ททท.จัดใหญ่TGTM2019ดันไทยฮับตลาดกอล์ฟโลก
ชูขายเที่ยว4Gเพิ่มรายได้-เอกชนตีปีก3วันโกย800ล้าน
เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : บล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #TGTM2019 #TATPR
อ่านได้ในมติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/publicize/news_1616631
ททท.จัดมหกรรม “Thailand Golf Travel Mart (TGTM) 2019” เจาะกำลังซื้อคุณภาพดันไทยขึ้นผู้นำตลาดกอล์ฟโลก จุดพลุท่องเที่ยวเชิงกีฬาตลอดงาน 4 วัน 6-9 ส.ค.นี้ หวังผลการเจรจาธุรกิจกวาดได้ถึง 800 ล้านบาท ทางด้าน ททท.ในจีน สวีเดน สบช่องพ่วงขายแพกเกจดึงนักท่องเที่ยวกอล์ฟร่วมคณะโดยควักกระเป๋าจ่ายเฉลี่ย 30,000-100,000 บาท/คน/ทริป ส่วนเอกชนหอบสินค้าท่องเที่ยวทั้งสนามกอล์ฟและโปรดักซ์ใหม่บริการรถ Hop On Hop off ร่วมขายกระหึ่ม
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) |
ขณะนี้ไทยเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวกอล์ฟติดอันดับ 3 ของโลก ปีละประมาณ 700,000-1,000,000 คน มีสนามกอล์ฟให้เลือกเล่นได้ตามความชอบครอบคลุมทั่วประเทศ 300 แห่ง ปี 2561 สร้างรายนักกอล์ฟที่เดินทางเข้ามาเล่นกอล์ฟสูงถึง 3,300 ล้านบาท ปี 2562 จะขยายรายได้เพิ่มขึ้นขั้นต่ำอีก 3 %
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท.กล่าวว่า การจัดงาน Thailand Golf Travel Mart (TGTM) 2019 ครั้งนี้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ตั้งเป้าการเจรจาธุรกิจตลอดงานจะสร้างรายได้ถึง 800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาราว 8-10 % เพราะโดยศักยภาพแล้วตลาดนักกอล์ฟเป็นกลุ่มที่มีความพร้อมใช้จ่ายเงินสูงมากเฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท/คน/วัน เฉลี่ยทริปละประมาณ 30,000-50,000 บาท/คน/ทริป จึงได้วางกลยุทธ์ใช้เวทีการจัดงานครั้งนี้ต่อยอดสื่อสารตลาดการขายท่องเที่ยวตั้งแต่ปลายปี 2562 เป็นต้นไป
รวมถึงจะเร่งกระตุ้นการใช้จ่ายเพิ่มจากนักท่องเที่ยวกลุ่มกอล์ฟทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาไทยด้วยธีม 4 G ประกอบด้วย G1-Golf สร้างมุมใหม่ให้นักกอล์ฟนานาชาติเข้ามาเล่นในไทย G2 -Game เป็นการละเล่นที่เติมเต็มสามารถสร้างความสุขและสร้างความสนุกสนานที่แตกต่างจากประเทศอื่น ๆ G 3-Goodtime มีช่วงเวลาดีแห่งความทรงจำที่ดีตลอดการเดินทางมาพักผ่อนในเมืองไทย และ G 4 Gastronomy โฆษณาประชาสัมพันธ์ให้นักกอล์ฟรับประทานอาหารถิ่นและอาหารยอดนิยมของไทย สำหรับนักกอล์ฟที่นิยมเดินทางเข้ามาใช้จ่ายเงินในไทยกลุ่มหลัก ๆ ยังคงเป็น จีน มีประมาณ 5-10 % ของนักท่องเที่ยวจีนรวมแต่ละปีที่เข้ามาไทยประมาณ 10 ล้านคน และเอเชียอย่าง เกาหลี ญี่ปุ่น อาเซียน ส่วนยุโรปก็มีบางกลุ่มประเทศเช่นกัน
ขณะเดียวกันระหว่างการจัดงาน Thailand Golf Travel Mart (TGTM) 2019 ทาง ททท.สำนักงานต่างประเทศทั่วโลกได้นำตัวแทนผู้ประกอบการกอล์ฟเดินทางเข้ามาพร้อมกับการขายแพกเกจนำกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มกอล์ฟเข้ามาด้วย นางอัญชลี คุ้มวงษ์ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานปักกิ่ง กล่าวว่า ได้นำผู้ประกอบการกอล์ฟจากจีนกว่า 10 ราย พร้อมด้วยนักกอล์ฟที่ซื้อแพกเกจราคาคนละกว่า 30,000 บาท/คน เดินทางเข้ามาพร้อมกันเป็นหมู่คณะเพื่อมาเล่นกอล์ฟในไทยจำนวนกว่า 100 คน
นางสาวเอิบลาภ ศรีภิรมย์ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานสต็อกโฮม สวีเดน |
นายภูริต มาศวงศ์ศา ผู้จัดการทั่วไป ป่าตองรีสอร์ต จ.ภูเก็ต |
นายภูริต มาศวงศ์ศา ผู้จัดการทั่วไป ป่าตองรีสอร์ต จ.ภูเก็ต กล่าวว่าในฐานะเอกชนที่มีสนามกอล์ฟ Loch Palm Red Mountain Golf Club เข้าร่วมขายในงาน Thailand Golf Travel Mart (TGTM) 2019 ซึ่งเล็งเห็นถึงศักยภาพของกลุ่มผู้ซื้อรวมถึงกอล์ฟเป็นตลาดที่สามารถสร้างรายได้สูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไทย 2-3 เท่า ขณะนี้ทางโรงแรมได้ผนวกขายแพกเกจห้องพักรวมแพกเกจกอล์ฟเฉลี่ยประมาณ 20,000-30,000 บาท/คน/ทริป ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเล่นกอล์ฟจากตลาดเอเชีย ทั้งจีน เกาหลี ญี่ปุ่น อาเซียน ส่วนยุโรปมีบ้างประปราย ซึ่งการรุกเจาะเซ็กเมนต์ท่องเที่ยวกลุ่มตลาดกอล์ฟจะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มรายได้เข้าภูเก็ต โดยเฉพาะช่วงนอกฤดูกาล (low season) ได้เป็นอย่างดี
ขณะนี้ในภูเก็ตมีสนามกอล์ฟที่ได้มาตรฐานสากล 5 แห่ง และยังมีสนามกอล์ฟในพื้นที่จังหวัดใกล้เชียงอย่างพังงา กระบี่ รวม ๆ อีก 6 แห่ง ได้รับความนิยมจากนักกอล์ฟต่างประเทศเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ตลาดนี้จะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากสนใจเดินทางกลุ่มเฉพาะหรือ Niche market
นายจิรเดช ห้วยหงส์ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท หงส์ทองเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ผู้บุกเบิกการลงทุนรถท่องเที่ยว Hop on Hop of ในกรุงเทพฯ กล่าวว่า ได้รับโอกาสให้เข้ามาร่วมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์บริการรถท่องเที่ยวดังกล่าวในงาน Thailand Golf Travel Mart 2019 ก็ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อต่างประเทศและผู้ขายคนไทยด้วยเช่นกัน ถือเป็นอีกช่องทางที่จะช่วย ททท.ขยายต่อยอดสินค้าท่องเที่ยวอีกประเภท เพราะหลังจากเปิดบริการรถซึ่งมีอยู่ 30 คัน ผ่านมาแล้ว 5 เดือน (เปิดเมื่อมีนาคม 2562) กระแสตอบรับจากนักท่องเที่ยวดีขึ้นตามลำดับ
โดยได้วางช่องทางการขายร่วมกับพันธมิตรบริษัทนำเที่ยวต่างประเทศและออนไลน์ (Online Travel Agent : OTA) รวมเกือบ 30 ราย ครอบคลุมตลาดทั่วโลก ล่าสุดในเดือนสิงหาคมนี้ยอดมีแนวโน้มจะถึงเดือนละ 2,000 คน โดยเลือกให้บริการนำเที่ยว 4 เส้นทาง อธิบายจุดท่องเที่ยว 8 ภาษา ขณะนี้อยู่ระหว่างระดมเงินลงทุนเพิ่มอีกกว่า 5 ล้านบาท จัดทำแอพลิเคชั่นเพื่อนำ Big Data แหล่งท่องเที่ยวชุมชนในกรุงเทพฯ บรรจุไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยจะเริ่มทดลองใช้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้เพื่อใช้เต็มรูปแบบอย่างช้าช่วงมกราคมหรือต้นปี 2563 เป็นต้นไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น