เปิดใจหญิงแกร่งรุ่นใหม่“วณิชชา วัฒนพงศ์”
ทายาทโอเอซิสฯลุยปั้นชุมชนท่องเที่ยวยั่งยืน
คิงเพาเวอร์จัดคิงคัพลุ้นล้าน-ตรินิตี้ฟอรัมโลก
ททท.แจก312รางวัลกินรีวันเที่ยวโลก27ก.ย.นี้
บางจากชวนชิมมันม่วงลาเต้ที่อินทนิลทั่วไทย
ททท.เปิด9วิชาศาสตร์พระราชาต้นแบบยั่งยืน
สัมผัสสวรรค์บนดิน ณ บ้านสวนป่า ดอยตุง
กสอ.ดึงแบงก์-กองทุนดันท่องเที่ยวชุมชนปี’61
รร.อัมราชูฮิปสเตอร์ไนต์บูมแฮงเอาท์สุรวงศ์
ภูเก็ตนำร่องแผนปั่นเปลี่ยนเมืองสู่สมาร์ตซิตี้
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 พบกับหญิงแกร่งแห่งลุ่มน้ำจันทบูร “เอ-วณิชชา วัฒนพงศ์” นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี และประธาน บริษัท โอเอซิส ซีเวิลด์ จันทบุรี จะมาชวนไปเติมความสุขในการเดินทางไปเที่ยวไม่ว่าจะกี่ฝนหรือกี่หนาว ก็มี “ชุมชนแห่งตำนานลุ่มน้ำจันทบูรณ์” ทยอยเปิดตัวให้โลกรู้ลึกถึงเสน่ห์ของวิถีท้องถิ่นนับร้อยปี และมีเงินเพียง 2 พันบาทก็สามารถพักผ่อนในเมืองจันทน์ได้อย่างราชาได้ทุกฤดูเลยทีเดียว แถมยังได้เล่นน้ำสื่อใจกับโลมาพันธุ์หายากได้วันละ 5 รอบ
“คุณวณิชชา วัฒนพงศ์” ทายาทของโอเอซิส ซีเวิลด์ และนายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ชาวจันทบุรีเป็นคนเมืองซึ่งอยู่กับฝนมาตลอดเนื่องจากเป็นพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลตะวันออก ดังนั้นวิถีชีวิตส่วนใหญ่จึงมักเกี่ยวข้องกับอาชีพการเกษตร การท่องเที่ยวก็เติบโตควบคู่กันไปโดยเฉพาะสิ่งที่นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติสนใจมากเป็นพิเศษคือ “ท่องเที่ยววิถีชุมชน” ผสมผสานด้านการเกษตรและประมง อาทิ ชุมชนริมน้ำจันทบูรณ์ ชุมชนขนมแปลกคลองหนองบัว เป็นแม่เหล็กขั้วใหญ่ที่สะท้อนความเป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่นและผู้อยู่อาศัย นำมาร้อยเรียงกัน
ขณะนี้มีชุมชนเก่าแก่ที่เริ่มเปิดตัวสู่การท่องเที่ยวใหม่อย่าง ชุมชนแหลมสิงห์ ที่มีความน่ารักในสไตล์วิถีประมง “ชุมชนบางกะจะ” มีตำนานเล่าเรื่องอัญมณี พลอย สถานที่เก่าแก่ของเหมือง แหล่งขุดพลอย การเจียรนัย และประดับเป็นตัวเรือน วงจรวิถีชีวิตจากอดีตสู่ปัจจุบันที่ยังคงมีอยู่ให้เห็นตามปกติ
ส่วนอีกชุมชนคือ “ชุมชนตะปอน” มีการบอกเล่าวิถีชุมชนและพระพุทธศาสนา โดยมีไฮไลต์แห่งวิถีที่ชาวบ้านทำสืบต่อกันมายาวนานคือ “ชักเย่อเกวียนพระบาท” อันในงานสืบสานประเพณีรอยพระบาทช่วงสงกรานต์ของแต่ละปี ซึ่งมีแห่งเดียวในโลก
ทุกวันเสาร์และอาทิตย์สามารถเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวชุมชนตะปอนได้ แต่ถ้าจะชื่นชมประเพณีเก่าแก่ชักเย่อเกวียนพระบาท ต้องมาได้ในช่วงสงกรานต์ ซึ่งชาวบ้านจะทำพิธีแห่ผ้าพระบาท และเกวียนพระบาท ไปยังวัดต่าง ๆ
แผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว “ชุมชนบางกะจะ” ดินแดนประวัติศาสตร์พลอย ซึ่งขุดค้นพบอัญมณีที่มีค่า ไม่ว่าจะเป็น ทับทิม ไพลิน บุษราคัม และอีกหลายชนิดด้วยกันนั้น แหล่งใหญ่ปัจจุบันที่นักท่องเที่ยวต้องการชมอยู่ที่หมู่บ้านบางกะจะ และภายในชุมชนจะมีคนอยู่อาศัยโดยชาวบ้านยังคงทำขั้นตอนการขุด ผลิต พลอย เหมือนในอดีตให้ได้ชมกัน
เชื่อมโยงจากบางกะจะไปถึงอีกโซนที่ “ตลาดพลอย” จะย้อนยุคให้เห็นแหล่งการค้าและการนำพลอยบางชนิดมาแลกเปลี่ยนกันให้เห็นบนบรรยากาศดังกล่าวตามถนนตลอดระยะทางที่มีความยาวนับกิโลเมตร หรือหากสนใจดูวิถีชีวิตที่มีการค้าขายอย่างคึกคักต้องมาช่วงเสาร์-อาทิตย์
อีกทั้งตลาดพลอยแห่งนี้อยู่ใกล้กับชุมชนริมน้ำจันทบูรณ์ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถจัดเส้นทางชมชุมชนซึ่งมีอัตลักษณ์พิเศษเป็นเสน่ห์ของเมืองจันทบุรีได้อย่างเชื่อมโยงถึงกันได้ภายในเวลาไม่นาน
ส่วนฤดูหนาว จันทบุรีอากาศเย็นสบาย บริเวณอำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว ตั้งแต่พฤศจิกายน-ธันวาคม ของทุกปี บรรยากาศดีมาก การเดินทางขึ้นเขาใช้เวลาประมาณ 40 นาที มีรีสอร์ตและห้องพักรองรับจำนวนมาก มีไฮไลต์ให้ท่องเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว จะมีทะเลหมอกไหลเข้ามาถึงหน้าห้อง อีกทั้งยังเป็นพื้นที่รอยต่อที่จะเดินทางไปเที่ยวต่อยังกัมพูชาได้ด้วย
รวมทั้งสอยดาวยังเป็นอำเภอที่มีสนามกอล์ฟให้เลือกอย่างหลากหลาย จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวกลุ่มเล่นกอล์ฟทั้งคนไทยและนานาชาติ
ช่วงเวลาเหมาะสมในการไปเที่ยวหน้าหนาวยังอำเภอสอยดาว เนื่องจากพื้นที่ไม่สูงมาก ก็เดินทางได้ตลอด พฤศจิกายน-มกราคม ของทุกปี มีทั้งความเป็นธรรมชาติและอากาศเย็นสบาย เหมาะจะพักผ่อนอย่างมาก
คุณวณิชชากล่าวถึงแหล่งท่องเที่ยว “โอเอซิส ซีเวิลด์” ที่มีไฮไลต์คือแหล่งชม โลมา 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์แรก “โลมาปากขวด” ซึ่งมีสรีระเมื่อโตเต็มวัยจะเปลี่ยนสีผิวเป็นชมพูที่คนเฝ้าติดตามชมกัน พันธุ์ที่สอง “อิระวดีดอร์ฟิน” ตัวกลม ๆ น่ารัก ทั้งสองสายพันธุ์จะชอบช่วงหน้าฝนมาก และช่วงต้นฤดูหนาวก็เป็นช่วงที่โลมาจะชอบสัมผัสและเล่นกับนักท่องเที่ยว ทางโอเอซิสมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวลงไปว่ายน้ำและพูดคุยสื่อสารกับโลมาได้ด้วย
ในช่วงฤดูการเดินทางนักท่องเที่ยวกลุ่มสแกนดิเนเวียจะนิยมมาท่องเที่ยวชมโลมาจำนวนมาก
สำหรับการไปท่องเที่ยวโอเอซิส ซีเวิลด์ หากเป็นการเข้าชมการแสดงโชว์โลมาตามปกติก็สามารถไปได้ตลอดเวลาทุกวัน จะจัดแสดงไว้วันละ 5 รอบ ด้วยเวลาจำง่าย ๆ เป็นเลขคี่คือ 09.00, 11.00, 13,00,15.00 และ 17.00 น.แต่ถ้าจะร่วมกิจกรรมเล่นน้ำสื่อสารกับโลมาจะต้องโทรจองล่วงหน้า เนื่องจากแต่ละรอบจะจำกัดจำนวนไว้ที่รอบละ 15 คน และมีคิวจองค่อนข้างแน่นพอสมควร สลับช่วงกับกิจกรรมว่ายน้ำกับโลมา ซึ่งเน้นให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกิจกรรมอย่างคุ้มค่าในทุกช่วงเวลา
ภายในโอเอซิส ซีเวิลด์ เนื่องจากอยู่ติดชายฝั่งทะเลยังได้จำลองชุมชนวิถีประมง และกิจกรรมครอบครัว เช่น เลี้ยงปลาหมอทะเลขนาดใหญ่ ตัวละ 70-80 กิโลกรัม รวมทั้งมีบริการ “ร้านอาหาร” ซึ่งเน้นหลักด้วยเรื่องราวเมืองติดทะเลทำอาชีพประมง 2 ไฮไลต์ คือ อาหารทะเล และอาหารพื้นเมืองจันทบูรณ์ ที่มีความหลากหลาย รสอร่อยซิกเนเจอร์คือ หมูชะมวง เส้นจันผัดไทยปู ข้าวคลุกพริกเกลือ เป็นต้น
สำหรับบัตรเข้าชม โอเอซิส ซีเวิลด์ ผู้ใหญ่ 130 บาท เด็ก 90 บาท ปกติจะไม่ได้จำหน่ายบัตรตามรอบการแสดง สามารถอยู่ในพื้นที่ได้ตลอดทั้งวันและสามารถชมการแสดงโลว์มาได้ทั้งวันด้วย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
คุณวณิชชาอธิบายถึง “ค่าใช้จ่ายในการพักผ่อนในจันทบุรีอย่างคุ้มค่า” เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพไม่แพง สบายกระเป๋า มีเงินแบงก์พันแค่ 2,000 บาท ก็สามารถท่องเที่ยวได้อย่างสบาย ๆ 3 วัน 2 คืน ทั้งค่าที่พัก โปรแกรมท่องเที่ยว และค่าอาหารจานเด่นอร่อย ๆ อย่าง หมูเรียง เส้นจัน ก๋วยเตี๋ยวทะเล ราคาประมาณ 30-40 บาท มาท่องเที่ยวจันทบุรีใช้เงินคุ้มค่าแถมได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม
เส้นทางการท่องเที่ยวจันบุรี จากกรุงเทพฯ วิ่งวนเป็นวงกลม ผ่านเมือง ชุมชนที่กล่าวไว้ตั้งแต่ต้น เรื่อยไปจนถึงการเที่ยวบริเวณชายฝั่งทะเลสวยงาม และมีกิจกรรมในโครงการพระราชดำริให้ร่วมทำ มีจุดเนินนางพญาบริเวณถนนเฉลิมบูรพาชลทิศ เลี้ยวขึ้นไปโป่งน้ำร้อนและเขาสอยดาว ก็เที่ยวได้ครบทั้ง 3 วัน 2 คืน ถ้าหากจะเที่ยวจันทบุรีอย่างลึกต้องแนะนำให้เดินทางไปบ่อย ๆ จะช่วยเติมเต็มเศรษฐกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนได้ในอนาคต
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ควบ2งานบอลคิงคัพลุ้นล้าน-ตรินิตี้ฟอรัม”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ได้เปิดรับสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน ฟุตบอลรายการ KING POWER’S CUP 2017 : THE BEST UNDER FIFTEEN TOURNAMENT รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2560 ผู้ชนะมีสิทธิ์รับเงินล้านและนักกีฬาจะได้ทุนไปเรียนทักษะที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ จนจบภายในเวลา 2 ปีครึ่ง
เพราะการแข่งขัน KING POWER’S CUP 2017 จัดได้ว่าเป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศ มีเงินรางวัลสูงสุดสำหรับทีมชนะเลิศ 1 ล้านบาท ส่วนเยาวชนที่ร่วมแข่งขันในรายการนี้จะได้รับโอกาสคัดเลือกเป็นนักเตะเยาวชนในโครงการ FOX HUNT รับทุนการศึกษาไปเรียนทักษะฟุตบอลมืออาชีพที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ 2 ปีครึ่ง
ทีมเยาวชนของโรงเรียนต่าง ๆ ที่สนใจเข้าไปดาวน์โหลดใบสมัครที่ www.kingpowers.cup หรือโทร 088-617 5678
ขณะที่ “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ยังมีภารกิจใหญ่อีกรายการคือการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดประชุม “The Trinity Forum 2017 The Global Airports Commercial Revenues Conference” ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2560 โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ – รางน้ำ
เพื่อผนึกพลังคนไทยช่วยกันเปิดประตูเศรษฐกิจของประเทศไทยส่งเสริมทำให้เครือข่ายอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องการบิน ได้นำเทคโนโลยีกับเทรนด์ยุคใหม่เข้ามาพัฒนาสนามบินในเชิงพาณิชย์ให้เกิดทั้งประสิทธิภาพและมูลค่าทัดเทียมทั่วโลก
โดยมีกระแสตอบรับทั้งจากนักธุรกิจทั่วโลกร่วมกว่า 400 คน ทั้งวงการร้านค้าปลอดอากร (duty free) ผู้บริหารสนามบินนานาชาติ เจ้าของแบรนด์เนม พร้อมจะช่วยผลักดันให้ไทยเติบโตอย่างเข้มแข็งในเวทีโลก ทั้งทางด้านการจำหน่ายและการสร้างรายได้เข้าประเทศ เตรียมความพร้อมก้าวขึ้นผู้นำรายได้จากการจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรีติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลกในภายในทศวรรษหน้า
สำหรับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และเจ้าภาพร่วมจัดการสัมมนาครั้งนี้มีมั่นใจในเวทีการประชุมสัมมนาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในหลายมิติต่อผู้เข้าร่วมงานและธุรกิจอุตสาหกรรมการบินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการท่าอากาศยานของโลกที่จะนำไปพัฒนาการให้บริการที่ดียิ่งขึ้นต่อไป
ข่าวที่ 2 “ททท.แจกทั่วไทย 312 รางวัลกินรี 27 ก.ย.นี้”
ททท.ยึดวันท่องเที่ยวโลก “27 กันยายน 2560” ลุยแจกรางวัล “กินรี” ตุ๊กตาทองอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประจำปี’60 เอกชนและองค์กรรัฐทั่วไทยแห่รับมากสุดถึง 312 รางวัล
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เลือกวันที่ 27 กันยายน 2560 ในวัน “การท่องเที่ยวโลก : World Tourism Day” จัดอย่างยิ่งใหญ่งานประกาศผลการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย(Thailand Tourism Awards) ประจำปี 2560 ครั้งที่ 11 หรือ “รางวัลกินรี” ซึ่งเป็นโครงการกิจกรรมที่ “องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ” (The United Nations World Tourism Organization) ร่วมแสดงความยินดีและชื่นชมกับการดำเนินงาน ด้านการท่องเที่ยวของไทย และให้ความสำคัญกับโครงการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นโครงการที่มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม มีความสำเร็จด้านการส่งเสริมการตลาดอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับปี 2560 ในการจัดประกวดทั้งหมด 5 หมวดหลัก รวมมากที่สุดถึง 312 รางวัล ประกอบด้วย
1.รางวัลประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยว 30 รางวัล
2.รางวัลประเภทรายการนำเที่ยว 30 รางวัล
3.รางวัลประเภทที่พักนักท่องเที่ยว 132 รางวัล
4.รางวัลประเภทแหล่งท่องเที่ยว 69 รางวัล
5.รางวัลประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 51 รางวัล
ส่วนรายละเอียดรางวัลแต่ละประเภท มีดังนี้
1.รางวัลประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยว แบ่งย่อยออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทองค์กรภาครัฐ และองค์กรภาคเอกชน
2.รางวัลประเภทรายการนำเที่ยว แบ่งย่อยเป็น 2 ประเภท คือ รายการนำเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศ และนำเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
3.รางวัลประเภทที่พักนักท่องเที่ยว แบ่งย่อยออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้
ประเภทโรงแรมในเมือง (City Hotel) โรงแรมตากอากาศ (Resort Hotel) โรงแรมบูติค (Boutique Hotel) โรงแรมพูลวิลล่า (Pool Villa) โรงแรมเพื่อการประชุมสัมมนา (Convention Hotel)
4.รางวัลประเภทแหล่งท่องเที่ยวแบ่งย่อยออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ ประเภทแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร แหล่งนันทนาการ เพื่อการเรียนรู้ ความบันเทิง การผจญภัย และแหล่งท่องเที่ยวชุมชน
5.รางวัลประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แบ่งย่อยออกเป็น 4 ประเภท 1.เฮลธ์ แอนด์ เวลเนส เดสทิเนชั่น (Health & Wellness Destination) 2. ประเภทโรงแรม/รีสอร์ท สปา (Hotel/Resort Spa-3.ประเภทเดย์สปา (Day Spa) 4.ประเภทสปาภูมิปัญญาไทย (Thai Wisdom Spa)
ข่าวที่ 3 “บางจากชวนชิมเมนูใหม่มันม่วงลาเต้ร้านอินทนิลทั่วไทย”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ล่าสุดร้านกาแฟอินทนิล เครือบางจากที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ สาขา ได้ออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มโปรโมชั่นใหม่ให้แฟนคลับ ร้านอินทนิลของบางจาก ได้ดื่มก่อนใครในราคาพิเศษ มันม่วงลาเต้เย็น ราคา 65 บาท มันม่วงลาเต้ร้อน ราคา 45 บาท ในช่วงระหว่างวันนี้- 30 พ.ย.60
เมนู “มันม่วงลาเต้” เป็นกาแฟที่สุดแห่งความลงตัว มีให้ชิมที่อินทนิล ทุกสาขาทั่วไทย โดยคอกาแฟทุกคนจะได้สัมผัสความ หอม อร่่อย ที่ลงตัวด้วยส่วนผสมที่เข้ากันระหว่าง มันม่วงและนม รสชาติมันม่วงในรูปแบบเครื่องดื่มแบบที่คุณคาดไม่ถึง ทั้งหอม นุ่ม กลมกล่อม ละมุนลิ้น ดูเพิ่มที่ www.bangchak.co.th
ข่าวที่ 4 “ท่องเที่ยวเปิดวิชา9หน้าศาสตร์พระราชา”
