ททท.ตะวันออกโหมขายMore Food&Fun
9จังหวัดชูวิถีชุมชน/ทัวร์ซีเอสอาร์/เที่ยวรับผิดชอบ
เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #รวยด้วยข่าว97 #เที่ยวกับกู๋
#MoreFunตะวันออก #MoreFoodandFun #วันธรรมดาน่าเที่ยว #เขาฉกรรจ์สระแก้ว #RayongSeafoodMonth
อ่านได้ในข่าวสดออนไลน์ https://www.khaosod.co.th/pr-news/news_2827437
ททท.ตะวันออกเดินหน้าเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวปลายปี ’62 ต่อเนื่องปี’63 กระตุ้น 6 สำนักงาน ลุยขาย 9 จังหวัด ภายใต้ธีม More Food and Fun : มหานครอาหาร-ผลไม้ แสนสนุก” พร้อมปั้นแหล่งใหม่เขาฉกรรจ์แจ้งเกิดเมืองรอง “สระแก้ว” ทุกพื้นที่ชูกิจกรรมท่องเที่ยวซีเอสอาร์ชุมชน ขณะที่ “ระยอง” มาแรงผุด “เสม็ดโมเดล” นำร่องการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ
นายวิบูลย์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่กันยายน 2562 เนื่องถึงปี 2563 ได้เร่งแผนขับเคลื่อนตลาดการท่องเที่ยวภาคตะวันออกทั้ง 9 จังหวัด โดยใช้ศักยภาพของสำนักงาน 6 พื้นที่ ภายใต้ธีมคอนเซ็ปต์ใหม่ More Food and Fun สร้างมหานครอาหารและผลไม้แสนสนุก เน้นเพิ่มจุดขายการท่องเที่ยว 2 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 แหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเล ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ส่วนที่ 2 แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติภูเขา ได้แก่ นครนายก ปราจีน สระแก้ว ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ
ตั้งเป้าเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพระดับพรีเมี่ยมซึ่งมีความพร้อมใช้จ่ายเงินสูง ตอบโจทย์เรื่องการไปเที่ยวภาคตะวันออกแล้วพร้อมใช้จ่ายเงินเพิ่มมากขึ้น ในการช้อปปิ้งซื้อผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น นอกเหนือจากค่าที่พักโรงแรม รีสอร์ต ก็จะต้องกระตุ้นนักท่องเที่ยวเดินทางทุกฤดู โดยคัดสรรกิจกรรมใหม่ ๆ เพิ่มทุกพื้นที่ สร้างแรงจูงใจให้ใช้เงินเพิ่มเฉลี่ยปี 2562 ไม่ต่ำกว่า 8 % ปี 2563 ต้องเพิ่มอีก 10 %
โดยทั้ง 9 จังหวัด มีสินค้าพร้อมขาย ได้แก่ 1.มหานครแห่งเมืองผลไม้ภาคตะวันออก แต่ละพื้นที่มีความหลากหลายเรื่องท่องเที่ยวสวนผลไม้ให้เลือก หากเป็นหน้าทุเรียนจะมีทุกจังหวัดช่วงต้นเมษายน-มิถุนายน มะยงชิด ในนครนายก ปราจีนบุรี สวนมะพร้าวฉะเชิงเทรา เที่ยวได้ช่วงสิงหาคม-กันยายน 2.ท่องเที่ยวเส้นทางอาหาร กระจายอยู่ทั่วพื้นที่อ่าวไทยใน ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด มีอาหารทะเลให้รับประทานตลอดทั้งปี ส่วนพืชผักผลไม้เกษตรอินทรีย์ ก็มีในฉะเชิงเทราและสมุทรปราการ กำลังเป็นสินค้าดาวรุ่งมาแรง
โดยภาพรวม ททท.ภาคตะวันออก 9 จังหวัด มีเมืองรองอยู่ถึง 5 จังหวัด ได้แก่ นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ส่วน ตราด ส่วนจันทบุรีหลังจากเปิดสำนักงานใหม่ตั้งแต่ 23 กรกฎาคม 2562 สามารถเพิ่มกิจกรรมสร้างการรับรู้ด้านการประชาสัมพันธ์ได้มากขึ้น โดยศักยภาพของพื้นที่มีแหล่งท่องเที่ยวตอบโจทย์ได้ครอบคลุมทั้งการทำกิจกรรมชุมชน เที่ยวทะเล มีร้านอาหารอร่อย ๆ ส่งผลให้ครึ่งปีหลังจันทบุรีเติบโตทั้งจำนวนและรายได้ติดอันดับ 1 ใน 5 ของเมืองท่องเที่ยวรองจากทั้งหมด 55 จังหวัด
ตั้งแต่ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป จะแจ้งเกิด “สระแก้ว” เมืองรองอีกจังหวัดในภาคตะวันออก ด้วยจุดขายแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมใหม่บริเวณ “เขาฉกรรจ์” โดยปรับมุมมองนักท่องเที่ยว ควบคู่กับสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้เข้าไปทำแปลงดอกไม้เชิญชวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปเช็คอิน ถ่ายรูปสวย ๆ รวมทั้งยังเป็นแหล่งดูค้างคาวนับล้านตัว ส่วนแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวภายในตัวเมืองสระแก้วเริ่มเห็นเทรนด์การลงทุน ร้านอาหาร ที่พัก เก๋ ๆ บ้างแล้ว
ส่วน ปราจีนบุรี มีสถานที่ท่องเที่ยวเฉดใหม่ ๆ เพิ่ม คือ “พิพิธภัณฑ์แห่งชาติปราจีนบุรี” อยู่ใกล้ ๆ วัดแก้ววิจิตร เพิ่งเปิดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สามารถเข้าไปชมหน้าบรรณมีลวดลายดอกไม้และอื่น ๆ แตกต่างจากภาคอีสาน ไฮไลต์ในพิพิธภัณฑ์มีพระพิฆเนศแกะสลักหินทรายอายุพันปีแห่งเดียวในเมืองไทย บริเวณนี้สามารถเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวไปยัง “ทับลาน” ซึ่งมีสถานที่พักสวยงาม ช่วงสิงหาคมนี้มีกิจกรรมเชิญชวนล่องแก่งชมดอกหงอนนาคได้ด้วย
ขณะที่พื้นที่ทางฝั่งทะเลอ่าวไทยจะเพิ่มกิจกรรม “การท่องเที่ยวชุมชน” ที่มีความพร้อม โดยภาพรวม ททท.จะเข้าไปต่อยอดโครงการ “เชฟชุมชน” เรื่องอาหารและกิจกรรม D.I.Y.ด้านต่าง ๆ สร้างรายได้สู่ท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้มีชุมชนไฮไลต์ให้นักท่องเที่ยวเลือกไม่ต่ำกว่า 8 ชุมชน ประกอบด้วย “ตราด” มีชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว กำลังเปิดตัวให้แรงขึ้นอีก 2 ชุมชน คือ ชุมชนหาดทรายดำ กับชุมชนท่าระแนะ “ชลบุรี” ติดตลาดแล้วคือชุมชนตะเคียนเตี้ย เตรียมเปิดเพิ่มอีกแห่งคือชุมชนบางสะเหร่ “ระยอง” ลุยโปรโมตชุมชนบ้านทะเลน้อย แหล่งปลูกผักกระชับพืชท้องถิ่นชื่อดังสามารถนำมาทำอาหารได้สารพัดเมนู “จันทบุรี” เร่งบูมชุมชนปากน้ำประแสร์บน ทำคู่ขนานกับชุมชนตะปอนน้อย-ตะปอนใหญ่
ขณะเดียวกัน ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออก ได้ผนวกส่งเสริมการขาย “วันธรรมดา น่าเที่ยว” เข้าไปด้วย โดยนำผู้ประกอบการทั้ง 5ภูมิภาค เดินทางแลกเปลี่ยนไปเยี่ยมชมทดลองใช้บริการการท่องเที่ยวแต่ละภาคควบคู่กันไปด้วยระหว่าง ภาคตะวันออก เหนือ อีสาน ใต้ และภาคกลาง เพื่อลุยต่อยอดนำองค์กรขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ไปจัดทำกิจกรรม Team Building จัดสัมมนา เข้าเยี่ยมหรือเสริมสร้างประสบการณ์ทำกิจกรรมในชุมชนภาคตะวันออกได้ด้วย โดยมีแรงจูงใจทำโปรโมชั่นสนับสนุนค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งให้กลุ่มคณะทำ D.I.Y.กับชุมชน
ผอ.วิบูลย์ย้ำว่าปี 2563 วางกลยุทธ์กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวอย่างมีส่วนรับผิดชอบในภาคตะวันออกเต็มรูปแบบ แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.ท่องเที่ยวโดยใส่ใจสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมโครงการ ลด โลก เลอะ ไม่ทิ้งขยะ ลดใช้ถุงพลาสติก นำนวัตกรรมเข้าไปช่วยแปรรูปขยะเป็นผลิตภัณฑ์รีไซเคิลนำกลับมาใช้ใหม่ 2.ท่องเที่ยวบำเพ็ญประโยชน์หรือซีเอสอาร์ในเชิงพื้นที่ เช่น “ระยอง” มีโครงการเก็บขยะทะเลป้องกันน้ำเน่าเสีย ร่วมกับ ปตท.หรือชุมชน ส่วน “นครนายก” นำร่องทำโครงการสร้างฝาย สร้างบ้านให้เหยี่ยวดำร่วมกับหลายกลุ่ม ตั้งเป้าปี 2563 จะได้รับความสนใจจากบริษัทต่าง ๆ หันมาท่องเที่ยวในกิจกรรมซีเอสอาร์โครงการขนาดใหญ่ การพัฒนากลุ่มจัดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ต่อยอดพื้นที่ให้เกิดความเข้าใจในชุมชนลดเลิกสร้างขยะ
🍅🍅ระยองผุดชุมชนท่องเที่ยวซีเอสอาร์
🍎🍎ชูเสม็ดโมเดลเที่ยวอย่างรับผิดชอบ
นายอุทิศ ลิ่มสกุล ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานระยอง กล่าวว่า ระยองได้จัดกิจกรรมเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเข้ากับเทศกาลอาหารทะเลสดพร้อมเสิร์ฟซึ่งมาจากกว่า 48 ชุมชน เป็นจุดขายวิถีแหล่งท่องเที่ยวประมงพื้นบ้าน ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ขึ้นอวน ปู ปลา หมึก ของชาวบ้านตามท่าเรือหลัก ๆ ในชุมชนปากน้ำระยอง ชุมชนประมงหาดสุชาดา อำเภอบ้านเพก็มีท่าเรือแถวสวนสน นักท่องเที่ยวจะได้ชมและเลือกซื้อวัตถุดิบอาหารทะเลสด ๆ จากชาวประมงโดยตรง ซึ่งมีบริการปรุงเมนูสุกพร้อมเสิร์ฟตามความต้องการบริโภคโดยคิดค่าปรุงเพิ่มจากราคาปู ปลา หมึก อีกกิโลกรัมละ 30 บาท
ตั้งแต่ปลายปี 2562 เป็นต้นไป ททท.ระยอง จะลุยโปรโมต “ชุมชนบ้านทะเลน้อย” อย่างเข้มข้น เพราะมีบริการครบวงจรทั้งแหล่งท่องเที่ยวและอาหารถิ่น ซึ่งชุมชนนี้มีความโดดเด่นด้านการเรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้าน การทำกะปิจากกุ้งเคย การหมักน้ำปลา รวมทั้งเป็นแหล่งปลูกผักกระชับแห่งเดียวในไทยนำมาทำได้สารพัดเมนู แนะนำให้แวะชิมที่ครัวสารภี เป็นสถานที่ในโครงการ “เชฟชุมชนบายชุมพล” ส่วนการท่องเที่ยวภายในชุมชนแห่งนี้พระเจ้าตากสินเคยใช้เป็นเส้นทางเสด็จผ่าน มาแวะยังวัดราชบัลลังก์ วัดซึ่งมีพระพุทธรูปโครงสร้างหวาย และจุดแวะท่องเที่ยวมุมใหม่อีกหลายแห่งด้วย
นายอุทิศกล่าวว่าปี 2563 จะวางกลยุทธ์ให้ระยองเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์สู่สังคมท้องถิ่น (CSR) โดยมีแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงรอบอำเภอแกลง 3 ชุมชน ได้แก่ จาก “ชุมชนทะเลน้อย” ไปยัง “ชุมชนบ้านเนินฆ้อ” เพื่อซื้อปู ปลา จากชาวบ้านแล้วนำไปปล่อยในป่าโกงกาง ป่าชายเลน บริเวณ “สะพานรักษ์แสม” ซึ่งเป็นศูนย์รวมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ส่วนชุมชนทะเลน้อย ก็มีศูนย์อนุรักษ์ให้นักท่องเที่ยวได้ทำกิจกรรมสร้างคอนโดปู บ้านปลา ปล่อยปู ปลา ช่วยขยายพันธุ์และเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำอย่างสมบูรณ์เพื่อนำกลับมาเป็นอาหารของนักท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืน
ปี 2563 ททท.ระยองเตรียมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนรับผิดชอบและโครงการลดโลกเลอะ โดยได้ร่วมกันหลายหน่วยงานสร้างโมเดลต้นแบบ “เกาะเสม็ด” ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปเที่ยวห้ามใช้สิ่งต่อไปนี้คือ พลาสติกทุกชนิด กล่องโฟม และการท่องเที่ยวเชิงอาหารทะเลก็ต้องหาวิธีลดภาระการเพิ่มขยะด้วย
ส่วนเทศกาลท่องเที่ยวสวนผลไม้ ทุเรียน มังคุด เงาะ ในระยองจะอยู่ช่วงเดือนเมษายน-กรกฎาคม ของทุกปี หากเป็นผลไม้ที่หารับประทานตามสวนได้ตลอดทั้งปีก็มี “สวนสละ” สามารถทำกิจกรรมท่องเที่ยว CSR ผสมเกสรดอกสละเสร็จแล้วรอเก็บผลกินได้โดยใช้เวลา 9 เดือน ตามปกติเจ้าของแต่ละสวนจะส่งรูปให้นักท่องเที่ยวดูการเติบโตของสละต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ เช่น สวนพิชัย อำเภอแกลง สวนยายดาเจ๊บุญชื่น อำเภอเมือง และสวนอื่น ๆ
ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออกทั้ง 6 สำนักงาน พร้อมใจกันเร่งกระตุ้นรายได้จากการท่องเที่ยวกระจายสู่ชุมชนท้องถิ่นทั้ง 9 จังหวัด สร้างการเติบโตอย่างเข้มแข็งยั่งยืน ด้วยการคัดสรรกลุ่มตลาดที่มีศักยภาพเข้าไปใช้บริการ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น