ททท.ลั่น“พลิกโฉมท่องเที่ยว”เปิดประเทศรับ46ชาติ17จังหวัดลุยขายUnseen New Seriesในประเทศ+อะเมซิ่งยิ่งกว่าเดิม
ททท.ลั่น“พลิกโฉมท่องเที่ยว”ลุยเปิดประเทศรับ46ชาติ17จังหวัด
พ.ย.นี้ปั้นคอนเทนต์ขายUnseenSeriesในประเทศ+อะเมซิ่งโลก
คิงเพาเวอร์เอาใจนักช้อปถึง 31 ต.ค.นี้ด้วย 6 ดีลดีลดสูงสุด 60%
ช้อปเลย!!คิงเพาเวอร์After Partyเพาเวอร์ดีลทุกศุกร์/วีคเอนด์โค้ด
อโรมาแบรนด์ดังแห่มาให้ช้อปที่คิงเพาเวอร์ลดรัว
ๆ ถึง31ต.ค.64
ททท.ขานรับ46ประเทศทวีปยุโรปแชมป์25ชาติเสี่ยงต่ำเที่ยวไทย
ททท.ภาคกลางผนึกTEATAนำร่องเส้นทางเที่ยวBCG 4 จังหวัด
TCEBนำธุรกิจเฮหลังปลดล็อกจัดไมซ์ทั่วไทยพ.ย.-ธ.ค.1,000กลุ่ม
“ภูพระ”อันซีนซีรีย์แลนด์มาร์คใหม่ด่านซ้ายหนาวนี้เที่ยวจ.เลย
แค่กิน“ข้าวกล้อง”ก็แข็งแรงรอดปลอดภัยจากสารพัดโรคร้ายๆได้
“อโกด้า”โชว์โพลล์หลังโควิดคนจ่อเที่ยวไทย1ใน3GEN Xมาแรงสุด
บอร์ดอนุมัติทอท.กู้2.5หมื่นล้าน-คาดปี67ผู้โดยสารฟื้น143ล้านคน
รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม 2564 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์”
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
#เปิดประเทศ1พย64 #UnseenNewSeries #อะเมซิ่งยิ่งกว่าเดิม
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้
ช่วงที่ 1 ห้ามพลาด!! เกาะติดพลิกโฉมใหม่ กับ “ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร”
รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระพือ “คอนเทนต์”
สร้างจุดขายทุกรูปแบบ บูมสินค้าใหม่ “Unseen New Series” ปลุกกำลังซื้อ “ในประเทศ”
เที่ยวไร้ขีดจำกัดเลิกแบ่งภาคและพื้นที่ รับเทศกาลเที่ยวส่งท้ายปี พ.ย.-ธ.ค.64 ยาวถึงปี’65 เปิดยิ่งใหญ่ “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ อะเมซิ่ง
ยิ่งกว่าเดิม” โกย “ตลาดต่างประเทศ” พลิกสื่อสารเทรนด์ใหม่ให้โลกเฮเข้าไทย นำ
“ภูเก็ต แซนด์บ็อก” โมเดลความสำเร็จขยายแนวรุกเปิดประเทศ 17 จังหวัด 1 พ.ย.นี้ ต้อนรับประเทศเสี่ยงต่ำ 46 ชาติ
รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า แผนเดินหน้าสื่อสารตลาดท่องเที่ยวปี 2565 เพื่อการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยโดยไม่กักตัว รวมทั้งการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเข้มข้น โดยจะพุ่งเป้าทั้ง “ตลาดในประเทศ” และ “ตลาดต่างประเทศ” เน้นหนัก “เนื้อหาหรือContent” โดยวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายใช้สื่อทางมีเดียและนิวมีเดีย
“ตลาดในประเทศ” จะสื่อสารกับนักท่องเที่ยว 2-3 ประเด็น ได้แก่ 1.กระตุ้นทั่วประเทศทำหน้าที่ “เจ้าบ้านที่ดี” ในฐานะเจ้าของพื้นที่ รอต้อนรับทั้งคนไทยและต่างชาติ บทบาทแรกของคนไทยคอยสอดส่องดูแลมาตรการความปลอดภัย แนวทางปฏิบัติร่วมมือร่วมใจกัน 2.การฉีดวัคซีนกระจายให้คนท้องที่ของประเทศไทยภายในธันวาคมนี้ ตามที่รัฐบาลประกาศหลายพื้นที่มีภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ แต่ก็ต้องดูความแตกต่างเงื่อนไขการเข้าพื้นที่
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ททท.จะเร่งมือทำ เรื่องแรก รวบรวม “รายละเอียดข้อมูลการเดินทางเข้าแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ” มาไว้ในศูนย์แบบวันสต็อป เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาก่อนเดินทางทุกครั้งทาง Website คอลเซนเตอร์เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672 หรือเพจเฟซบุ๊คหลัก ๆ เรื่องที่ 2 อัพเดทโดยศึกษาปัจจุบันการเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวผ่านช่องทางต่าง ๆ
