นิติ วงษ์วิชาสวัสดิ์” ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานจาการ์ตา อินโดนีเซีย
ททท.จาการ์ตารุกไฮซีซั่นปี68อินโดฯเที่ยวไทย3.1หมื่นล้าน
เร่งขยาย 2 ตลาดใหญ่ ReVisit
3 เมือง + First Visit 5 เมือง
ชู3กลยุทธ์“ทัวร์คุณภาพ-ผนึก8แอร์ไลน์-บูมขาย 5 Must Do
แนะเอกชนเที่ยวไทยเน้นอาหารฮาลาล+สื่อภาษาบาฮาซา
ช้อปคิงเพาเวอร์4สนามบินสวยพร้อมเที่ยวก่อนขึ้นเครื่อง
คิงเพาเวอร์ซิตีบูทีกมัดรวมไอเทมแบรนด์3ดีลดี3วันพิเศษ
1ปีมีครั้งช้อปคิงเพาเวอร์3สนามบินแจกGift Card4พันบาท
นายกฯอนุทินหนุน ททท.จัดลอยกระทง”-Vijit Chao Phraya
บางจากศรีราชาพลิกโฉมพลังงานใช้ท่าเรือขนน้ำมันVLCC
เที่ยวสุราษฎร์ธานี“รีเซ็ตหัวใจ”ในอ้อมกอดธรรมชาติ5พิกัด
5สาเหตุ “หาวบ่อย”อย่าปล่อยไว้อาจเป็นสัญญาณอันตราย
ครม.อนุมัติ“เที่ยวดี มีคืน”ในประเทศ5แพกเกจต.ค.68-ม.ค.69
เวียตเจ็ทไทยแลนด์ร่วมถือศีลกินผักภูเก็ตปี’68แจกตั๋วบินฟรี
วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #สุราษฎร์ธานี
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/1Bc3ZaUSR8/
สัมภาษณ์
!! “นิติ วงษ์วิชาสวัสดิ์” ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
สำนักงานจาการ์ตา อินโดนีเซีย ทำแผนเชิงรุกตลาดใหญ่ปี’68 หวัง
9 แสนคน โกยรายได้ 31,000 ล้านบาท ปี69
ตั้งเป้าทะลุ 1 ล้านคน ด้วย 3 กลยุทธ์ กลยุทธ์แรก
ลุยกระตุ้นตลาดคุณภาพ 2 กลุ่ม “เที่ยวซ้ำ-Re Visit” จากจาการ์ตา สุราบายา เมดาน “เที่ยวไทยครั้งแรก-First Visit” จาก 5 เมือง บันดุง ,ปาลิปาลัน, มากาซา, เซมานัง, กันบารู
กลยุทธ์สอง จับมือ 3 พันธมิตร “8 แอร์ไลน์ส/OTA/KOLs&อินฟลูเอนเซอร์” บินตรง
เสนอขายแหล่งเที่ยวฮ็อต กลยุทธ์สาม ปูพรมขาย 5 Must Do in Thailand อาหาร ช้อปปิ้ง แฟชั่น แหล่งเที่ยวสวยงามโพสต์ลงโซเชียลทั่วอินโดฯ
แนะเอกชนไทยรอรับนักท่องเที่ยวกำลังซื้อดีพร้อมจ่าย 30,000 บาท/คน/ทริป
ด้วยอาหารมาตรฐานฮาลาล กับสื่อสารด้วยภาษาบาฮาซา
นายนิติ วงษ์วิชาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานจาการ์ตา อินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ททท.วางกลยุทธ์ส่งเสริมและกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวในพื้นที่มีขนาดใหญ่มากมีประชากรกว่า 200 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นมุสลิมนับถือศาสนาอิสลาม ช่วงปลายปี 2568 เริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ไตรมาสแรก 2569 พร้อมขับเคลื่อนร่วมกับพันธมิตร นำเสนอสินค้าท่องเที่ยวคุณภาพ และพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองไทยตามพื้นที่เป้าหมาย เจาะเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพทั้งเมืองขนาดใหญ่และเมืองเศรษฐกิจ สร้างแรงจูงใจชาวอินโดนีเซียปลายปี 2668 ต่อเนื่องตามแผนแม่บทการตลาด ททท.ด้วย 3 กลยุทธ์ ประกอบด้วย
● กลยุทธ์ที่ 1 ทำการตลาดเชิงรุกเจาะนักท่องเที่ยว 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ “กลุ่มแรก นักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางมาไทยซ้ำ (Re-Visit)” ในพื้นที่ 3 เมืองใหญ่ คือ 1.จาการ์ตา เป็นเมืองหลวง 2.สุราบายา เมืองธุรกิจขนาดใหญ่อันดับสอง 3.เมดาน อยู่ใกล้ภาคใต้ของไทยมีเที่ยวบินตรง เดินทางมาไทยเฉลี่ย 5-7 วัน/คน/ทริป จุดหมายปลายทาง หัวหิน เชียงใหม่ ภูเก็ต เขาใหญ่ “กลุ่มที่สอง นักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยครั้งแรก (First Visit)” ในพื้นที่คนทำธุรกิจและเหมืองแร่ 5 เมือง คือ 1.บันดุง 2.ปาลิปาลัน 3.มากาซา 4.เซมานัง 5.กันบารู เดินทางมาไทย 3-4 วัน/คน/ทริป ชอบแหล่งท่องเที่ยวที่มีช้อปปิ้ง สถานที่สวยงาม ในโปรแกรมจะต้องมี กรุงเทพฯ พัทยา ตามมาด้วยเมืองอื่น ๆ