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จัดทำโครงการ “วิชา 9 หน้า” ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ อันเป็นกิจกรรมภายใต้โครงการ “ตามรอยศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการน้อมนำหลักเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา อันเป็นหลักการทรงงานของพระองค์ท่าน จนเกิดเป็นโครงการพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ เกิดเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ สร้างคุณูปการแก่บ้านเมืองในทุกมิติ
ททท.ตั้งเป้าต่อยอดบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืน ดึง 9 คนดังร่วมสืบสานปณิธานพ่อ ด้วยการลงพื้นที่ในชุมชนต่างๆ ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านวีดีโอสารคดี ชุด “วิชา 9 หน้า” ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ นำโดย กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร, ยุทธศักดิ์ สุภสร, กรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา, โหน่ง วงศ์ทนง, บอย โกสิยพงษ์
พร้อมลงพื้นที่จัดเวิร์คช้อปเพิ่มศักยภาพชุมชน เตรียมความพร้อมตามแผนแนวทางการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนเศรษฐกิจ
และจัดทำโครงการ “วิชา 9 หน้า” โดยนำเสนอศาสตร์พระราชารูปแบบใหม่ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปและคนรุ่นใหม่เข้าใจได้ง่ายขึ้น แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย
1.นิทรรศการมีชีวิต กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 22-24 กันยายน 2560 ณ ลาน Work & Play ชั้น 1 เซ็นทรัลพลาซ่า แกรนด์ พระราม 9 โดยภายในงานจะมีชุมชนมาร่วมออกบูท พร้อมสาธิตกิจกรรมต่างๆ จำนวน 9 ชุมชน อาทิ ชุมชนบ้านบุ เขตบางกอกน้อย ชุมชนแห่งเดียวในประเทศไทยที่ยังคงผลิตขันลงหิน
โดยจะมาจำหน่ายพร้อมสาธิตการผลิต หมู่บ้านหนองส่าน จ.สกลนคร จำหน่ายผ้าย้อมคราม พร้อมสาธิตการย้อมคราม กลุ่มสตรีทอผ้าบ้านเขาเต่า จ.ประจวบคีรีขันธ์
2. หนังสือ 3.การลงพื้นที่เวิร์คช็อป และ 4.วีดีโอสารคดี ชุด “วิชา๙หน้า” ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ นำเสนอ 9 วิชา ผ่าน 9 บุคคล ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิดในแวดวงต่างๆ มาเป็นผู้ถ่ายทอดแต่ละ “วิชา” ที่ได้ไปสัมผัสจริงในชุมชนต่างๆ โดยมีศาสตร์พระราชาเป็นแกนหลักของแต่ละ “บท” ผ่านการ “ท่องเที่ยวชุมชน” ที่แต่ละชุมชนได้น้อมนำหลักการและแนวคิดของพระองค์ มาเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตและพัฒนาชุมชนให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน นำเสนอผ่านช่องทางสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย เสมือน “วิชาของพ่อ” ผ่านวิดีโอสารคดี 9 เรื่อง
1.วิชาปรุงไทยในใจคน : พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร โดย คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
2.วิชาชลปราการ : เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก โดยคุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
3.วิชาหมอดิน : ศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ราชบุรี โดยคุณบอย โกสิยพงษ์ นักแต่งเพลงชื่อดัง
4.วิชาหลอกฟ้า : ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยคุณกรรณ สวัสดิ์วัฒน์ ณ อยุธยา นักแสดงหล่อมาดเซอร์
5.วิชาธรรมชาติสามัคคี : โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดําริภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก โดยคุณวงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ผู้ก่อตั้งนิตยสาร a day และ The Standard
6.วิชาตำนานพันธุ์ : ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.สกลนคร โดยคุณวิศุทธิ์ พรนิมิตร นักวาดภาพประกอบ เจ้าของลายเส้น น้องมะม่วง, ควันใต้หมวก, hesheit
7.วิชารักแรงโน้มถ่วง : โครงการแก้มลิงในพระราชดำริทุ่งทะเลหลวง จ.สุโขทัย โดยคุณสุชาณัฐ ชิดไทย บล็อกเกอร์สุดครีเอทีฟเจ้าของเพจ “คนตัวจิ๋ว”
8.วิชาปลูกรักษ์ : สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ โดยน้องชื่นใจ และคุณแม่-คุณพนิดา เอี่ยมศิรินพกุล อดีตบรรณาธิการและนักเขียน สำนักพิมพ์ polka dots และลูกสาวไอดอลวัยจิ๋วขวัญใจชาวเน็ต
9.วิชานิเวศปฐมวัย : ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.จันทบุรี โดยคุณชุดารี เทพาคำ เชฟตาม Top Chef Thailand คนแรกของประเทศไทย
ช่วงที่ 2 สวรรค์บนดินมีอยู่จริงที่ “บ้านสวนป่า” ดอยตุง แม่ฟ้าหลวง เชียงราย
@สัมผัสสวรรค์บนดินที่บ้านสวนป่าดอยตุง
ทุก ๆ การเดินทางคือกำไรชีวิต ยิ่งได้มีโอกาสไปเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียงของชุมชนชาวเขาเผ่าอาข่า ณ บ้านสวนป่า เชิงดอยตุง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์บนดิน ซึ่งมีทั้งโฮมสเตย์ฟาร์ม ศูนย์การเรียนรู้ รายล้อมอยู่รอบ ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมและเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ
นับเป็นความสุขของการใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรผืนป่าและขุนเขา ในหมู่บ้านแห่งนี้มีน้ำตกไหลเย็นถึง 3 แห่งด้วยกัน จึงเหมาะกับการไปเดินชมเส้นทาง “ศึกษาธรรมชาติ” ระหว่างทางจะมีสวนสมุนไพร สวนเกษตร พร้อมทั้งจะได้เห็นชาวอาข่าที่พากันออกมาเพาะปลูก เก็บพืชผัก ผลผลิตการเกษตรอย่างใกล้ชิด
การท่องเที่ยวรอบหมู่บ้านสวนป่า ไม่ไกลกันนักจะมี “สีพันไร่” เพาะปลูกชาปลอดสารเคมีหรือออร์แกนิกขึ้นชื่อ คอยต้อนรับและพร้อมถ่ายทอดความรู้ถึงขั้นตอนการผลิตชา และจำหน่ายชาสำเร็จรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง
จากนั้นก็เดินทางมุ่งหน้าขึ้นดอยไปชมความยิ่งใหญ่งดงามของ “สวนแม่ฟ้าหลวง” หรือ “ดอยตุง” ถูกสร้างขึ้นมานานกว่า 16 ปี เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2534 โดยเนรมิตสวนไม้เมืองหนาวปลูกอยู่ในพื้นที่ราว 25 ไร่ สีสันสดใสสวยงาม ใกล้ ๆ กันมี “พระตำหนักดอยตุง” ของสมเด็จย่า ซึ่งสร้างด้วยทรัพย์สินส่วนพระองค์ ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานให้มีความเรียบง่ายทั้งการอยู่อาศัย และพักผ่อน ในแบบพื้นเมืองล้านนาท่ามกลางบรรยากาศเนินเขาคล้ายสวิตเซอร์แลนด์ มองจากพระตำหนักลงมาจะเห็นทิวทัศน์ด้านล่างของดอยตุงสวยสะดุดตา
โดยเฉพาะ “สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง” หรือ “สวนรุกขชาติดอยช้างมูบ” ตั้งอยู่ตามแนวดอยช้างมูบ เหนือพระธาตุดอยตุงขึ้นไป อันเป็นเส้นทางดอกไม้พันธุ์หายากและพันธุ์พื้นเมือง อย่าง ดอกนางพญาเสือโคร่ง รองเท้านารี กุหลาบพันปี กล้วยไม้พื้นเมือง
ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ของทกปี จะได้เห็นดอกนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองสีชมพูบานสะพรั่งทั่วทั้งหุบเขา
ก่อนจะเดินทางกลับต้องแวะสักการะ “พระธาตุดอยตง” อันเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนปีกุน หากได้กราบไหว้จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
@คนไทยต้องลดกินเกลือเสี่ยงโรคสูง
