง สวท.FM97.0 MHz.
โดยภาพรวมตอนนี้ประเทศไทยขาดแคลนนักบิน
ส่วนการสั่งซื้อเครื่องบินก็เพิ่ม 4.7 % ทำให้คนสนใจไปเรียนกันมาก แต่ต้องทำความเข้าใจในการเข้าสู่ระบบ
“อาชีพนักบิน” ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะสำนักงานใหญ่ของแต่ละสายการบิน
ต้องผ่านการตรวจสอบทางการแพทย์ คลาส 1 ตรวจละเอียดต้องสอบจิตเวช ปัญหาของไทยที่มีการเปิดรับนักเรียนการบินหลายสถาบันแห่กันเปิดบริการ
หลักการเข้ามาเรียนนักบิน ขั้นแรกจะต้องสอบจิตเวชด้วย
(นอกเหนือจากเรื่องการตรวจสมรรถนะร่างกาย) มีสถานที่ตรวจเพียงแค่ 2 แห่ง คือ เวชศาสตร์การบินโรงพยาบาลภูมิพลกับโรงพยาบาลกรุงเทพ
ถึงแม้จะเข้าเรียนเป็นนักบินจนจบตลอดหลักสูตรจะใช้เงินประมาณ 3 ล้านบาท
เมื่อเรียนจบก็ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าเป็นนักบินได้เลย
เพราะเด็กจบใหม่ที่ไปเป็นนักบินผู้ช่วย ต้องเข้าสู่ระบบเกณฑ์จากทางสายการบิน เช่น
ไทยแอร์เอเชีย การบินไทย ใช้วิธีไปคัดตั้งแต่เริ่มต้นก่อนเข้าเรียนไว้ตั้งแต่แรกที่เรียนจากนั้นจึงให้กลับมาใช้ทุน
ดังนั้นผู้ปกครองต้องทำความเข้าใจว่าถึงแม้จะส่งลูกไปเรียนจนจบก็ไม่ได้หมายความว่าจะเข้ามาเป็นนักบินได้ทันที
ปัญหาคอขวดของ “อาชีพนักบิน”
ทุกสถาบันการศึกษาที่เปิดหลักสูตรต้องสอบก่อน พอจบแล้วสำคัญที่สุดต้องไปสมัครงานกับทางสายการบิน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะขึ้นไปบินได้เลย ต้องใช้เวลาฝึกหัดทักษะบิน
สิ่งแรกที่ต้องเจออีกครั้งคอขวดหลัก ๆ คือ
1.“เวชศาสตร์การบิน” ด้วยความที่เมืองไทยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่เพียง
2 แห่งเท่านั้น คิวรอตรวจจิตเวชนักบินจึงยาวมากบางครั้งคิวข้ามปี
เป็นปัญหาเรื่องเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอสำหรับการตรวจ ขณะนี้ “พลอาอาศเอกประจินต์
จั่นตอง” รองนายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้สร้างสถาบันเวชศาสตร์การบินแห่งที่ 2
2.ปัญหาการติดธงแดงของไทยจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
(ICAO) แนวโน้มกว่าจะปลดได้ต้องรอถึงประมาณกลางปี
2560 ส่งผลให้ต้องรอจังหวะเรื่องนี้ด้วย
ถึงจะเดินหน้าเพิ่มบุคลากรการบินด้านต่าง
ๆ
โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาต (ไลเซ่น) ตรวจสอบมาตรฐานการบินทั้งระบบด้วย
3.การออกใบอนุญาตสายการบินซึ่งเกิดจากการถูกติดธงแดง
2 เรื่อง คือ 1.ใบสำคัญการดำเนินการเดินอากาศ
และการขนส่งสินค้าอันตราย
จึงต้องแก้ไขโดยการออกคู่มือและการแก้กฎหมายให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
ผลจากการติดธงแดงทำให้สายการบินของไทยไม่สามารถเพิ่มเที่ยวบินหรือจุดบิน
หรือเปลี่ยนแปลงแบบเครื่องบินได้
ส่งผลให้สายการบินของไทยโดยรวมยังไม่สามารถขยายธุรกิจได้
ขณะที่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของนักเรียนที่จะเข้ามาสู่
“อาชีพการบิน” ของเมืองไทยในปี 2560
นั้น
ล่าสุดคณะกรรมาธิการขนส่งทางอากาศ
กระทรวงคมนาคม ได้จัดสัมมนาเรื่องปัญหาเฉพาะ “ไทยขาดแคลนบุคลากรการบิน”
รวมถึงการผลิตคนเพื่อไปทำงานในประเทศต่าง ๆ ด้วย คำตอบสำคัญคือสถาบัน 1.ผลิตบุคลากรต้องมีมาตรฐาน
โดยสำนักงานการบินพลเรือน มีหน้าที่หลักออกกฎเกณฑ์ เข้มงวดในการตรวจสอบ 2.หน่วยงานไม่สามารถบังคับสายการบินให้รับบุคลากรจบใหม่ได้
ดังนั้นจึงควรใช้วิธีร่วมมือกับสายการบินกับสถาบันผลิตนักบิน
ซึ่งมีสูตรการคัดเลือกนักบินเข้าเรียนตั้งแต่เบื้องต้นไปจนถึงสุดทาง
สำหรับการเติบโตใน “อาชีพนักบิน”
ปัจจุบันทั้งในไทยและตะวันออกกลาง ยังคงขยายตัวสูงมาก แต่คอขวดที่กล่าวมาคือเรื่อง
รูปแบบวิธีการคัดนักบิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การบินผู้ตรวจสอบด้านจิตเวช
สำนักงานตรวจสอบมาตรฐานบุคลากรการบิน
ความร่วมมือตั้งแต่ต้นทางระหว่างสายการบินกับผู้ที่จะเข้าเรียนการบิน และ
กฎระเบียบมาตรฐานใหม่ที่ไทยจะต้องปรับแก้ให้สอดคล้องกับสากลตามกติกาขององค์การการบินพลเรือน
จากนั้นมาฟังข่าวต้นชั่วโมงในแวดวงท่องเที่ยว
ข่าวที่
1 “รอช้อป27ปีคิงเพาเวอร์คืนกำไรสูงสุด80%”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ระหว่างวันที่
13-19 ตุลาคม 2559 นักช้อปแฟนพันธุ์แท้และมือใหม่หัดช้อปผู้ชื่นชอบทั้งสินค้าแบรนด์ไทยและแบรนด์เนมดังจากทั่วโลกทั้ง
เครื่องสำอาง น้ำหอม เครื่องหนัง แฟชั่น และผลิตภัณฑ์มากมายกว่า 200 แบรนด์ ห้ามพลาด ทุกคนมีนัดมาพบกัน ณ อาคารคิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์
รางน้ำ กรุงเทพฯ ในงาน “เฉลิมฉลองการก้าวเข้าสู่ปีที่ 27 กลุ่มคิง เพาเวอร์” พร้อมคืนกำไรให้ส่วนลดช้อปปิ้งสูงสุดถึง 80 %
โดยมีสินค้าให้เลือกมากมายพร้อมลุ้นรับของรางวัลตามเงื่อนไข
ติดตามรายละเอียดเพิ่มที่ www.kingpower.com
,www.kingpoweronline.com หรือคอลเซนเตอร์ 1631
ข่าวที่
2 “ท้ากินผัดไทยไร้เส้นอ่างทอง-ส้มตำสายบัวชัยนาท”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง ชวนไป “สุขกลางใจใกล้แค่เอื้อม” ขอ “ท้ากินกันจนพุงกาง” อาหารจานเด็ด 2 แห่ง คือ
“ผัดไทยไร้เส้น-ร้านปิ่นโต”
จังหวัดอ่างทอง ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
พอเดินเข้าไปภายในร้านจะเห็น “ปิ่นโต”
หลายยุคสมัยจำนวนมากถูกนำมาประดับประดาถือเป็นงานศิลป์แปลกตาไปอีกแบบ
ส่วน “รสชาติ” ผัดไทยไร้เส้นร้านปิ่นโต อร่อยด้วยวัตถุดิบและปรุงด้วยสูตรลับพิเศษจากรุ่นสู่รุ่น
รสเข้มข้นถึงความเปรี้ยวหวานมันเค็มครบครัน โทร.สอบถามได้ที่ 035-662-589
หรือจะเป็น “ส้มตำสายบัว-ร้านสามรส”
อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท เป็นหนึ่งในไฮไลต์เด็ดของชาวเมืองนก
โดยใช้จุดเด่นของชัยนาทนิยมปลูกสายบัว
ด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้านจึงนำสายบัวสดกรอบมาเป็นส่วนประกอบหลักในการชูรสชาติแทนมะละกอ
ความอร่อยล้ำรสจัดจ้านนักท่องเที่ยวชิมแล้วได้ใจเกินร้อย
เลยท้าให้ไปกินกันจนพุงกางได้ทุกครั้ง โทร.สอบถามได้ที่ 056-941-363
ข่าวที่
3 “ไทยตั้งธงใช้โรดโชว์ปลุกF.I.T.ทัวร์จีน”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ได้เร่งจัดทำแผนเชิงรุกคู่ขนานกับนโยบายรัฐบาลรองรับมาตราการจัดระเบียบนักท่องเที่ยวจากตลาดจีน
เพื่อรักษารายได้ภายใต้การสร้างมาตรฐานดึงกลุ่มทัวร์จีนคุณภาพเข้ามาใช้เงินภายในประเทศ
ในระหว่างที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ประกาศความชัดเจนเดินหน้ากวาดล้างผู้ประกอบการในไทยโดยมีหน่วยงานเกี่ยวข้องกำลังดำเนินคดีบริษัททัวร์จีนในข้อหาทำลายอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
และถึงแม้ในช่วงแรกจะพบอัตราผลกระทบการกวาดล้างผู้กระทำผิดทำให้แหล่งท่องเที่ยวลดลง
30 % และการเข้าพักโรงแรมลดลง
50 % ก็ตาม
ภายในปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปี 2560
จะเพิ่มความเข้มข้นทำการตลาดเชิงรุก ททท.ทั้ง 5 สำนักงานในจีน
ฟื้นฟูและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดคืนกลับมาให้มากกว่า 60 % โดยเน้นเจาะกำลังซื้อเดินทางเที่ยวด้วยตนเอง
(เอฟไอที) อาทิ เซี่ยงไฮ้สามารถทำได้ถึง 80 % จึงพร้อมเป็นต้นแบบที่ดีของสำนักงานอื่น
ๆ ด้วย
นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย
และแปซิฟิกใต้ ททท.กล่าวว่า ทางออกเร่งด่วนที่พร้อมจะทำอย่างต่อเนื่องด้วยวิธีเพิ่มกลยุทธ์การขยายฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการสัมพันธ์ไทย-จีน
(TCTA) คัดเลือกสมาชิกที่มีคุณสมบัติเข้ามาเป็นตัวแทนขายและผลิตแพกเกจคุณภาพ
รวมทั้งการนำผู้นำตลาดคุณภาพจากไทยบุกไปจีน ควบคู่การ สนับสนุนงบประมาณเร่งทำโรดโชว์ในจีนในลักษณะการจับคู่เจรจาธุรกิจตัวต่อตัวระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายที่มีคุณภาพในกลุ่มเอฟไอที
เพราะแนวโน้มปี 2560
ททท.ยังคงตั้งเป้าจะมีจีนเที่ยวเมืองไทยมากกว่า 10
ล้านคนขึ้นไป
ข่าวที่
4 “BCPGได้แรงหนุนโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
กรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) กล่าวว่า ศักยภาพการเติบโตของธุรกิจหลักปีนี้กลุ่มผลิตไฟฟ้าจากพลังงาน แสงอาทิตย์ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ธุรกิจการตลาดค้าปลีกจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักของการเติบโตในอนาคต
จากการที่บางจากมีแผนจะใช้ 4 กลยุทธ์ ได้แก่ 1)การขยายเครือข่าย, 2)การขยายตัว
ของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน, 3)การอัพเกรด/ปรับปรุงสถานีน้ำมันสหกรณ์
และ 4)การปรับปรุงการให้บริการและระบบการจัดการเพื่อหนุนการเติบโตธุรกิจการตลาดค้าปลีก
นอกจากธุรกิจการตลาดค้าปลีกแล้ว
ธุรกิจพลังงานสีเขียวเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะส่งผลต่อการขายหุ้น IPO ของ
BCPG ซึ่งเป็นธุรกิจพลังงานสีเขียวของ BCP คาดว่าจะเสนอขายหุ้นในปลายเดือนก.ย.
2559 ทั้งนี้ จะมีการ เสนอขายไม่เกิน 590
ล้านหุ้น
ข่าวที่
5 “ไทยบุกตลาดไมซ์คุณภาพMI 3เทรนด์
นางสาวนุช หอมรสสุคนธ์ ผู้อำนวยการ
ฝ่ายการประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (meeting incentive :MI) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(TCEB) เปิดเผยว่า ได้วางกลยุทธ์ทำตลาด MI ในปี 2560 โดยพุ่งเป้าหมายใหม่บุกตลาดคุณภาพ 3 กลุ่มหลัก
ได้แก่ 1.กลุ่มเมกะไซส์ ที่มีจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์ 2,000 รายขึ้นไป
เน้นกลุ่มธุรกิจขายตรง ประกัน โทรคมนาคม ไอที ยานยนต์ โดยเฉพาะจีน อินเดีย และกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก 2.กลุ่มการจัดประชุมองค์กร ซึ่งมีลักษณะเป็นการประชุมบอร์ด
ประชุมประจำปี ประชุมระดับภูมิภาค ของกลุ่มธุรกิจหลัก ๆ
อาทิ
การเงิน การธนาคาร/ ยานยนตร์ ไอที โทรคมนาคม เภสัชภัณฑ์ ในตลาด ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย และ 3.กลุ่มท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลในระดับพรีเมียม
ซึ่งเป็นกลุ่มขนาดเล็กแต่มีการใช้จ่ายต่อหัวสูง
อาทิ ผู้บริหารระดับสูงของธุรกิจขายตรง ไอที โทรคมนาคม ยานยนต์ เน้นตลาด จีน สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกาญี่ปุ่น
อินเดีย ออสเตรเลีย และยุโรป
ข่าวที่
6
“ซื้อตั๋วกวางโจว/เซินเจิ้นได้ส่วนรถGrabแท็กซี่”
วันนี้บินกับ “ไทย
แอร์เอเชีย” จากไทยสู่ปลายทาง 2 เมืองในจีน คือ กวางโจว เซินเจิน ผู้โดยสารจะได้ลดทันที 50 บาท เมื่อใช้บริการ
GrabTaxi ระหว่างวันนี้ - 31 ธันวาคม 2559
ด้วยเงื่อนไข 1.เฉพาะผู้โดยสารที่จองบัตรโดยสารสายการบินแอร์เอเชีย
เส้นทางกวางโจวหรือเซินเจิน ระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม - 31
ธันวาคม 2559 เท่านั้น
2.ผู้โดยสารจะได้รับ Promotion code จาก Travel itinerary เมื่อจองบัตรโดยสารใน 2
เส้นทางดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ www.airasia.com
และกรอกรหัสโปรโมชั่น (Promo Code) เมื่อเรียกใช้บริการ Grabtaxi 3.จำกัดจำนวน
500 สิทธิ์/เดือน โปรโมชั่นดังกล่าวไม่รวมบริการรถขนาด 7
ที่นั่ง ค่าเรียกรถ+ค่าบริการเสริม และการจองรถล่วงหน้า 4. สิทธิพิเศษนี้
เฉพาะผู้โดยสารที่เรียกใช้บริการจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองเท่านั้น 5.ใช้สิทธิ์ได้ 1 ครั้ง/การเดินทาง ดูเพิ่มที่ www.airasia.com
ช่วงที่ 2 เวลา 11.45 น.พบกับเรื่องดี ๆ มีความสุข
ในพิพิธภัณฑ์สองกษัตริย์ และข่าวทันเหตุการณ์ประจำสัปดาห์
@เที่ยวพิพิธภัณฑ์สองกษัตริย์ไทย-เดนมาร์ค
สระบุรี
เมืองธรรมชาติในเขตเชื่อมโยง “สระบุรี” ประตูภาคกลางสู่อีสาน
บริเวณ “อำเภอมวกเหล็ก” มักคุ้นหูกันดีในหมู่ชาวไทยว่าเป็นที่ตั้ง “ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค” มายาวนานเกือบ 60 ปี อยู่ตรงบริเวณถนนมิตรภาพ ช่วงปี 2505 รัฐบาลเดนมาร์คและสมาคมเกษตรกรโคนมเดนมาร์ค
ได้น้อมเกล้าถวายโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมขึ้น ณ อำเภอมวกเหล็ก
โดร่วมมือกับรัฐบาลไทยจัดตั้งเป็น “องค์กรส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย หรือ
อ.ส.ค.”
ควบคู่กับการจัดทำ “พิพิธภัณฑ์สองกษัตริย์ไทย-เดนมาร์ค”
ตั้งอยู่ในอาคารภายในฟาร์มโคนม
จัดแสดงเรื่องราวย้อนยุคย้อนไปเมื่อครั้ง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” นำเสด็จ “สมเด็จพระเจ้าเฟรดเดอริคที่ 9 และพระนางเจ้าพระราชนินีอินกริด” แห่งประเทศเดนมาร์ค
เปิดฟาร์มโคนมและศูนย์อบรมไทย-เดนมาร์ค แห่งแรกที่จังหวัดสระบุรี ณ อาคาร 1962 จนกลายเป็นศูนย์ผลิตน้ำนมโคที่ดีต่อสุขภาพประชาชนมาจนถึงทุกวันนี้
สิ่งที่ต้องชมให้ได้เมื่อไปเที่ยวมวกเหล็ก คือ “สวนสัตว์ไทย-เดนมาร์ค” ในทุ่งหญ้ากว้างบ้านแห่งความสุขของอูฐ
กวาง นกกระจอกเทศ และสัตว์นานาชนิด “ห้องฉายวีดิทัศน์” เล่าเรื่องความเป็นมาของฟาร์ม
และ “นั่งรถพ่วงชมฟาร์ม”
หรือจะเลือกนั่งหรือขับรถเอทีวีชมทั้งวิวและฟาร์มไปในตัวก็ย่อมได้
หรือจะเข้าห้องเวิร์คช้อปเรียน “ทำโยเกิร์ต” แบบง่าย ๆ รสต่าง ๆ หรือทดลองรีดนมวัวเอง
และต้องอุดหนุนของฝากอย่างตุ๊กตาวัวและผลิตภัณฑ์จากโคนมหลากหลายชนิด
สำหรับการท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืน
“วันแรก” ช่วงเช้า เมื่อเดินทางถึงมวกเหล็กต้องแวะไปสักการะ “รอยพระพุทธบาท” วัดพระพุทธฉาย แล้วไปชมอีกที่ “วัดป่าสว่างบุญ” ซึ่งมียอดเจดีย์งดงามสูงถึง 500 เมตร ช่วงบ่าย เข้าชมพิพิธภัณฑ์สองกษัตริย์ไทย-เดนมาร์ค
กิจกรรมส่งเสริมฟาร์มโคนมแห่งประเทศไทย และ “สวนเบญจมาศบิ๊กเต้”
ขนาดใหญ่สุดในภาคกลาง
“วันที่สอง” ไปชมสวนพฤกษศาสตร์ภาคกลาง
(พุแค) ชื่นชมต้นไม้ของพ่อที่ทรงปลูกไว้ในสวนแห่งนี้ แล้วแวะเข้า “โครงการพื้นที่บริเวณวัดมงคลชัยพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ส่วนช่วงบ่าย มีไปชีล ๆกันได้ที่ กาดล้านนาริมแม่น้ำป่าสัก เดินชมตลาดน้ำโบราณ บ้านต้นตาล
การไปท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์สองกษัตริย์ไทย-เดนมาร์ค เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง5 โมงเย็น โทร. 036-345-188, 036-344-926 ,www.facebook.com/farmkonom
@ชาวออฟฟิศป้องกันข้อเข่าเสื่อม
นพ.ประสงค์ โอนพรัตน์พิบูลย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มงานออร์โธปิดิกส์
โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา
ให้ข้อแนะนำกลุ่ม “หนุ่มสาวออฟฟิศ”
ส่วนใหญ่ที่กำลังประสบปัญหา ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดหลัง
จากพฤติกรรมการทำงานที่ต้องนั่งอยู่ท่าเดียวเป็นเวลานานซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกเสื่อม
“วิธีแก้ไขหรือรักษา” หากพบว่าตนเองเป็นโรคกระดูกเสื่อมสิ่งแรกที่ต้องทำคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
เริ่มจากการเดิน-นั่งที่ถูกต้อง
คือนั่งตัวตรงและนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิงไม่ยกของหนักมากเกินไป ไม่ก้มเงยบ่อยและควรยืดเส้นยืดสายเพื่อบริหารกล้ามเนื้อบ้าง
หนุ่มสาวออฟฟิศก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกเสื่อมจากการนั่งผิดท่าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวันหรือการปรับเก้าอี้สูงหรือต่ำไม่ตรงกับระดับหน้าจอ
ทำให้ต้องก้มหรือแหงนคอตลอดเวลาก็จะทำให้กระดูกก้านคอเสื่อมหรือกระดูกสันหลังเสื่อมได้
สัญญาณบอกเหตุคือมีอาการเจ็บปวดตามแนวกระดูกหรือคอเมื่อขยับร่างกาย
และขยับได้น้อยลง มีเสียงดังตามข้อต่างๆเพื่อพลิกหรือขยับตัว
สำหรับข่าวฮ็อตประจำสัปดาห์
ข่าวแรก
“37แอร์ไลน์สถกมาตรฐานการบินเอเชีย”
มิสเตอร์แอนดรูว์ เฮิร์ดแมน ประธานสมาคมสายการบินภูมิภาคเอเชีย
แปซิฟิก (Association of Asia Pacific
Airlines : AAPA) เปิดเผยว่า 37
สายการบินนานาชาติ ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานการบินแบบครบวงจรกว่า 160 คน ลัดฟ้าไปร่วมประชุมสัมมนาเกี่ยวกับ
“มาตรฐานความปลอดภัยทางการบินภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก : Asia Pacific
Aviation Safety Seminar 2016 หรือ APASS 2016
ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
เพื่อหารือกันถึงบทบาทของหน่วยงานกำกับดูแลระเบียบปฏิบัติ
อุตสาหกรรมการซ่อมบำรุงชิ้นส่วนเครื่องบิน การให้บริการ
หัวข้อสำคัญที่ในเวทีการสัมมนาครั้งนี้พุ่งเป้าไปยังเรื่องนวัตกรรมความท้าทายหลากหลายรูปแบบที่ทางการบินซึ่งกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ทั้ง ระบบปฏิบัติการของเที่ยวบิน ฝูงบินใหม่ ระบบเทอร์โบพร็อพ โซลูชั่นการบิน
ความปลอดภัยในห้องโดยสาร และอื่น ๆ
เนื่องจากมีสถิติการเดินทางโดยเครื่องบินเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาสังคมจากจนำวนผู้โดยสารปีละกว่า
3,600 ล้านคน
ในจำนวนนี้ทุก 10 ล้านคนบินอย่างปลอดภัยทุกวัน และ 1 ใน 3 ของผู้โดยสารได้รับบริการบินอยู่ในภูมิภาคเอเชีย
แปซิฟิก ซึ่งการขนส่งทางอากาศได้ช่วยสนับสนุนรายได้ประชาชาติมากกว่า 626,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สร้างงานไมต่ำกว่า 29 ล้านงานนั่นเอง
ดังนั้นทุกฝ่ายในเอเชีย แปซิฟิก
จึงตระหนักถึงความท้าทายทั้งปัจจุบันและอนาคตที่จะต้องกระตุ้นผู้เกี่ยวข้องหันมายกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมการบินทุกรูปแบบให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
(ICAO)
โดยเดินไปข้างหน้าอย่างสอดคล้องกับภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งเติบโตมหาศาลในภูมิภาคนี้
ข่าวที่สอง
“ICAO-อาหรับ”ขอทุกชาติแชร์เซฟตี้การบิน”
ดร.โอลุมูยิวา เบอร์นาร์ด อลุย ประธานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์แรกช่วงเดือนกันยายน 2559
สมาชิกการบินในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ได้ร่วมกันจัดประชุม The Global Aviation Ministerial Summit in
Riyadh ซาอุดิอาระเบีย
โดยได้ร่วมกันทุกฝ่ายโดยมี ICAO
ให้การสนับสนุนโดยมีผู้ว่าการการบินพลเรือนซาอุดิอาระเบีย เป็นเจ้าภาพใหญ่ ต้อนรับตัวแทนจาก 54 ประเทศ
104 สำนักงาน ที่เข้าร่วมจากภูมิภาคตะวันออกลาง แอฟริกา และ ภูมิภาคอื่น ๆ
เป้าหมายใหญ่ในการจัดประชุมซัมมิตทางการบินครั้งนี้
คือการสร้างความสัมพันธ์กระตุ้นการขนส่งทางอากาศให้มีความตื่นตัวในการประสานความร่วมมือกันโดยเฉพาะมาตรฐานความร่วมมือด้าน
“ความปลอดภัยทางการบินและสิ่งอำนวยความสะดวก” ในภูมิภาคสำหรับ
องค์การการบินแห่งอาหรับ :Arab Civil
Aviation Commission :ACAC
ต้องบูรณาการทำงานร่วมกับ ICAO
อย่างใกล้ชิดด้วยประสิทธิภาพใหม่ให้การแชร์ข้อมูลและการอบรมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกของมาตรฐานความปลอดภัยทุกรูปแบบ
“หลังเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับอุตสาหกรรมการบินในสนามบินนานาชาติ
ณ เมืองอิสตัลบูล ประเทศตุรกี และ กรุงบัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม
จึงมีความสำคัญอย่างมากที่ทุกประเทศจะต้องหันมาให้ความตระหนักถึงการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ใหม่
เพื่อตรวจสอบอย่างชัดเจนทุกอย่างได้ในทุกเวลาของการให้บริการการเดินทาง”
รวมทั้ง ICAO
เองก็ต้องสร้างแผนดูแลมาตรฐานความปลอดภัยแบบไร้พรมแดนของระบบนำร่องอากาศการขนส่งทางอากาศ
โดยได้พัฒนาแผนมาตรฐานการบินไร้พรมแดนใหม่ขึ้นมาที่เรียกว่า Global Aviation Security Plan : GASeP โดยหวังว่าในการประชุม 39th Assembly จะช่วยให้ทุกประเทศในภูมิภาคบรรลุเป้าหมายการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยทางอากาศซึ่งจะเป็นผลดีต่อโลก
ข่าวที่สาม
ระบบรางลั่นใช้“ตั๋วร่วมแมงมุม”มค.60
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เดินหน้าเรื่องบริการระบบตั๋วร่วมในการใช้รถสาธารณะระบบรางเชื่อมโยงกันทั้งหมด
ขั้นตอนอยู่ระหว่างจัดตั้งหน่วยงานบริหารจัดการและบำรุงรักษาระบบตั๋วร่วม (Common Ticketing Company : CTC) ในรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุน ( PPP) โดยดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติ
(พ.ร.บ.)การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 ควบคู่กับการเร่งเสนอคณะรัฐมนตรี
(ครม.) อนุมัติให้ รฟม.เป็นเจ้าภาพอย่างเป็นทางการ โดยคาดจะสามารถเปิดใช้ระบบตั๋วร่วมภายใต้ชื่อ
“บัตรแมงมุม”รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล
ลิงค์ รถไฟฟ้าเฉลิมมหานคร และรถไฟฟ้ามหานครสายสีม่วงได้ภายในเดือนมกราคม 2560
นี้
ข่าวที่สี่
“เชียงใหม่จัดใหญ่อันซีนล้านนา14-17ก.ย.”
ระหว่างวันที่ 14-18 กันยายน 2559 จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ
กรมการพัฒนาชุมชน, หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ และ
สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) จัด “Unseen
Lanna 2016” “อัศจรรย์แดนดิน ถิ่นล้านนา
ภูมิปัญญาล้ำค่า สินค้าไทย” มหกรรมสุดยอด OTOP ล้านนา กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 และ 2 จาก 8
จังหวัด มากกว่า 800 บูท เวลา 10.00-21.00 น. ณ
ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา อำเภอเมืองเชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่ ตลอดงานสามารถลงทะเบียนเข้างานลุ้นรับของรางวัลใหญ่ฟรี
พบกับสาระข่าวดี ๆ ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.
ดำเนินรายการโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน และ นฤมล พุกยม
ติดตามฟังรายการย้อนหลังเข้าไปที่ www.google.com พิมพ์คำว่า
รวยด้วยข่าว97.0 หรือทาง www.facebook.com/rauydauykhao
และ ข่าววิเคราะห์เจาะลึกทางบล็อกเกอร์
:gurutourza.blogspot.com
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน :คอลัมนิสต์-การบินและท่องเที่ยว |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น