ทอท.โชว์ผลศึกษา IATA+SKYTRAXลุยส่วนต่อสุวรรณภูมิ3ทิศ “เหนือ-ตะวันออก-ตะวันตก”รอรับผู้โดยสารอนาคตฟื้น120ล้าน/ปี
ทอท.โชว์ผลศึกษา IATA+SKYTRAXลุยส่วนต่อสุวรรณภูมิ3ทิศ
“เหนือ-ตะวันออก-ตะวันตก”รอรับผู้โดยสารอนาคตฟื้น120ล้าน/ปี
เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #AOT #สุวรรณภูมิต่อขยายเหนือตะวันออกตะวันตก
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท./AOT” รายงานว่า ผลจากมติที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทภส.) ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีแนวทางให้ ทอท.ว่าจ้างสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA) ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนพัฒนาท่าอากาศยาน ให้ประเมินระดับการให้บริการ (Level of Service: LoS) ควบคู่ทำการศึกษาแผนแม่บทฉบับเดิมและฉบับปรับปรุงปัจจุบัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิ (ทสภ.)
เนื่องจากผลการศึกษาของ IATA สอดคล้องกับผลประเมินการจัดอันดับท่าอากาศยานของ Skytrax มีจุดบริการหรือสิ่งอำนวยความสะดวกในสุวรรณภูมิที่ยังอยู่ระดับต่ำกว่ามาตรฐาน ส่งผลต่อความพึงพอใจและความสะดวกสบายของผู้ใช้บริการในพื้นที่ โดยแบ่งปัญหาได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1: สิ่งอำนวยความสะดวกไม่เพียงพอ (Under-provided) หรือเข้าขั้นวิกฤต ทาง IATA ระบุเป็นพื้นที่สีแดงและจำเป็นต้องปรับปรุง ได้แก่
1.1 ชานชาลารับ-ส่งผู้โดยสาร (Curbside) ขาเข้าและขาออก ประสบปัญหาความแออัด เนื่องจากมีความยาวจำกัดเพียง 620 เมตร สวนทางความต้องการใช้งานมีมากถึง 812 เมตร หรือเกินขีดความสามารถกว่า 30 %
1.2 จุดตรวจหนังสือเดินทาง (ขาเข้า-ตรวจคนเข้าเมือง) และจุดตรวจค้น (เที่ยวบินภายในประเทศ)
กลุ่มที่ 2: สิ่งอำนวยความสะดวกที่อยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ที่เหมาะสม (Sub-optimum) ถูกจัดเป็นพื้นที่สีส้มและจำเป็นต้องได้รับการบริหารจัดการ ได้แก่ เคาน์เตอร์เช็กอิน จุดตรวจหนังสือเดินทาง (ตรวจคนเข้าเมือง) จุดตรวจค้น (เที่ยวบินระหว่างประเทศ และเปลี่ยนเที่ยวบิน) จำนวนหลุมจอดพร้อมใช้งาน
ดังนั้น AOT จึงต้องแก้ไขปัญหาจุดบริการ และพัฒนาศักยภาพสุวรรณภูมิ โดยจะต้องเดินหน้าแผนพัฒนาพื้นที่ส่วนต่อขยายสนามบินสุวรรณภูมิครอบคลุมทั้ง 3 ทิศ “เหนือ-ตะวันออก-ตะวันตก” จะทำให้เกิดความสมดุลพร้อมทั้งบริเวณภายในโซนก่อนขึ้นเครื่องบิน (Airside) และโซนบริการด้านหน้าก่อนผ่านระบบตรวจการเดินทาง (Landside) เพื่อเตรียมรองรับผู้โดยสารอนาคตระยะยาวปีละ 120 ล้านคน ทำให้สุวรรณภูมิ กลับมาเป็นประตูสู่ประเทศไทย สนามบินชั้นนำของโลกได้อีกครั้งต่อไป ประกอบด้วย
ส่วนที่ 1 พื้นที่ส่วนต่อขยาย “ด้านทิศเหนือ : North Expansion” เพื่อเพิ่มเติมพื้นที่ให้บริการที่สำคัญ เช่น ชานชาลารับส่งผู้โดยสาร อาคารจอดรถ ปรับปรุงระบบจราจร พื้นที่เคาน์เตอร์เช็กอิน จุดตรวจค้น จุดตรวจหนังสือเดินทาง และสายพานรับกระเป๋า
เพื่อเตรียมความพร้อมให้บริการผู้โดยสารภายใต้วิถีชีวิตแบบใหม่ (Transport New Normal)หลังผลสถานการณ์โควิด-19 จะต้องเพิ่มมาตรการ เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) การตรวจคัดกรองโรค การแยกพื้นที่ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ นำระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติต่าง ๆ มาให้บริการ อาทิ Self Service Check-in, Self Service Bag drop, Passenger Validation, Self-Boarding Gate, Automated Biometric Identification
ส่วนที่ 2 จะพัฒนา “พื้นที่ส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออก : East Expansion” การก่อสร้างอาคารต่อขยายจากอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน เพิ่มพื้นที่อาคารผู้โดยสารให้ได้ราว 66,000 ตารางเมตร เบื้องต้นวางแผนจะใช้พื้นที่ส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออก “รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ” เพิ่มพื้นที่รองรับเช็กอินล่วงหน้า หรือ Early Check-in เพื่อให้บริการผู้โดยสารที่มาถึงก่อนเวลาเปิดเคาน์เตอร์ตรวจตั๋วโดยสารสายการบิน แก้ปัญหาผู้โดยสารความแออัด
ส่วนที่ 3 “ส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันตก : West Expansion” ทอท.อยู่ระหว่างศึกษาควบคู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มพื้นที่ผู้โดยสารโล่งขึ้น สามารถรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศในอนาคตปีละ 30 ล้านคน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น