ททท.ดันมาตรฐานSHAดังกระหึ่มตลาดท่องเที่ยวโลก
ลุยจัดตลาดนัดเที่ยวไทยมั่นใจไปกับSHA11-13ก.ย.63
รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์เดินหน้าโครงการ Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA ระยะแรกเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมาโดยเปิดให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยว 10 ประเภท สมัครเข้าร่วมโครงการใบรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย โดยมีกระแสตอบรับจากผู้ประกอบการทุกกลุ่มเป็นอย่างดีจนกระทั่งทำให้ SHA ไทยมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งหันมาให้ความสำคัญสอบถามหาจาก ททท.สำนักงานต่างประเทศ 29 แห่ง ถึงผู้ประกอบการไทยที่ได้ใบรับรองมาตรฐานดังกล่าวเพื่อเก็บข้อมูลเตรียมไว้ก่อนจะเปิดการเดินทางระหว่างประเทศเข้ามาไทย
พอ ททท.รณรงค์ให้เกิดการเข้ามามีส่วนร่วมสร้างมาตรฐาน SHA แล้วเพิ่มความมั่นใจอย่างจริงจัง เฟส 2 จึงขยายผลรวบรวมผู้ประกอบการที่ได้ใบรับรองมาตรฐาน SHA นำผลิตภัณฑ์สินค้าเปิดตลาดนัดวางขาย โดยมี “หมอปุ๋ม” เป็นพรีเซนเตอร์ โดยทำควบคู่กับการโปรโมต การสร้างภาพลักษณ์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตอนนี้มาถึงระยะส่งเสริมการขายเปิดตลาดครั้งแรก โดยให้นำสินค้าและบริการของธุรกิจท่องเที่ยว 10 ประเภท มาร่วมขายในงาน “เที่ยวไทย มั่นใจไปกับ SHA” ระหว่าง 11-13 กันยายน 2563 บริเวณ สยาม มิตรทาวน์ จึงขอเชิญชวนทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน ที่ต้องการซื้อแพกเกจไว้ให้พนักงานมาช้อปจากงานนี้ได้
ภายในงานได้จัดให้มี 1.โปรโมชั่นราคาพิเศษด้วยแพกเกจต่าง ๆ ทั้งห้องพัก ตั๋วโดยสารเครื่องบิน โปรแกรมท่องเที่ยว บริการเรือยอร์ช บัตรนั่งเรือท้องถิ่น และอื่น ๆ เลือกช้อปได้จากผู้ขายจำนวนกว่า 1,000 บูธ 2.กิจกรรมให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ เชิญแขกพิเศษหรือ Special Guest ที่มีประสบการณ์พิเศษเดินทางท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ เมื่อได้อยู่เมืองไทยนาน ๆ จนกระทั่งค้นพบความอันซีนสวยงามอย่างมหัศจรรย์มากมาย ตอบโจทย์การเป็นประเทศมหาอำนาจทางด้านการท่องเที่ยวของโลก อาทิ ภูริ หนุ่ย อ้อม 3.กิจกรรมเวิร์คช้อปสัมมนาเชิงปฏิบัติการมากมาย 4.มอบสิทธิพิเศษต่าง ๆ ให้ผู้ถือบัตรเครดิต ตอนนี้มี ททท.รณรงค์ให้เกิดการท่องเที่ยววิถีใหม่หันมาใช้จ่ายเงินผ่านดิจิทัลแทนเพียงแค่มือถือเครื่องเดียวก็สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดจ่ายเงินทุกอย่างได้ทั้งหมด
แต่ก็มีผู้ประกอบการบางส่วนอาจจะการ์ดลดลงจากมาตรฐานบ้างบางส่วน ทีมงาน ททท.ที่รับผิดชอบดูแลมาตรฐาน SHA ได้แจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าวให้ตื่นตัวดูแลมาตรฐานตามเกณฑ์ที่ตกลงกันไว้
เป้าหมายใหญ่การจัดงานโดยชูภาพลักษณ์ให้ผู้ประกอบการที่ได้ตรารับรองมาตรฐาน SHA มาเปิดตลาดนัดขายสินค้าและบริการนั้นเพื่อช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี 2563 ให้คึกคักเพิ่มมากขึ้น
นางสาวฐาปนีย์กล่าวว่า ขณะนี้ มีผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้รับตราสัญลักษณ์ SHA ครบทั้ง 77 จังหวัด โดย ททท.สำนักงานสาขาต่างจังหวัดทุกแห่งทั้ง 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคอีสาน ภาคใต้ ต่างก็ช่วยกันกระตุ้นผู้ประกอบการ เมื่อพิจารณาแล้วปัจจุบันมีจังหวัดที่ปรับตัวเข้ามาตรฐานรับตราสัญลักษณ์ SHA ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวยอดนิยม 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.กรุงเทพมหานคร 2.ภูเก็ต 3.เชียงใหม่ 4.ชลบุรี 5.กระบี่ โดยภาพรวมแล้วภาคใต้จะตื่นตัวมากสุดเพราะได้รับผลกระทบค่อนข้างหนักจึงต้องเสริมทัพด้วยการนำมาตรฐาน SHA เข้าไปช่วยตอกย้ำความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว
ตลอดปี 2563 ตั้งเป้าหมายจะมีผู้ประกอบการเข้ารับตราสัญลักษณ์ SHA ไม่ต่ำกว่า 6,500 ราย ตั้งแต่เปิดโครงการเมื่อเดือนมิถุนายน-สิงหาคม นี้ ได้รับไปแล้วเกือบ 5,000 ราย ช่วง 3-4 เดือนนี้ก็น่าจะได้อีกไม่ต่ำกว่า 2,000 ราย ธุรกิจที่มีความกระตือรือร้นเข้าร่วมมากเป็นอันดับ 1 คือ โรงแรม/รีสอร์ต อันดับ 2 ร้านอาหาร อันดับ 3 บริษัทตัวแทนจัดนำเที่ยว ซึ่งตีตื้นตามมาติด ๆ ถึงแม้ตลาดในประเทศจะไม่ค่อยได้ใช้บริการบริษัทนำเที่ยว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นตลาดต่างประเทศจะใช้บริการบริษัทนำเที่ยวเป็นหลัก แต่ในสถานการณ์ท่องเที่ยววิถีใหม่จึงต้องพัฒนารูปแบบการเดินทาง เล่าเรื่อง ออฟชั่นทัวร์ ดังนั้นตอนนี้จะเห็นมีคนไทยเริ่มหันมาใช้บริการบริษัทนำเที่ยวบ้างแล้ว
ททท.พยายามกระตุ้นให้บริษัทนำเที่ยวเร่งปรับตัวให้สอดคล้องกับ “พฤติกรรมของนักท่องเที่ยว” หลังสถานการณ์โควิด-19 ถึงแม้นักท่องเที่ยวในประเทศจะเดินทางแบบอิสระ (F.I.T.) เป็นกรุ๊ปพิเศษขนาดเล็ก แต่ต้องหาออปชั่นทัวร์ลักษณะพิเศษมาเสนอขาย ขณะเดียวกันบริษัทนำเที่ยวก็ต้องเลือกไปใช้บริการแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับตราสัญลักษณ์ SHA ด้วยเช่นกัน ส่งผลทำให้ปัจจุบันบริษัทนำเที่ยวมีความสุขกับการทำธุรกิจภายใต้มาตรฐาน SHA
เนื่องจากทางศูนย์บริหารสถานการณ์ความเสี่ยงไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการให้นักเดินทางต่างประเทศที่มากับทาง อีลิตการ์ด ไมซ์ กองถ่ายทำภาพยนตร์ กลุ่มเดินทางมาป้องกันรักษาฟื้นฟูสุขภาพ health & Wellness กรณีที่กลุ่มดังกล่าวปฏิบัติอยู่ในไทยและยอมรับการกักตัวจนครบ 14 วันแล้ว และต้องการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ทาง ศบค.ประกาศให้กลุ่มนักท่องเที่ยวเหล่านี้ใช้บริการบริษัทนำเที่ยวพาไปในแหล่งท่องเที่ยวที่ผ่านการรับตราสัญลักษณ์ SHA เท่านั้น
ส่วนการเพิ่มกิมมิกหรือเติมเต็มสีสันใหม่เข้าไปในมาตรฐาน SHA มุมใหม่ ๆ นั้น ตอนนี้แต่ละพื้นที่หรือสถานประกอบการแข่งขันกันโดย มีโรงแรมในจังหวัดใดได้รับตราสัญลักษณ์จำนวนมากกว่ากัน จากนี้ต่อไปจะพุ่งเป้ารณรงค์ให้ทั้งย่านประกอบการค้า ตัวอย่าง “ย่านราชประสงค์” ใจกลางกรุงเทพฯ ททท.ได้หารือกับผู้ประกอบการซึ่งเป็นไข่แดงให้บริการครบวงจร ตอบรับเข้าร่วมจนได้รับตราสัญลักษณ์ SHA รวม 16 อาคาร ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านอาหาร นวดสปา แหล่งช้อปปิ้ง ซึ่งสามารถช่วยตอกย้ำความมั่นใจด้านความปลอดภัยที่จะดึงดูดคนเข้ามาใช้บริการอย่างสบายใจ โดยประกาศเป็น “ย่านราชประสงค์ ปลอดภัย มั่นใจไร้โควิด-19”
ททท.เตรียมต่อยอด “ราชประสงค์ SHA Model” เริ่มจากย่านเยาวราช แหล่งท่องเที่ยวชุมชนรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ย่านเมืองเก่าภูเก็ต และย่านชุมชนอื่น ๆ กำลังทยอยรวมตัวกันทำในลักษณะดังกล่าว
นางสาวฐาปนีย์กล่าวว่า นอกจากโครงการแล้ว SHA ยังได้ริเริ่มนำร่องทำโครงการคือ Workation Thailand” ต้องการตอบโจทย์เข้าสู่ยุคใหม่แห่งความอิสระ รณรงค์ให้ทุกองค์กร ทุกหน่วยงาน หันมาร่วมกันทดลองเปลี่ยนทุกสถานที่ให้เป็นที่ทำงาน เป็นสถานที่จัดกิจกรรม ประชุมสังสรรค์ ท่ามกลางบรรยากาศใหม่ ๆ ทั่วประเทศไทย โดยสิ่งที่ ททท.หวังคือ “ความสุขและประสบการณ์”
โครงการ Workation Thailand เตรียมเดินหน้าโครงการ Workation Thailand พร้อมกับทำกิจกรรมใหญ่เปิดการจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย Business Matching ได้ในวันที่ 10 กันยายน 2563 นี้ แล้วจากนั้นจะเริ่มทยอยนำสินค้าท่องเที่ยววางขายอย่างเป็นทางการในตลาดทั่วไป เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2563 เป็นต้นไป
โครงการ Workation Thailand จะมี 3 ไฮไลต์ด้วยกัน คือ ไฮไลต์ที่ 1 เปิดโอกาสให้แต่ละภาคส่วน หน่วยงานราชการ รัฐ เอกชน เปลี่ยนสถานที่ทำงาน จัดกิจกรรม เปลี่ยนบรรยากาศไปทำนอกสถานที่ ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างผลักดัน แล้วจะมีการทำกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ Business Matching ระหว่างผู้ประกอบการจากทุกสมาคมคือ สมาคมโรงแรมไทย สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว สมาคมร้านค้า ร้านอาหาร และสมาคมต่าง ๆ จัดทำ “ราคาพิเศษ” เพื่อนำมาเสนอขายให้กลุ่มผู้ซื้อซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ (Corporate) ททท.เริ่มเจรจากับทางกลุ่มบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งในที่ประชุม ศบค.เศรษฐกิจ ก็ได้พูดคุยกันถึงการวางยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนโครงการนี้ด้วยเช่นกัน
ไฮไลต์ที่ 2 วางกลยุทธ์จับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ขายในกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวกับผู้ซื้อกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ภาคเอกชน ลักษณะการซื้อจะเน้นผลิตแพกเกจการขายเป็นธีม พร้อมกับขายห้องพักราคาพิเศษเป็นวอลูมขนาดใหญ่ ซื้อครั้งละตั้งแต่ 100 ห้องขึ้นไป
ไฮไลต์ที่ 3 สร้างโปรแกรม Survival Point เปิดให้ผู้ซื้อได้สะสมคะแนนความอยู่รอดของผู้ประกอบการท่องเที่ยวขึ้นมารองรับ ยิ่งผู้ซื้อใช้วงเงินสูงก็จะยิ่งได้รับคะแนนสะสมมากตามไปด้วย โดยจะจัดคะแนนแบ่งเป็นเทียร์ 3 ระดับคือ “โกลด์-ซิลเวอร์-บรอนซ์ (Gold-Silver-Bronze) จะได้รับประกาศนียบัตรเป็น Trophy จากนายกรัฐมนตรี ซึ่งยินดีสนับสนุนเต็มที่
แนวคิดการจัดทำโปรแกรม Survival Point ได้หารือกับทางผู้ประกอบการให้สิทธิกับผู้ซื้อ 1.จำนวนห้องพัก 2.วงเงินที่แปลงกลับเป็นจำนวนคะแนน และมีรางวัล “แพลตนินัม โทรฟี่” ซึ่งมียอดซื้อสูงสุดสร้างคุณูปการกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ส่วนวิธีการซื้อจะเป็นครั้งเดียวล็อตใหญ่ แต่จะรณรงค์ให้ซื้อห้องพัก “วันธรรมดา” เป็นหลัก แล้วสามารถนำไปใช้เมื่อไรก็ได้ บางโรงแรมจะให้สิทธิ์ไปใช้บริการยาว 1-2 ปีแล้ว เพื่อให้มีรายได้หล่อเลี้ยงกิจการและจ้างงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวอยู่รอดได้
โดย ททท.และรัฐบาบมุ่งหวังจะให้ผู้ซื้อเข้ามาร่วมมือช่วยกันสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวได้มีสายป่านยาวอยู่ต่อไปได้ ถือเป็นการพยุงและสร้างงานจ้างบุคลากรให้อยู่ต่อจากเงินทุกบาททุกสตางค์ที่นำมาซื้อแพกเกจในโครงการดังกล่าว เป็นไฮไลต์ที่จะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน 2563
กลุ่มเป้าหมายหลักที่จะรุกเจาะประกอบด้วย คอร์ปอเรต-บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ หน่วยงานภาครัฐ ที่จะต้องจัดสัมมนา ทัศนศึกษา หน่วยงานที่มีกิจกรรมจัดอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง และกลุ่มหลักสำคัญคือบริษัทที่มีชาวต่างชาติที่พำนักในไทย (Expat) ตอนนี้เริ่มสร้างการรับรู้แล้ว
ขณะนี้นายกรัฐมนตรีมีนโยบายชัดเจน เรื่องการสนับสนุนทำโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการท่องเที่ยวมีสายป่านอยู่ได้ยาวโดยจ่ายเงินตรงไปยังโรงแรม เป็นน้ำหล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้อยู่ได้ในระยะยาวต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น