ส่วน “แคมเปญหรือกิจกรรม” ที่จะนำมาผลิตเป็นเครื่องมือสื่อสาร ปี 2565 ต้องขานรับ “พฤติกรรมการท่องเที่ยววิถีใหม่” ยกระดับทุกกิจกรรม ทุกสถานที่ท่องเที่ยวให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย SHA :Safety and Health Administration หลังธรรมชาติฟื้นตัว หลังจากนี้จะใช้คำว่า “พลิกโฉมการท่องเที่ยว” ไปสู่ 1.สิ่งที่ดีกว่า 2.สิ่งที่ปลอดภัยกว่า เพราะฉนั้นการสื่อสารไปยังคนไทยตลาดหลักจึงใช้แคมเปญ “อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม” หลังจากทั่วโลกให้การยอมรับอย่างต่อเนื่อง
ปี 2565 จะนำไฮไลต์สินค้าหลักมาขายคือแหล่งท่องเที่ยว “Unseen New Series” วันนี้กำลังออกวางตลาดต้อนรับ “เทศกาลท่องเที่ยวปลายปีนี้ เริ่มโปรยตั้งแต่พฤศจิกายน แล้วธันวาคม 2564 อัดการสื่อสารเต็มที่ ด้วยการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่เป็นครั้งแรก เป็นสถานที่วิถีใหม่ ไม่กระจุกตัว ไม่แออัด เป็นไปตาม Covid free Setting และ Universal Convention อย่างแน่นอน
ช่วงจังหวะการออกตัว “Unseen New Series” 2 เดือนสุดท้าย พฤศจิกายน-ธันวาคม นี้ เพื่อสร้างสรรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศต่อเนื่องจากเทศกาลเดินทางวันหยุดข้ามปีไปจนถึงต้นปี 2565
สำหรับที่มาของ “Unseen New Series” ททท.ได้ทำ 1.ติดตามทดลองนำคนเข้าพื้นที่อันซีนใหม่มาตลอด กระทั่งขณะนี้มีเสียงตอบรับเรื่องความต้องการเที่ยวสถานที่ใหม่อย่างไรบ้าง 2.ททท.สำนักงานพื้นที่ทั่วประเทศ จะต้องเร่งหามุม หามิติ หาแองเกิ้ล มาทดสอบตลาด รับนักท่องเที่ยวเข้ามา เมื่อได้คอนเทนต์ที่ดี ก็จะนำมาใส่เป็นสินค้าท่องเที่ยว ททท.ซึ่งผ่านการคัดกรองมาเป็นอย่างดี มั่นใจ ทุกสถานที่ท่องเที่ยวมีคอนเทนต์สื่อสารผ่านทุกช่องทางแบบฟูลสเกลอย่างแน่นอน
ททท.วางกลยุทธ์ติดอาวุธสร้างการรับรู้เกิดพลังการเดินทางได้
จากการศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวหันมาใช้เครือข่ายรับรู้ผ่านทุกช่องทาง คือ
ออฟไลน์ วิทยุ โทรทัศน์ ออนไลน์ โซเชียลมีเดีย ไลน์กลุ่มเครือข่ายเพื่อน และอื่น ๆ
ทุกช่องทางสำคัญทั้งหมด ขึ้นอยู่กับจะวางตำแหน่งสินค้ากับตลาดไปยังช่องทางไหน ซึ่งจะคัดสรรโดยดู
“สินค้า-คอนเทนท์” บวกกับเข้า “ประสิทธิภาพ” ให้ตรง “กลุ่มเป้าหมาย”
แล้วจึงทำการเผยแพร่กระตุ้นการเดินทาง
การผลิตสื่อ “อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม” โดยมีทั้ง อะเมซิ่ง พีเพิล -เป็นคนไทยหรือเปล่า หรือ อะเมซิ่ง โปรดักซ์-เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ จะอยู่ใน Unseen New Series แล้วทยอยปล่อยออกมาเป็นชุดตามช่วงเวลาเหมาะสม พฤศจิกายน-ธันวาคม นี้ สนับสนุนเที่ยวฤดูหนาวปลายปีนี้
“กลยุทธ์สื่อสารการตลาด” ของ ททท.นับจากนี้เป็นต้นไป จะ “กระจายส่งเสริมให้เดินทางท่องเที่ยวได้ทั่วประเทศ” ปีแรกต้อนรับ New Normal ไม่จำเป็นจะต้องหน้าหนาวเที่ยว “ภาคเหนือ” หน้าร้อน “เที่ยวทะเล” อีกต่อไป เนื่องจากไทยมีความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว ตัวอย่าง หน้าหนาวก็มี เส้นทางท่องเที่ยวทะเลหมอก ในภาคอื่น ๆ ซึ่งมีความสวยงามแปลกตา ทำให้เกิดการเปลี่ยนบรรยากาศ ลดความหนาแน่น ลงได้พอสมควร
นายศิริปกรณ์
กล่าวว่า การสื่อสารตลาดต่างประเทศ เตรียมพร้อมรับการเปิดประเทศตามนโยบายรัฐบาล 1
พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป
ตามที่เคยกล่าวไว้จะไม่เน้นจำนวนนักท่องเที่ยว จึงได้นำ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์”
มาเป็นโมเดลต้นแบบ ตั้งแต่เปิดภูเก็ตรับชาวต่างชาติเข้ามาเมื่อ 1 กรกฎาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาแล้วกว่า 50,000
ราย
ส่วนใหญ่มีผู้ที่มั่นใจเดินทางมายังภูเก็ต 4 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มครอบครัว พ่อ-แม่-ลูกเด็กเล็ก
กลุ่มเพื่อนฝูง กลุ่มคู่รัก กลุ่มผู้สูงวัย
ปรากฎการณ์สำคัญที่นำไปประยุกต์ใช้กับการเปิดประเทศภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
ประกอบด้วย
มิติที่ 1 “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” การรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์เข้ามา พบว่า ในจำนวนกว่า 50,000 ราย พบยอดผู้ติดเชื้อไม่ถึง 200 ราย หรือคิดเป็น 0.3 % เท่านั้น และส่วนใหญ่พบตั้งแต่วันแรกจากการตรวจตอนผ่านสนามบิน รวมทั้งไม่มีความเสี่ยงเพราะนักท่องเที่ยวทุกคนมีประกันภัยคนละ 1 แสนเหรียญสหรัฐ ดังนั้นจึงรณรงค์ให้ทุกคนฉีดวัคซีน ตามที่รัฐบาลเร่งจัดหามาให้จนครบตามเป้าหมาย
2.ต้องดูมาตรการ Universal Prevention กับ Covid Free Setting ระวังตัวอยู่ตลอด แต่ไม่ใช่กดดันนักท่องเที่ยว เพราะผลตรวจพบนักท่องเที่ยว 0.3 % ประกอบด้วย 70 % แทบไม่มีอาการใด ๆ อีก 30 % มีอาการเล็กน้อย เช่น ตัวร้อน ทั้งหมดจึงไม่ต้องเข้ารักษาพยาบาลเตียงสีเหลือง สีแดง แต่เป็นสีเขียวล้วน ๆ เป็น Hotel, Hospitel Isolation พอครบวันเชื้อหายไป นักท่องเที่ยวเหล่านั้นก็ออกมาเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ได้ตามปกติ
ดังนั้น
“ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์”
จึงเป็นต้นแบบสำคัญที่จะนำมาใช้กับการขยายพื้นที่ทยอยเปิดประเทศในพื้นที่หลักต่อเนื่องทั่วประเทศอย่างมั่นใจในอีก
43 จังหวัด
เพราะคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้ฉีดวัคซีนป้องกันไว้แล้ว ควบคู่กับ มีมาตรการดูแลตรวจสอบก่อนตั้งแต่เข้าประเทศมา
จึงก่อให้เกิดการขยายต่อไปได้ และเป็นปัจจัยให้รัฐบาลกำลังพิจารณา “ลดวันกักตัว”
ลดลงไปให้เหลือน้อยสุด
มิติที่ 2 พื้นที่ขยายภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ไปยังเกาะสมุย เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่
จ.สุราษฎร์ธานี เกาะพีพี หาดไร่เลย์ จ.กระบี่ เขาหลัก จ.พังงา หลังวันที่ 1
พฤศจิกายน นี้
จะขยายพื้นที่เปิดรับต่างชาติเที่ยวได้ ระยะที่ 1 อีก 17 จังหวัด
โดยยังคงมาตรการสำคัญสุด
เรื่องที่ 1 คนในพื้นที่จะต้องรับวัคซีนแล้ว
70-80 % เพราะการตรวจหาเชื้อยังไม่เคยปรากฎว่ามีการติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติสู่คนไทย
ที่พบทั้งหมดเป็นคลัสเตอร์คนไทยแพร่เชื้อติดคนไทยด้วยกันเอง
เรื่องที่ 2 คงมาตรการต่าง ๆ ไว้เหมือนเดิม ได้แก่
นักท่องเที่ยวที่เข้าไปยังพื้นที่ท่องเที่ยวระยะที่ 1 ทั้ง 17 จังหวัด
กลุ่มแรก นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์แล้วจะต้องอยู่ในไทย 7 วัน โดยจะต้องตรวจ RC-PCR หรือ Antigen test :ATK หาเชื้อตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึงเมืองไทย
กลุ่มสอง นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เข้ามาแล้วต้องกักตัวในสถานที่จัดไว้ให้ State Quarantine
กลุ่มสาม นักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนครบแล้วเดินทางมาจากประเทศเสี่ยงต่ำ ตามนโยบายใหม่ของรัฐบาลไทย เริ่มให้ใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นอีกกลุ่มท่านนายกรัฐมนตรีประกาศเมื่อ 11 ตุลาคม 2564 ให้กลุ่มต่างชาติดังกล่าวเข้าไทยได้อีกรูปแบบคือ เข้ามาวันแรกตรวจผล RT-PCR จากนั้นเข้าพักโรงแรม 1 คืน เพื่อรอผลการตรวจเชื้อ ช่วงนั้นจะไม่ให้สัมผัสความเสี่ยงกับใครเลย เมื่อผลตรวจเป็นลบจึงให้เดินทางไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วเมืองไทยได้
ททท.มั่นใจผลตรวจเชื้อที่ปรากฏกับนักท่องเที่ยวภูเก็ต
แซนด์บ็อกซ์ วันแรกพบคนมีเชื้อน้อยมาก วันที่ 2-3 ยิ่งมีน้อยมากกว่านั่นเอง
ทุกพื้นที่จึงมั่นใจนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไปจะปลอดภัยอย่างแน่นอน เพราะ 1.ตรวจหาเชื้อตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งไม่พบเชื้อ 2.ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การใช้ชีวิตในแต่ละจังหวัดกำหนดไว้
นายศิริปกรณ์
กล่าวว่า โอกาสที่ประเทศไทยจะยกเลิกการตรวจ RT-PCR โดยยอมรับการตรวจจากประเทศต้นทางเป็นหลักนั้น
ยังอยู่ในกระบวนพิจารณาของทางคณาจารย์ด้านสาธารณสุข ของกระทรวงสาธารณสุข หากพิสูจน์ได้ว่า “นานาประเทศ” ยอมรับ และ
“มีความเชื่อมั่น” ในความเป็น ATK Profestional โดยการตรวจจากเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญ เชื่อว่าอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกตรวจซ้ำในไทย
แต่ยังคงไม่สามารถตอบได้ว่าจะเป็นเมื่อไร
ปัจจุบันประเทศไทยยังคงต้องใช้แนวทางปฏิบัติกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาโดยยึดหลัก
1.ตรวจ RT-PCR
นักท่องเที่ยวต่างชาติทุกคนใหม่อีกครั้งตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึงเมืองไทย
จนกว่าจะแสดงผลเป็นลบไม่ติดเชื้อแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้พยายามทำงานอย่างหนัก
เพื่อหาทางผ่อนคลายมาตรการอำนวยความสะดวกด้าน “การท่องเที่ยว” ทั้งคนไทย
และต่างชาติ เดินทางได้อย่างสะดวก ปลอดภัย มากยิ่งขึ้น
นายศิริปกรณ์กล่าวว่า ฝ่ายสื่อสารการตลาด ททท.พร้อมจะเป็นกองกำลังหนุนตามนโยบายรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กำหนดโจทย์ให้ ททท.นำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2565 ให้ได้ 15 ล้านคน นั้นเป็นเป็นเป้าหมาย ไม่ถึงกับต้อง “พุ่งชน” แต่จะต้อง “ไปให้ถึง” ส่วนจะไปถึงอย่างไรนั้น ต้องอาศัยเครื่องมือความสำเร็จหลายประการ
แต่สิ่งหนึ่งที่ฝ่ายสื่อสารการตลาด ททท.ดูแลตอนนี้คือ 1.พยายามสื่อสารประเทศไทยด้วย “การพลิกโฉมประเทศไทย” แตกต่างจากอดีต ก่อนหน้านี้นักท่องเที่ยวทั่วโลกอาจจะเคยพูดว่า อ๋อ!! เมืองไทยเคยไปมาแล้ว พอไปถึงก็นอนพักโรงแรมเดิม แต่หลังโควิด-19 ททท.จะสร้างมิติใหม่ให้นักท่องเที่ยวเกิดความรู้สึก Beyond Expectation :ได้รับสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ให้ได้ คือ มาถึงแล้วจะได้พบสัมผัสโฉมใหม่ของเมืองไทย เช่น จะได้เห็นมิติใหม่ในแบบ New Chapter ซึ่งจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้
ททท.พร้อมจะเปิดมิติใหม่พลิกโฉมปี 2565 หรือ 2022 เกี่ยวกับรูปแบบการท่องเที่ยวประเทศไทย ซึ่งจะได้รู้พร้อมกันทั่วโลกในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
คิงเพาเวอร์เอาใจนักช้อปถึง31ต.ค.นี้ด้วย 6 ดีลดีลดสูงสุด60%
คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ ส่งต่อความพิเศษ! ต่อเวลาช้อปคุ้มจัดเต็ม 6 ดีลเด็ดแห่งปี เพื่อร่วมมอบความสุขในโอกาสฉลองครบรอบ 32 ปี ด้วยแคมเปญช้อปจุใจ ONLINE AFTER PARTY 32ND ANNIVERSARY DELIGHTS & SURPRISES เที่ยวทิพย์ เที่ยวไม่ได้ แต่ใจอยากช้อป วันนี้-31 ตุลาคม 2564 เท่านั้น! พบกับ สินค้าแบรนด์เนมราคาดิวตี้ฟรี พร้อมส่วนลดสูงสุด 60% อย่างไร้ขีดจำกัด แม้ไม่มีไฟลต์บินก็ช้อปได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ www.kingpower.com และ คิง เพาเวอร์ แอปพลิเคชัน
ดีลที่ 1 DELIGHTS & SURPRISES ลดสูงสุด 45% เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท เพียงใส่รหัสส่วนลด KPBD21
ดีลที่ 2 CATEGORIES OF THE WEEK โปรโมชั่นพิเศษเอาใจทั้งสายสุขภาพและความงามกับ Sport Delights และ Beauty Delights สินค้าแบรนด์เนมลดสูงสุด 45%
ดีลที่ 3 POWER DEAL วันที่ 22 และ 29 ตุลาคม 2564 ดีลสุดคุ้มราคาพิเศษ ลดสูงสุด 60% ไม่มีขั้นต่ำ และไม่ต้องใส่รหัสส่วนลด เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ
ดีลที่ 4 SURPRISING DEALS! AROMATHERAPY โปรโมชั่นช้อปผ่อนคลายความเหนื่อยล้าในการทำงาน พบกับสินค้าในกลุ่มอะโรมาเทอราพีคัดสรรมาแล้วกว่า 1,000 รายการ ลดสูงสุด 35% แบบไม่มีขั้นต่ำ
ดีลที่ 5 WEEKEND
BONUS โค้ดพิเศษส่งท้ายแคมเปญ เฉพาะวันที่ 30-31
ตุลาคม 2564
แจก 500 โค้ดพิเศษ รับทันทีรหัสส่วนลดสูงสุดถึง 45% และลดเพิ่มอีก
5% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท ติดตามรหัสส่วนลดได้ที่ www.kingpower.com
ดีลที่ 6 DELIGHTFUL ITEM จัดเต็มกับมหกรรมสินค้าจากกลุ่มความงาม สุขภาพ อาหาร ของที่ระลึก และสินค้าไทย อาทิแบรนด์ PANPURI, SAI JAI THAI, MAHANAKHON และ NATURE LIFE HERB ลดสูงสุด 45% ไม่มีขั้นต่ำ
พลาดไม่ได้กับสินค้าราคาพิเศษจากหลากหลายแบรนด์ดังคลิกได้เลย
ข่าวที่ 2 ช้อปเลย!!คิงเพาเวอร์After Partyเพาเวอร์ดีลทุกศุกร์/วีคเอนด์โค้ดพิเศษ
คิง พาเวอร์ ต่อเวลาช้อป! ONLINE AFTER PARTY 32nd ANNIVERSARY DELIGHTS & SUPRISES ช้อปต่อตลอดทั้งเดือน ตั้งแต่วันนี้ - 31 ต.ค. 64 กับดีลสุดพิเศษจาก คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ ให้คุณช้อปได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ในราคาที่พิเศษสุดลดสูงสุด 45% เมื่อช้อปครบ 3000.- เพียงแค่ใส่รหัสส่วนลด KPBD 21ช้อปเลยที่ – https://bit.ly/3DyEr0A กับ 2 ดีลตามความชอบดังนี้
1.“POWER DEAL” ดีลสุดคุ้มราคาพิเศษ ทุกวันศุกร์ ช้อปได้ที่ – https://bit.ly/3iSbcOG
2.WEEKEND
BONUS ด้วยการใส่โค้ดพิเศษ ส่งท้ายแคมเปญลด ON TOP 5% เมื่อช้อปครบ 5,000.-
ติดตามส่วนลดได้ที่หน้าเว็บไซต์
พิเศษ! ลูกค้าที่ช้อปออนไลน์ รับฟรีทุกออเดอร์ คลิปหอมติดแมสก์ PASTEL CLEVER MASK CLIP (คละสี) 1 ชิ้น สงวนสิทธิ์ในการเลือกสี และของแถมจำนวนจำกัด
ติดตามโปรโมชั่นพิเศษตลอดแคมเปญได้ที่ - https://bit.ly/3oU2EKI
ข่าวที่ 3 อโรมาแบรนด์ดังแห่มาให้ช้อปที่คิงเพาเวอร์ลดรัว ๆ ถึง31ต.ค.64
สินค้าแบรนด์ดังร่วมแคมเปญ
DELIGHTS & SURPRISES SURPRISING DEAL! AROMATHERAPY นำเครื่องหอมสารพัดแบรนด์กลิ่นหอมบำบัด ลดสูงสุด 35%
วันนี้– 31 ต.ค. 64 คลิกช้อปทางคิง
เพาเวอร์ ออนไลน์ เพียงใส่โค้ดส่วนลด KPDS21 ช้อปเลยที่ - https://bit.ly/3imXKSH รับไปเลย
ผลิตภัณฑ์อโรมาเทอราพีหลากหลายทั้ง เครื่องพ่นอโรม่า ก้านทำความหอม น้ำมันนวดและบำรุงผิว
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย และอีกมากมายของดีมีคุณภาพ ช้อปได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่ 4 ททท.ขานรับ46ประเทศทวีปยุโรปแชมป์25ชาติเสี่ยงต่ำเที่ยวไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเฟซบุ๊ค พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์รายชื่อประเทศเสี่ยงต่ำที่สามารถเดินทางเข้าไทย เช้าวันที่ 22 ตุลาคม 2564 ทางกระทรวงการต่างประเทศ (ก.ต.) ก็ออกประกาศทันที รายชื่อประเทศและพื้นที่ต้นทางที่อนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรสำหรับบุคคลประเภท (13)โดยหมายถึง"ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามา ในราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล"
ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข และการเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งมีทั้งหมด46ประเทศ และพื้นที่ต้นทางเดินทางเข้าไทยไม่ต้องกักตัว มีผลตั้งแต่วันที่1 พฤศจิกายน2564 ดังนี้
“ยุโรป” 25 ประเทศ ได้แก่ สหราชอาณาจักร เยอรมัน ฝรั่งเศส เดนมาร์ก อิตาลี สาธารณรัฐเช็ก กรีช ฮังการี โปรตุเกส ไอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ ฟินแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน โปแลนด์ เนเธอร์แลนด์ สเปน สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย เบลเยียม บัลแกเรีย เอสโตเนีย ลัทเวีย ลิทัวเนีย สโลเวเนีย
“อาเซียน” 4 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน กัมพูชา
“เอเชีย แปซิฟิก” 7 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลี ภูฎาน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
“ตะวันออกกลาง” 5 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิสราเอล กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย บาร์เรน
“อเมริกา” 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และชิลี
“หมู่เกาะ” 2 ประเทศ ได้แก่ ไซปรัส
และมอลตา
ข่าวที่ 5 ททท.ภาคกลางผนึกTEATAนำร่องเส้นทางเที่ยวBCG4จังหวัด
นางสาวจุฑาทิพย์ เจริญลาภ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับสมาคมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) และอีก 6 พันธมิตรสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จัดกิจกรรม “BCG Mini Road Trip - เที่ยวสนุก สุขวิถีใกล้กรุง” ทดสอบและสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวภาคกลาง 4 จังหวัด “ราชบุรี-เพชรบุรี-สมุทรสงคราม-นครปฐม” ระหว่างวันที่ 21-23 ตุลาคม 2564 โดยทำคาราวานนำกลุ่มนักเดินทางทั้งผู้ประกอบการบริษัทท่องเที่ยวและสื่อมวลชน 30 คน ขับรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะสร้างต้นแบบส่งเสริมการท่องเที่ยวประหยัดพลังงาน (EV/ Car loft) แวะชมชุมชนท่องเที่ยวตามแนวคิดรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (RT -Responsible Tourism) ร่วมกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ตามความร่วมมือ Carbon Neutral
คาราวานท่องเที่ยวครั้งนี้จะทดลองโมเดล
BCG :สร้างเศรษฐกิจชีวภาพ (B -bio)
เศรษฐกิจหมุนเวียน (C-Circular) และเศรษฐกิจสีเขียว (G-Green) ด้วยการร่วมทำกิจกรรมตามชุมชนท่องเที่ยวหลัก ๆ คือ 1.ชุมวัดปรกเจริญ 2.ชุมชนชาวมอญนครชุมน์ เรื่อยไปจนถึงการเยี่ยมชมเส้นทาง
Unseen New Series เช่น ถ้ำเขาทะลุมิติ และเขาช่องกระจก จ.ราชบุรี
ข่าวที่ 6 TCEBนำธุรกิจเฮหลังปลดล็อกจัดไมซ์ทั่วไทยพ.ย.-ธ.ค.1,000กลุ่ม
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทันทีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีมติเห็นชอบตั้งแต่ 16 ตุลาคม 2564 เป็นต้นมา ตามข้อเสนอของทีเส็บที่ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย กรมควบคุมโรค พร้อมพันธมิตรรวม 23 เครือข่าย เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมโรงแรมไทย (THA) สมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติ(ไทย)/TICA และอื่น ๆ เพื่อออกมาตรการผ่อนปรน “โครงการเปิดเมืองปลอดภัย ยกระดับการจัดงานไมซ์ด้วยมาตรฐาน” ปลดล็อกการจัดประชุม งานแสดงสินค้า งานอีเวนต์ต่าง ๆ งานเทศกาล และงานมหกรรม เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ยึดหลักตามแนวคิด Smart Control Smart Living with COVID ของกระทรวงสาธารณสุข
โครงการนี้จะช่วยสร้างงานและกระจายรายได้สู่ชุมชนเป็นอย่างมากที่จเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้ ระหว่างตุลาคม-ธันวาคม 2564 คือ การประชุม 1,000 กลุ่ม ที่มีเดือนละ 50 คน/กลุ่ม สามารถสร้างผลทางเศรษฐกิจทางตรงกระจายตามภูมิภาคทั่วประเทศกว่า 250 ล้านบาท และเกิดประโยชน์ทางอ้อมในการฟื้นฟูด้านการเดินทางธุรกิจ และการท่องเที่ยวในประเทศต่อเนื่องได้ด้วย
ขณะนี้มีงานที่พร้อมจัดแล้ว คือ 1.งานแสดงสินค้า กระจายจัดตามพื้นที่หลัก กรุงเทพฯ 54 งาน นนทบุรี 32
งาน ต่างจังหวัดทั่วประเทศ 22 งาน ซึ่งจะช่วยให้ผู้จัดงาน โรงแรม สถานที่จัดงาน การขนส่ง ร้านอาหาร
ธุรกิจผู้ประกอบการต่างๆ ทั้งในส่วนกลางกรุงเทพฯ และระดับท้องถิ่นชุมชน
เกิดการจ้างงานสร้างรายได้กระจายในภูมิภาคทั่วประเทศ
ทีเส็บขอความร่วมมือผู้ประกอบการไมซ์ดำเนินการจัดงานตาม
‘แนวทางปฏิบัติการจัดงานไมซ์’ ภายใต้มาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร
หรือ COVID Free Setting
ที่กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับทีเส็บได้กำหนดขึ้นอย่างเคร่งครัด
สามารถดาวน์โหลดข้อมูลได้ที่ https://hia.anamai.moph.go.th/th/handbook/2927#wow-book/”
หลังจาก ศบค. มีมติเห็นชอบข้อเสนอการปรับมาตรการผ่อนปรน “โครงการเปิดเมืองปลอดภัย
ยกระดับการจัดงานไมซ์ด้วยมาตรฐาน” ให้กลุ่มกิจการศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม
หรือสถานที่จัดนิทรรศการ รวมถึงสถานที่ลักษณะเดียวกันในห้างสรรพสินค้าและโรงแรม
ปฏิบัติตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร หรือ COVID Free
Setting 7 ข้อ ดังนี้
1.จัดประชุม สัมมนา ได้จนถึงเวลา
22.00 น.
2.จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมไม่เกิน 500 คน (พิจารณาปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์)
3.ให้ผู้เข้าร่วมสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา
4.จัดให้มีช่วงเวลาพักเพื่อการระบายอากาศของห้องประชุม
5.จัดเตรียมอาหารแบบแยกเป็นชุด
6.เว้นระยะห่างไม่ให้แออัด
7.ดำเนินการตามแนวปฏิบัติที่กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับทีเส็บกำหนดอย่างเคร่งครัด
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยยุคใหม่ไม่ตกเทรนด์ กับ Unseen New Series “ภูพระ”
แลนด์มาร์คแห่งใหม่ใน “อำเภอด่านซ้าย” จังหวัดเลย
แหล่งประวัติศาสตร์สำคัญบ้านหมากแข้ง กกสะทอน สู่เส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง
ทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งภูลมโล ไร่องุ่น ฟาร์มผักปลอดสารพิษ บ้านขิงรสนิยม แล้วมาฟัง
“กินข้าวกล้อง” ก็แข็งแรงแถมลดเสี่ยงร้ายแรงได้สารพัด และข่าวเด็ด
“อโกด้าเปิดโพลล์” คนไทยอั้นหวังเที่ยวทันที 2เดือนนี้เลย ทางด้าน “ทอท.บอร์ดไฟเขียวกู้เงิน 2.5หมื่นล้าน” หวังฟื้นรายได้ปี67ผู้โดยสารแห่บิน 143 ล้านคน
“ภูพระ”อันซีนนิวซีรีย์แลนด์มาร์คใหม่อ.ด่านซ้ายเที่ยวหนาวนี้จ.เลย
ท่องเที่ยวยุคใหม่ไม่ตกเทรนด์ กับ 1 ใน 25 Unseen New Series “ภูพระ” ตั้งอยู่บริเวณรอบอุทยานเทิดพระเกียรติ
“บ้านหมากแข้ง” ตำบลกกสะทอน ที่ ททท.ร่วมกับจังหวัดเลย และชุมชนร่วมมือกันพัฒนาเป็นแลนด์มาร์คแหล่งท่องเที่ยวใหม่
ที่มีคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมและศาสนา โดยรวบรวมองค์พระพุทธรูปปางสมาธิขนาดหน้าตักกว้าง
2.5 เมตร สูง 3 เมตร หนักกว่า 3 ตัน ที่ชำรุดทรุดโทรม ซึ่งเคยประดิษฐานไว้ ณ สถานที่อันไม่สมควร
มาบูรณะปฏิสังขรณ์ ตามพุทธลักษณะ และคตินิยมทางพุทธศาสนา เรียงเป็นครึ่งวงกลม
งดงาม ลงตัว
จังหวัดเลย ให้ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ออกแบบ วางผัง
เพื่อพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณภูพระสร้างความสวยงาม ควบคู่กับสร้างการรับรู้ความเข้าใจให้คนในชุมชนมีแหล่งท่องเที่ยวเป็นของตนเอง
ที่จะสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจให้ท้องถิ่น
เมื่อมาถึงนักท่องเที่ยวจะได้ชม “อุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง” แหล่งเรียนรู้สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมถึงพระวีรกรรมอันกล้าหาญของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.10 ) เมื่อครั้งดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จนำกำลังทหารโดยเฮลิคอปเตอร์ลงปฏิบัติการทางยุทธวิธี และทรงเยี่ยมเยียนราษฎร ณ ฐานปฏิบัติการบ้านหมากแข้ง ตำบลกกสะทอน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2519
ปัจจุบันภูพระพัฒนาภูพระแล้วเสร็จ ไฮไลต์คือ อุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง วัดป่าเย็นศิระ แล้ว ยังเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของจังหวัดเลย โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว แนะนำไปชม “ทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโล” กกสะทอน ชูช่อสีชมพูบานสะพรั่งทั้งหุบเขา แถมสร้างรายได้เข้าชุมชนเพิ่มมากขึ้น
และไปชม “สวนเกษตร” เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว เช่น องุ่น
ผักปลอดสารพิษ เรื่อยไปจนถึงการแวะชิมอาหารเมนูพื้นบ้านเชิงสุขภาพที่ “บ้านขิงรสนิยม”
ในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่มักจะ “เลือกกินข้าวขาว” ที่ผ่านกระบวนการขัดสีหลายครั้งจนทำให้ข้าวกลายเป็นสีขาว โปรตีนและวิตามินจากข้าวก็เลยหายไปด้วย ทำให้เหลือแต่คาร์โบไฮเดรต เราจึงไม่ได้รับสารอาหารจากข้าวขาวเท่าที่ควร
ขณะที่ข้าวกล้อง
คือข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี สารอาหารต่างๆ จึงยังอยู่ในข้าวครบถ้วนกว่า
ในข้าวกล้องจะมีทั้งคาร์โบไฮเดรต วิตามินบี แมงกานีส แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส
ธาตุเหล็กและแร่ธาตุอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน เมื่อมีสารอาหารเยอะขนาดนี้
แน่นอนครับว่ากินเข้าไปแล้วได้รับประโยชน์เต็มๆ
ประโยชน์หลักๆ ของข้าวกล้องก็มีดังนี้
1.ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน ในข้าวกล้องมีไฟเบอร์สูงมากกว่าข้าวขาว 5-7 เท่า ซึ่งไฟเบอร์จะช่วยขับเอาน้ำตาลและน้ำมันส่วนเกินในร่างกายออกมา ทำให้ระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดคงที่ อินซูลินก็ทำงานปกติ โอกาสการเกิดเบาหวานจึงน้อยลงไปด้วย มีผลการทดลองที่ให้ผู้ป่วยซึ่งไม่เป็นโรคเบาหวาน ลองกินข้าวกล้องและข้าวขาวในปริมาณที่เท่า ๆ กัน ผลสรุปมีโอกาสเป็นเบาหวานลดลงถึง 16%
2. ช่วยลดความอ้วน ผลจากข้าวกล้องมีไฟเบอร์สูงทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น จะดูดซึมได้ช้ากว่าข้าวขาว ทำให้ร่างกายหลั่งอินซูลินออกมาช้า ๆ และดึงเอาไขมันมาใช้เป็นพลังงานได้ตามปกติ จึงทำให้อิ่มนานและไม่เพิ่มระดับน้ำตาลและไขมันในร่างกาย
3.ช่วยลดโอกาสการเกิดของโรคหลอดเลือดหัวใจ เมื่อข้าวกล้องช่วยควบคุมน้ำหนักได้ จึงช่วยลดการเกิดโรคที่มาจากความอ้วน โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่จากผลการศึกษาได้บอกเพิ่มเติมว่า ถึงข้าวกล้องจะลดเปอร์เซ็นต์ของโรคนี้ได้ แต่ก็ต้องกินข้าวกล้องควบคู่กับอาหารที่มีประโยชน์
4.ช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้
-อาหารไฟเบอร์ต่ำและมีไขมันสูงล้วนเป็นสาเหตุของมะเร็งลำไส้แต่ข้าวกล้องมีไฟเบอร์สูงแต่ไขมันต่ำจึงส่งผลดีต่อระบบขับถ่ายและการทำงานของลำไส้
ทำให้โอกาสการเกิดมะเร็งลำไส้หรือติ่งเนื้อในลำไส้ลดลงมากถึง 40%
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “อโกด้า”โชว์โพลล์หลังโควิดคนจ่อเที่ยวไทย1ใน3GEN
Xมาแรงสุด
อโกด้า
แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว รายงานว่า จากการทำผลสำรวจหัวข้อ “เทรนด์การท่องเที่ยวเมื่อการเดินทางกลับมาอีกครั้ง
ปี 2021” พบว่าคนไทยมองการท่องเที่ยวภายในประเทศเชิงบวก
และต้องการท่องเที่ยวอีกครั้ง โดยมีกลุ่มที่ 1 จำนวน 1 ใน 3 ของคนไทยต้องการเที่ยวภายในประเทศภายใน
2 เดือนแรกเมื่อประเทศปลดล็อกเงื่อนไขต่าง ๆ กลุ่มที่ 2
จำนวน 1 ใน 5 หรือประมาณ 20 % ของคนไทยพร้อมจะออกเดินทางทันที รวมทั้งชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอีกหลายเทรนด์การท่องเที่ยวของคนไทยหลังสถานการณ์โควิด-19
ภายในกรอบระยะเวลาเดียวกัน
พบพฤติกกรรมต้องการเดินทางท่องเที่ยวตามเปอร์เซนต์มากไปหาน้อยดังนี้
1.คนไทย Gen X (ค.ศ.
1965-1980) 51%มีความอยากท่องเที่ยวมากที่สุด
2.วัยรุ่นมิลเลนเนียล (Millennial) หรือ Gen Y (ค.ศ.
1981-1996) 49%
3.ผู้สูงวัย หรือ Baby Boomer (ค.ศ.
1946-1964) 47%
4.คนรุ่นใหม่ Gen Z (ค.ศ.
1997-2009) 41%
อีกทั้งคนไทยมองสถานการณ์ท่องเที่ยวภายในประเทศอีก
6 เดือนหน้า จะดีขึ้นตามลำดับ โดย 3 ใน 5 คาดหวังจะสามารถท่องเที่ยวได้อีกครั้ง ในจำนวนนี้มี กลุ่มแรก 38 % คาดหวังจะท่องเที่ยวแบบไม่มีข้อจำกัดได้ 38% ของคนกลุ่มนี้ กลุ่มที่สอง 23 %
คาดหวังจะท่องเที่ยวได้แต่คงยังมีข้อจำกัด
หรือต้องท่องเที่ยวแบบจับคู่พื้นที่เดินทาง (travel bubble)
หรือเที่ยวรอยต่อชายแดนไทยกับเพื่อนบ้าน (travel
corridor)
ข่าวที่สอง บอร์ดอนุมัติทอท.กู้2.5หมื่นล้าน-คาดปี67ผู้โดยสารฟื้น143ล้านคน
นางสาวชนาลัย ฉายากุล เลขานุการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท./AOT” เปิดเผยว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) อนุมัติให้ ทอท.กู้ยืมเงิน วงเงินรวมไม่เกิน 25,000 ล้านบาท จาก 2 แห่ง คือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารออมสิน เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการทั่วไป และ/หรือเพื่อดำเนินโครงการ หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่ ทอท.เห็นสมควร
มติบอร์ด ทอท.ครั้งนี้ ได้ปรับประมาณการปริมาณการจราจรทางอากาศ ระหว่างปี 2565 - 2567 จากการประเมินผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ฉบับเดือนตุลาคม 2564 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ทอท.คาด 2565 จะมีเที่ยวบิน 483,695 เที่ยว มีผู้โดยสารรวม 62.13 ล้านคน ปี 2566 จะมีเที่ยวบินรวม 768,658 เที่ยว และผู้โดยสารรวม 116.13 ล้านคน และปี 2567 จะมีเที่ยวบินรวม 925, 197 เที่ยว และผู้โดยสารรวม 143.05 ล้านคน
2. คาดการณ์ “ปริมาณผู้โดยสาร” ปี 2565 ฉบับเดือนตุลาคม 2564 ตามข้อ 1 ลดลงจากฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 1 1.04 ล้านคน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 26.28 ล้านคน ลดลง 3.06 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 35.85 ล้านคน ลดลง 7.98 ล้านคน เป็นผลจากการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ครั้งใหญ๋ในไทยตั้งแต่เมษายน 2564 เป็นต้นมา โดยผลคาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับปริมาณผู้โดยสารตามสภาพจริง
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น