ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เจาะลึกส.คนพิการผนึกUnionPayบุกเบิกโปรเจ็กต์บิ๊กลุยขายตลาดจีน สินค้าแบรนด์ไทยตบเท้าร่วมเปิดแนวรุกท่องเที่ยวคนพิการเต็มรูปแบบ

 

 

เจาะลึกส.คนพิการผนึก
UnionPayบุกเบิกโปรเจ็กต์บิ๊กลุยขายตลาดจีน

สินค้าแบรนด์ไทยตบเท้าร่วมเปิดแนวรุกท่องเที่ยวคนพิการเต็มรูปแบบ

คิงเพาเวอร์แจกช้อปครบ5พันบาทอิ่มฟรี300บาทไทยเทสต์ฮับถึง30ก.ย.

สมาชิกบัตรคิงเพาเวอร์พักโรงแรมเชนแอคคอร์13แบรนด์ลดข้ามปี35%

คิงเพาเวอร์ลุย“ล้านลูกล้านพลัง”แจกฟุตบอลรร.ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี

ททท.ผนึกNIA-IAIทำแพลตฟอร์มSHA×SafeTทัวร์SHAปัญญาประดิษฐ์

ททท.-หอการค้าไทย MOUจัดท่องเที่ยวปลุกเศรษฐกิจไทยฟื้นปลายปี63

ททท.กอดคอมิชลินไกด์เพิ่ม3รางวัลใหม่ในไทยชูทัวร์อาหารโกยเงินคนรวย

TCEB ตีปีกรัฐ-เอกชนโหมประชุม428กลุ่ม-แห่จัดไมซ์ลงเลเฮไปสมุยคึกคัก

เลือกกินความสวยงามของอาหาร สีสันจากธรรมชาติ และสุขภาพที่ยั่งยืน

คิดแล้ว...ไปให้ถึงดอยตุงพื้นที่ทรงงาอันเนื่องมาจากพระราชดำริเชียงราย

ความสวยงามของอาหารเลือกใช้สีสันจากธรรมชาติ และสุขภาพที่ยั่งยืน

บินไทยปิ๊งขายแพกเกจคอร์สฝึกเครื่องบินซิมูเลเตอร์ราคาหลักหมื่นบาท

ทอท.เข้มห้ามนำแบตเตอรี่ลิเธียมสำรองเกินเกณฑ์ขึ้นเครื่อง6สนามบิน

 

ภัทรพันธุ์ กฤษณา เลขาธิการสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย 

ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 26 กันยายน 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  #  # #  #

 

ช่วงที่ 1 เจาะลึกโมเดลแรกในเมืองไทย “STAND by OWN” กับ “ภัทรพันธุ์ กฤษณา” เลขาธิการสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย เคลื่อนทัพปลุกคนพิการลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง ผนึก Union Pay และ Greater Bay Area พัฒนาครบวงจรหลังโควิด-19 ลุย “สร้างอาชีพยั่งยืน-ผ่าทางตันธุรกิจ-ฟื้นเศรษฐกิจไทย” เปิดแพลตฟอร์มส่งออกสินค้าแบรนด์ไทยเข้าถึงตลาดใหญ่ จีน ฮ่องกง มาเก๊า เฟส 1 ชวนพันธมิตรเจ้าของสินค้าทั้ง “นารายา-MODA-แอร์เอเชีย-อภัยภูเบศวร” ตบเท้าเข้าร่วมชิมลางสมาชิกผู้ถือบัตรยูเนียน เปย์ 3,500 ล้านใบ เฟส 2 จ่อเปิดบริการท่องเที่ยว ตั๋วเครื่องบิน แพกเกจทัวร์ โลจิสติกส์ แบบครบวงจร นำส่วนแบ่งรายได้ตั้งกองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการทั่วไทยได้มีอาชีพมั่นคง สร้างรายได้อย่างแข็งแกร่งจากการพึ่งพาตัวเอง และช่วยชาติเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบโครงสร้างเศรษฐกิจวิถีใหม่

 

นายภัทรพันธุ์ กฤษณา เลขาธิการสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้นำร่องโครงการ “STAND by OWN :ยืนด้วยตัวเอง” ขับเคลื่อนโครงการร่วมกัน 3 ฝ่าย ได้แก่ สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย บริษัท พีที ลิงค์ กรุ๊ป จำกัด (บริษัทได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากจีนในฮ่องกงให้เป็นตัวแทน Union Pay ประจำประเทศไทย) และกลุ่มตัวแทนของ Greater Bay Area ประกอบด้วย มณฑลกวางตุ้ง (สาธารณรัฐประชาชนจีน) ฮ่องกง มาเก๊า บุกเบิกการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มในลักษณะเปิดตลาด Market Place ส่งออกสินค้าไทยที่ได้รับต้องการสูงจากผู้ซื้อในจีน

โดยทางกลุ่มได้ทยอยคัดเลือกสินค้าไทยแบรนด์หลัก ๆ เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกลุ่มแรก ได้แก่ แบรนด์นารายา เจ้าของผลิตภัณฑ์แฟนชั่น ของใช้ ของที่ระลึก แบรนด์MODA เจ้าของผลิตภัณฑ์แฟชั่นทำจากหนังจรเข้ และหนังสัตว์ต่าง ๆ ระหว่างนี้กำลังคัดเลือกอีกหลายแบรนด์

กลยุทธ์การประกอบกิจการค้าบนแพลตฟอร์ม จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1  สินค้า จะคัดเลือกสินค้าแบรนด์ยอดนิยมตามพฤติกรรมของผู้ซื้อตลาดจีน ล่าสุดได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) คือแบรนด์นารายา MODA กระเป๋าหนัง เข็มขัด และแฟชั่นของใช้ ที่ลูกค้ารายย่อยของกลุ่ม Greater Bay Area พร้อมใช้จ่ายเงินสั่งซื้อปีละค่อนข้างสูง จึงเชิญเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรขายสินค้าบนแพลตฟอร์มนี้ด้วย รวมทั้งแบรนด์อภัยภูเบศวร ผู้นำการผลิตสมุนไพรไทย ซึ่งทางจีนชื่นชอบจึงอนุญาตให้ผลิตภัณฑ์ยาหรือสมุนไพรไทยที่ได้ตรารับรองมาตรฐานองค์อาหารและยา (อย.) จากประเทศไทยเรียบร้อยแล้วไม่ต้องไปขอใบอนุญาตซ้ำในจีน แต่ยินดีให้วางจำหน่ายได้ทันทีตามปกติ ในอนาคตจะขอเจรจากับทางกลุ่มสหพัฒน์นำผลิตภัณฑ์มาม่ามาวางขายบนแฟลตฟอร์มนี้เช่นกัน เรื่อยไปจนถึงเครื่องลางของขลังเฉพาะบางประเภทตามความเชื่อของชาวจีน เน้นของแท้มีคุณภาพจริงใจต่อลูกค้า

 

และเตรียมดึงเครือข่ายพันธมิตรรถแท็กซี่บริการคนพิการเข้ามาร่วมโครงการรับส่งนักท่องเที่ยวผู้พิการด้วย ตอนนี้มีลอนดอนแท็กซี่ในเมืองไทยที่พอจะเป็นรูปร่างมีระบบทางลาดให้รถเข็นขึ้นลงได้ จะเริ่มเปิดใช้ตั้งแต่ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป

 

ส่วนที่ 2 บริการ จำหน่ายตั๋วเครื่องบิน และบริการเดินทาง เป้าหมายอนาคตจะเพิ่มบริการแพกเกจท่องเที่ยวเมืองไทยให้จีนรองรับ กลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ แพกเกจท่องเที่ยว เนื่องจากสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย มีความชำนาญด้านการใช้สิ่งอำนวยความสะดวก ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ และมีทักษะการใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ เข้าถึงความรู้สึกและความต้องการของผู้พิการทุกกลุ่มที่จะเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเครือข่ายร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ

 

ประการสำคัญโครงการ STAND by OWN มีเป้าหมายสำคัญ 3 เรื่อง คือ เรื่องที่ 1 ช่วยกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตสินค้าไทยมีช่องทางส่งออกสินค้าไปยังตลาดจีน หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 นักท่องเที่ยวจีนไม่สามารถเดินทางเข้ามาซ้อได้ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยมาท่องเที่ยวเมืองไทยปีละกว่า 10 ล้านคน เรื่องที่ 2 นำรายได้ตามสัดส่วนเปอร์เซนต์มาเข้ามูลนิธิคนพิการแห่งประเทศไทย เพื่อจะได้นำไปใช้ประโยชน์ด้านการพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้ให้คนพิการซึ่งเป็นสมาชิกสมาคมที่มีอยู่ทั่วประเทศจำนวนหลายหมื่นคน เรื่องที่ 3 ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมด้านการส่งออกสินค้าไทยผ่านทางแพลตฟอร์มของ Union Pay ประจำประเทศไทย

 

สำหรับผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ไทยซึ่งสนใจเข้าร่วมการขายส่งออกสินค้าไปยังตลาดจีนร่วมกันภายใต้การตอกย้ำความเชื่อมั่นการนำสินค้าแบรนด์ไทยแท้ไปวางตลาดอย่างรับผิดชอบ ดังนั้นจึงพร้อมเปิดรับผู้ผลิตเพื่อนำสินค้าไทยมาวางขายบนแพลตฟอร์ม เปิดให้ฟรีไม่ต้องมีค่าแรกเข้าเหมือนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ส่วนเงื่อนไขอื่น ๆ ก็เป็นไปตามข้อตกลงกัน เนื่องจากสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทยจะมีส่วนแบ่งรายได้จากลูกค้าในจีนใช้บัตรยูเนี่ยน เปย์ รูดซื้อสินค้า ทางกลุ่มก็จะแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งเข้ามายังมูลนิธิคนพิการแห่งประเทศไทย นำเงินมาเข้ากองทุนแล้วเก็บไว้ใช้ทำโครงการพัฒนาขีดความสามารถคนพิการในอนาคตต่อไป

 

สามารถติดต่อเพื่อขอนำสินค้าแบรนด์ไทยมาวางขายบนแพลตฟอร์มเพื่อส่งออกไปจำหน่ายในจีนได้ที่ 092-659-8882

ขณะนี้ทาง Greater Bay Area ได้จัดทำ Big Data รวบรวมข้อมูลความต้องการซื้อสินค้าไทยประเภทหรือชนิดใดบ้าง เพื่อที่ทางโครงการ STAND by OWN จะได้เชิญชวนโรงงานผู้ผลิตนำสินค้ามาวางจำหน่ายได้ตรงตามความต้องการของชาวจีน จากนั้นเฟส 2 ทางโครงการ STAND by OWN จึงจะขับเคลื่อนในส่วนอื่น ๆ ต่อไป โดยเฉพาะการจัดแพกเกจรองรับการท่องเที่ยวผู้พิการจากจีน

 

สำหรับ “กลุ่มผู้ซื้อในจีน ”ที่เป็นสมาชิกบัตร Union Pay สาธารณรัฐประชาชนจีน ปัจจุบันถือบัตรนี้อยู่ประมาณ 3,500 ล้านใบ ซึ่งทางกลุ่ม Greater Bay Area จะทำหน้าที่ขยายผลโดยนำแพลตฟอร์มของโครงการ STAND by OWN ไปเชื่อมต่อเข้ากับแพลตฟอร์มการขายสินค้ารายใหญ่ในพื้นที่รับผิดชอบทั้ง จีน ฮ่องกง มาเก๊า เปิดช่องทางการขายให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าไทยให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างรายได้เข้าโครงการ ผ่านสมาชิกบัตร Union Pay

 

นายภัทรพันธุ์ กล่าวว่า ได้ประเมินการเดินหน้าเชื่อมโยงสินค้าไทยกับนักท่องเที่ยวตลาดจีน ซึ่งตอนนี้คิดถึงการมาท่องเที่ยวเมืองไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้จำหน่ายผลไม้ทางโครงการ STAND by OWN ยังได้ทำข้อตกลงร่วมกับ “องค์การตลาดเพื่อการเกษตร :อตก.”คัดสรรสินค้าเกรดคุณภาพมาวางขายบนแพลตฟอร์มส่งไปให้ชาวจีนซื้อรับประทาน เช่น ทุเรียน มะม่วง และอื่น ๆ ซึ่งสามารถนำสินค้าขนส่งทางอากาศไปยังปลายทางได้ทันทีถึงผู้บริโภคภายในเวลาอันรวดเร็ว ขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากสายการบินที่บินเข้าออกจีนบ้างแล้ว อาทิ แอร์ เอเชีย อนาคตจะมีสายการบินอื่น ๆ เข้ามาร่วมด้วย เรื่อยไปจนถึงลูกค้าชาวจีนยังจะสามารถใช้บริการซื้อตั๋วเครื่องบิน แพกเกจท่องเที่ยวมายังเมืองไทยได้ในโอกาสข้างหน้าต่อไป

สำหรับการสร้างเชื่อมั่นให้ลูกค้าปลายทางในจีน ฮ่องกง มาเก๊า นั้น ทางแพลตฟอร์มนี้เปิดช่องทางให้สื่อสารผ่านดิจิทัลนี้ได้ด้วยการให้ลูกค้าสอบถามโดยตรงกับทางเจ้าของสินค้าได้อย่างเปิดเผยด้วยเช่นกัน

 

นายภัทรพันธุ์กล่าวว่า โครงการ “STAND by OWN : ยืนด้วยตัวเอง” จะต่อยอดช่วยสร้างงาน พัฒนาอาชีพคนพิการในประเทศไทย เบื้องต้นเฟสที่ 1 จะเดินหน้าฝึกอบรมคนพิการเข้ามาทำหน้าที่ดูแลแพลตฟอร์ม ประสานงาน หรือเป็นตัวแทนขาย แล้วหลังจากเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาได้แล้ว ก็จะขยายบทบาทไปทำหน้าที่ประสานหารถบริการขนส่งนักท่องเที่ยวผู้พิการที่ทางกลุ่ม Greater Bay Area นำเข้ามาให้ไทย เฟส 2 การสร้างอาชีพอย่างยั่งยืนให้ผู้พิการ ในอนาคตเมื่อมีรายได้เข้ากองทุนนำไปใช้พัฒนาคุณภาพชีวิตสมาชิกแล้ว บางคนจะได้รับโอกาสเป็นเจ้าของฟาร์มผลิตสินค้าเกษตรส่งมาขายในแพลตฟอร์มต่อไปก็เป็นได้ รวมถึงการพัฒนาแพกเกจจิ้งสินค้า และระบบโลจิสติกส์บริการการเดินทาง การขนส่ง ก็ทำได้เพราะมีเครือข่ายคนพิการกระจายอยู่แล้วทั่วประเทศ ซึ่งสามารถเปิดคลังสินค้าได้เป็นธุรกิจขนาดเล็กที่สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัว

 

รายละเอียดการพัฒนาเครือข่ายโลจิสติกส์คนพิการเพื่อรองรับโครงการ STAND by OWN นั้นจะเป็นเฟส 2 ที่จะตามมาเมื่อแพลตฟอร์มสามารถเปิดขายสินค้าส่งออกไปยังตลาด Greater Bay Area สำเร็จแล้ว

 

โครงการ STAND by OWN : ยืนด้วยตัวเอง จะเป็นโครงการแรกของประเทศที่สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย บุกเบิกการพัฒนาตลาดดิจิทัลส่งออกสินค้าไทยสู่สากล เพื่อสร้างมาตรฐานอาชีพแบบครบวงจรให้คนพิการทั้งประเทศได้เห็นโมเดลต้นแบบการจำหน่ายสินค้าควบคู่การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศได้ในยุคดิจิทัล โลกไร้พรมแดน แล้วสามารถฝ่าวงล้อมวิกฤตไวรัสโควิด-19 ออกไปสู่ความสำเร็จในอนาคตอันใกล้นี้

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 

ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์แจกช้อปครบ5พันบาทอิ่มฟรี300บาทไทยเทสต์ฮับถึง30ก.ย.

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนมาช้อป-ชิม ได้ที่ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” กับสิทธิพิเศษสุดคุ้มค่า โดยเฉพาะลูกค้าคนไทยเมื่อมาเลือกซื้อสินค้าร้านคิง เพาเวอร์ สาขารางน้ำ โดยไม่ต้องมีเที่ยวบิน (flight) ก็ช้อปได้ ช้อปครบมูลค่ารวมใบเสร็จรับเงินละ 5,000 บาทสุทธิ รับทันทีบัตรกำนัลหรือคูปองอิ่มฟรี 300 บาท คนละ 1 สิทธิ์ /วัน ระหว่างวันนี้ - 30 กันยายน 2563

 

นักช้อปสามารถเลือกซื้อสินค้าที่ร่วมรายการโดยตรวจสอบได้ที่เคาน์เตอร์การขาย ควบคู่การใช้สิทธิ์ร่วมกับส่วนลดตามหน้าบัตรสมาชิก คิง เพาเวอร์ และร่วมรายการใช้สิทธิ์ผ่อนชำระ 0% ได้ด้วย ผ่านเครือข่ายพันธมิตรบัตรเครดิตร่วมของ คิง เพาเวอร์ กับธนาคารไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย

 

จากนั้นก็นำคูปองใช้แทนเงินสดเพื่อเลือกรับประทานอาหารสตรีทฟู้ดตามร้านอาหารในโซน THAI TASTE HUB หรือห้อง ECLIPSE ชั้น 3 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ซึ่งมีให้เลือกมากกว่า 36 ร้าน เพียงแค่นำคูปอง 300 บาทที่ได้รับหลังจากซื้อสินค้าครบตามใบเสร็จรับเงินรวมยอดครั้งละ 5,000 บาท ไปแลกเป็น Cash Card เพื่อชำระค่าอาหารแล้วใช้ให้หมดภายในวันที่แลกรับคูปองอิ่มอร่อยฟรีดังกล่าว

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่คอนเทร็ก เซ็นเตอร์ 1631 หรือ King Power’s Official Facebook

 

ข่าวที่ 2 สมาชิกบัตรคิงเพาเวอร์พักโรงแรมเชนแอคคอร์13แบรนด์ลดข้ามปี35%

 

“สมาชิกบัตร คิง เพาเวอร์”  สามารถชีลตลอดการเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทย ด้วยสิทธิพิเศษในการเลือกห้องพักหรูของเชนโรงแรมพันธมิตรดังระดับโลกในเครือ “แอคคอร์” ได้ถึง 13 แบรนด์ ตั้งอยู่ทั่วโลกกว่า 160 แห่ง และกระจายตัวอยู่ตามจังหวัดท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยมีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกใช้บริการทั้ง โซฟิเทล พูลแมน โนโวเทล เมอร์เคียว และไอบิส

 

“สมาชิก คิง เพาเวอร์” ที่ถือบัตรประเภท ONYX SCARLET และ NAVYสามารถจองห้องพักโรงแรมเครือแอคคอร์ เพื่อรับสิทธิพิเศษได้ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ดังนี้

 

1.ห้องพักรับส่วนลดพิเศษ 35% จากราคาเต็ม "flexible rate" รวมอาหารเช้า 2 คน 2.สิทธิ์เปลี่ยนแปลงการจองล่วงหน้าได้จำกัด 2 สิทธิ์/คน/วัน 3.จองผ่านเว็บไซต์  all.accor.com/Kingpower โดยไม่ต้องเป็นสมาชิกของ  ALL- Accor Live Limitless 4.สามารถสมัครฟรีสมาชิก ALL ได้ทันที หรือที่โรงแรมเพื่อรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว

 

แนะนำให้สมาชิกจองห้องพักล่วงหน้าก่อนใช้บริการอย่างน้อย 1 วันหรือ 24 ชั่วโมง ส่วนประเทศมัลดีฟท์ต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน เพื่อรับประโยชน์เมื่อเช็คอินเข้าพักโรงแรม ต้องแสดงสถานะสมาชิก คิง เพาเวอร์ ได้ตลอดแคมเปญเพื่อเข้าพักในช่วงเวลาเดียวกันที่โรงแรมที่เข้าร่วมรายการทั้งในเมืองไทย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมกัมพูชา สปป.ลาว มัลดีฟส์ พม่า ฟิลิปปินส์ ยกเว้นการเข้าพักช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ระหว่าง 24 ธันวาคม 2563 – 14 มกราคม 2564 ดูรายละเอียดเพิ่มที่ all.accor.com/Kingpower

 

ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์ลุย “ล้านลูกล้านพลังฯ”แจกฟุตบอลรร.ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี

 

สุพรรณี ตันเอี่ยม ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมพิธีปิดคาราวาน ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย ปีที่ 4 ณ โดมฟุตซอล โรงเรียนศรีประจันต์ (เมธีประมุข) จังหวัดสุพรรณบุรี โดยได้รับเกียรติจาก พิทยา แก้วทิพย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนศรีประจันต์ (เมธีประมุข) และพระเอกหนุ่ม แดน-วรเวช ดานุวงศ์ มอบลูกฟุตบอลมาตรฐานสากลให้แก่น้องๆ เยาวชน เพื่อสานฝันและสร้างแรงบันดาลใจด้านกีฬาให้เด็กไทยก้าวสู่การเป็นนักเตะมืออาชีพ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา

 

สำหรับบรรยากาศของการแจกลูกฟุตบอลที่สุดท้ายของโครงการในปีนี้นั้น เต็มไปด้วยสีสันและความสนุกสนาน โดยมีกิจกรรมไฮไลต์ของงานอย่าง “แดน–วรเวช ดานุวงศ์” ที่นอกจากจะมามอบลูกฟุตบอลแล้ว ยังร่วมเล่นเกมการแข่งขันยิงจุดโทษกับน้องๆ อีกด้วย

 

โครงการล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย ปีที่ 4 ได้เดินทางไปมอบลูกฟุตบอล พร้อมส่งต่อรอยยิ้มและความฝันให้กับน้องๆ เยาวชนทั่วประเทศไทย จำนวนกว่า 924 โรงเรียน 143 ชุมชน ตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้โครงการฯ ได้เดินทางมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายจากเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว คือ แจกลูกฟุตบอลมาตรฐานสากลให้ครบ 1 ล้านลูก ในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งขณะนี้ได้ทำการแจกลูกฟุตบอลไปแล้วทั้งสิ้นจำนวนกว่า 800,000 ลูก

 

 

ข่าวที่ 4 ททท.ผนึกNIA-IAIทำแพลตฟอร์มSHA × SafeTเที่ยวSHAด้วยปัญญาประดิษฐ์

 

ดร.ยุทธศักดิ์  สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  เปิดเผยว่า ททท.ร่วมมือกับ ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA)  และนางศิริญา เทพเจริญ ผู้อำนวยการ สถาบันนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์นานาชาติ (IAI) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ “ท่องเที่ยววิถีใหม่ปลอดภัยด้วย SHA × SafeT” ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration (SHA) พลิกฟื้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาคึกคักบนพื้นฐานความปลอดภัยเที่ยววิถีปกติใหม่ สร้างความมั่นใจในความปลอดภัยด้านสุขอนามัยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศจากสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของไทย

 

การดำเนินงานครั้งนี้ ททท.จะร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และสถาบันนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์นานาชาติซึ่งเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม “SafeT” เพื่อนำมาใช้กับมาตรฐาน “SHA” ในรูปแบบ Co-Creation “SHA x SafeT” สนับสนุนสถานประกอบการทั้งหมดที่ได้รับตรามาตรฐาน SHA จะได้รับการปักหมุดในแผนที่บนแพลตฟอร์ม SafeT เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวค้นหาและ เดินทางเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยว และสถานประกอบการต่าง ๆ ที่มีมาตรฐาน SHA ได้อย่างสะดวกสบาย

 

ข่าวที่ 5 ททท.-หอการค้าไทย MOUจัดท่องเที่ยวปลุกเศรษฐกิจไทยฟื้นปลายปี63

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า นำทีม ททท.จัดพิธีลงนามความเข้าใจ (MOU) ในวันที่ 23 กันยายน 2563  รวม 2 งาน  งานแรก “ลงนามความร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว (MOU) กับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย” กับนายกลินทร์สารสิน ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ตั้งเป้าหมายร่วมกันกระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้น ขับคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยสร้างรายได้กระจายลงถึงฐานรากทั่วประเทศ โดยจะร่วมกันออกแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวส่งเสริมและกระตุ้นท่องเที่ยวประเทศไทยเชิงลึก ด้วยการจัดตั้ง “คณะทำงานร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และสื่อสารกลยุทธ์การทำงาน” ระหว่างกัน

 

การเอ็มโอยูครั้งนี้ได้เชื่อมโยงความร่วมมือกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้องทั้ง สายการบิน ผู้ประกอบการธุรกิจในภูมิภาค จะเข้ามาร่วมวางแผนสร้างกลยุทธ์กระตุ้นการท่องเที่ยวด้วย 

 

นายกลินท์ สารสิน ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า พร้อมร่วมกับ ททท. กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศแก้วิกฤตผลกระทบหลังไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะตลาดท่องเที่ยวในประเทศ ทางหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจะใช้กลไกที่มีทุกช่องทาง สร้างความเชื่อมโยงทำงานร่วมกันกับพันธมิตรอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

 

            ไฮไลต์จะใช้เครือข่าย “นักธุรกิจรุ่นใหม่ Young Enterpreneur Chamber of Commerce : YEC ในแต่ละจังหวัดเป็นหัวหอกจัดการท่องเที่ยวข้ามพื้นที่ ร่วมกันเดินทางกระจายรายได้ทั่วประเทศ

 

ข่าวที่ 6 ททท.กอดคอมิชลินไกด์เพิ่ม3รางวัลใหม่ในไทยชูทัวร์อาหารโกยรายได้

 

นายมานูเอล มอนตานา ประธานกลุ่มภาคพื้นเอเชียตะวันออกและออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ทางทีมผู้บริหาร มิชลิน ไกด์ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณจัดทำมิชลินไกด์ในประเทศไทย ร่วมกันเปิดตัวรางวัลใหม่ที่จะประกาศในปี 2563 เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 เพิ่มอีก 3 รางวัล ประกอบด้วย 1.รางวัล MICHELIN Guide Young Chef Award จะมอบให้กับสุดยอดเชฟรุ่นใหม่ของร้านอาหารระดับดาวมิชลินที่มีทักษะความสามารถโดดเด่น 2.รางวัล MICHELIN Guide Service Award จะมอบให้กับสุดยอดบุคลากรของร้านอาหารที่ทุ่มเทให้กับการบริการเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การทานอาหารที่ยอดเยี่ยม และ 3.รางวัล MICHELIN green star หรือ “ดาวมิชลินรักษ์โลก”  มอบให้กับร้านอาหาร 1 แห่ง หรือมากกว่านั้น ซึ่งเป็นร้านที่ดำเนินกิจการและมีแนวปฏิบัติประจำวันด้านการประกอบอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อาทิ การรีไซเคิล การลดขยะอาหาร การจัดหาวัตถุดิบในท้องถิ่นและตามฤดูกาลด้วยความรับผิดชอบเพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และอื่น ๆ

 

               

ส่วนการมอบทั้ง 3 รางวัลใหม่ดังกล่าว จะพิจารณาคัดเลือกจากข้อมูลที่สืบหาและจัดเก็บจากการลงพื้นที่โดยผู้ตรวจสอบของ ‘มิชลิน ไกด์’ ตามพื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย

               

นายมอนตานาย้ำว่ามิชลิน ไกด์ ได้เข้ามาประเทศไทยต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 ปี มีความมุ่งมั่นจะทำให้กิจกรรมด้านอาหารเป็นแรงกระตุ้นการท่องเที่ยว ควบคู่กับการสะท้อนถึงสถานการณ์แนวโน้มของอาหารในมุมใหม่ ๆ โดยเฉพาะวัฒนธรรมอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก เมื่อปี 2562 ร้านอาหารไทยระดับท้องถิ่นได้สร้างปรากฎการณ์มิชลิน 2 ดาว โด่งดังไปทั่วโลก 2 ร้าน ปี 2563 ก็เช่นกันได้มีโอกาสประกาศเพิ่มใหม่อีกถึง 3 รางวัล เป็นการส่งพลังบวกอาหารไทยไปยังตลาดโลกอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อม ๆ กับการส่งเสริมผู้คนออกการเดินทางอย่างไม่หยุดนิ่งตามวิถีใหม่

               

ขณะที่ มร.เกว็นดัล ปูลเล็นเนค (Gwendal Poullennec) ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ทั่วโลก ได้กล่าวผ่านวิดีโอคอลข้ามประเทศในงานเปิดตัว 3 รางวัลใหม่มิชลิน ไกด์ ในประเทศไทย ว่า รางวัลใหม่เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้ใส่ใจแต่เพียงคุณภาพของอาหารเท่านั้น ผู้ตรวจสอบของ ‘มิชลิน ไกด์’ ยังให้ความสำคัญกับคุณสมบัติที่โดดเด่น ทักษะความชำนาญ ตลอดจนความมุ่งมั่นทุ่มเทของบุคลากรและทีมงานร้านอาหารในการรังสรรค์ประสบการณ์การทานอาหารที่น่าประทับใจในทุกมิติควบคู่กันไปด้วย

 

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า มิชลิน ไกด์ เข้ามาประเทศไทยเป็นปีที่ 3 ได้สร้างการรับรู้อาหารไทยอย่างแพร่หลายในตลาดโลกกว่า 500 ล้านคน สามารถสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายด้านอาหารในไทยกว่า 30 % ของรายได้ท่องเที่ยวรวมของประเทศในปี 2562 ที่ทำได้กว่า 3 ล้านล้านบาท ดังนั้นการพัฒนาเรื่องอาหารร่วมมิชลิน ไกด์ จะเป็นเครื่องมือสำคัญกระตุ้นรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy) ในกลุ่มกำลังซื้อคุณภาพสูง และสามารถเป็นอีกช่องทางการสร้างรายได้เพิ่มช่วยนำอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยผ่านพ้นวิกฤตไวรัสโควิด-19 ไปได้ ส่วนการเพิ่ม 3 รางวัลใหม่ ยิ่งจะเป็นแรงบันดาลใจให้เชฟ บุคลากร และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมร้านอาหาร มุ่งมั่นพัฒนาตนเองและดำเนินงานด้วยความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม กระตุ้นวงการอาหารและธุรกิจร้านอาหารเกิดการพัฒนาและขับเคลื่อนไปในทิศทางสู่ความเป็นเลิศบนพื้นฐานของอัตลักษณ์ที่โดดเด่นแบบไทย และนั่นคือความแตกต่างเฉพาะตัวที่จะช่วยสร้างจุดเด่นให้ประเทศไทยครองความเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนต่อไป

 

นางทิพวรรณ นิธิเจษฎาวงศ์ ผู้อำนวยการมลิน ไกด์ ประเทศไทย กล่าวว่า รางวัลใหม่ไฮไลต์ที่มีความพิเศษมากคือ “มิชลิน สตาร์” เน้นเรื่องการส่งเสริมอุตสาหกรรมให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งสะท้อนจากร้านอาหารในการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เริ่มจากการเลือกวัตถุดิบโดยเคารพธรรมชาติ ต่อด้วยการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมุ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ร้านอาหารทั่วเมืองไทยร่วมมือกันช่วยสร้างอุตสาหกรรมอาหารอย่างยั่งยืน

ข่าวที่ 7 TCEB ตีปีกรัฐ-เอกชนโหมประชุม428กลุ่ม-จัดไมซ์ลงเลเฮไปสมุยคึกคัก

 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEBเปิดเผยว่า ทีเส็บได้จัดทำโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” กระตุ้นการจัดกิจกรรมไมซ์เริ่มเมื่อ 1 กรกฎาคม 2563 จนถึงขณะนี้ได้รับความสนใจอย่างสูงมากมีผู้สนใจทั้งภาครัฐและเอกชนยื่นขอเสนอการสนับสนุนทำกิจกรรมรวม 428 กลุ่ม คาดภายในเดือนธันวาคมนี้จะสร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 38 ล้านบาท

 

อีกทั้งทีเส็บได้ผนึกกำลัง 5 ภาคีรัฐและเอกชน อำเภอเกาะสมุย / เทศบาลนครเกาะสมุย / สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ฝั่งตะวันออก / สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย กระตุ้นการจัดงานไมซ์ในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ยกระดับไมซ์ภาคใต้ซึ่งมีหลายจังหวัดมีพื้นฐานความพร้อมจะพัฒนาสู่ไมซ์ซิตี้ มีความหลากหลายและเสน่ห์แต่ละเมืองแตกต่างกันไป  

 

เช่น สุราษฎร์ธานี กับเกาะสมุย เป็นเมืองและเกาะที่มีจุดเด่น 5 ด้าน คือ 1.เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก 2.เดินทางเชื่อมโยงกับพื้นที่อื่นๆ สะดวก 3.เป็นแหล่งเรียนรู้ชุมชนและวัฒนธรรมที่หลากหลาย 4.เป็นศูนย์รวมสถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัยของภาคใต้ตอนบน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งโรงแรมที่มีห้องประชุมขนาดใหญ่หลายแห่งรองรับได้ถึง 2,500 คน 5.สถานที่จัดงานสัมมนาและงานแสดงสินค้ารองรับกลุ่มผู้ร่วมงานขนาดใหญ่ได้ถึง 10,000 คน

 

นายจิรุตถ์ กล่าวว่าการจัดโครงการ “ไมซ์กลางเล เฮไปสมุย เกิดจากกลยุทธ์ City Co-Creation ร่วมมือกับผู้ประกอบการไมซ์ท้องถิ่น ตัวอย่างเกาะสมุยมีผู้เข้ามาร่วมหาแนวทางเจาะตลาดลูกค้าไมซ์ กว่า 300 บริษัท เพื่อพัฒนาสินค้ายึดโยงอัตลักษณ์ 7 วิถี แบบ Thailand 7 MICE Themes ประกอบด้วย

 

1. วิถีผจญภัย (Exhilarating Adventures) ชูกีฬาทางน้ำ เปิดประสบการณ์ใหม่ พายเรือแพดเดิลบอร์ดที่เป็นที่นิยม และกิจกรรมเดินป่าบนเส้นทางธรรมชาติ Samui Safari

 

2. วิถีชวนกิน (Culinary Journeys) นำเสนอเรื่องราวของอาหารถิ่น วิถีชนคนสมุย รองรับการจัดงานไมซ์ที่หลากหลายได้ อาทิ บ้าน 158 ปี / บ้านสวนลางสาด ในบรรยากาศแบบบ้านสวนสมุย มีบริการเมนูอาหารพื้นบ้านหลายเมนู ท่ามกลางสวนผลไม้นานาชนิด และผักสวนครัวปลอดสารพิษมากมาย

 

3. วิถีเรียนรู้และอนุรักษ์ (CSR and Green Meetings) ร่วมกิจกรรมซีเอสอาร์ เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรในพื้นที่ของจังหวัดและชุมชน อาทิ กิจกรรมอนุรักษ์ปะการัง และอนุรักษ์ป่าชายเลน

 

4. วิถีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม (Fascinating History and Culture) สัมผัส และเยี่ยมชมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเกาะสมุย อย่าง ชุมชนชาวจีน มุสลิม แหล่งกำเนิดชาวสมุยบริเวณชุมชนหัวถนน การแสดงพื้นบ้าน หรือท่องเที่ยวชมประวัติศาสตร์ของเกาะสมุยที่หมู่บ้านชาวประมง หาดบ่อพุด

 

5. วิถีร่วมพลัง (Treasured Team Building) ผ่านการสร้างสรรค์กิจกรรมสานสัมพันธ์โดยใช้การละเล่น หรือ กีฬาประจำถิ่นมาเป็นเครื่องมือสร้างกิจกรรมของกลุ่มไมซ์

 

6. วิถีลักชัวรี่ (Lavish Luxury) ผ่านการสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ จัดกิจกรรมไมซ์บนเรือคาตามารันสุดหรู

 

7. วิถีบีช (Beach Bliss) ผ่านความครบเครื่องของกิจกรรมริมชายหาด จัดงานเลี้ยงต้อนรับ หรือ Theme Dinner ริมชายหาด

 

สำหรับ “โครงการ ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า ทีเส็บพร้อมสนับสนุนงบประมาณบางส่วนในการจัดงานให้กับองค์กร บริษัท และผู้ประกอบการไมซ์ เช่น การจัดงานไมซ์ผ่านแนวคิด “ไมซ์กลางเล เฮไปสมุย ครั้งนี้เป็นโมเดลตัวอย่างที่จะทำให้ องค์กร บริษัท และผู้ประกอบการไมซ์ที่วางแผนจะจัดงานไมซ์ในสุราษฎร์ธานี และเกาะ สมุย เข้าใจวิธีทำโปรแกรม

 

ทั้งนี้ทีเส็บยังคงเดินหน้าสนับสนุนงบประมาณจัดกิจกรรมไมซ์ 2 รูปแบบ คือ 1. สนับสนุนงบประมาณในรูปแบบบัตรกำนัลไม่เกินกลุ่ม 15,000 บาท เมื่อจัดกิจกรรม 1 วัน ไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง และ 2. สนับสนุนงบประมาณในรูปแบบบัตรกำนัลไม่เกินกลุ่มละ 30,000 บาท เมื่อจัดกิจกรรมอย่างน้อย  2 วัน 1 คืน ส่งเสริมกระจายรายได้เพิ่มในพื้นที่ให้มากขึ้น

 

ส่วนสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ก็ต้องยอมรับมีผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้มิชลิน บางร้านต้องปิดกิจการถาวร เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย แต่อย่างไรก็ตามทุกฝ่ายก็พยายามช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ เพราะรางวัลต่าง ๆ ที่มอบให้ร้านอาหารในไทยนั้นมีคุณค่าเป็นจุดแข็งการสร้างรายได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวตลาดในประเทศและนานาชาติได้

 

สำหรับปี 2564 จะเดินหน้าจัดทำคู่มือมิชลิน ไกด์ จังหวัดพังงา ต่อเนื่องจากที่ผ่านมาทำไปแล้วที่กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต คู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พัก ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2564 กำหนดเปิดตัวปลายปี 2563  จะจัดทำเนื้อหาเป็น 2 ภาษา (ไทยและอังกฤษ) มีให้เลือกทั้งฉบับพิมพ์เป็นเล่มและในรูปแบบดิจิทัล ผู้สนใจคลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ได้ที่: guide.michelin.com/th/th หรือติดตาม ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทได้ทางเฟซบุ๊ค: facebook.com/MichelinGuideThailand

 

                ช่วงที่ 2 ออกเที่ยวอย่างปลอดภัยไปในช่วงใกล้ต้อนรับลมหนาวกับทริป “แอ่วเหนือบนดอยตุง” พื้นที่ทรงงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย  ส่วนการดูแลสุขภาพแนะนำ “อาหารสวยงามควรเลือกสีสันจากธรรมชาติ” จะช่วยทำให้อายุยืน ส่วนข่าวฮ็อต “การบินไทย” งัดกลยุทธ์ขายแพกเกจคอร์สเรียนขับเครื่องบินภาคพื้นกับเครื่องซิมูเลเตอร์ ราคาเพิ่มต้น 12,000 บาทขึ้นไป เริ่ม ต.ค.63 “ทอท.เข้มมาตรการห้ามนำแบตเตอรี่ลิเธียมขึ้นเครื่อง” เกินเกณฑ์มาตรฐาน ทั้ง 6 สนามบินพร้อมยึดเพื่อความปลอดภัย

 

คิดแล้วไปให้ถึงดอยตุง(พื้นที่ทรงงาน)อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เชียงราย

 

ทริปนี้แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวต้อนรับปลายฝนต้นหนาว ในภาคเหนือ ปักหมุดไปชม “โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ คือโครงการในพระราชดำริ” พื้นที่ยกระดับคุณภาพชีวิต อนุรักษ์สืบสานศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีของ ชาวไทยภูเขาและชาวไทย ภาคเหนือให้คงอยู่ ตลอดไป สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07:00 - 17:00 น.

 

โดยมาจากแนวพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งอดีต ทำให้วันนี้โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กลายมาเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่เผยความงดงามทั้งทัศนียภาพ และวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบสาน จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนแวะเวียนมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ชมนานาพรรณไม้ที่งอกงาม และสัมผัสทัศนียภาพอันร่มรื่นสบายตาอย่างไม่ขาดสาย

 

โครงการอันเนื่องจากพระราชดำริของสมเด็จย่าแห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2531 ครอบคลุมพื้นที่ อำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอแม่สาย ที่ประกอบไปด้วย ชนเผ่าอาข่า ลาหู่ จีนก๊กมินตั๋ง ไทใหญ่ ไทลื้อ และไทลัวะ มากกว่า 11,000 ชีวิต ภายหลังสมเด็จย่าทรงได้แรงบันดาลใจ จากพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแก้ปัญหาเรื่องการปลูกฝิ่นของชาวไทยภูเขามาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้สมเด็จย่า มีพระราชประสงค์ ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับชาวบ้าน บนดอยตุง ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

 

พร้อมทั้งอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรม ประเพณีของชาวไทยภูเขาและชาวไทยภาคเหนือให้คงอยู่ตลอดไป วันนี้โครงการพัฒนาดอยตุงฯ คือแหล่งเรียนรู้งานฝีมือและการแปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตรให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานความทันสมัยและรากเหง้าของวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างลงตัว

 

การท่องเที่ยวในเชียงราย ในแต่ละวันให้มีความสุข

 

เริ่มวันแรก  ช่วงเช้า วางแผนไปท่องเที่ยว อุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง ศึกษาประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตชาวเชียงราย ช่วงบ่าย” ชมขัวศิลปะ ร่วมกิจกรรมงานศิลปะกับศิลปิน และ ชมศิลปะบ้านดำของ อ.ถวัลย์ ดัชนี

วันที่สอง  ช่วงเช้า” ดื่มด่ำกับพระตำหนักดอยตุง ชมสวนแม่ฟ้าหลวง หอแห่งแรงบันดาลใจ ช่วงบ่าย” ไปดูศูนย์ผลิตและจำหน่ายงานจากดอยตุง ซื้อผลิตภัณฑ์ดอยตุงชมโรงงานทอผ้า เซรามิก

 

วันที่สาม  ช่วงเช้า” หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ อำเภอเชียงแสน อุมงคมุข อุโมงค์กาลเวลาที่รวบรวมเรื่องฝิ่นที่สมบูรณ์ที่สุด ช่วงบ่าย” ตลาดแม่สาย เลือกซื้อสินค้าจากไทย-เมียนมาร์

 

สถานที่เที่ยวห้ามพลาด  ได้แก่ พระตำหนักดอยตุง ที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จย่า ร้านดอยตุงไลฟ์สไตล์ จำหน่ายผลิตภัณฑ์งานฝีมือของดอยตุง อาทิ ผ้าทอมือ เสื้อผ้า พรมทอมือ ของตกแต่งบ้าน

 

กิจกรรมห้ามพลาด เรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาของ โครงการที่หอพระราชประวัติ ร้านมุมกาแฟ โครงการพัฒนา ดอยตุง จิบกาแฟสดรสเยี่ยมของ โครงการ เวลา 08.00-17.00 น.

 

สำหรับ “ค่าเข้าชม” ทั้งชาวไทยและต่างชาติเท่ากัน คนละ 150 บาท เพื่อเข้าชมได้ 3 สถานที่สำคัญ ได้แก่ พระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง และหอพระราชประวัติ มีรถสองแถวบริการตั้งแต่ 07.00 น.ออกทุก 20 นาที

 

ความสวยงามของอาหาร สีสันจากธรรมชาติ และสุขภาพที่ยั่งยืน

 

            อาหารที่มีสีสันสวยงาม และรูปร่างหน้าตาน่ารับประทานนั้น นอกจากจะดึงดูดเหล่านักชิมทั้งหลายแล้วยังดึงดูดชาวโซเชียลไม่แพ้กัน เนื่องจากสังคมออนไลน์ที่เรานิยมติดตามความเคลื่อนไหวในทุก ๆ ด้าน จากการโพสต์ โพสต์ แล้วก็โพสต์ ก่อนชิมจึงต้องขอโพสต์ภาพอาหารสวย ๆ เป็นที่มาของอาหารแต่ละจานที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านสีสันและรูปลักษณ์ที่สวยงามสะดุดตา

          

เราควรเลือกกินอาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตราย หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด สีฉูดฉาด และเลือกซื้ออาหารหรือประกอบอาหารโดยใช้สีธรรมชาติจะดีกว่า เช่น

 

          สีเขียว ได้จาก ใบเตย ชาเขียว มีคุณสมบัติช่วยถนอมสายตา บำรุงกระดูกและฟัน เราสามารถนำใบเตยมาล้างทำความสะอาด หั่นเป็นฝอย จากนั้นนำไปปั่นกับน้ำสะอาด กรองด้วยผ้าขาวบาง

 

          สีแดง ได้จาก ดอกกระเจี๊ยบ บีทรูท มะเขือเทศ มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสื่อมของเซลส์ ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก นำบีทรูทมาปอกเปลือก นำไปปั่นกับน้ำสะอาด กรองเอาแต่น้ำ นำไปใช้ผสมอาหารได้

 

          สีเหลืองและสีส้ม ได้จาก ฟักทอง ขมิ้น แครอท ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ สายตา และมะเร็ง นำฟักทองมาปอกเปลือก ฝานไส้และเมล็ดออก ล้างให้สะอาด นำไปนึ่งให้สุก นำมายีผสมกับแป้งหรืออาหารตามต้องการ

 

          สีน้ำเงินและสีฟ้า ได้จากดอกอัญชัน มันม่วง ประกอบไปด้วยแอนโทไซยานิน มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของดวงตา นำดอกอัญชันสด มาล้างให้สะอาด ขยำเบา ๆ กับน้ำเล็กน้อยแล้วกรองเอาแต่น้ำ จะได้สีน้ำเงิน ถ้าต้องการสีม่วงให้ผสมน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย

 

          การเลือกอาหารที่ปรุงสุกใหม่ สด สะอาด ปราศจากสารอันตราย บรรจุในภาชนะที่ปิดมิดชิดแล้วควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด สีฉูดฉาด เพราะความสวยงามของอาหาร ที่มีสีสันจากธรรมชาติ มีประโยชน์ต่อร่างกายและสามารถทำเองได้ไม่ยาก คือ สุขภาพที่ยั่งยืน และก่อนการซื้อหรือปรุงอาหารแต่ละครั้งอย่าลืมคำนึงถึงสุขภาพ


บินไทยปิ๊งขายแพกเกจคอร์สฝึกเครื่องบินซิมูเลเตอร์ราคาหลักหมื่นบาท

 

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดคอร์สให้เข้าเยี่ยมชมทดลองทำการบินกับเครื่องฝึกบินจำลอง (Flight Simulator) เพื่อสร้างประสบการณ์จริงด้านการบิน

 

เรืออากาศเอก ชาตรี พงษ์ศักดิ์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายพัฒนาทรัพยากรการบิน สายปฏิบัติการ บริษัท การบินไทย ฯ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดโครงการ “THAI Flying Experience & Beyond” โดยได้นำอุปกรณ์การฝึกนักบิน (Training Devices) ได้แก่ เครื่องฝึกบินจำลอง (Flight Simulator) ห้องจำลองการบริการผู้โดยสารบนเครื่องบิน (Cabin Mock-up Service Trainer, CST) อุปกรณ์การฝึกสถานการณ์ฉุกเฉินในห้องจำลองผู้โดยสารบนเครื่องบิน (Cabin Emergency Evacuation Trainer, CEET) และเครื่องฝึกเปิด-ปิดประตูบนเครื่องบิน (Door Trainer) ร่วมเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจได้เข้าเยี่ยมชมและทดลองทำการบิน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว ไม่กระทบต่อการฝึกของบุคลากรการบินของบริษัทฯโดยกิจกรรม THAI Flying Experience & Beyond ครั้งที่ 1 เตรียมเริ่มจัดในเดือนตุลาคม 2563 เปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมและทดลองทำการบินในเครื่อง Flight Simulator โดยมีกัปตันและนักบินผู้ช่วย (Co-Pilot) ดูแลควบคุม และอำนวยความสะดวกตลอดการทำการบิน โดยมี 3 แพ็คเกจ ได้แก่

​​

แบบที่ 1 Basic Package​ - ระยะเวลา 30 นาที ราคา 12,000 บาท เข้า Simulator ได้ 2 คน

​​                แบบที่ 2 Deluxe Package - ระยะเวลา 60 นาที ราคา 24,000 บาท เข้า Simulator ได้ 2 คน

​​                แบบที่ 3 Ultimate Package - ระยะเวลา 90 นาที ราคา 36,000 บาท เข้า Simulator ได้ 3 คน

 

ซื้อแพกเกจแล้วสามารถเลือกเครื่อง Simulator ได้ตามความต้องการ อาทิ แบบแอร์บัส A380 แบบโบอิ้ง B777-300ER แบบโบอิ้ง B747-400 และแบบโบอิ้ง B737-400

 

การจัดกิจกรรม THAI Flying Experience & Beyond ช่วงเดือนตุลาคม 2563 การบินไทยได้จัดโปรโมชั่นราคาพิเศษ สำหรับ Deluxe Package ราคาเริ่มต้น 16,000 บาท และ Ultimate Package ราคาเริ่มต้น24,000 บาท ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ THAIFlyEx.thaiairways.com และ Facebook : THAI FlyEx หรือ Line ID : THAIFlyEx

 

 

ข่าวที่สอง ทอท.เข้มห้ามนำแบตเตอรี่ลิเธียมสำรองเกินเกณฑ์ขึ้นเครื่องผ่าน6สนามบิน

 

 

          บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ประกาศขอความร่วมมือผู้โดยสารไม่นำแบตเตอรี่ลิเธียมสำรองผ่านเข้าออกเพื่อขึ้นเครื่องในสนามบินที่อยู่ในความดูแลทั้ง 6  แห่ง คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต หาดใหญ่ โดยเฉพาะแบตเตอรี่ที่มีค่าความจุไฟฟ้าเกินกว่ากำหนดขึ้นเครื่องบิน ซึ่งเป็นไปตามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เรื่องหลักเกณฑ์การพาแบตเตอรี่ลิเธียมไปกับอากาศยาน พ.ศ.2559 โดยมีใจความสำคัญคือ

 

1.แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขนาดเล็กที่มีค่าความจุไฟฟ้าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 100 Wh หรือ 20,000 mAh สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ แต่ไม่สามารถโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้

 

2.แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขนาดกลางที่มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 100 ถึง 160 Wh หรือ 20,000 ถึง 32,000 mAh สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 2 ชิ้น แต่ไม่สามารถโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขนาดใหญ่ที่มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 160 Wh หรือ 32,000 mAh ไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบินและโหลดใต้ท้องเครื่องบิน นอกจากนี้ แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองที่ไม่ระบุพลังงานไฟฟ้า วัตต์ - ชั่วโมง (Wh) หรือระบุขนาดบรรจุของลิเธียม หรือระบุไม่ชัดเจนไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบิน หรือโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้

 

                ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง