ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ผู้นำททท.ถอดรหัสตลาดท่องเที่ยวสูตร3-3-3ฟื้นเศรษฐกิจปี’64 เพิ่ม“ความถี่-วันพัก-รายได้”ขยับภูเก็ตโมเดล3เฟสรับต่างชาติ

 

ผู้นำททท.ถอดรหัสตลาดท่องเที่ยวสูตร3-3-3ฟื้นเศรษฐกิจปี’64

เพิ่ม“ความถี่-วันพัก-รายได้”ขยับภูเก็ตโมเดล3เฟสรับต่างชาติ

คิงเพาเวอร์จัดบิ๊กแคมเปญ“อยู่ที่ไหนก็ช้อปได้”9แบรนด์ลด45%

ช้อปคิงเพาเวอร์กับไซโก้รุ่นลิมิเต็ดสตรีทไฟเตอร์6ตัวสวยเท่สุดๆ

“รมว.พิพัฒน์”นำทีมปลุกเที่ยวไทยมั่นใจไปกับSHAฟื้นศก.ปี’63

ททท.ภาคใต้ชูมิวสิควาฬเกยตื้นทำรายได้ท่องเที่ยวพุ่ง300ล้าน

ททท.บูมเที่ยวงานประเพณีรับบัวบางพลี4วันรวด28ก.ย.-1 ต.ค.

TCEBเปิดเวทีทางรอดไมซ์ย้ำโควิดตัวเร่งบิ๊กเชนจ์แนะวิถีใหม่4C

เที่ยวไทยเส้นทางปลอดภัยไปกับSHAตามวังวัดโบราณอยุธยา

วิถีใหม่เลือก5 วิธีกินผักผลไม้ลดเสี่ยงจากสารเคมีสิ่งปนเปื้อน

“สุวรรณภูมิ”เปิดแล้วรถปอ.หัวหินและพัทยาค่าตั๋ว130/294บาท

หนีกรุงโชว์ความสำเร็จOnePicBigDreamลุยซีซัน3ต่อ10จังหวัด

 


ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 12 กันยายน 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  #  # #  #  

 

            ช่วงที่ 1 ถอดรหัสทัพท่องเที่ยวต้อนรับปีงบประมาณ’64 เริ่มตุลาคมนี้ กับ “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) งัดสูตรแก้โจทย์ท้าทาย 3-3-3 “ตลาดในประเทศ” ลุยเจาะ 3กลุ่ม “วัยเก๋า-ครอบครัว-ประชุมสัมมนา” เพิ่มความเข้มข้น 3 ส่วน “ความถี่-วันพักค้างคืน-รายได้” คู่ขนานแผนตลาดต่างประเทศ ชูใช้ “ภูเก็ตโมเดล”ต้นแบบนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 เฟส “ทดลอง-ขยายผล-เปิดประเทศอย่างจำกัด” พร้อมตอกย้ำแคมเปญ “เราเที่ยวด้วยกัน” ตลอดเดือนครึ่งตุนเม็ดเงินได้แล้วกว่า 2,500 ล้านบาท เร่งนโยบาย ททท.ทั่วโลก 29 สำนักงาน รักษาจุดแข็ง “สื่อสารให้ไทยเป็นประเทศในดวงใจนานาชาติ-เกาะติดสเต็กโฮลเดอร์-สื่อสารทุกช่องทาง-เกาะติดคู่แข่งทุกกลุ่ม” รับมือหลังเปิดประเทศการแข่งขันชิงตลาดรุนแรงสุด ๆ

            ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์กระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวในประเทศต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 มาจนถึงขณะนี้มีโครงการภาครัฐ “เราเที่ยวด้วยกัน” และอื่น ๆ สถานการณ์ต่าง ๆ ที่ยังไม่สามารถเปิดรับตลาดต่างประเทศได้ ผนวกกับเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แล้วกำลังเข้าสู่ปีงบประมาณ 2564 เดือนตุลาคม 2563-กันยายน 2564 ดังนั้น ททท.ก็จะต้องเร่งฟื้นฟูกระตุ้นกำลังซื้อตลาดในประเทศมากขึ้น โครงการแรง ๆ กระตุ้นตลาดเป้าหมาย 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.วัยเก๋า 2.ครอบครัว 3.ประชุมสัมมนา ออกมาเดินทางทั่วประเทศ มุ่ง 1.เพิ่มความถี่การเดินทาง 2.เพิ่มความถี่วันพักค้างคืน 3.เพิ่มรายได้ในระดับพื้นที่ เป็นภารกิจที่จะต้องดำเนินงานต่อไปตามแผนการตลาดปี 2564 นี้

           

            ส่วนการเพิ่มแรงจูงใจเพื่อตอบโจทย์การเพิ่มความถี่เพิ่มวันพักค้างคืนและเพิ่มรายได้ ก็จะต้องเน้น “ลดต้นทุนการเดินทาง” เนื่องจากระยะแรกหลังโควิดต้นทุนการเดินทางค่อนข้างแพง แต่ตอนนี้จากการพูดคุยกับสายการบินต่าง ๆ ยืนยันผู้โดยสารเริ่มกลับมาใช้บริการเดินทางเกินกว่า 70 % ก่อนสิ้นปีนี้สถานการณ์น่าจะกลับสู่ปกติทั้งเรื่องความถี่การเดินทางและราคาค่าโดยสารปรับตัวอย่างสมเหตุผล แข่งขันได้

 

            ททท.วางแผนจะสร้างแรงจูงใจด้วย 2 ช่องทาง คือ 1.ทางตรง สนับสนุนลดต้นทุนการเดินทาง จัดแคมเปญชิงรางวัล 2.ทางอ้อมคือรณรงค์ให้ผู้ประกอบการสร้างแพกเกจดึงดูดใจ

 

            ส่วนเป้าหมายปี 2563 ยังคงย้ำให้รายได้ 1.อัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงกว่าคาดการณ์นั่นคือห้องพักทั่วประเทศมีคนใช้บริการเข้าพักเฉลี่ยสูงกว่า 30 % 2.เป้าหมายรวมตลอดทั้งปีอยากเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยว 100 ล้านคน-ครั้ง จาก 3 กลุ่ม ได้แก่ คนไทยเที่ยวต่างประเทศหันมาท่องเที่ยวไทย กลุ่มประชุมสัมมนา และกลุ่มต่างชาติพำนักในไทย (Expat)

 

            ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่ากระแสตอบรับจากนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมใช้จ่ายเงินในโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เริ่มเปิดเว็บไซต์ 15 กรกฎาคม 2563 จากนั้นก็เปิดให้นักท่องเที่ยวจองซื้อการท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม -31 สิงหาคม 2563 ประมาณ 1 เดือนครึ่ง มียอดจองห้องพักเรียบร้อยแล้วกว่า 800,000 ห้อง จากทั้งหมดประมาณ 5 ล้านคืนพัก หลายคนอาจจะมองว่ายอดจองห้องพักยังมีจำนวนน้อยห่างจากเป้าหมาย ทว่าความจริงแล้วเป็นการทยอยใช้สิทธิ์ไม่น้อยกว่าวันละ 10,000 สิทธิ์ มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบท่องเที่ยวเข้าสู่ระบบไม่น้อยกว่า 2,500 ล้านบาท จากรัฐบาลกับนักท่องเที่ยวจ่ายร่วมกัน ภายในเวลาดังกล่าวต้องถือว่าจำนวนมากพอสมควร

 

            ส่วนการเลือกจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว ยังคงเลือกเดินทางไม่ไกลมากจากกรุงเทพฯ ในรัศมีขับรถท่องเที่ยวได้ เพราะกำลังซื้อส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพฯ แต่รัฐบาลต้องการเห็นการกระจายตัวมากกว่าซึ่งอยู่ระหว่างหารูปแบบการบริหารจัดการให้เกิดการเดินทางกระจายไปยังพื้นที่ไกลมากขึ้นในทั่วประเทศต่อไป

 

            ขณะที่สัญญาณความตื่นตัวของการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว 4-7 กันยายน ที่ผ่านมา สะท้อนนัยสำคัญการใช้จ่ายเงินด้วยการตอกย้ำถึง “พฤติกรรมการเดินทางไกลมากขึ้น” มีความกล้าใช้เงินทำให้เศรษฐกิจกระเตื้อง แต่ก็ยังกังวลใจหลังจากนี้ต่อไปคนจะมีกำลังซื้อดีอยู่หรือเปล่า แต่ก็มีข่าวดีเมื่อนายกรัฐมนตรีประกาศพิจารณาเพิ่มวันหยุด แต่กระนั้นการเดินทางก็ยังคงกระจุกตัวอยู่ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ของแต่ละสัปดาห์

 

            ตอนนี้รัฐบาลมีนโยบายให้ช่วยกันขับเคลื่อน “Workation Thailand” รณรงค์ให้คนออกเดินทางตามคอนเซ็ปต์อยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้ ททท.ทำเสริมขึ้นมา นอกจากกำลังซื้อคนในประเทศปีที่ผ่านมาทำสถิติ 160 ล้านคน-ครั้ง แต่เนื่องจากปัจจุบันยังไม่ตลาดต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยว ตามแผนจึงมุ่งกระตุ้น 3 กลุ่มข้างต้นคือ คนไทยเที่ยวนอกหันมาเที่ยวเมืองไทย ประชุมสัมมนา และ Expat สามารถใช้ได้กับกลุ่มดังกล่าว เพราะ ททท.เคยทำงานกับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ แต่ละองค์กรสามารถปรับรูปจาก Work from Home มาใช้ได้ เที่ยวไปด้วยทำงานไปด้วยก็น่าจะสร้างความน่าสนใจได้บ้าง

           

ปี 2564 เมื่อมีงบประมาณภาครัฐเข้ามาเสริมทัพ ตั้งแต่ช่วงตุลาคมนี้เป็นต้นไป ผนวกกับบรรยากาศปลายปีนี้เป็นช่วงฤดูเดินทางซึ่งเป็นตัวเร่งธรรมชาติจึงหวังว่ากำลังซื้อน่าจะยังคงมีความต่อเนื่องอยู่นั่นเอง

 

            ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวถึงกลยุทธ์การขับเคลื่อน “ภูเก็ต โมเดล” เป็นนโยบายเปิดตลาดต่างประเทศอย่างจำกัดโดยไม่เร่งรีบ จะทดลองเปิดเป็นจุดแรก ด้วยวิธี 1.เลือกนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ 2.เมื่อเข้ามาแล้วยังอยู่ภายใต้มาตรการสาธารณสุขเช่นเดียวกับคนไทยที่เดินทางกลับเข้ามานั่นคือ ต้องเข้ากักตัว หรืออาจจะมีมาตรการสร้างความมั่นใจ 3.ต้องได้รับการยินยอมจากประชาชนในพื้นที่นำร่องเป็นหลัก หากประชาชนยังไม่ยินยอมก็คงไม่สามารถริเริ่มได้ในสักพื้นที่ใด ๆ  4.ททท.ต้องทำงานกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงสาธารณสุข ประชาชน หน่วยงานในพื้นที สังกัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ทุกอย่างต้องไม่ทำให้ประชาชนคนไทยมีความกังวลใจ สิ่งที่ให้ความสำคัญมากสุดคือความปลอดภัยของคนในประเทศ ขณะเดียวกันก็ต้องหาความสมดุลฟื้นฟูเศรษฐกิจกลับคืนมาให้ได้ เพราะหากไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา เศรษฐกิจในเมืองท่องเที่ยวหลักก็ได้รับผลกระทบสูงนั่นหมายถึง การจ้างงาน ธุรกิจที่ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้

 

            “ภูเก็ต โมเดล” ต้องย้ำอีกครั้งว่าเป็นการพิจารณาลงมือทำอย่างรอบคอบ จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาพักผ่อนครั้งละหลัก 100-1,000 คน ไม่ใช่จำนวนครั้งละมาก ๆ เหมือนในอดีต

 

            แนวทางการทำงานของ ททท.ที่จะผลักดันให้เกิด “ภูเก็ต โมเดล” อย่างเป็นรูปธรรม จะต้องทำงานร่วมกับหลายฝ่าย เช่น กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งบุคลากรในพื้นที่มีความรู้ความสามารถที่ดี ทำกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของกระทรวงมหาดไทย เพื่อทำโพลล์หรือประชามติ ให้รับทราบถึง “แผนบริหารความเสี่ยง-แผนเผชิญเหตุ-มาตรการรับมือกรณีเกิดการติดเชื้อไวรัสโควิดขึ้น” เพื่อให้ท้องถิ่นนั้น ๆ เกิดความสบายใจ

 

            ส่วนการเลือกพื้นที่เพื่อนำร่องเป็นแหล่งรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศหากเริ่มนำเข้ามาได้ เบื้องต้นก็คงจะต้องเปิดโอกาสให้ทางเจ้าของพื้นที่นั้น ๆ ได้นำเสนอเข้ามาก่อนอย่างยิมยอมพร้อมใจจะทำ เพราะเป้าหมายต้องการสร้าง “โมเดลต้นแบบ” ก่อนสัก 2-3 แห่ง เมื่อเห็นผลแล้วจึงจะขยายผลสู่พื้นที่อื่นต่อไป

           

ทั้งนี้การทำโมเดลต้นแบบเพื่อนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามานั้น ททท.กับทุกฝ่ายจะทำอย่างระมัดระวัง แบ่งเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย 1.ทดลอง 2.ขยายผล 3.เปิดประเทศอย่างจำกัด จะไม่เร่งรีบทำแต่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคนในพื้นที่ไม่เฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งแต่จะดูแลทั้งประเทศไปพร้อม ๆ กัน

           

ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวถึงแผนนโยบายการบริหารจัดการสำนักงาน ททท.ต่างประเทศทั่วโลก 29 แห่ง ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยไม่สามารถหยุดทำงานได้เพราะประเมินสถานการณ์หลังไวรัสโควิด-19 การแข่งขันจะกลับมาทวีความรุนแรงมากกว่าก่อนโควิดด้วยซ้ำไป ดังนั้น ททท.ทุกแห่งจะต้องปรับเรื่องแผนกิจกรรมเตรียมไว้ แล้วภารกิจสำคัญต้องทำตอนนี้ต่อเนื่องไปคือ

 

1.ทำให้ไทยเป็นประเทศที่อยู่ในใจของคนทั่วโลกเสมอ  2.ทำงานร่วมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือ Steakholder ในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็น บริษัทตัวแทนนำเที่ยว สายการบิน ต่าง ๆ รวมทั้งติดตามสถานการณ์คู่แข่งดำเนินการอย่างไร แล้วส่งรายงานข้อมูลข่าวสารกลับมายัง ททท.สำนักงานใหญ่รับทราบ 3.รูปแบบการให้บริการที่สอดคล้องกับวิถีใหม่ New Normal ต้องสอดคล้องหันมาใช้การสื่อสารผ่านช่องทางดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ล่าสุดการสื่อสารข้อมูลเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต้องมีการปรับตัว เพราะตอนนี้ยังไม่สามารถจัดแฟมทริปหรือนำสื่อเข้ามาได้

 

            สำหรับการเข้าไปช่วยขับเคลื่อนตลาดเอ็กซิบิชั่นต่างประเทศ ซึ่งทางศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ผ่อนคลายให้นำเข้ามาได้แล้วบ้างนั้น ททท.ก็จะช่วยเน้นย้ำให้คู่ค้ายังคงสนใจที่จะเลือกจัดประชุม สัมมนา หรือไมซ์ในไทย ผนวกกับแหล่งท่องเที่ยวฟื้นตัวมีธรรมชาติกลับมาสวยงาม นำเสนอให้คนทั่วโลกรับรู้ต่อเนื่องเมื่อกลับมาเปิดประเทศแล้วจะได้คิดถึงแล้วเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับแรก ๆ ด้วย

 

            ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ปลายปี 2563 ขอเชิญชวนคนหันมาท่องเที่ยวในประเทศตามวิถีใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ทำระบบล่วงหน้าการจองสำรองการเดินทางแบบครบวงจร ระหว่างเดินทางก็ช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม การให้ความสำคัญที่สุดกับความปลอดภัย และท่องเที่ยวด้วยการสร้างคุณค่าผ่านเทคนิคต่าง ๆ ล้วนเป็นส่วนหลักของการท่องเที่ยววิถีใหม่ในเมืองไทย

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์จัดบิ๊กแคมเปญอยู่ที่ไหนก็ช้อปได้9แบรนด์ลด45%

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดยิ่งใหญ่แคมเปญ “อยู่ที่ไหน ก็ช้อปได้ 9 HIGHLIGHT BRANDS” พบ 9 แบรนด์ดังชั้นนำ ลดสูงสุด 45% เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 9 เดือน 9 จนถึง 13 กันยายน 2563 ลูกค้าใช้โค้ดภายใต้แคมเปญ 9.9 Brand Week ได้พิเศษ 90 โค้ด/วัน (90Special Code/day) และ  9 Highlight Brand ทุกรายการสั่งซื้อที่เข้ามาช้อปสินค้าที่ร่วมรายการ

 

โดยจะต้องมียอดช้อปครบ 9,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / 1 รายการสั่งซื้อ โดยเป็นคำสั่งซื้อที่สมบูรณ์แล้วระหว่างวันนี้ - 13 ก.ย. 63 เวลา 0.01 - เวลา 23.59 น. เท่านั้น  ด้วยการลงทะเบียนลุ้นรับสิทธิ์ได้ถึงวันที่ 14 กันยายน 2563 เวลา 12.00 น. (เที่ยงวัน) เท่านั้น มิเช่นนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์

 

ทั้งนี้ให้ลูกค้าลงทะเบียนได้เพียงครั้งเดียว ทางทีมงานจะรวบรวมข้อมูลการสั่งซื้อผ่านทางอีเมล์

       ที่ลูกค้าใช้ลงทะเบียนแล้วสั่งซื้อผ่านช่องทางหลักคือ www.kingpower.com และจะประกาศผลรายชื่อผู้โชคดีในวันที่ 22 กันยายน 2563 เวลา 16.00 น.ทาง www.kingpower.com

 

สำหรับผู้รับรางวัลซึ่งเป็นผู้สั่งซื้อและผู้ลงทะเบียนเป็นชื่อเดียวกัน โดยชื่อ - นามสกุล ให้ตรงกับบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทางเท่านั้น ส่วนบัตรชม Mahanakhon SkyWalk สามารถใช้ได้ตั้งแต่วันนี้-31 ตุลาคม 2563

 

ข่าวที่ 2 ช้อปคิงเพาเวอร์กับไซโก้รุ่นลิมิเต็ดสตรีทไฟเตอร์6ตัวสวยเท่สุด

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำคอเลคชั่นพิเศษ “SEIKO แบรนด์นาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมากว่าครึ่งศตวรรษ ได้เปิดตัวนาฬิกาข้อมือ “SEIKO 5 Sports Meets Street Fighter V.” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบุคลิกของตัวละครหลักในเกมระดับตำนานอย่าง Street Fighter จำนวน 6 ตัว ได้แก่ Ryu, Ken, Chun-Li, Guile, Zangief และ Blanka

 

SEIKO คอลเลคชั่นพิเศษเพื่อนักสะสมนี้ รวมอยู่ในคอลเลคชั่น 5 Sports พร้อมกันถึง 6 รุ่นพิเศษ (ลิมิเต็ด เอดิชั่น) เพียง 9,999 เรือนต่อรุ่นเท่านั้น เปิดวางจำหน่ายแบบ Pre-order โดยมีให้​เลือกสะสมได้ทั้งแบบ Box set จำนวน 6 เรือน ราคา 92,100 บาท หรือแยกสะสมเรือนละ 15,350 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 15 กันยายน 2563 ​ที่ SEIKO Shop ชั้น 2 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ​

                คอลเลคชั่นสุดพิเศษ ประกอบด้วย “รุ่นที่ 1 Ryuนักสู้พเนจร หน้าปัดและสายสีขาว สื่อถึง “Do-gi” เครื่องแต่งกายอันสุดคลาสสิกของ Ryuรุ่นที่ 2 Kenหมัดเพลิงพิฆาต สีแดง ดำ และสีทอง สื่อถึงเครื่องแต่งกายและผมสีทองของ Ken ตัวสายด้านในพิมพ์สัญลักษณ์ของสังกัดที่ Kenรุ่นที่ 3 Chun-Liหยกงามแห่งสังเวียน การผสมผสานระหว่างสีฟ้าและสีทอง มาจากสัญลักษณ์ที่อยู่บนชุดเดรส ของ Chun-Li กำไลข้อมือทรงหนามถูกนำมาใช้ในการออกแบบหลักชั่วโมงในตำแหน่ง 6 และ 9 นาฬิกา

 

                “รุ่นที่ 4 Guileหมัดพลังลม จากเครื่องแต่งกายประจำตัวนายพลประจำกองทัพอากาศของสหรัฐอเมริกา จึงเป็นที่มาของหน้าปัดที่มาพร้อมลายพรางและป้ายประจำตัวของเพื่อนรักที่ชื่อ Charlie Nashรุ่นที่ 5 Zangiefนักสู้พลังไซโคลน การออกแบบรายละเอียดบนหน้าปัดได้สะท้อนถึงพลังของกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งของ Zangief ลวดลายวงกลมที่อยู่ด้านในก็เป็นการแสดงให้เห็นท่าพิเศษของเขานั่นคือ “Cyclone Lariat’’ และ “รุ่นที่ 6 Blankaยอดนักรบแห่งแอมะซอนลวดลายของการปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าที่อยู่บนขอบตัวเรือน แสดงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ Blanka ใช้ท่าไม้ตาย ผสานท่าโจมตีการเคลื่อนไหวลมหมุนอันโด่งดัง

 

ข่าวที่ 3 “รมว.พิพัฒน์”นำทีมปลุกเที่ยวไทยมั่นใจไปกับSHAปี’63

 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำทีมเป็นประธานพิธีเปิดงาน “เที่ยวไทยมั่นใจไปกับ SHA” โดยมี ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท.นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายกสมาคมท่องเที่ยวในประเทศ ร่วมงานเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563 ณ ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่าน มิตรทาวน์ ปทุมวัน กรุงเทพฯ นำให้ภาคธุรกิจ 10 ประเภท ที่ได้รับตราสัญลักษณ์การรับรองมาตรฐาน SHA (Amazing Thailand Safety & Health Administration) กว่า 100 บูธ นำขายสินค้าท่องเที่ยวมาเปิดบูธขาย ภายใต้โครงการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ในภาวะวิกฤต โควิด-19   ผนึกความร่วมมือกันใช้งานดังกล่าวตอกย้ำสร้างความมั่นใจ ความปลอดภัยและสุขลักษณะเต็มรูปแบบ

 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า โครงการนี้ ททท.เป็นเจ้าภาพที่ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้ประกอบการให้ความสำคัญร่วมขับเคลื่อนและสร้างมาตรฐานการท่องเที่ยววิถีใหม่ (New Normal) สร้างความตระหนักร่วมกันให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเป็นอย่างดี

 

ตลอดปี ททท.ได้ตั้งเป้ารณรงค์ผู้ประกอบการจากทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมโครงการ 6,600 ราย ตามข้อมูลล่าสุดเมื่อ 9 กันยายน 2563 มีธุรกิจที่ผ่านมาตรฐาน SHA 5,095 ราย กระจายตามพื้นที่มากเป็นอันดับหนึ่งคือ กรุงเทพฯ ผ่านการตรวจประเมินแล้วถึง1,573 ราย อันดับรองลงไปคือภูเก็ต 803 ราย และเชียงใหม่ 632 ราย

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า การจัดงาน “เที่ยวไทย มั่นใจไปกับSHA” พุ่งเป้าตอกย้ำสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าและบริการการท่องเที่ยวไทย ภายใต้มาตรฐาน SHA  จัดระหว่าง 11-13 กันยายน 2563 ได้รวบรวมสถานประกอบการที่ได้รับตราสัญลักษณ์ SHA ครอบคลุมกลุ่มต่าง ๆ ทั้งโรงแรมและที่พัก สุขภาพและความงาม นันทนาการและสถานที่ท่องเที่ยว ยานพาหนะ และอื่นๆ กว่า 100 บูธ มานำเสนอสินค้าและบริการการท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวราคาลดพิเศษตั้งแต่ 15-50 %

 

ภายในงานได้จัด กิจกรรมเวิร์กชอปสินค้าด้านการท่องเที่ยว โชว์เคสสินค้าการท่องเที่ยวโดยชุมชน เสวนาเกี่ยวกับประสบการณ์การท่องเที่ยว โดย คุณภูริ หิรัญพฤกษ์ คุณแอน อธิชา คุณหนุ่ย เจ้าของเว็บไซต์และแฟนเพจ Beartai : แบร์ไต๋ และหมอช้าง ทศพล ศรีตุลา ร่วมพูดคุยในหัวข้อ เที่ยวยังไงให้เสริมพลัง

 

ขณะเดียวกัน ททท. ยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดออนไลน์โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 200 ราย เพื่อขายสินค้าท่องเที่ยวมาตรฐาน SHA ราคาพิเศษสุด ๆ ผ่านทางเว็บไซต์ th.socialgiver.com เพื่อร่วมกันช่วยเหลือภาคธุรกิจท่องเที่ยว เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศ สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบวิถีใหม่ New Normal ทำให้ไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางอันดับแรกที่จะเลือกเดินทางท่องเที่ยวต่อไป

 

            บรรยากาศภายในงาน “เที่ยวไทย มั่นใจไปกับ SHA” ช่วงเปิดงานวันแรก 11 กันยายน 2563 มีนักท่องเที่ยวจำนวนหลายร้อยคนทยอยเข้ามาแวะช้อปแพกเกจห้องพักของโรงแรมหรูในภาคใต้ รีสอร์ตริมทะเลอันดามันและอ่าวไทย รวมทั้งการท่องเที่ยวชุมชนแถบภาคกลาง

 

            สวนสามพราน นครปฐม รีสอร์ตติดแม่น้ำนครชัยศรี นำแพกเกจ 2 วัน 1 คืน มาขายราคาพิเศษเริ่มต้น 2,100 บาท/คืน พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ให้ครอบครัวสามารถทำกิจกรรมในปฐมวิเลจได้ด้วย หรือจะไปซื้อบัตรทำกิจกรรมที่สนใจเพิ่มตอนเข้าพักก็ได้ ซึ่งได้รับความสนใจมีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนทันทีที่เปิดบูธขายวันแรก ตามเป้าหมายจะใช้งาน “เที่ยวไทย มั่นใจไปกับ SHA” สื่อถึงลูกค้าว่ารีสอร์ตแห่งนี้กลับมาเปิดบริการตามปกติแล้ว หลังจากปิดชั่วคราวไปเมื่อช่วงรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ช่วงเมษายน-กรกฎาคม 2563

            นายณรัล วิวรรธนไกร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท สยาม เวลเนส จำกัด (มหาชน) หรือ SPA เจ้าของแบรนด์เวลเนสสปา ระรินจินดาและ Let’s Relax กล่าวว่า หลังได้รับตราสัญลักษณ์ SHA ก็นำผลิตภัณฑ์เข้าร่วมขายในงาน “เที่ยวไทย มั่นใจไปกับ SHA” ชูไฮไลต์การขายเป็นคอร์ส 5 ครั้ง ลด 15 %  10 ครั้ง ลด 20 % รวมทั้งการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ Stretch Me by Let’s Relax บริการใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวสาขาเพิ่มอีกแห่งที่ ชั้น 2 เซ็นทรัล เวิลด์ กรุงเทพฯ เริ่ม 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป

พร้อมทั้งยังจะใช้งาน เที่ยวไทย มั่นใจไปกับ SHA กระตุ้นรายได้ช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี 2563 เพราะหลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ธุรกิจสปาได้รับผลกระทบพอสมควร พอกลับมาเปิดใหม่อีกครั้งตอนนี้สถานการณ์เริ่มกระเตื้องกลับมาได้ประมาณ 30 % ภายในสิ้นปีนี้หากทำยอดขายได้ถึง 40 % ก็จะช่วยรักษาการจ้างงานและธุรกิจสปาส่งสัญญาณในทิศทางที่ดีเช่นกัน

            ทั้งนี้บรรยากาศการขายของผู้ประกอบการที่ได้ตราสัญลักษณ์ SHA ผู้ร่วมขายในงาน “เที่ยวไทย มั่นใจไปกับ SHA” ณ ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่าน มิตรทาวน์ วันแรก 11 กันยายน 2563 ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวแวะเยี่ยมชมหลากหลายกลุ่มทั้งวัยเก๋า ครอบครัว และคนรุ่นใหม่

 

ข่าวที่ 4 ททท.ภาคใต้ชูมิวสิควาฬเกยตื้นปั๊มรายได้ท่องเที่ยวเพิ่ม300ล้าน

นายนิธี สีแพร ผู้อ านวยการภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้จัดแคมเปญ “ชีพจรลง South…Wow แล้วไปให้ถึง” เน้นการเดินทางท่องเที่ยวแบบวิถีใหม่ NEW NORMAL ใช้กลยุทธ์Music Marketing ปลุกกระแสเที่ยวไทย เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ผ่าน Music Video “วาฬเกยใต้” นำแสดงโดย กัญจน์กันต์ ปรีชาวุฒิคุณ นักร้องแนวอินดี้เจ้าของเพลง "วาฬเกยตื้น" ที่มียอดวิวใน Youtube กว่า160 ล้านวิว ด้วยมีเนื้อหาตรงกับภาพลักษณ์ และแนวทางส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวภาคใต้ ร่วมปลุกกระแสกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อ และไลฟ์สไตล์ชอบท่องเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน ๆ ชอบถ่ายรูป ออกเดินทางจริง ตั้งเป้าจะใช้กิจกรรมดังกล่าวกระตุ้นคนท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า30,000 ราย สร้างรายได้กว่า 300 ล้านบาท

 

ขณะเดียวกัน ททท.ภูมิภาคภาคใต้จับมือกับพันธมิตรทำโปรโมชั่นพิเศษ ดังนี้

 

1.บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จ ากัด (มหาชน) ช่วยกระตุ้นการเดินทางเที่ยวภาคใต้ ทำโปรโมชั่นผ่านโรงแรมและบริการต่างๆ  อาทิ โรงแรมร้านอาหาร สปา ต่าง ๆ กว่า 50 ราย เปิดให้ผู้สนใจเลือกรับสิทธิพิเศษได้จาก 2 ช่องทาง คือ 1.แอปพลิเคชั่น True ID และ 2.www.trueyou.co.th โดยดาวน์โหลดสิทธิพิเศษเพื่อนำไปใช้เดินทางได้ ตั้งแต่วันนี้- 31 ธันวาคม 2563

 

2.ร่วมกับทางสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (TFOPTA) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) สมาคมผู้ประกอบการน าเที่ยวไทย(สนท.) สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย(สธทท.) สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(ATTA) สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(TTAA) เสนอขายแพกเก็จพิเศษตามรอย Music Video “วาฬเกยใต้” ผ่านเครือข่ายสมาชิกกว่า 100 บริษัท ขาย5 เส้นทาง เจาะกลุ่มคนไทยที่ชอบไปเที่ยวต่างประเทศหันกลับมาเที่ยวไทยมากขึ้น

 

ข่าวที่ 5 ททท.ชวนเที่ยวงานประเพณีรับบัวบางพลี4วันรวด 28ก.ย.-1 ต.ค.นี้

 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานฉะเชิงเทรา ชวนท่องเที่ยวงานประเพณีรับบัว  ประจำปี  2563  ของชาวบางพลีที่มีอย่างยาวนานของชุมชนชาวมอญจัดขึ้นช่วงเทศกาลออกพรรษา ปีนี้จัดต่อเนื่อง 4 วัน ระหว่าง  28  กันยายน - วันที่  1  ตุลาคม  2563  ณ บริเวณที่ว่าการอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ แต่ละวันมีกิจกรรมหลากหลายให้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ดี ๆ แบบโบราณ

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน ทำพิธีเปิดงานประเพณีรับบัว ประรำพิธี วัดบางพลีใหญ่ใน พระอารามหลวง ตั้งแต่ช่วง 10.00 น.จากนั้นก็จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมกิจกรรม สัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่น

วันอังคารที่ 29 กันยายน  ช่วงเช้า 8.00 . เชิญชวนนักท่องเที่ยวและประชาชนมาร่วมพิธีแห่หลวงพ่อโตทางบก เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

 

วันพุธที่ 30 กันยายน 2563 ต้อนรับบรรยากาศยามเช้าด้วยการเชิญชวนไปร่วพิธีตักบาตรพระทางเรือ ได้ในช่วงเวลา 6.30 น.บริเวณ ที่ว่าการอำเภอบางพลี จัดตั้งแต่วัดบางพลีใหญ่ไปจนถึงวัดบางพลีใหญ่กลาง โดยชาวบ้านสองฝั่งคลองจะโยนบัวลงเรือในขบวนแห่หลวงพ่อโต เป็นบรรยากาศความสุขที่สัมผัสได้จากงานนี้ทุกปี

 

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นวันปิดท้าย ได้จัดการแสดงให้ชมอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ 7.00 น. ชมการแสดงเพลงพื้นบ้านชาวสมุทรปราการ (เวทีหน้าอำเภอ) จากนั้นช่วง 08.00 . ตื่นตากับขบวนเรือหลวงพ่อโตทางน้ำและประกวดเรือประเภทต่างๆ จากศูนย์ราชการเทศบาลตำบลบางพลี ถึงวัดบางพลีใหญ่กลาง พร้อมการแสดงดนตรีไทย โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่ใน (เวทีหน้าอำเภอ) ต่อเนื่อง พิธีปิดงานประเพณีรับบัว ประจำปี 2563 มอบของที่ระลึกแก่ผู้สนับสนุน ผู้ชนะการประกวดประเภทต่างๆ อำลากันด้วยกิจกรรมจัดการแข่งขันกินข้าวต้มมัด

 

ข่าวที่ 6 TCEBเปิดเวทีชี้ทางรอดไมซ์ยันโควิดตัวเร่งบิ๊กเชนจ์แนะวิถีใหม่4C

 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ จัดสัมมนา MICE TALK 2020 :The New Phenomenon of Global Economy :เมื่อเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนเราต้องปรับ” วัตถุประสงค์ให้ผู้เกี่ยวข้องภาครัฐและเอกชนได้รับฟังการวิเคราะห์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นการเปลี่ยนแปลงโลกครั้งใหญ่หลังไวรัสโควิด-19 เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ เพราะไมซ์เป็นอุตสาหกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างรายได้จำนวนมาก สร้างเงินทางตรงและทางอ้อม การจัดเลี้ยง จัดแสดง การบิน รวมทั้งยังสามารถกระจายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศตลอด

แต่สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะผลกระทบทางเศรษฐกิจภาพรวมลดลงถึง 70% จึงต้องหันมาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ ล่าสุดได้เปิดโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” จัดสรรงบประมาณสนับสนุนเอกชนจัดงานไมซ์ จึงขอให้เวทีนี้เปิดมุมมองทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพิ่มพูนความรู้จากการระดมความเห็นนำไปปรับกลยุทธ์ยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ต่อไป

โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญแต่ละภาคส่วนขึ้นเวทีนำเสนอภาคธุรกิจไมซ์ ถึงการผ่าทางรอดเมื่อโลกเปลี่ยนเราต้องปรับ ประกอบด้วย ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภาและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขึ้นปาฐกถา จากนั้นก็มีทั้งนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญทางด้านโลกดิจิทัล เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมไมซ์ ได้แก่ รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจารย์อาร์ม ตั้งนิรันดร อาจารย์ประจำนิติศาสตร์จุฬาลงกรณ์ เชี่ยวชาญเรื่องจีน และ ดร.สันติธาร เสถียรไทย ประธานทีมเศรษฐกิจและประธาน Sea Group

 

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจากแต่ละภาคส่วนมีความเห็นตรงกันว่า สถานการณ์ไวรัสโควิดเป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลง ทางออกของอุตสาหกรรมไมซ์ ต้องมุ่งมั่นการจัดการใช้เวลาช่วงนี้ปรับปรุงพื้นฐานนอกจากจะทำให้ตัวเองแข็งแกร่ง แล้วยังต้องเร่งสร้างพันธมิตรควบคู่ไปด้วย เพราะยุคนี้จะไม่มีGlobal Supply Chain อีกต่อไปแล้ว โจทย์ทั้งหมดเปลี่ยนไปเป็นโลกวิถีใหม่ New Normal

 

ดร.สันติธาร เสถียรไทย ประธานทีมเศรษฐกิจและประธาน Sea Group แนะนำทางออกการปรับตัวของไมซ์หลังโควิดผ่านการทำแบบสำรวจความเห็นเรื่องดิจิทัลกับเยาวชนทั่วอาเซียนกว่า 70,000 คน พบกว่า 1. มากกว่า 87 % ระบุว่าใช้อุปกรณ์กับแอพลิเคชั่นมากขึ้นกว่า 1 อย่าง 2.เกินกว่า 42 % รู้จักการใช้เพิ่มมากขึ้น 3.กราฟฟิกที่คนใช้ดิจิทัลมากขึ้น โซเชียลมีเดีย ช้อปปิ้ง วิดีโอสกรีมมิ่ง พร้อมคำถามว่าใช้แล้วจะใช้แบบถาวรแบบเหตุการณ์โควิดหรือไม่ คือ แอพลิเคชั่น 2 ใน 3 น่าจะเป็น New Normal ถาวร

 

ช่วงที่ 2 เที่ยวช่วยชาติฟื้นเศรษฐกิจตามวิถีใหม่ไปกับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยไปกับ SHA ตลุยวังและวัดโบราณได้ใน “พระนครศรีอยุธยา” ชมพระราชวังบางปะอิน วัดนิเวศธรรมประวัติวรวิหาร วัดพระศรีสรรเพชร วัดพระใหญ่ แล้วแวะกินอาหารร้านเทรนด์ใหม่มาแรง X BEEF ส่วนสุขภาพ ฟังด่วน “5วิธีเลือกกินผักผลไม้ลดเสี่ยงปลอดสารพิษ” และข่าวเด่น  ๆ “สุวรรณภูมิ เปิดแล้ว” บริการรถปรับอากาศวิ่งเส้นทางประจำไปเมืองท่องเที่ยว หัวหิน กับพัทยา ตั๋วราคาแค่ 130 และ 294 บาท/เที่ยว

 

เที่ยวไทยเส้นทางปลอดภัยไปกับSHAตามวังวัดโบราณอยุธยา

ออกเดินทางกับทริปง่าย ๆ สบาย ๆ เที่ยวบ่อย ๆ ได้ทุก ๆ วัน เพื่อเพิ่มความถี่ออกไปท่องเที่ยววันธรรมดาจะยิ่งดีเรื่องการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นด้วย ทริปนี้ชวนขับรถเที่ยวตามเส้นทางที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว แนะนำจุดหมายปลายทางแหล่งท่องเที่ยวตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย : Amazing Thailand Safty & Health Administration :SHA ใน“อำเภอบางปะอิน” จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

 

แหล่งท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดคือ “พระราชวังบางปะอิน” เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกวันตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึง 4 โมงเย็น ที่ยังคงความงดงามทางสถาปัตยกรรมตามรูปแบบวังโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้รับการบูรณะอีกครั้งในยุคกรุงรัตนโกสินทร์สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วทรงใช้เป็นสถานที่ประทับเมื่อทรงเสด็จแปรพระราชฐานช่วงฤดูร้อน

 

ชื่นชมพระราชวังโบราณรอบบริเวณเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถนั่งกระเช้าข้ามไปยัง “วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร” สถานที่บำเพ็ญพระราชกุศลเมื่อทรงเสด็จแปรพระราชฐาน เปิดทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 5 โมงเย็น วัดแห่งนี้มีความแปลกตาทางด้านสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกแบบกอทิกเหมือนโบสต์คริสต์ มีมุมสวย ๆ ให้เซลฟี่ชวนเพื่อน ๆ มาท่องเที่ยวเพิ่มได้

 

ขับรถต่อเข้ามาเที่ยวต่อใน “อำเภอพระนครศรีอยุธยา” แวะสักการะพระใหญ่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์พระมงคลบพิตร ประตูชัย มีกำแพงเมืองที่ได้บูรณะไว้เป็นอย่างดี ไม่ไกลกันมี “วัดพระศรีสรรเพชญ์” อดีตวังหลวงประจำพระราชวังโบราณ มีจุดเด่นคือเจดีย์ทรงลังกา 3 องค์ ก่อสร้างทอดยาวจากทิศตะวันออกและตะวันตก นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปด้วยอีกวัดด้วยลักษณะการก่อสร้าง สีสัน ความศักดิ์สิทธิ์ ล้วนเป็นแรงดึงดูดใจให้ต้องแวะเมื่อไปถึงเมืองเก่าพระนครศรีอยุธยา

 

สำหรับอาหารการกินในพระนครศรีอยุธยามีให้เลือกอย่างหลากหลายตลอดทั้งวัน อย่างร้านโมเดิร์นสไตล์สวนสมัยใหม่ นักท่องเที่ยวนิยมแวะเข้าไปลิ้มรสชาติอาหารสไตล์ปิ้ง-ย่าง แนะนำต้องที่ร้าน “เอ็กซ์ บีฟ (X Beef)” เปิดมื้อกลางวันถึงค่ำ ตั้งแต่ 11.00-22.00 น.

เที่ยวเมืองไทย สะดวก ง่าย สบาย กับวิถีใหม่กับประสบการณ์ใหม่ ไปพร้อม ๆ กับการส่งเสริม่เส้นทางท่องเที่ยวมาตรฐาน SHA มาช่วยกันกระจายรายได้สู่ทุกชุมชนกับทุกทริปท่องเที่ยวไทย

 

 

ดังนั้นจึงพอบอกได้ทันทีกับธุรกิจไมซ์ว่า แอพลิเคชั่น แพลตฟอร์ม วีดีโอสกรีม ทำไมซ์ในรูปแบบประชุมเสมือนจริง (Virtaul Meeting) ยังมีบทบาทสำคัญ ส่วนออฟไลน์ก็สำคัญและยังจะคงอยู่ต่อไปแต่ต้องขยายสู่ไฮบริดมากขึ้น ไม่ใช่ออนไลน์เพียว ๆ อย่างเดียว

 

ปัจจัยขับเคลื่อนธุรกิจต่าง ๆ ยังพึ่งการใช้ดิจิทัลอยู่ ซึ่งวิเคราะห์แล้วพบเครื่องมือใหม่ที่ควรนำมาใช้คือ 4 C : C1 -convenience touchless economy ความสะดวก เมื่อคนใช้มาก ๆ สมัยก่อนพอจัดอีเวนต์แล้วบอกว่ามี virtual คนจะถามว่าทำไมต้องมี C2 -Cost หรือต้นทุน เพราะเงินสดมีค่ามหาศาล ดังนั้นต้นทุนคงที่เป็นเรื่องสำคัญ ฉนั้นการปรับตัวอย่างรวดเร็วลดต้นทุนคงที่ได้จะช่วยธุรกิจได้มาก เช่น shopee ร้านค้าย่อยที่เข้ามาขายจะคิดเสมอ แล้วดิจิทัลจะช่วยขยับตัวได้ง่ายขึ้น C3 :Capabilities ความสามารถทางการแข่งขัน เป็นเครื่องมือปรับตัว ตั้งทีมดูแล ปรับการสื่อสาร ดูงบทำการตลาดออนไลน์ เหมือนการสร้างกล้ามเนื้อใหม่ขึ้นมา แล้วต้องใช้ต่อไป C4 :Customization การรู้จักลูกค้า ปัจจุบันและอนาคต ถึงความต้องการสินค้าที่เราผลิต เป็นผลมาจากการใช้เดต้าดิจิทัลทำให้ยิงได้ตรงเป้าแม่นยำมากยิ่งขึ้น เช่น เมนูร้านอาหารจากกระดาษเป็นดิจิทัล ซึ่งมีประโยชน์หลายอย่างสามารถเก็บความจำไว้ถึงความต้องการของลูกค้า ทำได้ในสเกลใหญ่

 

ทั้ง 4 C จะช่วยการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เพียงแค่ลมพัดผ่านช่วงโควิด แต่สามารถขยายตัวเป็นไฮบริดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ที่ทรงประสิทธิภาพอย่างมาก

 

5 วิธีกินผักผลไม้ลดเสี่ยงจากสารเคมีปนเปื้อน

 

ผักและผลไม้  เป็นอาหาร  2  หมู่ ในอาหารหลัก  5  หมู่ของไทย  แม้ว่าการกินผักและผลไม้  จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามิน  แร่ธาตุ  ใยอาหาร  ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันโรคและความเสื่อมสภาพของเซลล์  แต่ถ้าจะให้ได้ประโยชน์สูงสุด  ควรจะเลือกรับประทานผักและผลไม้ให้ถูกวิธี  ซึ่งมีสิ่งที่ควรคำนึงถึง  ดังนี้

 

1.กินผักตามฤดูกาล  เพราะเป็นช่วงผักเติบโตตามธรรมชาติศัตรูพืชน้อย  เกษตรกรก็ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมี  แถมยังซื้อหาได้ง่ายในราคาที่ไม่แพง มีผักให้เลือกหลากหลาย  ได้สารอาหารที่แตกต่างกันไปเป็นประโยชน์กับร่างกาย

 

2.ผักพื้นบ้านกินดีมีประโยชน์ ผักพื้นบ้านของไทยล้วนมีรสชาติอร่อย  มีคุณค่าทางอาหารสูง  หลายชนิดมีสรรพคุณทางยา  ช่วยป้องกันโรคได้  และยังหารับประทานง่ายราคาก็แสนจะถูก  เช่น  กระถิน  กระเจี๊ยบ  ขี้เหล็ก  แค  ตําลึง  ผักหวานบ้าน 

 

3.ล้างผักให้เป็นนิสัย การกินผักเป็นประจำส่งผลดีต่อสุขภาพ  วิธีง่าย คือ   1.ล้างด้วยน้ำไหล  โดยแช่น้ำ 15 นาที เปิดน้ำไหลผ่านและคลี่ใบผักถูไปมานาน 2 นาที หรือ 2. แช่ในน้ำผสมน้ำส้มสายชู 5 % อัตราส่วนน้ำส้มสายชู  1  ช้อนโต๊ะต่อน้ำ  4  ลิตร  แช่นาน  15  นาที   3.ใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต  (เบคกิ้งโซดา)  ครึ่งช้อนโต๊ะผสมน้ำ  10  ลิตร  แช่ทิ้งไว้  15 นาที  จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาด  4.  น้ำยาล้างผักที่จำหน่ายโดยทั่วไปนำมาผสมน้ำตามอัตราส่วนที่ระบุในฉลากแช่ทิ้งไว้ประมาณ  3  นาทีแล้วล้างด้วยน้ำสะอาด

 

4.เลือกซื้อผักจากแหล่งที่ปลอดภัย ปัจจุบันมีการปลูกผักปลอดสารพิษวางขายในท้องตลาดมากมาย  มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐาน  ทราบที่มาการผลิต  เช่น  ผักอนามัย  รับรองโดยกรมวิชาการเกษตร   ผักเกษตรอินทรีย์  เป็นผักที่ปลูกโดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีป้องกันกําจัดโรคและแมลงเลย  โดยมีสํานักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์เป็นผู้รับรอง  ผักระบบ  CSA  ,  เลือกจากร้าน/ตลาดเขียว  หรือถ้าต้องซื้อผักจากร้านค้าทั่วไป  ควรระวังผักที่มีคราบขาวของสารเคมี

 

5.ปลูกผักกินเองดีที่สุดเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เราและคนในครอบครัวได้บริโภคผักที่ปลอดจากสารพิษอย่างสิ้นเชิง  แถมยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย  มีกิจกรรมร่วมกันของคนในครอบครัว  ทำให้ที่พักอาศัยดูร่มรื่นน่าอยู่อีกด้วย

 

ข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก สุวรรณภูมิเปิดแล้วรถปอ.หัวหินและพัทยาค่าตั๋ว130/294บาท

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการรถบัสโดยสารปรับอากาศ กลับมาเปิดให้บริการรถโดยสาร ไป-กลับ ระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิ สู่ 2 เมืองท่องเที่ยว  ได้แก่ หัวหิน และพัทยา โดยเน้นมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยตามระเบียบปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุขเต็มรูปแบบ ส่วนนักท่องเที่ยวสามารถไปใช้บริการได้ตรงบริเวณอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 1 ประตู 8 โดยมีรอบการเดินรถดังนี้

สุวรรณภูมิ- หัวหิน วันละ 1 เที่ยว รถออกเวลา 12.30 น. / หัวหิน - สุวรรณภูมิรถออกเวลา 11.00 น. ค่าโดยสาร 294 บาท/คน/เที่ยว

สุวรรณภูมิ - พัทยา วันละ 4 เที่ยว รถออกเวลา 09.00 น. 12.00 น. 15.00 น. และ 18.00 น. ค่าโดยสาร 130 บาท/คน/เที่ยว ขากลับจากพัทยา - ทสภ. มีรถออกวันละ 4 เที่ยว เวลา 09.00 น. 12.00 น. 15.00 น. และ 18.00 น. ค่าโดยสาร 130 บาท/คน/เที่ยว

ทั้งนี้ ตารางการเดินรถอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์จึงขอให้ผู้โดยสารสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ 08-6324-2391 หรือ AOT Contact Center 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง

 

ข่าวที่สอง หนีกรุงโชว์ความสำเร็จOnePicBigDreamลุยซีซัน3ต่อ10จังหวัด

นายรัฐรงค์ ศรีเลิศ กรรมการบริหาร บริษัท หนีกรุง คอนเน็ค จำกัด ผู้ผลิตรายการ เปิดเผยว่า ได้สร้างสรรค์ “รายการ One Pic Big Dream เกมภาพกระตุกต่อม ซีซัน 2 เป็นเกมโชว์รายการแรกของเมืองไทยที่ผสมผสานเอาสองเรื่องราวที่ถือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนไทยในปัจจุบัน  คือ เรื่องการท่องเที่ยวและการถ่ายภาพมานำเสนอในรูปแบบของเกมการแข่งขันถ่ายภาพในแบบ Photo Battle ทำให้รายการ One Pic Big Dream เกมภาพกระตุกต่อม ในซีซั่น 2 ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย มีผู้ติดตามชม 10 ตอน ผ่านทาง PPTV 36 และทางช่องทางสื่อออนไลน์ของหนีกรุงรวมกันกว่า 20 ล้านคน  แล้วคอยติดตาม ซีซัน 3 ต่อเนื่องได้เร็ว ๆ นี้ ทางช่องเดิม จะขยายผลกระตุ้นต่อมต่ออีก 10 จังหวัด เป็นอีกช่องทางที่จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจกระจายตัวไปตามท้องถิ่นต่าง ๆ โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และผู้สนับสนุนรายการที่เห็นถึงความแปลกใหม่ที่เข้าถึงไลฟสไตล์คนไทยในปัจจุบันร่วมสนับสนุนเป็นอย่างดีมาตลอด

 

สำหรับรายการ One Pic Big Dream ถือเป็นรายการเกมโชว์ที่ฉีกแนวและได้รับความสนใจอย่างสูง ตอกย้ำว่าการท่องเที่ยวและการถ่ายภาพ ไม่ใช่ตลาดนักเดินทางเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) อย่างที่เคยคิดกันมาเหมือนเมื่อสิบปีก่อน ตรงกันข้ามวันนี้การเดินทางท่องเที่ยวและการถ่ายภาพสวยงามทั้งเพื่อบันทึกความทรงจำและเพื่อโพสในสื่อออนไลน์นับเป็นไลฟ์สไตล์ของคนไทยยุคนี้อย่างแท้จริง  และชี้ให้เห็นแนวทางเกมโชว์ยุคใหม่ที่นำเสนอแบบ Reality Edutainment จะได้ความสนใจมากขึ้น

 

นอกจากสนุกกับการเดินทางไปเปิดมุมมองใหม่ในโลเคชั่นที่ชวนกระตุกต่อมท่องเที่ยวแล้ว ผู้ชมยังได้สาระและมุมคิดดีๆรวมถึงเทคนิคการถ่ายภาพหลากหลายแนวจากผู้เข้าแข่งขัน”

 

ล่าสุดประกาศและมอบรางวัล One Pic Big Dream Awards ซีซั่น 2 ผู้คว้ารางวัลชนะเลิศได้แก่ นายพลฤทธิ์ ฐิติวริทธินันท์ ชนะเลิศที่ 1 คว้ารางวัลเงินสด 300,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ และ นายชนัตพล หวังเพิ่ม รับรางวัลรองชนะเลิศ มูลค่า 50,000 บาท การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศปีนี้สูสีเข้มข้นกว่าซีซั่นแรก ทำให้ภาพถ่ายจากช่างภาพที่ร่วมการแข่งขันครั้งนี้ได้เปิดมุมมองใหม่ด้านการท่องเที่ยวอย่างมากมายทั้ง10จังหวัด

 

            ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai