ททท.ตะวันออกเปิดแผนบุกตลาดวิถีใหม่More Fun กินสนุกเที่ยวสนุก-ปลายปี63ปลุกทัวร์ผจญภัย ปี64กระตุ้นท่องเที่ยวเทรนด์5Gฟรีสไตล์
ททท.ตะวันออกลุยขายวิถีใหม่“More Fun กินสนุกเที่ยวสนุก”
ปลายปี63บูมทัวร์ผจญภัย-ปี’64กระตุ้นเที่ยวเทรนด์5Gฟรีสไตล์
เปิดใจ “วิบูลย์ นิมิตรวานิช” ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โชว์แผนการตลาดรุกเร็วแรง ปลุกกระแส “More Fun :กินสนุก เที่ยวสนุก” ปลายฝนต้นหนาว “ทัวร์ผจญภัยและวิถีชุมชน” นครนายก ปราจีนบุรี เลือกพักผ่อนเมืองชายทะเล ชลบุรี-ระยอง-จันทบุรี-ตราด พร้อมเปิดแผนกลยุทธ์ปี’64 พร้อมลุย 3 โปรเจ็กต์ใหญ่ “More Fun ธีม 5G ฟรีสไตล์-ท่องเที่ยวซ้ำ-วันธรรมดาน่าเที่ยว” จัดเต็มสินค้าชุมชน อาหารสุขภาพ ทัวร์ซีเอสอาร์ กอล์ฟแอนด์เกม ปีหน้าชวนไปสนุกสุดเหวี่ยงเที่ยวตะวันออก 9 จังหวัดกับ “Go Health-Go High-Go Hearth-Go Golf&Game-Go Gourmet&Gastronomy”
นายวิบูลย์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมวางแผนกลยุทธ์การตลาดปีงบประมาณ 2564 จะเริ่มขับเคลื่อนตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563-30 กันยายน 2564 นี้ มุ่งกระตุ้นการท่องเที่ยวฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ โดยมีโจทย์หลักจะต้องให้ความสำคัญไปพร้อม ๆ กัน ได้แก่ จุดแข็ง จุดอ่อน ความเป็นไปได้ การท่องเที่ยววิถีใหม่ New Normal และการท่องเที่ยวตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย :Amazing Thailand Safty & Health Administration : SHA เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจในการเดินทางท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยมีความสุข
การวางกลยุทธ์กระตุ้นการท่องเที่ยวในภาคตะวันออกยังมีโอกาสสร้างรายได้กระจายครอบคลุมพื้นที่ 9 จังหวัด ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ประกอบด้วย
1.การท่องเที่ยวซ้ำ (repleater) ตามสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ เช่น เขตพื้นที่อำเภอบางละมุง อำเภอแสมสาร จ.ชลบุรี ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่งให้ไปสัมผัสเยี่ยมชม หลังจากได้ใช้เวลาสำรวจช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 พบหลายพื้นที่พร้อมนำเสนอขายการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร กิจกรรม สามารถส่งเสริมกระตุ้นการท่องเที่ยวซ้ำได้เป็นอย่างดี
2.การท่องเที่ยววันธรรมดา จันทร์-พฤหัสบดี ทุกสัปดาห์ สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลให้เร่งส่งเสริมการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวจากวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ หันมาเที่ยววันธรรมดาเพิ่มขึ้น เจาะกลุ่มตลาดหลัก ๆ คือ กลุ่มประชุมสัมมนา กลุ่มนักศึกษา กลุ่มวัยทำงาน สามารถ Workation-ทำงานที่ไหนก็ได้ เน้นการให้ความรู้เดินทางอย่างปลอดภัย โดยมีกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่องทางดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มหลากหลาย ด้วยแคมเปญ Hot Deal หรือการออฟไลน์จัดทำอีเวนต์ต่าง ๆ จัดตามพื้นที่กรุงเทพฯและภาคตะวันออก ผสมผสานกันไป เป็นทางเลือกให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสรรหาจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวใหม่ ๆ ตามความต้องการของแต่ละกลุ่มตลาด
3.ชูจุดขาย Amazing Thailand : More Fun ภายใต้ธีมใหม่ “5G ฟรีสไตล์” ชูเรือธง (flagship) เรื่องอาหารถิ่น มหานครแห่งผลไม้ ธีมนี้ประกอบด้วย
G1 : Good Health นำเสนอความโดดเด่นด้านอาหารสุขภาพต่าง ๆ
G2 : Go High กลุ่มตลาดคุณภาพสูง
เพื่อสร้างรายได้ มูลค่าเพิ่ม โดยใช้กิจกรรมกระตุ้นอย่าง การท่องเที่ยวเรือยอชท์
กิจกรรมผจญภัยพาย SUB
Broad ในแหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชื่อมต่อกับทะเล
G3 : Green Hearth เพิ่มปริมาณกิจกรรมจากเดิมเคยทำในภาคตะวันออกเป็นการท่องเที่ยวเพื่อบำเพ็ญประโยชน์สู่สังคม (CSR) เช่น ประชาสัมพันธ์การอาหารทะเลอย่างปู ก็จะรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวหันมาร่วมกันเดินทางไปทำกิจกรรมร่วมกับธนาคารปูเขี่ยไข่เพาะเลี้ยงแล้วปล่อยลงสู่ทะเลช่วยอนุรักษ์และขยายพันธุ์ให้ปูซึ่งเป็นอาหารของนักท่องเที่ยวมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างเพียงพอต่อการบริโภคด้วย เรื่อยไปจนถึงการปลูกหญ้าทะเลให้พะยูน
G4 : Golf and Game ปี 2563 มีกระแสตอบรับดีจากการทำแคมเปญ “คิดถึงก๊วน...ชวนตีกอล์ฟ” ท่องเที่ยววันธรรมดา ปี 2564 จึงจะต่อยอดเพราะเป็นกลุ่มท่องเที่ยวเชิงกีฬาใช้จ่ายเงินสูง โดยจะเชิญชวนให้มาเล่นกอล์ฟทั่วตะวันออก ส่วนเกมเน้นการท่องเที่ยวเชิงผจญภัยไปกับ การขับรถเอทีวี ล่องแก่ง เยี่ยมชมธรรมชาติ
G5 : Gourmet & Gastronomy นำเสนอการท่องเที่ยวสวนผลไม้ที่หลากหลายในภาคตะวันออก เช่น ทุเรียน เงาะ ลองกอง สละ ในพื้นที่ ระยอง จันทบุรี ตราด ส่วนนครนายกมีสวนมะยงชิด ฉะเชิงเทรามะม่วงกับมะพร้าว จะนำจุดเด่นของสินค้าในภาคตะวันออกมาเชิญชวนนักท่องเที่ยวไปใช้บริการ โดยเลือกใช้ช่องทางการสื่อสารให้ถูกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวได้ทุกเวลา
สนุกไปกับการผจญภัยกระโดดหอสูงโรงเรียนนายร้อย จปร.
