ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ทอท.พลิกภารกิจใหม่รับมือบินฤดูหนาวปลายตุลาคม64‘แอร์ไลน์ต่างชาติ’ทิ้งสล็อตเกลี้ยง100%-‘ไทย’สู้ยิบตา

 บิ๊กทอท.พลิกภารกิจใหม่ขยับแผนฟื้นธุรกิจสนามบินหลังโควิดปี’65

รับมือบินฤดูหนาวแอร์ไลน์ต่างชาติทิ้งสล็อตแล้ว100%-ไทยสู้ยิบตา

“คิง เพาเวอร์”โปรแจกใหญ่ฉลอง32ปี“Delights&Surprises”ถึง31ต.ค.

ช้อปส่งถึงบ้าน!!SUPER BONUSที่คิงเพาเวอร์ออนไลน์/แอพลด30%

คิงเพาเวอร์”รางน้ำ/พัทยา/ภูเก็ต”ขยับใหม่เวลาช้อปกับกินของอร่อย

ททท.เฮตั้งกองทุนทัวร์BCG5พันล้าน+ปลดล็อกภูเก็ตดึง6หมื่นล้าน

ททท.”โชว์ดัชนีเชื่อมั่นท่องเที่ยวร่วงแรงสุดหันพึ่งเที่ยวไทย2Qปี65

TCEB”ผนึกTEAปลุกงานแสดงสินค้าทั่วไทยปี’65อัดฉีด1ล้าน1งาน

เที่ยวทันทีที่“พังงา”ถือศีลกินผักเดินสายเติมบุญใหญ่สักการะ8ศาลเจ้า

กิน3กลุ่มสารอาหารช่วยคลายเครียดประจำทำให้อารมณ์ดี-สุขภาพดี

SPA”เจ้าแรกในไทยตรวจโควิดทางน้ำลายATKสปาทั่วไทย70สาขา

เอกชนท่องเที่ยวเฮ!รัฐยอมเยียวยา”เงินกู้/ช่วยจ่ายโควิดฟี/พยุงSME

 

ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ

กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท./AOT

วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม 2564 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT  #AOT #TCEB

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้  https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1730082587185792&id=100005522016696





ช่วงที่ เจาะลึก “ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท./AOT” ถอดรหัสเส้นทางฟื้นธุรกิจสนามบินนานาชาติ 3 วงใหญ่ “ทอท.-ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย-ท่องเที่ยว” เช็คสภาพผู้ประกอบการในสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ก่อนเปิดประเทศ 120 วัน พร้อมขนาดไหน สัญญาณแรก “สายการบินต่างชาติ” แห่ถอนสล็อตบินฤดูหนาวจากสุวรรณภูมิ 79 % และทิ้งเที่ยววบินดอนเมืองทั้งหมด สวนทาง “สายการบินของไทย” เก็บสล็อตสุวรรณภูมิ 58% ดอนเมือง 67 % ทอท.เดินเกมรุกนำนวัตกรรมดิจิทัล เปิดแอพ “สวัสดี” ดึงเทรนด์ AR ตัวช่วยเพิ่มสีสัน ลุยขยายภารกิจใหม่ “แกนกลางส่งเสริมท่องเที่ยว” เล่นบทควบทั้งเจ้าบ้านและลูกบ้าน รวมทั้งรับนโยบายคมนาคมรับโอนบริหาร 3 สนามบิน “อุดรธานี-บุรีรัมย์-กระบี่” สร้างเกตเวย์น่านฟ้าตะวันออกเหนือ/ใต้ ผนึกการบินสู่เพื่อนบ้าน สปป.ลาว กัมพูชา

 

ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท./AOTเปิดเผยว่า แผนพัฒนาธุรกิจสนามบินที่อยู่ในความดูแลตามปีงบประมาณ 2565 มีผลต่อเนื่องมาจากวิกฤตโควิด-19 กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวลามไปถึงผู้ประกอบการทั่วไทยทั้งหมด แบ่งได้เป็น 3 วง คือ วงที่ 1  “ทอท.” ไม่น่าห่วงในการฟื้นธุรกิจกลับมา เพราะก่อนหน้าเกิดโควิดสนามบิน ทอท.ทั้ง 6 แห่ง รับผู้โดยสารเกินศักยภาพไปเยอะ จากขีดความสามารถสนามบินรวมกันทั้งหมดรับได้ปีละ 100 ล้านคน แต่ ทอท.รับผู้โดยสารจริงรวมทั้งหมดถึง 142 ล้านคน

พอเกิดวิกฤตโควิดมาเกือบ 2 ปีนี้ สนามบิน อุปกรณ์ต่าง ๆ ยังคงอยู่ที่เดิม ส่วน “คน” ทางสำนักงานการบินพลเรือน ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแลต้องให้ ทอท.ตรวจสอบมาตรฐานบุคลากรอยู่ตลอดเวลาโดยมีโครงการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าไม่เข้าอบรมใบรับรองก็จะหลุด อีกทั้งยังไม่มีใครรู้ว่าโควิด-19 จะจบเมื่อไร วันดีคืนดีหากสถานการณ์กลับสู่ปกติจะมาฝึกอบรมคนภายหลังก็คงไม่มีความพร้อม

โดยสรุปตลอดเกือบ 2 ปี ทอท.ได้รักษาสถานภาพของ อาคารสนามบิน องค์กร และบุคลากรโดยไม่ได้มีโครงการให้พนักงานลาออกแต่อย่างใด ยกเว้นคนเกษียน ส่งผลให้วงแรก”ทอท.” พร้อมจะทำงานได้ทันที

 


วงที่ 2 “ผู้ประกอบการหรือลูกบ้าน” หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับ ทอท. หรือ Stakeholders เช่น สายการบิน บริษัทบริการภาคพื้นรับส่งกระเป๋าผู้โดยสาร ร้าน/คนขายของ บริษัทขนส่งสินค้าทางอากาศ (cargo) บริษัทรักษาความปลอดภัย ต่าง ๆ พวกนี้ส่วนใหญ่เป็นคนละส่วนกับ ทอท.จึงมีน่าเป็นห่วง และขอเรียกว่า BCP :Business Continuity Plan ที่ต้องอยู่ในไอซียูเมื่อพ้นวิกฤตมาแล้วยังมีส่วนไหนทำงานต่อไปได้ ตราบใดที่ยัง “ไม่ได้เปิดน่านฟ้า” ก็ยังไม่สามารถแน่ใจได้

ตัวอย่างเปรียบเทียบเหมือนกับธุรกิจร้านอาหารตอนรัฐบาลล็อกดาวน์ต้องหยุดชั่วคราว ตอนนี้อนุญาตให้ลูกค้านั่งรับประทานในร้านได้ตามเกณฑ์แต่ก็มีบางร้านยังคงปิดอยู่ ส่วนหนึ่งพนักงานอาจจะย้ายกลับบ้านหรือโยกไปทำงานอื่นแล้ว เช่นเดียวกับผู้ประกอบการในสนามบินของ ทอท.ยังไม่สามารถรู้ได้ถึงแม้จะยัง “ไม่ปิดกิจการ” แต่พอเปิดสนามบินจะยังบริการได้มาตรฐานเดิมหรือเปล่า

ขณะนี้มี “สายการบิน” บางสายต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ จะสำเร็จหรือไม่ ? ถ้าสำเร็จก็ดี แต่ถ้าไม่สำเร็จก็จะเป็นเรื่องใหญ่ ส่วน “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” โดยส่วนตัวผมชอบมาก ถึงแม้จะมีคนบอกว่า “มีผู้โดยสารต่างประเทศเดินทางเข้ามาไม่เยอะ” แต่ในทางปฏิบัติเหมือนกับสนามบินเคยหยุดบริการมาช่วงหนึ่งพอมีแซนด์บ็อกซ์ก็ทำให้เราสามารถเตรียมตัวแต่ละส่วนไปได้เรื่อย ๆ รวมทั้งได้เห็น สายการบิน ผู้ประกอบการพันธมิตร ในสนามบินก็เริ่มต่อไปได้


จากนั้นก็จะนำไปสู่ “การเปิดน่านฟ้าใหญ่” ซึ่งไม่แน่ใจว่าเกียร์โดยรวมของประเทศพร้อมหรือเปล่า แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นผมห่วง วงที่ 2 คือเสต็กโฮลเดอร์สในสนามบิน อย่าง บริษัทให้บริการภาคพื้นสนามบิน (ground Handing Service :GHS) หรือ บริษัทขนส่งสินค้าทางอากาศ (Cargo) แต่ละส่วนยังโอเคหรือไม่ เพราะตอนนี้สายการบินหลายสายต้องการหรือสภาพคล่องตอนนี้เป็นอย่างไร เปลี่ยนเจ้าของไปหรือยัง

 


วงที่ 3 อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งอาจจะอยู่นอกเหนือกับสนามบินโดยตรง จึงไม่กล่าวถึงมากนัก

ดร.นิตินัยกล่าวว่า หากประเทศเปิดน่านฟ้า วันนี้ ทอท.พร้อมให้บริการทั้งอุปกรณ์ที่บำรุงรักษาอย่างดี และคนมีมาตรฐานผ่านการอบรมต่อเนื่อง จะห่วงคือลูกบ้าน/สเต็กโฮลเดอร์สที่เกี่ยวข้องภายในสนามบิน ยังดีที่ก่อนหน้านี้ ทอท.ได้จัดตั้งบริษัทลูกรองรับไว้แล้ว เช่น บริษัทให้บริการภาคพื้น คาร์โก้ รปภ.จะช่วยให้การขับเคลื่อนธุรกิจตามแผนต่อไปได้ในระดับหนึ่ง แต่จะทำได้มากน้อยขนาดไหนต้องรอดูตอนเปิดน่านฟ้าจริงอีกครั้ง

ประเด็น-การขานรับนโยบายเปิดน่านฟ้าประเทศภายใน 120 วัน

ดร.นิตินัย กล่าวว่าด้วยองคาพยพของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมมีค่อนข้างมาก จะใช้เวลาภายใน 1-2 วัน เพื่อให้ทุกคนกลับมาพร้อมกันคงเป็นเรื่องยาก ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องปักธงไว้ โดยยังคงยืนยันเปิดประเทศตามกำหนดเดิมทุกประการ เป็นการปักธงเพื่อให้เกิดการตื่นตัว “เตรียมความพร้อมไว้” ว่าประเทศกำลังจะเปิดแล้ว

ในฐานะผู้บริหารสนามบินก็สามารถทำงานได้ง่ายมาก เมื่อรัฐบาลประกาศปักธงล่วงหน้าไว้ถึง 120 วัน ทอท.ก็ค่อย ๆ ทยอยดึงพนักงาน work from home กลับเข้าสู่ระบบเตรียมปฏิบัติงานสถานที่จริง ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2564 ทอท.พร้อมสุดแล้วที่จะเปิดสนามบินหรือน่านฟ้าประเทศให้บริการนักเดินทางผ่านเข้าออก

 


ดร.นิตินัยกล่าวว่า ในช่วงตารางบิน (Slot) ฤดูหนาว Winter Program ปลายปี 2564 เป็นต้นไป ก่อนหน้าจะมีกฎที่เรียกว่า Grandfather Rights 80 :20 หมายถึงสายการบินใดเคยได้สิทธิการบินในช่วงเวลาดี จะกอดเวลาในตารางบินไว้แน่น แล้วสายการบินไหนเป็นเด็กไม่ดีขาดเกิน 20 % ต้องยกตารางเวลานี้ให้รายอื่นไป ตอนนี้ฤดูกาลนี้เปลี่ยนกฎใหม่เป็น 50 : 50 ใครขาดเกิน 50 % สล็อตจะหลุด แต่ถ้าแจ้ง ทอท.ก่อน 1 เดือน ก็ยังเป็นเจ้าของสล็อตต่อไป

ทอท.ได้นำกฎใหม่ 50 :50 มาใช้พิจารณาการให้ตารางเวลาบินแก่สายการบิน เริ่ม 31 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป ภายใต้กติกาแต่ละสายการบินจะต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนว่าต้องการอย่างไร โดยให้เวลาวันสุดท้ายเมื่อ 7 กันยายน 2564 สายการบินใดต้องการสละสล็อตทิ้งก็แจ้งได้

ผลออกมาน่าสนใจ โดยเฉพาะ 2 สนามบินหลัก สุวรรณภูมิกับดอนเมือง ซึ่งเคยมีผู้โดยสารใช้บริการแต่ละปีรวมกันมากถึง 3 ใน 4 ของทั้งหมด

สนามบินแรก “สุวรรณภูมิ” มี “สายการบินต่างชาติ” คลายสล็อตทิ้งออกมาถึง 79 % (เดิมเคยกั๊กไว้ 100 %) ส่วน “สายการบินสัญชาติไทย” คลายสล็อตออกมา 42 % เหลือ 58 %

สนามบินที่สอง “ดอนเมือง” สายการบินสัญชาติไทย คลายสล็อตออกมา 33 % ส่วน เหลือไว้ 67 % ขณะที่สายการบินต่างชาติคลายทิ้งทั้งหมด 100 %

ปรากฏการณ์นี้มี “นัยสำคัญ” คือ “สายการบินต่างชาติ” มีข้อด้อยเรื่องมีกฎห้ามบินจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งภายในประเทศ หรือ Domestic to Domestic จึงเป็นโอกาสของสายการบินในประเทศ ผมจึงคาดการณ์ว่าสายการบินต่างชาติจึงต้องปรับกลยุทธ์ หากน่านฟ้าระหว่างประเทศรองรับสถานการณ์หากยังไม่สามารถเปิดบินได้

สถิติที่น่าสนใจเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 รัฐบาลปลดล็อกดาวน์ “เที่ยวบินในประเทศ” เฉพาะคนไทยบินกันเองเกิดการฟื้นตัวกลับมาใช้สนามบินได้ถึง 80 % เป็นตัวเลขใกล้เคียงก่อนเกิดโควิด ดังนั้นสายการบินสัญชาติไทยจึงได้เปรียบหากบินต่างประเทศไม่ได้ก็หันมาบินในประเทศแทน แตกต่างจากสายการบินต่างชาติไม่มีทางเลือกอื่นจึงต้องทิ้งสล็อตดังกล่าว

ดังนั้น “การเปิดน่านฟ้าประเทศ” จะเกิดปรากฏการณ์ “บีบตัวระยะสั้น” แต่การเชื่อมเที่ยวบินในประเทศกับระหว่างประเทศจะออกมาเป็นอย่างไรต้องรอดูต่อไป ซึ่งตัวแปรคือ “การกระจายฉีดวัคซีน” ให้ครอบคลุมทั้งหมด แต่ผมเชื่อว่า “เที่ยวบินในประเทศ” จะดีดตัวได้แรง แต่ฝั่งอินเตอร์ระหว่างประเทศยังชะลอตัว ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน 2564 น่าจะประเมินทิศทางการบินได้

ประเด็น - เรื่อง ทอท.กับการเข้ามามีส่วนร่วมตามนโยบาย BCG MODEL ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว

ดร.นิตินัย ยืนยันว่า 1.ปัจจุบัน ทอท.ไม่ได้เป็นเจ้าของยานพาหนะหรือรถขนส่งภายในสนามบิน ส่วนใหญ่จะเป็นของผู้ประกอบการ และสายการบิน แต่ก็มีรถบางส่วนอายุการใช้งานมากแล้ว ทอท.จะให้เปลี่ยนไปใช้รถระบบไฟฟ้าก็ลำบาก ดังนั้นอาจจะใช้วิธีแปลงวิกฤตเป็นโอกาส หากบริษัทใดล้มหายตายจากไปก็อาจจะให้เริ่มใหม่ด้วยการใช้รถระบบไฟฟ้า 2.ทอท.ได้ริเริ่มตั้งบริษัทลูกให้บริการบางกิจการ สามารถตั้งเป้าหลังโควิดเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ เพราะคงต้องทำในธุรกิจหลัก

3.ทอท.เข้าไปมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วย คุยกับหลายภาคส่วน เช่น หอการค้า และพันธมิตรอื่น ๆ ขณะนี้ ทอท.ได้ทำแอพลิเคชั่น “สวัสดี” (เปลี่ยนจากแอพลิเคชั่นปัจจุบันคือ AOT ซึ่งเน้นให้ข้อมูลเฉพาะสนามบิน) ขยายขีดความสามารถได้ครบวงจร รวมทั้งการขอคืน VAT REFUND และกำลังคุยกับทางกระทรวงสาธารณสุขถึงเรื่อง VACCINE PASSPORT  หรือแม้แต่การ consolidate ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เชื่อมโยงการเดินทาง ทางอากาศ-ทางบก-ทางน้ำ เข้าด้วยกัน ทอท.จะใช้เทคนิคจากบีคอนที่ฝังอยู่ในแอพอยู่แล้วมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่

 


ส่วนที่ใช้ได้ทันทีคือ เมื่อนักเดินทางเปิดเข้าไปใช้งานจะมีฟีเจอร์ แนะนำแหล่งท่องเที่ยว หรือนำกล้องโทรศัพท์มือถือส่องรอบพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิก็จะเห็น “พินปักหมุดแหล่งท่องเที่ยว”

ทอท.ได้นำนวัตกรรม AR เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวได้เสมือนเข้าไปยืนอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองไทย หมุนได้รอบแบบ 360 องศา เมื่อไปถึง “สถานที่ท่องเที่ยวจริง” ก็จะได้เห็นแบบเดียวกันกับที่เห็นภาพเสมือนจริงจากเทคโนโลยีที่ทำไว้ในสนามบินเช่นกัน ลีตัวการ์ตูน มาคอยแนะนำกิจกรรมส่งเสริมการขาย หรือร้านค้าภายในสนามบินก็นำโปรโมชั่นมาใส่ไว้ได้ ทำตลาดส่งเสริมการขายควบคู่กันกันไป

ทอท.จะนำแอพลิเคชั่นดังกล่าวไปลิงค์เข้ากับสนามบินในต่างประเทศที่ลงนามเป็น Sister Airport 15 แห่ง เช่น อินชอน (เกาหลี) ชางยี (สิงคโปร์) มิวนิค (เยอรมัน) คันไซ (ญี่ปุ่น) นักเดินทางสามารถใช้บริการได้คล้ายกัน เช่น ใช้สั่งอาหาร หรือดูโปรโมชั่น ได้

เมื่อก่อน ทอท.ทำธุรกิจเฉพาะในฐานะของ “เจ้าบ้าน” แต่หลังจากนี้เป็นต้นไป จะยกระดับเล่นบทบาทเป็น “ลูกบ้าน” ด้วย ในส่วนที่สำคัญเพื่อให้การขับเคลื่อนธุรกิจก้าวไปข้างหน้าตามยุทธศาสตร์ BCP และเพิ่มบทบาทเป็น “แกนกลางส่งเสริมการท่องเที่ยว” เพื่อโปรโมตเชิงพาณิชย์ให้ผู้ประกอบการร้านค้าทั้ง 6 สนามบินของ ทอท.และใช้แอพลิเคชั่น “สวัสดี” เป็นเกตเวย์ของประเทศควบคู่กันไปด้วย 

ประเด็น – แนวโน้มการกลับมาเปิดบริการร้านค้าภายในสนามบินของ ทอท.อีกครั้ง จะทำได้เมื่อไร

ดร.นิตินัย อธิบายว่า ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ตอนโควิดเข้ามาใหม่ ๆ (ระบาดครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่นมกราคม 2563) มีผู้ประกอบการหลายพันราย ช่วงนั้น 1.เดือนกุมภาพันธ์ปีก่อนยังมีผู้ประกอบการจ่ายเหนือ Minimum guarantee อยู่ 12 สัญญา พอมีนาคมเหลือ 4 สัญญา พอเมษายน 2563 ต้องปิดน่านฟ้าระหว่างประเทศ จึงเหลือ 0 สัญญา 2.มีผู้ประกอบการบางรายขอยกเลิกสัญญาปิดกิจการ ตามปกติ ทอท.มีระเบียบการขอเลิกสัญญา หากเป็นรายเล็กต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน 45 วัน เพราะต้องหารายอื่นเข้ามาแทน ส่วนรายใหญ่แจ้งล่วงหน้าก่อน 90 วัน เพราะต้องเปิดประมูล

ในอดีตหากเป็นความผิด ทอท.ด้วยเหตุผล ต้องปิดน่านฟ้าตามนโยบาย หรือเกิดโรคระบาด ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ไปเรียกร้องจากผู้ประกอบการไม่ได้

แต่ “ทางออก” จากเหตุการณ์โควิด-19 ทอท.ใช้วิธีให้ผู้ประกอบการอยู่ในโหมดจำศีล คือ 1.“ยกเลิกจ่ายส่วนแบ่งรายได้จากมินิมัมการันตี” โดยมีมากจ่ายมาก มีน้อยจ่ายน้อย ตามส่วนแบ่งรายได้ revenue sharing 15 % รายใดขายได้ 100 บาท จ่าย 15 บาท ขายไม่ได้ก็จ่าย 0 บาท แตกต่างตอนแรกขายได้หรือไม่ก็ต้องจ่ายตามกฎ มินิมัมการันตี ถ้าจะทำอย่างนั้นร้านค้าต่าง ๆ ก็ไม่สามารถอยู่ได้ 2.ร้านที่ไม่ได้เปิดบริการ ทอท.ยกเลิกค่าเช่าให้ชั่วคราว

ขณะนี้ถึงแม้จะยกเลิก และยกเว้นรายจ่ายแล้ว ก็ยังมีผู้ประกอบการหายไปแล้วจำนวนหลายร้อยราย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่าพอเปิดน่านฟ้าประเทศแล้ว จะเหลือผู้ประกอบการเท่าไร ทอท.ต้องใช้วิธีให้ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์เดินสำรวจอีกครั้งว่าผู้ประกอบการปิดตามโหมดจำศีลหรือเลิกกิจการแล้ว เพื่อให้ ทอท.หารายอื่นเข้ามาแทน แต่ก็ทำได้ไม่ง่าย เพราะต่อให้เปิดประมูลใหม่แต่สถานการณ์ไม่แน่นอนก็ไม่มีบริษัทใดกล้าใส่ตัวเลขผลตอบแทน

 


เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ “สนามบินอินชอน เกาหลีใต้” สัญญาร้านค้าดิวตี้ฟรีหมดอายุ ต้องเปิดประมูลหารายใหม่ ผลปรากฎว่าไม่มีผู้มายื่นซื้อซองสักราย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้พอ ทอท.จะเปิดประมูลดิวตี้ฟรี หลายสมาคม หลายธุรกิจ เคยเสนอให้ ทอท.ดูต้นแบบสนามบินอินชอน ตอนนี้ก็เห็นแล้วถ้า “แม่แบบคืออินชอน” เป็นแบบนี้ เราเอง ทอท.ก็ไม่แตกต่างกัน เพราะสถานการณ์ทั่วโลกก็เหมือนกันหมด

