ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เปิดใจ“ประธานสมาพันธุ์ท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคฯ”หนุน“ภูเก็ต-สมุย”โมเดล แนะดึงแกนนำ5-10จังหวัดท่องเที่ยวดังขึ้นเวทีระดมสมองผ่าทางรอดปี’64

 

เปิดใจ“ประธานสมาพันธุ์ท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคฯ”หนุน“ภูเก็ต-สมุย”โมเดล

แนะดึงแกนนำ5-10จังหวัดท่องเที่ยวดังขึ้นเวทีระดมสมองผ่าทางรอดปี’64

ช้อปด่วนที่คิงเพาเวอร์Super Special Dealsลด30%โอกาสทองถึง30ก.ย.

พูลแมนคิงเพาเวอร์ชวนชิมเซ็ตญี่ปุ่นโทคูชุ4คอร์สลดแรง30%วันนี้-31ต.ค.

คิงเพาเวอร์คว้ารางวัลAREA2020ปีที่2ตอกย้ำผู้นำโปรเจ็กต์CSRช่วยสังคม

ททท.-มูลนิธิ-ส.โรงแรมไทยเดินหน้าแจกมาตรฐานโรงแรมควบSHA98แห่ง

ททท.ทุ่มล้านเดียวกระตุ้นAmazing Grand Saleโกยรายได้กว่า1,170ล้าน

ททท.ปลุกท่องเที่ยวสวนผลไม้งานใหญ่ลางสาดอุตรดิตถ์ 28ก.ย.-7ต.ค.63

TCEBปลื้มหลังจัดThailandMICEUnitedส่งสัญญาณดีตลาดไมซ์ฟื้น

ล้างพิษด้วยผลไม้2ชนิด “แอปเปิ้ล-อาโวคาโด”ได้ผลต่อสุขภาพชัดเจนจริง

ทายาทรีเจนท์ชะอำทุ่มเพิ่ม1.2พันล้านเปิดวาลาหัวหินรุกขายตลาดเศรษฐี

สสว.ดันTHAILAND SUREปั้นSMEsท่องเที่ยวฟื้นธุรกิจหลังโควิด-19

 

ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  #สมาพันธุ์ธุรกิจท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย  #ทททมาตรฐานSHA

 

ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสมาพันธุ์ธุรกิจท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย 

ช่วงที่ 1 เปิดใจ “ชำนาญ ศรีสวัสดิ์” ประธานสมาพันธุ์ธุรกิจท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย นำเอกชนภาคใต้รุกตลาดทุกช่องทาง ย้ำ SHA ททท.ช่วยปั๊มยอดขายกระเตื้อง ระดมธุรกิจกว่า 1,000 รายลุยค้าออนไลน์ เร่งชงงข้อเสนอรัฐบาลเปิดเวทีระดับประเทศเชิญตั้งแต่รากหญ้าไปจนถึงเจ้าของกิจการพื้นที่ท่องเที่ยวยอดนิยม 5-10 จังหวัด ผ่าทางรอดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ระบุทั้ง 3 โมเดล “ภูเก็ต-สมุย-STV” ต้องเริ่มใช้จริงเพื่อนำเข้าตลาดต่างชาติเที่ยวไทย ย้ำไม่สามารถล็อกดาวน์ได้ยาวถึง 2 ปี เพราะต้องเลือกจะปลอดโควิด 0 % หรือปล่อย NPL ทั้งประเทศ พร้อมเชิญชวนเที่ยวกระบี่ปลายปี63 แหล่งท่องเที่ยวทะเล และธรรมชาติ สวยสุด ๆ เป็นโอกาสของคนไทย

 

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสมาพันธุ์ธุรกิจท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคใต้กระตือรือร้นเข้าร่วมรับตราสัญลักษณ์ Amazing Thailand Safty & Health Administration : SHA ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยล่าสุด ททท.เปิดเวทีให้ธุรกิจท่องเที่ยวภาคใต้เข้าร่วมเปิดบูธฟรีในงาน “เที่ยวไทย มั่นใจไปกับ SHA” ครั้งที่ 1 บริเวณชั้น 5 สามย่าน มิตรทาวน์ กรุงเทพฯ สร้างโอกาสให้เอกชนได้นำสินค้ามาขายหรือได้ทำงานหลังเจอผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 เป็นกิจกรรมการขายท่องเที่ยวภาคใต้ของผู้ประกอบการ 300 ราย ต่อเนื่องจากโครงการตั้งโต๊ะจับคู่เจรจาธุรกิจ Table top Sale 2563 สถานที่เดียวกันคือสามย่าน มิตรทาวน์  ทั้งสองโครงการสามารถต่อยอดทำการตลาดโดยนักท่องเที่ยวคนไทยตอบรับได้ค่อนข้างดี เริ่มเห็นสัญญาณกำลังซื้อเพิ่มขึ้น

ขณะนี้ทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคใต้กว่า 1,000 ราย กำลังเดินหน้าต่อด้วยกลยุทธ์การผลิตแพกเกจท่องเที่ยวแล้วนำมาให้ตัวแทนบริษัทนำเที่ยว (travel agency) จากส่วนกลางนำเสนอขายควบคู่กันไปด้วย ส่วนภาคใต้ก็จะผลักดันการขายอีกช่องทางผ่านออนไลน์คู่ขนานกันไป

 

สำหรับตราสัญลักษณ์มาตรฐาน SHA เป็นเรื่องที่ดีถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นกับผู้บริโภค ขณะนี้ในส่วนของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเข้าใจเรื่อง SHA เป็นอย่างดี เพราะผ่านการฝึกอบรมมาหลายครั้งก่อนจะเข้าระบบมาตรฐานดังกล่าว แต่ทางฝั่งผู้บริโภคหรือนักท่องเที่ยวอาจจะยังไม่เข้าใจเรื่อง SHA มากนัก ดังนั้นจึงอาจจะต้องสื่อสารสัญลักษณ์ถึงผู้บริโภคมากขึ้นต่อไป

 

ทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็พยายามช่วยอธิบายถึงมาตรฐาน SHA แต่ผู้บริโภคก็จะให้ความสำคัญถามถึงเรื่อง “ราคาแพกเกจท่องเที่ยว” มากกว่า ดังนั้นภาครัฐจะต้องขับเคลื่อนด้วยอีกทาง

 

นายชำนาญยืนยันว่า ขณะนี้การขายท่องเที่ยวช่วงฤดูเดินทางปลายปี 2563 เปลี่ยนไปแตกต่างจากเดิมอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ “โรงแรมภาคใต้” ในอดีตห้องพักระดับ 4-5 ดาว จะขายราคาคืนละ 4,000 บาทขึ้นไป/ห้อง ก็ลดลงมาเหลือเพียงคืนละ 1,200 บาท/ห้อง หรือห้องพัก 5 ดาวขึ้นไป เคยขายคืนละ 6,000-7,000 บาท/ห้อง ก็ลงมาเหลือประมาณคืนละ 2,000-3,000 บาท/ห้อง จึงเป็นโอกาสของนักท่องเที่ยวไทยได้ไปพักผ่อนโรงแรมคุณภาพตามสโลแกน “พักติดดาวในราคาติดดิน” ทั่วภาคใต้ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยไม่สามารถขึ้นราคาได้จนกว่าจะเริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้

 

ในสถานการณ์ปกตินักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีจะสัดส่วนใช้บริการห้องพักโรงแรมภาคใต้ แบ่งเป็น ตลาดในประเทศ 50 % ต่างประเทศ 50 % แต่พอต่างชาติหายไปก็จะมีห้องว่างเหลือถึง 50 % พฤติกรรมของคนไทยจะเลือกเที่ยวช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ นักขัตฤกษ์ ส่งผลให้มีห้องว่างช่วงวันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ เหลืออยู่เป็นจำนวนมาก จึงส่งผลทำให้โรงแรมต้องลดราคาลงมาอีกก็เป็นได้

 

ปัจจุบันอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมภูมิภาคภาคใต้ไม่แน่นอนขึ้นลงตามวัน เช่น บางวันเฉลี่ย 70-80 % บางวันลดลงมาเหลือ 3-5 % จากการสอบถามโรงแรมทางฝั่งภูเก็ต กระบี่ สมุย ช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ อัตราเข้าพักเฉลี่ยดีมาก แต่พอวันธรรมดาแทบจะไม่มียอดเข้าพักเลย

 

ทางสมาพันธุ์ธุรกิจท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคฯ ได้ประชุมร่วมกับทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยได้เสนอให้พิจารณาขับเคลื่อนการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ๆ เพราะไม่ว่าจะทำโครงการใดขึ้นมาก็ไม่สามารถเติมเต็มห้องพักโรงแรมได้ทั้งหมด โดยเฉพาะโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวจองโดยไม่ได้กำหนดระยะเวลาชัดเจน จึงเสนอใหม่ขอให้กำหนดช่วงเดือนลงไป เช่น สิงหาคม ระบุให้กลุ่มนักท่องเที่ยวอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) เดินทางโครงการ “เที่ยวปันสุข” ให้ครบทั้งหมด  จำนวน 2 ล้านคน ก็อาจจะมีเงินหมุนเวียนได้ถึง 2,000 ล้านบาท หรือกระตุ้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศอีก 2-3 ล้านคน เดินทางท่องเที่ยวเดือนต่อไปก็จะมีเงินต่อเนื่องเข้าระบบเศรษฐกิจต่อได้อีก หรือพฤศจิกายน-ธันวาคม นี้ เชิญชวนนักเรียน นักศึกษา ท่องเที่ยวอีก 2 ล้านคน หรือให้ข้าราชการดีเด่น เที่ยวปีใหม่ เป็นตัวอย่างการกำหนดเวลาเติมเงินจากนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มให้ต่อเนื่องชัดเจน

 

หรือจะเลือกใช้ “ภูเก็ต โมเดล” นำเข้านักท่องเที่ยวต่างประเทศตามเงื่อนไขอย่างมีข้อจำกัด ทำควบคู่กันไป

 

แต่ไม่ใช่ประกาศนโยบายเสร็จเรียบร้อยแล้วแล้ว แต่กลับไม่รู้จะให้คนเหล่านี้ไปท่องเที่ยวช่วงไหน เวลาใด เศรษฐกิจก็ไม่ได้ประโยชน์จริง ฉนั้นการกำหนดเวลาแต่ละโครงการที่นำเงินรัฐบาลเข้าไปสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ ต้องทำให้ชัด ๆ มากกว่านี้

 

ข้อเสนอดังกล่าวทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายืนยันจะนำไปเสนอในเวทีรัฐบาลต่อไป

นายชำนาญกล่าวว่าทุกฝ่ายต้องร่วมกันนำเสนอข้อมูลเพื่อชั่งน้ำหนักถ่วงดุลระหว่างจะรักษามาตรฐานความปลอดภัยเพียงอย่างเดียวแต่เศรษฐกิจไปต่อไม่ได้ หรือจะทำอย่างไรต่อไป แนวทางตามข้อเสนอของสมาพันธุ์ธุรกิจท่องเที่ยวภาคใต้ คือ 1.รับต่างชาติเข้ามาบ้างโดยการจำกัดและควบคุมอย่างใกล้ชิด 2.ระหว่างรอเวลาก่อนจะถึงปีใหม่นี้เอกชนยังต้องพึ่งภาครัฐช่วยประคองให้สายป่านการทำธุรกิจอยู่ได้

 

สำหรับ “ภูเก็ต โมเดล” นั้นทางผู้ประกอบการภูเก็ตได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาวิเคราะห์ แต่ก็ต้องชั่งน้ำหนักคือ จะเลือกภูมิใจกับการปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19 ที่ตัวเลข 0 % แล้วปล่อยให้เกิดหนี้เสียภาคเอกชน (NPL) ทั้งระบบ จะเลือกอย่างไหน ส่วนใหญ่แล้วเอกชนน่าจะคิดไปทิศทางเดียวกัน

ส่วนการนำเสนอ “สมุย โมเดล “ หรือหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้เปิดทำวีซ่าพิเศษ Special Tourism Visa :STV รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาพักเมืองไทยระยะยาวเกิน 90 วันขึ้นไป นั้น เป็นข้อเสนอที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอยู่แล้ว เช่น ผมได้คุยกับเพื่อนนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ทางประเทศเขาก็เปิดรับนักท่องเที่ยวบรูไน มาเลเซีย เพื่อผ่อนคลายด้านเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับไทยผมมั่นใจจะมีทางออกคล้าย ๆ กันกับสิงคโปร์ ทำให้เดินต่ออย่างสวยงามในเร็วๆ นี้

 

นายชำนาญกล่าวว่าด้วยมาตรฐานความเก่งของพนักงานสาธารณสุข ผนวกกับรัฐบาลก็คงไม่มีนโยบายนำเข้าโควิด-19 เข้าประเทศอย่างแน่นอน แต่เอกชนก็ต้องด้วยอีกทางคือดูแลให้นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามเกณฑ์ด้านสุขอนามัย เพราะประเทศไม่สามารถปิดล็อกดาวน์น่านฟ้าหรือปิดรับตลาดต่างประเทศได้ถึง 2-3 ปี เพราะจะเกิด NPL ทั่วประเทศอย่างแน่นอน

 

 

ขณะเดียวกันความคาดหวังจากรัฐบาลที่จะปลดล็อกปัญหาต้องประเมินสถานการณ์ต่อสถานการณ์ ไม่สามารถระบุชัด ๆ ได้ เพียงแต่อยากเสนอให้รัฐบาลเปลี่ยนวิธีแก้ปัญหาจากการเปิดเวทีให้เฉพาะคนที่มีตำแหน่งใหญ่ ๆ มีชื่อเสียง บางส่วนเข้าไปร่วมแสดงความเห็น ก็เปลี่ยนมาเป็นเปิดเวทีระดมความเห็นระดับภาค หรือ เปิดเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่นำร่องสัก 5 เมือง มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เช่น ภูเก็ต กระบี่ สมุย หัวหิน พัทยา เชียงใหม่ มาถกกัน ให้เอกชนหลายกลุ่มคละกันมาคิดร่วมกันตั้งแต่รากหญ้าไปจนถึงเจ้าของกิจการ สร้างเวที “สื่อสารสองทาง” ทั้งผู้ปฏิบัติและผู้ขับเคลื่อนนโยบายน่าจะดีกว่าปัจจุบัน

 

เพราะปัจจุบันในฐานะตัวแทนเอกชนก็ยังไม่เห็นประโยชน์ชัดเจนจากโครงการต่าง ๆ ที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ในขณะนี้ ในฐานะผู้ประกอบการในจังหวัดกระบี่ได้รับความนิยมจากตลาดในประเทศสูงพอสมควร หลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมากแต่มีข้อจำกัดจะเดินทางเที่ยวได้เฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ส่วนวันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ ยังมีน้อยมาก และขาดแรงกระตุ้นให้คนออกเดินทางอย่างจริงจัง

 

ขณะเดียวกันเรื่องบริการสายการบินโลว์คอสต์ พอนักท่องเที่ยวกระจุกตัวอยู่เฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทำให้ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินแพงมาก ทางออกจึงอยากจะเสนอรัฐบาลให้ช่วยสายการบินทำราคาคงที่หรือ Flash Rate เหมาราคาถูก ไป-กลับ จากกรุงเทพฯ ปลายทางทั่วไทย 2,000-2,500 บาท/คน ต่างจากตอนนี้ราคาทะลุ 2,500-4,000 บาท/คน ทำให้นักท่องเที่ยวเสียความรู้สึก ราคาคงที่นั้นรัฐบาลอาจจะช่วยอุดหนุนเงินส่วนต่างให้สายการบินก็ได้

 

นายชำนาญกล่าวว่าปลายปี 2563 ช่วงฤดูเดินทางท่องเที่ยวทะเลภาคใต้ อยากเชิญชวนให้คนในประเทศเลือกท่องเที่ยวกระบี่ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสวยงาม เช่น ทะเลสวยมากมีพื้นที่ว่างเที่ยวสบาย ๆ คนน้อยสามารถเลือกนั่งได้ตามมุมที่ชื่นชอบได้  น้ำตกธารโบกขรณี น้ำตกท่าปอม และอื่น ๆ ช่วงนี้กระบี่น่าท่องเที่ยวมากสุด เพราะที่ผ่านมามีต่างชาติมาพักผ่อนราว 60 % ปีนี้ไม่มีต่างชาติคนไทยเข้ามาเที่ยวได้เลยทุก ๆ วัน

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวที่ 1 ช้อปด่วนที่คิงเพาเวอร์Super Special Dealsลดสุดๆ30%ถึง30ก.ย.63

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนช้อปแคมเปญ “Super Special Deals” ระหว่างวันนี้ – 30 กันยายน 2563 มาช้อปดีลพิเศษในราคาดิวตี้ฟรี ลดสูงสุด 30% เพียงเข้าไปรับรหัสส่วนลดสามารถใช้ได้ที่ www.kingpower.com หรือ แอปพลิเคชัน KING POWER ก็รับทันทีส่วนลดสินค้าปกติลดสูงสุด 20%ส่วนลดสินค้าพิเศษ ลดสูงสุดถึง 30%เมื่อช้อปครบ 3,000 บาทขึ้นไป สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ทุกรายการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์สามารถสะสมกะรัตได้

 

รายการส่งเสริมการขายนี้เฉพาะสั่งซื้อสินค้า BRANDNAME สินค้าแฟชั่น, เครื่องสำอาง เสื้อผ้า เครื่องหนัง และแบรนด์ชั้นนำเฉพาะที่ร่วมรายการในแคมเปญนี้เท่านั้น ส่งตรงถึงบ้าน ในราคา DUTY FREE

สินค้าร่วมจัดรายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

 

สำหรับสินค้าจัดรายการ Super Special Deals จะใช้เวลาในการจัดเตรียมสินค้านานกว่าปกติ ซึ่งจะได้รับสินค้าภายใน 5 - 10 วันทำการขอสงวนสิทธิ์สินค้าร่วมรายการส่งเสริมการขายนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับ GWP ได้

 

สามารถแบ่งชำระ 0% ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ดังนี้ 1.นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อช้อปครบ 15,000.- (สุทธิ) / 1 รายการสั่งซื้อ 2.นานสูงสุด 6 เดือน เมื่อช้อปครบ 10,000.- (สุทธิ) / 1 รายการสั่งซื้อ

           

 

ข่าวที่ 2 พูลแมนคิงเพาเวอร์ชวนชิมเซ็ตโทคูชุ4 คอร์สพร้อมลด30%วันนี้-31ต.ค.