นายวิบูลย์กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2564 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 ยังคงขับเคลื่อนการท่องเที่ยวภาคตะวันออกภายใต้แคมเปญ Amazing Thailand More Fun : กินสนุก เที่ยวสนุก ภาคตะวันออก” ควบคู่การณรงค์ท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ (Responsible Tourism) เช่น การกระตุ้นท่องเที่ยวทำกิจกรรมซีเอสอาร์ ปล่อยปูเกาะสีชัง หรือระยองเน้นกิจกรรมปลูกหญ้าทะเลให้พะยูน มีหลายแห่งด้วยกันคือ อ่าวคุ้งกระเบน อ่าวมันนอก/มันใน หรือบริเวณทะเลแถบแสมสาร แม้แต่อาหารการกิน ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ระดับร้านชุมชนจนถึงระดับภัตตาคาร
สำหรับพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จะไฮไลต์จุดขายแหล่งท่องเที่ยวโรงพยาบาลอภัยภูเบศร และภูภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี ขณะนี้มีบริการร้านอาหารเมนูสุขภาพตามธาตุ ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ นำวัตถุดิบสมุนไพรซึ่งเป็นทั้งอาหารและยามาทำอาหารและยังบอกถึงประโยชน์ต่อธาตุต่าง ๆ ในร่างกาย ผนวกกับการประชาสัมพันธ์โครงการ Chef Table หรืออาหารชุมชน ที่ได้รับความนิยมอย่าง “ชุมชนตะเคียนเตี้ย” อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี มีเมนูอัตลักษณ์ท้องถิ่น แกงไก่กะลา ผสมผสานเข้ากับการเปิดให้นักท่องเที่ยวร่วมทำกิจกรรม D.I.Y.ผ้ามัดย้อม และนั่งจิบกาแฟชุมชนที่ร้านไอโกะนำมะพร้าวท้องถิ่นมาใช้แทนครีมหรือนมสดรสชาติอร่อย วิวเก๋ ๆ ส่วนตลาดท่องเที่ยวแห่งใหม่มาแรง ตลาดท่าเรือพลี ในอำเภอเมือง แหล่งกินช้อปอาหารทะเลสดจากประมงพื้นบ้านเปิดเฉพาะวันเสาร์เท่านั้น
หรือจะไปชิมเมนูแห่งเดียวในเมืองไทยที่ “ชุมชนทะเลน้อย” จังหวัดระยอง ขณะเดียวกันก็มีชุมชนตลาดตะปอนใหญ่ จังหวัดจันทบุรี มีกิจกรรมความหลากหลายต้อนรับนักท่องเที่ยว
ส่วนการเชิญชวนไปท่องเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว ระหว่างกันยายน-ธันวาคม นี้ แนะนำเส้นทาง “ท่องเที่ยวเชิงผจญภัย” ในจังหวัดนครนายก ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) มีกิจกรรม กระโดดหอ โรยตัว ยิงธนู เพนต์บอล หรือจะเป็นการขับรถเอทีวีตลุยธรรมชาติ ส่วนเสาร์-อาทิตย์ มีกิจกรรมล่องแก่งหน้าเขื่อนขุนด่านปราการชล และในจังหวัดปราจีนบุรี มีไฮไลต์ล่องแก่งหินเพิง ผนวกกับใน 2 จังหวัดนี้ ยังมีเส้นทางท่องเที่ยววัด “วัดแจ้ง(เมืองเก่า)” อำเภอประจันตคามปราจีนบุรี นักท่องเที่ยวสามารถขอพรจากท้าวเวสสุวรรณองค์ใหญ่ที่สุดในโลก เรื่องสุขภาพดีและตามความเชื่อมั่งคั่งร่ำรวย หรือ “วัดฝั่งคลอง” อำเภอเมืองนครนายก ปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชนไทยพวน นำเสนอผ่านเรื่องเล่าด้วยแอนิเมชั่น และทำกิจกรรม D.I.Y.ทำไข่เค็มและการกิน “ไข่เค็ม-กล้วยหอม-กาแฟ” สูตรเจ้าอาวาสฝั่งคลอง รสชาติกลมกล่อมอร่อย
สำหรับการท่องเที่ยวทะเลหลังฤดูฝนไปแล้วชายหาดแต่ละแห่งธรรมชาติสมบูรณ์มาก รวมทั้งน้ำตกแถบจันทบุรี หรือไปท่องเที่ยววัดเขากระจก อำเภอขลุง มีต้นไม้อายุ 2,000 ปี เชื่อกันว่าจะเป็นประตูสู่สวรรค์ หากเป็นแฟนคลับคอกาแฟ สามารถแวะไปจันทบุรีมีให้เลือกกว่า 30 ร้านเก๋ ๆ ให้เลือกชีล ชิมและถ่ายรูปแชร์เผยแพร่ลงโซเชียลมีเดีย ชวนกันมาท่องเที่ยวภาคตะวันออกเพิ่มมากขึ้นช่วงปลายปี 2563 ต่อเนื่องถึงปี 2564 นั่นเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น