พอเปิดน่านฟ้าประเทศไทย ทอท.ก็ได้แต่หวังว่า ยังพอจะเหลือ “ร้านอาหาร” เปิดให้นักท่องเที่ยวได้นั่งรับประทาน หรือร้านของที่ระลึกขายของบ้าง จากการสำรวจยังพอมีร้านค้าเหลืออยู่อย่างนัยสำคัญ แต่ก็มีร้านค้าจำนวนหนึ่งหายไปจริง ทอท.จะรีบประเมินให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2564

ประเด็น - ทอท.ต้องรับโอนสนามบินภูมิภาคจากกรมท่าอากาศมาดูแลเพิ่มอีก 3 แห่ง เริ่มปี 2565 เป็นต้นไป

ดร.นิตินัยอธิบายว่า ตามหลักการรับโอน 3 สนามบิน เป็นเชิงยุทธศาสตร์ในฐานะ ทอท.เป็นรัฐพาณิชย์ งานรัฐก็ต้องทำ งานพาณิชย์ต้องตอบผู้ถือหุ้นให้ได้ ปัจจุบัน ทอท.มีฮับหรือศูนย์กลางการบินในประเทศอยู่ทาง ส่วนกลาง คือ กรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิกับดอนเมือง ทางเหนือ คือ เชียงใหม่ เชียงราย และทางใต้ คือ ภูเก็ต หาดใหญ่

แต่ยังไม่มีฮับทางตะวันออกน่านฟ้ายังว่างอยู่ ทางคมนาคมเล็งเห็นโดยเฉพาะ สนข.ผู้ดูแลนโยบายใหญ่การขนส่งมองว่าน่านฟ้าด้านตะวันออกยังว่างมาก จึงเป็นที่มาเปิดน่านฟ้าเป็นอันดับแรก ๆ ด้านตะวันออก 2 จุด คือ

จุดแรก “ตะวันออกทางเหนือ” คือสนามบินอุดรธานี เป็นเกตเวย์ มุ่งสู่ สปป.ลาว จุดที่สอง “ตะวันออกทางใต้” สนามบินบุรีรัมย์ เป็นเกตเวย์มุ่งสู่กัมพูชา สำหรับคนที่รู้จะต้องไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมเนื่องจากการใช้น่านฟ้าบางส่วนใช้ทับอยู่กับความมั่นคงของกองทัพอากาศ

แต่ทั้งตะวันออกเหนือและใต้ สนามบินอุดรธานี และสนามบินบุรีรัมย์ จะเป็นน่านฟ้าที่สามารถใช้ได้โดยไม่ทับกับความมั่นคงของกองทัพอากาศ และในเชิงพาณิชย์ก็เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีต่อการสร้าง “เกตเวย์” ไปยังเพื่อนบ้านสองประเทศนี้

ส่วน “สนามบินกระบี่” ถือเป็นทางเลือก เนื่องจากสนามบินภูเก็ตค่อนข้างเต็ม จึงต้องเตรียมแต่ละส่วนไว้ก่อน

ทอท.มีภารกิจต้องเตรียมความพร้อมไว้รองรับการกลับมาของผู้โดยสารในอีก 2 ปีข้างหน้า รวมทั้งการเชื่อมบริการรถไฟความเร็วสูงกับแต่ละสนามบินเข้าด้วยกัน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จึงมีนโยบายโอนย้ายสนามบินภูมิภาคทั้ง 3 แห่ง ให้ ทอท.บริหารจัดการ ปักหมุดเริ่มตั้งแต่  1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป แต่จะมีช่วงเฟสการเข้าออกของบุคลากรทั้งสองหน่วยงานสักระยะช่วงแรก จากนั้นก็เดินหน้าพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพตามยุทธศาสตร์ต่อไป

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1 คิง เพาเวอร์”อัดโปรแรงแจกใหญ่ฉลอง32ปี“Delights&Surprises”ถึง31ต.ค.

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนนักช้อปเตรียมตัวให้พร้อมเติมเต็มประสบการณ์เลือกซื้อสินค้าละลานตากับมหกรรมใหญ่ “Delights and Surprises” ตลอดเดือนแห่งความสุข 1-31 ตุลาคม 2564 “โปรโมชั่นแรงที่สุดแห่งปี” ในโอกาสฉลอง คิง เพาเวอร์ ครบ 32 ปี โดยมีสินค้ากว่า 20,000 รายการ ให้ทุกคนได้รับสินค้าคุณภาพจากร้านค้าดิวตี้ฟรีแถวหน้าของเมืองไทย โดยไม่ต้องมีไฟลต์บินก็ช้อปได้ ช้อปง่าย ช้อปปลอดภัย ในเมืองท่องเที่ยวหลักทั้ง 3 สาขา ที่ คิง เพาเวอร์รางน้ำ (กรุงเทพฯ) พัทยา และภูเก็ต

นำร่องด้วยโปรโมชั่น “สมาชิก คิง เพาเวอร์” ซื้อบัตรเงินสดหรือ Cash Card ระหว่าง 1-31 ตุลาคม 2564 มีให้เลือก 3 แบบ แบบแรก ซื้อมูลค่า 10,000 บาท ช้อปได้ 12,500 บาท แบบที่สอง ซื้อมูลค่า 30,000 บาท ช้อปได้ 40,000 บาท แบบที่สาม ซื้อมูลค่า 50,000 บาท ช้อปได้ 75,000 บาท เฉพาะสินค้าที่เข้าร่วมงาน

นอกจากจะเลือกช้อปสินค้าทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ แอพลิเคชั่น แชทและไลน์ อย่างสะดวกสบาย แล้ว กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ยังมีบริการให้แบ่งชำระได้ 0% ระหว่างวันนี้ – 31 ธันวาคม นี้ คือ 1.ช้อปครบ 15,000.- (สุทธิ) / 1 รายการสั่งซื้อ แบ่งจ่ายได้นานสูงสุด 10 เดือน หรือ 2.ช้อปครบ 10,000.- (สุทธิ) /1รายการสั่งซื้อ แบ่งจ่ายได้นานสูงสุด 6 เดือน


ข่าวที่ 2 ช้อปส่งถึงบ้าน!!SUPER BONUS PRICESคิงเพาเวอร์ออนไลน์/แอพลด30%

ช้อปได้ไม่ยั้งที่ “คิง เพาเวอร์”  ออนไลน์ทาง www.kingpower.com หรือ แอปพลิเคชัน KING POWER กับ “SUPER BONUS PRICES” สั่งซื้อสินค้าพร้อมส่งบ้านราคาดิวตี้ฟรี เมื่อซื้อครบ 2,000 บาทขึ้นไป ลดสูงสุดทันที 30% เพียงกดรับรหัสส่วนลดตั้งแต่วันนี้ -31 ตุลาคม 2564

สั่งซื้อสินค้าที่เข้าร่วมส่งเสริมการขายในกลุ่มแบรนด์เนม  แฟชั่น  เครื่องสำอาง (ยกเว้น HOURGLASS) เสื้อผ้า เครื่องหนัง และแบรนด์ชั้นนำอีกหลากหลาย ราคาดิวตี้ฟรี ที่พร้อมส่งตรงถึงบ้าน

สำหรับสินค้าจัดรายการ SUPER BONUS PRICES จะใช้เวลาในการจัดเตรียมสินค้านานกว่าปกติ ซึ่งจะได้รับสินค้าภายใน 5 - 10 วันทำการ และสงวนสิทธิ์สินค้าร่วมรายการส่งเสริมการขายนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับ GWP ได้ แต่สามารถแบ่งชำระได้ 0% วันนี้ -31 ธันวาคม 2564 คือ แบ่งจ่ายนานสูงสุด 10 เดือน เมื่อช้อปครบ 15,000 บาทสุทธิ /1รายการสั่งซื้อ และนาน 6 เดือน เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทสุทธิ /1รายการสั่งซื้อ


ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์”รางน้ำ/พัทยา/ภูเก็ต”ขยับใหม่เวลาช้อปกับกินของอร่อย

คิง เพาเวอร์ 3 สาขาในเมือง “รางน้ำ-พัทยา-ภูเก็ต” ขยับเวลาใหม่เปิดให้บริการเร็วขึ้น เริ่ม 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง เมื่อมาช้อปภายในร้านคิง เพาเวอร์ ทั้ง 3 สาขา ได้แก่

1.คิง เพาเวอร์ รางน้ำ เปิด 10.00-20.00 น. โซนอาหารสตรีทฟู้ดแบรนด์ดัง ชั้น 3 เปิดให้นั่งรับประทานได้ตั้งแต่ 10.00-20.00 น.

2.คิง เพาเวอร์ พัทยา เปิด 10.00-19.00 น.

3.คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต ร้านอาหารรามายาณะ อะ ลา คาร์ต เปิด 10.00-19.00 น.

ส่วนที่ยังไม่เปิดบริการ มี 2 สาขา คือ คิง เพาเวอร์ มหานคร แต่ ไทยเทสต์ฮับ มหานคร คิวบ์ บริเวณด้านหน้าชั้น 1 ติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสช่องนนทบรี มีบริการอาหารเดลิเวอรี่ เปิด 10.00-19.00 น. และคิง เพาเวอร์ ศรีวารี และไทย เทสต์ ฮับ (ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ)

โดยมีมาตรการ Safety Shopping & Safety Services ช้อปปลอดภัย ห่างไกลโควิด คิง เพาเวอร์ สร้างความมั่นใจ เสริมสุขอนามัยในทุกพื้นที่บริการ พร้อมต้อนรับทุกคน

ลูกค้ายังคงสามารถ ช้อปปลอดภัย อยู่ที่ไหนก็ช้อป “คิง เพาเวอร์” ได้ทุกวัน ผ่านอีก 4 ช่องทาง

1.www.kingpower.com  2.King Power Application 3. บริการ King Power Call to Shop 02-338-7870 ตั้งแต่เวลา 9.00 – 21.00 น.  4.บริการ King Power Chat to Shop ผ่าน Line @KP_ChatToShop ตั้งแต่เวลา 9.00 – 21.00 น.

ทั้งนี้ คิง เพาเวอร์ ปฏิบัติมาตรการดูแลป้องกันตามที่ภาครัฐกำหนดอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด และพร้อมให้ความร่วมมือดำเนินการตามมาตรการยกระดับการควบคุมโรค เพื่อให้สังคมไทยผ่านวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม  King Power Contact Centre 1631


ข่าวที่
4 ททท.เฮตั้งกองทุนทัวร์BCG5พันล้าน+ปลดล็อกภูเก็ตดึง6หมื่นล้าน

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบ จากการระบาดไวรัสโควิด-19 (ศบศ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ครั้งล่าสุดมีมติเห็นชอบตามที่ ททท.เสนอ 2 เรื่องสำคัญ ในการเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล

เรื่องที่ 1 แผนจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยรัฐและเอกชนลงทุนร่วมกันวงเงินเบื้องต้น 5,000 ล้านบาท เพื่อพลิกโฉมสู่การเปลี่ยนแปลงการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโตอย่างยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ BCG :Bio Circular Green :เศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว

เรื่องที่ 2 ยกระดับการท่องเที่ยวภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวโลกเต็มรูปแบบ ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564 และไตรมาส 1 ปี 2565 ตั้งเป้านำต่างชาติเข้ามาเที่ยวให้ได้ 1 ล้านคน สร้างรายได้ 60,000 ล้านบาท ภายใต้การทำงานเชิงบูรณาการร่วมกันระหว่าง ททท. กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการต่างประเทศ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เตรียมปลดล็อก 8 อุปสรรค คือ

1.ลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน ตรวจ RT- PCR ก่อนมาและเมื่อถึงสนามบิน จากนั้นให้ตรวจแบบ ATK

2.การออกหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทยออนไลน์แบบหมู่คณะ

3.อนุญาตเที่ยวบินพาณิชย์จากรัสเซียบินเข้าภูเก็ตได้

4.ผ่อนคลายคู่มือมาตรฐานการปฏิบัติงานของกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เดินทางโดยเครื่องบิน

5.ลดค่าใช้จ่ายการตรวจ RT-PCR

6.ลดค่าเบี้ยประกันภัย รวมถึงการ On-Top ในรูปแบบ COVID Shield ครอบคลุมการสัมผัสเสี่ยงสูง และฮอลพิเทล รวมทั้งมีกองทุนสนับสนุนการชำระเงินล่วงหน้า

7.การออก Visa on Arrival (VOA) และหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทยแบบออนไลน์ (COE Online)

8.จัดทำเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าออกภูเก็ต เป็นมาตรฐานเดียวกัน

 


ข่าวที่ 5 “ททท.-สทท.”โชว์ดัชนีเชื่อมั่นท่องเที่ยวร่วงแรงสุดหันพึ่งเที่ยวไทย2Qปี65

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย เปิดดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไตรมาส 3/2564 ลดต่ำสุดในประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวลงมาอยู่ที่ระดับ 7 ประเมินแนวโน้มไตรมาส 4/2564 จะดันดัชนีความเชื่อมั่นขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 29  แต่ก็จะต้องเร่งวางแผนระยะยาว ควบคู่ทำแผนตลาดกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวในประเทศต่อเนื่องตลอดช่วงไตรมาส 1 และ 2 ปี 2565 เช่น ทำแคมเปญเที่ยวคนละครึ่ง และอื่น ๆ

ส่วน “แรงงานท่องเที่ยว” ช่วงโควิดได้ออกจากระบบไปมากถึง 71 % หรือ ประมาณ 3,053,000 คน หรือออกจากสถานประกอบการไป 54 % เนื่องจากไม่มีรายได้ เพราะต้องปิดบริการ ได้แก่

กลุ่มแรก ไม่มีรายได้เข้ามาเลย 1.สถานบันเทิง 100 % 2.สวนสนุกและธีมพาร์ค 94 % 3.บริษัทนำเที่ยว 93 % 4.ธุรกิจนวดและสปา 86 % 5.ธุรกิจบริการขนส่งนักท่องเที่ยว 68 %

กลุ่มที่สอง พอมีรายได้บ้างตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้ คือ ธุรกิจขนส่งนักท่องเที่ยว ธุรกิจที่พักแรม และร้านขายของฝากของที่ระลึก


ข่าวที่ 6 TCEB”ผนึกTEAปลุกงานแสดงสินค้าทั่วไทยปี65อัดฉีด1ล้าน1งาน

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ได้จับมือกับ สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) หรือ Trade Exhibtion Association :TEA จัดเสวนาออนไลน์ “งานแสดงสินค้าต้องทำอะไรก่อน” กระจายจัดงานครอบคลุม 3 ภูมิภาค คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และสงขลา นำร่องจัดครั้งที่ 1 ในกรุงเทพฯ เมื่อ 29 กันยายน 2564 หัวข้อ “ก้าวย่างใหม่ของงานแสดงสินค้าไทย” ครั้งที่ 2 เชียงใหม่ วันที่ 14 ตุลาคม ครั้งที่ 3 สงขลา วันที่ 21 ตุลาคม 2564

ทีเส็บเน้นทำงานเชิงบูรณาการร่วมกับเอกชนและพันธมิตร เตรียมกระตุ้นการจัดงานไมซ์ในส่วนงานแสดงสินค้า ภายใต้กลยุทธ์การเสริมความแกร่งระดับชาติ กระจายไปยังเมืองไมซ์ ซิตี้ เร่งสร้างงานและสนับสนุนการจัดงานตามอัตลักษณ์ รวมถึงนำจุดเด่นของแต่ละจังหวัดกระจายงานไปจัดตามภูมิภาคทั่วประเทศ โดยเฉพาะการจัดงานแสดงสินค้าแบบจับคู่เจรจาธุรกิจซึ่งกันและกัน หรือ B2B :Business to Business เพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ เนื่องจากการจัดงานแสดงสินค้าสามารถสร้างธุรกรรมทางเศรษฐกิจได้รวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น

            ปี 2565 ทีเส็บจะมุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น พุ่งเป้าสนับสนุนงานแสดงสินค้าใหม่ และการยกระดับงานแสดงสินค้าเดิม เป้าหมาย 5 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 อาหาร เกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ

กลุ่มที่ 2  สาธารณสุข สุขภาพ และเทคโนโลยีทางการแพทย์

กลุ่มที่ 3  เครื่องมืออุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์และระบบเครื่องกลที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุม รวมถึงกลุ่มดิจิทัลเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมองกลฝังตัว

กลุ่มที่ 4 พลังงานทางเลือก รถยนต์ โลจิสติกส์ และคลังสินค้า

กลุ่มที่ 5 ตสาหกรรมสร้างสรรค์ วัฒนธรรม สินค้าและบริการที่มีศักยภาพของภูมิภาค

การจัดเสวนา ครั้งที่ 1 ที่กรุงเทพฯ มีผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมฟังกว่า 500 คน ทางทีเส็บมุ่งหวังในปี 2565 หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการไมซ์ ผนึกความร่วมือกันกระจายการจัดงานแสดงสินค้าสร้างเม็ดเงินไหลสู่ท้องถิ่นทั่วไทย

อีกทั้งทีเส็บยังได้จัดทำแพ็กเกจสนับสนุนเร่งส่งเสริมตลาดงานแสดงสินค้าในประเทศ “Domestic Exhibition Recovery” สนับสนุนผู้จัดงานผ่าน 2 แพ็กเกจ ประกอบด้วย

1. แพ็กเกจ “Regional Best Show” สนับสนุนเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท ในการจัดงานแสดงสินค้าที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายหลัก 5 กลุ่มอุตสาหกรรม และเป็นงานที่สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจแก่ภูมิภาค ภายใต้การบูรณาการความร่วมมือจากเครือข่ายภาคี EMTEX ไม่ต่ำกว่า 3 หน่วยงาน  

2. แพ็กเกจ “Gear Up Exhibition” สนับสนุนเงินไม่เกิน 7 แสนบาท ให้แก่การงานแสดงสินค้าทั่วไป โดยมีผู้ขอรับการสนับสนุนตามเงื่อนไขและการพิจารณาตามที่ทีเส็บกำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ rgo@tceb.or.th

นายจิรุตถ์กล่าวว่า ทีเส็บผลักดันงานแสดงสินค้าในประเทศผ่านแคมเปญ “Empowering Thailand Exhibition” ด้วยการปรับรูปแบบสนับสนุนตอบโจทย์ความต้องการผู้จัดงานและสอดรับสถานการณ์การจัดงานยุควิถีใหม่ ครอบคลุมทุกการจัดงานแสดงสินค้ารูปแบบการจัดงานจริง (Physical Exhibition) ผสมผสานออนไลน์กับการจัดงานจริง (Hybrid Exhibition) และการจัดงานออนไลน์ (Virtual Exhibition)

โดยแบ่งการสนับสนุนเป็น 4 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านงบประมาณและส่งเสริมการตลาด 2.ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี 3.ด้านความร่วมมือของเครือข่ายพันธมิตรในธุรกิจไมซ์ และ 4.ด้านการพัฒนาศักยภาพและมาตรฐาน

            ช่วงที่ 2 ใกล้เทศกาลถือศีลกินผัก จะชวนสายมู ลงใต้ไปปักหมุดเติมบุญที่ “พังงา” สักการะ 8 ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ทั้งในอำเภอเมือง ตะกั่วทุ่ง ตะกั่วป่า ท้ายเหมือง ขอพรพระโพธิสัตว์และเทพเจ้า เพื่อความสุขของทุกคน แล้วมีคำแนะนำ “กิน3กลุ่มอาหารลดเครียด” ช็อกโกแลต ชาเขียวชาดำ สัตว์ปีก เกาะติดข่าวร้อน “สยามเวลเนสกรุ๊ป”เจ้าแรกในไทยใช้วิธีตรวจเชื้อโควิดทางน้ำลาย ATK ตลอดบริการสปาครั้งใหม่ทั่วไทย 70 สาขา และ “เอกชนท่องเที่ยวเฮรัฐยอมเยียวยา” 3 เรื่องใหญ่ เงินกู้ เงินพยุงจ้างงาน ฟื้นฟูเอสเอ็มอี

 


เที่ยวทันทีที่“พังงา”ถือศีลกินผักเดินสายเติมบุญสักการะ8ศาลเจ้า

นักท่องเที่ยวสายบุญ สายมู เทศกาลเจปีนี้ “พังงา”  มีสถานที่แนะนำ 8 ศาลเจ้าให้ไปร่วมเทศกาลถือศีลกินผัก ปีนี้ตรงกับ 6 ตุลาคม - 14 ตุลาคม 2564 รวมเป็นเวลา 9 วัน

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพังงา นำบุญมาชวนนักท่องเที่ยวร่วมเดินทางสะสมแต้มบุญ ขอพรปังๆ ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพังงานเตรียมพร้อมไว้ต้อนรับทุกคนใน 8 ศาลเจ้า

 


ปักหมุดแรก ในอำเภอเมือง มุ่งหน้าเข้าไปสัมผัสวิถีใหม่ 2 ศาลเจ้า ได้ที่ ศาลแม่มาจ้อโป๋  และศาลเจ้าปุ้นถ่าวกอง (ถ้ำน้ำผุด)

 


หมุดที่ 2 “อำเภอตะกั่วทุ่ง” เติมเต็มความสุขกายสุขใจ  2 ศาลเจ้า คือ ศาลเจ้ากระโสมต่าวโบเก้ง กับ ศาลเจ้าฮกเหล่งเก็ง (โคกกลอย)

หมุดที่ 3อ.ท้ายเหมือง 1 แห่ง คือ ศาลเจ้าเหล่งซานเก็ง (ท้ายเหมือง)

หมุดที่ 4 “อำเภอตะกั่วป่า” เพิ่มประสบการณ์ถือศีลกินผักใน 3 ศาลเจ้า ทั้งที่ ศาลเจ้าปุ้นถ่าวกอง (คึกคัก) ศาลเจ้าพ่อกวนอู (ซินฉ่ายตึ๋งหรือโรงพระตลาดใต้)  และศาลเจ้าแม่กวนอิมบางไทร  

ไฮไลต์ที่ “ศาลเจ้าแม่กวนอิมบางไทร” ตั้งอยู่ในตำบลบางไทร อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา อายุกว่า 100 ปี มีเรื่องเล่าว่า ครั้งอดีตมีคณะงิ้วคณะหนึ่งแสดงที่เมืองตะกั่วป่าขณะนั้นมีชาวจีนมาอาศัยอยู่จำนวนมาก เพราะเป็นแหล่งทำเหมืองแร่ที่อุดมสมบูรณ์ ต่อมาคณะงิ้วนี้ได้แยกย้ายกันไปทำมาหากิน เหลือแต่กลุ่มคนชราได้รวมตัวกันพักอาศัยอยู่บริเวณคลองปิ เขตตลาดเมือง ตะกั่วป่า

 

ได้นำเทพเตี่ยนหู้หง่วนโส่ย (เถียนฝู่หยวนส้วย) ซึ่งเทพองค์นี้ประวัติเป็นครูดนตรีในวังของจักรพรรดิถังเสวียนจง แห่งราชวงศ์ถังของประเทศจีน เปรียบเสมือนบรมครูแห่งงิ้วมาบูชา พร้อมทั้งสร้างศาลเจ้าขึ้นตั้งชื่อว่า “เตี่ยนหง่วนเก็ง” (เถียนหยวนกง) แปลว่าศาลเจ้าเทพเตี่ยนหู้หง่วนโส่ย

 

พร้อมทั้งได้จัดพิธีถือศีลกินผัก (กินเจ) ทุกปีช่วงเดือน 9 ของจีน พอศาลเจ้าแห่งนี้ทรุดโทรมลง มีชาวจีนผู้หนึ่งชื่อ เถ้าแก่หงอจก ได้มอบบ้านหลังหนึ่งให้เป็นศาลเจ้าแทนตรงบริเวณตลาดเหนือของตะกั่วป่า เรียกว่า “โรงพระตลาดเหนือ” “โรงพระ” ภาษาถิ่นปักษ์ใต้หมายถึงศาลเจ้า ต่อมาขึ้นทะเบียนศาลเจ้าเข้าสังกัดกระทรวงมหาดไทยชื่อภาษาจีนฮกเกี้ยนว่า “กู่ฉ่าย ตึ๋ง” แปลว่าโรงเจเก่า

 

กระทั่งปี 2513 ทางคณะกรรมการศาลเจ้าและชาวตะกั่วป่า ร่วมบริจาคเงินบูรณะก่อสร้างศาลเจ้าขึ้นใหม่ตรงที่เดิมเป็นอาคาร 2 ชั้น ต่อมาบริเวณอาคารศาลเจ้าแออัดคับแคบมาก เมื่อถึงเทศกาลถือศีลกินผัก (กินเจ)  จึงได้ย้ายศาลเจ้ามาอยู่”บางไทร”  ซึ่งอยู่ใกล้คลองปิตรงข้ามฝั่งตลาดเหนือเมืองตะกั่วป่า ก่อสร้างศาลเจ้าแล้วเสร็จปี 2531 ตั้งชื่อว่า “ศาลเจ้าแม่กวนอิม”

 

ปัจจุบันศาลเจ้าแห่งนี้มีเทพประธานและเทพหลักคือ “เจ้าแม่กวนอิมหรือพระโพธิสัตว์กวนอิม”  และ “เทพเตี่ยนหู้หง่วนโส่ย” จัดเทศกาลถือศีลกินผักทุกเดือน 9 ของทุกปี

 

ตามความเชื่อ เมื่อได้สักการะ “เจ้าแม่กวนอิมหรือพระโพธิสัตว์กวนอิม” แห่งพุทธศาสนามหายาน ที่มีความเมตตาต่อมนุษย์ ซึ่งสามารถขอพรได้ทุกประการ เช่น ขอให้ธุรกิจการค้าร่ำรวยเจริญรุ่งเรือง ปัดเป่าเภทภัยต่าง ๆ ให้หมดไปได้ สร้างความอยู่เย็นเป็นสุข รวมทั้งมี “ปางประทานบุตร” ซึ่งสามารถขอพรช่วยให้มีบุตรธิดาได้ ส่วน “เทพเตี่ยนหู้หง่วนโส่ย (เถียนฝู่หยวนส้วย)” เป็นเทพแห่งดนตรีและบรมครูแห่งงิ้ว จึงสามารถมานักดนตรี สามารถขอพรให้ประสบความสำเร็จเจริญรุ่งเรืออยู่เย็นเป็นสุขได้เช่นกัน

            เทศกาลถือศีลกินผัก ปี 2564 “พังงา” มี 8 ศาลเจ้า ที่จะเติมเต็มประสบการณ์ “อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม” มาได้เลยความสุขอยู่ใกล้แค่เอื้อม มาเติมบุญ ชาร์ตพลัง ให้เต็มที่เพื่อชีวิตที่ดีกว่าในวันใหม่

กิน3กลุ่มสารอาหารคลายเครียดประจำทำให้อารมณ์ดี-สุขภาพดี

 

ในแต่ละวันการทำงานของหลาย ๆ คนมักเต็มไปด้วยความเครียดในระยะสั้นอาจก่อให้เกิดอาการน่ารำคาญใจต่าง ๆ เช่น อาการปวดหัว มวนท้อง รวมถึงความไม่อยากอาหาร เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนอะดรีนาลีนที่กระตุ้นกลไกการต่อสู้ของร่างกายทำให้ร่างกายไม่อยากอาหารชั่วคราว ในทางกลับกันหากความเครียดคงอยู่ต่อเนื่องยาวนาน ฮอร์โมนแห่งความเครียดหรือ คอร์ติซอล จะเข้ามามีบทบาทกระตุ้นให้ร่างกายอยากกินอาหารเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากและทำให้เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเช่น โรคอ้วน โรคเบาหวานประเภทที่ 2 โรคหัวใจ หรือภาวะซึมเศร้า ได้มากขึ้นเช่นกัน

 

ดังนั้นความเครียดอาจไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ที่หลายคนจะมองข้ามอีกต่อไป การเลือกกินอาหารที่เหมาะสม จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีส่วนช่วยคลายความเครียดลงได้ 3 กลุ่มด้วยกัน  

1. ช็อกโกแลตน้ำตาลต่ำ กลุ่มเพิ่มสารฟลาโวนอยด์ในโกโก้ ช็อกโกแลตที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำโดยเฉพาะช็อกโกแลตประเภทเข้มข้นหรือ ดาร์กช็อกโกแลตที่ผสมผงโกโก้ในปริมาณมากอาจช่วยให้เราคลายความเครียดได้เนื่องจากในผงโกโก้มีปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มโกโก้ฟลาโวนอล เช่น สารเอพิแคทีชิน, แคทีชิน และ โปรไซยานิดิน

ประโยชน์ของช็อกโกแลต - ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายและลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลในร่างกายได้ โดยสามารถเลือกเบรกจากกิจวัตรประจำวันที่เคร่งเครียดมาพักกินช็อกโกแลตนมสอดใส้เวเฟอร์ หรือ ไอศกรีม​ ที่มีส่วนผสมของดาร์กช็อกโกแลต ช่วยคลายเครียดและลดฮอร์โมนความเครียดให้จิตใจแจ่มใสขึ้น พบว่าผู้ที่ดื่มโกโก้ที่มีสารโกโก้ฟลาโวนอลเข้มข้น ยังช่วยลดความดันโลหิตลงได้เล็กน้อยอีกด้วย

2.ใบชาเขียวหรือชาดำ กลุ่มเติมกรดอะมิโนธีอะนีน นอกจากความหอม สดชื่น และ รสอูมามิจากใบชาเขียวหรือชาดำที่ได้แล้ว ในใบชาประเภทต่าง ๆ เช่น ชาเขียวชาดำ ชาแดงยังมีกรดอะมิโนชนิดธีอะนีน (L-theanine) เป็นชนิดพิเศษเฉพาะในใบชา อย่างใบชาเขียวก็ยังมีสารคาเฟอีนที่อาจไม่เป็นผลดีต่อการลดภาวะเครียดมากนักหากดื่มในปริมาณมากเกินไป ดังนั้นควรดื่มชาในปริมาณที่เหมาะสมไม่เกินวันละ 1 – 2 แก้ว โดยควรเลือกดื่มเป็นชาเขียวที่ไม่เติมน้ำตาล หรือใส่น้ำตาลน้อย

ประโยชน์ของใบชาเขียวหรือชาดำ ช่วยลดภาวะเครียดลงได้ หากเริ่มรู้สึกตัวว่ามีอาการตึงเครียด หรือวิตกกังวล ลองชงชามะนาว ช่วยคลายเครียด ให้รู้สึกสดใสและกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น และช่วยกระตุ้นกระบวนการคิดการทำงานของสมองของผู้ดื่มชาเป็นประจำได้อีกด้วย

3. สัตว์ปีก กุ้ง และไข่ กลุ่มให้กรดอะมิโนทริปโตเฟน คือกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่เป็นสารตั้งตั้นของการสร้างฮอร์โมนซีโรโทนิน และ เมลาโทนิน เกี่ยวข้องในการช่วยให้ร่างกายนอนหลับ พักผ่อน และส่งผลต่ออารมณ์ จากการศึกษาพบว่าผู้ที่มีระดับกรดอะมิโนทริปโตเฟนในเลือดมากส่งผลต่อภาวะซึมเศร้าได้น้อยกว่าผู้ที่มีระดับทริปโตเฟนในเลือดน้อย

ประโยชน์ของสัตว์ปีก กุ้ง และไข่ - • ช่วยให้ลดความวิตกกังวลจะช่วยให้ผ่อนคลายและนอนหลับดีขึ้น

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 


ข่าวแรก SPA”เจ้าแรกในไทยตรวจโควิดทางน้ำลายATKสปาทั่วไทย70สาขา

 

นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA  เปิดเผยว่า ทันทีที่รัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 อนุญาตให้ธุรกิจ SPA กลับมาเปิดบริการอีกครั้ง จึงได้กลับเปิดบริการอีกครั้งพร้อมทั้งสร้างความมั่นใจกับลูกค้าถือเป็นสปาแห่งแรกที่ให้บริการตรวจ COVID-19 ด้วยน้ำลาย หรือ Saliva ATK (Antigen test Kit) ทั้งลูกค้าและพนักงาน 100% ทุกวัน เพื่อความปลอดภัยเต็มพิกัด เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

 

วิธีตรวจน้ำลาย ATK จะทำให้ลูกค้าไม่ต้องระคายเคือง เหมือนกับระบบตรวจ ATK ที่ Swab แหย่ไม้เข้าไปในบริเวณโพรงจมูก ส่วนผลการตรวจยังคงมีความแม่นยำเป็นปกติเหมือนกัน

 

ทาง SPA จะใช้บริการตรวจหาเชื้อกับลูกค้าและพนักงานด้วยน้ำลาย ATK ในเครือข่ายสาขาบริการกระจายทั่วประเทศ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านธุรกิจสปาและเวลเนสของสยามเวลเนสกรุ๊ป ภายใต้แนวคิดการดำเนินธุรกิจ “A Place you can trust” ทุกคนต้องปลอดภัยไปด้วยกัน เมื่อเข้ามายังเครือข่ายสปารวม 7 แบรนด์ 70 แห่ง ประกอบด้วย

 

1."ระรินจินดาเวลเนส สปา" สปาระดับ 5 ดาว จำนวน 3 สาขา

2."เล็ทส์ รีแลกซ์" สปาระดับ 4 ดาว จำนวน 48 สาขา (ในประเทศ 43 สาขาและต่างประเทศ 5 สาขา)

3."บ้านสวนมาสสาจ" สปาระดับ 3 ดาว จำนวน 10 สาขา “Stretch me by Let’s Relax” สตูดิโอยืดคลายกล้ามเนื้อเพื่อสุขภาพ จำนวน 5 สาขา “Stretch me Clinic”

4.คลินิกกายภาพ จำนวน 1 สาขา และ “Dr. Spiller Pure Skin Care Solutions”

5.ศูนย์ปรนนิบัติผิวหน้า จำนวน 3 สาขา นอกจากนั้นยังดำเนินธุรกิจรีสอร์ทเพื่อสุขภาพ "ระรินจินดา เวลเนสสปา รีสอร์ท"

6.ร้านอาหาร "Deck One" ที่จังหวัดเชียงใหม่ ธุรกิจผลิตภัณฑ์สปา แบรนด์ “LRL (Let’s Relax Lifestyle” และ “Dr. Spiller”

7.ธุรกิจโรงเรียนสอนนวดแผนไทยและสปาสยามเวลเนส ธุรกิจนำเข้าผลิตภัณฑ์สปาจากต่างประเทศ

 

 

สำหรับนโยบายการใช้ชุดตรวจ Saliva ATK 1.ลูกค้าทุกคนที่เข้ามาใช้บริการ จะได้รับอุปกรณ์การตรวจ และใช้ทดสอบในพื้นที่ที่ทางแต่ละสาขาจัดเตรียมไว้ให้ 2.รอเพียง 10-15 นาที เมื่อได้รับผลการประมวลว่าเป็น Negative result ลูกค้าจึงจะสามารถเข้ารับบริการได้ทันที 3.พนักงานทุกคนจะต้อตรวจหาเชื้อด้วยระบบดังกล่าวทุกวันก่อนเริ่มเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ด้วยเช่นกัน

 

ทั้งนี้พนักงานนวดและพนักงานประจำสาขาทุกคนของสยามเวลเนสกรุ๊ป ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ครบเรียบร้อย พร้อมทั้งจะได้รับเข็มกลัด “I GOT MY COVID-19 VACCINE” เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความมั่นใจที่มอบให้แก่ผู้เข้ารับบริการอีกด้วย

 

ข่าวที่สอง -เอกชนท่องเที่ยวเฮ!รัฐยอมเยียวยา”เงินกู้/ช่วยจ่ายโควิดฟี/พยุงSME

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ได้เสนอขอให้รัฐบาลเร่งให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนอีกครั้ง หลังจากปี 2563 มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3.2 แสนล้านบาท ลดลง 86.63 % การว่างงานสูงขึ้น และไม่มีการจ้างงาน ปี 2564 ก็ยังไม่มีว่าสถานการณ์จะดีขึ้น รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือยังไม่เพียงพอ จึงขอความช่วยเหลือเพื่อการท่องเที่ยวยั่งยืน 3 มาตรการ ดังนี้

1.มาตรการจ่ายเงินอุดนุนเพื่อพยุงการจ้างงาน และพักชำระหนี้

 

2.มาตราการสนับสนุนเพื่อปรับปรุงการท่องเที่ยว เช่นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารพาณิชย์ รายละไม่เกิน 200 ล้านบาท อบรมบุคลากรการท่องเที่ยว โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 

3.มาตรการสนับสนุนและส่งเสริมโดยภาครัฐ เช่น ประกันภัยโควิดให้ฟรีแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติทุกคน ซ่อมแซมสถานที่ท่องเที่ยว การประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยใช้สื่อที่ทรงพลัง มุ่งเน้นประชาสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวในประเทศที่มีความพร้อม

               

ตามที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ครั้งที่ 4/2564 ผ่านระบบ VDO Conference เห็นชอบตามข้อเสนอของเอกชนท่องเที่ยวเรียบร้อยแล้ว 3 มาตรการหลัก คือ

 

1.มาตรการเยียวยาแรงงานที่ได้รับผลกระทบทั้งนายจ้างและลูกจ้าง

 

2.มาตรการการเงินเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูภาคธุรกิจ ผ่านโครงการสินเชื่อฟื้นฟู และโครงการพักทรัพย์ พักหนี้

 

3.มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว “Phuket Sandbox” เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ กระตุ้นการใช้จ่าย ทำให้สามารถผลักเม็ดเงินเข้าสู่ระบบช่วยพยุงเศรษฐกิจ

 

รวมทั้งเห็นชอบเพิ่มอีก 2 เรื่อง 1.โครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มธุรกิจ 2.แนวทางการขับเคลื่อนการเปิดประเทศด้านการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐ ขยายผลและพลิกโฉมการท่องเที่ยวภูเก็ต เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก รวมทั้งแนวทางการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อใช้ในการพลิกโฉมการท่องเที่ยวไทย และการประกาศส่งเสริมท่องเที่ยว 2565 Amazing ยิ่งกว่าเดิม

 

                ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai