เจาะลึกแผนเดินหน้าตั้ง”กรอ.ไมซ์”ยก2
ปลดล็อกกม.215ฉบับองค์การมหาชน
บินไทยจ่อเท7พันล้านรับฝูงบินใหม่ปี’60
จี้ททท.จีน5สำนักงานบุกเมืองรองเพิ่มFIT
สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่ 3 กันยายน 2559 เวลา 11.00-12.00 น.พบกันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย” FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” นำเสนอฉับไวทันทุกข่าวและสารคดีท่องเที่ยว
ช่วงแรกเวลา 11.15 น.
จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองผู้อำนวยการสายงานบริหารและสนับสนุนกลยุทธ์ |
“คุณจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา”
รองผู้อำนวยการสายงานบริหารและสนับสนุนกลยุทธ์ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) หรือ TCEB มีข้อสรุปจากการประชุม
“อนุกรรมการประสานงานภาครัฐเพื่อการอำนวยความสะดวกทางด้านการค้าและบริการอุตสาหกรรมไมซ์”
มาเล่าให้ฟังในฐานะ “เลขานุการ-อนุกรรมการ” ชุดดังกล่าว
ได้จัดประชุมรอบสองไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2559
จะฝ่าความท้าทายหาทางออกการจัดตั้ง
“คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน” หรือ “กรอ.ไมซ์” ได้รวดเร็วหรือไม่
หลังจากเดินหน้าเข้าสู่แผนปฏิรูปโครงสร้างมาแล้ว 3 เดือน ต้องเผชิญกับ “ข้อกฎหมายเกี่ยวข้อง”
ที่มีมากถึง 215 ฉบับ “วิธีปฏิบัติ” จะปรับอย่างไรจึงจะทำให้
“อุตสาหกรรมไมซ์” ของประเทศขับเคลื่อนอย่างรื่นไหล เพราะเป็นทัพหน้าในการ
“ดึงตลาดคุณภาพสูง” สร้างรายได้เข้าประเทศ มากกว่าการท่องเที่ยวทั่วไป 3-5 เท่า จากพฤติกรรมการใช้เงินของกลุ่มผู้เข้าร่วมประชุม
ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล จัดคอนเวนชั่น จัดนิทรรศแสดงสินค้า
ทั้งระดับประเทศและนานาชาติ
“คุณจิรุตถ์” กับอนุกรรมการที่มี
“คุณอรรคพล สรสุชาติ” เป็นประธาน โดยเฉพาะ TCEB เองก็มี “ประธานบอร์ด” มืออาชีพอย่าง
“ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” ทุ่มทำงานเกินร้อยนั้น จะร่วมมือกัน “ปลดล็อก”
เงื่อนปมเหล่านี้ทำให้ “รายได้ไมซ์” ปรากฏเป็นตัวเลขที่มีมากกว่าปีละ 1 แสนล้านบาท ได้อย่างแน่นอน
เอกชนและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน
ห้ามพลาดติดตามฟังได้ทาง FM 97.0 MHz. ช่วง 11.15-11.30 น.
เวลา 11.35-11.42 น.มีข่าวแวดท่องเที่ยวครบวงจรที่น่าสนใจ
ข่าวที่ 1 “วีอาร์No.8 สร้างแบรนด์วิถีไทยสู่ตลาดโลก”
กลุ่มคิง เพาเวอร์
ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลอดอากรหรือดิวตี้ฟรี เมืองไทย
แนะนำสินค้าที่ผลิตขึ้นภายใต้แบรนด์ของตนเองคือ “วีอาร์ นัมเบอร์ เอต”
สร้างสรรค์ทำเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของที่ระลึก โดยการนำแนวความคิดสนุกสนานมาเป็นลูกเล่นสดใหม่ผสานเข้ากับเรื่องราวของวัฒนธรรมสำคัญต่างๆในเอเชีย
จนได้เป็นของฝากที่สร้างร้อยยิ้มและความประทับใจทั้งผู้ให้และผู้รับ
ประการสำคัญคือเน้นการได้เผยแพร่เรื่องราวของวัฒนธรรมและสถานที่สำคัญต่างๆ
ผ่านลูกเล่นและการใช้งานของสินค้าราวกับผู้รับได้มาเที่ยวด้วยตนเอง จำหน่ายทั้งทางหน้าร้านในสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
ดอนเมือง ภูเก็ต และร้านค้าดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ สาขาในเมือง ได้แก่ คิง
เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ซอยรางน้ำ, ศรีวารี, พัทยา ภูเก็ต
บนเครื่องบินสายการบินไทยและไทยแอร์เอเชีย รวมทั้งสามารถสั่งซื้อผ่านทาง www.kingpoweronline.com
ผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกออกแบบเก๋ ๆ
ด้วยลวดลายบอกเล่าเรื่องราวทางวัฒนธรรมของเมืองไทย อาทิ เสื้อ
ผ้าคลุมกระเป๋าเดินทางพิมพ์ลายรถตุ๊ก ๆ กระเป๋าเป้ทรงกระสอบทราย
เสื้อยืดลายประเทศไทยมีให้เลือกทุกขนาด กางเกงมวย ที่พันสายหูฟังดีไซน์หนุมาน
ที่นวดตัวรูปช้าง และผลิตภัณฑ์อีกมากมายในสไตล์วิถีไทย
ข่าวที่ 2 “สวนนคราภิรมย์โฉมใหม่ในปี’60”
คณะอนุกรรมการประสานการแก้ไขปัญหาการจราจรและขนส่งเร่งด่วนในกรุงเทพฯและปริมณฑล
มีมติชัดเจนแล้ว เรื่องการจัดหาจุดจอดรถที่เหมาะสมในเขตพื้นที่ถนนราชดำเนินและกรุงเทพชั้นใน
โดยกำหนดให้มีพื้นที่เหมาะสมอยู่ 4 จุด คือ
ไฮไลต์จุดที่ 1 “บริเวณสวนนคราภิรมย์” ขณะนี้ทางเจ้าของพื้นที่คือ
กทม.กำลังดำเนินการ คาดจะแล้วเสร็จปี 2561 รองรับการจอดรถได้ 700 คัน อนาคตจะเป็นเส้นทางเชื่อมโยงการท่องเที่ยววิถีชุมชนในแบบฉบับ
“คนถนนเดิน” รอบพื้นที่พระบรมมหาราชวังอันงดงาม อีกทั้งยังจะช่วยปลดล็อก
“จราจรรอบเกาะรัตนโกสินทร์” ให้รื่นไหลเดินทางไปมากสะดวกมากยิ่งขึ้น
ช่วยประหยัดพลังงาน สร้างโลกสีเขียวแห่งใหม่ขึ้นในเมืองมหานคร
ส่วนจุด 2,3,4 เรียงตามลำดับคือ บริเวณคลองสลักเก่า ราชนาวีสโมสร และ
สนามม้านางเลิ้งมอบให้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)
ไปศึกษาความเป็นไปได้และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วให้กลับมารายงานที่ประชุมอีกครั้งในเดือนกันยายน
นี้
ข่าวที่ 3 “ททท.-4องค์กร”ยิ้มรับท่องเที่ยวได้เกินเป้า2.58ล้านล.
ททท.ผนึก 4 องค์กรเอกชน
“สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย-สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว-สมาคมโรงแรมไทย-บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) เปิดเผยว่า ททท.จับมือกับ 4 องค์กรเอกชน ทั้ง “สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย-สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว-สมาคมโรงแรมไทย-บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย”
ประเมินแนวโน้มการท่องเที่ยวตลอดปีงบประมาณ 2559 ไทยจะทำรายได้ท่องเที่ยวรวมได้มากถึง 2.58 ล้านล้านบาท เพิ่ม 14
% จากตลาดต่างประเทศ 1.72 ล้านล้านบาท เพิ่ม 18 % และตลาดในประเทศ
8.6 แสนล้านบาท เพิ่ม 7
% ซึ่งเกินเป้าหมายไปราว 18,000
ล้านบาท จากเดิมเคยตั้งไว้เพียง 2.4 ล้านล้านบาทเท่านั้น
เป็นผลมาจากช่วง 3 ไตรมาส หรือ 9 เดือนแรก ระหว่างมกราคม – กันยายน นี้ ไทยจะมี “รายได้รวม” 1.88
ล้านล้านบาท เพิ่ม 14 %
จากตลาดต่างประเทศ 24.94
ล้านคน สร้างรายได้ 1.25
ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 % และตลาดในประเทศ 111
ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 6.29
แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 6 %
ข่าวที่ 4 “บางจาก-เคทีซี”จัดเต็มคืนเงินสูงสุด34%
“นายโชคชัย อัศวรังสฤษฎ์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่
สายงานธุรกิจการตลาดและคลังน้ำมัน บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
ได้ร่วมมือกับธุรกิจบัตรเครดิต "เคทีซี" หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด
(มหาชน) จัดแคมเปญพิเศษ ระหว่างวันนี้ – 31 ตุลาคม2559 ให้สมาชิกเติมน้ำมันได้คุ้มค่ากว่าใคร ณ
สถานีบริการน้ำมันบางจากที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ด้วยบัตรเครดิตเคทีซีทุก 100 บาท และใช้คะแนนสะสม KTC FOREVER
REWARDS ทุก 100 คะแนน
พร้อมกับคะแนนสะสมบางจาก Value Point ทุก 100 คะแนน แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 34%
ข่าวที่ 5 “ไทยโหมกระแสพัฒนาไมซ์อย่างยั่งยืน”
นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) หรือ TCEB เปิดเผยว่า ได้เดินหน้าเป้าหมายทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการจัดประชุมและนิทรรศการอย่างยั่งยืน
(Thailand MICE Sustainable Destination Master Plan) โดยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน
เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ภายใต้โครงการ MICE Sustainability Thailand โดยมีกิจกรรม MICE
Sustainability Forum 2016 ปีนี้จัดงานภายใต้คอนเซปต์ The
Big Action! จัดไปเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2559 ณ อาคารไซเบอร์
เวิลด์ ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ เพื่อเชื่อมโยงความรู้เกี่ยวกับกรอบการดำเนินงานดังกล่าวไปสู่ผู้ประกอบการไมซ์ไทย
โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรหลากหลายองค์กร มาร่วมให้ความรู้ในหัวข้อต่างๆ
อาทิ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาแบบยั่งยืนของโลกทั้ง 17 ประการ
หรือ SDGs และผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในเอเชียแปซิฟิค
การตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของธุรกิจทั่วโลกรวมทั้งธุรกิจไมซ์
ทั้งนี้ฝ่ายพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ของทีเส็บ เตรียมต่อยอดแผนการดำเนินงานและโครงการต่างๆ สำหรับปีงบประมาณ
พ.ศ. 2560 ได้แก่
ขยายจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการไมซ์ในการจัดซื้อสินค้าเกษตรอินทรีย์จากเกษตรกรโดยตรง
หรือ Farm to Functions การพัฒนาผู้ประกอบการไมซ์ให้มีศักยภาพในการแข่งขันในระดับนานาชาติด้วยการสนับสนุน
MICE Sustainability program ต่างๆ อาทิ
การจัดงานอย่างไร้คาร์บอน การป้องกันและจัดการขยะจากอาหาร
รายงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน และมาตรฐานระบบการบริหารจัดงานอย่างยั่งยืน (ISO
20121)
การดำเนินกิจกรรมให้ความรู้
พัฒนาเนื้อหาและจัดทำสื่อให้ความรู้และการตลาดด้านการจัดประชุมสัมมนาและนิทรรศการอย่างยั่งยืนเพื่อเผยแพร่ในวงกว้างขึ้น
อาทิ 5 เมืองไมซ์หลัก ตลอดจนเมืองใหม่ๆ ที่มีศักยภาพด้านไมซ์
พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรด้านไมซ์และด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน
เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการจัดประชุมสัมมนาและนิทรรศการอย่างยั่งยืนต่อไป
ข่าวที่ 6“แค่590บาทยิ่งบินยิ่งหลงรักภาคใต้”
“ไทย แอร์เอเชีย” จัดแคมเปญ “ยิ่งบินยิ่งประหยัด ยิ่งหลงรักภาคใต้” ซื้อตั๋วภายในวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2559
ในราคาเริ่มต้นเพียง 590 บาท สามารถบินไป-กลับ
จากดอนเมืองสู่จุดหมายปลายทางได้เลยโดยมีให้เลือกถึง 7 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่
หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง นราธิวาส
ตั๋วที่ซื้อแล้วหากยังไม่ได้บินวันนี้สามารถเก็บไปไว้ใช้ได้จนถึงวันที่
31 ธันวาคม 2559
ช่วงที่ 2 เวลา 11.45 น.
ออกมาเที่ยวเมืองไทยในภาคกลางใกล้กรุง
ที่ “ปากน้ำ-สมุทรปราการ” มีครบทั้งแหล่งนิเวศน์ วัด งานประเพณี ส่วน
“หมอต้อม-อภัยภูเบศร์” มีผลิตภัณฑ์สุขภาพใหม่ถอดด้าม “ผักเบี้ยใหญ่” มาแนะนำในงาน
“สมุนไพรไทยแห่งชาติ” ณ ฮอลล์ 8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และข่าวต่าง ๆ ท้ายชั่วโมง
@“สมุทรปราการ”พลาดไม่ได้ใกล้แค่เอื้อม
เมืองที่มีความโดดเด่นอันหลากหลายใกล้กรุงเทพฯ อย่าง “สมุทรปราการ” ที่ได้รับฉายา เมืองสองฝั่งเจ้าพระยา เมืองโอเอซิสแห่งเอเชีย เมืองที่น่าหลงใหลเต็มไปด้วยเสน่ห์โบราณสถาน และเมืองท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และเป็นแห่เดียวที่จัดงาน “ประเพณีรับบัว” ตลาดน้ำดอกแก้ว โด่งดังไปทั่วโลก
สถานตากอากาศบางปู |
ไปสมุทรปราการมีไฮไลต์ให้ท่องเที่ยว เริ่มต้นจาก “สถานตากอากาศบางปู”
แหล่งธรรมชาติท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ในพื้นที่ริมแม่น้ำกว่า 600 ไร่
ศูนย์รวมนกนานาพันธ์ที่อพยพมาจากจีนและมองโกเลีย
โดยมีหอคอยจัดไว้ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปยืนชมได้ ทั้งฝูงนกนางนวล นกหัวโตสีเทา
นกทะเลเขาเขียว
“พระสมุทรเจดีย์” สถาปัตยกรรมดีไซน์การก่อสร้างแบบย่อมุมไม้สิบสองอายุเกือบ
200 ปี
สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 4 ด้วยศิลปะผสมผสานไทย จีน ยุโรป
ที่สำคัญเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองสมุทรปราการ
ทุกปีจะมีประเพณีห่มผ้าแดง “องค์พระสมุทเจดีย์”
นมัสการสิ่งศักดิ์และเปลี่ยนผ้าผืนแดง ทางจังหวัดจะจัดงานมีมหรสพ การออกร้าน ให้ชม
ชิม ช้อป แชร์ กันตลอด 7 วัน 7 คืน
สำหรับ “ตลาดน้ำ” แหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวในสมุทรปราการ
ก็มี “ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง” มีร้านจำหน่ายอาหารการกินตำรับไทยตั้งอยู่ทั้งบนบกและในน้ำ
โดยมีสวนร่มรื่นและบ้านทรงไทยใต้ถุนสูงให้นักท่องเที่ยวแวะไปนั่งพักผ่อน
“ตลาดน้ำบางพลี” เป็นตลาดโบราณอายุราว 159 ปี
ตั้งอยู่ริมคลองสำโรงระยะทางประมาณ 500 เมตร
รายล้อมด้วยบรรยากาศในอดีตที่ยังคงปรากฏให้เห็นผ่านอาคารไม้
ส่วนของกินเป็นอีกตลาดที่มีสูตรต้นตำรับดั้งเดิมให้ชิม เรื่อยไปจนถึงมีผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ช้อป
และมี “สะพานเรือชัก” ต้อนรับผู้คนเดินข้ามไปฝั่งน้ำ
ไฮไลต์อีกอย่างในตลาดคือนิทรรศการภาพย้อนอดีต “ของเล่นสมัยเด็ก” หาซื้อได้ที่นี่
ของกินขึ้นชื่อเมืองสมุทรปราการ ก็มี
ขนมจาก กุ้งเหยียดบ้านสาขลา ปลาสลิดบางบ่อ ขนมเกสรลำเจียกลูกจาก และมะม่วงน้ำดอกไม้
ในเมืองปากน้ำมี “วัด” แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
ได้แก่ “วัดอโศการาม” โดดเด่นด้วยเจดีย์หมู่ 13 องค์
แต่ละองค์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุของเกจิอาจารย์ดัง
รอบวัดรายล้อมด้วยอุทยานร่มรื่น “วัดสาขลา” มีสถาปัตยกรรมสำคัญคือพระปรางค์เอียงอายุกว่า
200 ปีและองค์หลวงพ่อโตวัดสาขลา พระพุทธรูปปางมารวิชัย
ทุกปีในวันแรม 2 ค่ำ เดือน 11 ชาวบ้านจะมารวมตัวกันแห่หลวงพ่อโต
ส่วน “ประเพณี” ที่นักท่องเที่ยวไทยและนานาชาติไม่เคยพลาดคือ
“ประเพณีรับบัว” หนึ่งเดียวในโลกแห่งเดียวในประเทศของชาวบางพลี
จัดขึ้นเพื่อนมัสการ “หลวงพ่อโตแห่งวัดบางพลี” กับงาน
“สงกรานต์มอญพระประแดง” ช่วงเดือนเมษายนของทุกปีจะจัดอย่างยิ่งใหญ่
ไฮไลต์การละเล่นสะบ้ามอญ รำมอญ ประเพณีส่งข้าว แห่หงส์ ธงตะขาบ
ยิ่งใหญ่และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี
@อภัยภูเบศร์“ผักเบี้ยใหญ่”ดังกระหึ่มสมุนไพรชาติ
เภสัชกรหญิง ดร.สุภาภรณ์
ปิติพร หรือ “หมอต้อม” หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรมโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ แนะนำพืชสมุนไพรไทยภูมิปัญญาพื้นบ้าน "ผักเบี้ยใหญ่"
ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณตามที่องค์การอนามัยโลกระบุไว้มากมาย ซึ่งทางอภัยภูเบศร์คิดค้นผลิตภัณฑ์มานำเสนอเป็นไฮไลต์ในงาน
“สมุนไพรไทยแห่งชาติ”ในฮอลล์ 6-8 อิมแพค
เมืองทองธานี เริ่มมาตั้งแต่ 31 ส.ค.ไปจนถึงวันที่ 4 ก.ย.นี้
หมอต้อมอธิบายว่าสรรพคุณของ
“ผักเบี้ยใหญ่” ดีต่อโรคผิวหนังทุกอย่าง เพราะตัวผักเบี้ยมีคุณสมบัติแก้แพ้ต่าง ๆ ซึ่งในหลายประเทศจดสิทธิบัตรผักเบี้ยแก้แพ้ไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ “ไทย” ก็ยังสามารถผลิตได้ด้วยการใช้ส่วนผสมต่างกัน เช่นการทำครีมผักเบี้ยใหญ่แก้ผิวแพ้ง่ายของอภัยภูเบศร์
และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับผิวด้วยสรรพคุณของผักเบี้ยใหญ่ที่มีความโดดเด่นในการดูแลร่างกายได้ถึง
5 ส่วน ได้แก่
เรื่องที่ 1 ด้านผิวหนัง คือ 1.1.แก้แพ้ รักษาโรคสะเก็ดเงิน ลดริ้วรอยคลายกล้ามเนื้อเหมือนโบท็อกซ์ (โบท็อกซ์เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาสกัดแล้วนำมาใช้ประโยชน์ในการคลายกล้ามเนื้อคลายตัว
แต่ละเกรดขายราคาต่างกัน การฉีด 3-4 เดือน ต้องไปฉีดซ้ำ
ส่วนที่ใช้ในปัจจุบันญี่ปุ่นจดลิขสิทธิ์ ส่วนผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์เกาหลีมีผักเบี้ยผสมอยู่แทบทั้งสิ้น
เมื่อผสมเข้ากับโฟกัสริงเคิล จะช่วยลบในจุดที่มีริ้วรอย
สร้างเนื้อเยื่อทำให้ผิวเข้มแข็ง โดยมีผักเบี้ยเป็นตัวคลายกล้ามเนื้อ สามารถนำไปตำแล้วมาพอกหน้า
หรือ กินก็ได้ ในผักสลัด 1.2 ป้องกันแสงแดด
ลดและทำลายเม็ดสีดำ ที่มีส่วนผสมของเมเลสิก 1.3 แก้อักเสบ ในอดีตนำมาตำเพื่อลดอาการน้ำร้อนลวกได้
เรื่องที่ 2 ด้านกระเพาะ แก้ท้องเสียได้เพราะฆ่าเชื้อได้ดี
ในห้องทดลองมีงานวิจัยว่าาแบคทีเรียได้ดี ช่วยทำให้กระเพาะแข็งแรง
เรื่องที่ 3 บำรุงสมอง เรื่องที่ 4 ช่วยในเรื่องของมะเร็ง
และ เรื่องที่ 5มีโอเมก้า 3 มีน้ำหล่อเลี้ยงตา ช่วยไขข้อ หล่อเลี้ยงหลอดเลือด
มีคำแนะนำให้กินเพื่อสุขภาพ
ข้อควรระวัง ผักเบี้ยมีโปรแตสเซี่ยมสูง จะมีผลต่อคนเป็นโรคไต
คนท้อวบีโภคในปริมาณสูงไม่ควรทำ เพราะทำให้กล้ามเนื้อเรียบหดตัว และพฤติกรรมการกินซ้ำๆ
อาจจะไปทำลายได้ ควรจะกินสลับกันให้หลากหลาย
ปี 2559 ทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์
ได้นำธีมการจัดงาน “โลกร้อน หนีไม่ได้ต้องหยุดให้ได้” เปิดคลังสมุนไพรชาติ เพราะปัจจุบันความไม่รู้ทำให้เกิดความสูญเสียโอกาส เสียเงินค่ายาให้ต่างชาติปีละกว่ากว่า5,000ล้านบาท จึงต้องได้คิดค้นนำร่องไฮไลต์ทำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
อนาคตจะขยายผลทำเป็น “ยา” ด้วย
สำหรับผักเบี้ยในต่างประเทศสกัดเป็นน้ำจำหน่าย
เพื่อเป็นสมุนไพรตั้งต้นในการเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางต่างๆ ที่จำหน่ายกันอย่างแพร่หลายนั่นเอง
สำหรับข่าวท้ายชั่วโมงประจำสัปดาห์ที่น่าสนใจ
ข่าวแรก
“ปี’60พร้อมใช้7พันล้านรับฝูงบินเพิ่ม”ปี’60 บินไทยพร้อมทุ่มใช้เงินอีกกว่า 7,000 ล้านบาท จ่ายค่ารับมอบฝูงบินใหม่ เล็งเพิ่มรายได้จากหน่วยธุรกิจ ศูนย์ซ่อม คาร์โก้ ครัวการบิน พื้นที่เชิงพานิชย์อุ่ตะเภา
“นายจรัมพร โชติกเสถียร” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2560 จะต้องเตรียมจัดหาเงินประมาณ 7,000 ล้านบาท ไว้ชำระค่าเครื่องบินที่สั่งซื้อโดยตรง 2 ลำ ซึ่งจะไม่กระทบต่อสถานะทางการเงินของการบินไทย โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2559 การบินไทยได้รับมอบแอร์บัส A350 XWB เครื่องบินรุ่นใหม่ล่าสุดของโลก จากบริษัทแอร์บัสลำแรก และในปี 2561 จะรับมอบอีก 11 ลำ เพื่อนำเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเสริมทัพรายได้ วางแผนระยะแรกระหว่าง 4-15 กันยายน นี้ จะเริ่มนำไปบริการในเส้นทาง "กรุงเทพฯ-เมลเบิร์น ออสเตรเลีย
ขณะที่นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม
ในฐานะประธานคณะกรรมการหรือบอร์ดการบินไทย กล่าวว่า ในปี 2560 แนวโน้มการบินไทยจะทำกำไรเติบโตแบบยั่งยืน ด้วยเตรียมเพิ่มรายได้จากธุรกิจที่นอกเหนือจากการบิน
เช่น การพัฒนาศูนย์ซ่อมและรับซ่อมอากาศยาน บริการครัวการบิน และการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบินอู่ตะเภา
ข่าวที่สอง
“จี้ททท.จีน5สำนักงานบุกเมืองรองเพิ่มFIT”
ผู้นำ ททท.สั่ง 5 สำนักงานในจีนเร่งขยายฐานสู่เมืองรองลุยปั๊มทัวร์เดินทางอิสระ
ด้าน “รัฐบาลลุงตู่” ลุยจัดระเบียบกวาดล้างธุรกิจจีนขาใหญ่ในไทย OA
TRANSPORT
“ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) กล่าวว่า มอบนโยบายให้สำนักงาน ททท.ในสาธารณรัฐประชาชนจีน 5
แห่ง ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว คุนหมิง และเฉิงตู
เพื่อดำเนินการสำรวจพื้นที่มณฑลรอง รุกทำตลาดเพิ่มส่วนส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางด้วยตนเอง
(FIT) มากขึ้น
ส่วนในประเทศขณะนี้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา ได้เร่งกวาดล้างบริษัทผู้ประกอบการทำทัวร์จีนรายใหญ่ที่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง
ล่าสุด บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ถูกจับกุมเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นจึงกระทบกับยอดทัวร์จีนเข้าไปจะลดลงไปราว
100,000 คน แต่เพื่อแลกกับการสร้างระบบมาตรฐานที่ดี
ก็จะต้องดูแลให้ธุรกิจปฏิบัติตามกฎหมาย และ ททท.เชื่อว่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งช่วงวันชาติจีนระหว่างวันที่
1-9 ต.ค.นี้ คาดจะมีจีนมาไทยรวมกว่า 2.8 แสนคน เติบโต 66%
และสร้างรายได้กว่า 78%
ข่าวที่ 3 “KTCควงฟู้ดแพนด้าส่งอาหารออนไลน์ถึงบ้าน”
“นางประณยา นิถานานนท์” ผู้อำนวยการ - ธุรกิจบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ
บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพิ่มบริการใหม่ล่าสุดอาหารเดลิเวอรี่ ออนไลน์ โดยร่วมกับ
บริษัท ฟู้ดแพนด้า (ไทยแลนด์) จำกัด ศูนย์รวมบริการสั่งอาหารออนไลน์ระดับโลก
จัดแคมเปญพิเศษมอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เมื่อสั่งอาหารครั้งแรกและชำระเงินผ่านเว็บไซต์ชื่อดัง
www.foodpanda.co.th หรือแอพพลิเคชั่น foodpanda ระหว่างวันนี้-31
ธันวาคม 2559
เพียงสมาชิกพิมพ์โค้ด (CODE) 30KTC ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 6 หลักแรก เพื่อรับส่วนลด 30% (รับส่วนลดสูงสุด 300 บาท)
และเมื่อสั่งทุกรายการในครั้งต่อไป สมาชิกพิมพ์โค้ด (CODE) 10KTC ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 6 หลักแรก รับส่วนลด 10% (รับส่วนลดสูงสุด
100 บาท)
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KTC
PHONE 02 123 5000 หรือที่
www.ktc.co.th
พบกับสาระข่าวดี ๆ ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา
11.00-12.00 น.
ดำเนินรายการโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน และ นฤมล
พุกยม
ติดตามฟังรายการย้อนหลังเข้าไปที่ www.google.com พิมพ์คำว่า
รวยด้วยข่าว97.0 หรือทาง www.facebook.com/rauydauykhao และ
ข่าววิเคราะห์เจาะลึกทางบล็อกเกอร์ :gurutourza.blogspot.com
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรายการ
ขอให้พักผ่อนอย่างมีความสุขตลอดวันหยุด
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน ผู้ดำเนินรายการ และคอลัมนิสต์ การบิน-การท่องเที่ยว |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น