 

เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง นอกจากประเทศญี่ปุ่นจะมีอากาศที่เริ่มเย็นสบาย ต้นไม้และใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีแดงและสีทองอร่าม ช่วงเวลานี้ก็ยังเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเพลิดเพลินไปกับวัตถุดิบพรีเมียมประจำฤดูกาลที่คัดสรรมาสำหรับรังสรรค์เป็นเมนูอาหารญี่ปุ่นรสเลิศอีกด้วย

 

ห้องอาหารเท็นชิโนะ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ ขอเชิญทุกท่านมาสัมผัสประสบการณ์ลองลิ้มชิมรสอาหารญี่ปุ่นสุดพรีเมียม ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัตถุดิบประจำฤดูกาลในประเทศญี่ปุ่น กับเซ็ตเมนูโทคูชุฤดูใบไม้ร่วง 4 คอร์ส (Tokushu Autumn 4-Course Set) ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2563

 

โดยเชฟแพนและทีมที่รังสรรค์เมนูสุดพิเศษจากวัตถุดิบหลักที่ดีที่สุดประจำฤดูกาล ควบคู่ไปกับความตั้งใจที่จะสื่อความหมายให้อาหารแต่ละจานออกมาตรงกับคำว่า “ฤดูใบไม้ร่วง” ได้อย่างชัดเจนที่สุด

 

ตัวเลือกสำหรับเซ็ตเมนูโทคูชุฤดูใบไม้ร่วง 4 คอร์ส ประกอบไปด้วย

เมนูปลาและสลัด ปลาดิบประจำฤดูกาล หรือ สลัดฤดูใบไม้ร่วงสไตล์ญี่ปุ่น

อาหารเรียกน้ำย่อย” เห็ดเท็มปุระ หรือ รากบัวผสมกุ้งทอด

“อาหารจานหลัก” สเต็กปลาแซลมอน เสิร์ฟพร้อมซอสชิโสะ โฟมส้มยูสุ หรือ เนื้อริบอาย เสิร์ฟพร้อมฟักทองญี่ปุ่น เกาลัดพูเร่ ซอสพอนสึ

“ของหวาน” โรลมันหวานญี่ปุ่นสอดไส้ครีมฮอกไกโด หรือ เค้กหยดน้ำเสิร์ฟพร้อมฟักทองญี่ปุ่น

 

พิเศษ แขกผู้เข้าพักที่โรงแรมฯ สมาชิก คิง เพาเวอร์ และผู้ที่ทำการจองล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์ รับส่วนลดทันที 30% เหลือเพียง 1,393 บาทสุทธิต่อชุด จากราคาเต็ม 1,990 บาท

 

ห้องอาหารเท็นชิโนะเปิดให้บริการทุกวันอังคาร – วันเสาร์ เวลา 18.00  – 23.00 น.สำรองที่นั่งออนไลน์ โทร. 0 2680 9999 หรือ คลิก https://tenshinobangkok.com/book-online/?trackingCode=microsite_offer

 

 

ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์คว้ารางวัลAREA2020ปีที่2ตอกย้ำผู้นำโปรเจ็กต์ช่วยเหลือสังคม

 

นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ โครงการช่วยเหลือสังคม “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย’ ของ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติต่อเนื่องเป็นปีที่ 2  จากงานประกาศรางวัล ‘Asia Responsible Enterprise Awards 2020’ หรือ AREA 2020 ด้าน Social Empowerment หรือ การสร้างความเข้มแข็งให้สังคม จากทั่วเอเชียแปซิฟิก มีผู้ส่งโครงการเข้าประกวดทั้งสิ้น 200 โครงการ  19 ประเทศ จัดโดย Enterprise Asia องค์กรอิสระ ที่สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจ และสังคมแบบองค์รวมในเอเชีย มุ่งส่งเสริมการพัฒนาความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรต่างๆ ในภูมิภาค เพื่อยกระดับสถานภาพทางเศรษฐกิจ และสังคมให้ยั่งยืนต่อไป

 

ผมรู้สึกดีใจ และเป็นเกียรติที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจอันดีของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ที่เชื่อมั่นในศักยภาพ และพลังของคนไทย และความสำเร็จนี้ ซึ่งเกิดขึ้นความร่วมมืออย่างดีจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ พันธมิตรต่างๆ คณะผู้บริหาร พนักงานในองค์กร คู่ค้า ชุมชน และประชาชน ล้วนมีส่วนร่วมให้โครงการต่างๆ บรรลุความสำเร็จด้วยดี ตามที่ตั้งเป้าไว้ รางวัลนี้เป็นเพียงภาพสะท้อนของความมุ่งมั่น ตั้งใจ และเจตนารมณ์อันดีของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ที่ต้องการเห็นเยาวชน ชุมชน และสังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และได้รับโอกาสพัฒนาศักยภาพของตนเอง เพื่อนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของชุมชน และสังคมไทย ครบทุกมิติต่อไป

 

นายอัยยวัฒน์ย้ำว่า ตั้งแต่ปี 2560 คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย มอบโอกาส สร้างรอยยิ้ม และสร้างความเข้มแข็งโรงเรียนและชุมทั่วประเทศกว่า 4,000 โรงเรียน 400 ชุมชน  จึงเชื่อมั่นในพลังคนไทยเสมอมา หากนำพลังคนไทยมารวมกัน ทำในสิ่งที่ดีให้กับสังคม ช่วยพัฒนาประเทศ สิ่งที่ยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างแน่นอน

 

ส่วนกิจกรรมโครงการที่ลงมือทำครอบคลุม 3 แกนหลัก ได้แก่ กีฬา (Sport Power) ดนตรี (Music Power) และชุมชน (Community Power) ผ่านโครงการต่างๆ มากมาย อาทิ  

 

1.โครงการล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย ที่ตั้งเป้ามอบลูกฟุตบอลมาตรฐานให้กับเยาวชนในพื้นที่ห่างไกลทั่วทั้งประเทศ 1 ล้านลูก  

2.โครงการ 100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย ที่สร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมขนาดมาตรฐานระดับโลกและมอบให้กับโรงเรียน หรือชุมชนที่ขาดแคลน

3.โครงการประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติเพื่อเป็นเวทีให้นักดนตรีจากทั่วโลกได้มีพื้นที่ในการแสดงความสามารถ

4.โครงการส่งเสริมสินค้าชุมชนไทยก้าวไกลไปเวทีโลก ชูจุดแข็งและภูมิปัญญาของชาวบ้าน และต่อยอดสินค้าให้ตอบโจทย์ตลาดต่างประเทศ พร้อมเป็นช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าชุมชนในระดับสากล

 

ข่าวที่ 4 ททท.-มูลนิธิ/สมาคมโรงแรมไทยลุยแจกมาตรฐานโรงแรมควบSHA98แห่ง

 

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ร่วมกับมูลนิธิมาตรฐานโรงแรมไทย และสมาคมโรงแรมไทย ทำโครงการฟื้นฟูและพัฒนาอุตสาหกรรมโรงแรมภายใต้นโยบาย “ซ่อม-สร้าง” ต่อเนื่องมาตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ภายใต้โครงการ Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA ที่ได้นำเข้าไปส่งเสริมพัฒนาและยกระดับมาตรฐานโรงแรมไทยให้ผู้ประกอบการเร่งปรับปรุง พัฒนาสินค้าและบริการ ยกระดับโรงแรมสู่มาตรฐาน 3-5 ดาว ให้สอดรับกับวิถีใหม่ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย ตอกย้ำสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติทั่วโลก 

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานพิธีมอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานโรงแรม (Thai Hotel Standard) ประจำปี 2563 ให้โรงแรมระดับ 3-5 ดาวที่ผ่านเกณฑ์ 98 แห่ง ที่ได้การรับรองทั้งสองมาตรฐานควบคู่กัน

 

            สำหรับเกณฑ์มาตรฐานที่พักเพื่อการท่องเที่ยวที่ ททท.มูลนิธิมาตรฐานโรงแรมไทย และสมาคมโรงแรมไทย นำมาใช้พิจารณาโรงแรมที่รับรองพร้อมตราสัญลักษณ์ SHA ครั้งนี้ ได้คัดเลือกโรงแรมที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึง 5 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย

 

1.สภาพทางกายภาพ อาทิ สภาพแวดล้อม ที่ตั้ง ของโรงแรมทั่วประเทศ 2.การก่อสร้าง โรงแรม เช่น โครงสร้างทางกายภาพของโรงแรม ระบบภายในโรงแรม การเลือกใช้วัสดุ ระบบความปลอดภัย 3. สิ่งอํานวยความสะดวกสําหรับผู้เข้าพักและผู้มาใช้บริการ เช่น ปริมาณของใช้ที่จัดให้ อุปกรณ์ตกแต่ง ภายในโรงแรม 4.คุณภาพการบริการและการรักษาคุณภาพ อาทิ บุคลิกภาพพนักงาน คุณภาพการบริการ ของสถานประกอบการ และ5. การบํารุงรักษาโรงแรมและสิ่งอํานวยความสะดวกต่าง ๆ ด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย 

 

นายประกิจ ชินอมรพงษ์ รองประธานมูลนิธิมาตรฐานโรงแรมไทย กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศที่ขายผ่านช่องทางออนไลน์ 66,209 แห่ง รวมจำนวนห้องพักทั้งหมดราว 1.8 ล้านห้อง ตามข้อมูลจากกรมการปกครอง ณ วันที่ 6 พ.ค. 2563 แบ่งไว้เป็น 1.กลุ่มโรงแรมที่ถูกกฎหมาย 16,282 แห่ง จำนวน 783,855 ห้อง และ 2.กลุ่มโรงแรมที่ไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย 49,927 แห่ง มีมากถึง 1.06 ล้านห้อง  

 

ช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 สร้างผลกระทบทำให้ผู้ประกอบการบางรายขาดสภาพคล่องจนต้องหยุดธุรกิจหรือประกาศขายกิจการ ส่วนโรงแรมที่ยังคงเปิดบริการอยู่ต้องเผชิญปัญหาขาดรายได้เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวหรือผู้ใช้บริการลดลงมาก  แต่ตอนนี้โรงแรมทั่วประเทศต่างปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามวิถีปกติใหม่ (New Normal) เน้นให้ความสำคัญกับความปลอดภัย สุขอนามัย และมาตรการป้องกันโรคเป็นหลัก

 

ทางมูลนิธิมาตรฐานโรงแรมไทย กับ ททท.และสมาคมโรงแรมไทย จึงร่วมมือกันทำโครงการยกระดับมาตรฐานโรงแรมที่พักพัฒนาให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ด้วยการมอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานโรงแรม 3-5 ดาว แก่ผู้ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์ฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความมั่นใจในมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยดังกล่าว 

 

ทั้งนี้มีสถานประกอบการที่ได้รับมอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานโรงแรม ประจำปี 2563  ผ่านเกณฑ์ ตามตัวชี้วัดหลักที่ระบุไว้ 98 แห่ง ประกอบด้วย 1.โรงแรมที่ได้รับมาตรฐานระดับ 5 ดาว 28 แห่ง 2.โรงแรมที่ได้รับมาตรฐานระดับ 4 ดาว 46 แห่ง 3.โรงแรมที่ได้รับมาตรฐานระดับ 3 ดาว  24 แห่ง 

 

ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ททท. มั่นใจในภาพรวมโครงการความร่วมมือมอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานโรงแรม และตราสัญลักษณ์ SHA คือการส่งสัญญาณให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเตรียมพร้อมรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวหลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย อีกทั้งยังจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ไทยให้เป็นประเทศจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยววิถีใหม่ เต็มเปี่ยวด้วยคุณภาพโดยมีมาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัยสูง ประการสำคัญที่สุดคือนักท่องเที่ยวไทยและนานาชาติจะเลือกเป็นจุดหมายปลายทางเพื่อเดินทางเข้ามาเที่ยวเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกในเร็ววันนี้ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ของประเทศในรูปแบบท่องเที่ยววิถีใหม่เที่ยวไทยอย่างยั่งยืน

 

ข่าวที่ 5 ททท.แจกล้านเดียวกระตุ้นAmazing Grand Saleโกยกว่า1,170ล้านบาท

 

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานพิธีมอบรางวัลผู้โชคดีโครงการ Amazing Thailand Grand Sale 2020 โดยมีพันธมิตร อาทิ Shopee , แอปพลิเคชั่น UTU, Thai Smile , Bangkok Airway  , Major Cineplex ร่วมเป็นสักขีพยานอย่างพร้อมเพรียงกัน

 

ตลอดการจัดทำโครงการ AmazingThailandGrandSale 2020 สามารถกระตุ้นการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทย (Expat) สร้างรายได้ทำให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ มูลค่ารวมกว่า 1,170 ล้านบาท

 

ส่วนการมอบรางวัลผู้โชคดีมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท เพื่อเป็นของขวัญชิ้นพิเศษหลังสิ้นสุดโครงการฯ ให้แก่ผู้ที่มียอดการใช้จ่ายในร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการครบทุก 5,000 บาท จะได้ 1 สิทธิ์  ช่วงการจัดงานปี 2563  มีผู้เข้าร่วมลุ้นสิทธิ์กว่า 200,000 สิทธิ์ โดยมีรางวัลให้ลุ้นรับ 32 รางวัล  ไฮไลต์รางวัลใหญ่อย่าง รถยนต์ Mitsubishi All New Xpander Cross บัตรโดยสารเครื่องบินจากไทยแอร์เอเชียและไทยสมายล์ แพ็กเกจที่พักโรงแรม Bandara Villas ภูเก็ต อุปกรณ์สื่อสารที่ทันสมัย (Gadget) และอื่น ๆ 

 

 

ข่าวที่ 6 ททท.ปลุกท่องเที่ยวสวนผลไม้งานลางสาดอุตรดิตถ์ 28ก.ย.-7ต.ค.63

 

นางสิรินาถ ฉัตรศุภกุล ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแพร่ ดูแลพื้นที่แพร่และอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า ร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวในงาน “เทศกาลลางสาด ลองกองหวาน และสินค้า OTOP อุตรดิตถ์ ประจำปี 2563”เมืองมหัศจรรย์แห่งผลไม้  ระหว่าง 28 กันยายน – 7 ตุลาคม 2563   ณ บริเวณสนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ควบคู่การส่งเสริมการผลิต การจำหน่ายผลไม้ และผลิตภัณฑ์ OTOP ของจังหวัด การพัฒนาระบบเศรษฐกิจ และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์งานประเพณีสำคัญของอุตรดิตถ์ให้แพร่หลายมากขึ้นต่อไป

 

ทุกปีช่วงเดือนกันยายนอุตรดิตถ์ซึ่งเป็นแหล่งปลูกลองกองรสหวานคุณภาพดีของประเทศ จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดมาก การจัดงาน “เทศกาลลางสาด ลองกองหวาน และสินค้า OTOP อุตรดิตถ์ ประจำปี 2563 ” มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ตลอด 10 วัน 10 คืน อาทิ พิธีเปิดงานที่ยิ่งใหญ่ วันที่ 28 กันยายน 2563 เวลา 14.00 น. น. เป็นต้นไป ณ บริเวณหน้าอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก กิจกรรมไฮไลท์ที่สำคัญ  การจำหน่ายสินค้า OTOP การประกวดลางสาด-ลองกอง สับปะรด กล้วยน้ำหว้า  การประกวดสินค้า OTOP และกิจกรรมการประกวดและแข่งขันการทำอาหารเมนูลางสาด และกิจกรรมประกวดธิดาลางสาด

 

เมื่อมาร่วมชมงานแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวสวนผลไม้อำเภอลับแล และร่วมสัมผัสประสบการณ์วิถีใหม่ตามสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในอุตรดิตถ์อีกหลายแห่งได้ด้วย

 

ข่าวที่ 7 TCEBปลื้มสัญญาณดีThailand MICE Unitedตลาดไมซ์ฟื้นเร็ว

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า หลังจาการจัดงานไฮบริดไมซ์เต็มวัน “Thailand MICE United” แสดงความพร้อมของอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศหลังสถานการณ์โควิด -19 มีผู้ประกอบการตัวแทนขายสามารถกระตุ้นตัวแทนผู้ซื้อเข้าร่วมได้กว่า 6,000 ราย โดยมีไฮไลต์เป็นงานจับคู่การซื้อขายในลักษณะ Trade Mart ควบคู่กับการเสวนาจัดแสดงเทคโนโลยี  และเปิดตัว 2 เมืองไมซ์ ซิตี้

 

ในการจัดงาน Thailand MICE United  ถือเป็นสัญญาณชัดเจนที่สุดเรื่องความพร้อมของอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยเริ่มฟื้นตัวจากความท้าทายที่ได้รับผลกระทบอย่างแรงจาก COVID-19 งานนี้ยังเป็นการยืนยันอีกครั้งถึงความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของทีเส็บกับรัฐบาลในการสร้างความมั่นใจในการสนับสนุนแบบองค์รวมสำหรับอุตสาหกรรมอย่างมั่นคงต่อไปในอนาคต  

 

ช่วงเปิดงานได้รับเกียรติจาก นายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณาสุข กำกับดูแลทีเส็บ ขึ้นปาฐกถาพิเศษในงาน 'Thailand MICE United' และตลอดงานทั้งวันมีผู้เข้าร่วมรวมแล้วเกือบ 6,000 คน ทั้งที่บริเวณการจัดงานที่พารากอน ฮอลล์  1,240 คน และชมผ่านทาง Facebook live อีก 4,778 คน เป็นภาพสะท้อนถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านไมซ์ของไทยพร้อมจะร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้ก้าวพ้นจากโควิด -19 ไมซ์ในประเทศเป็นศูนย์กลางไมซ์ของภูมิภาคเอเชียต่อไป

 

โดยเฉพาะการจัดด MICE Mart ซึ่งเปิดให้ผู้ประกอบการไมซ์ผู้ขายและผู้ซื้อนัดหมายล่วงหน้าภายใต้มาตรการด้านสุขภาพและความปลอดภัยมีผู้ทั้งหมด 360 ราย ประกอบด้วย ผู้ขายในไทยจากทั่วประเทศ 132 ราย และผู้ซื้อ 305 ราย สร้างพลังการผลักดันไมซ์สร้างเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2564 ต่อไป

 

พร้อมทั้งจัดไฮไลท์เปิดตัวเมืองใหม่ไมซ์ 2 แห่ง ได้แก่ สงขลาในภาคใต้และนครราชสีมาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยคุณสมบัติตามเกณฑ์ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงกิจกรรมอย่างหลากหลายมีประสิทธิภาพ ต่อเนื่องจากไมซ์ ซิตี้ ปัจจุบันมี มีอยู่แล้ว 5 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่พัทยา ภูเก็ต และขอนแก่น

 

ทั้งนี้ทีเส็บยังได้จัดโครงการสนับสนุนไมซ์ระหว่างประเทศด้วย 4 แคมเปญ ได้แก่ 1.'Ease Up' สร้างแรงจูงใจด้านการจัดประชุม 2.Convene Plus 3.Re-Energize Exhibition' สสนับสนุนแสดงสินค้า และ 4.Thailand Power-Up สนับสนุนการจัดงานและเทศกาลขนาดใหญ่

 

                ช่วงที่ 2 การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการใช้ธรรมชาติล้างสิ่งสะสมในร่างกาย วันนี้แนะนำ “ล้างพิษด้วยผลไม้2ชนิด แอปเปิ้ลกับอาโวคาโด” ได้ผลชัดเจน ส่วนข่าวที่น่าสนใจ “ทายาทรีเจนท์ชะอำลงทุนใหม่ 1,200 ล้าน” เปิดตัว “วาลาหัวหิน” ชูคอนเซ็ปต์ลักชัวรี่รีสอร์ตสมาชิก SLH รุกเจาะตลาดเศรษฐี ทางด้าน “สสว.โหมโปรโมตมาตรฐาน THAILAND SURE” ช่วยเอสเอ็มอีท่องเที่ยวฟื้นธุรกิจหลังโควิด-19

 

ล้างพิษด้วยผลไม้ 2ชนิด “แอปเปิ้ลกับอะโวคาโด”ได้ผลชัดเจนจริง

 

เมื่อพูดถึงการล้างพิษในร่างกาย “อาหาร” จัดได้ว่าเป็นยาที่ดีที่สุด ในอาหารโปรดหลายชนิดนั้นช่วยล้างพิษในร่างกายได้ ไม่ว่าจะเป็น ตับ ลำไส้ ไต หรือผิวพรรณ ทั้งยังช่วยป้องกันการก่อตัวของสารพิษได้อีกด้วย รวมทั้งยังปกป้องสารพิษจากมลภาวะรอบตัว การเสพติดอาหาร ควันบุหรี่มือสอง รวมไปถึงสารพิษชนิดอื่นๆ ด้วยการรับประทานอาหารผลไม้อร่อยๆ ผักสด ถั่ว และน้ำมันชนิดต่างๆ ดังนี้

 

1. แอปเปิ้ล - เพราะในแอปเปิ้ลอุดมไปด้วยเพคติน ซึ่งเป็นเส้นใยอาหารชนิดที่สามารถดักจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายได้ ช่วยกำจัดสารพิษแล้วขับออกมาทางลำไส้ ถ้าจะให้ดีควรเลือกทานแอปเปิ้ลที่ปลูกแบบออแกนิก

 

2. อะโวคาโด -เรามักจะคิดแค่ว่าอะโวคาโดเป็นอาหารคลีน แต่ความจริงแล้วอะโวคาโดนี้เป็นแหล่งของสารอาหารที่ทรงพลัง ทั้งยังมีคอเลสเตอรอลต่ำ และช่วยขยายหลอดเลือด และช่วยปิดกั้นสารพิษที่เข้ามาทำลายหลอดเลือดแดง นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีชื่อว่ากลูต้าไธโอน ช่วยต้านทานสารก่อมะเร็งได้อย่างน้อยถึง 30 ชนิดด้วยกัน อีกทั้งยังช่วยล้างพิษตับจากสารเคมีต่างๆ ได้

 

ล้างพิษด้วยผลไม้ 2ชนิด “แอปเปิ้ลกับอะโวคาโด”ได้ผลชัดเจนจริง

 

เมื่อพูดถึงการล้างพิษในร่างกาย “อาหาร” จัดได้ว่าเป็นยาที่ดีที่สุด ในอาหารโปรดหลายชนิดนั้นช่วยล้างพิษในร่างกายได้ ไม่ว่าจะเป็น ตับ ลำไส้ ไต หรือผิวพรรณ ทั้งยังช่วยป้องกันการก่อตัวของสารพิษได้อีกด้วย รวมทั้งยังปกป้องสารพิษจากมลภาวะรอบตัว การเสพติดอาหาร ควันบุหรี่มือสอง รวมไปถึงสารพิษชนิดอื่นๆ ด้วยการรับประทานอาหารผลไม้อร่อยๆ ผักสด ถั่ว และน้ำมันชนิดต่างๆ ดังนี้

 

1. แอปเปิ้ล - เพราะในแอปเปิ้ลอุดมไปด้วยเพคติน ซึ่งเป็นเส้นใยอาหารชนิดที่สามารถดักจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายได้ ช่วยกำจัดสารพิษแล้วขับออกมาทางลำไส้ ถ้าจะให้ดีควรเลือกทานแอปเปิ้ลที่ปลูกแบบออแกนิก

 

2. อะโวคาโด -เรามักจะคิดแค่ว่าอะโวคาโดเป็นอาหารคลีน แต่ความจริงแล้วอะโวคาโดนี้เป็นแหล่งของสารอาหารที่ทรงพลัง ทั้งยังมีคอเลสเตอรอลต่ำ และช่วยขยายหลอดเลือด และช่วยปิดกั้นสารพิษที่เข้ามาทำลายหลอดเลือดแดง

 

นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีชื่อว่ากลูต้าไธโอน ช่วยต้านทานสารก่อมะเร็งได้อย่างน้อยถึง 30 ชนิดด้วยกัน อีกทั้งยังช่วยล้างพิษตับจากสารเคมีต่างๆ ได้

 

ข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก ทายาทรีเจนทชะอำทุ่มเพิ่ม1.2พันล้านเปิดวาลาหัวหินเจาะตลาดคนรวย

 

นางสาววศุมา คณาธนะวนิชย์ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท รีเจ้นท์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า กลุ่มรีเจ้นท์ กรุ๊ป เพิ่มลงทุนโปรเจ็กต์ใหม่อีก 1,200 ล้านบาท พัฒนาบูติกรีสอร์ตระดับ 5 ดาว “วาลา หัวหิน-นู แชปเตอร์ โฮเทล : VALA Hua Hin-Nu Chapter Hotelsซึ่งขณะนี้ได้รับคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิก Small Luxury Hotels of the World : SLH ชูจุดขายด้านเอกลักษณ์ โดดเด่น หรูหราทันสมัย สร้างจุดหมายปลายทางพักผ่อนเจาะกำลังซื้อตลาดไฮเอนด์ที่ต้องการความแตกต่างจากทั่วไปในชะอำ หัวหิน

 

วาลา หัวหิน-นู แชปเตอร์ โฮเต็ล ชูจุดขายอันโดดเด่นตั้งอยู่พื้นที่กว่า 20 ไร่ ติดชายหาดยาวถึง 260 เมตร รายล้อมด้วยบรรยากาศส่วนตัว เงียบสงบ มีต้นไม้ใหญ่นานาชนิด แต่ละห้องมองวิวทะเลในมุมกว้าง ทั้งหมด 97 ห้อง แบ่งเป็นโซนห้องพักบนอาคาร 3 ชั้น 84 ห้อง มีระเบียงกว้างและเห็นวิวทะเลทุกห้อง โดยเฉพาะห้อง Deluxe Beachfront ชั้น 3 มีกระจกใสตั้งแต่เพดานจดพื้นสามารถชมวิวทะเลเต็มที่

 

สำหรับ“นู แชปเตอร์ โฮเทล” วางตำแหน่งธุรกิจที่จะบริหารด้วยกลุ่มคนรุ่นรุ่นใหม่ ส่วนโครงสร้างของรีสอร์ตได้ออกแบบให้มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยแนวคิด “Nature’s Touch with a Modern Design” ชูสถาปัตยกรรมทันสมัยให้เข้ากับบรรยากาศธรรมชาติแวดล้อมที่ลงตัว มีพื้นที่กว้าง เป็นส่วนตัว พร้อมาตรฐานการบริการเหนือความคาดหมาย

 

ข่าวที่สอง สสว.ดันTHAILAND SUREปั้นSMEsท่องเที่ยวฟื้นธุรกิจหลังโควิด

นายวีระพงศ์  มาลัย  ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว. เดินหน้าโครงการ THAILAND SURE 2020 ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโต (SME Regular Level) ร่วมฟื้นตัวอุตสาหกรรมท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง 2563 -2564 โดยจับมือกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ลุยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวแบบบูรณาการรองรับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19  ด้วยโครงการดังกล่าวเน้นสร้างมาตรฐานธุรกิจท่องเที่ยว เปิดให้ผู้ประกอบการลงทะเบียนเข้าร่วมรับมาตรฐาน THAILAND SURE 2020   7 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย

1. มาตรฐานร้านของฝาก : SURE Souvenir Shop Standard

2. มาตรฐานที่พัก โรงแรม : SURE Accommodation Standard

3. มาตรฐานร้านอาหาร : SURE Restaurant Standard 

4. มาตรฐานบริการขนส่งรถบัสและรถตู้ : SURE Bus and Van Standard

5. มาตรฐานตัวแทนการท่องเที่ยว บริษัทนำเที่ยว : SURE Travel Agency Standard

6. มาตรฐานของกลุ่มสปา และความงาม : SURE Spa & Beauty Standard

7. มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว : SURE Tourist Attraction Standard

 

สำหรับโครงการ THAILAND SURE 2020 ทาง สสว.ริเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวสาขาต่าง  ๆ นำความรู้ไปปฏิบัติจริงในกิจการ โดยต้องผ่านการรับรองจากคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงาน จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงจะผ่านเกณฑ์การพิจารณา ได้รับตราสัญลักษณ์ “Thailand SURE 2020” นี้

 

ตลอดปี 2563 โดยภาพรวมผู้ประกอบการที่ได้ตราสัญลักษณ์สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 2,000 ล้านบาท และเตรียมผลักดัน SMEs เติบโตในอนาคตสู่ SME SMART FORWARD ได้ดังนี้คือ

 

1.SMEs สามารถปรับตัวตามวิถีธุรกิจใหม่โดยการเชื่อมโยงและสร้างความมั่นใจด้านสุขอนามัย การใช้เทคโนโลยี ด้วยมาตรฐานและความปลอดภัย ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

 

2.เกิดผลผลิตเป็นรูปธรรม เช่น ผลิตภัณฑ์พัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีสะอาด (Clean Technology) Eco Design : ตอบโจทย์สิ่งแวดล้อม พัฒนาศักยภาพนวัตกรรมองค์กร (Innovation Organization) IOT DEMO รูปแบบจำลอง IOT Solution ผลิตภัณฑ์สปา ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปด้วยเทคโนโลยี และได้รับมาตรฐาน หรือใบรับรองสัญลักษณ์ทางโภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” ผลิตภัณฑ์สิ่งทอแฟชั่นที่มีนวัตกรรม ได้รับมาตรฐานและรับรองฉลากต่าง ๆ อาทิ ISO / GMP / GMP Codex / HACCP / Smart Fabric / CoolMode / เสื้อประหยัดไฟเบอร์ 5 / Thailand Textiles Tag ผลิตสมุนไพรไทยจากธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์เครื่องเงิน

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง