สำนักทรัพย์สินปรับใหญ่“ท่องเที่ยวระดับโลก”
เปิดแผนพัฒนาพื้นที่รอบพระบรมมหาราชวัง
ไทยผงาดJATA2016ปี’60โกยญี่ปุ่น6หมื่นล.
สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2559 เวลา 11.00-12.00 น.พบกันทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย” FM 97.0
MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” รู้ทันข่าวและสารคดีท่องเที่ยวอัพเดททุกสถานการณ์
ช่วงแรกเวลา 11.15 น.
“คุณอรนุช อิ่มอารมณ์” หัวหน้าฝ่ายอาวุโส
ฝ่ายบริหารงานอนุรักษ์ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทางรายการ
โดยได้เล่าอย่างละเอียดถึงการจัดทำโครงการ “พัฒนาพื้นที่โดยรอบพระบรมมหาราชวัง”
ซึ่งจะทำให้แล้วเสร็จพร้อม ๆ กันภายในปี 2561 อันเกิดจากความร่วมมือกันกับภาครัฐและหน่วยงานเกี่ยวข้องปรับโฉม
“ภูมิทัศน์รอบบริเวณแหล่งท่องเที่ยวของโลก” อย่างวัดพระแก้ว วัดโพธิ์ เชื่อมต่อไปถึงวัดอรุณราชวรารามฯ
และอาคารเก่าโบราณสถานอีกมากมาย
“คุณอรนุช”
อธิบายถึงความเป้าหมายความเป็นมาโครงการพัฒนาพื้นที่โดยรอบพระบรมมหาราชวัง ว่า มีกลุ่มอาคารที่ดูแล
3 แห่ง หน้าบริเวณหน้าวัง ท่าช้าง ท่าเตียน และสวนนาคราภิรมย์ เริ่มทำเมื่อปี 2554
ส่วนพื้นที่ที่เหลือเมื่อเข้าไปทำแล้วเจอปัญหาใหญ่เรื่อง
นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามายังพื้นที่บางวันละ 30,000-50,000 คน
ที่ผ่านมาการแก้ไขค่อนข้างยาก เพราะมีหลายหน่วยงานเอกชน การท่องเที่ยว เข้ามาแล้ว
ไม่สามารถหาข้อยุติได้ตรงตามบทบาทหรือยุติปัญหาได้
ขณะที่สำนักงานทรัพย์สินฯ พอจะช่วยแบ่งเบาได้คือ “ปัญหาลานจอดรถ”
มีพื้นที่บริเวณท้ายวังสวนนาคราภิรมย์
รถบัสแต่พบอุปสรรคคือวงเลี้ยวกับจำนวนที่จอดรถบัสได้แค่ 70 คัน จึงหันไปพิจารณาเป็นลานจอดรถตู้
แต่ก็ยังไม่ตอบโจทก์เช่นกัน จึงมองต่อไปยังการจัดทำพื้นที่จอดใต้ดิน
เนื่องจากตามมติคณะรัฐมนตรีจะให้ก่อสร้างอาคารเหนือพื้นดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาสร้างได้ในความสูงไม่เกิน
8 เมตรเท่านั้น
จึงเป็นเหตุให้ต้องออกแบบลานจอดรถใต้
การพัฒนาสถานที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวรองรับคนไทยและต่างชาติ
จากผลการศึกษาพื้นที่บริเวณท่าเตียนเป็นจุดสำคัญถึงแม้จะอยู่ท้ายวังก็ตามโดยรอบก็มี
วัดโพธิ์ วัดอรุณ และ มิวเซียมสยาม ทั้ง 3 แห่ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก
คนให้ความสนใจ อันดับ 1 วัดพระแก้ว อันดับ 2 วัดโพธิ์ และวัดอรุณเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไปแล้ว
เมื่อมองถึงเส้นรอบวงท่องเที่ยวสามารถเชื่อมพื้นที่สวนนาคราภิรมย์
กับท่าเตียนมีท่าเรือสำคัญบริการต่อไปยังวัดอรุณ
นักท่องเที่ยวนอกจากมาทางรถบัสแล้ว มาจากสาทร สี่พระยา
มาทางเรือสามารถขึ้นบริเวณท่าเตียนซึ่งกำลังจะปรับปรุงต่อไป รวมถึงสวนนาคราภิรมย์
ทุกฝ่ายมองไปถึงจุดเชื่อมโยงและศูนย์กลางการเรียนรู้พื้นที่ด้วย
มีกิจกรรมซึ่งกำลังก่อสร้าง “พิพิธภัณฑ์โขน”
ส่วน “ตลาดท่าเตียน” อนาคตจะปรับปรุงด้วยเช่นกัน
เนื่องจากปัจจุบันตลาดใช้เพียงเพื่อเก็บสินค้าและที่พักคนงาน ยังขาดกิจกรรมอย่างแท้จริง
สำหรับการปรับปรุงพื้นที่ต้องมีคำตอบให้คนพื้นที่อย่างชัดเจน
ต้องใช้เวลาศึกษา ทำงานอย่างละเอียด
ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวในการพัฒนาแต่ละครั้งได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างโดดเด่น
ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ปี 2452 อาคารเปลี่ยนรูปทรงสถาปัตยกรรมจากสไตล์ฝรั่งแล้วไล่เรียงมาเห็นอาคารแต่ละยุคสมัย
โดยทางสำนักงานทรัพย์สินฯ สามารถเก็บเอกลักษณ์ของอาคารไว้ได้
ปัจจุบันมีวิถีชีวิตชุมชนที่ใช้ทำมาหากินและใช้ต่อมายังลูกหลาน
เป็นความภูมิใจที่เก็บวิถีชีวิตและสถาปัตยกรรมไว้ได้ แต่ก็ไม่สามารถเก็บรักษาทุกอย่างไว้ได้
เป้าหมายคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และทำให้เกิดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์
ตามข้อแนะนำจากหลายด้านต้องการให้เป็นพิพิธภัณฑ์
ทางสำนักงานทรัพย์สินก็จะทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต
ทั้งทางการศึกษา เรียนรู้ มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น รายได้ดีขึ้น
ส่งผลให้เมืองดีตามขึ้นไปด้วย
สิ่งที่คนไทยและผู้เกี่ยวข้องสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในด้านต่าง ๆ
กับโครงการพัฒนาพื้นที่รอบพระบรมมหาราชวังได้ด้วย
สิ่งแรกคือการอนุรักษ์เป็นเรื่องยากโดยเฉพาะในการเก็บอาคารเก่าซึ่งหลายคนมองเป็นการเก็บซากตึกไว้
ซึ่งทางสำนักงานทรัพย์สินฯ เองก็เคยคิดเช่นกัน
แต่การทุบทำลายแล้วสร้างใหม่ไปเรื่อย ๆ
ก็จะไม่สามารถทำให้คนรู้ถึงรากหรือร่องรอยทางสถาปัตยกรรมและอารยธรรมต่าง ๆ
ของไทยได้
ในสมัยรัชกาลที่
5 มีสถาปัตยกรรมสวยงามเกิดขึ้นมากมายรอบเกาะรัตนโกสิน ถือเป็นยุครุ่งเรือง
ต่อมาในรัชกาลที่ 7-8 อาคารจะเป็นแบบเรียบร้อย
สะท้อนถึงร่องรอยและบ่งบอกถึงยุคสมัยทางสังคม
ซึ่งการอนุรักษ์อาคารเก่าก็เก็บไว้เพื่อดูแลสิ่งที่เหลือน้อยลงทุกวัน
นั่นคือบ้านเมืองไทยมีวัฒนธรรม อารยธรรม ที่เคยมีในประวัติศาสตร์
แล้วเราก็สามารถเก็บไว้ได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่จะปล่อยให้ตกเป็นภาระของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฝ่ายเดียว
ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานทรัพย์สินฯ รัฐบาล
หรือใครก็ตาม แต่หน้าที่การดูแลรักษานั้นจึงต้องการให้ทุกคนเข้ามาร่วมเป็นเจ้าของ
เพื่อจะได้ภูมิใจในสิ่งดี ๆ
ของไทยที่มีอยู่จากอดีตจวบจนถึงปัจจุบันและจะดำรงอยู่ต่อไปอีกตราบนานเท่านาน
ห้ามพลาดฟังเรื่องราวที่น่าสนใจการเปลี่ยนแปลง
“พื้นที่โดยรอบพระบรมมหาราชวัง”
อีกครั้งเพื่อทำให้ศูนย์กลางแหล่งท่องเที่ยวอันงดงามของโลกรอบเกาะรัตนโกสินทร์และริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
เป็นสถานที่ที่อยู่ในภาพจำของคนทั่วโลกอย่างยั่งยืน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “ซื้อแคชการ์ดช้อปแบรนด์คุ้มกว่าไปเมืองนอก”
กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ รายงานว่า มีโปรโมชั่นแรงแห่งปี ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน นี้ เปิดให้ช้อปนาฬิกาและสินค้าแบรนด์เนม
ที่คุ้มกว่าบินไปซื้อเองถึงเมืองนอกมาฝากนักเดินทางเพียงซื้อ Cash Card เพื่อใช้ซื้อนาฬิกาหรือสินค้าแบรนด์เนม
รับฟรี Gift Card มูลค่าสูงสุดถึง 15,000 บาท
สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์
ยังสามารถใช้ร่วมกับส่วนลดตามหน้าบัตรฯได้อีกด้วย ซื้อ Cash Card ได้ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี
และคิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและ ดอนเมือง ใครที่มีแผนจะเดินทางอยู่แล้ว ห้ามพลาดช้อปโปรโมชั่นสุดคุ้มดังกล่าว
ข่าวที่ 2 “ปรับใหญ่พื้นที่รอบพระบรมมหาราชวัง”
ความเป็นมาของ “โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง”
ซึ่งทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
เริ่มดำเนินงานต่อเนื่องมาจนก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 โดยได้ปรับปรุง "กลุ่มอาคารโบราณสถาน" ประกอบด้วย
อาคารตึกแถวริมถนนหน้าพระลาน ท่าช้าง ท่าเตียน ซึ่งกลุ่มอาคารดังกล่าว ต่างอยู่โดยรอบพระบรมมหาราชวัง
ประการหลักบริเวณพื้นที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก
ได้แก่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
วัดอรุณราชวรารามมหาวิหาร ซึ่งหน่วยงานเกี่ยวข้องต่างได้ประมวลปัญหาเพื่อร่วมมือกันหาวิธีแก้ไขให้ชีวิตความเป็นอยู่และวิถีชีวิตในพื้นที่รอบบริเวณพัฒนาไปในแนวทางที่ดีและยั่งยืน
โดยเฉพาะด้านการจราจรที่จะอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ผู้ประกอบการธุรกิจ ข้าราชการ ผู้อยู่อาศัย
จำนวนมาก สามารถเดินทางได้โดยสะดวกราบรื่นในพื้นที่ที่มีการจราจรคับคั่ง
อีกทั้งยังเกิดการใช้พื้นผิวถนนเป็นที่จอดรถ ทำให้ช่องทางเดินรถมีจำนวนลดลง
ปัจจุบันจึงได้จัดตั้งคณะทำงานระหว่าง
สำนักงานทรัพย์สินฯ และสำนักพระราชวัง หารือและมีมติให้ก่อสร้างลานจอดรถใน 2บริเวณเชื่อมต่อกัน
คือ สวนนาคราภิรมย์และพื้นที่คลังราชการ
สำหรับพื้นที่ลานจอดรถแห่งใหม่
กำหนดการออกแบบพร้อมก่อสร้างอาคารลึกลงใต้ดินรองรับรถ 700 คัน ขนาด 3 ชั้นครึ่ง
ทั้งนี้ทางสำนักพระราชวังยังได้ขอความร่วมมือให้รื้อถอนที่พักอาศัยเจ้าหน้าที่และอาคารคลังราชการ
ควบคู่กับการประสานขอใช้พื้นที่รอบสวนนาคราภิรมย์จากกรมธนารักษ์และกรุงเทพมหานคร
นำพื้นที่มาพัฒนาเป็นลานจอดรถดังกล่าว
อีกทั้งยังเตรียมพัฒนาพื้นที่บริเวณคลังราชการ
5 หลัง
ซึ่งรื้ออาคารเดิมออกไปเพื่อเตรียมปรับปรุงสร้างเป็น
"พิพิธภัณฑ์โขนในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ"
กำหนดใช้เวลาสร้างให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดภายในปี 2561
ข่าวที่ 3 “ททท.นำไทยผงาดJATAหวังดูดตลาดญี่ปุ่น6หมื่นล.”
“นายยุทธศักดิ์ สุภสร”
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า พลเอกธนศักดิ์ ประติมาประกร
รองนายกรัฐมนตรี
นำทีมผู้บริหารและเอกชนไทยเข้าร่วมงานส่งเสริมการขายสินค้าท่องเที่ยวในงาน “JATA Tourism EXPO Japan 2016” ระหว่างวันที่ 22-25 กันยายน 2559 ณ กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นงานแลกเปลี่ยนซื้อขายการท่องเที่ยวประจำปีรายการใหญ่ของเอเชียจัดโดยสมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวญี่ปุ่น
(Japan Association of Travel Agents
:JATA)
ตามเป้าหมายญี่ปุ่นเป็นตลาดหลักของไทยในปี
2559 ตั้งเป้าจะเดินทางมาไทย
1.395 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.38 % สร้างรายได้
60,160 ล้านบาท ปี 2560 คาดจะมีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทย
1.45 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.84 % จะสร้างรายได้
65,000 ล้านบาท เติบโต 7.79 %
สำหรับการเข้าร่วมงาน “JATA Tourism EXPO Japan 2016” ครั้งนี้
ททท.ได้เช่าพื้นที่ขนาด 108 ตารางเมตร โดยตกแต่งพาวิลเลี่ยนไทยโดยใช้ธีม “Unique
Thai Local Experience” นำสินค้าทางการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการเข้าไปร่วมเจรจาธุรกิจกับผู้ซื้อในตลาดญี่ปุ่นเพื่อนำมาท่องเที่ยวในไทย
รวมทั้งยังได้จัดพื้นที่สาธิตและฝึกทำกิจกรรม ได้แก่
สาธิตสานปลาตะเพียนประดับปีกแมงทับ แข่งขันตำส้มตำ สาธิตรำไทยและเชิญชวนผู้ที่มาร่วมงานรำไทยด้วย
ส่วนสินค้าทางการท่องเที่ยว
ททท.ได้จัดพื้นที่สัมมนา 12 เมืองต้องห้ามพลาด...พลัส
ทั้งนี้มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นกลุ่มนิยมมาท่องเที่ยวไทยซ้ำถึง 70 % ส่วนตลาดเป้าหมายจากญี่ปุ่น ไทยจะบุกเจาะ 1.กลุ่มสตรี มาใช้บริการสปา เรียนรู้การทำอาหารไทย ศิลปะมวยไทย 2.กลุ่มเยาวชน 3.กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงกีฬา 4.กลุ่มลองสเตย์
ภายในงานได้จัดให้มี 3 กิจกรรม 1.การเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายการท่องเที่ยว
2.Tourism Expo Japan Forum การประชุมทางวิชาการและสัมมนาด้านการท่องเที่ยว
3.Travel Showcase 2016 ระหว่างวันที่ 24-25
กันยายน 2559
เป็นการให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าและกิจกรรมการท่องเที่ยว และ 4.งาน Japan Night ในค่ำคืนวันที่ 22 กันยายน ทาง JATA
เป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงต้อนรับแขกผู้เกียรติจากทุกประเทศที่เดินทางมาร่วมงาน
ข่าวที่ 4 “นักลงทุนแห่ซื้อหุ้นIPO “BCPG”
“คุณบัณฑิต สะเพียรชัย” ผู้บริหาร BCPG กล่าวถึงการเปิดจำหน่ายหุ้น IPO ของ BCPG ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในเครือ
บมจ.บางจากปิโตรเลียม หลังเปิดจองหุ้นในราคาหุ้นละ 10 บาท ที่เสนอขายจำนวน 590 ล้านหุ้น ผลตอบรับจากนักลงทุนต่างมั่นใจแสดงความสนใจเข้าซื้อหุ้น
BCPG อย่างล้นหลาม และจะก้าวเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนระดับโลกในวันข้างหน้า
ข่าวที่ 5
“5แรงจูงใจจัดอีเวนต์ธุรกิจไมซ์”
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) ได้ให้การแนะนำถึง “5แรงจูงใจ” เพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้แก่ผู้เข้าร่วมงานอีเว้นท์ของธุรกิจไมซ์
เพื่อให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ประโยชน์
1.เน้นความพึงพอใจและการมีส่วนร่วม (Return
on Involvement) เพราะการจัดงานประชุม ไม่เฉพาะเรื่องการให้บริการเป็นเพียงสิ่งจำเป็นพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเท่านั้น
เควิน โรเบิร์ต เจ้าของแนวคิดLovemark1 กล่าวไว้ว่า
อย่ามองที่ผลตอบแทนจากการลงทุนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมุ่งเน้นไปที่ความพึงพอใจและการมีส่วนร่วมของผู้มาร่วมงาน
ด้วย ถ้าหากผู้มาร่วมงานแฮปปี้ อีเว้นท์ครั้งนั้นก็ถือว่าผ่านฉลุยแล้ว
2.ตกแต่งสถานที่ที่สร้างประสบการณ์(Experience
scapes) สถานที่มีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของผู้มาร่วมงานส่วนขนาดของพื้นที่จะใหญ่หรือเล็กนั้นไม่สำคัญ
เพราะเวลาจัดอีเว้นท์ เราสามารถเลือกออกแบบตกแตง่ สถานที่เพื่อสร้างบรรยากาศได้ “ห้องวีไอพีของสนามฟุตบอล”
แห่งหนึ่งในเยอรมนีเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจทีเดียว
เนื่องจากห้องรับรองนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเพราะต้องแปลงโฉมไปตามสปอนเซอร์
ตัวอย่างเช่น ถ้าสปอนเซอร์เป็นผู้ผลิตเบียร์
ห้องรับรองวีไอพีก็จะถูกจัดให้ดูเหมือนเป็นบาร์เครื่องดื่ม
หรือถ้าสปอนเซอร์ขายซอสมะเขือเทศ ห้องรับรองนี้ก็จะถูกตกแต่งให้เหมือน ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด
เก๋ไก๋และเป็นแขกก็คงรู้สึกชอบและความประทับใจทำแบบนี้ก็จะคงอยู่ในใจไปอีกนาน
3.บอกเล่าเรื่องราว (Tell a story) แดเนียล คานแมน
นักจิตวิทยาและเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ในปี ค.ศ. 2002
กล่าวว่า มนุษย์เราต้องการเรื่องราวเพื่อมาเติมเต็มประสบการณ์
และการพาผู้เข้าร่วมงานให้ได้มาสัมผัสประสบการณ์ในงานอีเว้นท์นั้นก็ไม่ต่างจากการถ่ายทอดเรื่องราว
ให้พวกเขาฟัง สำหรับวงการกีฬา การเล่าเรื่องเป็นอะไรที่ง่ายมาก
ยิ่งเป็นโอลิมปิกเกมส์ด้วยแล้วยิ่งมีความน่าสนใจมากเพราะงานอีเว้นท์แบบนี้มีทั้งประวัติความเป็นมาอันยาวนานมีหลากหลายชาติเข้าร่วมแข่งขัน
และมีเรื่องราวของบรรดานักกีฬาซึ่งมาจากประเทศที่อยู่ในสภาวะยากจนหรือเคยมีสงครามเรื่องราวเหล่านี้ที่บรรดาผู้ชมสนใจใคร่รู้และอยากแชร์ต่อ
4.มีความสมจริงเรื่องที่เราเล่าขานและบอกต่อ ในงานอีเว้นท์ต้องมีความน่าเชื่อถือ
แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องจริงเสมอไป
เรื่องราวของดิสนีย์แลนด์ก็เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่ใช่เรื่องจริง แต่บนเวที
เรื่องราวมันช่างดูสมจริง เพราะทุกฉากทุกตอนสอดคล้องกันอย่างเหมาะเจาะ สำหรับการจัดงานไมซ์อีเว้นท์
ความสมจริงสมจังคือส่วนประกอบสำคัญของเรื่องที่เราอยากเล่า มันต้องกลมกลืน มีเหตุมีผล
และไม่ดูถูกคนดูด้วย ซึ่งก็คล้ายกับหนังสือนิยายที่ไม่จำเป็นต้องเขียนจากเรื่องจริง
ขอแค่มีพล็อตเรื่องที่สอดคล้องสมจริงและไม่ดูถูกคนอ่านก็สนุกแล้ว
5.คำนึงถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต งานอีเว้นท์ไม่ได้มีแค่วันงานเท่านั้น
แต่ยังเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งก่อนและหลังการจัดงานด้วย สำหรับสปอร์ตอีเว้นท์แล้วแย่หน่อย
เพราะหลังงานเลิกมักมีแต่อะไรอีเหละเขละขละไปหมด
และก่อนงานเริ่มก็เร่งรีบฉุกละหุกจนแทบไม่ได้หายใจ
เลยลืมเรื่องประสบการณ์และความรู้สึกดีๆ ที่อยากให้ผู้ชมได้รับไปเสียหมดสิ้น การจัดอีเว้นท์ที่ดีต้องทำให้คนสัมผัสถึงความพิเศษให้ได้
ต้องใช้ทั้งเทคนิคการเล่าเรื่อง ความสมจริง และมีอารมณ์ความรู้สึกเข้าไปเกี่ยวข้อง
อย่างงานแต่งงานของเพื่อนของ สเตฟาเนียที่เล่าไปก่อนหน้านี้
แม้งานจะเสร็จสิ้นไปนานแล้ว แต่ช่วงเวลาดีๆ
นั้นก็ยังตราตรึงอยู่ในใจของผู้เข้าร่วมงานไปอีกนาน
บทสรุป งานไมซ์อีเว้นท์สามารถสร้างความทรงจำให้เกิดขึ้นได้
และความทรงจำนั้นก็เกิดจากอารมณ์ความรู้สึกที่ผู้เข้าร่วมงานได้รับจากการมาร่วมงานนั้น
และอารมณ์ความรู้สึกก็มีผลต่อประสบการณ์ของมนุษย์
ฉะนั้นผู้จัดงานไมซ์อีเว้นท์อย่างเราไม่ใช่แค่ต้องจัดงานอีเว้นท์ให้ดีในฐานะผู้ให้บริการ
(service provider) แต่ต้องพึงระลึกเสมอว่าพวกเราทุกคนยังเป็น
ผู้หยิบยื่นประสบการณ์ (emotions
broker) ให้แก่ผู้เข้าชมด้วยโพสต์โดย สเตฟาเนีย
เดอเมทซ์ ซีอีโอของ FIS Ski World
Cup ประเทศอิตาลีซึ่งทำงานด้านสปอร์ตอีเว้นท์นานาชาติ
อย่างกีฬาโอลิมปิกและแชมเปี้ยนย้ำประเด็นสำคัญดังกล่าว
ข่าวที่ 6
“แอร์เอเชียย้ายเคาน์เตอร์ที่ไปอาคารใหม่ภูเก็ต”
สายการบิน ไทย แอร์เอเชีย รายงานว่า ทันทีที่ บริษัท
ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่
ในสนามบินนานาชาติภูเก็ต ตั้งแต่วันนี้ของเดือนกันยายน
2559
เป็นต้นไปทางไทย แอร์เอเชีย จึงได้ย้ายเคาน์เตอร์เช็ค-อิน
ผู้โดยสารไปยังอาคารหลังใหม่ทั้งหมด อยู่ตรงแถว D ซึ่งสามารถให้บริการเช็คกระเป๋าไปทุกจุดหมายปลายทางของแต่ละเส้นทางบินได้โดยตรงจากสนามบินนานาชาติของไทยสู่สนามบินนานาชาติของทั่วภูมิภาคเอเชีย
ติดต่อผ่านทาง www.airasia.com ซึ่งจะมีฝ่ายตอบข้อซักถามต่าง ๆ
ผ่านระบบออนไลน์อย่างฉับไวทันที
ช่วงที่ 2 ฟังเรื่องที่จะทำให้มีความสุข
อายุยืนยาวกับข้อมูลสุขภาพ
และข่าวที่จะทำให้รู้เท่าทันสถานการณ์ท่องเที่ยวทั่วไทยทั่วโลก
@ไหว้
“พระธาตุยาคู” เพื่อชีวิตเบิกบาน ร่มเย็นเป็นสุข
แหล่งเรียนรู้ อู่อารยธรรม ในพื้นที่ราบสูงอีสาน
เมืองโบราณาแห่งซากไดโนเสาร์ “จังหวัดกาฬสินธุ์”
มีเรื่องราวน่าท่องเที่ยวสำหรับคนที่ต้องการจะเติมเต็ม “ชีวิตให้เบิกบาน
ร่มเย็นเป็นสุข” ต้องไปสักการะ “พระธาตุยาคู”
อ.กมลาไสย เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่สุดที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากมาแต่โบราณว่าเมือง
“ฟ้าแดดสงยาง” ซึ่งเป็นสถานที่แห่งเดียวที่ไม่ถูกทำลายโดยเมืองเชียงโสมเมื่อครั้งทำศึกสงครามกัน
“พระธาตุยาคู” มีความเชื่อว่าเป็นพระธาตุบรรจุอัฐิของพระเถระผู้ใหญ่เป็นที่เคารถนับถือของชาวเมืองนี้มาอย่างยาวนาน
ปัจจุบันยังคงสภาพสมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซ้น กล่าวกันว่าพระธาตุแต่ละส่วนสร้างขึ้น
3 สมัย
เริ่มต้นจาก “ฐาน รูปสี่เหลี่ยมย่อมุม” สร้าง
“สมัยทวารดี” ถัดมาเป็นส่วน “ฐานทรงแปดเหลี่ยม”
สร้างใน “สมัยอยุธยา” และ “องค์ระฆังส่วนยอด”
สร้างต่อเติม “สมัยรัตนโกสินทร์”
ทุกปีในช่วง
“เดือนพฤษภาคม” ชาวกมลาไสยจะจัดงาน “ประเพณีบุญบั้งไฟ”
เพื่อขอฝนนำมาความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่หมู่บ้านและชีวิตผู้คนที่เดินทางเข้าไปเยี่ยมเยือนและได้แวะสักการะพระธาตุยาคู
ในเมืองฟ้าแดดสงยาง มีวัดโบราณที่ควรค่าแก่การแวะชมคือ “วัดโพธิ์ชัยเสมาราม” เป็นวัดโบราณที่ชาวบ้านนำใบเสมาหินขนาดใหญ่ที่ขุดค้นพบรวบรวมมาจัดเป็นภาพแกะสลักจำลอง
ร้อยเรียงบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ
สำหรับใบเสมาหินของจริงนั้นรวบรวมไปว้ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติขอนแก่น
ส่วนไฮไลต์เส้นทางประวัติศาสตร์การขุดค้นพบซากไดโนเสาร์โบราณนั้น คือ “ภูกุมข้าว” เป็นแหล่งท่องเที่ยวตั้งอยู่ใน “วัดสักกะวัน” เก็บค่าเข้าชม
โดยเปิดทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์” ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น หยุดทุกวันจันทร์ จัดแสดงหลุขุดค้นและเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์
ภายในบริเวณยังมี “พิพิธภัณฑ์สิรินธร” นำเสนอความรู้ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่เกี่ยวกับไดโนเสาร์
ลองสอบถามก่อนได้ที่ 043-871-615
อีกทั้งจังหวัดกาฬสินธุ์ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โด่งดังคือ
“เขื่อนลำปาว” เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา พื้นที่ใกล้
ๆ กัน มี “สถานีพัฒนาส่งเสริมการอนุรัก์สัตว์ป่าลำปาว”
(สวนสะออน) มีสัตว์ป่าหายากอย่าง “วัวแดง” ให้ชม
และมีสวนสัตว์อยู่กลางต้นไม้ใหญ่มีสัตว์นานาชนิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมด้วย
นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อ
“การเรียนรู้ เก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง”
ที่ครบเครื่องทุกเรื่องราวตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน มีคุณค่าทางจิตใจทำให้ชีวิตเบิกบาน
ร่มเย็น สมบูรณ์พูนสุข นั่นเอง
@5 วิธีรับมือกับความขี้เกียจแบบง่ายๆ”
คำแนะนำที่สามารถเริ่มต้นลงมือได้ทันทีเพื่อแก้นิสัยขี้เกียจคือ
1. คิดแล้วทำเลย สำหรับใครที่ชอบพูดคำว่า “เดี๋ยว” ซะจนเคยตัว
ลองตั้งสติทุกครั้งก่อนจะพูดคำว่าเดี๋ยวแล้วเปลี่ยนจากการพูดเป็นการลุกขึ้น
แล้วเริ่มต้นลงมือทำซะเลย การปรับเปลี่ยนนิสัยในช่วงแรกๆ อาจจะเป็นอะไรที่ยากหน่อย
เพียงแต่ต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจคิดเสียว่าเป็นการพัฒนาให้ตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเก่า
ถ้าหากตั้งใจจริง ก็จะช่วยแก้นิสัยผัดวันประกันพรุ่งไปได้
2. ลำดับความสำคัญ ควรมีการจัดอันดับสิ่งที่ต้องทำ
โดยเรียงจากยากไปง่าย อาจจะทำบันทึกประจำวัน
เพื่อช่วยให้รู้ว่าเราต้องทำอะไรก่อนหลัง จะเป็นการช่วยจัดระบบความคิด
ให้สามารถทำงานได้อย่างเป็นระเบียบและมีระบบมากขึ้น นอกจากนั้นยังช่วงป้องกันปัญหาขี้หลงขี้ลืมได้อีกด้วย
3. ทำตารางบันทึก ไว้ในสมุด Planner นับเป็นสิ่งที่คนทำงานทุกคนควรจะมี
ไม่ว่าจะอาชีพไหนก็ตาม แนะนำให้หาสมุดโน้ตแพลนเนอร์เล่มเล็กๆ
ใส่กระเป๋าติดไปทำงานด้วยทุกวัน เมื่อมีไอเดียดีๆ หรือนัดหมายสำคัญก็หยิบขึ้นมาจดลงไป
สำหรับใครที่มีหัวครีเอท ชื่นชอบการวาดรูป ลองวาดรูป
ครีเอทสมุดแพลนเนอร์ให้ดูน่าสนใจเป็นการกระตุ้นไอเดีย
แถมยังช่วยให้สนุกกับการจดบันทึกมากยิ่งขึ้น
4. สร้างแรงบันดาลใจ ต้องเข้าใจว่าก่อนที่เราจะเริ่มต้นทำอะไรบางอย่างให้ประสบความสำเร็จได้ล้วนแล้วแต่ต้องเกิดจากแรงบันดาลในดีๆ
เพราะฉะนั้นอย่าลืมค้นหาแรงบันดาลใจให้กับตัวเองอยู่เสมอ
เพื่อที่จะช่วยให้ตัวเองเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยพลังที่พร้อมพลังที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
อยู่เสมอ
5. อย่าลืมให้รางวัลตัวเอง
เมื่อเราทำสิ่งต่างๆ จากแรงบันดาลใจจนผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราทำสำเร็จ
ก็อย่าลืมให้รางวัลหรือชื่นชมตัวเองเสียบ้างให้ตังเองเกิดความรู้สึกภูมิใจ
และรู้ถึงคุณค่าของตัวเองซึ่งจะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจ
ทำให้เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง ซึ่งจะช่วยดึงความกล้าที่ซ่อนอยู่ในตัวเราออกมาจนกล้าที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
สำหรับข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
“ผุดมิ้กยูสเจ้าพระยาเอสเตทชูแบรนด์โฟว์ซีซัน”
คันทรี กรุ๊ป ฯ
ลุยโปรเจ็กต์ “เจ้าพระยา เอสเตท” สร้างแลนด์มาร์คแห่งใหม่ริมเจ้าพระยา ชูใช้แบรนด์
“โฟว์ ซีซัน” บริการที่พักสไตล์มิกยูสสูตรผสม
“บ้านส่วนตัว-โรงแรมหรู-ห้องพักพรีเมี่ยม”
กลุ่ม “คันทรี กรุ๊ป ดิเวลลอปเมนท์” ในฐานะนักพัฒนาธุรกิจแถวหน้าของประเทศ
ประกาศแผนบรรลุข้อตกลงจากการได้รับสนับสนุนทางการเงินเพื่อลงทุนโครงการ “เจ้าพระยา
เอสเตท” เทรนด์ดีไซน์ภายใต้แบรนด์โฟว์ ซีซัน ในแบบผสมผสาน (mixuse)
ที่อยู่อาศัยแบบส่วนตัวกับโรงแรมโฟว์ ซีซัน และ แคปเพลลา โฮเต็ล (Cappella
Hotel) เข้าด้วยกัน โดยล่าสุดทางไชน่า ปิง อัน แบงก์ เดินหน้าสนับสนุนเงินเพื่อการลงทุน
ในเบื้องต้นจะต้องใช้เงินเดินหน้าโครงการดังกล่าวประมาณ 375 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตามแผนงานจะมี บริษัท แลนด์มาร์ค
จำกัด บริหารจัดการเงินพัฒนาโครงการ บริษัทดังกล่าวเป็นการร่วมมือระหว่าง คันทรี
กรุ๊ป ดิเวลลอปเมนท์ กับ บริษัท บีซีอีจี ไทย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายเมื่อเดือนพฤษภาคม 2559
“นายเบน เตชะอุบล” ซีอีโอและผู้อำนวยการ คันทรี กรุ๊ป
ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการเจ้าพระยา เอสเตท
จะได้รับการพัฒนาให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่มหานครแห่งกรุงเทพฯ
ด้วยคอนเซ็ปต์ดีไซน์บริการผสมผสานหรือ mixuse มีทั้งที่พักอาศัยส่วนตัว
โรงแรมโฟว์ซีซัน และ แคปแพลลา โฮเต็ล ตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
โดยได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2557 ตามเป้าหมายจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดต้อนรับผู้ใช้บริการภายในปี 2561
ข่าวที่สอง
“ไทยลุยเดี่ยวรายแรกของโลกปราบจีน0เหรียญ”
รายงานงานข่าวจากวงการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวถึง
มาตรการอันเฉียบขาดของรัฐบาล “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”
สั่งให้เร่งทุกฝ่ายกวาดล้าง “ทัวร์จีน 0 เหรียญ”
ซึ่งกำลังกลายเป็นประเด็นร้อนเนื่องจากส่งผลต่อธุรกิจภาพรวมซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวตลาดจีนชะลอการเดินทางลงชั่วคราวนั้น
ทว่าในทางนโยบายแล้วมีรายงานว่ารัฐบาลจีนพึงพอใจที่ไทยเป็นประเทศแรกที่กล้าตัดสินใจจัดระเบียบอย่างจริงจัง
เพื่อทำให้ปัญหาที่เรื้อรังมายาวนานจบลงและ
การท่องเที่ยวสามารถเดินหน้าอย่างเป็นระบบมีมาตรฐานสากล
โดยเฉพาะการตัดสินใจของประเทศไทยที่ยอมบาดเจ็บทางเศรษฐกิจ
เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวตลาดจีนอาจจะสูญไปเป็นหลักหมื่นล้านบาท
ในขณะที่การขายทัวร์ต่ำกว่าทุนหรือ 0 เหรียญไปยังประเทศแถวหน้าของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา
ซึ่งขายในราคาเพียง 25,000 บาท หรืออีกหลายประเทศในยุโรป
ซึ่งยังคงขายกันในราคาต่ำกว่าทุน ยังไม่ได้แก้ปัญหาอย่างจริง
เพียงแต่ต้องการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไปยังประเทศปลายทางเหล่านั้นเอง
จึงนับได้ว่าไทยเป็นประเทศแรกที่กล้าตัดสินใจลงมือทำอย่างจริงจัง
แต่จะต้องอาศัยเวลาอีกไม่ต่ำกว่าครึ่งปีจึงจะสามารถฟื้นกำลังซื้อคุณภาพตามมาตรฐานใหม่กลับคืนมาได้
ข่าวที่สาม “เอมิเรตส์รุกเปิดบินกรุงเทพฯ-ออคแลนด์30ต.ค.นี้”
สายการบินเอมิเรตส์ แห่งดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รายงานว่า ในช่วงตารางบินฤดูหนาวปลายปีนี้ จะเปิดเที่ยวบินตรงแบบประจำ
เริ่มตั้งแต่ 30 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป
โดยจะบินไป-กลับ ทุกวัน วันละ 1 เที่ยว เส้นทาง กรุงเทพฯ-ออคแลนด์
(นิวซีแลนด์) โดยแวะพักเครื่องที่เมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย
โดยจะเลือกเวลาเที่ยวบินขาออกจากกรุงเทพฯ รหัส EK 418 ช่วง 19.30 น. ไปถึงออคแลนด์ เวลา 15.55 น.ของวันถัดไป
ส่วนขากลับจะออกจากออคแลนด์ ด้วยเที่ยวบิน EK 419 เวลา 16.30
น.มาถึงกรุงเทพฯ ช่วง 01.10 น.ในเช้าวันถัดมา
สำหรับเส้นทางบินในเที่ยวบินดังกล่าว
บริการด้วยเครื่องบินซูเปอร์จัมโบ้ แอร์บัส A380 ซึ่งผู้โดยสารจะต้องแวะพัก 2 เมืองใน 2 ประเทศ คือ แวะพัก สนามบินนานาชาติดูไบ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ ซิดนีย์ ออสเตรเลีย ก่อนจะบินตรงเข้าออคแลนด์และไคร้เชิร์ช
นิวซีแลนด์
พบกับสาระข่าวดี ๆ ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.
ดำเนินรายการโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน และ นฤมล พุกยม
ติดตามฟังรายการย้อนหลังเข้าไปที่ www.google.com พิมพ์คำว่า รวยด้วยข่าว97.0 หรือทาง www.facebook.com/rauydauykhao
และ ข่าววิเคราะห์เจาะลึกทางบล็อกเกอร์ :gurutourza.blogspot.com
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรายการ ขอให้พักผ่อนอย่างมีความสุขตลอดวันหยุด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น