แพทย์หญิงจุฑาธิป ลิ้มคุณากูล อาจารย์สาขาวิชาอายุรกรรม ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ แนะนำเรื่อง การใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยทุกวันนี้มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่สมดุล บริโภคอาหารที่มีรสชาติหวานจัด มันและเค็มจัดมากเกินไป ขาดการออกกำลังกายจนส่งผลเสียต่อสุขภาพและเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง ทั้งความดันโลหิต โรคไต โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ล้วนมีสาเหตุมาจากบริโภคที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการกินอาหารรสเค็มจัด คือ อาหารที่มีเกลือโซเดียมสูง โดยเฉพาะจากเครื่องปรุงรสเค็ม ได้แก่ น้ำปลา ซีอิ้วขาว เกลือ กะปิ และซอสหอยนางรม โดยมีการสำรวจพบว่าคนไทยบริโภคเกลือและโซเดียมสูงเกินที่แนะนำ 2 เท่า หรือเกลือ 10.8 กรัม หรือโซเดียม 5,000 มิลลิกรัมต่อวัน
ดังนั้นจึงแนะนำให้กินโซเดียมตามปกติในปริมาณที่ควรได้รับวันละ 2,000 – 2,300 มิลลิกรัม ซึ่งในแต่ละวันเรารับประทานอาหารหลักจากธรรมชาติจะมีโซเดียมอยู่แล้ววันละ 350 – 450 มิลลิกรัม โดยสามารถเติมเครื่องปรุงรสชนิดต่างๆ ได้อีกประมาณ 1,650 – 2,000 มิลลิกรัม หรือคิดเป็นเกลือป่น 1 ช้อนชาต่อวัน หรือ ซีอิ้วขาว 3 – 4 ช้อนชาต่อวัน
หากซื้ออาหารปรุงสำเร็จรับประทานก็ควรหลีกเลี่ยงการเติมเพิ่มทั้งพริกน้ำปลาหรือซอสปรุงรสต่างๆ ลดบริโภคอาหารรสเค็มลงครึ่งหนึ่ง จะป้องกันการเกิดโรคเรื้องรังต่างๆ และสร้างสุขภาพที่ดีได้อย่างยั่งยืน
ฟังข่าวท้ายช่วโมง
ข่าวแรก “กสอ.เทแผน-งบปี’61ดันท่องเที่ยวชุมชนรุ่ง”
นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า ในการผลักดัน SMEs แต่ละท้องถิ่นให้มีแนวทางส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมไปในทิศทางเดียวกัน ส่งผลต่อเนื่องเชิงเศรษฐกิจไปถึงการท่องเที่ยวเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ทั้งกลุ่มธุรกิจโรงแรม อาหารและเครื่องดื่ม การขนส่งทางบก ทางอากาศ กีฬา และสินค้าชุมชน มีนักท่องเที่ยวไทยสูงถึงปีละ 47 ล้านคนครั้ง
ในปีงบประมาณ 2561 ทางกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมเชิญชวนธนาคาร SME Development Bank เดินหน้ามาตรการด้านสินเชื่อเพื่อ SMEs แก่ผู้ประกอบธุรกิจเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยววงเงินรวม 7,500 ล้านบาท รวมทั้งมีกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี ตามแนวประชารัฐเสริมอีก 20,000 ล้านบาท เพื่อให้ SMEs ทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้อย่างเต็มที่ และเกิดการพัฒนาธุรกิจอย่างครบวงจร
หลังจากตลอดปี 2560 กสอ.ใส่เกียร์เดินหน้าขยายผลหนุนเพิ่มกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวด้วยการเข้าร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ โดยผนวกจุดขายต่อยอดในอุตสาหกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์ นำระบบดิจิทัลมาบริการนักท่องเที่ยวเพื่อทำให้ภาคการผลิตและภาคบริการ
นายพสุย้ำว่าตามรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และกรมการพัฒนาชุมชน ระบุปี 2559 ภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยว แบ่งเป็น ธุรกิจโรงแรม 580,000 ล้านบาท อาหารและเครื่องดื่ม 448,000 ล้านบาท อุตสาหกรรมและธุรกิจการขนส่งโดยสารทางบก 136,000 ล้านบาท ธุรกิจการขนส่งโดยสารทางอากาศ 122,000 ล้านบาท ธุรกิจบริการด้าน/นันทนาการ และกีฬา 100,000 ล้านบาท สินค้าชุมชนและโอทอป 80,400 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานอีกกว่า 4,230,000 คน
ทางด้านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานไตรมาสที่ 1 – 2 ปี 2560 สถานการณ์ท่องเที่ยวสร้างรายได้จากต่างชาติ มีมูลค่ากว่า 1.96 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาทำไว้ 1.76 ล้านล้าน
ข่าวที่สอง “โรงแรมอัมราชูฮิปเตอร์ไนต์บูมสุรวงศ์แฮงเอาท์”
วีรนาท ศิลานนท์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมอัมรา กรุงเทพฯ โรงแรมอัมรา กรุงเทพฯ แบรนด์โรงแรมไลฟ์สไตล์ ระดับตลาดบนจากสิงคโปร์ นำเสนอปาร์ตี้ที่จะทำให้ย่านสุรวงศ์กลายเป็นศูนย์กลางแฮงเอาท์ โดยได้จัดกลยุทธ์ในธีม ‘Hipster Night’ ที่ “ห้องอาหารเอเลเมนท์” ชั้น B1 ตั้งแต่เวลา 18.30 น. ทุกคืนวันศุกร์ จัดเต็มอาหารกินเล่นและปาร์ตี้ฟู้ดหลายเมนูราคาย่อมเยา พร้อมโปรโมชั่นเครื่องดื่ม ในช่วงเวลาซื้อเครื่องดื่มตามรายการที่กำหนดแบบ 1 แถม 1 ที่มี 2 ช่วง 18.30 น. – 20.30 น. และ 22.00 น. – 23.00 น. เบียร์บุฟเฟต์ในราคาสุทธิเพียงคนละ 399 บาท
ไปพร้อม ๆ ฟังดนตรีสดจากศิลปินเดอะวอยซ์ไทยแลนด์ อาทิ คุณปิงปอง จาฏุพจน์ ศิลปาภิชน และคุณไตเติ้ล สุทธิชาติ แสนอาจ เพื่อให้ห้องอาหารเอเลเมนท์เปิดบริการตลอดทั้งวัน มีที่นั่งด้านในและด้านนอกแบบอัลเฟรสโก
สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการแอพพลิเคชั่น Line@ ยังสามารถขอเพลงผ่านแอพและได้รับอาหารจานพิเศษสำหรับคืนนั้นอีกด้วย
สอบถามโทร 02 0218888 ต่อ 5320 อีเมล fnb.bangkok@amarahotels.com หรือwww.bangkok.amarahotels.com
ข่าวที่สาม “ภูเก็ตนำร่องปั่นเปลี่ยนเมืองสู่สมาร์ตซิตี้”
นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเปิดเผยว่า ได้ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เทศมนตรีนครภูเก็ต บริษัท OBike และ Country Manager OFO Thailand จัดทำโครงการปั่นเปลี่ยนเมือง Bike sharing in phuket ซึ่งเป็นความร่วมมือของ บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด บริษัท OBike และ OFO Thailand ซึ่งภูเก็ตจะเนจังหวัดแรกของไทยนำจักรยานอัจฉริยะมาให้บริการตามพื้นที่สาธารณะ รวมพลังช่วยกันลดการจราจรที่คับคั่งและเป็นมิตรกับสิ่ งแวดล้อม เป็นการให้บริการเพื่อส่งเสริ มความเป็น smart city ตามแนวทาง Thailand 4.0 ซึ่งขณะนี้มีจักรยานอัจฉริ ยะในเฟสแรกรองรับอยู่แล้วกว่า 1,000 คัน
จักรยานอัจฉริยะจะเป็นบริการมีนวัตกรรมเรียกว่า smart lock เพิ่มความสะดวกและคล่องตัวในการใช้งานตามสถานที่ต่างๆ ขณะนี้มีจุดจอดจักรยาน หลายแห่งอาทิ ศูนย์การค้าไลม์ไลท์อเวนิวภูเก็ต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิ ทยาเขตภูเก็ตโรงแรมภูเก็ตเมอร์ ลินโรงแรมเพิร์ลภูเก็ต ร้านหนังสือเส้งโห
สอบถามรายละเอียดการใช้งาน หรือบริการจุดจอดจักรยานติดต่อ Obike โทร. 096-583-2659 Ofo โทร.097-242-4089
ข่าวที่สี่ “คาเฟ่แคนทารีแจกแต้มแลกพักโรงแรมฟรีทั่วไทย”
คาเฟ่ แคนทารี ชวนร่วมซื้ออาหารใน คาเฟ่ แคนทารี ทุกสาขา รับไปเลยแต้มสะสมยอดซื้อจากการรับประทานอาหาร ขนม เบเกอรี่ ไอศกรีม กาแฟสด เพื่อแลกเป็นห้องพักฟรีโรงแรมในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ ทั่วประเทศ
เพียงแค่เลือกสั่งเมนูเครื่องดื่มที่ชื่นชอบ ยกเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือเมนูแสนอร่อยอื่นๆ สินค้าที่ระลึก ตามคาเฟ่ แคนทารี ทั่วไทย ก็ได้ลุ้นสิทธิ์พักฟรีสอบถามเพิ่มที่ Call Centre: 1627
ติดตามรายการเป็นประจำทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ 11.00-12.00 น.
ทายาทโอเอซิสฯลุยปั้นชุมชนท่องเที่ยวยั่งยืน
คิงเพาเวอร์จัดคิงคัพลุ้นล้าน-ตรินิตี้ฟอรัมโลก
ททท.แจก312รางวัลกินรีวันเที่ยวโลก27ก.ย.นี้
บางจากชวนชิมมันม่วงลาเต้ที่อินทนิลทั่วไทย
ททท.เปิด9วิชาศาสตร์พระราชาต้นแบบยั่งยืน
สัมผัสสวรรค์บนดิน ณ บ้านสวนป่า ดอยตุง
กสอ.ดึงแบงก์-กองทุนดันท่องเที่ยวชุมชนปี’61
รร.อัมราชูฮิปสเตอร์ไนต์บูมแฮงเอาท์สุรวงศ์
ภูเก็ตนำร่องแผนปั่นเปลี่ยนเมืองสู่สมาร์ตซิตี้
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 พบกับหญิงแกร่งแห่งลุ่มน้ำจันทบูร “เอ-วณิชชา วัฒนพงศ์” นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี และประธาน บริษัท โอเอซิส ซีเวิลด์ จันทบุรี จะมาชวนไปเติมความสุขในการเดินทางไปเที่ยวไม่ว่าจะกี่ฝนหรือกี่หนาว ก็มี “ชุมชนแห่งตำนานลุ่มน้ำจันทบูรณ์” ทยอยเปิดตัวให้โลกรู้ลึกถึงเสน่ห์ของวิถีท้องถิ่นนับร้อยปี และมีเงินเพียง 2 พันบาทก็สามารถพักผ่อนในเมืองจันทน์ได้อย่างราชาได้ทุกฤดูเลยทีเดียว แถมยังได้เล่นน้ำสื่อใจกับโลมาพันธุ์หายากได้วันละ 5 รอบ
“คุณวณิชชา วัฒนพงศ์” ทายาทของโอเอซิส ซีเวิลด์ และนายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ชาวจันทบุรีเป็นคนเมืองซึ่งอยู่กับฝนมาตลอดเนื่องจากเป็นพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลตะวันออก ดังนั้นวิถีชีวิตส่วนใหญ่จึงมักเกี่ยวข้องกับอาชีพการเกษตร การท่องเที่ยวก็เติบโตควบคู่กันไปโดยเฉพาะสิ่งที่นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติสนใจมากเป็นพิเศษคือ “ท่องเที่ยววิถีชุมชน” ผสมผสานด้านการเกษตรและประมง อาทิ ชุมชนริมน้ำจันทบูรณ์ ชุมชนขนมแปลกคลองหนองบัว เป็นแม่เหล็กขั้วใหญ่ที่สะท้อนความเป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่นและผู้อยู่อาศัย นำมาร้อยเรียงกัน
วณิชชา วัฒนพงศ์ นายมมาคมท่องเที่ยวจันทบุรีและทายาทโอเอซิส ซีเวิลด์ |
ขณะนี้มีชุมชนเก่าแก่ที่เริ่มเปิดตัวสู่การท่องเที่ยวใหม่อย่าง ชุมชนแหลมสิงห์ ที่มีความน่ารักในสไตล์วิถีประมง “ชุมชนบางกะจะ” มีตำนานเล่าเรื่องอัญมณี พลอย สถานที่เก่าแก่ของเหมือง แหล่งขุดพลอย การเจียรนัย และประดับเป็นตัวเรือน วงจรวิถีชีวิตจากอดีตสู่ปัจจุบันที่ยังคงมีอยู่ให้เห็นตามปกติ
ส่วนอีกชุมชนคือ “ชุมชนตะปอน” มีการบอกเล่าวิถีชุมชนและพระพุทธศาสนา โดยมีไฮไลต์แห่งวิถีที่ชาวบ้านทำสืบต่อกันมายาวนานคือ “ชักเย่อเกวียนพระบาท” อันในงานสืบสานประเพณีรอยพระบาทช่วงสงกรานต์ของแต่ละปี ซึ่งมีแห่งเดียวในโลก
ทุกวันเสาร์และอาทิตย์สามารถเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวชุมชนตะปอนได้ แต่ถ้าจะชื่นชมประเพณีเก่าแก่ชักเย่อเกวียนพระบาท ต้องมาได้ในช่วงสงกรานต์ ซึ่งชาวบ้านจะทำพิธีแห่ผ้าพระบาท และเกวียนพระบาท ไปยังวัดต่าง ๆ
แผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว “ชุมชนบางกะจะ” ดินแดนประวัติศาสตร์พลอย ซึ่งขุดค้นพบอัญมณีที่มีค่า ไม่ว่าจะเป็น ทับทิม ไพลิน บุษราคัม และอีกหลายชนิดด้วยกันนั้น แหล่งใหญ่ปัจจุบันที่นักท่องเที่ยวต้องการชมอยู่ที่หมู่บ้านบางกะจะ และภายในชุมชนจะมีคนอยู่อาศัยโดยชาวบ้านยังคงทำขั้นตอนการขุด ผลิต พลอย เหมือนในอดีตให้ได้ชมกัน
เชื่อมโยงจากบางกะจะไปถึงอีกโซนที่ “ตลาดพลอย” จะย้อนยุคให้เห็นแหล่งการค้าและการนำพลอยบางชนิดมาแลกเปลี่ยนกันให้เห็นบนบรรยากาศดังกล่าวตามถนนตลอดระยะทางที่มีความยาวนับกิโลเมตร หรือหากสนใจดูวิถีชีวิตที่มีการค้าขายอย่างคึกคักต้องมาช่วงเสาร์-อาทิตย์
อีกทั้งตลาดพลอยแห่งนี้อยู่ใกล้กับชุมชนริมน้ำจันทบูรณ์ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถจัดเส้นทางชมชุมชนซึ่งมีอัตลักษณ์พิเศษเป็นเสน่ห์ของเมืองจันทบุรีได้อย่างเชื่อมโยงถึงกันได้ภายในเวลาไม่นาน
ส่วนฤดูหนาว จันทบุรีอากาศเย็นสบาย บริเวณอำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว ตั้งแต่พฤศจิกายน-ธันวาคม ของทุกปี บรรยากาศดีมาก การเดินทางขึ้นเขาใช้เวลาประมาณ 40 นาที มีรีสอร์ตและห้องพักรองรับจำนวนมาก มีไฮไลต์ให้ท่องเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว จะมีทะเลหมอกไหลเข้ามาถึงหน้าห้อง อีกทั้งยังเป็นพื้นที่รอยต่อที่จะเดินทางไปเที่ยวต่อยังกัมพูชาได้ด้วย
รวมทั้งสอยดาวยังเป็นอำเภอที่มีสนามกอล์ฟให้เลือกอย่างหลากหลาย จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวกลุ่มเล่นกอล์ฟทั้งคนไทยและนานาชาติ
ช่วงเวลาเหมาะสมในการไปเที่ยวหน้าหนาวยังอำเภอสอยดาว เนื่องจากพื้นที่ไม่สูงมาก ก็เดินทางได้ตลอด พฤศจิกายน-มกราคม ของทุกปี มีทั้งความเป็นธรรมชาติและอากาศเย็นสบาย เหมาะจะพักผ่อนอย่างมาก
คุณวณิชชากล่าวถึงแหล่งท่องเที่ยว “โอเอซิส ซีเวิลด์” ที่มีไฮไลต์คือแหล่งชม โลมา 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์แรก “โลมาปากขวด” ซึ่งมีสรีระเมื่อโตเต็มวัยจะเปลี่ยนสีผิวเป็นชมพูที่คนเฝ้าติดตามชมกัน พันธุ์ที่สอง “อิระวดีดอร์ฟิน” ตัวกลม ๆ น่ารัก ทั้งสองสายพันธุ์จะชอบช่วงหน้าฝนมาก และช่วงต้นฤดูหนาวก็เป็นช่วงที่โลมาจะชอบสัมผัสและเล่นกับนักท่องเที่ยว ทางโอเอซิสมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวลงไปว่ายน้ำและพูดคุยสื่อสารกับโลมาได้ด้วย
ในช่วงฤดูการเดินทางนักท่องเที่ยวกลุ่มสแกนดิเนเวียจะนิยมมาท่องเที่ยวชมโลมาจำนวนมาก
สำหรับการไปท่องเที่ยวโอเอซิส ซีเวิลด์ หากเป็นการเข้าชมการแสดงโชว์โลมาตามปกติก็สามารถไปได้ตลอดเวลาทุกวัน จะจัดแสดงไว้วันละ 5 รอบ ด้วยเวลาจำง่าย ๆ เป็นเลขคี่คือ 09.00, 11.00, 13,00,15.00 และ 17.00 น.แต่ถ้าจะร่วมกิจกรรมเล่นน้ำสื่อสารกับโลมาจะต้องโทรจองล่วงหน้า เนื่องจากแต่ละรอบจะจำกัดจำนวนไว้ที่รอบละ 15 คน และมีคิวจองค่อนข้างแน่นพอสมควร สลับช่วงกับกิจกรรมว่ายน้ำกับโลมา ซึ่งเน้นให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกิจกรรมอย่างคุ้มค่าในทุกช่วงเวลา
ภายในโอเอซิส ซีเวิลด์ เนื่องจากอยู่ติดชายฝั่งทะเลยังได้จำลองชุมชนวิถีประมง และกิจกรรมครอบครัว เช่น เลี้ยงปลาหมอทะเลขนาดใหญ่ ตัวละ 70-80 กิโลกรัม รวมทั้งมีบริการ “ร้านอาหาร” ซึ่งเน้นหลักด้วยเรื่องราวเมืองติดทะเลทำอาชีพประมง 2 ไฮไลต์ คือ อาหารทะเล และอาหารพื้นเมืองจันทบูรณ์ ที่มีความหลากหลาย รสอร่อยซิกเนเจอร์คือ หมูชะมวง เส้นจันผัดไทยปู ข้าวคลุกพริกเกลือ เป็นต้น
สำหรับบัตรเข้าชม โอเอซิส ซีเวิลด์ ผู้ใหญ่ 130 บาท เด็ก 90 บาท ปกติจะไม่ได้จำหน่ายบัตรตามรอบการแสดง สามารถอยู่ในพื้นที่ได้ตลอดทั้งวันและสามารถชมการแสดงโลว์มาได้ทั้งวันด้วย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
คุณวณิชชาอธิบายถึง “ค่าใช้จ่ายในการพักผ่อนในจันทบุรีอย่างคุ้มค่า” เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพไม่แพง สบายกระเป๋า มีเงินแบงก์พันแค่ 2,000 บาท ก็สามารถท่องเที่ยวได้อย่างสบาย ๆ 3 วัน 2 คืน ทั้งค่าที่พัก โปรแกรมท่องเที่ยว และค่าอาหารจานเด่นอร่อย ๆ อย่าง หมูเรียง เส้นจัน ก๋วยเตี๋ยวทะเล ราคาประมาณ 30-40 บาท มาท่องเที่ยวจันทบุรีใช้เงินคุ้มค่าแถมได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม
เส้นทางการท่องเที่ยวจันบุรี จากกรุงเทพฯ วิ่งวนเป็นวงกลม ผ่านเมือง ชุมชนที่กล่าวไว้ตั้งแต่ต้น เรื่อยไปจนถึงการเที่ยวบริเวณชายฝั่งทะเลสวยงาม และมีกิจกรรมในโครงการพระราชดำริให้ร่วมทำ มีจุดเนินนางพญาบริเวณถนนเฉลิมบูรพาชลทิศ เลี้ยวขึ้นไปโป่งน้ำร้อนและเขาสอยดาว ก็เที่ยวได้ครบทั้ง 3 วัน 2 คืน ถ้าหากจะเที่ยวจันทบุรีอย่างลึกต้องแนะนำให้เดินทางไปบ่อย ๆ จะช่วยเติมเต็มเศรษฐกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนได้ในอนาคต
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ควบ2งานบอลคิงคัพลุ้นล้าน-ตรินิตี้ฟอรัม”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ได้เปิดรับสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน ฟุตบอลรายการ KING POWER’S CUP 2017 : THE BEST UNDER FIFTEEN TOURNAMENT รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2560 ผู้ชนะมีสิทธิ์รับเงินล้านและนักกีฬาจะได้ทุนไปเรียนทักษะที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ จนจบภายในเวลา 2 ปีครึ่ง
เพราะการแข่งขัน KING POWER’S CUP 2017 จัดได้ว่าเป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศ มีเงินรางวัลสูงสุดสำหรับทีมชนะเลิศ 1 ล้านบาท ส่วนเยาวชนที่ร่วมแข่งขันในรายการนี้จะได้รับโอกาสคัดเลือกเป็นนักเตะเยาวชนในโครงการ FOX HUNT รับทุนการศึกษาไปเรียนทักษะฟุตบอลมืออาชีพที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ 2 ปีครึ่ง
ทีมเยาวชนของโรงเรียนต่าง ๆ ที่สนใจเข้าไปดาวน์โหลดใบสมัครที่ www.kingpowers.cup หรือโทร 088-617 5678
ขณะที่ “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ยังมีภารกิจใหญ่อีกรายการคือการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดประชุม “The Trinity Forum 2017 The Global Airports Commercial Revenues Conference” ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2560 โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ – รางน้ำ
เพื่อผนึกพลังคนไทยช่วยกันเปิดประตูเศรษฐกิจของประเทศไทยส่งเสริมทำให้เครือข่ายอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องการบิน ได้นำเทคโนโลยีกับเทรนด์ยุคใหม่เข้ามาพัฒนาสนามบินในเชิงพาณิชย์ให้เกิดทั้งประสิทธิภาพและมูลค่าทัดเทียมทั่วโลก
โดยมีกระแสตอบรับทั้งจากนักธุรกิจทั่วโลกร่วมกว่า 400 คน ทั้งวงการร้านค้าปลอดอากร (duty free) ผู้บริหารสนามบินนานาชาติ เจ้าของแบรนด์เนม พร้อมจะช่วยผลักดันให้ไทยเติบโตอย่างเข้มแข็งในเวทีโลก ทั้งทางด้านการจำหน่ายและการสร้างรายได้เข้าประเทศ เตรียมความพร้อมก้าวขึ้นผู้นำรายได้จากการจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรีติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลกในภายในทศวรรษหน้า
สำหรับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และเจ้าภาพร่วมจัดการสัมมนาครั้งนี้มีมั่นใจในเวทีการประชุมสัมมนาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในหลายมิติต่อผู้เข้าร่วมงานและธุรกิจอุตสาหกรรมการบินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการท่าอากาศยานของโลกที่จะนำไปพัฒนาการให้บริการที่ดียิ่งขึ้นต่อไป
ข่าวที่ 2 “ททท.แจกทั่วไทย 312 รางวัลกินรี 27 ก.ย.นี้”
ททท.ยึดวันท่องเที่ยวโลก “27 กันยายน 2560” ลุยแจกรางวัล “กินรี” ตุ๊กตาทองอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประจำปี’60 เอกชนและองค์กรรัฐทั่วไทยแห่รับมากสุดถึง 312 รางวัล
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เลือกวันที่ 27 กันยายน 2560 ในวัน “การท่องเที่ยวโลก : World Tourism Day” จัดอย่างยิ่งใหญ่งานประกาศผลการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย(Thailand Tourism Awards) ประจำปี 2560 ครั้งที่ 11 หรือ “รางวัลกินรี” ซึ่งเป็นโครงการกิจกรรมที่ “องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ” (The United Nations World Tourism Organization) ร่วมแสดงความยินดีและชื่นชมกับการดำเนินงาน ด้านการท่องเที่ยวของไทย และให้ความสำคัญกับโครงการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นโครงการที่มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม มีความสำเร็จด้านการส่งเสริมการตลาดอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับปี 2560 ในการจัดประกวดทั้งหมด 5 หมวดหลัก รวมมากที่สุดถึง 312 รางวัล ประกอบด้วย
1.รางวัลประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยว 30 รางวัล
2.รางวัลประเภทรายการนำเที่ยว 30 รางวัล
3.รางวัลประเภทที่พักนักท่องเที่ยว 132 รางวัล
4.รางวัลประเภทแหล่งท่องเที่ยว 69 รางวัล
5.รางวัลประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 51 รางวัล
ส่วนรายละเอียดรางวัลแต่ละประเภท มีดังนี้
1.รางวัลประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยว แบ่งย่อยออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทองค์กรภาครัฐ และองค์กรภาคเอกชน
2.รางวัลประเภทรายการนำเที่ยว แบ่งย่อยเป็น 2 ประเภท คือ รายการนำเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศ และนำเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
3.รางวัลประเภทที่พักนักท่องเที่ยว แบ่งย่อยออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้
ประเภทโรงแรมในเมือง (City Hotel) โรงแรมตากอากาศ (Resort Hotel) โรงแรมบูติค (Boutique Hotel) โรงแรมพูลวิลล่า (Pool Villa) โรงแรมเพื่อการประชุมสัมมนา (Convention Hotel)
4.รางวัลประเภทแหล่งท่องเที่ยวแบ่งย่อยออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ ประเภทแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร แหล่งนันทนาการ เพื่อการเรียนรู้ ความบันเทิง การผจญภัย และแหล่งท่องเที่ยวชุมชน
5.รางวัลประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แบ่งย่อยออกเป็น 4 ประเภท 1.เฮลธ์ แอนด์ เวลเนส เดสทิเนชั่น (Health & Wellness Destination) 2. ประเภทโรงแรม/รีสอร์ท สปา (Hotel/Resort Spa-3.ประเภทเดย์สปา (Day Spa) 4.ประเภทสปาภูมิปัญญาไทย (Thai Wisdom Spa)
ข่าวที่ 3 “บางจากชวนชิมเมนูใหม่มันม่วงลาเต้ร้านอินทนิลทั่วไทย”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ล่าสุดร้านกาแฟอินทนิล เครือบางจากที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ สาขา ได้ออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มโปรโมชั่นใหม่ให้แฟนคลับ ร้านอินทนิลของบางจาก ได้ดื่มก่อนใครในราคาพิเศษ มันม่วงลาเต้เย็น ราคา 65 บาท มันม่วงลาเต้ร้อน ราคา 45 บาท ในช่วงระหว่างวันนี้- 30 พ.ย.60
เมนู “มันม่วงลาเต้” เป็นกาแฟที่สุดแห่งความลงตัว มีให้ชิมที่อินทนิล ทุกสาขาทั่วไทย โดยคอกาแฟทุกคนจะได้สัมผัสความ หอม อร่่อย ที่ลงตัวด้วยส่วนผสมที่เข้ากันระหว่าง มันม่วงและนม รสชาติมันม่วงในรูปแบบเครื่องดื่มแบบที่คุณคาดไม่ถึง ทั้งหอม นุ่ม กลมกล่อม ละมุนลิ้น ดูเพิ่มที่ www.bangchak.co.th
ข่าวที่ 4 “ท่องเที่ยวเปิดวิชา9หน้าศาสตร์พระราชา”
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จัดทำโครงการ “วิชา 9 หน้า” ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ อันเป็นกิจกรรมภายใต้โครงการ “ตามรอยศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการน้อมนำหลักเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา อันเป็นหลักการทรงงานของพระองค์ท่าน จนเกิดเป็นโครงการพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ เกิดเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ สร้างคุณูปการแก่บ้านเมืองในทุกมิติ
ททท.ตั้งเป้าต่อยอดบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืน ดึง 9 คนดังร่วมสืบสานปณิธานพ่อ ด้วยการลงพื้นที่ในชุมชนต่างๆ ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านวีดีโอสารคดี ชุด “วิชา 9 หน้า” ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ นำโดย กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร, ยุทธศักดิ์ สุภสร, กรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา, โหน่ง วงศ์ทนง, บอย โกสิยพงษ์
พร้อมลงพื้นที่จัดเวิร์คช้อปเพิ่มศักยภาพชุมชน เตรียมความพร้อมตามแผนแนวทางการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนเศรษฐกิจ
และจัดทำโครงการ “วิชา 9 หน้า” โดยนำเสนอศาสตร์พระราชารูปแบบใหม่ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปและคนรุ่นใหม่เข้าใจได้ง่ายขึ้น แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย
1.นิทรรศการมีชีวิต กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 22-24 กันยายน 2560 ณ ลาน Work & Play ชั้น 1 เซ็นทรัลพลาซ่า แกรนด์ พระราม 9 โดยภายในงานจะมีชุมชนมาร่วมออกบูท พร้อมสาธิตกิจกรรมต่างๆ จำนวน 9 ชุมชน อาทิ ชุมชนบ้านบุ เขตบางกอกน้อย ชุมชนแห่งเดียวในประเทศไทยที่ยังคงผลิตขันลงหิน
โดยจะมาจำหน่ายพร้อมสาธิตการผลิต หมู่บ้านหนองส่าน จ.สกลนคร จำหน่ายผ้าย้อมคราม พร้อมสาธิตการย้อมคราม กลุ่มสตรีทอผ้าบ้านเขาเต่า จ.ประจวบคีรีขันธ์
2. หนังสือ 3.การลงพื้นที่เวิร์คช็อป และ 4.วีดีโอสารคดี ชุด “วิชา๙หน้า” ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ นำเสนอ 9 วิชา ผ่าน 9 บุคคล ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิดในแวดวงต่างๆ มาเป็นผู้ถ่ายทอดแต่ละ “วิชา” ที่ได้ไปสัมผัสจริงในชุมชนต่างๆ โดยมีศาสตร์พระราชาเป็นแกนหลักของแต่ละ “บท” ผ่านการ “ท่องเที่ยวชุมชน” ที่แต่ละชุมชนได้น้อมนำหลักการและแนวคิดของพระองค์ มาเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตและพัฒนาชุมชนให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน นำเสนอผ่านช่องทางสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย เสมือน “วิชาของพ่อ” ผ่านวิดีโอสารคดี 9 เรื่อง
1.วิชาปรุงไทยในใจคน : พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร โดย คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
2.วิชาชลปราการ : เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก โดยคุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
3.วิชาหมอดิน : ศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ราชบุรี โดยคุณบอย โกสิยพงษ์ นักแต่งเพลงชื่อดัง
4.วิชาหลอกฟ้า : ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยคุณกรรณ สวัสดิ์วัฒน์ ณ อยุธยา นักแสดงหล่อมาดเซอร์
5.วิชาธรรมชาติสามัคคี : โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดําริภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก โดยคุณวงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ผู้ก่อตั้งนิตยสาร a day และ The Standard
6.วิชาตำนานพันธุ์ : ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.สกลนคร โดยคุณวิศุทธิ์ พรนิมิตร นักวาดภาพประกอบ เจ้าของลายเส้น น้องมะม่วง, ควันใต้หมวก, hesheit
7.วิชารักแรงโน้มถ่วง : โครงการแก้มลิงในพระราชดำริทุ่งทะเลหลวง จ.สุโขทัย โดยคุณสุชาณัฐ ชิดไทย บล็อกเกอร์สุดครีเอทีฟเจ้าของเพจ “คนตัวจิ๋ว”
8.วิชาปลูกรักษ์ : สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ โดยน้องชื่นใจ และคุณแม่-คุณพนิดา เอี่ยมศิรินพกุล อดีตบรรณาธิการและนักเขียน สำนักพิมพ์ polka dots และลูกสาวไอดอลวัยจิ๋วขวัญใจชาวเน็ต
9.วิชานิเวศปฐมวัย : ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.จันทบุรี โดยคุณชุดารี เทพาคำ เชฟตาม Top Chef Thailand คนแรกของประเทศไทย
ช่วงที่ 2 สวรรค์บนดินมีอยู่จริงที่ “บ้านสวนป่า” ดอยตุง แม่ฟ้าหลวง เชียงราย
@สัมผัสสวรรค์บนดินที่บ้านสวนป่าดอยตุง
ทุก ๆ การเดินทางคือกำไรชีวิต ยิ่งได้มีโอกาสไปเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียงของชุมชนชาวเขาเผ่าอาข่า ณ บ้านสวนป่า เชิงดอยตุง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์บนดิน ซึ่งมีทั้งโฮมสเตย์ฟาร์ม ศูนย์การเรียนรู้ รายล้อมอยู่รอบ ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมและเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ
นับเป็นความสุขของการใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรผืนป่าและขุนเขา ในหมู่บ้านแห่งนี้มีน้ำตกไหลเย็นถึง 3 แห่งด้วยกัน จึงเหมาะกับการไปเดินชมเส้นทาง “ศึกษาธรรมชาติ” ระหว่างทางจะมีสวนสมุนไพร สวนเกษตร พร้อมทั้งจะได้เห็นชาวอาข่าที่พากันออกมาเพาะปลูก เก็บพืชผัก ผลผลิตการเกษตรอย่างใกล้ชิด
การท่องเที่ยวรอบหมู่บ้านสวนป่า ไม่ไกลกันนักจะมี “สีพันไร่” เพาะปลูกชาปลอดสารเคมีหรือออร์แกนิกขึ้นชื่อ คอยต้อนรับและพร้อมถ่ายทอดความรู้ถึงขั้นตอนการผลิตชา และจำหน่ายชาสำเร็จรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง
จากนั้นก็เดินทางมุ่งหน้าขึ้นดอยไปชมความยิ่งใหญ่งดงามของ “สวนแม่ฟ้าหลวง” หรือ “ดอยตุง” ถูกสร้างขึ้นมานานกว่า 16 ปี เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2534 โดยเนรมิตสวนไม้เมืองหนาวปลูกอยู่ในพื้นที่ราว 25 ไร่ สีสันสดใสสวยงาม ใกล้ ๆ กันมี “พระตำหนักดอยตุง” ของสมเด็จย่า ซึ่งสร้างด้วยทรัพย์สินส่วนพระองค์ ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานให้มีความเรียบง่ายทั้งการอยู่อาศัย และพักผ่อน ในแบบพื้นเมืองล้านนาท่ามกลางบรรยากาศเนินเขาคล้ายสวิตเซอร์แลนด์ มองจากพระตำหนักลงมาจะเห็นทิวทัศน์ด้านล่างของดอยตุงสวยสะดุดตา
โดยเฉพาะ “สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง” หรือ “สวนรุกขชาติดอยช้างมูบ” ตั้งอยู่ตามแนวดอยช้างมูบ เหนือพระธาตุดอยตุงขึ้นไป อันเป็นเส้นทางดอกไม้พันธุ์หายากและพันธุ์พื้นเมือง อย่าง ดอกนางพญาเสือโคร่ง รองเท้านารี กุหลาบพันปี กล้วยไม้พื้นเมือง
ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ของทกปี จะได้เห็นดอกนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองสีชมพูบานสะพรั่งทั่วทั้งหุบเขา
ก่อนจะเดินทางกลับต้องแวะสักการะ “พระธาตุดอยตง” อันเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนปีกุน หากได้กราบไหว้จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
@คนไทยต้องลดกินเกลือเสี่ยงโรคสูง
แพทย์หญิงจุฑาธิป ลิ้มคุณากูล อาจารย์สาขาวิชาอายุรกรรม ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ แนะนำเรื่อง การใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยทุกวันนี้มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่สมดุล บริโภคอาหารที่มีรสชาติหวานจัด มันและเค็มจัดมากเกินไป ขาดการออกกำลังกายจนส่งผลเสียต่อสุขภาพและเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง ทั้งความดันโลหิต โรคไต โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ล้วนมีสาเหตุมาจากบริโภคที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการกินอาหารรสเค็มจัด คือ อาหารที่มีเกลือโซเดียมสูง โดยเฉพาะจากเครื่องปรุงรสเค็ม ได้แก่ น้ำปลา ซีอิ้วขาว เกลือ กะปิ และซอสหอยนางรม โดยมีการสำรวจพบว่าคนไทยบริโภคเกลือและโซเดียมสูงเกินที่แนะนำ 2 เท่า หรือเกลือ 10.8 กรัม หรือโซเดียม 5,000 มิลลิกรัมต่อวัน
ดังนั้นจึงแนะนำให้กินโซเดียมตามปกติในปริมาณที่ควรได้รับวันละ 2,000 – 2,300 มิลลิกรัม ซึ่งในแต่ละวันเรารับประทานอาหารหลักจากธรรมชาติจะมีโซเดียมอยู่แล้ววันละ 350 – 450 มิลลิกรัม โดยสามารถเติมเครื่องปรุงรสชนิดต่างๆ ได้อีกประมาณ 1,650 – 2,000 มิลลิกรัม หรือคิดเป็นเกลือป่น 1 ช้อนชาต่อวัน หรือ ซีอิ้วขาว 3 – 4 ช้อนชาต่อวัน
หากซื้ออาหารปรุงสำเร็จรับประทานก็ควรหลีกเลี่ยงการเติมเพิ่มทั้งพริกน้ำปลาหรือซอสปรุงรสต่างๆ ลดบริโภคอาหารรสเค็มลงครึ่งหนึ่ง จะป้องกันการเกิดโรคเรื้องรังต่างๆ และสร้างสุขภาพที่ดีได้อย่างยั่งยืน
ฟังข่าวท้ายช่วโมง
ข่าวแรก “กสอ.เทแผน-งบปี’61ดันท่องเที่ยวชุมชนรุ่ง”
นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า ในการผลักดัน SMEs แต่ละท้องถิ่นให้มีแนวทางส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมไปในทิศทางเดียวกัน ส่งผลต่อเนื่องเชิงเศรษฐกิจไปถึงการท่องเที่ยวเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ทั้งกลุ่มธุรกิจโรงแรม อาหารและเครื่องดื่ม การขนส่งทางบก ทางอากาศ กีฬา และสินค้าชุมชน มีนักท่องเที่ยวไทยสูงถึงปีละ 47 ล้านคนครั้ง
ในปีงบประมาณ 2561 ทางกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมเชิญชวนธนาคาร SME Development Bank เดินหน้ามาตรการด้านสินเชื่อเพื่อ SMEs แก่ผู้ประกอบธุรกิจเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยววงเงินรวม 7,500 ล้านบาท รวมทั้งมีกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี ตามแนวประชารัฐเสริมอีก 20,000 ล้านบาท เพื่อให้ SMEs ทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้อย่างเต็มที่ และเกิดการพัฒนาธุรกิจอย่างครบวงจร
หลังจากตลอดปี 2560 กสอ.ใส่เกียร์เดินหน้าขยายผลหนุนเพิ่มกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวด้วยการเข้าร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ โดยผนวกจุดขายต่อยอดในอุตสาหกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์ นำระบบดิจิทัลมาบริการนักท่องเที่ยวเพื่อทำให้ภาคการผลิตและภาคบริการ
นายพสุย้ำว่าตามรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และกรมการพัฒนาชุมชน ระบุปี 2559 ภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยว แบ่งเป็น ธุรกิจโรงแรม 580,000 ล้านบาท อาหารและเครื่องดื่ม 448,000 ล้านบาท อุตสาหกรรมและธุรกิจการขนส่งโดยสารทางบก 136,000 ล้านบาท ธุรกิจการขนส่งโดยสารทางอากาศ 122,000 ล้านบาท ธุรกิจบริการด้าน/นันทนาการ และกีฬา 100,000 ล้านบาท สินค้าชุมชนและโอทอป 80,400 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานอีกกว่า 4,230,000 คน
ทางด้านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานไตรมาสที่ 1 – 2 ปี 2560 สถานการณ์ท่องเที่ยวสร้างรายได้จากต่างชาติ มีมูลค่ากว่า 1.96 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาทำไว้ 1.76 ล้านล้าน
ข่าวที่สอง “โรงแรมอัมราชูฮิปเตอร์ไนต์บูมสุรวงศ์แฮงเอาท์”
วีรนาท ศิลานนท์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมอัมรา กรุงเทพฯ โรงแรมอัมรา กรุงเทพฯ แบรนด์โรงแรมไลฟ์สไตล์ ระดับตลาดบนจากสิงคโปร์ นำเสนอปาร์ตี้ที่จะทำให้ย่านสุรวงศ์กลายเป็นศูนย์กลางแฮงเอาท์ โดยได้จัดกลยุทธ์ในธีม ‘Hipster Night’ ที่ “ห้องอาหารเอเลเมนท์” ชั้น B1 ตั้งแต่เวลา 18.30 น. ทุกคืนวันศุกร์ จัดเต็มอาหารกินเล่นและปาร์ตี้ฟู้ดหลายเมนูราคาย่อมเยา พร้อมโปรโมชั่นเครื่องดื่ม ในช่วงเวลาซื้อเครื่องดื่มตามรายการที่กำหนดแบบ 1 แถม 1 ที่มี 2 ช่วง 18.30 น. – 20.30 น. และ 22.00 น. – 23.00 น. เบียร์บุฟเฟต์ในราคาสุทธิเพียงคนละ 399 บาท
ไปพร้อม ๆ ฟังดนตรีสดจากศิลปินเดอะวอยซ์ไทยแลนด์ อาทิ คุณปิงปอง จาฏุพจน์ ศิลปาภิชน และคุณไตเติ้ล สุทธิชาติ แสนอาจ เพื่อให้ห้องอาหารเอเลเมนท์เปิดบริการตลอดทั้งวัน มีที่นั่งด้านในและด้านนอกแบบอัลเฟรสโก
สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการแอพพลิเคชั่น Line@ ยังสามารถขอเพลงผ่านแอพและได้รับอาหารจานพิเศษสำหรับคืนนั้นอีกด้วย
สอบถามโทร 02 0218888 ต่อ 5320 อีเมล fnb.bangkok@amarahotels.com หรือwww.bangkok.amarahotels.com
ข่าวที่สาม “ภูเก็ตนำร่องปั่นเปลี่ยนเมืองสู่สมาร์ตซิตี้”
นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเปิดเผยว่า ได้ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เทศมนตรีนครภูเก็ต บริษัท OBike และ Country Manager OFO Thailand จัดทำโครงการปั่นเปลี่ยนเมือง Bike sharing in phuket ซึ่งเป็นความร่วมมือของ บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด บริษัท OBike และ OFO Thailand ซึ่งภูเก็ตจะเนจังหวัดแรกของไทยนำจักรยานอัจฉริยะมาให้บริการตามพื้นที่สาธารณะ รวมพลังช่วยกันลดการจราจรที่คับคั่งและเป็นมิตรกับสิ่ งแวดล้อม เป็นการให้บริการเพื่อส่งเสริ มความเป็น smart city ตามแนวทาง Thailand 4.0 ซึ่งขณะนี้มีจักรยานอัจฉริ ยะในเฟสแรกรองรับอยู่แล้วกว่า 1,000 คัน
จักรยานอัจฉริยะจะเป็นบริการมีนวัตกรรมเรียกว่า smart lock เพิ่มความสะดวกและคล่องตัวในการใช้งานตามสถานที่ต่างๆ ขณะนี้มีจุดจอดจักรยาน หลายแห่งอาทิ ศูนย์การค้าไลม์ไลท์อเวนิวภูเก็ต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิ ทยาเขตภูเก็ตโรงแรมภูเก็ตเมอร์ ลินโรงแรมเพิร์ลภูเก็ต ร้านหนังสือเส้งโห
สอบถามรายละเอียดการใช้งาน หรือบริการจุดจอดจักรยานติดต่อ Obike โทร. 096-583-2659 Ofo โทร.097-242-4089
ข่าวที่สี่ “คาเฟ่แคนทารีแจกแต้มแลกพักโรงแรมฟรีทั่วไทย”
คาเฟ่ แคนทารี ชวนร่วมซื้ออาหารใน คาเฟ่ แคนทารี ทุกสาขา รับไปเลยแต้มสะสมยอดซื้อจากการรับประทานอาหาร ขนม เบเกอรี่ ไอศกรีม กาแฟสด เพื่อแลกเป็นห้องพักฟรีโรงแรมในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ ทั่วประเทศ
เพียงแค่เลือกสั่งเมนูเครื่องดื่มที่ชื่นชอบ ยกเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือเมนูแสนอร่อยอื่นๆ สินค้าที่ระลึก ตามคาเฟ่ แคนทารี ทั่วไทย ก็ได้ลุ้นสิทธิ์พักฟรีสอบถามเพิ่มที่ Call Centre: 1627
ติดตามรายการเป็นประจำทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ 11.00-12.00 น.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น