บิ๊กTCEBดึง 3 ผู้นำโลก ชี้เป้าอุตสาหรรมไมซ์ไทยปี’63
เปิดเวทีTHAILAND MICE FORUMกระหึ่ม29ส.ค.นี้
คิงเพาเวอร์ผนึก4แบรนด์โลกชวนไปช้อปคุ้มค่าทั่วไทย
สมาชิก!!คิงเพาเวอร์ช้อปสนุกอย่างฉลาดแบ่งจ่าย0%
ททท.หัวหินอัดโปรอะเมซิ่งลดกระหน่ำ50%ตลอดก.ย.
บางจากทำโปรเจ็กต์ร่วมลดขยะพลาสกติกตั้งแต่ต้นทาง
TCEBปลื้ม 5 องค์กรต่อยอดไมซ์เพื่อชุมชนเศรษฐกิจรุ่ง
เที่ยวชุมชนชากแง้วกินกันตัวแตกทึ่งอารยธรรมยั่งยืน
หันมากินปลาทูแล้วจะรู้ว่ามหัศจรรย์ป้องกันสารพัดโรค
จับตาศึก“ทย.-ทอท.”ชิงขุมทรัพย์บริหารสนามบินกระบี่
บางกอกแอร์ใจป้ำเทโปรตั๋วลดกระหน่ำ29ส.ค.-1ก.ย.
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #TATDIGITAL #SHOPEETATMALL #CHATBOTน้องสุขใจ #เที่ยวชุมชนชากแง้ว
ช่วงที่ 1 “จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ผู้นำ “TCEB” เปิดก้าวใหม่การตลาดอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศก้าวสู่เทรนด์ใหม่ B ot B ยกระดับการจัดงานซื้อขายล็อตใหญ่มูลค่าหลักสิบถึงร้อยล้าน ไฮไลต์ 29 สิงหาคม นี้ เปิดเวที THAILAND MICE FORUM 2019 เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่จะมีผู้นำอุตสาหกรรมไมซ์ของโลก 3 องค์กร “SITE-ICCA-UFI” ลัดฟ้ามาชี้เป้าให้ผู้ประกอบการไทย ส่วนกลุ่มทุนใหญ่ไทย “ฐาปนะ สิริวัฒนภักดี-ชฎาทิพย์ จูตระกูล-ศุภจี สุพันธุ์ธรรม” ขึ้นเวทีแนะไมซ์ไทยชิงส่วนแบ่งตลาดโลก
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์เพิ่มความเข้มข้นการทำตลาดไมซ์ในประเทศ โดยใช้โครงการ “ไมซ์เพื่อชุมชน” ซึ่งจัดต่อเนื่องขึ้นปีที่ 2 เมื่อ 22 สิงหาคม 2562 ได้จัดเปิดงาน “มิติใหม่ อุตสาหกรรมไมซ์” ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เป้าหมายสำคัญ ได้แก่ 1.ต้องการสร้างโมเดลต้นแบบการทำงานเชิงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ 2.การจัดหาสินค้าท้องถิ่นโอท็อปอยู่ใน catyglory เรียบร้อยแล้วในการลงนามกับกรมการพัฒนาชุมชนและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สมาคมจัดประชุมนานาชาติ (ICCA) 3.โปรโมตสินค้าและจัดทำเส้นทางไมซ์บุกเบิกพื้นที่แรกในภาคเหนือลำดับแรกเป็นโครงการนำร่องเพราะมีศํกยภาพความพร้อมด้านไมซ์ โดยมีคณะกรรมการอุตสาหกรรมการจัดแสดงสินค้าแห่งประเทศไทย คือ M TEX : M POWER THAILAND EXHIBITION ขับเคลื่อนโดยมีทีม M-POWER เป็นกำลังหนุนไมซ์ทุกด้านประกอบด้วยกระทรวงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงมหาดไทย พาณิชย์ ดิจิตอล และอื่น ๆ รวมทั้งมีภาคเอกชน หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมจัดแสดงสินค้า (TEA) เพื่อทำเป็นเอ็กซิบิชั่นให้ได้
แนวทางต่อไป TCEB วางแผนสนับสนุนแบ่งเป็น 2 ระดับ ได้แก่
ระดับที่ 1 งานไมซ์ที่มีอยู่แล้วก็จะเข้าไปเปิดเพิ่มให้มีเวทีการเจรจาธุรกิจ Business to Business : BtoB โดย TCEB จะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในการนำผู้ซื้อผลิตภัณฑ์เป็น Alotment ครั้งละจำนวนมาก ๆ เพื่อนำสินค้าไปขายต่อไป เช่น งาน World Halal จัดที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดช่วงกันยายน นี้ TCEB ร่วมกับมหาวิทยาลัย ชุมชน โดยมีกรมพัฒนาชุมชนคัดเลือกสินค้ามาวางจำหน่าย ที่สำคัญทาง TCEB การซื้อขายช่วงมีงานโอท็อปส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไปเดินเข้ามาซื้อสินค้า แต่งานนี้จะต่างจากเดิมคือมีกลุ่มธุรกิจรายใหญ่เข้าไปพูดคุยเพื่อสั่งซื้อเป็น Alotment เหมือนเมื่อช่วงที่ผ่านมาในงานโอท็อปเมืองทองธานี สถิติเปิดพื้นที่ BtoBรายเดียวสั่งซื้อน้ำมันพืชจากชุมชนมูลค่าสูงถึง 33 ล้านบาท จะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป
ระดับที่ 2 จะร่วมกับ TEA คัดเลือกงานที่สามารถยกระดับเป็นงาน Convention และ Exhibition ภารกิจนี้จะต้องอาศัยความร่วมมือจากเอกชนเป็นหลัก คัดเลือกงานจัดเวทีเปิดการเจรจาธุรกิจภายในงานตามรูปแบบ B to B เป็นอีกแผนที่จะอย่างจริงจังปี 2563 เป็นต้นไป เช่น งานแฟรนไชส์กาแฟ หรือโปรดักซ์เซรามิก ปาล์ม จะพัฒนาเป็นคอนเว็นชั่นและเอ็กซิบิชั่นที่มี B to B จริง ๆ ไม่ใช่นับเพียงจำนวนคนเดินเยี่ยมชมงานเพียงอย่างเดียว รวมทั้งจะคัดสรรสินค้าพร้อมเข้าสู่ตลาดในลักษณะดังกล่าวด้วย เพื่อสร้างมูลค่าการขายสินค้าชุมชนเติบโตเพิ่มขึ้น การสร้างเครือข่ายกลุ่มผู้ซื้อ ที่ผ่านมาในช่วงแรกพึ่งพาจากทางหอการค้านำสมาชิกเข้ามาเจรจาธุรกิจ กำลังคัดสรรสินค้าหลักประมาณ 3-4 กลุ่ม เมื่อคัดเลือกมาแล้วก็จะมาดูกลุ่มผู้ขายในชุมชนมาเจรจากับกลุ่มผู้ซื้ออาจจะมาจากท้องถิ่นและระดับประเทศ ซื้อไปแปรรูปหรือขายต่อไป
จากนั้นก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ MTEX โดยทำหน้าที่เป็นแกนประสานสร้างตลาดกลางหรือ Market Place ขึ้นมาโดยมีทุกกระทรวงร่วมทำงานอยู่ด้วย เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีโปรดักซ์ กระทรวงพาณิชย์มีตลาดระบายสินค้า นายจิรุตถ์กล่าวว่าเป้าหมายการเติบโตนั้นจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดจะขยายเพิ่มได้อีกปีละกี่เปอร์ หลังจากสร้างโมเดลนำกลยุทธ์พัฒนาตลาดไมซ์ทั้ง 2 ระดับทั้งเวทีการจัดงานขายสินค้าชุมชนสู่กลุ่มผู้บริโภค ( Business to Consumer : B to C) และ กลุ่มผู้ขายสู่กลุ่มตลาดธุรกิจ Business to Business : B to B ได้เริ่มจัดขายเครื่องจักร จัดปีแรกที่นครราชสีมา ได้ยอดขายมูลค่าครั้งละประมาณ 570 ล้านบาท หรือ Lanna World Expo ยังเป็นงาน B to C ที่จะส่งเสริมต่อไป
ส่วนงานที่มีความเป็นไปได้ที่จะยกระดับเป็น เซรามิก ยาง เป็น B to B ต้องพิจารณาองค์ประกอบหลักเพิ่มคือ มีเจ้าภาพในพื้นที่ชัดเจนผนวกกับผลการศึกษาความเป็นไปได้
นายจิรุตถ์อธิบายว่า วันที่ 29 สิงหาคม 2562 TCEB เตรียมจัดงาน THAILAND MICE FORUM 2019 จัดเป็นปีที่ 3 ตั้งเป้าให้เป็นเวทีสร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์ธุรกิจไมซ์ เดิมเคยแยกจัดเป็น Convention Day มีผู้ซื้อ ผู้ขาย เป็นองคาพายพ ภายในงานนี้จึงได้จับมารวมไมซ์ครบทั้ง 4 กลุ่ม Meeting-Incentive-Convention-Exhibition ตอนนี้ภาคธุรกิจเริ่มหลั่งไหลเข้ามาและร่วมมือกันเพิ่มมากขึ้น การจัดงานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อผู้ประกอบการไมซ์จะเป็นเวทีสำคัญต่อทั้งอุตสาหกรรม ประกอบด้วย
ส่วนที่ 1 จะมีผู้บริหารระดับประเทศ และได้เชิญประธานจาก 3 อุตสาหกรรมมาร่วมเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ที่เชิญแถวหน้าของโลก 3 อุตสาหกรรมหลัก Meeting-Incentive-Exhibition ได้แก่ 1.ประธานของ SITE เจ้าตลาด Meeting Incentive ที่ทั่วโลกยอมรับ 2.CEO ICCA สมาคมจัดอันดับการประชุมนานาชาติโลก ซึ่งปีนี้ไทยได้รับการจัดอันดับ 4 รองจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี 3. CEO UFI (นายไค ฮัทเทนดอฟ กรรมการผู้จัดการและประธานบริหาร สมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก : UFI) องค์กรเจ้าของสถานที่จัดประชุม ศูนย์ประชุม ทั่วโลก ปีนี้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุม UFI แต่ละคนจะมาชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่ประเทศไทยจะต้องเผชิญทั้งปัจจุบันและอนาคต
ส่วนที่ 2 ผู้จัดงานโอลิมปิก 2020 จะมาเล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการจัดงานเป็นอย่างไรบ้าง ก็จะเป็นประโยชน์แก่ผู้จัดงานอีเวนต์ ปี 2562 ทาง TCEB เองกำลังก้าวเข้าสู่การเตรียมป็นเจ้าจัดและชิงงานประมูลเมกะอีเวนต์จากทั่วโลกด้วย ส่วนที่ 3 Customer Oriented ทำอย่างไรกลุ่มลูกค้าในการกำหนดเชิญเข้าร่วมงาน โดยมีกลุ่มผู้นำธุรกิจที่ประสบความเสร็จมาพูดคุยให้ฟัง ได้แก่ 1.นายฐาปน สิริวัฒนภักดี เจ้าของ ผู้ลงทุน ศูนย์ประชุมและโรงแรมของกลุ่มไทยเบฟ 2.นางชฎาทิพย์ จูตระกูล กลุ่มไอคอนสยาม ดูอีเวนต์ระดับโลก ฉายให้เห็นภาพประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร 3.นางศุภจี สุธรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี เรื่อยไปจนถึงการจัดงาน “บุรีรัมย์ โมเดล” โดยลูกชายของอดีตนักการเมืองชื่อดัง เนวิน ชิดชอบ
ขณะนี้เปิดรับสมัครคนเข้าร่วมงาน ได้ประมาณ 500-550 คน ที่โรงแรมพลาซ่า แอทินี่ แต่ก็ยังคงเปิดรับสมัครเต็มที่ได้ไม่เกิน 650 คน เมื่อสิ้นสุดงานนี้หวังผลครอบคลุมทุกด้าน เป็นสัญญาณที่ดีของอุตสาหกรรมไมซ์ที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานทุกภาคส่วน อีกทั้งปี 2563 จะเริ่มเดินหน้าโครงการใหม่ THAILAND MICE CONNECT จะเป็นตลาดกลางนอกจากธุรกิจไมซ์แล้วก็ยังสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์งานด้านอื่น ๆ ได้ด้วย ถือเป็นมิติการสร้าง Ecosystem ในอุตสาหกรรมไมซ์
นายจิรุตถ์กล่าวว่าปี 2563 จะค่อนข้างหนักเพราะ TCEB ต้องร่วมชิงประมูลงานคอนเว็นชั่นมาจัดในไทยต้องใช้เวลาเตรียมหลายปี รวมถึงค่าเงินบาทแข็งก็มีผลต่อการตัดสินอยู่บ้าง แต่การเจาะตลาดสำคัญอย่างอินเดียกลุ่มพรีเมี่ยมก็ต้องทำต่อไป หรือการยืดหยุ่นเรื่องฟรี VISA ON ARRIVAL : VOA ไปจนถึงเมษายน 2563 ช่วยส่งเสริมไมซ์ได้ ประการสำคัญการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่นจะต้องอาศัยรัฐบาลสนับสนุนอย่างจริงจัง หรือโครงการไมซ์ประชารัฐ หากกลุ่มราชการเข้ามาใช้เว็บไซต์ thaitec ก็จะเป็นอีกช่องทางตลาดไมซ์จากหน่วยงานราชการในประเทศเข้ามาเสริมทัพอีกทางด้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ชู4แบรนด์โลกชวนช้อปทุกสาขาในไทย”
กลุ่ม บริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเกมตลาดเชิงรุกตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2562 เป็นต้นไป โดยได้เพิ่มแม่เหล็กดึงดูดนักช้อปคนไทยและนานาชาติเข้ามายังช้อปได้ที่คิง เพาเวอร์ เท่านั้น สาขาทั่วประเทศทั้งร้านค้าดิวตี้ฟรีในเมือง (duty free downtown) ที่รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และ ร้านค้าในสนามบินนานาชาติทั่วประเทศ 3 แห่ง สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และสนามบินภูเก็ต โดยคิง เพาเวอร์ จับมือพันธมิตร 4 แบรนด์โลก COACH, L’OCCITANE , FRESH และแบรนด์แถวหน้าของเมืองไทย PAÑPURI กระตุ้นนักช้อปเพิ่มการใช้จ่ายเงินอย่างคุ้มค่า สร้างรายได้ไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2562 ประกอบด้วย
แบรนด์แรก COACH คิง เพาเวอร์ จับมือกับ COACH ออกแบบกระเป๋าแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ต้อนรับซีซั่น Fall-Winter 2019 ด้วยดีไซน์กระเป๋ายอดฮิตรุ่น Parker สีน้ำเงิน Mist สุดหรู ลุคสุดคูล มีสายโซ่ปรับขนาดให้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ เป็นได้ทั้งกระเป๋าสะพายข้างและกระเป๋าสะพายแบบครอสส์บอดี้ กระเป๋าถือ โดดเด่นด้วยส่วนฝาปิดที่ตัวล็อกกระเป๋าเป็นโลหะรูปเกือกม้าคล้ายตัว C อันเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์กับเสื้อผ้าทุกแนวได้อย่างลงตัว
แบรนที่ 2 L’OCCITANE เป็นผลิตภัณฑ์มาแฮนด์ครีมลิมิเต็ด เอดิชั่น “From Provence to Thailand” ที่เดินทางไกลจากเมืองโพรวองซ์ ฝรั่งเศส มาอวดโฉมอยู่ในคิง เพาเวอร์ เมืองไทย ด้วยแพ็กเกจจิ้งพิเศษที่สร้างสรรค์เฉพาะประเทศไทยเท่านั้นมีให้เลือก 2 เซ็ต ได้แก่ 1.เซ็ตแฮนด์ครีม ขนาด 150ml 2 หลอด และเซ็ตแฮนด์ครีม ขนาด 30ml 5 หลอด พร้อมเอาใจแฟนคลับที่นิยมใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่มีกลิ่นนุ่มนวล เป็นครีมบำรุงผิวมือตัวเองและคนที่คุณรัก พกพาได้ตลอดทุกการเดินทาง สัมผัส
แบรนด์ที่ 3 FRESH แบรนด์ดังผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมีชื่อเสียงจากสหรัฐอเมริกา มีทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ผิวกาย บำรุงริมฝีปากน้ำหอม สบู่ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม รวมถึงผลิตภัณฑ์คอลเลคชั่นที่เหมาะกับสุภาพบุรุษ เป็นที่รู้จักและครองใจคนทั่วโลก เช่น Rose Hydrating Skincare ที่อุดมด้วยส่วนผสมพิเศษจากน้ำมันดอกกุหลาบ Black Tea Age-Delay Skincare ที่นำการฟื้นฟูตามตำรับโบราณมาใช้ดูแลผิวที่มีปัญหาจากวัยสูงขึ้น และ Crème Ancienne Skincare ครีมชะลอปัญหาผิว เชิญชวนมาช้อปแบรนด์ FRESH ได้ที่เปิดเคาเตอร์บริการแล้วตั้งแต่ 17 สิงหาคม 2562 เป็นต้นมา ที่ร้านค้าคิง เพาเวอร์ ในเมือง 2 แห่ง สาขา รางน้ำ และภูเก็ต
แบรนด์ที่ 4 PAÑPURI ไฮไลต์ขณะนี้ได้จัดทำผลิตภัณฑ์ธรรมชาติภายใต้คอนเซ็ปต์ “Clean Hair and Scalp Care” ปัญญ์ปุริ ได้รวมส่วนผสมที่ดีและทรงพลังที่สุดจากธรรมชาติ ปราศจากส่วนผสมอันตราย เพิ่มประสิทธิภาพสร้างสมดุลของหนังศีรษะมากกว่าการบำรุงและฟื้นฟูเส้นผมอย่างล้ำลึกเพียงอย่างเดียว ระหว่างวันนี้ -31 สิงหาคม 2562 ได้เปิด PAÑPURI Pop-up Store คิง เพาเวอร์ ศรีวารี บริเวณทางเข้าชั้น 1 ให้ได้ช้อปกันอย่างจุใจทั้งหมด 3 คอลเลคชั่น ได้แก่ REVIVE, NOURISH และ BALANCE
ข่าวที่ 2 “สมาชิก คิง เพาเวอร์ ช้อปสนุกแบ่งจ่าย 0% สูงสุด 10 เดือน”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ให้นักช้อปได้สนุกกับการซื้อสินค้าที่ชื่นชอบอย่างฉลาดเมื่อช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ ตั้งแต่วันนี้– 31 มีนาคม 2563 สาขาต่าง ๆ ครอบคลุมทั่วเมืองไทยทั้งที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และมหานคร คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และศูนย์ปฏิบัติการ การบินไทย เพียงมี
1.ยอดซื้อสินค้าครบ 10,000 บาท/ใบเสร็จ รับไปเลยสิทธิ์ผ่อนชำระ 0% ต้องเป็นยอดซื้อหลังจากหักส่วนลดต่างๆ (ยอดสุทธิ) ภายในแผนกสินค้าเดียวกัน เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ ตรวจสอบสินค้าเพิ่มเติม ณ จุดขาย สินค้าแผนกสุราและบุหรี่ไม่สามารถร่วมรายการ
2.ยอดซื้อที่เกิดจากการเข้าร่วมโครงการผ่อนชำระ 0% สามารถร่วมรายการส่งเสริมการขายประจำเดือนได้ รวมถึงรายการ CARAT Rewards และการสะสมยอดซื้อเพื่อปรับสถานภาพสมาชิกสามารถใช้ร่วมกับส่วนลดสำหรับสมาชิก คิง เพาเวอร์
3.รายการ Birthday Celebrations ไม่สามารถร่วมรายการ ยกเว้น บัตรเครดิตไทยพาณิชย์ สามารถร่วมรายการ และผ่อนชำระได้ 3 เดือน
ข่าวที่ 3 “ททท.หัวหินนำโรงแรม-ร้านอาหารลด50%ตลอดก.ย.62
นางสาวโศรยา หอมชื่น ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้จัดทำ “โครงการ Amazing Hua Hin 2019” โดยร้านค้า โรงแรม พร้อมใจกันลดสูงสุดทั้งเมือง 50 % ตลอดกันยายน 2562 ระหว่าง 1-30 กันยายน นี้ กระตุ้นรายได้เที่ยวหน้าฝน โดยมีภาคธุรกิจท่องเที่ยวในอำเภอหัวหิน และพื้นที่ใกล้เคียง ที่มีความหลากหลายเข้าร่วมกว่า 30 ราย ทั้งกลุ่มโรงแรมระดับห้าดาว บูติค โรงแรมขนาดเล็ก ร้านอาหาร และของที่ระลึก มอบส่วนลด 10-50 % กิมมิกดึงดูดความสนใจคือการแจก Surprise Gift ของที่ระลึก นักท่องเที่ยว 1,000 คนแรก ที่จองตรงกับโรงแรมร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการ หลังจากเช็คอินเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว แจ้งโค้ด “Amazing Hua Hin” และลงทะเบียนผ่าน QR CODE ก็ได้สิทธิ์นี้ตามกติกา
สามารถดาวโหลดสถานประกอบการ ที่เข้าร่วมโครงการ ได้ที่ Facebook Fan Page : TAT PRACHUAP หรือ สอบถาม ททท. ประจวบคีรีขันธ์ เปิดบริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด 8.30-16.30 น. โทรศัพท์ 032-513-885
ข่าวที่ 4 “บางจากชวนคนไทยร่วมโปรเจ็กต์ลดขยะต้นทาง”
ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เรื่องของมาเรียมได้กลายเป็นวาระแห่งชาติ ผมว่าเป็นเรื่องดีที่คนออกมาพูดถึงผลกระทบที่เกิดจากพลาสติกกันมากขึ้น แต่ก่อนเราพูดถึงนกและเต่าตายเพราะกินพลาสติก วันนี้มีปลาพะยูนตายเพราะพลาสติก แล้วจะทำยังไงกันต่อไป แต่ละปี มีขยะพลาสติกไหลลงสู่ทะเลกว่า 8 ล้านตันทั่วโลก และประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตขยะพลาสติกลงทะเลติดอันดับหนึ่งใน 5 ของโลก
บางจากจึงขอเชิญชวนมาร่วมลดขยะต้นทางด้วยกัน ตลอดที่ผ่านมาบางจากพยายามเปลี่ยนและสื่อสารเรื่องนี้ ปลูกจิตสำนึกเรื่องปัญหาเรื่องพลาสติกมาโดยตลอด เพื่อจะช่วยกันลดการใช้ทรัพยากรและลดขยะต้นทางในธุรกิจต่างๆ ของกลุ่มบริษัทฯ พนักงานของเรา ช่วยกันดูแลเรื่องนี้ทั้งในการทำงานและชีวิตประจำวัน เช่น ลดการใช้กระดาษพิมพ์งาน ใช้กระดาษ 2 หน้า ทำระบบเอกสารให้เป็นอิเลคโทรนิคส์ให้มากที่สุด ถ้าจะจัดกิจกรรม จัดงานต่างๆ ก็ลดพลาสติก ใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ ใช้ซ้ำพลาสติกที่ยังใช้ได้
บางจากรณรงค์แยกขยะในทุกๆ พื้นที่ ที่สำนักงานของเราในตึกเอ็ม ทาวเวอร์ พนักงานจะไม่มีถังขยะส่วนตัว เพื่อให้แยกขยะทิ้งที่ส่วนกลาง เราส่งเสริมพนักงานให้ใช้แก้วส่วนตัวแทนการใช้แก้วที่ใช้แล้วทิ้ง มีนโยบาย zero foam ลดการใช้หลอด งดใช้ถุงพลาสติกในห้องอาหารพนักงาน ส่วนกล่องเครื่องดื่มที่ใช้แล้ว
ตอนนี้เราก็มีกิจกรรม “บางจากร่วมใจรีไซเคิลกล่องยูเอชทีเป็นหลังคาเขียว” เชิญชวนให้พนักงานในกลุ่มส่งกล่องเครื่องดื่มยูเอชทีที่บริโภคแล้วไปร่วมรีไซเคิลกับโครงการหลังคาเขียวเพื่อมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งภา(ฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ส่วนของสินค้าที่เสนอขาย ก็ให้ความสำคัญเรื่องการลดขยะ
ที่ร้านกาแฟอินทนิล เปลี่ยนจากแก้วพลาสติกธรรมดามาใช้แก้วพลาสติกจากผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ย่อยสลายได้ ฝาก็เปลี่ยนมาเป็นแบบยกดื่ม ไม่ต้องใช้หลอด ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แก้วและฝานี้เราก็นำไปใช้ใส่น้ำส้มและน้ำอ้อยคั้นสดที่ร้านสะดวกซื้อสพาร์ด้วย
ข่าวที่ 5 “TCEBปลื้ม5องค์กรต่อยอดไมซ์เพื่อชุมชนเศรษฐกิจฐานรากรุ่ง
ในเวทีการจัดงานของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” กับ กรมส่งเสริมสหกรณ์ โครงการ “ไมซ์เพื่อชุมชน” จัดกิจกรรม “เปิดมิติใหม่ อุตสาหกรรมไมซ์” เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2562 พร้อมทั้งได้จัดเสวนา “การพัฒนาชุมชนสำหรับตลาดไมซ์อย่างยั่งยืน” โดยได้รับการประสานเสียงจากเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จากทั้ง 5 องค์กรเด่น ๆ ถึงความสำเร็จที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการไมซ์ชุมชน และกำลังยกระดับเพิ่มจุดขายให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นบริษัท ห้างร้าน กลุ่มจัดประชุมสัมมนา (meeting) และจัดการเดินทางท่องเที่ยวฟรีเพื่อเป็นรางวัล (incentive) หันมาเลือกใช้พื้นที่จัดประชุมในสหกรณ์ทั่วประเทศ พร้อมทั้งอุดหนุนสินค้าท้องถิ่น กระจายรายได้สู่ชุมชนทั่วประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความมั่งคั่ง ทำให้เศรษฐกิจฐานรากเกิดความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย
1.สหกรณ์โคเนื้อกำแพงแสน จ.นครปฐม 2.สหกรณ์นิคมชุมชนแสงจันทร์ จำกัด จ.ระยอง 3.สมาคมท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดกระบี่ 4.การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 5.เว็บไซต์ Wongnai
นายสันติ ขจรเวชไพศาล ประธานสหกรณ์นิคมชุมชนแสงจันทร์ จำกัด จ.ระยอง กล่าวว่า ได้จัดระบบบริการกลุ่มไมซ์ที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่ โดยมีบริการพาชมสวนเมลล่อน สวนผลไม้ สวนยาง แต่ละครั้งจะเชิญชวนสมาชิกนำผลิตภัณฑ์ที่ปลูกในท้องถิ่นมาวางขาย โดยเฉพาะสินค้าขึ้นชื่อคือปลาทับทิมเลี้ยงในอ่างน้ำประแสร์ ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวในเมืองไทยสามารถทำราคาขายได้ 80 บาท/กิโลกรัม สูงกว่าตลาดทั่วไปขายเพียง 75 บาท/กิโลกรัม เนื่องจากรสชาติและคุณภาพดีกว่าเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคพร้อมควักเงินจ่าย ตลอดปีที่ผ่านมาสมาชิกสามารถทำยอดขายรวมได้มากถึง 20 ล้านบาท
ปี 2562 จึงต่อยอดปลาทับทิมสีปลาคราฟ นำเมนูอาหารแบบผสมผสาน โดยทำปลาทับทิมย่างเกลือมีน้ำจิ้มเผ็ดผสมเมล่อนซึ่งเป็นผลไม้ที่ปลูกในสหกรณ์ผนวกเข้าไปด้วย ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก จากนี้ไปกำลังต่อยอดโดยดึงสมาชิกเข้ามามีส่วนร่วมให้บริการไมซ์ชุมชนกับการท่องเที่ยวแบบครบวงจร พาชมสวน ดูการเลี้ยงปลา แล้วก็พาท่องเที่ยวทะเล ด้วย
นายสันติย้ำว่าก่อนและหลังเข้าร่วมโครงการ “ไมซ์เพื่อชุมชน” ของ TCEB เห็นความแตกต่างชัดเจนเรื่องรายได้เพิ่มขึ้น และสมาชิกมีความสามัคคีสนิทสนมกลมเกลียวกันในการมีส่วนร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยกัน
นายชาญฤทธิ์ เพิ่มทรัพย์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ลักษณะโครงสร้างของชุมชนกับสหกรณ์มีความเหมือนกันตรง 4 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การรวมกันของคนในชุมชน 2.ต่อยอดสินค้าสู่ความยั่งยืน 3.ทำธุรกิจเพื่อสังคม 4.ทำการผลิตสินค้าหลายมิติ เพื่อป้องกันกลุ่มทุนใหญ่เข้ามา หัวใจสำคัญที่ยิ่งใหญ่พอชุมชนเป็นเจ้าของพื้นที่ทำทุกอย่างเองก็จะมีความหวงแหน จึงหันมาช่วยกันใช้ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นอย่างระมัดระวัง แตกต่างจากนายทุนที่มุ่งไปเอาประโยชน์เพียงอย่างเดียว แถมทิ้งปัญหาขยะล้นเมืองไว้ด้วย
ส่วนไมซ์เพื่อชุมชนเป็นโครงการที่สามารถเข้าไปช่วยท้องถิ่นได้หลายมิติ โดยเฉพาะผู้ที่เข้าไปจัดประชุมหรือจัดท่องเที่ยวฟรีเพื่อเป็นรางวัลนำคนเข้าไปดูวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนแล้วเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยมีขนาดพอเหมาะกับพื้นที่มีตั้งแต่กลุ่มละ 10 คน หรือมากกว่านี้ ตามขีดความสามารถการรองรับของแต่ละชุมชน ซึ่งเป็นแนวทางการสร้างประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืนได้จริง
ช่วงที่ 2 สถานที่ดีดีในพัทยาสไตล์สถาปัตยกรรมชุมชนดั้งเดิม “บ้านชากแง้ว” อำเภอบางละมุง เป็นอีกแห่งที่มีความมหัศจรรย์น่าค้นหาถึงรากวัฒนธรรมที่มีมานับร้อยปีของชาวจีนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในเมืองไทย ทุกวันนี้เป็นแหล่งของกินอร่อย สถาปัตยกรรมสวยงาม อารยธรรมยั่งยืน ส่วนเรื่องสุขภาพใกล้ตัวมาก “แค่กินปลาทู” ก็ป้องกันโรคต่าง ๆ ได้เพียบ ส่วนข่าว “ศึกชิงสนามบินกระบี่” ระหว่างกรมท่าอากาศยานกับ บมจ.ท่าอากาศยานไทย เริ่มยกแรกมันหยด และ “บางกอกแอร์” เทโปรตั๋วบินในประเทศและทั่วโลกเหลือต่ำสุด 4,000 บาท ไปช้อปกันได้ใน “ไทยเที่ยวไทย” 29 ส.ค.-1 ก.ย.นี้ที่ไบเทค บางนา
@เที่ยวชากแง้วกินของอร่อยชมอารยธรรมจีนยั่งยืน
มุมเที่ยวเมืองชายทะเลพัทยา จังหวัดชลบุรี หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่า จะมีการท่องเที่ยวชุมชนชาวจีนโบราณ “ตลาดชากง้าว” ในบางละมุง ซึ่งเป็นอำเภอสุดท้ายเขตรอยต่อพัทยามุ่งสู่ระยอง คนในชุมชนชากแง้วภูมิใจกับมรดกตกทอดของบรรพบุรุษที่ได้สร้างอาคารเรือนสะท้อนคุณค่าทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์จีนโดยแท้ ทั้ง เหล่าเต๊ง ระเบียง ช่องลม ประตูบางเซี้ยน โดนใจนักท่องเที่ยวไทยและยุโรป ซึ่งคนในชุมชนรวมตัวกันนำพื้นที่บริเวณตลาดแห่งนี้ เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างจริงจัง 4 ปีที่ผ่านมา โดยใช้หน้าบ้านของตนเองนำสินค้าชุมชนมาวางขาย พร้อมกับให้ได้ชื่นชมสถาปัตยกรรมแนวจีนอันงดงาม ได้ทุกวันเสาร์ 15.00 - 21.00 น. ใช้พื้นที่ทางยาวให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกว่า 300 หลังคาเรือน จากทั้งหมดราว 1,000 หลัง
ส่วนใหญ่นิยมขายอาหารการกินแบบจีนแต้จิ๋ว ของกินขึ้นชื่อคือ “บะจ่าง” มีอยู่ 4 ร้านหลัก กับอาหารชนิดอื่น ๆ เช่น กะลอจี้ หอยจ้อ (หมู ปู มังสวิรัติ) ก๊วยบะ กระเพาะปลา ของหวานส่วนใหญ่เป็นขนมไทย เช่น ขนมเต่า ขนมขี้หนู ภายในชุมชนมีกิจกรรมสำคัญอีกอย่างคือ การอัญเชิญอาม่าโดยเกี้ยวมาประทับที่โรงงิ้ว ใน 3 เทศกาล คือ วันประทับทรง วันเกิด และเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งผู้คนชื่นชอบมาบ้านเรา เพราะยังคงอนุรักษ์การไหว้ในแนวดั้งเดิมได้เป็นอย่างดี มีไฮไลต์ “ศาลเจ้าแม่ทับทิม” สร้างมายาวนานตั้งแต่ปี 2455 พอชาวจีนมีเงินทองมากขึ้นจึงช่วยกันถาวรเมื่อปี 2508 อัตลักษณ์อันโดดเด่นของชุมชน
ปัจจุบันตลาดชากแง้วสามารถสร้างรายได้ให้คนในชุมชนจากนักท่องเที่ยวเดินทางเพิ่มขึ้นทุกปีราว 30 – 40 % ช่วงสงกรานต์จะมีผู้คนแห่แหนกันไปเที่ยวมากสุดทุกปี แถมยังยึดโยงให้ลูกหลานของชุมชนชาวตลาดที่เคยมาเรียนอยู่กรุงเทพฯ ทยอยกลับมาทำหากิน มาร่วมรังสรรค์กิจกรรมดี ๆ ให้ชุมชนเพิ่มขึ้นด้วย พลิกโฉมความเป็นมาในอดีตของชุมชนชากแง้ว ทว่าก็ยังคงเป็นชุมชนที่มีเรื่องเล่าถึงความสำเร็จ ที่ยังคงเห็นร่องรอยดั้งเดิมเคยเป็นป่าและพื้นที่สำคัญแห่งวิถีการทำเกษตรกรรม ปลูกไร่มันสำปะหลัง ไร่อ้อย มีแรงงานจากภาคกลางและอีสานเข้ามารับจ้างทำ
ต่อมาคนจีนทั้งหอบเสื่อผืนหมอนใบ หรือบางกลุ่มพอจะมีเงินทอง ชวนกันมาทำงานทำไร่เหมือนกันแล้วก็ชักชวนบอกต่อ ๆ กัน ด้วยคนจีนมีความขยันขันแข็งก็เก็บเล็กผสมน้อยกระทั่งมีเงินมากขึ้น จึงจับจองซื้อที่ดินทำไร่ และโดยพื้นฐานคนจีนชอบอยู่กันเป็นกลุ่มก้อน เป็นชุมชน จากการยึดอาชีพการทำเกษตรกรรม ก็ค่อย ๆเปลี่ยนเป็นธุรกิจการค้า จนกลายเป็น “ตลาดชากแง้ว” โดยมีจีนเชื้อสายแต้จิ๋วเป็นผู้บุกเบิกจนท้องถิ่นเติบโตกลายเป็นชุมชนเข้มแข็ง มั่งคั่ง ยั่งยืน
ทุกวันนี้ มีทั้งชาวไทยกลุ่มครอบครัวในพื้นที่ใกล้เคียงรอบภาคตะวันออก ชาวมาเลเซีย ยุโรป นิยมมาเที่ยว มากินอาหารจีนแต้จิ๋วต้นตำรับ ของชาวชุมชนชากแง้ว พร้อมกับดื่มด่ำวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตท้องถิ่น อันทรงคุณค่า ครองใจนักท่องเที่ยวไว้ได้อย่างไม่เสื่อมคลาย
@ชอบกินปลาทูให้ประโยชน์สุขภาพ5อย่าง
ปลาทูเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่คนไทยนิยมนำไปประกอบอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ทอด ต้ม ปิ้ง เป็นต้น นอกจากจะเป็นอาหารที่คนไทยชื่นชอบแล้ว หลายคนจะรู้หรือไม่ว่า ปลาทูนั้น มีประโยชน์มากมายที่ควรรู้ ปลาทูจัดอยู่ในกลุ่มปลาที่มีไขมันต่ำ มีไขมันน้อยกว่าหรือเท่ากับ 4 กรัมต่อเนื้อ 100 กรัม ส่วนปลาทูมีข้อดีอย่างไรบ้างไปดูกันเลย
1 โปรตีนสูง ปลาทูเป็นแหล่งที่ดีของโปรตีน ที่ย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ อย่างเนื้อหมูหรือเนื้อวัว อีกทั้งปลาทู100 กรัมมีโปรตีนอยู่ถึง 24.9 กรัม ร่างกายก็จะนำไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตตามวัยด้วย
2 บำรุงประสาทและสมอง ในปลาทูมีทั้งไอโอดีนและกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายคือโอเมก้า 3 ค่อนข้างมาก และมีกรดไขมัu DHA ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบประสาทและสมอง โดยเฉพาะสมองในส่วนการเรียนรู้และจดจำ
3 ช่วยลดไขมันตัวร้ายในเลือด ปลาทูมีกรดไขมัuชนิด PUFA หรือกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง มีสรรพคุณช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือด อีกทั้งกรดไขมัu EPA กลุ่มโอเมก้า 3 มีคุณสมบัติช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดและลดไตรกลีเซอร์ไรด์ ป้องกันสาเหตุภาวะไขมันอุดตันเส้นเลือด
4 ป้องกันโรคซึมเศร้า ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด พบว่า กรดไขมันโอเมก้า 3ที่จำเป็uต่อการทำงาuของระบบประสาทและสมอง และการขาดกรดไขมัuชนิดนี้ อาจเป็นสาเหตุของโรคซึมเศร้าและโรคสมาธิสั้uได้ โดยเฉพาะในเด็กวัยกำลังเรียนรู้ หากขาดกรดไขมันโอเมก้า 3 อาจมีพัฒนาการด้านการอ่าน-เขียนค่อนข้างช้ากว่าวัยเดียวกัน ที่ได้รับกรดไขมัuโอเมก้า 3 ในปริมาณที่เพียงพอ
5 ร่างกายได้รับวิตามินที่หลากหลาย จากข้อมูลคุณค่าทางโภชนาการของปลาทูส่วนที่กินได้ในปริมาณ 100 กรัม ให้แร่ธาตุ วิตามิน และคุณค่าทางสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลากหลายชนิด ทั้งธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 1 บี 2 กรดไขมันจำเป็น ไนอะซิน สำคัญต่อการทำงานของร่างกาย ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมองให้ควบคุมการทำงาuของอวัยวะทุกส่วนในร่างกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “ทย-ทอท.เปิดศึกชิงขุมทรัพย์สนามบินกระบี่
กรมท่าอากาศยาน (ทย.) รายงานว่า ไม่เห็นด้วยที่รัฐจะให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวต่อสาธารณะที่โอนสนามบินกระบี่ไปบริหารเอง เพราะจะส่งผลให้กรมท่าอากาศยานมีปัญหาการบริหารจัดการและซ่อมแซมบำรุงรักษาในอีก 24 ท่าอากาศยานที่เหลือ เนื่องจากปี 2561 กรมมีรายได้จากสนามบินทั้ง 28 แห่ง รวม 852,466,789 บาท รายได้หลักมาจากกระบี่ 469,408,760 บาท คิดเป็น 55.05%
ปีงบประมาณ 2563 ทย. ขอรับเงินก่อสร้างทางขับของกระบี่อีกกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งคาดหวังจะนำรายได้ที่จัดเก็บเข้ากองทุนหมุนเวียนของกรม โดยอยู่ในระหว่างจัดทำโครงสร้างเงินทุนหมุนเวียนเพื่อปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการพึ่งพางบประมาณรัฐลงปีละ 1000 ล้านบาท และใช้แก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนของผู้โดยสารในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่เพียงพอ
ค่าใข้จ่ายส่วนใหญ่เป็นด้านการบริหารจัดการและซ่อมแซมบำรุงรักษา เช่น จ้างพนักงานให้เพียงพอเนื่องจาก ข้าราชการ และ ลูกจ้างประจำ มีกรอบอัตรากำลังจำกัด การซ่อมบำรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ลิฟท์ บันไดเลื่อน สายพานลำเลียงซึ่งมีข้อขัดข้องไม่สามารถตั้งงบประมาณไว้ล่วงหน้าได้
ข่าวที่สอง “บางกอกแอร์เทโปรตั๋วโปรงานไทยเที่ยวเที่ยวต่ำสุด4พัน”
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จัดโปรโมชั่นตั๋วโดยสารราคาพิเศษทุกเส้นทางในและต่างประเทศในงาน "ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 52 เปิดขายระวห่าง 29 สิงหาคม – 1 กันยายน 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
เริ่มจากตั๋วบินในประเทศ ไป-กลับ
1.กรุงเทพฯ-เกาะสมุย 4,000 บาท (ราคารวมทุกอย่างแล้ว) เดินทางได้ตั้งแต่วันนี้-16 ธันวาคม นี้
2.กรุงเทพฯ ปลายทาง เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง สุโขทัย ภูเก็ต และกระบี่ ราคาเริ่มต้นเที่ยวละ 1,200 บาท (ราคารวมทุกอย่างแล้ว) 3.กรุงเทพฯ-ตราด เชียงใหม่-กระบี่ เชียงใหม่-ภูเก็ต ราคาเริ่มต้นเที่ยวละ 1,590 บาท (ราคารวมทุกอย่างแล้ว) เดินทางได้ ตั้งแต่วันนี้- 31 มีนาคม 2563
โปรโมชั่นตั๋วบินต่างประเทศ ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เวียดนาม แต่ละเมืองด ได้แก่ ดานัง ฟู้โกว๊ก ญาจาง ราคาไป-กลับ 4,960 บาท (ราคารวมทุกอย่างแล้ว) กรุงเทพฯ-กัมพูชา เมือง เสียมราฐ พนมเปญ สีหนุวิลล์ ราคาไป-กลับ 5,210 บาท (ราคารวมทุกอย่างแล้ว) กรุงเทพฯ - มัลดีฟส์ ราคาไป-กลับ 12,160 บาท (ราคารวมทุกอย่างแล้ว) เดินทางได้ ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคม 2563 โทรสอบถามโปรโมชั่นทั้งหมดได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1771 ตลอด 24 ชั่วโมง
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.97.0
เปิดเวทีTHAILAND MICE FORUMกระหึ่ม29ส.ค.นี้
คิงเพาเวอร์ผนึก4แบรนด์โลกชวนไปช้อปคุ้มค่าทั่วไทย
สมาชิก!!คิงเพาเวอร์ช้อปสนุกอย่างฉลาดแบ่งจ่าย0%
ททท.หัวหินอัดโปรอะเมซิ่งลดกระหน่ำ50%ตลอดก.ย.
บางจากทำโปรเจ็กต์ร่วมลดขยะพลาสกติกตั้งแต่ต้นทาง
TCEBปลื้ม 5 องค์กรต่อยอดไมซ์เพื่อชุมชนเศรษฐกิจรุ่ง
เที่ยวชุมชนชากแง้วกินกันตัวแตกทึ่งอารยธรรมยั่งยืน
หันมากินปลาทูแล้วจะรู้ว่ามหัศจรรย์ป้องกันสารพัดโรค
จับตาศึก“ทย.-ทอท.”ชิงขุมทรัพย์บริหารสนามบินกระบี่
บางกอกแอร์ใจป้ำเทโปรตั๋วลดกระหน่ำ29ส.ค.-1ก.ย.
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #TATDIGITAL #SHOPEETATMALL #CHATBOTน้องสุขใจ #เที่ยวชุมชนชากแง้ว
ช่วงที่ 1 “จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ผู้นำ “TCEB” เปิดก้าวใหม่การตลาดอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศก้าวสู่เทรนด์ใหม่ B ot B ยกระดับการจัดงานซื้อขายล็อตใหญ่มูลค่าหลักสิบถึงร้อยล้าน ไฮไลต์ 29 สิงหาคม นี้ เปิดเวที THAILAND MICE FORUM 2019 เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่จะมีผู้นำอุตสาหกรรมไมซ์ของโลก 3 องค์กร “SITE-ICCA-UFI” ลัดฟ้ามาชี้เป้าให้ผู้ประกอบการไทย ส่วนกลุ่มทุนใหญ่ไทย “ฐาปนะ สิริวัฒนภักดี-ชฎาทิพย์ จูตระกูล-ศุภจี สุพันธุ์ธรรม” ขึ้นเวทีแนะไมซ์ไทยชิงส่วนแบ่งตลาดโลก
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์เพิ่มความเข้มข้นการทำตลาดไมซ์ในประเทศ โดยใช้โครงการ “ไมซ์เพื่อชุมชน” ซึ่งจัดต่อเนื่องขึ้นปีที่ 2 เมื่อ 22 สิงหาคม 2562 ได้จัดเปิดงาน “มิติใหม่ อุตสาหกรรมไมซ์” ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เป้าหมายสำคัญ ได้แก่ 1.ต้องการสร้างโมเดลต้นแบบการทำงานเชิงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ 2.การจัดหาสินค้าท้องถิ่นโอท็อปอยู่ใน catyglory เรียบร้อยแล้วในการลงนามกับกรมการพัฒนาชุมชนและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สมาคมจัดประชุมนานาชาติ (ICCA) 3.โปรโมตสินค้าและจัดทำเส้นทางไมซ์บุกเบิกพื้นที่แรกในภาคเหนือลำดับแรกเป็นโครงการนำร่องเพราะมีศํกยภาพความพร้อมด้านไมซ์ โดยมีคณะกรรมการอุตสาหกรรมการจัดแสดงสินค้าแห่งประเทศไทย คือ M TEX : M POWER THAILAND EXHIBITION ขับเคลื่อนโดยมีทีม M-POWER เป็นกำลังหนุนไมซ์ทุกด้านประกอบด้วยกระทรวงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงมหาดไทย พาณิชย์ ดิจิตอล และอื่น ๆ รวมทั้งมีภาคเอกชน หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมจัดแสดงสินค้า (TEA) เพื่อทำเป็นเอ็กซิบิชั่นให้ได้
แนวทางต่อไป TCEB วางแผนสนับสนุนแบ่งเป็น 2 ระดับ ได้แก่
ระดับที่ 1 งานไมซ์ที่มีอยู่แล้วก็จะเข้าไปเปิดเพิ่มให้มีเวทีการเจรจาธุรกิจ Business to Business : BtoB โดย TCEB จะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในการนำผู้ซื้อผลิตภัณฑ์เป็น Alotment ครั้งละจำนวนมาก ๆ เพื่อนำสินค้าไปขายต่อไป เช่น งาน World Halal จัดที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดช่วงกันยายน นี้ TCEB ร่วมกับมหาวิทยาลัย ชุมชน โดยมีกรมพัฒนาชุมชนคัดเลือกสินค้ามาวางจำหน่าย ที่สำคัญทาง TCEB การซื้อขายช่วงมีงานโอท็อปส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไปเดินเข้ามาซื้อสินค้า แต่งานนี้จะต่างจากเดิมคือมีกลุ่มธุรกิจรายใหญ่เข้าไปพูดคุยเพื่อสั่งซื้อเป็น Alotment เหมือนเมื่อช่วงที่ผ่านมาในงานโอท็อปเมืองทองธานี สถิติเปิดพื้นที่ BtoBรายเดียวสั่งซื้อน้ำมันพืชจากชุมชนมูลค่าสูงถึง 33 ล้านบาท จะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป
ระดับที่ 2 จะร่วมกับ TEA คัดเลือกงานที่สามารถยกระดับเป็นงาน Convention และ Exhibition ภารกิจนี้จะต้องอาศัยความร่วมมือจากเอกชนเป็นหลัก คัดเลือกงานจัดเวทีเปิดการเจรจาธุรกิจภายในงานตามรูปแบบ B to B เป็นอีกแผนที่จะอย่างจริงจังปี 2563 เป็นต้นไป เช่น งานแฟรนไชส์กาแฟ หรือโปรดักซ์เซรามิก ปาล์ม จะพัฒนาเป็นคอนเว็นชั่นและเอ็กซิบิชั่นที่มี B to B จริง ๆ ไม่ใช่นับเพียงจำนวนคนเดินเยี่ยมชมงานเพียงอย่างเดียว รวมทั้งจะคัดสรรสินค้าพร้อมเข้าสู่ตลาดในลักษณะดังกล่าวด้วย เพื่อสร้างมูลค่าการขายสินค้าชุมชนเติบโตเพิ่มขึ้น การสร้างเครือข่ายกลุ่มผู้ซื้อ ที่ผ่านมาในช่วงแรกพึ่งพาจากทางหอการค้านำสมาชิกเข้ามาเจรจาธุรกิจ กำลังคัดสรรสินค้าหลักประมาณ 3-4 กลุ่ม เมื่อคัดเลือกมาแล้วก็จะมาดูกลุ่มผู้ขายในชุมชนมาเจรจากับกลุ่มผู้ซื้ออาจจะมาจากท้องถิ่นและระดับประเทศ ซื้อไปแปรรูปหรือขายต่อไป
จากนั้นก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ MTEX โดยทำหน้าที่เป็นแกนประสานสร้างตลาดกลางหรือ Market Place ขึ้นมาโดยมีทุกกระทรวงร่วมทำงานอยู่ด้วย เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีโปรดักซ์ กระทรวงพาณิชย์มีตลาดระบายสินค้า นายจิรุตถ์กล่าวว่าเป้าหมายการเติบโตนั้นจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดจะขยายเพิ่มได้อีกปีละกี่เปอร์ หลังจากสร้างโมเดลนำกลยุทธ์พัฒนาตลาดไมซ์ทั้ง 2 ระดับทั้งเวทีการจัดงานขายสินค้าชุมชนสู่กลุ่มผู้บริโภค ( Business to Consumer : B to C) และ กลุ่มผู้ขายสู่กลุ่มตลาดธุรกิจ Business to Business : B to B ได้เริ่มจัดขายเครื่องจักร จัดปีแรกที่นครราชสีมา ได้ยอดขายมูลค่าครั้งละประมาณ 570 ล้านบาท หรือ Lanna World Expo ยังเป็นงาน B to C ที่จะส่งเสริมต่อไป
ส่วนงานที่มีความเป็นไปได้ที่จะยกระดับเป็น เซรามิก ยาง เป็น B to B ต้องพิจารณาองค์ประกอบหลักเพิ่มคือ มีเจ้าภาพในพื้นที่ชัดเจนผนวกกับผลการศึกษาความเป็นไปได้
นายจิรุตถ์อธิบายว่า วันที่ 29 สิงหาคม 2562 TCEB เตรียมจัดงาน THAILAND MICE FORUM 2019 จัดเป็นปีที่ 3 ตั้งเป้าให้เป็นเวทีสร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์ธุรกิจไมซ์ เดิมเคยแยกจัดเป็น Convention Day มีผู้ซื้อ ผู้ขาย เป็นองคาพายพ ภายในงานนี้จึงได้จับมารวมไมซ์ครบทั้ง 4 กลุ่ม Meeting-Incentive-Convention-Exhibition ตอนนี้ภาคธุรกิจเริ่มหลั่งไหลเข้ามาและร่วมมือกันเพิ่มมากขึ้น การจัดงานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อผู้ประกอบการไมซ์จะเป็นเวทีสำคัญต่อทั้งอุตสาหกรรม ประกอบด้วย
ส่วนที่ 1 จะมีผู้บริหารระดับประเทศ และได้เชิญประธานจาก 3 อุตสาหกรรมมาร่วมเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ที่เชิญแถวหน้าของโลก 3 อุตสาหกรรมหลัก Meeting-Incentive-Exhibition ได้แก่ 1.ประธานของ SITE เจ้าตลาด Meeting Incentive ที่ทั่วโลกยอมรับ 2.CEO ICCA สมาคมจัดอันดับการประชุมนานาชาติโลก ซึ่งปีนี้ไทยได้รับการจัดอันดับ 4 รองจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี 3. CEO UFI (นายไค ฮัทเทนดอฟ กรรมการผู้จัดการและประธานบริหาร สมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก : UFI) องค์กรเจ้าของสถานที่จัดประชุม ศูนย์ประชุม ทั่วโลก ปีนี้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุม UFI แต่ละคนจะมาชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่ประเทศไทยจะต้องเผชิญทั้งปัจจุบันและอนาคต
ส่วนที่ 2 ผู้จัดงานโอลิมปิก 2020 จะมาเล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการจัดงานเป็นอย่างไรบ้าง ก็จะเป็นประโยชน์แก่ผู้จัดงานอีเวนต์ ปี 2562 ทาง TCEB เองกำลังก้าวเข้าสู่การเตรียมป็นเจ้าจัดและชิงงานประมูลเมกะอีเวนต์จากทั่วโลกด้วย ส่วนที่ 3 Customer Oriented ทำอย่างไรกลุ่มลูกค้าในการกำหนดเชิญเข้าร่วมงาน โดยมีกลุ่มผู้นำธุรกิจที่ประสบความเสร็จมาพูดคุยให้ฟัง ได้แก่ 1.นายฐาปน สิริวัฒนภักดี เจ้าของ ผู้ลงทุน ศูนย์ประชุมและโรงแรมของกลุ่มไทยเบฟ 2.นางชฎาทิพย์ จูตระกูล กลุ่มไอคอนสยาม ดูอีเวนต์ระดับโลก ฉายให้เห็นภาพประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร 3.นางศุภจี สุธรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี เรื่อยไปจนถึงการจัดงาน “บุรีรัมย์ โมเดล” โดยลูกชายของอดีตนักการเมืองชื่อดัง เนวิน ชิดชอบ
ขณะนี้เปิดรับสมัครคนเข้าร่วมงาน ได้ประมาณ 500-550 คน ที่โรงแรมพลาซ่า แอทินี่ แต่ก็ยังคงเปิดรับสมัครเต็มที่ได้ไม่เกิน 650 คน เมื่อสิ้นสุดงานนี้หวังผลครอบคลุมทุกด้าน เป็นสัญญาณที่ดีของอุตสาหกรรมไมซ์ที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานทุกภาคส่วน อีกทั้งปี 2563 จะเริ่มเดินหน้าโครงการใหม่ THAILAND MICE CONNECT จะเป็นตลาดกลางนอกจากธุรกิจไมซ์แล้วก็ยังสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์งานด้านอื่น ๆ ได้ด้วย ถือเป็นมิติการสร้าง Ecosystem ในอุตสาหกรรมไมซ์
นายจิรุตถ์กล่าวว่าปี 2563 จะค่อนข้างหนักเพราะ TCEB ต้องร่วมชิงประมูลงานคอนเว็นชั่นมาจัดในไทยต้องใช้เวลาเตรียมหลายปี รวมถึงค่าเงินบาทแข็งก็มีผลต่อการตัดสินอยู่บ้าง แต่การเจาะตลาดสำคัญอย่างอินเดียกลุ่มพรีเมี่ยมก็ต้องทำต่อไป หรือการยืดหยุ่นเรื่องฟรี VISA ON ARRIVAL : VOA ไปจนถึงเมษายน 2563 ช่วยส่งเสริมไมซ์ได้ ประการสำคัญการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่นจะต้องอาศัยรัฐบาลสนับสนุนอย่างจริงจัง หรือโครงการไมซ์ประชารัฐ หากกลุ่มราชการเข้ามาใช้เว็บไซต์ thaitec ก็จะเป็นอีกช่องทางตลาดไมซ์จากหน่วยงานราชการในประเทศเข้ามาเสริมทัพอีกทางด้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ชู4แบรนด์โลกชวนช้อปทุกสาขาในไทย”
กลุ่ม บริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเกมตลาดเชิงรุกตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2562 เป็นต้นไป โดยได้เพิ่มแม่เหล็กดึงดูดนักช้อปคนไทยและนานาชาติเข้ามายังช้อปได้ที่คิง เพาเวอร์ เท่านั้น สาขาทั่วประเทศทั้งร้านค้าดิวตี้ฟรีในเมือง (duty free downtown) ที่รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และ ร้านค้าในสนามบินนานาชาติทั่วประเทศ 3 แห่ง สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และสนามบินภูเก็ต โดยคิง เพาเวอร์ จับมือพันธมิตร 4 แบรนด์โลก COACH, L’OCCITANE , FRESH และแบรนด์แถวหน้าของเมืองไทย PAÑPURI กระตุ้นนักช้อปเพิ่มการใช้จ่ายเงินอย่างคุ้มค่า สร้างรายได้ไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2562 ประกอบด้วย
แบรนด์แรก COACH คิง เพาเวอร์ จับมือกับ COACH ออกแบบกระเป๋าแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ต้อนรับซีซั่น Fall-Winter 2019 ด้วยดีไซน์กระเป๋ายอดฮิตรุ่น Parker สีน้ำเงิน Mist สุดหรู ลุคสุดคูล มีสายโซ่ปรับขนาดให้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ เป็นได้ทั้งกระเป๋าสะพายข้างและกระเป๋าสะพายแบบครอสส์บอดี้ กระเป๋าถือ โดดเด่นด้วยส่วนฝาปิดที่ตัวล็อกกระเป๋าเป็นโลหะรูปเกือกม้าคล้ายตัว C อันเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์กับเสื้อผ้าทุกแนวได้อย่างลงตัว
แบรนที่ 2 L’OCCITANE เป็นผลิตภัณฑ์มาแฮนด์ครีมลิมิเต็ด เอดิชั่น “From Provence to Thailand” ที่เดินทางไกลจากเมืองโพรวองซ์ ฝรั่งเศส มาอวดโฉมอยู่ในคิง เพาเวอร์ เมืองไทย ด้วยแพ็กเกจจิ้งพิเศษที่สร้างสรรค์เฉพาะประเทศไทยเท่านั้นมีให้เลือก 2 เซ็ต ได้แก่ 1.เซ็ตแฮนด์ครีม ขนาด 150ml 2 หลอด และเซ็ตแฮนด์ครีม ขนาด 30ml 5 หลอด พร้อมเอาใจแฟนคลับที่นิยมใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่มีกลิ่นนุ่มนวล เป็นครีมบำรุงผิวมือตัวเองและคนที่คุณรัก พกพาได้ตลอดทุกการเดินทาง สัมผัส
แบรนด์ที่ 3 FRESH แบรนด์ดังผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมีชื่อเสียงจากสหรัฐอเมริกา มีทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ผิวกาย บำรุงริมฝีปากน้ำหอม สบู่ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม รวมถึงผลิตภัณฑ์คอลเลคชั่นที่เหมาะกับสุภาพบุรุษ เป็นที่รู้จักและครองใจคนทั่วโลก เช่น Rose Hydrating Skincare ที่อุดมด้วยส่วนผสมพิเศษจากน้ำมันดอกกุหลาบ Black Tea Age-Delay Skincare ที่นำการฟื้นฟูตามตำรับโบราณมาใช้ดูแลผิวที่มีปัญหาจากวัยสูงขึ้น และ Crème Ancienne Skincare ครีมชะลอปัญหาผิว เชิญชวนมาช้อปแบรนด์ FRESH ได้ที่เปิดเคาเตอร์บริการแล้วตั้งแต่ 17 สิงหาคม 2562 เป็นต้นมา ที่ร้านค้าคิง เพาเวอร์ ในเมือง 2 แห่ง สาขา รางน้ำ และภูเก็ต
แบรนด์ที่ 4 PAÑPURI ไฮไลต์ขณะนี้ได้จัดทำผลิตภัณฑ์ธรรมชาติภายใต้คอนเซ็ปต์ “Clean Hair and Scalp Care” ปัญญ์ปุริ ได้รวมส่วนผสมที่ดีและทรงพลังที่สุดจากธรรมชาติ ปราศจากส่วนผสมอันตราย เพิ่มประสิทธิภาพสร้างสมดุลของหนังศีรษะมากกว่าการบำรุงและฟื้นฟูเส้นผมอย่างล้ำลึกเพียงอย่างเดียว ระหว่างวันนี้ -31 สิงหาคม 2562 ได้เปิด PAÑPURI Pop-up Store คิง เพาเวอร์ ศรีวารี บริเวณทางเข้าชั้น 1 ให้ได้ช้อปกันอย่างจุใจทั้งหมด 3 คอลเลคชั่น ได้แก่ REVIVE, NOURISH และ BALANCE
ข่าวที่ 2 “สมาชิก คิง เพาเวอร์ ช้อปสนุกแบ่งจ่าย 0% สูงสุด 10 เดือน”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ให้นักช้อปได้สนุกกับการซื้อสินค้าที่ชื่นชอบอย่างฉลาดเมื่อช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ ตั้งแต่วันนี้– 31 มีนาคม 2563 สาขาต่าง ๆ ครอบคลุมทั่วเมืองไทยทั้งที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และมหานคร คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และศูนย์ปฏิบัติการ การบินไทย เพียงมี
1.ยอดซื้อสินค้าครบ 10,000 บาท/ใบเสร็จ รับไปเลยสิทธิ์ผ่อนชำระ 0% ต้องเป็นยอดซื้อหลังจากหักส่วนลดต่างๆ (ยอดสุทธิ) ภายในแผนกสินค้าเดียวกัน เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ ตรวจสอบสินค้าเพิ่มเติม ณ จุดขาย สินค้าแผนกสุราและบุหรี่ไม่สามารถร่วมรายการ
2.ยอดซื้อที่เกิดจากการเข้าร่วมโครงการผ่อนชำระ 0% สามารถร่วมรายการส่งเสริมการขายประจำเดือนได้ รวมถึงรายการ CARAT Rewards และการสะสมยอดซื้อเพื่อปรับสถานภาพสมาชิกสามารถใช้ร่วมกับส่วนลดสำหรับสมาชิก คิง เพาเวอร์
3.รายการ Birthday Celebrations ไม่สามารถร่วมรายการ ยกเว้น บัตรเครดิตไทยพาณิชย์ สามารถร่วมรายการ และผ่อนชำระได้ 3 เดือน
ข่าวที่ 3 “ททท.หัวหินนำโรงแรม-ร้านอาหารลด50%ตลอดก.ย.62
นางสาวโศรยา หอมชื่น ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้จัดทำ “โครงการ Amazing Hua Hin 2019” โดยร้านค้า โรงแรม พร้อมใจกันลดสูงสุดทั้งเมือง 50 % ตลอดกันยายน 2562 ระหว่าง 1-30 กันยายน นี้ กระตุ้นรายได้เที่ยวหน้าฝน โดยมีภาคธุรกิจท่องเที่ยวในอำเภอหัวหิน และพื้นที่ใกล้เคียง ที่มีความหลากหลายเข้าร่วมกว่า 30 ราย ทั้งกลุ่มโรงแรมระดับห้าดาว บูติค โรงแรมขนาดเล็ก ร้านอาหาร และของที่ระลึก มอบส่วนลด 10-50 % กิมมิกดึงดูดความสนใจคือการแจก Surprise Gift ของที่ระลึก นักท่องเที่ยว 1,000 คนแรก ที่จองตรงกับโรงแรมร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการ หลังจากเช็คอินเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว แจ้งโค้ด “Amazing Hua Hin” และลงทะเบียนผ่าน QR CODE ก็ได้สิทธิ์นี้ตามกติกา
สามารถดาวโหลดสถานประกอบการ ที่เข้าร่วมโครงการ ได้ที่ Facebook Fan Page : TAT PRACHUAP หรือ สอบถาม ททท. ประจวบคีรีขันธ์ เปิดบริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด 8.30-16.30 น. โทรศัพท์ 032-513-885
ข่าวที่ 4 “บางจากชวนคนไทยร่วมโปรเจ็กต์ลดขยะต้นทาง”
ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เรื่องของมาเรียมได้กลายเป็นวาระแห่งชาติ ผมว่าเป็นเรื่องดีที่คนออกมาพูดถึงผลกระทบที่เกิดจากพลาสติกกันมากขึ้น แต่ก่อนเราพูดถึงนกและเต่าตายเพราะกินพลาสติก วันนี้มีปลาพะยูนตายเพราะพลาสติก แล้วจะทำยังไงกันต่อไป แต่ละปี มีขยะพลาสติกไหลลงสู่ทะเลกว่า 8 ล้านตันทั่วโลก และประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตขยะพลาสติกลงทะเลติดอันดับหนึ่งใน 5 ของโลก
บางจากจึงขอเชิญชวนมาร่วมลดขยะต้นทางด้วยกัน ตลอดที่ผ่านมาบางจากพยายามเปลี่ยนและสื่อสารเรื่องนี้ ปลูกจิตสำนึกเรื่องปัญหาเรื่องพลาสติกมาโดยตลอด เพื่อจะช่วยกันลดการใช้ทรัพยากรและลดขยะต้นทางในธุรกิจต่างๆ ของกลุ่มบริษัทฯ พนักงานของเรา ช่วยกันดูแลเรื่องนี้ทั้งในการทำงานและชีวิตประจำวัน เช่น ลดการใช้กระดาษพิมพ์งาน ใช้กระดาษ 2 หน้า ทำระบบเอกสารให้เป็นอิเลคโทรนิคส์ให้มากที่สุด ถ้าจะจัดกิจกรรม จัดงานต่างๆ ก็ลดพลาสติก ใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ ใช้ซ้ำพลาสติกที่ยังใช้ได้
บางจากรณรงค์แยกขยะในทุกๆ พื้นที่ ที่สำนักงานของเราในตึกเอ็ม ทาวเวอร์ พนักงานจะไม่มีถังขยะส่วนตัว เพื่อให้แยกขยะทิ้งที่ส่วนกลาง เราส่งเสริมพนักงานให้ใช้แก้วส่วนตัวแทนการใช้แก้วที่ใช้แล้วทิ้ง มีนโยบาย zero foam ลดการใช้หลอด งดใช้ถุงพลาสติกในห้องอาหารพนักงาน ส่วนกล่องเครื่องดื่มที่ใช้แล้ว
ตอนนี้เราก็มีกิจกรรม “บางจากร่วมใจรีไซเคิลกล่องยูเอชทีเป็นหลังคาเขียว” เชิญชวนให้พนักงานในกลุ่มส่งกล่องเครื่องดื่มยูเอชทีที่บริโภคแล้วไปร่วมรีไซเคิลกับโครงการหลังคาเขียวเพื่อมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งภา(ฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ส่วนของสินค้าที่เสนอขาย ก็ให้ความสำคัญเรื่องการลดขยะ
ที่ร้านกาแฟอินทนิล เปลี่ยนจากแก้วพลาสติกธรรมดามาใช้แก้วพลาสติกจากผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ย่อยสลายได้ ฝาก็เปลี่ยนมาเป็นแบบยกดื่ม ไม่ต้องใช้หลอด ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แก้วและฝานี้เราก็นำไปใช้ใส่น้ำส้มและน้ำอ้อยคั้นสดที่ร้านสะดวกซื้อสพาร์ด้วย
ข่าวที่ 5 “TCEBปลื้ม5องค์กรต่อยอดไมซ์เพื่อชุมชนเศรษฐกิจฐานรากรุ่ง
ในเวทีการจัดงานของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” กับ กรมส่งเสริมสหกรณ์ โครงการ “ไมซ์เพื่อชุมชน” จัดกิจกรรม “เปิดมิติใหม่ อุตสาหกรรมไมซ์” เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2562 พร้อมทั้งได้จัดเสวนา “การพัฒนาชุมชนสำหรับตลาดไมซ์อย่างยั่งยืน” โดยได้รับการประสานเสียงจากเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จากทั้ง 5 องค์กรเด่น ๆ ถึงความสำเร็จที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการไมซ์ชุมชน และกำลังยกระดับเพิ่มจุดขายให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นบริษัท ห้างร้าน กลุ่มจัดประชุมสัมมนา (meeting) และจัดการเดินทางท่องเที่ยวฟรีเพื่อเป็นรางวัล (incentive) หันมาเลือกใช้พื้นที่จัดประชุมในสหกรณ์ทั่วประเทศ พร้อมทั้งอุดหนุนสินค้าท้องถิ่น กระจายรายได้สู่ชุมชนทั่วประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความมั่งคั่ง ทำให้เศรษฐกิจฐานรากเกิดความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย
1.สหกรณ์โคเนื้อกำแพงแสน จ.นครปฐม 2.สหกรณ์นิคมชุมชนแสงจันทร์ จำกัด จ.ระยอง 3.สมาคมท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดกระบี่ 4.การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 5.เว็บไซต์ Wongnai
นายสันติ ขจรเวชไพศาล ประธานสหกรณ์นิคมชุมชนแสงจันทร์ จำกัด จ.ระยอง กล่าวว่า ได้จัดระบบบริการกลุ่มไมซ์ที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่ โดยมีบริการพาชมสวนเมลล่อน สวนผลไม้ สวนยาง แต่ละครั้งจะเชิญชวนสมาชิกนำผลิตภัณฑ์ที่ปลูกในท้องถิ่นมาวางขาย โดยเฉพาะสินค้าขึ้นชื่อคือปลาทับทิมเลี้ยงในอ่างน้ำประแสร์ ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวในเมืองไทยสามารถทำราคาขายได้ 80 บาท/กิโลกรัม สูงกว่าตลาดทั่วไปขายเพียง 75 บาท/กิโลกรัม เนื่องจากรสชาติและคุณภาพดีกว่าเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคพร้อมควักเงินจ่าย ตลอดปีที่ผ่านมาสมาชิกสามารถทำยอดขายรวมได้มากถึง 20 ล้านบาท
ปี 2562 จึงต่อยอดปลาทับทิมสีปลาคราฟ นำเมนูอาหารแบบผสมผสาน โดยทำปลาทับทิมย่างเกลือมีน้ำจิ้มเผ็ดผสมเมล่อนซึ่งเป็นผลไม้ที่ปลูกในสหกรณ์ผนวกเข้าไปด้วย ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก จากนี้ไปกำลังต่อยอดโดยดึงสมาชิกเข้ามามีส่วนร่วมให้บริการไมซ์ชุมชนกับการท่องเที่ยวแบบครบวงจร พาชมสวน ดูการเลี้ยงปลา แล้วก็พาท่องเที่ยวทะเล ด้วย
นายสันติย้ำว่าก่อนและหลังเข้าร่วมโครงการ “ไมซ์เพื่อชุมชน” ของ TCEB เห็นความแตกต่างชัดเจนเรื่องรายได้เพิ่มขึ้น และสมาชิกมีความสามัคคีสนิทสนมกลมเกลียวกันในการมีส่วนร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยกัน
นายชาญฤทธิ์ เพิ่มทรัพย์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ลักษณะโครงสร้างของชุมชนกับสหกรณ์มีความเหมือนกันตรง 4 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การรวมกันของคนในชุมชน 2.ต่อยอดสินค้าสู่ความยั่งยืน 3.ทำธุรกิจเพื่อสังคม 4.ทำการผลิตสินค้าหลายมิติ เพื่อป้องกันกลุ่มทุนใหญ่เข้ามา หัวใจสำคัญที่ยิ่งใหญ่พอชุมชนเป็นเจ้าของพื้นที่ทำทุกอย่างเองก็จะมีความหวงแหน จึงหันมาช่วยกันใช้ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นอย่างระมัดระวัง แตกต่างจากนายทุนที่มุ่งไปเอาประโยชน์เพียงอย่างเดียว แถมทิ้งปัญหาขยะล้นเมืองไว้ด้วย
ส่วนไมซ์เพื่อชุมชนเป็นโครงการที่สามารถเข้าไปช่วยท้องถิ่นได้หลายมิติ โดยเฉพาะผู้ที่เข้าไปจัดประชุมหรือจัดท่องเที่ยวฟรีเพื่อเป็นรางวัลนำคนเข้าไปดูวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนแล้วเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยมีขนาดพอเหมาะกับพื้นที่มีตั้งแต่กลุ่มละ 10 คน หรือมากกว่านี้ ตามขีดความสามารถการรองรับของแต่ละชุมชน ซึ่งเป็นแนวทางการสร้างประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืนได้จริง
ช่วงที่ 2 สถานที่ดีดีในพัทยาสไตล์สถาปัตยกรรมชุมชนดั้งเดิม “บ้านชากแง้ว” อำเภอบางละมุง เป็นอีกแห่งที่มีความมหัศจรรย์น่าค้นหาถึงรากวัฒนธรรมที่มีมานับร้อยปีของชาวจีนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในเมืองไทย ทุกวันนี้เป็นแหล่งของกินอร่อย สถาปัตยกรรมสวยงาม อารยธรรมยั่งยืน ส่วนเรื่องสุขภาพใกล้ตัวมาก “แค่กินปลาทู” ก็ป้องกันโรคต่าง ๆ ได้เพียบ ส่วนข่าว “ศึกชิงสนามบินกระบี่” ระหว่างกรมท่าอากาศยานกับ บมจ.ท่าอากาศยานไทย เริ่มยกแรกมันหยด และ “บางกอกแอร์” เทโปรตั๋วบินในประเทศและทั่วโลกเหลือต่ำสุด 4,000 บาท ไปช้อปกันได้ใน “ไทยเที่ยวไทย” 29 ส.ค.-1 ก.ย.นี้ที่ไบเทค บางนา
@เที่ยวชากแง้วกินของอร่อยชมอารยธรรมจีนยั่งยืน
มุมเที่ยวเมืองชายทะเลพัทยา จังหวัดชลบุรี หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่า จะมีการท่องเที่ยวชุมชนชาวจีนโบราณ “ตลาดชากง้าว” ในบางละมุง ซึ่งเป็นอำเภอสุดท้ายเขตรอยต่อพัทยามุ่งสู่ระยอง คนในชุมชนชากแง้วภูมิใจกับมรดกตกทอดของบรรพบุรุษที่ได้สร้างอาคารเรือนสะท้อนคุณค่าทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์จีนโดยแท้ ทั้ง เหล่าเต๊ง ระเบียง ช่องลม ประตูบางเซี้ยน โดนใจนักท่องเที่ยวไทยและยุโรป ซึ่งคนในชุมชนรวมตัวกันนำพื้นที่บริเวณตลาดแห่งนี้ เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างจริงจัง 4 ปีที่ผ่านมา โดยใช้หน้าบ้านของตนเองนำสินค้าชุมชนมาวางขาย พร้อมกับให้ได้ชื่นชมสถาปัตยกรรมแนวจีนอันงดงาม ได้ทุกวันเสาร์ 15.00 - 21.00 น. ใช้พื้นที่ทางยาวให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกว่า 300 หลังคาเรือน จากทั้งหมดราว 1,000 หลัง
ส่วนใหญ่นิยมขายอาหารการกินแบบจีนแต้จิ๋ว ของกินขึ้นชื่อคือ “บะจ่าง” มีอยู่ 4 ร้านหลัก กับอาหารชนิดอื่น ๆ เช่น กะลอจี้ หอยจ้อ (หมู ปู มังสวิรัติ) ก๊วยบะ กระเพาะปลา ของหวานส่วนใหญ่เป็นขนมไทย เช่น ขนมเต่า ขนมขี้หนู ภายในชุมชนมีกิจกรรมสำคัญอีกอย่างคือ การอัญเชิญอาม่าโดยเกี้ยวมาประทับที่โรงงิ้ว ใน 3 เทศกาล คือ วันประทับทรง วันเกิด และเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งผู้คนชื่นชอบมาบ้านเรา เพราะยังคงอนุรักษ์การไหว้ในแนวดั้งเดิมได้เป็นอย่างดี มีไฮไลต์ “ศาลเจ้าแม่ทับทิม” สร้างมายาวนานตั้งแต่ปี 2455 พอชาวจีนมีเงินทองมากขึ้นจึงช่วยกันถาวรเมื่อปี 2508 อัตลักษณ์อันโดดเด่นของชุมชน
ปัจจุบันตลาดชากแง้วสามารถสร้างรายได้ให้คนในชุมชนจากนักท่องเที่ยวเดินทางเพิ่มขึ้นทุกปีราว 30 – 40 % ช่วงสงกรานต์จะมีผู้คนแห่แหนกันไปเที่ยวมากสุดทุกปี แถมยังยึดโยงให้ลูกหลานของชุมชนชาวตลาดที่เคยมาเรียนอยู่กรุงเทพฯ ทยอยกลับมาทำหากิน มาร่วมรังสรรค์กิจกรรมดี ๆ ให้ชุมชนเพิ่มขึ้นด้วย พลิกโฉมความเป็นมาในอดีตของชุมชนชากแง้ว ทว่าก็ยังคงเป็นชุมชนที่มีเรื่องเล่าถึงความสำเร็จ ที่ยังคงเห็นร่องรอยดั้งเดิมเคยเป็นป่าและพื้นที่สำคัญแห่งวิถีการทำเกษตรกรรม ปลูกไร่มันสำปะหลัง ไร่อ้อย มีแรงงานจากภาคกลางและอีสานเข้ามารับจ้างทำ
ต่อมาคนจีนทั้งหอบเสื่อผืนหมอนใบ หรือบางกลุ่มพอจะมีเงินทอง ชวนกันมาทำงานทำไร่เหมือนกันแล้วก็ชักชวนบอกต่อ ๆ กัน ด้วยคนจีนมีความขยันขันแข็งก็เก็บเล็กผสมน้อยกระทั่งมีเงินมากขึ้น จึงจับจองซื้อที่ดินทำไร่ และโดยพื้นฐานคนจีนชอบอยู่กันเป็นกลุ่มก้อน เป็นชุมชน จากการยึดอาชีพการทำเกษตรกรรม ก็ค่อย ๆเปลี่ยนเป็นธุรกิจการค้า จนกลายเป็น “ตลาดชากแง้ว” โดยมีจีนเชื้อสายแต้จิ๋วเป็นผู้บุกเบิกจนท้องถิ่นเติบโตกลายเป็นชุมชนเข้มแข็ง มั่งคั่ง ยั่งยืน
ทุกวันนี้ มีทั้งชาวไทยกลุ่มครอบครัวในพื้นที่ใกล้เคียงรอบภาคตะวันออก ชาวมาเลเซีย ยุโรป นิยมมาเที่ยว มากินอาหารจีนแต้จิ๋วต้นตำรับ ของชาวชุมชนชากแง้ว พร้อมกับดื่มด่ำวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตท้องถิ่น อันทรงคุณค่า ครองใจนักท่องเที่ยวไว้ได้อย่างไม่เสื่อมคลาย
@ชอบกินปลาทูให้ประโยชน์สุขภาพ5อย่าง
ปลาทูเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่คนไทยนิยมนำไปประกอบอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ทอด ต้ม ปิ้ง เป็นต้น นอกจากจะเป็นอาหารที่คนไทยชื่นชอบแล้ว หลายคนจะรู้หรือไม่ว่า ปลาทูนั้น มีประโยชน์มากมายที่ควรรู้ ปลาทูจัดอยู่ในกลุ่มปลาที่มีไขมันต่ำ มีไขมันน้อยกว่าหรือเท่ากับ 4 กรัมต่อเนื้อ 100 กรัม ส่วนปลาทูมีข้อดีอย่างไรบ้างไปดูกันเลย
1 โปรตีนสูง ปลาทูเป็นแหล่งที่ดีของโปรตีน ที่ย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ อย่างเนื้อหมูหรือเนื้อวัว อีกทั้งปลาทู100 กรัมมีโปรตีนอยู่ถึง 24.9 กรัม ร่างกายก็จะนำไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตตามวัยด้วย
2 บำรุงประสาทและสมอง ในปลาทูมีทั้งไอโอดีนและกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายคือโอเมก้า 3 ค่อนข้างมาก และมีกรดไขมัu DHA ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบประสาทและสมอง โดยเฉพาะสมองในส่วนการเรียนรู้และจดจำ
3 ช่วยลดไขมันตัวร้ายในเลือด ปลาทูมีกรดไขมัuชนิด PUFA หรือกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง มีสรรพคุณช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือด อีกทั้งกรดไขมัu EPA กลุ่มโอเมก้า 3 มีคุณสมบัติช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดและลดไตรกลีเซอร์ไรด์ ป้องกันสาเหตุภาวะไขมันอุดตันเส้นเลือด
4 ป้องกันโรคซึมเศร้า ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด พบว่า กรดไขมันโอเมก้า 3ที่จำเป็uต่อการทำงาuของระบบประสาทและสมอง และการขาดกรดไขมัuชนิดนี้ อาจเป็นสาเหตุของโรคซึมเศร้าและโรคสมาธิสั้uได้ โดยเฉพาะในเด็กวัยกำลังเรียนรู้ หากขาดกรดไขมันโอเมก้า 3 อาจมีพัฒนาการด้านการอ่าน-เขียนค่อนข้างช้ากว่าวัยเดียวกัน ที่ได้รับกรดไขมัuโอเมก้า 3 ในปริมาณที่เพียงพอ
5 ร่างกายได้รับวิตามินที่หลากหลาย จากข้อมูลคุณค่าทางโภชนาการของปลาทูส่วนที่กินได้ในปริมาณ 100 กรัม ให้แร่ธาตุ วิตามิน และคุณค่าทางสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลากหลายชนิด ทั้งธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 1 บี 2 กรดไขมันจำเป็น ไนอะซิน สำคัญต่อการทำงานของร่างกาย ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมองให้ควบคุมการทำงาuของอวัยวะทุกส่วนในร่างกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “ทย-ทอท.เปิดศึกชิงขุมทรัพย์สนามบินกระบี่
กรมท่าอากาศยาน (ทย.) รายงานว่า ไม่เห็นด้วยที่รัฐจะให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวต่อสาธารณะที่โอนสนามบินกระบี่ไปบริหารเอง เพราะจะส่งผลให้กรมท่าอากาศยานมีปัญหาการบริหารจัดการและซ่อมแซมบำรุงรักษาในอีก 24 ท่าอากาศยานที่เหลือ เนื่องจากปี 2561 กรมมีรายได้จากสนามบินทั้ง 28 แห่ง รวม 852,466,789 บาท รายได้หลักมาจากกระบี่ 469,408,760 บาท คิดเป็น 55.05%
ปีงบประมาณ 2563 ทย. ขอรับเงินก่อสร้างทางขับของกระบี่อีกกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งคาดหวังจะนำรายได้ที่จัดเก็บเข้ากองทุนหมุนเวียนของกรม โดยอยู่ในระหว่างจัดทำโครงสร้างเงินทุนหมุนเวียนเพื่อปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการพึ่งพางบประมาณรัฐลงปีละ 1000 ล้านบาท และใช้แก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนของผู้โดยสารในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่เพียงพอ
ค่าใข้จ่ายส่วนใหญ่เป็นด้านการบริหารจัดการและซ่อมแซมบำรุงรักษา เช่น จ้างพนักงานให้เพียงพอเนื่องจาก ข้าราชการ และ ลูกจ้างประจำ มีกรอบอัตรากำลังจำกัด การซ่อมบำรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ลิฟท์ บันไดเลื่อน สายพานลำเลียงซึ่งมีข้อขัดข้องไม่สามารถตั้งงบประมาณไว้ล่วงหน้าได้
ข่าวที่สอง “บางกอกแอร์เทโปรตั๋วโปรงานไทยเที่ยวเที่ยวต่ำสุด4พัน”
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จัดโปรโมชั่นตั๋วโดยสารราคาพิเศษทุกเส้นทางในและต่างประเทศในงาน "ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 52 เปิดขายระวห่าง 29 สิงหาคม – 1 กันยายน 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
เริ่มจากตั๋วบินในประเทศ ไป-กลับ
1.กรุงเทพฯ-เกาะสมุย 4,000 บาท (ราคารวมทุกอย่างแล้ว) เดินทางได้ตั้งแต่วันนี้-16 ธันวาคม นี้
2.กรุงเทพฯ ปลายทาง เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง สุโขทัย ภูเก็ต และกระบี่ ราคาเริ่มต้นเที่ยวละ 1,200 บาท (ราคารวมทุกอย่างแล้ว) 3.กรุงเทพฯ-ตราด เชียงใหม่-กระบี่ เชียงใหม่-ภูเก็ต ราคาเริ่มต้นเที่ยวละ 1,590 บาท (ราคารวมทุกอย่างแล้ว) เดินทางได้ ตั้งแต่วันนี้- 31 มีนาคม 2563
โปรโมชั่นตั๋วบินต่างประเทศ ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เวียดนาม แต่ละเมืองด ได้แก่ ดานัง ฟู้โกว๊ก ญาจาง ราคาไป-กลับ 4,960 บาท (ราคารวมทุกอย่างแล้ว) กรุงเทพฯ-กัมพูชา เมือง เสียมราฐ พนมเปญ สีหนุวิลล์ ราคาไป-กลับ 5,210 บาท (ราคารวมทุกอย่างแล้ว) กรุงเทพฯ - มัลดีฟส์ ราคาไป-กลับ 12,160 บาท (ราคารวมทุกอย่างแล้ว) เดินทางได้ ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคม 2563 โทรสอบถามโปรโมชั่นทั้งหมดได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1771 ตลอด 24 ชั่วโมง
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.97.0
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น