ผู้นำททท.อัดยาแรงไทย-เทศปลุกเศรษฐกิจท้ายปี’62 งัด”รัสเซียโมเดล”ปลุกชาเตอร์ไฟลต์ตลาดยุโรปปี’63 -Wisdom Farm แหล่งเที่ยวใหม่ในทุ่งนาของพ่อสวยจริงๆ

ผู้นำททท.อัดยาแรงไทย-เทศปลุกเศรษฐกิจท้ายปี’62

งัด”รัสเซียโมเดล”ปลุกชาเตอร์ไฟลต์ตลาดยุโรปปี’63

คิงเพาเวอร์ชวนช้อปรับส่วนลด2พันบาทถึง31ส.ค.นี้

 PANPURIชวนเติมพลังพิเศษได้ที่คิงเพาเวอร์ศรีวารี

ททท.-เอกชนจัดสมุยเฟสติวัลปั๊มเงินช่วงโลว์500ล้าน

ชูแคมเปญปลาเด็ดเจ็ดย่านน้ำปลุกทัวร์อีสานหน้าฝน

BiiCบางจากแชร์นวัตกรรม-คว้า2รางวัลสุดยอดไบโอฯ

ดร.ศุภชัยชี้เป้าTCEBใช้ไมซ์โกยรายได้-เอกชนขานรับ

ชมWISDOM FARMปทุมธานีทุ่งนาของพ่อสวยงาม

แนะวิธีการกินด่วนอย่างไรให้ดีได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ

ฮือฮา!!รัฐแจกหมื่นล้านให้คนเที่ยว-เสริมทัพ3โปรแรง

บางกอกแอร์อินเทรนด์Q2ลั่นรายได้ลด-ผู้โดยสารเพิ่ม

 "ศักดิ์สยาม-พิพัฒน์"เปิดไฮเทคAOT Digital21ส.ค.นี้

ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง Penroong Yaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #แจกเงินเที่ยวหมื่นล้าน #wisdomfarmปทุมธานี #ปลาเด็ดเจ็ดย่านน้ำอีสาน

 ช่วงที่ 1 ฟังการอัดยาแรงท่องเที่ยวกับ “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ลุยปลุกกำลังซื้อไฮซีซัน ทุ่มโปรโมชั่นขานรับรัฐแจกเงินถ้วนหน้า 10 ล้านคน คนละ 1,000 บาท ดึงคนไทยเที่ยวในประเทศโค้งสุดท้ายปลายปี’62 พร้อมงัด “รัสเซียโมเดล” เร่งทำชาเตอร์ไฟลต์เที่ยวไทย ลุยใช้ในตลาดยุโรป เพิ่มเที่ยวบิน-เพิ่มคน-เพิ่มรายได้เข้าประเทศ ลั่นมั่นใจ “จีน”มาไทยทะลุ12 ล้านคน ส่วนฮ่องกงลุ้นม็อบสงบเร็วไม่สะเทือนเป้ารายได้หลัก และ 60 ปีอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตอกย้ำภาพจำดันเศรษฐกิจยั่งยืน

 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีระหว่างกันยายน-ธันวาคม 2562 เตรียมกระตุ้นรายได้การท่องเที่ยวด้วยโครงการแรง ๆ แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก เป็นมาตรการของรัฐบาลกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะมีส่วนที่ 2 ททท.จะต้องเข้าไปเสริมปลุกกระแสปลายปีนี้ ประกอบด้วย”ตลาดในประเทศ” มาตรการสำคัญสุดทำให้คนมีกำลังซื้อออกเดินทางท่องเที่ยวช่วงฤดูท่องเที่ยว จัดทำโปรโมชั่นราคาพิเศษ มีทั้งตั๋วเครื่องบิน ห้องพักโรงแรม หรือเจาะกลุ่มเป้าหมายชัดเจนท่องเที่ยววันธรรมดา และกลุ่มคนเกษียนปีนี้ชวนกันไปท่องเที่ยว “ตลาดต่างประเทศ” หลังตรวจสอบข้อมูลความพร้อม ททท.ทั่วโลก 29 แห่ง ยังมั่นใจการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมาย ล่าสุดเพิ่งกลับจากการเดินทางไปตรวจตลาดท่องเที่ยวรัสเซียที่จะเดินทางมาไทย ขณะนี้เที่ยวบินยังมีมากตามปกติจากไซบีเรียหรือเมืองสำคัญ ๆ ยังมีทิศทางที่ดี ขณะเดียวกันเอเย่นต์รายใหญ่ให้คำตอบถึงเมืองไทยยังเป็นจุดหมายปลายการท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของรัสเซีย

 ไฮไลต์สำคัญคือมีโอกาสพบปะกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการทำตลาดเช่าเหมาลำ (charterflight) นำนักท่องเที่ยวรัสเซียมาเที่ยวเมืองไทย โดยได้เห็นแนวโน้มท่องเที่ยวไฮซีซันปลายปี 2562 นี้เป็นต้นไป ได้แก่

1.ตัวเลขจะมีจำนวนเที่ยวบินชัดเจน เพราะลำพังเที่ยวบินจากมอสโกจุดเดียวคงจะไม่เพียงพอ เพราะรัสเซียเป็นประเทศขนาดใหญ่ อีกทั้งมีเวลาต่างกันถึง 11 ไทม์โซน ดังนั้นจะมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำจาก Far East และไซบีเรีย หนีหนาวมาท่องเที่ยว รวมทั้งได้รับการยืนยันปีนี้จะมีจำนวนไม่น้อยกว่าปี 2561 ททท.จะเข้าไปสนับสนุนการเพิ่มเที่ยวบินดังกล่าว

2.ยอดการขายผ่านเอเย่นต์รายใหญ่ในรัสเซีย 3-4 กลุ่มบริษัท คุมส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 60 % ของรัสเซียเข้ามาไทย ปีนี้เตรียมเพิ่มยอดขายไม่ต่ำกว่า 5-10 % ทุกฝ่ายแสดงความตั้งใจจะร่วมกับ ททท.ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวรัสเซียเติบโตจากปีที่ผ่านมากว่า 1.4 ล้านคน ปี 2562 ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านคน จากปัจจัยหนุนของจำนวนเที่ยวบินเช่าเหมาลำ แพกเกจที่เอเย่นต์รัสเซียเตรียมขายภายในธันวาคมนี้ ปี 2563 ได้หารือกันเพื่อทำตลาดต่อเนื่อง หลังจากช่วงหนึ่งรัสเซียหันไปท่องเที่ยวตุรกี แต่มีปัญหาบางประการ ตอนนี้หันมาไทยสามารถทำราคาได้ดี ททท.จะจึงต้องเร่งต่อสู้กับคู่แข่งขันซึ่งเป็นปัญหาเดิม และเพิ่มมาตรการกระตุ้นใหม่ ๆ โดยเชื่อมั่นรัสเซียยังรักเมืองไทย

กลยุทธ์การต่อสู้จะพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องสงครามราคาด้วย เพราะหากลงไปมาก ๆ แล้วจะดึงกลับมาค่อนข้างยาก ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่าการร่วมมือกับรัสเซียใช้กลยุทธ์เพิ่มเที่ยวบินเช่าเหมาลำขยายตลาดนั้น จะเป็นโมเดลที่ ททท.พร้อมนำไปใช้กับตลาดอื่นในยุโรปบางประเทศที่ไม่มีเที่ยวบินตรง จะต้องดูตัวเลขอัตราบรรทุกเฉลี่ยของสายการบินในประเทศนั้น ๆ พร้อมกับตัวเลขแพกเกจการขายของเอเย่นต์ในพื้นที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง

ช่วงกันยายนนี้จะเดินทางไปเยี่ยมสำนักงาน ททท.สต็อกโฮม ทางสแกนดิเนเวีย เพื่อสอบทานให้เกิดความมั่นใจสำหรับพื้นที่ซึ่งมีความยุ่งยากอยู่ขณะนี้ก็จะทำให้เข้าเป้าหมายได้ ทางด้านตลาดระยะใกล้กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออก ญี่ปุ่น เกาหลี จีน สถานการณ์ไตรมาส 3 ปีนี้จะมีแนวโน้มเป็นบวกดีขึ้นถึงแม้จะมีเรื่องสงครามทางการค้า สถานการณ์นักท่องเที่ยวมาไทยเอกชนร่วมคาดการณ์ด้วยน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 11-12 ล้านคน จากปีที่แล้วทำไว้ 10.5 ล้านคน

ขณะที่ “อินเดีย” เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงเติบโตต่อเนื่อง 15-20 % รวมตลอดทั้งปีจะมาเที่ยวมากถึง 2 ล้านคน สำหรับตลาดระยะไกลจากสหรัฐอเมริกาเติบโตที่ดีถึงแม้จะไม่สูงเหมือนปีที่ผ่านมาซึ่งบวกกว่า 30 % ทางตลาดยุโรปไม่ค่อยดีนักแต่ ททท.จะพยายามประคับประคองการเติบโตให้เป็นไปตามเป้า โดยได้ทำโครงการเพิ่มกระตุ้นตลาดระยะใกล้และระยะไกล

ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า การกระตุ้นตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เรื่องแรก จะต้องสำรวจพฤติกรรมความสนใจยังคงนิยมมาท่องเที่ยวเมืองไทยที่มีความสวยงามถึงแม้จะมีเรื่องเงินบาทแข็งค่าขึ้นก็ตาม เรื่องที่ 2 จะมีมาตรการทำโปรโมชั่นกับสายการบิน และเอเย่นต์ หันมาทำเชิงลึกเจาะกลุ่มเป้าหมายพรีเมี่ยมพร้อมใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวมูลค่าสูง ตอนนี้ได้ลงสู่พื้นที่ตลาดเป้าหมายทั้งหมดแล้ว ช่วงไฮซีซันนี้ ททท.พร้อม ๆ กับการกระจายนักท่องเที่ยวสู่พื้นที่เมืองหลักเชื่อมโยงเมืองรอง

ล่าสุดได้คุยกับทางผู้ให้บริการท่องเที่ยวออนไลน์ชื่อดัง ExPredia ยืนยันว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวกระจายทั่วเมืองไทยเพิ่มขึ้นกว่า 30 % โดยเฉพาะเมืองรอง อาทิ หลีเปะ เกาะช้าง เชียงราย ปาย การเติบโตค่อนข้างเต็มที่ ส่วนเมืองหลักมีบางพื้นที่ชะลอตัวลงบ้างแต่ปัจจัยมาจากจำนวนห้องพักเพิ่มขึ้น ผมยังมั่นใจเมืองท่องเที่ยวหลักยังมีจุดน่าสนใจแตกต่างไปจากเดิม

ททท.จะรักษาโมเมนตั้มความนิยมให้คงอยู่อย่างสมดุลทั้งเมืองหลักและเมืองรองตามนโยบายของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมโรงเรียนปิดเทอม พฤศจิกายน-ธันวาคม อากาศเย็นสบาย เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยว

ดังนั้น ททท.จะใช้มาตรการกระตุ้นตลาดแบบแรง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ลดราคาห้องพัก หรือแพกเกจท่องเที่ยว สูงสุดประมาณ 70 % รวมทั้งมีแคมเปญโปรโมชั่นเพิ่มกระแสให้แรงยิ่งขึ้นกว่าปกติ ควบคู่กับการเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะพร้อมกันไปด้วย สำหรับโปรโมชั่นแรง ๆ จะออกมาภายในกันยายน 2562 นี้เป็นต้นไป ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ย้ำเน้นการทำให้ท่องเที่ยวเพิ่มทั้งรายได้และกระจายทั่วถึงทุกพื้นที่ด้วย ททท.จึงเร่งผลักดันผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับสายการบิน บริษัทนำเที่ยวที่จะใช้การเพิ่มและกระจายรายได้เช่นเดียวกับ ททท.ทำอยู่


 ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ กล่าวถึงตลาดฮ่องกงซึ่งกำลังเผชิญกับเหตุการณ์ประท้วงทางการเมืองนั้น ปี 2561 ฮ่องกงเป็นตลาดที่ดี มีการเฉลิมฉลองมาท่องเที่ยวไทย 1 ล้านคน พักเฉลี่ย 5-8 วัน ใช้จ่าย 6,600 บาท/คน/วัน ถือเป็นกลุ่มคุณภาพ ช่วงครึ่งปีแรก 2562 เข้ามาเที่ยวแล้วกว่า 4 แสนคน รายได้เพิ่ม 5-10 % พอเกิดปัญหาสายการบินยกเลิกเที่ยวบิน ซึ่งปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงไป-กลับ ฮ่องกง-กรุงเทพ 265 เที่ยว/สัปดาห์ เมื่อดูจากการบินไทยอัตราบรรทุกเฉลี่ยมากกว่า 90 % ตอนนี้จึงติดตามสถานการณ์เรื่องการประท้วงต่อต้านรัฐบาล เพราะหากหายไปแสนคนก็ต้องคูณรายได้คนละ 6,600 บาท โอกาสสร้างรายได้เข้าประเทศไทยก็จะหายไปด้วย แต่ก็หวังว่าสถานการณ์จะไม่ยืดเยื้อพร้อมกับมีนโยบายให้ ททท.สำนักงานฮ่องกงติดตามอย่างใกล้ชิด รวมถึงหากจำเป็นก็จะเข้าไปแก้ไขสถานการณ์แต่ยังไม่ปรับตัวเลขรายได้ให้ลดลงแต่อย่างใด

ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า การเดินหน้านำอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยก้าวเข้าสู่ปีที่ 60 ตามอายุการก่อตั้ง ททท.นั้นทุกคนมีส่วนร่วมฉะนั้นจะสร้างภาพจำให้ ททท.เป็นองค์กรหน่วยงานที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับเศรษฐกิจของประเทศไทยไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร และย้ำเรื่องท่องเที่ยวจะสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ รวมถึงการกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ ดูแลผู้ประกอบการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีนโยบายหลัก ๆ ได้แก่ Fair-เป็นธรรม Clean-สะอาด Safety-ปลอดภัย sustainability-ความยั่งยืน ได้รับการผนวกความยั่งยืนไว้ด้วยกันแล้วทั้งหมด

 ททท.กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และรัฐบาล มีความมุ่งมั่นตั้งใจจะทำให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ และการกระจายรายได้กินดีอยู่ดี ทำให้ทุกพื้นที่ของประเทศมีความสุขอย่างยั่งยืน จึงอยากเชิญชวนคนไทยออกมาเที่ยวเมืองไทยกันให้มาก ๆ

 ฟังข่าวต้นชั่วโมง 

 ข่าวที่ 1 ““ช้อปคิงเพาเวอร์2โปรดลดสูงสุด2พันบาทถึง31ส.ค.นี้”  

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนไปช้อปเพื่อรับส่วนลดสูงสุด 2,000 บาท ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และมหานคร ระหว่างวันนี้ – 31 ส.ค. 2562 โดยเฉพาะผู้ถือบัตรสมาชิก คิง เพาเวอร์รับส่วนลดเพิ่มทันที มีเงื่อนไขตามประเภทสมาชิก) ช้อปได้ 2 โปรโมชั่น ยกเว้นการซื้อสินค้าแผนกน้ำหอมและเครื่องสำอาง 

โปรแรก - ช้อปครบ 10,000 บาท (สุทธิ / ใบเสร็จ) ลดทันที 1,000 บาท* คูปองส่วนลด 1,000 บาท สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิก คิง เพาเวอร์

 โปร 2 -ช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ รับเพิ่ม 2,000 บาท* คูปองส่วนลด 2,000 บาท สำหรับซื้อสินค้าครบ 4,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จรับเงิน ไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ คูปองส่วนลดดังกล่าว นำไปใช้ซื้อสินค้าที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต มหานคร และหมดอายุภายในวันที่แลกรับ ส่วนยอดซื้อสามารถผ่อนชำระ 0% ใช้ร่วมบัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์ กับธนาคารไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย

 ข่าวที่ 2 ““คิงเพาเวอร์มอบพลังพิเศษในแบรนด์PAÑPURI” 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มีผลิตภัณฑ์คุณภาพ มาเชิญชวนให้นักช้อปทั้งหลายไปสัมผัสความพิเศษจากพลังของธรรมชาติได้แล้วที่ PAÑPURI ป๊อปอัพสโตร์ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี บริเวณทางเข้าชั้น 1 ระหว่างวันนี้-31 สิงหาคมนี้เท่านั้น เพื่อให้ทุกคนได้พกพาความงามแบบ Clean Beauty แม้ในยามเดินทาง ! ปัญญ์ปุริ (PAÑPURI) Clean Beauty สกินแคร์แบรนด์ เปิดป๊อปอัพสโตร์ เอาใจคนรักการดูแลตัวเองในแบบ Clean Beauty ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ LOTUS DEFENSE™ ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อผิวสว่างกระจ่างใส คอลเลคชั่น Bath & Body ทั้งบำรุง และคืนความสดชื่นให้แก่ผิวกาย

รวมถึง 3 คอลเลคชั่นเพื่อการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่าง Revive, Nourish และ Balance โดยผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของ ปัญญ์ปุริ ปราศจากสารที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกว่า 2,300 รายการ ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัย ZeroList™ ลิขสิทธิ์เฉพาะจากปัญญ์ปุริ

 ข่าวที่ 3 “ททท.-เอกชนจัดสมุยเฟสต์เพิ่มยอดโลว์500ล้าน  

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รายงานว่าได้จับมือเอกชน ชุมชนเกาะสมุย จัดเทศกาลท่องเที่ยวสมุยเฟสติวัล 2019 ระหว่าง 14-19 กันยายน 2562 ณ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวสนุกกันเต็มที่ ทั้งดนตรี กีฬา อาหาร ส่วนผู้ประกอบการ สายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว ทั้งเกาะ ร่วมกันลดราคาสูงสุด 50 % เพื่อปลุกกำลังซื้อช่วงโลว์ซีซัน ตั้งเป้ารายได้ตลอดงาน 500 ล้านบาท งานปี 2562

ชาวเกาะสมุยจัดเทศกาลกินห่อหรือดินเนอร์บุฟเฟต์ นำเมนูขึ้นชื่อใส่ปิ่นโต 5,000 เถา ให้นักท่องเที่ยวกินฟรี ส่วนกิจกรรมไฮไลท์ เช่น แข่งขันจักรยานรอบเกาะ ไหว้พระเสริมสิริมงคล ในอำเภอเกาะสมุยพร้อมใจกันทำบุญทุกวัดตามประเพณีภาคใต้ที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ พร้อมกับจัดมหกรรม อาร์ตเลน สตรีทฟู้ด โอท็อป การแสดงดนตรีพื้นถิ่น อาหารไทยและอาหารพื้นถิ่น ขบวนคาร์นิวัล

 โดยภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวสุราษฎร์ธานี และเกาะสมุยเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปี 2561 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาทั่วทั้งจังหวัด 6 ล้านคน มาเที่ยวใน 3เกาะ คือ สมุย พะงัน เกาะเต่า รวม 2.7 ล้านคน

 ข่าวที่ 4 ““ททท.ชูปลาเด็ดเจ็ดย่านน้ำโปรอีสานหน้าฝน” 

นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จัดแคมเปญ "ปลาเด็ด เจ็ดย่านน้ำ" กระตุ้นการท่องเที่ยวหน้าฝนในภาคอีสาน โดยจัดโปรโมชั่นพร้อมสิทธิประโยชน์ระหว่างวันนี้ – 30 กันยายน 2562 โดยร่วมกับผู้ประกอบการ 70 ราย กลุ่ม ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่น่าเช็คอิน ที่พักในเมืองรองภาคอีสาน 10 จังหวัด แบ่งเป็นที่พักติดลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัด ใน เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และ 3 จังหวัดเชื่อมโยงเมืองหลัก – เมืองรอง ที่มีศักยภาพคือ อุดรธานี สกลนคร และ ร้อยเอ็ด ทำดีลพิเศษโปรโมชั่นลดสูงสุดกว่า 25% จองได้ทาง www.isangastronomy.com ลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2562

สำหรับสมาชิก รับส่วนลดเพิ่ม เมื่อไปกินเมนูปลาเด็ดของร้านที่เข้าร่วมรายการและถ่ายรูป พร้อมเช็คอิน รวมทั้งจับมือกับ TrueYou นกแอร์ Agoda Thai Rent A Car ลดพิเศษเพิ่มอีกอย่างละ 5 % ตามร้านอาหารผ่าน True Application และโชว์ Boarding Pass นกแอร์ และยังมีส่วนลดตั๋วเครื่องบินอีก 4 จังหวัด คือ เลย อุดรธานี อุบลราชธานี และสกลนคร

รับสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ของโครงการ 25 - 31 สิงหาคม นี้ รับส่วนลดรถเช่าราคาสุดพิเศษจากThai Rent A Car และดีลห้องพักจองทางAgoda ทั่วอีสานอีกกว่า 100 โรงแรม ตั้งแต่วันนี้ - 30 กันยายน นี้

ข่าวที่ 5 “ททท.นำทีมเปิดร้านเชฟชุมชนทั่วไทย” 

 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือกับ 2 พันธมิตร ภัตตาคารและโรงเรียนสอนทำอาหาร "บลู เอเลเฟ่นท์" โดย เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เปิดตัวโครงการร้านอาหารเชฟชุมชนทั่วไทย ภายใต้โครงการ"เชฟชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน" เพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านอาหารไทย

ควบคู่การพัฒนาเรื่องการดำเนินธุรกิจเพื่อการประกอบอาชีพในชุมชน ส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้และเศรษฐกิจดีขึ้น พร้อมเผยแพร่สนับสนุนสินค้าและวัตถุดิบท้องถิ่น และสร้างอุปสงค์การเดินทางท่องเที่ยวไปยังพื้นที่ชุมชนต่างๆ ของประเทศ เพื่อก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างแท้จริง

 ข่าวที่ 6 “BiiCบางจากแชร์นวัตกรรมพลังงาน-คว้า2รางวัลไบโอฯ”  

นายสุวัฒน์ มีมุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ ร่วมอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ ระหว่างผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ และผู้นำมืออาชีพด้านสารสนเทศจากทุกภาคส่วน ภายใต้หัวข้อ Finding the New S-Curve by using Center of the Edge เพื่อนำเสนอการสร้างนวัตกรรมเพื่อนำไปสู่ธุรกิจในอนาคตอย่างยั่งยืน รวมถึงแนวโน้มการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในภูมิภาค ในงาน CIO Leaders Summit 2019 จัดโดย Media Corp International โดยมีผู้บริหารจากกว่า 60 องค์กร ทั้งไทยและต่างประเทศ ร่วมงาน ณ JW Marriott Bangkok เมื่อเร็วๆ นี้

 ทางด้าน นายประสิทธิ์ ตันตวรนาท รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด และนายวรศักดิ์ บุรณศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายโรงงาน บริษัท บางจากไบโอเอทานอล ฉะเชิงเทรา จำกัด รับ 2 รางวัลด้านการจัดการของเสีย ประกอบด้วย การจัดการของเสียที่ดีตามหลัก 3Rs (3Rs Awards) และรางวัลการใช้ประโยชน์ของเสียทั้งหมด (Zero Waste to Landfill Achievement Awards) จากการเข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพการใช้ประโยชน์กากของเสียของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ที่ส่งเสริมการใช้ประโยชน์กากของเสียและลดปริมาณกากของเสียที่ต้องกำจัดโดยวิธีฝังกลบตามหลัก 3Rs (Reduce Reuse และ Recycle) และโรงงานสามารถใช้ประโยชน์กากของเสียได้ทั้งหมด

 รวมทั้งยังคว้ารางวัลผลตอบแทนเศรษฐศาสตร์ที่ดี (3Rs+ Awards) ระดับเหรียญทองแดง ที่มอบให้กับบริษัท บางจากไบโอเอทานอลด้วย

 ข่าวที่ 7 “ดร.ศุภชัยชี้เป้าTCEBใช้ไมซ์ปั๊มรายได้-เอกชนขานรับ”  

ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการองค์การค้าโลก (WTO) และอดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNTAD) ได้ขึ้นเวทีปาฐกถาในงาน MICE TALK 2019 หัวข้อ “Regional Connectivity : Thailand MICE’s Opputunity” โดยสำนักงานส่งเสริมการจัดปรุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เป็นเจ้าภาพ โดยได้เชิญชวนผู้ประกอบการเข้าร่วมรับฟังจากอุตสาหกรรมไมซ์ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มเริ่มเข้าสู่ธุรกิจ 2.กลุ่มปฏิบัติการธุรกิจ 3.ผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจ จำนวนรวมทั้งหมดกว่า 200 คน

 ดร.ศุภชัย กล่าวภายหลังการปาฐกถาว่าภารกิจของ TCEB จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากมีช่องทางการสร้างความสัมพันธ์กับนานาชาติจึงเป็นโอกาสที่จะใช้อุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศขยายรายได้จากการนำงานขนาดใหญ่ระดับโลกมาจัดในไทย ทั้งทางด้านคอนเว็นชั่น การจัดประชุม การจัดนิทรรศการแสดงสินค้า เพราะสถิติไมซ์ไทยติดอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์ มีแม่เหล็กหลายเรื่องสามารถดึงดูดความสนใจจากทั่วโลกกลุ่มไมซ์เข้ามายังไทยได้ อีกทั้งไมซ์สามารถทำรายได้ครั้งละมูลค่ามหาศาล ตัวอย่างในสาธารณรัฐประชาชนจีนมีปฏิทินจัดงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ประจำปีก็สร้างเงินเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก

 สำหรับประเทศไทยขณะนี้ถึงแม้เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นบ้างแต่ก็นับเป็นเรื่องของ SAVE HEAVEN เพราะนั่นหมายถึงเป็นสัญลักษณ์ความแข็งแกร่งของประเทศที่นานาชาติเชื่อมั่นและไว้วางใจในด้านการเงินบาทของไทย

 ดร.ศุภชัยย้ำว่าไมซ์ถือเป็นอุตสาหกรรมไมซ์สำคัญอย่างมากต่อการขับเคลื่อนรายได้เข้าสู่เศรษฐกิจประเทศด้วยการใช้การเชื่อมโยงความสัมพันธ์เป็นโอกาสด้วยการนำทางเทคโนโลยีซึ่งเป็นเครื่องมือสมัยใหม่สามารถเชื่อมความสัมพันธ์ของโลกเข้าด้วยกันได้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

ส่วนเนื้อหาการปาฐกถาบนเวทีโดยภาพรวม ดร.ศุภชัย ได้ฉายภาพให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมรับฟังศึกษาถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของโลกเชื่อมโยงกับการขับเคลื่อนประเทศไทย ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์สงครามโลกทำให้ญี่ปุ่นผู้แพ้สงครามต้องต่อสู้ดิ้นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาโดยเร็ว มาถึงวันนี้จีนกับสหรัฐอเมริกาเปิดสงครามการค้าระหว่างกัน ลักษณะโครงสร้างของปัญหามีความคล้ายคลึงกัน ต่างกันตรงเวลาเปลี่ยนและรูปแบบเปลี่ยน แต่เป้าหมายเหมือนกันคือเพื่อการสร้างกลไกป้องกันตนเอง

 ซึ่งไทยสามารถใช้ศักยภาพจากอุตสาหกรรมไมซ์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งได้ด้วยการยกระดับขีดความสามารถทางภาษาและสร้างความมั่นคงทางกลยุทธ์ในเชิงบวก เพราะโดยสภาพแวดล้อมนั้นไทยอยู่ท่ามกลางวงล้อมของ connectivity หลากหลายมิติไม่ว่าจะเป็น ASEAN PLUS, Greated MEKHONG SUB REGION, CLMV หากสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีใช้ประโยชน์จากโอกาสให้เป็นก็ช่วยเศรษฐกิจแข็งแรงต่อไปได้อย่างมั่นคง

รวมถึงยังได้สะท้อนถึงความเป็นมาของไทยที่แจ้งเกิดเมกะโปรเจ็กต์ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลตะวันออก : EASTERN SEABROAD เมื่อ 30 ปีก่อน จนกระทั่งถึงปัจจุบันต้องต่อยอดขยายเพิ่มด้วย EASTERN ECONOMIC CORRIDOR : EEC เพียงแต่อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไป 5-7 ปีแล้ว การพูดถึงอุตสาหกรรม S-CURVE ใน EEC อย่าทำเฉพาะคำพูดทางการตลาดเท่านั้น หากแต่จะต้องกระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาปักลงทุนพัฒนาอย่างจริงจัง

 ตัวอย่าง โครงการความร่วมมือที่ทางกลุ่ม แอร์บัส ผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์เบอร์ต้น ๆ ของโลกสนจะมาร่วมลงทุนกับการบินไทยยกระดับ EEC เป็นศูนย์กลางการบินครบวงจรระดับโลก ก็ต้องทำให้เกิดเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ดร.ศุภชัยยังได้สะท้อนมุมมองถึงการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อสร้างโอกาสให้ไทยเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การผลิต การพัฒนาคุณภาพประชากร มีขีดความสามารถทัดเทียมกับนานาชาติเป็นประเทศผู้นำศูนย์กลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า การจัดงาน MICE TALK 2019 หัวข้อ “Regional Connectivity : Thailand MICE’s Opputunity” โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ ครั้งนี้ ถือเป็นคุณูปการต่อผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมไมซ์ไทย โดยมีกลุ่มเพิ่งเริ่มเข้าสู่วงการ ผู้ปฏิบัติมายาวนาน และผู้บริหารกับเจ้าของกิจการ ได้เปิดโลกทัศน์เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ ในการจัดงาน MICE TALK 2018 เมื่อปีที่ผ่านมาตอนนี้เห็นผลชัดเจนว่าผู้ประกอบการที่เข้าร่วมรับฟังเปิดใจและตื่นตัวต้อนรับกับโลกยุคใหม่ในระบบดิจิตอล โดยเฉพาะทางด้านการเงินและการค้าสมัยใหม่ที่มีทั้งบล็อกเชน ฟินเทค และอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับการค้าการทำตลาดออนไลน์

แล้วตอนนี้ TCEB ยังสามารถนำผลมาใช้ประโยชน์ในโครงการที่กำลังเกิดขึ้นคือ THAILAND MICE CONNECT 2019 เตรียมเปิดตัววันที่ 15 ตุลาคม 2562 โดยเปิดรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจากทั่วประเทศนำร่องขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไปด้วยกัน 

ส่วนการหวังผลจากเวที MICE TALK 2019 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2562 นั้นมุ่งหวังที่จะทำให้เห็นถึงประโยชน์จากการใช้เครื่องมือ (equipment) กระตุ้นผู้ประกอบการไมซ์เกิดความตื่นตัวสร้างความสัมพันธ์และโอกาสทำให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างเข้มแข็ง เพราะถึงแม้ตอนนี้จีนกับสหรัฐอเมริกาจะประกาศสงครามการค้ากัน แต่ไมซ์จากตลาดจีนที่เดินทางเข้ามาไทยยังปกติ แต่ก็จะต้องประเมินในระยะยาวจะกระทบหรือไม่

 ขณะที่ตลาดอเมริกาไทยเพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดงาน SITE 2019 เสร็จสิ้นไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งยังคงสามารถส่วนแบ่งตลาดจัดนิทรรศการแสดงสินค้า กับ การประชุม อินเซ็นทีฟ คอนเว็นชั่น ไว้ได้ไม่ต่ำกว่า 20 % ดังนั้นจึงวางกลยุทธ์เชิงรุกโดยจะเปลี่ยนวิธีการทำตลาดหันไปเจาะไมซ์ในตลาดภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะ “จีน” ซึ่งเป็นลูกค้าไมซ์อันดับ 1 ของไทย จะหันไปลุยเจาะกลุ่มพรีเมียมในระดับคอร์ปอเรตติดท็อป 400-500 ควบคู่กับการรักษาฐานลูกค้ากลุ่มเดิมไว้ด้วย รวมทั้งวางแผนขยายการตั้งตัวแทนการตลาดเพิ่มในจีนจาก 1 เป็น 2 แห่ง คือปักกิ่งและเมืองขนาดใหญ่ ตลาดไมซ์ในอินเดียก็จะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียมคล้ายจีน

 และยังมีตลาดที่มาไทยติด 1 ใน 5 อย่าง มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และกลุ่มตลาดไมซ์ดาวรุ่งมาแรงจากประเทศในแถบ CLMV : กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม

 รวมถึง TCEB จะเดินหน้าบทบาทการทำหน้าที่เป็นหัวหอกขยาย Domestic MICE CITY ขยายจากปัจจุบัน 5 จังหวัด ไปให้ถึง 13 จังหวัด จะเน้น 2 บทบาท ได้แก่ 1.การอบรมให้ความรู้บุคลากรที่ได้มาตรฐานเข้าสู่อุตสาหกรรมไมซ์ 2.เป็นที่ปรึกษานักลงทุนด้านการสร้างสถานที่ประชุม (venue) และกลุ่มผู้ผลิตการสร้างสรรค์ธีมงานไมซ์ เพื่อใช้เป็นแม่เหล็กดึงงานพรีเมี่ยมและงานคุณภาพหันมาเลือกไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงานให้ได้มากที่สุด

 โดยเฉพาะในบริเวณ EEC ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากคุณสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ได้จัดตั้งคณะกรรมการและทีมงานขึ้นมาผลักดันต่อยอด พัทยา ไมซ์ ซิตี้ อย่างเข้มข้นทั้งปัจจุบันและอนาคต

 ช่วงที่ 2 ชวนไปเที่ยวมุมใหม่ใน Wisdom Farm พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ปทุมธานี ชมทุ่งนาของพ่อแสนงดงาม ชิคชีลบนสะพานไม้ไผ่ชมความเขียวขจีกว่า 10 ไร่ ปีนสกายวอล์คดูวิวมุมสูงและร่วมกิจกรรมสนุกมากมายตลอดทั้งปี สำหรับสุขภาพ “ต้องรู้วิธีกินด่วน” แบบดีๆก็ทำได้ เกาะติดข่าวแซบ ๆ “รัฐเทแจก 1.5 หมื่นล้านบาท” ให้ 10 ล้านคนไทยเที่ยวไทย ทางกระทรวงการท่องเที่ยว เด้งรับทันควันจัดเสริมอีก 3 มาตรการ ลดแลกแจกแถมโค้งสุดท้ายปลายปีนี้ “บางกอกแอร์” อินเทรนด์ไตรมาส 2 รายได้การบินลด 4.2 % “ทอท.” นำ 2 รัฐมนตรี “ศักดิ์สยาม-พิพัฒน์” ร่วมเตรียมเปิดโครงการน้องใหม่ AOT Digital” บริการไฮเทค 6 สนามบิน จะล้ำสมัยขนาดไหนอดใจรอ 21 ส.ค.นี้ ได้รู้แน่นอน 

 @เที่ยวWisdom Farmเมืองปทุมทุ่งนาของพ่อสวยสุดๆ

 เดือนวันแม่สิงหาคม 2562 นี้ จะชวนคนไทยไปตื่นตากับแหล่งท่องเที่ยวใหม่ใกล้กรุง “Wisdom Farm” ในบริเวณพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ถ.พหลโยธิน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ที่ได้เนรมิตท้องนา 10 ไร่ ให้กลายเป็นเส้นทางการเรียนรู้แห่งใหม่แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร “สืบสาน รักษา ต่อยอด WISDOM FARM” ด้วยความมุ่งมั่นสืบสานพระราชปณิธาน สู่การรักษา ต่อยอด ศาสตร์พระราชาด้านการเกษตร ส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนา เติมเต็มพิพิธภัณฑ์มีชีวิต บอกเล่าเรื่องราวการสร้างสรรค์ภูมิปัญญาสังคมไทยให้พัฒนาอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทันทีที่เดินเข้าไปจะได้เห็นภาพพาโนรามาสุดลูกหูลูกตา

 โดยมีเรือนไม้เป็นจุดนัดพบกัน “ร้าน Wisdom Cafe” มีบริการเครื่องดื่ม ชา กาแฟ น้ำผลไม้ ซื้อติดมือไปดื่มดับกระหายก่อนจะจูงมือเพื่อนฝูง ครอบครัว แล้วเดินไปตามสะพานไม้ไผ่โค้งเป็นรูปตัวเอสประดับด้วยเสาติดผ้าไทยลายเก๋ ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมท้องนาที่กำลังปักดำต้นกล้าเขียวขจี สูดโอโซนในท้องทุ่งโล่งแล้วก็ แชะ แชร์ ถ่ายภาพในมุมที่ใช่ตามแต่ใจจะชอบ บริเวณด้านหน้ามีจุดให้แวะชม ก่อนจะเดินไปตามสะพานไม้ไผ่ จะมีเรือขุด รข.1 สมัยรัชกาลที่ 5 ให้ขึ้นไปชม แล้วสามารถเดินข้ามสะพานเหล็กที่สร้างได้กลมกลืนกับต้นไม้ขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายสกายวอล์ค ความยาวราว 100 เมตร เป็นจุดชมวิวมุมสูงที่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปถ่ายรูปได้

 ส่วนสะพานไม้ไผ่โค้งไปมา สามารถเดินจากต้นทางไปจนสุดทางจะได้ชมฟาร์มปศุสัตว์ วัว ควาย ตามสไตล์วิถีเกษตรที่ใช้ในการเพาะปลูก เลี้ยงไว้ในคอกไม้เปิดโล่งขนาดใหญ่ แวะทักทายสัตว์เกษตรแล้ว เดินต่อไปยัง “บ้านเรือนไทย 4 ภาค” โดยได้จำลองบ้านแต่ละหลังเป็นเรือนไม้ขนาด 2 ชั้น ประดับด้วยผ้าพร้อมบรรยากาศกลิ่นอายของภาคนั้น ๆ เป็นบ้านต้นแบบวิถีชีวิตคน ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน ซึ่งมีความเป็นอยู่ การกินอยู่ และเครื่องใช้ภายในบ้านต่างกันไป

นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปนั่งกินลมชมเรือนไทยได้ตามใจชอบ บริเวณด้านหลังยังมีเรือนพระพุทธศาสนา อยู่ติดบ่อบัวหลวงขนาดใหญ่ ร่มรื่น เป็นอีกจุดที่เหมาะจะนั่งพักผ่อนได้ สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ เปิดให้ร้านชุมชนจากทั่วประเทศ นำของดีแต่ละจังหวัดมาร่วมจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว มีทั้งของกิน ของฝาก มากมาย

 พร้อมทั้งมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุก รวมถึงมี “งานมหกรรมและตลาดนัดเศรษฐกิจพอเพียง” พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ให้เข้ามาร่วมอบรมวิชาของแผ่นดิน สูตรการเวิร์คช็อปจากเกษตรกร ปราชญ์ชาวบ้าน พร้อมการช้อปปิ้ง ต้นไม้ พันธุ์ไม้ จากร้านต่าง ๆ ควบคู่กับงาน “มหกรรมเศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อเผยแพร่พระเกียรติพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ด้านการเกษตร การถ่ายทอดองค์ความรู้ ภูมิปัญญา นวัตกรรมเกษตรกรรมพอเพียงตามแบบวิถีเกษตรไทย และร้านจำหน่ายสินค้าด้านการเกษตรครบวงจรครั้งละกว่า 300 ร้าน

 ตามปฏิทินจะจัดปีละ 5 ครั้ง ในโอกาสสำคัญเดือนตุลาคม ธันวาคม มกราคม และกรกฎาคม ของทุกปี พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ เปิดบริการทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น ปิดวันจันทร์ โทร.0-2529-2212-13 หรือ 087-359-7171, 094-649-2333 ดูข้อมูลได้ที่ www.wisdomking.or.th และ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ

 @แนะวิธีการกินอาหารด่วนให้ได้ดีทำอย่างไร  

การใช้ชีวิตของคนยุคปัจจุบันนิยมสั่งอาหารนอกบ้านมากิน ซึ่งมีวิธีเลือกทำให้การกินดีขึ้นได้หากยังต้องอยู่กับวิถีกินเร็ว กินด่วน ก็ควรทำดังนี้

 1.หยุดตัวเองก่อนจะกดสั่งอาหารตามความเคยชิน

 2.ลองสำรวจร้านอาหารใกล้ๆ ตัว ควรคัดสรรสักนิดต้องร้านอาหารอร่อย คุณภาพดี ปรุงด้วยความใส่ใจ เดินไปกินเพื่อออกกำลังกายได้ด้วยวันละ 30 นาที

 3.หากจำเป็นต้องสั่งจริงๆ ลองไม่สั่งอาหารจากร้านเดิมที่เราคุ้นเคย แล้วค้นหาร้านอาหารใหม่ๆ เช่น ร้านอาหารสุขภาพหรือร้านอาหารโฮมเมดที่ปรุงอาหารสดใหม่ทุกเมนู

 4.หลีกเลี่ยงของทอดและของย่าง ควรเลือกเป็นเมนูต้ม ตุ๋น นึ่ง หรืออบ เลือกเมนูที่มีผักเป็นส่วนประกอบ ซึ่งแต่ละวันเราควรกินผัก 400 กรัม หรือประมาณครึ่งหนึ่งของเมนูทั้งหมด 

5.หากสามารถระบุรายละเอียดลงไปได้ในแต่ละเมนู เช่น ไม่เติมน้ำตาลในก๋วยเตี๋ยว ไม่ใส่ผงชูรส หรือไม่รับน้ำปลาพริก ก็ช่วยควบคุมไม่ให้มีรสจัดเกินไปได้อีกทางหนึ่ง

6.ในทุกๆ ออเดอร์ควรจะพยายามลดขยะเท่าที่จะทำได้ กำกับพี่พนักงานเดลิเวอรี่ไว้ว่าไม่รับช้อนส้อมพลาสติก ไม่รับถุงพลาสติกหรือรวมถุงหากสั่งหลายเมนู ถึงบริการ food delivery จะตอบโจทย์คนเมืองที่รีบเร่งได้ แต่ถ้าใช้บ่อยเกินไป ก็สร้างผลกระทบได้ทั้งกับวิถีการกินของตัวเองและสิ่งแวดล้อม จึงไม่ควรปล่อยให้ตนเองเคยชินกับความกินง่าย จนลืมใส่ใจคุณภาพคุณค่าอาหารแต่ละมื้อ

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 ข่าวแรก“รัฐแจกเงินเที่ยวหมื่นล้าน-ก.ท่องเที่ยวจัดเต็ม3โปรแรง”

 ทันทีที่มีกระแสข่าวจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ว่านายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเตรียมเสนอแพกเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยวิธีแจกเงินคนไทย 10 ล้านคน คนละ 1,000 บาท เพื่อนำเงินไปใช้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศ สร้างความคึกคักให้เกิดการหมุนเวียนรายได้ทั่วประเทศได้ในช่วงปลายปีนี้ 30,000-40,000 ล้านบาท โดยการนำมาตรการดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจนัดแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2562 และจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 21 สิงหาคม นี้

 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ออกมารับลูกมาตรการดังกล่าวทันที พร้อมกล่าวว่า เตรียมมาตรการเสริมขอให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มอีก 15,000 ล้านบาท นำมาให้นักท่องเที่ยวเร่งใช้จ่ายผ่าน 3 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศในช่วงโค้งสุดท้าย 4 เดือนหลัง กันยายน-ธันวาคม 2562 ประกอบด้วย

มาตรการแรก จัดทำโปรโมชั่นสินค้าท่องเที่ยว 100 บาท โดยจะขอให้เอกชนร่วมมือด้วยทั้งกลุ่ม โรงแรม ตั๋วการบิน กินอาหาร ทำราคาขายตามมาตรการดังกล่าวทุกวันที่ 9 เดือน 9 วันที่ 10 เดือน 10 วันที่ 11 เดือน 11 วันที่ 12 เดือน 12

 มาตรการที่ 2 ทำโครงการเพิ่มส่วนลดเพิ่มจากที่ลดราคาอยู่แล้วในลักษณะ on top 15% และมาตรการที่ 3 ทำกิจกรรมลด แลก แจก แถม จูงใจให้เกิดการใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แต่ 2 มาตรการหลังอยู่ระหว่างดำเนินการ 

ข่าวที่สอง “ศักดิ์สยาม-พิพัฒน์”ร่วมเปิดไฮเทคสนามบินทอท.” 

 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) รายงานว่า ในงานเตรียมเปิดตัว AOT DIGITAL AIRPORTS : Turn Busy To Easy วันที่21 สิงหาคม 2562 เวลา 10.30 น. ณ ควอเทียร์ แกลลอรี่ ชั้น M ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ จะมี 2 รัฐมนตรี คือ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มาร่วมชมโครงการใหม่ซึ่งเป็นไฮเทคโนโลยี ผ่านการใช้งานแอปพลิเคชันบนมือถือ AOT AIRPORTS APPLICATION ซึ่งเป็นการนำนวัตกรรมมาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท.และเดินหน้าเชื่อมโยงท่าอากาศยานพันธมิตร 16 แห่งทั่วโลก พร้อมก้าวเข้าสู่องค์กรดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

 ข่าวที่สาม“บางกอกแอร์Q2ผู้โดยสารเพิ่มรายได้ลด4.2%”  

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าผลประกอบการไตรมาส2 ปี 2562 มีรายได้รวม 6,077.4 ล้านบาท ลดลง 4.2 % เพราะ 3 ปัจจัย 1.นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยชะลอตัว 2.การแข่งขันของธุรกิจสายการบินรุนแรง และ 3.ค่าเงินบาทแข็งค่า ส่วน 6 เดือนแรกปี 2562 มีรายได้รวม 13,865.7 ล้านบาท ลดลง 1.4 % เพราะธุรกิจสายการบินและสนามบินลดลงตามลำดับ 4.0 และ 9.4 % แต่ไตรมาส 2 ปีนี้ บางกอกแอร์เวย์สมีผู้โดยสารเติบโตเพิ่ม 2.3 % ราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยลดลง 4.3 % มีรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารต่อหน่วย (Passenger Yield) 4.04 บาท ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 2.5 %

 ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.