นักท่องเที่ยวอินเดียทั้ง
2 ตลาด มีความแตกต่างกัน
ททท.จะนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวตามความนิยมให้ “กลุ่มเดินทางท่องเที่ยวซ้ำ”
เป็นพื้นที่เมืองใหม่ ๆ อย่าง หัวหิน/ประจวบคีรีขันธ์ เขาใหญ่/นครราชสีมา
โดยได้ปูพรมสร้างการรับรู้มาแล้วพอสมควร ส่วน “กลุ่มเที่ยวเมืองไทยครั้งแรก” จะเน้นขายเมืองท่องเที่ยวหลักอย่าง
กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต
โดยจะทำควบคู่กับเรื่องสำคัญเพื่อให้การเข้าถึงตลาดเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพทั้ง
1.การสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียล มีเดีย
ซึ่งมีอิทธิพลต่อนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียทุกกลุ่มสูงมาก
●กลยุทธ์ที่
2 ททท.ร่วมกับ 3 พันธมิตร ทำงานส่งเสริมและกระตุ้นนักท่องเที่ยวเชิงรุกหลากหลายช่องทาง
ได้แก่
พันธมิตรแรก “สายการบินนานาชาติ” ที่มีบริการบินประจำ เข้า-ออก ระหว่างอินโดนีเซียมายังไทย มี 2 กลุ่ม 8 แอร์ไลน์ส ประกอบด้วย “กลุ่มแรก” มีบริการบินตรง ไป-กลับ ระหว่างสองประเทศหลัก ๆ มี 5 สายการบิน คือ การบินไทย การูด้าแอร์ไลน์ อินโดนีเซียแอร์เอเชีย บาติกแอร์ ไลออนแอร์ “กลุ่มที่สอง” บริการบินอ้อมในพื้นที่ระยะใกล้ (short haul) อีก 3 สายการบิน คือ บรูไนแอร์ไลน์ มาเลเซียแอร์ไลน์ สิงคโปร์แอร์ไลน์ส
ปลายปี 2568 เป็นต้นไป จะมีสายการบินทยอยเปิดบิน ได้แก่ 1.อินโดนีเซีย แอร์เอเชีย เริ่มเปิดบินแล้วตั้งแต่ตุลาคม 2568 ไป-กลับ สุราบายา-กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) 2.ซิตี้ลิงค์แอร์ไลน์ เป็นสายการบินลูกของการูด้าแอร์ จะบินตรงสู่ดอนเมือง
พันธมิตรที่สอง “บริษัทตัวแทนจัดการท่องเที่ยวออนไลน์ :Online Travel Agent : OTA มีความแข็งแรงในพื้นที่ เช่น Traveloka เป็นแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์เกิดในอินโดนีเซีย กับ Ticket.com กำลังเข้าไปทำงานด้วยกัน
พันธมิตรที่สาม
“KOLs และอินฟลูเอนเซอร์”
ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมาไทยเป็นประจำ พร้อมกับ
ททท.เชิญร่วมทริปมาสำรวจแหล่งท่องเที่ยวเป็นระยะ ๆ
เพื่อนำไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์มที่มีแฟนคลับหลักแสนถึงล้านคน
ซึ่งไทยเป็นประเทศได้รับการกล่าวถึงมากคนอินโดนีเซียนิยมอย่างมาก
โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม Tik Tok มีผู้ติดตามจำนวนมาก
● กลยุทธ์ที่ 3 นำเสนอขาย 5 Must Do in Thailand ทั้งกิจกรรมและพื้นที่ท่องเที่ยว ตอบโจทย์คนอินโดนีเซียที่เดินทางเที่ยวเมืองไทย ยอดนิยม 3 อันดับแรก คือ
อันดับ 1 อาหาร ชื่นชอบไปตามย่านต่าง ๆ อย่าง เยาวราช ถนนทรงวาด และอื่น ๆ
อันดับ
2 “ช้อปปิ้ง” นิยมสินค้ากับเสื้อผ้าแบรนด์ไทยอย่างมาก
โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว กลุ่มคนรุ่นใหม่ มิลเลนเนียล ชอบไปห้างสรรพสินค้าใหม่ ๆ
อย่าง “เซ็นทรัล พาร์ค” กรุงเทพฯ ตอนนี้ครองพื้นที่ Tik Tok ในอินโดนีเซีย
อันดับ 3 แหล่งท่องเที่ยวสวยงามสามารถเช็คอินโพสต์ลงโซเชียล มีเดีย ได้ทุกแห่ง
ผอ.นิติ
กล่าวว่า สถิตินักท่องเที่ยวอินโดนีเซียมาไทย ปี 2567 มีประมาณ 9.8 แสนคน สร้างรายได้ 20,000 ล้านบาท ปี 2568 ช่วง 9 เดือนแรก มกราคม -กันยายน 2568 มาไทยแล้วกว่า 6.6
แสนคน คาดตลอดปีนี้จะสร้างรายได้กว่า 31,000 ล้านบาท
ปี 2569 ตั้งเป้าหมายท้าทายจะนำอินโดนีเซียเที่ยวไทยให้ถึง 1
ล้านคน ส่วน “การใช้จ่ายเงินในไทย” 30,000 บาท/คน/ทริป
ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ “ผู้ประกอบการคนไทย” เตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียที่จะหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวทั้งกลุ่มซ้ำและกลุ่มเดินทางครั้งแรก ประกอบด้วย เรื่องที่ 1 อาหารมุสลิมที่ได้มาตรฐานฮาลาล ทำทุกขั้นตอนถูกต้องตามหลักศาสนา เรื่องที่ 2 การสื่อสารที่จะต้องใช้ภาษาท้องถิ่นอย่าง “บาฮาซา” หากเป็นภาษาอังกฤษเค้าจะไม่นิยมใช้มากนัก ดังนั้นสถานประกอบการของไทยถ้าสามารถบุคลากรพูดภาษาอินโดนีเซียได้ก็จะเป็นผลดีและได้เปรียบรายอื่น ๆ
สำหรับการทำหน้าที่ “เจ้าบ้านที่ดี” กลุ่มผู้ประกอบการไทย เน้นเรื่องเน้นพัฒนาบุคลากรบริการสามารถสื่อสารภาษาบาฮาซา กับอาหารมุสลิมถูกต้องตามหลักศาสนา ททท.จาการ์ตา เร่งขับเคลื่อนตลาดการขายครบทุกมิติ เพื่อนำอินโดนีเข้ามาใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวเมืองไทยให้เป็นไปตามเป้าหมายปี 2568 และปี 2569 ให้ได้ถึง 1 ล้านคน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-ช้อปคิงเพาเวอร์4สนามบินสวยพร้อมเที่ยวก่อนขึ้นเครื่อง
ทริปนี้ห้ามพลาด ของมันต้องมี! “BEAUTY TRAVEL HACKS สวยพร้อมเที่ยว” ช้อปง่าย ก่อนขึ้นเครื่อง ที่สนามบินรับส่วนลด ON-TOP วันนี้ -31 ตุลาคม 2568 ที่คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต
● จุดนัดพบ : แผนกน้ำหอม เครื่องสำอาง และแว่นตา ลดสูงสุด 25% พร้อมส่วนลด ON-TOP เพิ่มอีก 10%
● พิเศษ : เฉพาะสมาชิก POWER PASS เมื่อช้อปครบ 1,500 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ เฉพาะสินค้าแผนกน้ำหอม เครื่องสำอาง และแว่นตาที่ร่วมรายการ)
ดูข้อมูลเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด ก่อนช้อป แล้วก็ดูรายละเอียดเพิ่ม : https://kp.group/1mKIkY
ข่าวที่ 2 -คิงเพาเวอร์ซิตีบูทีกมัดรวมไอเทมแบรนด์3ดีลดี3วันพิเศษ
คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีก !!เตรียมพบกับดีลแรงที่สุดแห่งปี 3 วันพิเศษ ชั้น 1 - 2 โซน PARADE, ONE BANGKOK ตั้งแต่ 24-26 ตุลาคม 2568 แวะมาได้ในวันพิเศษเสาร์-อาทิตย์ นี้และรับทันที 3 ดีลดีโดน ๆ ดังนี้
1.มัดรวมไอเทมแบรนด์ดังมากมายที่ให้ช้อปแบบจุใจ
2.มอบความพิเศษให้ “สมัครฟรี” กับผู้ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก POWER PASS พร้อมรับฟรี! เงินเข้าบัญชีสมาชิก 100 บาท
3.รับเพิ่ม! คูปองส่วนลด 40% เพื่อนำไปซื้อสินค้าที่ร่วมรายการ
1 ชิ้น (1 สิทธิ์/ท่าน/ตลอดรายการ)
สมาชิกไม่มีวันหมดอายุ* พร้อมรับสิทธิประโยชน์แบบ Infinity ได้รับแบบไม่รู้จบ รายละเอียดเพิ่มเติม: https://kp.group/FyQ90u
ตอนนี้ที่ คิง เพาเวอร์ เปิดกว้าง จะมีไฟลต์หรือไม่มีไฟลต์ก็ช้อปได้!
-สินค้าป้ายฟ้า ไม่ต้องบิน รับกลับทันที
-สินค้าป้ายขาว
ช้อปก่อนบิน รับที่สนามบิน
ข่าวที่ 3-1ปีมีครั้งช้อปคิงเพาเวอร์3สนามบินแจก Gift Card 4พันบาท
รีบช้อปก่อนหมดดีล! 1 ปี มี1 ครั้ง ที่ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี สนามบิน สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต วันนี้ -31 ตุลาคม 2568
● แจก GIFT CARD ฟรี ที่แผนกแฟชั่น นาฬิกา และจิวเวลรี ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
● เพียงซื้อ CASH CARD ใช้ช้อปแบรนด์ชิค เมื่อซื้อสมาชิก POWER PASS ซื้อ CASH CARD 10,000 บาท รับเพิ่ม GIFT CARD มูลค่า 4,000 บาท
แนะนำ -ให้นักช้อปตรวจสอบเงื่อนไขเต็มจากสื่ออื่นๆ ของธนาคาร ใช้เท่าที่จำเป็นเเละชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี อัตราดอกเบี้ย 0% เมื่อลูกค้าชำระเต็มจำนวนภายในวันครบกำหนดชำระ
ข่าวที่ 4-นายกฯอนุทินหนุน ททท.จัดลอยกระทง”-Vijit Chao Phraya
นายอนุทิน ชาญวีระกุล นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ได้ร่วมชมบูทประชาสัมพันธ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมจัดกระตุ้นการท่องเที่ยวต้อนรับไฮซีซั่นปลายปีนี้ 2 อีเวนต์ 1.จัดงานสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง ปี 2568 และ 2. Vijit Chao Phraya 2025 โดย มีนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ร่วมนำเสนอรายละเอียดกิจกรรมดังกล่าว บริเวณโถงตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว “Tourism Hub” ของโลก มู่งสู่ศูนย์กลางเชื่อมโยงการเดินทาง วัฒนธรรม และประสบการณ์อย่างไร้รอยต่อ ทำให้ปี 2568 เป็นปีทองแห่งการท่องเที่ยวซึ่งกำลังเริ่มไฮซีซั่น ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท.จะเพิ่มความสุขด้วย 2 บิ๊กอีเวนต์ ได้แก่ ทั้งงานสีสันแห่งสายน้ำ “มหกรรมลอยกระทง ปี 2568 และงาน Vijit Chao Phraya 2025 เป็นกิจกรรมระดับโลก (World Events) และเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้ไปสู่ชุมชนและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้น
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท.พร้อมจัดกิจกรรมและอีเวนต์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องระหว่างตุลาคม-ธันวาคม 2568 เพื่อกระตุ้นกลุ่มคุณภาพคนไทยและต่างชาติ โดยใช้อัตลักษณ์ เทศกาล ประเพณี และแลนด์มาร์กสำคัญของไทยยกระดับการจัดกิจกรรมเป็นเวิลด์ อีเวนต์ ปีนี้ร่วมสืบสาน เทศกาลลอยกระทง ประเพณีอันทรงคุณค่า ใน 2 พื้นที่มรดกโลกที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี ได้แก่
● งาน Maha Loi Krathong @Sukhothai วันที่ 27 ตุลาคม-5 พฤศจิกายน 2568 บริเวณวัดชนะสงครามและตระพังตะกวน อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย เนรมิตพื้นที่วัดชนะสงครามให้เปล่งประกาย ด้วยแสงไฟ ถ่ายทอดเรื่องราวแห่งความรุ่งเรืองของอารยธรรมสุโขทัย ผสานบรรยากาศย้อนยุคกับความร่วมสมัยอย่างกลมกลืน
● งาน Maha Loi Krathong @Ayutthaya วันที่ 2-6 พฤศจิกายน 2568 ที่วัดพระราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำเสนอความงดงามและมนต์เสน่ห์ประเพณีลอยกระทง ตอกย้ำที่ยูเนสโกประกาศให้เป็นเมืองแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมืองประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา นำเสนออัตลักษณ์ประเพณีเทศกาลลอยกระทง ผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมการจัดแสดงแสง สี เสียง
● ททท.ได้สนับสนุนการจัดงานในพื้นที่อัตลักษณ์ทั่วประเทศ ได้แก่ ประเพณีเดือนยี่เป็งจังหวัดเชียงใหม่ ประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป ๑,๐๐๐ ดวง จังหวัดตาก ประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลองตามครรลองวิถีพอเพียง จังหวัดสมุทรสงคราม และประเพณีสมมาน้ำ คืนเพ็ง เส็งประทีป จังหวัดร้อยเอ็ด
ขณะที่ “งาน Vijit Chao Phraya 2025” ปีนี้เตรียมพบกับ 45 วัน แห่งมหาปรากฏการณ์แสดง แสง สี เสียง เริ่ม 1 พฤศจิกายน -15 ธันวาคม 2568 เวลา 18.00-22.00 น. บริเวณสถานที่สำคัญริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา กรุงเทพฯ สร้างสีสันสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยแสงไฟผสมผสานเทคโนโลยี แสง เสียง ยามค่ำคืน และสร้างแลนด์มาร์กอัตลักษณ์ไทย 15 จุดแสดง ประกอบด้วย
สะพานพระราม 8, พื้นที่บริเวณปากคลองบางกอกน้อย-ปากคลองดุสิต (โรงพยาบาลศิริราช), พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน (โรงพยาบาลศิริราช), มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์), อาคารสำนักงานราชนาวิกสภา (กองทัพเรือ), บริเวณริมเขื่อนแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าสวนนาคราภิรมย์, วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร, ป้อมวิไชยประสิทธิ์ (กองทัพเรือ), วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร, สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ (สะพานพระพุทธยอดฟ้า), สะพานพระปกเกล้า, ตึกร้าง (ซอยล้ง ๑๙๑๙) ถนนเชียงใหม่ เขตคลองสาน, วัดแม่พระลูกประคำ (กาลหว่าร์), ไอคอนสยาม (ICONSIAM) และ ปั้นจั่น/เครนก่อสร้างทางน้ำ (บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด)
ห้ามพลาด !! ตลอดงาน 2 ไฮไลท์ ได้แก่ 1.การแสดงโดรน 500 ลำ ประกอบการแสดง แสง
สี เสียง ทุกวันศุกร์ บริเวณสะพานพระราม 8 และ 2.การจุดพลุประกอบเอฟเฟกต์
และนวัตกรรม แสง สี เสียง สุดอลังการ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ บริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า
ชมความสวยงามที่จะสร้างประสบการณ์ความสุขส่งท้ายปี
ข่าวที่ 5-บางจากศรีราชาพลิกโฉมพลังงานใช้ท่าเรือขนน้ำมันดิบVLCC
กลุ่มบริษัทบางจาก โดยบริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) “BSRC” ได้เปิดใช้ท่ารับเรือบรรทุกน้ำมันดิบขนาดใหญ่ (Very Large Crude Carrier - VLCC) อย่างเป็นทางการ ที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อ 17 ตุลาคม 2568 เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญการยกระดับระบบโลจิสติกส์ด้านพลังงานของเมืองไทย ตอกย้ำบทบาทหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมพลังงานมุ่งยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันในภูมิภาค
นายอนุวัตร รุ่งเรืองรัตนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจโรงกลั่น BSRC เปิดเผยว่า ร่วมผู้บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก ต้อนรับนายสุริยา กิตติมณฑล ผู้อำนวยการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 กับคณะผู้บริหารสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาชลบุรี และสำนักงานควบคุมการจราจรและความปลอดภัยทางทะเล ได้ลงเรือเพื่อสังเกตการณ์การเทียบท่าของเรือบรรทุกน้ำมันดิบขนาดใหญ่ MT Advantage Vital ซึ่งเป็นเรือ VLCC ลำแรกที่เข้าผูกทุ่นแบบ Multi-Buoy Mooring (MBM) ที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา ภายหลังได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ให้นำเรือ VLCC ขนาดไม่เกิน 336 เมตร เข้าเทียบท่าดังกล่าวได้
เรือ MT Advantage Vital เป็นหนึ่งในเรือบรรทุกน้ำมันดิบขนาดใหญ่ นำมาใช้ขนส่งเที่ยวนี้สามารถนำส่งน้ำมันดิบกว่า 1 ล้านบาร์เรล ถือเป็นความสำเร็จในการเปิดใช้ท่ารับเรือ VLCC อีกก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมพลังงานไทย โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทบางจาก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน ลดค่าใช้จ่ายการขนส่งน้ำมันดิบ เพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการการนำเข้าน้ำมันดิบ
สอดคล้องกับกลยุทธ์ “Accelerating Bangchak 100x: Pivoting toward Energy Security and Sustainability” ของกลุ่มบริษัทบางจาก มุ่งเสริมสร้างด้านความมั่นคงทางพลังงานควบคู่กับการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน แล้วท่าเทียบเรือแห่งใหม่นี้ยังช่วยเสริม Synergy ระหว่างโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง กับโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา พร้อมเสริมขีดความสามารถการแข่งขันด้วยมาตรฐานระดับสากล
ช่วงที่ 2 ปฏิทินเที่ยวใต้ ชวนไป “รีเซ็ตหัวใจ” ที่ “สุราษฎร์ธานี” ในอ้อมกอดธรรมชาติอุทยานแห่งชาติทางทะเล 5 พิกัด สวย เงียบ สงบ ทั้งภูเขา น้ำตก ป่า เกาะ พักผ่อนสุดฟินได้ทั้งปี แล้วฟัง “5อาการหาวบ่อย” มีสัญญาณอันตรายซ่อนอยู่” ตามติดข่าวฮ็อต ข่าวแรก “ครม.จัดให้ เที่ยวดี มีคืน” 5 แพกเกจ เที่ยว อบรม ประชุม/สัมมนา ในประเทศ นำมาลดหย่อนภาษีได้ 1.5-2 เท่า ข่าวที่สอง เวียตเจ็ทไทยแลนด์” ร่วมเทศกาลถือศีลกินผักภูเก็ตแจกตั๋วบินฟรี
ท่องเที่ยว –เที่ยวสุราษฎร์ธานี“รีเซ็ตหัวใจ”ในอ้อมกอดธรรมชาติ5พิกัด
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดมุมใหม่ให้ตกหลุมรักธรรมชาติ “สุราษฎร์ธานี” ชวนกันไป “รีเซ็ตหัวใจ” ท่ามกลางธรรมชาติ หลบความวุ่นวายในเมืองไปพักใจกันดีกว่า มีให้เลือกครบทุกทั้งภูเขา น้ำตก ป่าเขียว เกาะทะเล และวิถีชีวิตสงบเรียบง่าย
