TCEBเปิดแผนชิงประมูลสิทธิ์เมกะอีเวนต์แสนล้านเข้าไทย ลุ้นครม.พ.ย.64เคาะด่วน-ปี65อัดฉีดไมซ์ไทยดึงต่างชาติหน้าใหม่ใช้เงิน
“TCEB”บุกไมซ์โลกเปิดแผนชิงประมูลสิทธิ์เมกะอีเวนต์แสนล้านเข้าไทย
ลุ้นครม.พ.ย.64เคาะด่วน-ปี65อัดฉีดไมซ์ไทยดึงต่างชาติหน้าใหม่ใช้เงิน
“คิงเพาเวอร์ออนไลน์”นัดช้อปวันที่11เดือน11แจกใหญ่600โค้ด5ดีลดีเด็ด
ช้อปคิงเพาเวอร์Delighs&Surprises30-31ต.ค.นี้แบรนด์ใหญ่ลดแรง45%
ททท.สุดปังทำหนังโฆษณาEven More Amazingโดนใจคนดังทั่วโลก
“ททท.กอดคอกทม.ตรวจสุวรรณภูมิพร้อมเปิดเมืองรับต่างชาติ1พ.ย.64
TCEB ชี้เป้า 10ไมซ์ซิตี้+6เมืองศักยภาพใช้6เครื่องมือพร้อมลุยตลาดปี65
ตลุยป่าธรรมชาติ!!“สวนพฤกษศาสตร์ระยอง”Unseen News
Series
9 วิธีรับมือ “อาการตาลาย”เสี่ยงอุบัติเหตุสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพ
“สธ.+TCEB+ททท.จัดไทยแลนด์เฮลท์เอ็กซโป20-23มค65ปั้นเวลเนสฮับ
เช็คด่วน!!ไทยประกาศใช้แล้วTHAILAND PASS รับเปิดประเทศ1พ.ย.64
“เอเปค”ชวนฟังเสวนาออนไลน์พลิกโฉมท่องเที่ยวคนทั้งมวล17พ.ย.64
วันเสาร์ที่ 30
ตุลาคม 2564 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TCEB
#TAT #ThailandHealthExpo2022 #THAILANDPASS
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้ https://m.facebook.com/story.
ช่วงที่ 1 “จิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” พลิกโฉมตลาดไมซ์ต้อนรับเปิดประเทศครั้งใหม่
ใช้สปริงบอร์ด “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” นำรัฐและเอกชนทั่วประเทศ 16 ไมซ์
ซิตี้ จัด MICE
CITY SUMMIT 2021 เร่งเครื่องปลุกพลัง
“ตลาดไมซ์ต่างประเทศ” มุ่งดึงเมกะอีเวนต์ 3 งานระดับโลก “Specialised Expo 2028-พืชสวนโลกอุดรธานี-พืชสวนโลกโคราช”
ชง ครม.สัญจร 15 พ.ย.64
ปูพรมอนาคตหากดึงเมกะอีเวนต์โลกมา 3 จังหวัดเม็ดเงินสะพัดรวมเฉียดแสนล้าน
และได้น้องใหม่ อิสราเอล สหรัฐอเมริกา เสริมทัพ ส่วน “ตลาดในประเทศ”
อัดฉีดธุรกิจด้วย 3
แคมเปญ ยังคงใช้ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า”
เป็นหัวหอกปั๊มรายได้
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บได้จัด MICE CITY SUMMIT 2021 เป็นครั้งที่สอง
ร่วมกับทีเส็บภาคใต้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดและเอกชน 16 จังหวัด
ที่อยู่ในไมซ์ ซิตี้ 10
จังหวัด และเมืองศักยภาพอีก 6 จังหวัด ได้เลือกจัดงานนี้ที่ภูเก็ต โ
ดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 90 คน เตรียมต้อนรับการเปิดประเทศของรัฐบาลตั้งแต่วันที่
1 พฤศจิกายน
2564 ซึ่งจะนำร่องให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มเสี่ยงต่ำเข้ามาท่องเที่ยวในไทยโดยไม่กักตัวได้ถึง
46
ประเทศด้วยกัน จึงจะใช้ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์
เป็นโมเดลต้นแบบให้แต่ละจังหวัดนำไปปรับประยุกต์ใช้เตรียมความพร้อมตามนโยบายรัฐบาลในโอกาสต่อไป
ทั้ง 10 ไมซ์
ซิตี้ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร
พัทยา/ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น อุดรธานี สงขลา นครราชสีมา พิษณุโลก
สุราษฏร์ธานี กลุ่มที่สอง เมืองที่มีศักยภาพอีก
6 จังหวัด ได้แก่ ระยอง เชียงราย
นครศรีธรรมราช เพชรบุรี กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ต่างก็มีเป้าหมายหลักในเวทีประชุม
MICE CITY SUMMIT 2021 ดังนี้
1.จับมือกันทำความร่วมมือแลกเปลี่ยนตลาดไมซ์แต่ละพื้นที่
2.สร้างสรรค์กิจกรรมซีเอสอาร์
3.เพิ่มความเข้มข้นทางวิชาการจัดบรรยายเรื่องของศักยภาพประเทศไทย
จากผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 4.นำเสนอเทรนด์ใหม่แพลตฟอร์ม Earth Point
สกุลเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่ของสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย หรือ TOCA ที่จะได้สร้างเครือข่ายพันธมิตรเกษตรอินทรีย์นำร่องในภูเก็ต
ขยายผลสู่ทั่วประเทศ
ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าแล้วแลกหรือเปลี่ยนคะแนนให้เป็นมูลค่าเงินเพื่อนำไปใช้เป็นสิทธิประโยชน์มากมายแก่นักท่องเที่ยว
ส่วนไฮไลต์สำคัญการเตรียมความพร้อมกระตุ้นตลาดไมซ์ของทีเส็บ
ปี 2565 เตรียมทยอยเสนอที่รัฐบาล
ผ่านการประชุมคณะรัฐมนตรี ภายในเดือนพฤศจิกายน 2564 เพื่อที่จะเข้าร่วมประมูลสิทธิ์ดึงงานระดับโลกมาจัดในไทยอนาคตอีก
3-5 ปีข้างหน้า 3 งานใหญ่ การเสนอ ครม.วันที่ 15 พฤศจิกายน
นี้ จะเสนอขอความเห็นชอบเข้าร่วมประมูลสิทธิ์งาน Specialised Expo 2028 จากนั้นในการประชุมครั้งต่อไปจะเสนอขอประมูลสิทธิ์งานพืชสวนโลก
2 รายการ
เพื่อนำมาจัดในอุดรธานีและนครราชสีมา
ซึ่งเมื่อรวมแล้วหากไทยได้สิทธิ์จัดก็จะเกิดผลทางเศรษฐกิจเข้าประเทศรวมเกือบ 100,000 ล้านบาทตามรายละเอียดดังนี้
งานแรก
Specialised Expo 2028 เสนอมาจัดโดยใช้สถานที่
โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต สถานที่วชิระภูเก็ต เตรียมนำเสนอ ครม.สัญจร จังหวัดกระบี่
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 หากไทยประมูลได้จะต้องใช้งบลงทุนประมาณ
4,180 ล้านบาท เพื่อดึงผู้เข้าร่วมตลอดการจัดงาน
5-6 ล้านคน สามารถสร้างผลตอบแทนเข้าประเทศ แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก คือ 1.ภาษี 9,512 ล้านบาท
2.ผลผลิตมวลรวมรายได้ภายในประเทศ
(จีดีพี) 39,357 ล้านบาท 3.เกิดการจ้างงาน 11439 ตำแหน่ง และ 4.สร้างเงินสะพัดภายในประเทศระหว่างงานได้มากถึง
49,231 ล้านบาท
งานที่ 2 พืชสวนโลก Type B ปี 2569 (คศ.2026)
ตำบลกุดสระ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ลักษณะจะเป็นงานรัฐบาลกับรัฐบาลเท่านั้น จะใช้เงินลงทุน
2,500 ล้านบาท สร้างรายได้ทางภาษี 7,700 ล้านบาท 2.ผลผลิตมวลรวมประเทศ (จีดีพี) 20,000 ล้านบาท 3.เกิดการจ้างงาน 81,000 ล้านบาท 4. สร้างเงินสะพัดหมุนเวียนภายในประเทศ 32,000 ล้านบาท
งานที่
3 พืชสวนโลก Type
A ONE 2029 จะจัดในปี 2572 เสนอใช้พื้นที่บริเวณอำเภอคง จังหวัดนคราราชสีมาจะต้องใช้เงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก
โดยจะใช้เงินลงทุน 4,281 ล้านบาท เพื่อสร้างผลตอบแทนเข้าประเทศ
1.รายได้ภาษี
3,429
ล้านบาท 2.ผลผลิตมวลรวมรายได้ภายในประเทศ (จีดีพี) 9,163 ล้านบาท 3.เกิดการจ้างงาน 3600 เงินสะพัด 18,942 ล้านบาท
นายจิรุตถ์กล่าวว่าโดยศักยภาพของ
“ภูเก็ต” ซึ่งเป็นโมเดลต้นแบบการเปิดประเทศ ถือได้ว่าเป็นเมืองที่มีตลาดไมซ์ต่างประเทศกลุ่มหลักคือ
“ Incentive หรือการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล”
ที่กำลังประมูลสิทธิ์เพื่อจัด “เมกะอีเวนต์” ที่ทีเส็บกำลังร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขประมูลเป็นเจ้าภาพจัดงาน
SPECIALISED EXPO 2028 อยู่ระหว่างเสนอแสดงเจตจำนงไปยัง
BME ซึ่งเป็นหน่วยงานอยู่ต่างประเทศในฝรั่งเศสเจ้าของลิขสิทธิ์จัดงานเอ็กซ์โป
อีกทั้งยังมีเมกะอีเวนต์ตลาดใหม่อย่าง
“อิสราเอล” สนใจจะมา หรือ “ตลาดไกลจากสหรัฐอเมริกา” ด้วย ยกเว้น “ตลาดจีน”
รัฐบาลอาจจะยังไม่อนุญาตให้คนของตนเองเดินทางต่างประเทศ
จากการสอบถามจากผู้บริหารที่รับผิดชอบตอนนี้มีกลุ่มที่สนใจจะมาสำรวจสถานที่จัดงานอินเซ็นทีฟในเมืองไทยแล้วไม่ต่ำกว่า
10 กรุ๊ป
มีทั้งเดือนธันวาคมนี้ แล้วจะมาจัดงานอย่างจริงจังในช่วงไตรมาส 2 ปีงบประมาณ
2565
สำหรับตลาดจัดนิทรรศการแสดงสินค้าหรือ
Exhibition นั้นยังมีจำนวนน้อย
เนื่องจากในจังหวัดภูเก็ตเอง
ปัจจุบันก็ยังไม่ได้มีสถานที่จัดงานเอ็กซิบิชั่นขนาดใหญ่
ดังนั้นจึงวางตำแหน่งการผลักดันตลาดไมซ์ที่จะเข้ามายังภูเก็ตปี 2565 ด้วย
“เมกะอีเวนต์” ผนวกกับการจัดเทศกาลหรือ Festival ระดับประเทศและนานาชาติ
ซึ่งทางสำนักงานทีเส็บภาคใต้ก็พยายามสร้างงานในพื้นที่ด้วย เช่น งานพารานากัน
ผสมผสานกับงานแสดงศิลปะ
ขณะเดียวกันทีเส็บได้เร่งเดินหน้าทำโครงการ
MICE LANE เพื่อให้นักเดินทางไมซ์ได้รับความสะดวกมากที่สุด
ด้วยการทำ is of doing
business คือ 1.ให้ข้อมูลเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเพื่อจัดเตรียมเอกสารต่าง
ๆ ซึ่งมีค่อนข้างมาก ที่จะต้องใช้ในการเดินทางเข้ามาจัดงาน 2.การประสานงานกับเอเย่นต์ในประเทศและต่างประเทศ
รวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศจะนำระบบ THAI PASS เข้ามาใช้แทนเอกสารการเข้าเมืองหรือ
COE :Cerification of
Entry
3.การเลือกใช้ตัวแทนการตลาดท้องถิ่นในประเทศเป้าหมายสำคัญ
เป็นตัวแทนทีเส็บทำเรื่องการขาย และให้ข้อมูลความเคลื่อนไหวตลอด 2 ปีที่ไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้
เน้นว่างานที่เลื่อนขอให้กลับมาไทย และทีเส็บยังคงสนับสนุนอย่างเต็มที่ 4.คุยกับผู้ประกอบการในพื้นที่
ขาดเรื่องเงินทุน กับบุคลากรทำงาน หลังจากโรงแรมตามภาคต่าง ๆ
ของประเทศปิดบริการชั่วคราวไปเกือบ 2 ปีช่วงโควิด
นายจิรุตถ์กล่าวว่า
ทางทีเส็บมีฝ่าย MICE
CAPILITY จับมือกับสมาคมทำ 2 H คือ Higeine กับ Hybrid โดยได้อบรมพนักงานให้ผู้ประกอบการ
เช่น โรงแรม บริษัทตัวแทนจัดงาน เพื่อให้กลับเข้าสู่อุตสาหกรรมไมซ์อย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันได้คาดการณ์ถึงรายได้ปี 2565 ตามที่ได้ยืนยันไว้กับคณะกรรมการ
(บอร์ด)ทีเส็บจะต้องฟื้นกลับมาให้ได้ไม่ต่ำกว่า 20 % ของปี 2562 โดยอาศัยกลไกการตลาดจากความพร้อมของผู้ลงทุนจะสามารถเพิ่ม
1.จำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศได้มากน้อยแค่ไหน
2.จะมีสายการบินใหม่
ๆ บินเข้าสู่ภูเก็ตเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามช่วงเวลาที่เหมาะสม 3.ภูเก็ตได้ทุ่มทำสินค้าชุมชนเป็นจังหวัดแรก
ทางด้านไมซ์ ทั้งการจัดประชุม อีเวนต์ต่าง ๆ
หลังจากทำการบ้านมาเกือบ
2 ปี
ทีเส็บต้องงัดทักษะต่าง ๆ มาฟื้นฟูเศรษฐกิจไมซ์ภาคใต้ให้ได้มากที่สุด
โดยเฉพาะเรื่องสินค้าจะขับเคลื่อนด้วย “Thailand 7 MICE Magnificent Themes” ไปขยายผลกับที่อื่น
ๆ ด้วย
นายจิรุตถ์กล่าวว่า
ทีเส็บยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนไมซ์ปี 2565 กับตลาดในประเทศด้วย 3 แคมเปญ
“ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากทีเส็บ จัดงานวันเดียวได้ 15,000 บาท/งาน
จัด 2 วัน 1 คืน
ขอเงินสนับสนุนได้ 30,000
บาท
ตอนนี้ผู้จัดงานไมซ์ในประเทศได้ใช้โครงการนี้ คือ จังหวัดต่าง ๆ
ได้เลือกจัดงานกระจายไปยังกลุ่มพื้นที่สีเขียว ยกเว้นสีแดงเข้มอย่างกรุงเทพฯ
อาจจะยังไม่สามารถจัดได้มากนัก
โครงการ
“ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ขณะนี้ขยายไปถึงมกราคม 2565 พร้อมกับจะจัดเตรียมงบประมาณต่อเนื่องในปีงบประมาณเพื่อจัดทำโครงการนี้ต่อไป
ส่วนแคมเปญ Domestic
Convention Recovery สนับสนุนการจัดประชุมรายการใหญ่ ๆ
กับ แคมเปญ
Domestic Exhibition
Recovery สนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้าภายในประเทศ
ส่วนผลสัมฤทธิ์หลังเสร็จสิ้นการจัดงาน
MICE CITY SUMMIT 2021 ที่จังหวัดภูเก็ต
ภาคเอกชนภาคอีสานได้จับมือกับทางภาคใต้ เตรียมจัดเส้นทางไมซ์ ซิตี้ นำกลุ่มประชุม
สัมมนา อีสาน เดินทางเข้ามาทำกิจกรรมในภูเก็ตจำนวนมาก
และจะทยอยทำอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2565
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ออนไลน์”นัดช้อปวันที่11เดือน11แจกใหญ่600โค้ด5ดีลดีเด็ด
คิง เพาเวอร์ ออนไลน์
ส่งสัญญาณแจ้งโปรโมชั่นพิเศษในเดือนพฤศจิกายนนี้กับแคมเปญพิเศษ 11.11 S.O.S “SIGN OF SALE เตรียมพบกับ ความพิเศษ!! เปิด 5 ดีลดีเด็ด ให้ได้ช้อปสินค้าแบรนด์เนม อาทิ น้ำหอม, เครื่องสำอาง, สินค้าแฟชั่น
และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน พร้อมแจก 600
โค้ดพิเศษตลอดทั้งแคมเปญ
พลาดไม่ได้กับช่วง POWER
DEALวันเดียวเท่านั้น วันที่ 11 เดือน 11
คิง เพาเวอร์ พร้อมมอบส่วนลดสินค้าจุใจลดสูงสุดถึง
90% ช้อป ได้ตั้งแต่วันที่ 8-24
พฤศจิกายน
ด้วยการเปิดประสบการณ์ช้อปออนไลน์กับ คิง เพาเวอร์ แบบไม่ต้องมีไฟลต์บิน แม้จะอยู่บ้านก็สนุกกับการช้อปสินค้าราคาดิวตี้ฟรี
ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการ Home Delivery จัดส่งฟรีถึงบ้านทั่วประเทศ
เมื่อช้อปขั้นต่ำ 699 บาทที่ เว็บไซต์
www.kingpower.com และ Kingpower Application
ข่าวที่ 2 ช้อปคิงเพาเวอร์Delighs&Surprises30-31ต.ค.นี้แบรนด์ใหญ่ลดแรง45%
ช้อป “คิง เพาเวอร์” 2 วันสุดท้าย
30-31 ตุลาคม
นี้ พิเศษ! ช้อปออนไลน์ DELIGHTS & SURPRISES SURPRISING
DEAL! AROMATHERAPY ลดสูงสุด 35% เครื่องหอมแบรนด์ดังมากมาย กลิ่นนี้ก็ชอบ
กลิ่นนั้นก็ใช่ ใส่โค้ดส่วนลด ได้รับส่วนลดตั้งแต่ชิ้นแรก
แล้วรอความหอมส่งตรงถึงหน้าบ้านได้เลย! รหัสส่วนลด:
KPDS21 ช้อปเลยที่ - https://bit.ly/3imXKSH
รับฟรีทุกออเดอร์ คลิปหอมติดแมสก์ PASTEL
CLEVER MASK CLIP (คละสี) 1
ชิ้น ขอสงวนสิทธิ์ในการเลือกสี ของแถมจำนวนจำกัด
1.ส่งฟรี! ทั่วประเทศ เมื่อช้อปครบ 699.-
(สุทธิ) 2.แบ่งชำระ
0%* นานสูงสุดถึง 10
เดือน* 3.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18%* > http://bit.ly/2OzUV1k
4.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง >
http://bit.ly/31yjocR
ข่าวที่ 3 ททท.สุดปังทำหนังโฆษณาEven
More Amazingโดนใจคนดังทั่วโลก
การท่องเที่ยวประเทศไทย
สร้างผลงานชิ้นโบแดง ผลิตภาพยนตร์โฆษณา “Amazing Thailand” ภายใต้คอนเซ็ปท์
Even More Amazing โฆษณาตัวใหม่ล่าสุดโพสต์ลงแพลตฟอร์ม
youtube เมื่อ 7 ตุลาคม 2564 ผู้มีชื่อเสียงทั้งต่างชาติและคนไทยส่งเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม
จากการนำเอกลักษณ์ของไทยใส่ลงไปในรายละเอียดของเมืองใหญ่และสถานที่สำคัญทั่วโลก
ให้ความรู้สึกไม่ว่านักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ไหนก็ต้องหวนคิดถึงเมืองไทย โดยมีโพสต์คอมเมนต์ที่ยกมานำเสนอถึงเสียงชื่นชมโฆษณาชุดนี้
คือ
FIFTYONE
by Athi -ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง
ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ธรรมชาติ มารยาทของผู้คน อาหารอร่อย และแหล่งช้อปปิ้ง คุ้มค่าสิ่งที่ได้รับกับเงินที่เสียไปจริงๆ!
Jason
Lambeth north -โฆษณาที่แสนจะบรรเจิดไปพร้อมๆ กับวัฒนธรรมที่สวยงาม
ประเทศที่เป็นมืออาชีพเรื่องการท่องเที่ยว
คู่ควรกับการเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกเป็นลำดับต้นๆ
Jo
Montanee -ฉันเพิ่งดูโฆษณาของอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์จากเคเบิลทีวีเมื่อไม่กี่นาทีก่อนก่อนที่จะดูโฆษณานี้ ต้องบอกว่าไทยสยบโฆษณาเหล่านั้นจนตายเรียบ!
ทำเอาขนลุกไปทั้งตัว! งดงาม! ยักษ์ในนิวยอร์ค วัดสีขาวเหนือเอเวอเรสต์ สุดยอดด!!!
Sonik
Soundworks Mastering -งานโปรดักชันสุดมหัศจรรย์
ทำให้ฉันอยากกลับไปที่นั่น
Han
Thomas - อย่างเจ๋ง! ผมชอบที่เอาของไทยๆไปตั้งอยู่กลางสถานที่รอบโลกนะ
ประเทศไทยกำลังเรียกหาเราอยู่ จากตรงหน้าของทุกคน และจากทุก ๆ ที่
OHZZA
CH -ขอบตาฉันรื้นขึ้นมาเลยตอนที่ดูวิดีโอ คิดถึงเมืองไทยจัง
อยากกลับไปที่ประเทศนี้อีก
Elven
Rivendell - อย่างชอบวิดีโอนี่เลย!!! หนึ่งในโฆษณาที่ดีที่สุดในรอบหลายปี
OK
Around the world นี่ยังแค่ส่วนน้อยนะ
ผมว่ายังขาดมวยไทยแล้วก็หลายๆอย่างอีกมากมาย
Burger
R. โฆษณาเยี่ยม ทำออกมาได้ดีจริงๆ
นอกจากนี้แล้วยังมีคอมเมนต์ของชาวไทยอีกมากมายที่ชื่นชมโฆษณาที่ทำออกมาได้สวยงาม
จนแม้แต่คนไทยที่อยู่ในต่างแดนก็อยากกลับประเทศไทย
https://youtu.be/isMCJWZu2QE
ข่าวที่ 4 “ททท.กอดคอกทม.ตรวจสุวรรณภูมิพร้อมเปิดเมืองรับต่างชาติ1พ.ย.64
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ได้ร่วมลงพื้นที่กับหน่วยงานพันธมิตรตรวจความพร้อมเปิดประเทศ และกรุงเทพมหานคร ที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
ขณะนี้พร้อมรับต่างชาติเข้ามาเที่ยวโดยไม่กักตัว โดยมี พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงศ์
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะกรรมการขับเคลื่อนแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ผู้แทนหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตำรวจท่องเที่ยว
โรงแรม Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park เขตคลองเตย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุดทางสนามบินสุวรรณภูมิได้เตรียมพร้อมรับเปิดประเทศ
6 จุดหลัก
ได้แก่
1.บริเวณจุดตรวจ Scan QR Code Thailand
Pass ของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ณ อาคารเทียบเครื่องบิน C
2.กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2
3.จุดตรวจหนังสือเดินทางฝั่งตะวันตก
4.จุดนัดพบระหว่างผู้โดยสาร
5.โรงแรมสถานที่กักตัวทางเลือก (Alternative
Quarantine) ณ ช่องทางออก C โถงผู้โดยสารขาเข้า
ชั้น 2 อาคารผู้โดยสาร
6.การบริหารจัดการระบบขนส่งสำหรับนักท่องเที่ยวบริเวณประตู
9 ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
จากนั้นได้เดินทางไปโรงแรมแบงค็อก
แมริออต มาคีย์ ควีนส์ ปาร์ค (Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park) เพื่อสำรวจความพร้อมมาตรฐานการบริหารจัดการห้องพัก
พื้นที่สาธารณะ สระว่ายน้ำ สปา และร้านอาหาร ตามมาตรการสาธารณสุข และมาตรฐาน Amazing
Thailand Safety & Health Administration (SHA) และ
(SHA+) ซึ่งเป็นโรงแรมผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
SHA Plus เรียบร้อยแล้ว จึงพร้อมรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในโครงการเปิดพื้นที่นำร่อง
ด้วยการให้พนักงานในสถานประกอบการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เรียบร้อยแล้วเกิน
70 %
พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงศ์
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า หลังตรวจสถานที่เตรียมความพร้อมในกรุงเทพฯ
ทุกหน่วยงานพร้อม 100% รวมถึง กทม.ให้บริการฉีดวัคซีนคนกรุงเทพฯ
เข็มที่ 1 เรียบร้อยแล้วเกิน 100%
แล้ว ส่วนวัคซีนเข็ม 2 ฉีดแล้ว 74.90% เพื่อสร้างดความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะมาเที่ยวในกรุงเทพฯ
ผนวกกับการมาตรฐานความปลอดภัยให้ประชาชนในกรุงเทพฯ มั่นใจถึงขั้นตอนการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวด้วยเช่นเดียวกัน
ขณะนี้ความพร้อมเตรียมรับนักท่องเที่ยวตามโครงการนำร่องเปิดประเทศ
ของ กทม.ยืนยันว่า ตั้งแต่นักท่องเที่ยวลงจากเครื่องบิน ขั้นตอนการตรวจสอบ
จนถึงการเดินทางไปยังโรงแรมที่จัดเตรียมไว้กระบวนการต่างๆ นั้นพร้อมมากที่สุดอย่างแน่นอน
ทางด้าน กทม. ได้จัดทำแผนเผชิญเหตุไว้เรียบร้อยแล้ว
ประกอบด้วย 1.ขั้นตอนปฏิบัตินำส่งรักษา
2.มาตรการส่งกลับxitgmL 3.จัดเตรียมสถานที่ไว้เพื่อดำเนินการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 ปัจจุบันทางสำนักการแพทย์
กทม. มีโรงพยาบาลสังกัด 11 แห่ง รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชน
โรงพยาบาลของหน่วยงานราชการในพื้นที่ โรงเรียนแพทย์ ซึ่งมีขีดความสามารถรับมือได้
ข่าวที่ 5 TCEB ชี้เป้า 10ไมซ์ซิตี้+6เมืองศักยภาพใช้6เครื่องมือพร้อมลุยตลาดปี65
นางศุภวรรณ ตีระรัตน์
รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม ทีเส็บ
เปิดเผยว่า การใช้เครื่องมือไมซ์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเมืองและประเทศ
ซึ่งรัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ
มองการทำงานของทีเส็บในตลาดไมซ์ทั้งไทยและต่างชาติเป็นผู้นำเข้า “ตลาดคุณภาพ” จากต่างประเทศเกือบ
100,000 ล้าน ตลาดในประเทศปีละกว่า 29
ล้านคน สร้างมูลค่าตรงกว่า 100,000 ล้านบาท รวมทั้งสร้างรายได้ทางอ้อมรวมปีละกว่า 5
แสนล้านบาท
ทำให้เกิดผลต่อรายได้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) 3.75 %
ดังนั้นไมซ์จึงมีหลายมิติที่น่าสนใจอย่างในระดับการประชุมโลก
กล่าวย้ำว่า MICE is mean Business ทั้งการจัดประชุม การแสดงสินค้า การจัดเทศกาล และอื่น
ๆ ซึ่งไมซ์สามารถกระตุ้นอุตสาหกรรมเป้าหมาย นโยบายของจังหวัด และประเทศได้
เนื่องจากไมซประกอบด้วยหลายมิติ : MICE as
on and Economic Booster Tools ทางทีเส็บจึงแนะนำ เมือง ไมซ์ ซิตี้ ใช้ 6 เครื่องมือหลัก จัดเตรียมความพร้อมลุยสร้างเศรษฐกิจไมซ์ปี 2565
ได้ดังนี้
โดยขับเคลื่อนคู่ขนานกันไปกับคอนเซ็ปต์การทำงานภายใต้
6 กลยุทธ์ ได้แก่ 1.WIN 2. PROMOTE 3.DEVELOP
4.SMART MICE EVENTS 5.GLOBAL RANKING 6.FACILITATION เพื่อทำให้การเดินหน้าทำตลาดมีประสิทธิภาพสูง
ด้วย 6 เครื่องมือหลัก ประกอบด้วย
1.ไมซ์
ซิตี้ จะต้องมีมาตรฐานและการสร้างความยั่งยืน หรือ High Standards
&Sustainable เพราะลูกค้ามีผู้สนับสนุนจึงมองมาตรฐาน
โดยเฉพาะเรื่องใหม่ ๆ ที่ลูกค้าต้องการมาแรงมากคือ การสร้างความยั่งยืน
รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเมืองที่มีแนวปฏิบัติ คาร์บอนฟุตปริ๊นท์ Safety
&hygiene
2.
เส้นทางจะต้องมีการสร้างประสบการณ์ภายในเมือง
หรือ City Experience ให้คนสนใจเข้ามาเรียนรู้พื้นที่ต่าง ๆ
ที่เดินทางเข้ามา ทีเส็บจึงได้สร้าง “เส้นทางสายไมซ์” ส่วนความเหมือนและต่างระหว่างเส้นทางสายไมซ์กับเส้นทางท่องเที่ยว
คือจะต้องสร้าง Wow Experience ปัจจุบันมีกว่า 300 เส้นทาง
เป็น 7 Themes ไมซ์เชิงวัฒนธรรม อาหาร ทะเล วิถีชุมชน ศิลปวัฒนธรรม
และเฮลท์เวลเนส
3.Event
Success ในพื้นที่จะต้องมีห่วงโซ่อุปทาน โลจิสติกส์
4.โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งสายการคมนาคม ระบบ
5.กลยุทธ์การขับเคลื่อนเมือง
เพื่อให้ทีเส็บดึงงาน ประชุม แสดงสินค้า เข้ามา ดังนั้นจึงต้องพื้นที่ให้มีชื่อเสียง
ตัวอย่าง ภาคอีสาน นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี สามารถจัดทำปฏิทินจัดงานไมซ์ระดับประเทศและนานาชาติได้แล้ว
6.Smart
Events จะทำอย่างไรให้สมาร์ต ด้วยการใช้นวัตกรรมอย่างสร้างสรรค์
ซึ่งเป็นตัวชี้วัด ผอ.ทีเส็บภูมิภาค ที่ต้องทำ “Global Ranking” เป็นยุทธศาสตร์พื้นที่ตามเป้าหมายของพื้นที่นั้น
ทีเส็บพร้อมเป็นกลไกดึงงานสู่พื้นที่ระเบียบพิธีการนำเข้าไมซ์ ทำยากกว่าท่องเที่ยว
เนื่องจากมีกฎหมายเกี่ยวข้องกว่า 200 ฉบับ
ดังนั้นจึงขอแนะนำให้แต่ละเมืองไมซ์ทั้ง 10 จังหวัด
และเมืองศักภาพอีก 6 จังหวัด
นำเครื่องมือที่มีคุณภาพเข้ามาใช้พัฒนาเพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดงานไมซ์ระดับประเทศและนานาชาติเข้าสู่พื้นที่ได้อย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกันทางทีเส็บก็จะทำภารกิจที่จะเป็นแรงสนับสนุนในการช่วยภาครัฐ
และเอกชน ทุกเมือง ไมซ์ ซิตี้ ไปพร้อม ๆ กันด้วย คือ
1.กระตุ้นเป้าหมาย
ตามที่ทีเส็บได้พยายามงานไมซ์ที่เหมาะสมมาจัดระดับจังหวัด และประเทศ
2.กระตุ้นนโยบายของแต่ละจังหวัดได้
โดยเลือกตลาดการจัดประชุมให้เหมาะสมกับพื้นที่ และเพิ่มวันพักเฉลี่ยมากขึ้น
ทีเส็บจึงได้สร้างจุดขายใหม่เป็นทางเลือกของลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ
3.ทีเส็บได้“เส้นทางสายไมซ์
: 7 Mice Destination Magnification Thems” ขึ้น เป็นจุดหมายปลายทางที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
สร้างจุดขายบนทางเลือกใหม่ให้นักเดินทางกลุ่มใหม่หันมาสนใจ ซึ่งแต่ละเมือง แต่ละจังหวัดจะต้องเตรียมความพร้อมไว้ให้ได้มากที่สุด
เพราะตอนนี้ในเอเชียแข่งขันกันสูงมาก จึงต้องมีเส้นทางแปลกใหม่
มีเรื่องเล่าเป็นจุดดึงดูดความสนใจ
4.สร้างระบบนิเวศน์ไมซ์ซึ่งมีมากกว่าท่องเที่ยว
มากกว่าโรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว ตอนนี้ทีเส็บรวบรวมทุกอย่างไว้ MICE
CONNECT.com มีผู้เข้าร่วมแพลตฟอร์มนี้แล้วกกว่า 10,000
ราย
5.สิ่งที่ทีเส็บช่วยได้คือ
“สนับสนุนสิ่งอำนวยความสะดวก” สร้างความพร้อม เพราะไมซ์ที่ผ่านมามีรายได้จากคนไทย 29
ล้านคน มูลค่า 1 แสนล้านบาท แต่ต่างชาติเพียง 1.2
ล้านคน ได้กว่า 80,000 ล้านบาท ต่างชาติ
1.2 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 90,000 ล้านบาท
ช่วงที่ 2 สัปดาห์นี้มีเส้นทางชวนเที่ยว “สวนพฤกษศาสตร์ระยอง”
Unseen New Series อำเภอแกลง จังหวัดระยอง สนุกแน่กับการตลุยชมป่าธรรมชาติชม เสม็ดพันปี แพหญ้าหนังมา
นกน้ำ ทำกิจกรรมชีลปั่นจักรยานชมธรรมชาต ดูวิถีใหม่ ๆ แล้วใครที่มีอาการ “ตาลาย”
บ่อย ๆ ต้องฟังด่วนสุดๆ “9 วิธีรับมือตาลายลดอุบัติ” ปิดท้ายด้วยข่าวร้อน เสิร์ฟสดใหม่ ข่าวแรก “อนุทิน
ชาญวีรกุล” รองนายกฯ และรมว.สธ.นำทีมโหมจัด “ไทยแลนด์เฮลท์เอ็กซ์โป” 20-23 ม.ค.65
ปั้นไทยเวลเนสฮับ ข่าวที่สอง “ไทยใช้แล้ว
THAILAND PASS” เปิดประเทศต่างชาติเที่ยวอิสระ 1 พ.ย.64 ข่าวที่สาม “เอเปค” ชวนฟังเสวนาออนไลน์ท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล 17 พ.ย.นี้
ท่องเที่ยว - ตลุยป่าธรรมชาติ“สวนพฤกษศาสตร์ระยอง”Unseen News Series
ปักหมุดเที่ยววิถีใหม่
ในแหล่งอะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม ในโครงการ “Unseen New Series” สัปดาห์นี้ แนะนำ “สวนพฤกษศาสตร์ระยอง” 3,800 ไร่ เปิดให้ประชาชนเข้าได้ 1,193 ไร่ ตั้งอยู่ที่ บึงสำนักใหญ่
(หนองจำรุง) ตำบลชากพง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง อยู่ในความดูแลของ องค์การสวนพฤกษศาสตร์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดทุกวัน 8:30 โมงเช้า มีกิจกรรมการท่องเที่ยวให้ได้สนุกกันตั้งแต่
6 โมงเช้า จนถึง 6 โมงเย็น
เมื่อปี 2545 เพื่อพัฒนาจัดตั้งศูนย์รวมพรรณไม้ภาคตะวันออก
ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมได้ ไฮไลต์ต้องห้ามพลาด
!! คือ การชม “แหล่งชมป่าเสม็ดดึกดำบรรพ์ เสม็ดขาวผืนสุดท้ายของภาคตะวันออกที่มีความสมบูรณ์
เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์และพืชพรรณต่างๆ
โดยเฉพาะพืชท้องถิ่น ที่เจอไม่ได้ง่ายๆ ในเมืองไทย และใกล้สูญพันธุ์กว่า 400 ชนิด
สิ่งที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดชม 3 จุด พร้อมกิจกรรมสนุก ๆ คือ
จุดแรก “ชมป่าเสม็ด” ในสวนพฤกษศาสตร์ระยอง
ได้ชื่อว่าเป็น “ป่าเสม็ดพันปี” ส่วนใหญ่จะเป็นต้นเสม็ดขาว มีเสม็ดแดงขึ้นบ้างประปราย
ต้นเสม็ดในพื้นที่แห่งนี้มีความพิเศษขึ้นอยู่บนพื้นทราย ดินและป่าพรุน้ำท่วมขัง พื้นที่ส่วนใหญ่จะชุ่มน้ำ มีประโยชน์มากมาย
ทั้งเรื่องลดการพังทลายของชายฝั่ง ป้องกันน้ำเค็มไม่ให้เข้ามาในบริเวณแผ่นดินมากจนเกินไป
และเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์น้ำสารพัดชนิด
จุดที่ 2 “แพหญ้าหนังหมา” ทับถมกันอยู่เป็นชั้นหนาลอยเป็นผืนแผ่น
มีความแข็งแรงมากๆ เนื่องจากมีรากยาวลึกลงในน้ำถึง 1 เมตร
จุดที่ 3 “ดูนกน้ำ” มีให้ชมหลากหลายชนิด เช่น นกอ้ายงั่ว
นกปากห่าง นกเป็ดน้ำ มีทั้งเกาะอยู่ตามยอดไม้ และก็บินโฉบไปมา
หรือจะเดินศึกษาธรรมชาติบนเกาะกลางบึง
เลือกตามชอบได้ 5 เกาะ ด้วยกัน ได้แก่ เกาะแต้วใหญ่ เกาะแต้วเล็ก เกาะชะมวง
เกาะกก และ เกาะนรก
ปิดท้ายด้วยการสนุกกับการทำ “กิจกรรม”
ปั่นจักยานศึกษาธรรมชาติ พายเรือคายัค และ ล่องเรือชมธรรมชาติพื้นที่ชุ่มน้ำ
ว่างเมื่อไร มาสัมผัสป่าธรรมชาติ Unseen New Series “สวนพฤกษศาสตร์ระยอง” ได้เลยฮิ!!
สุขภาพ -9 วิธีรับมือ “อาการตาลาย”
สัญญาณสุขภาพเสี่ยงอุบัติเหตุ
อาการ “ตาลาย” เป็นปัญหาด้านการมองเห็นที่มักเกิดพร้อมกับอาการเวียนหัว
ส่วนใหญ่มักเป็นผลกระทบที่เกิดจากอวัยวะและระบบใกล้เคียงดวงตาเกิดความผิดปกติ กระเทือนถึงการมองเห็น บางคนอาจพบอาการอื่นร่วมด้วย เช่น บ้านหมุน เสียการทรงตัว หน้ามืด และเป็นลมได้เช่นกัน อาการดังกล่าวอาจนำไปสู่การบาดเจ็บและอุบัติเหตุได้
เมื่อตาลายควรรับมือเพื่อป้องกันและลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ ด้วยวิธีต่อไปนี้อาจช่วยได้
1.นั่งหรือนอนลงบนพื้น
เก้าอี้ เตียงนอน โซฟา หรือพื้นที่อื่น ๆ ที่ปลอดภัยและมั่นคง
เพื่อป้องกันการหกล้มหรือกระแทกกับส่งของต่าง ๆ
หากไม่อยู่ในสถานการณ์หรือสถานที่ที่เอื้ออำนวย อย่างน้อยควรคว้าราวจับ
อย่างราวบันไดเพื่อลดแรงกระแทกให้ได้มากที่สุด
2.เมื่อนั่งหรือนอนในที่ปลอดภัยแล้ว
ไม่ควรพยายามลุกขึ้นหรือเคลื่อนไหวในทันที ควรรอให้อาการดีขึ้นก่อน
แต่หากอาการไม่ดีขึ้น ควรร้องหรือโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ
3.ไม่ควรลุกขึ้นยืนเร็วจนเกินไปเพื่อป้องกันความดันเลือดต่ำลงแบบฉับพลัน
4.กินอาหารให้ตรงเวลาและกินให้หลากหลาย
ร่วมกับการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน
5.พักผ่อนให้เพียงพอ
6.ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ
และจิบน้ำระหว่างออกอยู่เสมอ
7.หลีกเลี่ยงความเครียดและอารมณ์ด้านลบ
8.ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดเพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
หากใช้ยาตามแพทย์สั่งแล้วยังพบอาการตาลายหรืออาการข้างเคียง
ควรปรึกษาแพทย์ถึงวิธีแก้ไข
9.งดดื่มแอลกอฮอล์และหลีกเลี่ยงสารที่มีฤทธิ์มึนเมาประเภทอื่น
ๆ
อาการตาลายอาจเป็นสัญญาณของการเจ็บป่วย
ตั้งแต่ระดับที่ไม่รุนแรงไปจนถึงระดับที่เป็นอันตราย หากพบอาการตาลายที่รุนแรงขึ้น
เป็นติดต่อกันนาน เกิดขึ้นบ่อย หรืออาการดังกล่าวเริ่มส่งผลต่อการใช้ชีวิต
ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แน่ชัดโดยด่วน
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “สธ.+TCEB+ททท.จัดไทยแลนด์เฮลท์เอ็กซโป20-23มค65ปั้นเวลเนสฮับ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เตรียมจัดงานไทยแลนด์
อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ เอ็กซ์โป 2022 : Thailand International Health
Expo 2022 มหกรรมแสดงศักยภาพความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขครั้งยิ่งใหญ่ของไทย ระหว่างวันที่
20 - 23 มกราคม 2565 ณ
รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้เห็นถึงการจัดการโรคโควิด-19
วัคซีนความพร้อมความสามารถและความก้าวหน้าของการแพทย์และการสาธารณสุขของไทย
รวมทั้งรองรับการเตรียมเปิดประเทศด้วย
ตั้งเป้าใช้งานนี้กระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสาธารณสุขของโลก (Medical and
Wellness Hub) รวมถึงยกระดับและเพิ่มมูลค่าให้แก่สมุนไพรไทย
แพทย์แผนไทยและภูมิปัญญาในการดูแลรักษาสุขภาพแบบไทย
พร้อมสนับสนุนความร่วมมือและเชื่อมโยงผู้ประกอบการธุรกิจสุขภาพและการแพทย์ของไทยกับผู้ประกอบการธุรกิจสุขภาพทั่วโลก
คาดจะมีผู้สนใจเข้างานกว่า 50,000 คน กลุ่มเป้าหมายหลักคือ
กลุ่มผู้รักสุขภาพ ผู้ประกอบการธุรกิจและบุคลากรด้านการแพทย์และสุขภาพ
ผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขจากทั่วโลกและประชาชนทั่วไป ภายในงานจะจัดแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการแพทย์
การดูแลสุขภาพและการสาธารณสุขทั้งปัจจุบันและอนาคต อาทิ การแพทย์เสมือนจริง
บ้านอัจฉริยะ หุ่นยนต์และเทคโนโลยีอุปกรณ์ทางการแพทย์ อารยสถาปัตย์ (Friendly
Design) เพื่อคนทั้งมวล
หรือการออกแบบเพื่อความเท่าเทียมของทุกคนในสังคม
ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนและยารักษาไวรัสโคโรนา สมุนไพรไทย มหัศจรรย์แห่งกัญชา และอื่น
ๆ
โดยมีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สธ.เป็นเจ้าภาพหลัก
ร่วมกับพันธมิตร 3 หน่วยงา ได้แก่
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพ (สสส.) และได้รับความสนใจจากผู้อำนวยการศูนย์บ่มเพาะด้านนวัตกรรม
มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี คุณณัฐชรัตน์ กฤตธน เครือโรงพยาบาลปิยะเวช
องค์กรและบริษัทด้านการแพทย์และการสาธารณสุขระดับโลกกว่า 40
ราย อาทิ บริษัท มั่นคงไลฟ์ จำกัด บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)
และบริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ พีทีวาย จำกัด สนใจเข้าร่วมจัดแสดงงานแล้วกว่า 60% ภายในพื้นที่
7,100 ตารางเมตร ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ 1-3
ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
สำหรับมูลค่าธุรกิจแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทยคาดการณ์ปี
2564-2565 จะกลับมาเติบโตเพิ่มขึ้นอีกครั้งเฉลี่ยปีละ 6.5%
จากปัจจัยการเจ็บป่วยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง
โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน รวมถึงจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทำให้มีความต้องการใช้เครื่องมือแพทย์ตรวจวินิจฉัยโรคที่ทันสมัยและใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมากขึ้น
สำหรับรูปแบบจัดงาน
ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ เอ็กซ์โป 2022 จะจัดแบบผสผสมผสานทั้งแบบ
ไฮบริด เอ็กซ์โป (Hybrid Expo) จัดแสดงงานจริง คือ
1. แบบปกติ
(On Ground) 4 วัน
จะคำนึงถึงความปลอดภัยตามมาตรฐานสาธารณสุขและปฏิบัติตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร
หรือ COVID Free Setting อย่างเคร่งครัด วันที่ 20
มกราคม 2565 จัดพิธีเปิดงาน
ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ เอ็กซ์โป 2022 โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มี Keynote Speaker จากผู้อำนวยการ
World Health Organization : WHO ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส บริษัทเด่นจะมาสาธิตต่าง ๆ และให้บริการฉีดวัคซีน
2. แบบออนไลน์
(Online) ประกอบด้วย นิทรรศการเสมือนจริง (Virtual
Exhibition) การออกบูธในรูปแบบ Electronic Market
Place (E-Market Place) การจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ (Online
Business Matching) และการสัมมนาออนไลน์ (International
Webinar) ที่สามารถรองรับผู้เข้าร่วมจัดแสดงงานและผู้เข้าร่วมชมงานจากทั่วโลก
ติดตามรายละเอียดการจัดงานไทยแลนด์
อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ เอ็กซ์โป 2022 ได้ทางเว็บไซต์ www.thailandhealthexpo.com
Facebook : Thailand International Health Expo 2022
ข่าวที่สอง
“เอเปค”ชวนฟังเสวนาออนไลน์พลิกโฉมท่องเที่ยวคนทั้งมวล17พ.ย.64
APEC - Asia-Pacific Economic Cooperation หรือ "เอเปค"
กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระหว่างเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก* รายงานว่า
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 เตรียมจัดออนไลน์
ประชุม และสัมมนาเชิงปฏิบัติงานด้านการท่องเที่ยว Tourism Access and
Inclusion: Best Practice Guidelines for Tourism MSMEs** in APEC ในหัวข้อ
"On the road: Perspectives from travellers and tourism service
providers"
นำเสนอเรื่องการท่องเที่ยว เพื่อการเข้าถึงสำหรับคนทั้งมวล (Accessible Tourism) หรือการทำให้บุคคลทุกคนได้รับความเท่าเทียมกัน มีความเสมอภาคในสินค้า
บริการ และสภาพแวดล้อมที่ออกแบบมาสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคนรวมถึงผู้สูงอายุ
คนพิการ และทารก
เพื่อใช้ศักยภาพของเอเปคปัจจุบันมีสมาชิก
21
เขตเศรษฐกิจ มีประชากรรวมกันประมาณ 2,500 ล้านคน
หรือ 42% ของประชากรโลก
มีผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติรวมกันกว่า 18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2544 และการค้าระหว่างประเทศกว่า 69 % ของไทยเป็นการค้ากับสมาชิกเอเปค ด้วยศักยภาพข้างต้น เอเปคได้กลายมาเป็นพลังผลักดันการค้าแบบเปิดและความร่วมมือทางเศรษฐกิจและ
วิชาการอย่างแท้จริง
ข่าวที่
3 เช็คด่วน!!ไทยประกาศใช้แล้วTHAILAND
PASS รับเปิดประเทศ1พ.ย.64
นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เปิดเผยว่า
ขณะนี้ทางกรมการกงสุลเร่งประสานทำความเข้าใจกับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกที่จะให้บริการแพลตฟอร์ม
THAILAND
PASS แก่นักเดินทางทั่วโลกที่จะเดินทางเข้ามาตามนโยบายรัฐบาลไทยประกาศเปิดประเทศตั้งแต่
1 พ.ย. 2564 เป็นต้นไป
ตามที่ กต.ร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) ร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์ม
THAILAND
PASS เป็น จัดทำระบบ web-based ขึ้นใหม่
ออกแบบมาให้มีขั้นตอนการจัดทำเอกสารแก่ผู้เดินทางเข้าประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ
ใช้แทนการยื่นผ่านระบบขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate
of Entry-COE) ออนไลน์ ซึ่งจะทำให้เกิดความสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม
ช่วงแรก จะยังคงต้องใช้ระบบ COE คู่ขนานกันไปด้วยกับนักเดินทางบางกลุ่ม เช่น 1.กลุ่มผู้เดินทางมารักษาพยาบาล ที่ต้องได้รับการอนุมัติล่วงหน้าเพื่อเตรียมการรักษาพยาบาล
2.ผู้เดินทางผ่านชายแดนทางบก 3. ผู้ที่เดินทางเข้ามาเป็นหมู่คณะ
ตัวอย่าง ผู้เดินทางเข้ามากับเรือสำราญ
สำหรับ “คนไทย” และ “ต่างชาติ” ที่ผู้ประสงค์เดินทางเข้าประเทศไทย
ต้องเข้าไปลงทะเบียน กรอกข้อมูลและอัพโหลดเอกสารต่าง ๆ ก่อนเดินทาง
“แพลตฟอร์ม” THAILAND PASS จัดทำขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ Ease of Traveling
หลังเปิดประเทศ
จะลดขั้นตอนการกรอก/อัพโหลดเอกสารของผู้เดินทางก่อนเข้าประเทศไทย
รวมถึงการกรอกข้อมูลผ่าน ต.8 (แบบสำรวจด้านสุขภาพ) และ ตม.6
(แบบเข้า-ออกราชอาณาจักร) ในเอกสารระบบใหม่
“ระยะเวลา” รับ THAILAND PASS ประมาณ 3 -
5 วัน ขึ้นอยู่กับสถานทูตไทยหรือสถานกงสุลที่ยื่นคำร้อง
ขอแนะนำให้ยื่นลงทะเบียนThailand pass อย่างน้อย 7 วันก่อนออกเดินทาง
“เอกสาร” THAILAND PASS ที่นักเดินทางจะต้องเตรียมเพื่อใช้ลงทะเบียนก่อนเข้าประเทศไทย
ผ่าน “คิวอาร์โคด” โดยจะต้องมีเอกสาร 5 รายการ ดังนี้
1.หนังสือเดินทาง :PASS
SPORT
2.ใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด
(Vaccination Certification) ทางกรมควบคุมโรคจะเป็นผู้อนุมัติผ่านระบบ
THAILAND PASS ขณะนี้ไทยได้รับ Public Key
Infrastructure (PKI) ของ vaccine certificate หรือระบบรหัสสาธารณะสำหรับใบรับรองวัคซีน จากประมาณ 30 ประเทศ เตรียมพร้อมใช้การตรวจสอบแล้ว ส่วนประเทศที่ไทยยังไม่ได้รับ PKI
ยังคงตรวจสอบเอกสารรายบุคคลต่อไป
3.ประกันโควิดตั้งแต่ 1 พ.ย.2564 เป็นต้นไปผู้เดินทางเข้าไทยต้องมีกรมธรรม์ที่มีความคุ้มครองขั้นต่ำ 50,000
ดอลลาร์
4.หลักฐานยืนยันการจองโรงแรม ASQ หรือยืนยันการจองโรงแรม
SHA+
5.สำเนาวีซ่าเข้าประเทศไทยหากจำเป็น
กรณีได้รับการอนุมัติแล้วผู้ลงทะเบียนจะได้รับอีเมล QR Entry Code หรือ Thailand Pass ID
รวมทั้งจะต้องมีเอกสารประกอบหลัก ๆ คือ “หลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโควิด
เป็นลบ” ด้วยวิธี RT-PCR โดยจะต้องทำครบทั้ง 2 ขั้นตอน คือ
1.ตรวจก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทาง
2.ตรวจหาเชื้อโควิดอีกครั้งเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย
จากนั้นจึงสามารถเดินทางไปพื้นที่ต่าง ๆ ได้
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น