พิกัดที่ 1 อุทยานแห่งชาติเขาสก
สวรรค์ของสายธรรมชาติและนักเดินป่า ที่เต็มไปด้วยป่าฝนเขียวชอุ่ม ภูเขาหินปูน
และเขื่อนเชี่ยวหลานหรือที่ได้รับฉายาว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย” ต้องลองมาสักครั้ง
ธรรชาติงดงามเกินบรรยาย มีกิจกรรม ล่องเรือชมทะเลสาบ ดูหมอกตอนเช้า พายคายัก
และนอนแพกลางน้ำ เสียงคลื่นเบา ๆ
ตอนกลางคืนกับหมอกยามเช้า...คือความสงบที่หาไม่ได้จากที่ไหน
พิกัดที่ 2 อุทยานแห่งชาติคลองพนม
อีกหนึ่งพื้นที่มีธรรมชาติสมบูรณ์ที่นักท่องเที่ยวยังไม่พลุกพล่าน
เหมาะกับคนที่ต้องการ“หนีเมืองเพื่อพักใจ” ที่นี่มีเส้นทางเดินป่า น้ำตกหลายแห่ง
และจุดชมวิวป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์จนรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอีกใบ
พิกัดที่ 3 อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น
อุทยานแห่งธรรมชาติกลางหุบเขา อากาศบริสุทธิ์ตลอดปี ไฮไลท์คือ น้ำตกวิภาวดี
น้ำใสเย็นฉ่ำท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ ที่นี่เงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนแบบ slow life ฟังเสียงน้ำตกแทนเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์มือถือ
พิกัดที่ 4 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง
หมู่เกาะกลางอ่าวไทยกว่า 40 เกาะที่งดงามสุดสายตา
คุณสามารถล่องเรือไปชมวิวทะเลจากมุมสูง ดำน้ำดูปะการัง พายคายัก
หรือชมทะเลสาบสีเขียวมรกต “ทะเลใน” และในบางฤดูกาล ยังมีโอกาสได้เจอ วาฬบรูด้า
สัตว์ทะเลขนาดใหญ่ที่ขึ้นมาหากินบริเวณอ่าวไทย
พิกัดที่ 5 จุดชมวิวทะเลแหวก เกาะนางยวน Unseen สุดมหัศจรรย์ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี! ที่นี่คือเกาะเล็ก ๆ
สามเกาะที่เชื่อมถึงกันด้วยหาดทรายสีขาว 3 เส้น
นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมวิว 360 องศา
เห็นทะเลสองฝั่งตัดกันอย่างสวยงาม และยังสามารถดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นได้รอบๆ
เกาะด้วย
นักท่องเที่ยวทุกสาย ภูเขาน้ำตก หรือทะเล สุราษฎร์ธานีมีครบทุกอารมณ์
แถมยังให้ “พลังใจ” ให้ธรรมชาติฮีลใจสักครั้ง
สุขภาพ –5สาเหตุ “หาวบ่อย”อย่าปล่อยไว้อาจเป็นสัญญาณอันตราย
“การหาว”
เป็นปฏิกิริยาทางธรรมชาติของร่างกายที่บ่งบอกถึงความง่วงหรือความเหนื่อยล้า
แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการหาวบ่อยๆ
หรือหาวถี่ผิดปกติอาจเป็นสัญญาณเตือนของอันตรายที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายได้
มาดูกันว่าการหาวที่ดูเหมือนธรรมดามีอะไรที่น่ากังวลบ้าง
5
อันตรายที่ซ่อนอยู่จากการหาวบ่อยเกินไป เกิดจากสาเหตุและต้องเตรียมรับมือดังนี้
1. ภาวะง่วงนอนมากเกินไปในเวลากลางวัน (Excessive
Daytime Sleepiness: EDS) การหาวเป็นอาการหลักของภาวะนี้
ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น:
-โรคนอนไม่หลับ (Insomnia): นอนหลับยาก ตื่นบ่อย
หรือหลับไม่สนิท ทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ
-ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea): ทางเดินหายใจถูกอุดกั้นเป็นระยะๆ
ขณะนอนหลับ
ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอและต้องตื่นขึ้นมาหายใจเป็นช่วงๆ
โดยไม่รู้ตัว ทำให้การนอนไม่มีคุณภาพ
-โรคลมหลับ (Narcolepsy): เป็นโรคทางระบบประสาทที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมการหลับและการตื่นได้
ทำให้รู้สึกง่วงนอนอย่างรุนแรงและหลับได้ทุกที่ทุกเวลา
หากปล่อยไว้
ภาวะเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
2. ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด แม้จะฟังดูไม่เกี่ยวกันโดยตรง
แต่มีการศึกษาพบว่าการหาวบ่อยครั้งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับหัวใจได้
เนื่องจากอาจบ่งชี้ถึง:
-ปัญหาการไหลเวียนโลหิต:
การไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงหัวใจและสมองไม่ดีพอ
ทำให้ร่างกายพยายามปรับสมดุลด้วยการหาว
-ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน: การหาวที่มาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น เจ็บหน้าอก
หายใจถี่ เหงื่อออก และคลื่นไส้ อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะหัวใจวายได้
-หากคุณมีอาการหาวบ่อยๆ ร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆ
โดยเฉพาะอาการที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด
3. ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด ยาบางประเภทอาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้ง่วงซึมและหาวบ่อยขึ้น
เช่น : 1.ยาต้านฮิสตามีน (Antihistamines): ที่ใช้รักษาอาการแพ้ 2.ยาในกลุ่ม Selective
Serotonin Reuptake Inhibitors (SSRIs): ที่ใช้รักษาภาวะซึมเศร้า
3.ยารักษาอาการเจ็บปวดบางชนิด
หากคุณสังเกตว่าเริ่มหาวบ่อยขึ้นหลังจากเริ่มใช้ยาตัวใหม่
ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำ
4. ปัญหาเกี่ยวกับสมองและระบบประสาท อาจเป็นสัญญาณของโรคทางระบบประสาทที่ร้ายแรงได้
เช่น :
-โรคลมชัก (Epilepsy): การหาวที่ผิดปกติอาจเป็นอาการนำก่อนเกิดอาการชัก
-โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis): เป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อสมองและไขสันหลัง
ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียและหาวบ่อยครั้ง
-ภาวะสมองบวมหรือเนื้องอกในสมอง: ในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด
การหาวที่ผิดปกติอาจบ่งชี้ถึงแรงกดดันในสมองที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งอาจเกิดจากภาวะสมองบวมหรือเนื้องอก
5. ปัญหาสุขภาพอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว
การหาวบ่อยๆ ยังอาจเกี่ยวข้องกับภาวะสุขภาพอื่นๆ ได้อีก เช่น:
-โรคเบาหวาน: การหาวที่มากเกินไปอาจเป็นอาการหนึ่งของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
-ปัญหาเกี่ยวกับตับ:
การทำงานของตับที่ผิดปกติอาจส่งผลต่อการทำงานของสมองทำให้ง่วงนอนผิดปกติ
-ภาวะขาดน้ำ (Dehydration): ร่างกายที่ขาดน้ำอาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลียและหาวบ่อยขึ้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–ครม.อนุมัติ“เที่ยวดี มีคืน”ในประเทศ5แพกเกจต.ค.68-ม.ค.69
นายอนุทิน ชาญวีระกุล นายกรัฐมนตรี
ประธานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อ 21
ตุลาคม 2568 เห็นอบมติใช้มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือ “เที่ยวดี มีคืน” เดินหน้านโยบาย
“Quick Big Win” เร่งฟื้นเศรษฐกิจรับไฮซีซั่นปลายปี ด้วย
5 แพกเกจ ได้แก่
แพกเกจที่ 1 มาตรการภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว
แพกเกจที่ 2 มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ
(สำหรับนิติบุคคล)
แพกเกจที่ 3 มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม
ประชุม สัมมนาของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
แพกเกจที่ 4 มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมที่พัก
แพกเกจที่ 5 มาตรการขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีสำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ
ครอบคลุมสิทธิประโยชน์ทั้งภาคประชาชน ธุรกิจ โรงแรม ร้านอาหาร และกิจการบันเทิง
ตั้งเป้าสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนและสร้างความสุขให้แก่พี่น้องชาวไทยทั่วประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
ตามรายละเอียดดังนี้
● แพกเกจที่ 1
มาตรการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา เริ่ม 29 ตุลาคม-15 ธันวาคม 2568 เมื่อเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ
สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีไม่เกิน 20,000
บาท ตามจำนวนที่จ่ายจริง โดยลดหย่อน 10,000
บาทแรก สามารถใช้รูปแบบกระดาษและอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ได้ ส่วนเพิ่มเติมที่เกิน 10,000
บาทแรก กำหนดให้ใช้ใบกำกับภาษีรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) เท่านั้น
“ครอบคลุม” ค่าที่พัก ค่าบริการร้านอาหาร จากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
โดยใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี ดังนี้
-สิทธิ์ลดหย่อนได้ 1.5 เท่า ของค่าที่พักในโรงแรม โฮมสเตย์
หรือที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม ค่าบริการร้านอาหารในจังหวัดท่องเที่ยวรอง 55 จังหวัด
และพื้นที่บางอำเภอใน 15 จังหวัด ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท
-สิทธิ์ลดหย่อนได้ 1 เท่า ของค่าที่พักในโรงแรม โฮมสเตย์
หรือที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม ค่าบริการร้านอาหารในจังหวัดเมืองหลัก
● แพกเกจที่ 2
มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ (สำหรับนิติบุคคล)
ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้จ่ายค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง
หรือรายจ่ายอื่น ตั้งแต่ 29 ตุลาคม - 15 ธันวาคม 2568
โดยจ่ายให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และได้รับใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
(e-Tax Invoice) เว้นแต่ค่าขนส่งจะจ่ายให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
แต่ต้องได้ใบรับที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) สามารถหักรายจ่ายได้
2 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริงในจังหวัดเมืองรอง และ 1.5 เท่าในเมืองหลัก
● แพกเกจที่ 3
มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ
และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สามารถให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60
ของวงเงินฝึกอบรม ประชุม สัมมนา เริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568 - 31
มกราคม 2569 โดยให้พิจารณาจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองเป็นลำดับแรก
● แพกเกจที่ 4
มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมที่พัก
ผู้ประกอบกิจการโรงแรมที่พักสามารถนำค่าใช้จ่ายการต่อเติม เปลี่ยนแปลง
หรือทำให้ดีขึ้น มาลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า สำหรับรายจ่ายที่จ่ายไปตั้งแต่29 ตุลาคม
2568 - 31 มีนาคม 2569 โดยหักรายจ่าย “เท่าแรก” เป็นค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินตามปกติ
และ “เท่าที่สอง” ทยอยหักรายจ่าย เป็นเวลา 20
รอบระยะเวลาบัญชีในจำนวนที่เท่ากันทุกปี
● แพกเกจที่ 5
มาตรการขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษี สำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ ลดลงเหลือ 5 % จาก10
% เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่ 1 มกราคม – 31
ธันวาคม 2569
ข่าวที่สอง
–เวียตเจ็ทไทยแลนด์ร่วมกินผักภูเก็ตปี68แจกรางวัลใหญ่ตั๋วบินฟรี
นายปิ่นยศ พิบูลสงคราม
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการพาณิชย์และลูกค้าสัมพันธ์
สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ได้ร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวไฮซีซั่นงานประเพณีถือศีลกินผัก
(กินเจ) จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2568 เปิดบูธและกิจกรรมพิเศษตรงซุ้มประตูสี่แยกศาลเจ้าบางเหนียว จังหวัดภูเก็ต
ระหว่างวันนี้-29 ตุลาคม 2568 เพื่อให้ผู้ที่มาในงานได้ร่วมสนุกรับเมนูอาหารเจ
ลุ้นรับรางวัล ของที่ระลึก เวาเชอร์ และรางวัลใหญ่ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ในประเทศ
ของเวียตเจ็ทไทยแลนดื ได้วันละ 1 รางวัล
ต่อด้วยความสนุกจากกิจกรรม “Enjoy with Fun” เพียงกดไลก์และแชร์เพจเฟซบุ๊ก
Vietjet รับทันที โวเชอร์ส่วนลดตั๋วเครื่องบิน มูลค่า 50
บาท 50 สิทธิ์/วัน
“ประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต” หรือ “เจี๊ยะฉ่าย”
ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลเก่าแก่ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 200 ปี และมีชื่อเสียงในระดับโลก ตลอดช่วงเทศกาล
เมืองภูเก็ตจะถูกแต่งแต้มด้วยธงสีเหลือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการละเว้นเนื้อสัตว์
ขณะที่ชาวภูเก็ตและผู้ศรัทธาจะร่วมถือศีลกินเจและประกอบพิธีกรรม
ที่สะท้อนความศรัทธาและการผสานวัฒนธรรมไทย–จีนอย่างงดงาม ทาง “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย”คาดการณ์ปีนี้จะจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานกว่า
600,000 คน สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 22,000 ล้านบาท
ปี 2568 เวียตเจ็ทไทยแลนด์ได้ร่วมสร้างสีสันในประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ตประจำปี
2568 ด้วยบูธกิจกรรมพิเศษ
บริเวณซุ้มประตูบริเวณสี่แยกศาลเจ้าบางเหนียว
ให้ผู้ร่วมงานได้ร่วมอิ่มบุญพร้อมลุ้นโชคไปกับกิจกรรม ‘Snap & Share’ เพียงถ่ายภาพคู่กับซุ้มประตูเวียตเจ็ทไทยแลนด์
และโพสต์ลงช่องทางโซเชียลมีเดีย พร้อมติดแฮชแท็ก #เที่ยวภูเก็ตอิ่มบุญสุขใจ
#VietjetThailand #เวียตเจ็ทตัวจริงสุวรรณภูมิ #meatzeroกินดีได้ดีกินโปรตีนดีจากพืช เพื่อรับเมนูแพลนต์เบสจากซีพี 1 เมนู พร้อมสิทธิ์ลุ้นรับของที่ระลึกจากพันธมิตร และรางวัลใหญ่ตั๋วเครื่องบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.














ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น