ไทยลั่นกลองรุกชิงไมซ์คอนเว็นชั่นระดับโลก
TCEBโกยตลาดเอเชีย-ยุโรป-อเมริกามาเพียบ
ดิวตี้ฟรีจัดWIPEOUTลด90%บินฟรีญี่ปุ่น/ฮ่องกง
ททท.ดึงสมาคมนักเขียนออสซี่เฮมาไทยปี’61
บางจากQ3สดใสลุยขยายแนวรุก4ธุรกิจปีหน้า
อบจ.สมุทรปราการบูมภาพลักษณ์ท่องเที่ยว
ชวนทำกิจกรรมในฟาร์มตัวอย่างฯสีบัวทอง
EECลุ้นทุนข้ามชาติ1.5ล้านล้านดันอุตฯทัวร์พุ่ง
ไทยสไมล์ชูโปรตั๋วกรุงเทพฯ-เกาสุง4.5พันบาท
สวัสดีวันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 คุณจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB ให้สัมภาษณ์ในรายการถึงภารกิจใหญ่ต้อนรับปีงบประมาณ 2561 กำลังรุกทุ่มทำตลาดไมซ์นานาชาตินำเงินเข้ามาการจัดประชุมระดับสากลโลกหรือ CONVENTION ในประเทศไทย ซึ่งได้รับการลงทุนสร้างศูนย์ประชุมเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่งตามจังหวัดยอดนิยมอย่าง ขอนแก่น พัทยา (ชลบุรี) พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งตะวันออก (Eastern Economic Coridor : EEC)
ประเทศไทยมีสัญญาณดีจากกระแสการตอบรับ “ตลาดคอนเว็นชั่น” หลั่งไหลเข้าสู่เมืองไทย 21-22 กันยายน นี้ เตรียมเปิดเมืองเชียงใหม่ต้อนรับ UIA ที่มีเครือข่ายสมาชิกทั่วยุโรปกว่า 69,000 สมาคม จากนั้นองค์กรขาใหญ่อเมริกาเหนือหันหัวเรือมาไทยเช่นเดียวกับสมาคมประกันชีวิตยักษ์ใหญ่ของโลกไต้หวันและจีนก็เลือกไทยแล้วเพื่อจัดงานปี 2562 จะแห่กันมากว่า 8,000 คน
คุณจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับข่าวดีจากการนำคณะไปร่วมงานการประชุมสมาคมประกันชีวิตไต้หวันที่มีสมาชิกชาวจีนทั่วโลก 15 ประเทศ ทางทีเส็บได้รับความไว้วางใจจากสมาคมให้รับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งต่อไปในไทยปี 2562 โดยจะมีผู้เดินทางมาประชุมพร้อมกันถึง 8,000 คน โดยใช้โปรแกรม CONVINCE PARADISE ของ TCEB เข้าไปสนับสนุนการนำงานมาจัดในประเทศไทย ขณะนี้สมาชิกได้ลงทะเบียนเพื่อเดินทางมาประชุมแล้วกว่า 3,000 คน แล้วในอีก 2 ปีข้างหน้า จะพร้อมใจกันเดินทางไทย
โดยกำหนดการประชุมอย่างต่ำ 5 วัน ซึ่งมีโปรแกรมทั้งการจัดประชุมและกิจกรรมเกี่ยวเนื่อง จึงอาจจะให้เดินทางไปใช้ศูนย์ประชุมเชียงใหม่ เนื่องจากทางสมาชิกสมาคมต้องการจะทำกิจกรรมอนุรักษ์ช้างไทยควบคู่กันไปด้วย
สำหรับการได้งานขนาด 8,000 คนเข้ามาจัดในประเทศไทยนั้น ผมนำทีมไปเพียง 3 คน โดยปี 2559 มีโอกาสประกาศเปิดตัวที่เมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ไว้บ้างแล้ว จากนั้นปี 2560 ก็ได้ไปร่วมงานกับทางสมาคมประกันชีวิตไต้หวันอีกครั้ง พร้อมกับได้รับความไว้วางใจเลือกมาจัดในไทยปี 2562
แนวทางการบุกเชิงรุกของ TCEB จะโหมทำ CONVENTION โดยจะทำโร้ดโชว์ เทรดโชว์ ในต่างประเทศ ได้เน้นระดมกลุ่มผู้จัดงานจากตลาดภูมิภาคต่าง ๆ อย่างเอเชียเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา จัดทำแฟรมทริปกลุ่มแรก KOREA SOCIETY of ASSOCIATION EXECLUSIVES : KASE จากสาธารณรัฐเกาหลี กลุ่มผู้บริหารสมาคมต่าง ๆ ที่สนใจจะเข้ามาจัดประชุม โดยได้พาไปดูศักยภาพของเชียงใหม่ โดยมีสมาคมมวยสากลเกาหลี สมาคมด้านการค้ารวม 12 ราย ขณะนี้มี 3-4 สมาคมแสดงความสนจะมาจัดงานในไทย
เมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีสมาคมจากฝั่งทวีปไกลจากอเมริกาเหนือ สมาชิกมีกว่า 6,500 สมาคม ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับการค้าเป็นส่วนใหญ่ ทาง TCEB ได้ร่วมกับเอกชนไทยโดยเฉพาะผู้ประกอบการโรงแรม
ถ้าจะพูดไปแล้วความพร้อมทางเอเชียแล้วได้รับความสนใจจากตลาดอเมริกานำโด่งมากกว่ายุโรปซึ่งอเมริกานิยมไปลดลงมาก แต่หันมาทางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างไทยมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ไทยติดประเทศกลุ่มอาเซียนยอดนิยมครองใจตลาดจัดประชุมนานาชาติอันดับที่ 24 ของโลก ซึ่งทั่วโลกให้ความสนใจและตอบรับจากผู้นำกว่า 40 องค์กร (คน) เพื่อนำไปโน้มน้าวสมาชิกเลือกไทย โดยได้ติดต่อเข้ามาแล้ว 4-5 สมาคม พร้อมจะมาจัดงานในไทย
สำหรับตลาดไมซ์ยุโรป UIA : UNION OF INTERNATIONAL ASSOCIATION ซึ่งมีเครือข่ายขนาดใหญ่มีสมาชิกกว่า 69,000 ราย ทาง TCEB กำลังจะจัดงาน UIA ASSOCIATION ROUNDTABLE ASIA PACIFIC ระหว่างวันที่ 21-22 กันยายน 2560 ณ โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ มีผู้ร่วมงานถึง 100 คน จากภูมิภาคเอเชีย 22 ประเทศ แล้วจะเลือกจัดงานนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อ 2 ปีก่อนเคยจัดที่กรุงเทพฯ จึงต้องการกระจายไปยังจังหวัดตามเมืองไมซ์ เชียงใหม่ หรือตอนเกาหลีมาก็พาไปขอนแก่น
ลักษณะของ UIA เนื่องจากเป็นสมาคมที่มีขนาดใหญ่มากจริง ๆ มีบทบาทในการบริหารจัดการสมาคมจึงต้องเดินทางหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด วัตถุประสงค์ของงานเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับเชียงใหม่มีการเปลี่ยนแปลง พัฒนาพื้นที่ และพาชมศูนย์ประชุมเชียงใหม่ และสถานที่รองรับ พร้อมกับให้สัมผัสเสน่ห์ล้านนา จึงนับได้ว่าการจัดงานครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเชียงใหม่และประเทศไทย
ความต้องการจากตลาดยุโรปต้องการเห็นความพิเศษที่เหนือกว่าอาเซียนประเทศอื่น ๆ คือ วัฒนธรรม ส่วนเรื่องที่ได้รับการร้องขอคือ “โลจิสติกส์” ซึ่งเป็นงานหนักพอสมควรที่จะต้องช่วยกันพัฒนาอย่างเร่งด่วน เพราะทางผู้บริหารที่เข้ามาสำรวจแนะนำถึงปัญหาทางโลจิสติกส์ที่เชียงใหม่ยังคงใช้รถขนส่งทางบก จึงถูกตั้งคำถามจากนานาชาติพอสมควร แต่ตอนนี้ทางเชียงใหม่ก็พยายามพัฒนาระบบรางเพิ่มมากขึ้นตามความต้องการของสากล
โดยภาพรวมขณะนี้ตลาดไมซ์ในส่วน CONVENTION เติบโตดีขึ้นตามลำดับ ได้รับการอุดหนุนจาก เกาหลี ยุโรป อเมริกาเหนือ ส่วนตลาดอินเซ็นทีฟที่รับกันไม่หวาดไหวคือจีน โดยเฉพาะการเดินทางมาประชุมเชิงบริการการแพทย์องค์รวมด้วย ขณะที่อินเดีย จากเมืองบังกาลอร์ ทางคอนเว็นชั่นจัดงานซอฟท์แวร์มีจำนวนมากและเติบโตในทางที่ดี
อัตราการเติบโตของการใช้จ่ายเงินของกลุ่มไมซ์ ยังคงใกล้เคียงกันกับทุกปีเฉลี่ย 80,000 บาท/คน/ทริป และพำนักอยู่ในไทย 3-5 วัน ตามสถิติปี 2559 เปรียบเทียบกับปี 2560 แล้วใกล้เคียงกัน แต่ก็มีสิ่งที่น่าสนใจทาง TCEB ลงทุนทำวิจัยเก็บสถิติแบบใหม่ซึ่งจะสรุปอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมนี้ถึงบทบาทของไมซ์ที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศทั้งหมด
นายจิรุตถ์กล่าวถึงการวางกลยุทธ์เชื่อมโยงไมซ์เข้ากับการส่งเสริมชุมชน ในวันที่ 19 กันยายน 2560 จะมีรายละเอียดทางด้าน CSR การจัดทำโครงการใหญ่ “ก้าวตามรอยพ่อ ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ โดยน้อมนำโครงการพระราชดำริโดยนำ TCEB เป็นหัวหอกนำแนวทางของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มาเสนอต่อสังคมเพื่อร่วมมือกันเข้าไปดูแลชุมชนให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
เนื่องจาก TCEB ทำงานร่วมกับมูลนิธิปิดทองหลังพระ นำโครงการพระราชดำริมาเสนอในรูปแบบคืนประโยชน์สู่สังคมหรือ CSR ต่อเนื่องมาแล้ว 7 ปี สำหรับปี 2560 จะเน้นการสร้างประสบการณ์จริง เพื่อให้เกิดพลังความร่วมมือทำให้ชุมชนได้รับประโยชน์จากไมซ์โดยตรงด้วยเช่นกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ชูWIPE OUTลด90%รับตั๋วฟรีญี่ปุ่น-ฮ่องกง
กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ จัดแคมเปญระหว่างวันนี้-30 กันยายน 2560
ต้อนรับปลายปี WIPE-OUT BRAND NAME SALE ลดถึง 90 % ให้สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ และพาสปอร์ตไทย
รับทันที GIFT VOUCHER 3,000 บาทเพียงช็อปครบทุก 10,000 บาท และรับเพิ่มพิเศษเมื่อช้อประหว่าง 15-17 กันยายน 2560 ลุ้นตั๋วเครื่องบินไป–กลับ ญี่ปุ่น 5 รางวัล และตั๋วเครื่องบินไป–กลับ ฮ่องกง 10 รางวัล เพียงช็อปครบทุก 5,000 บาท (สุทธิ) วันนี้ – 30 กันยายน 2560
สำหรับ Gift Voucher สามารถใช้ได้ที่ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี Pop-up store รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต
โดยมีกติกาง่าย ๆ ยอดซื้อที่จะนำมาแลกรับ Gift Voucher 3,000 บาท หมดอายุวันที่ 5 ตุลาคม 2560 ไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ รายการส่งเสริมการขายช็อป 10,000 ลุ้น 10,000 รวมถึงสิทธิ์ Birthday Celebration ส่วนลดอื่นๆ ยอดเงินในบัตรสมาชิก, E- Cash, Cash Card, Gift Card, Gift Voucher, Cash Voucher ทุกประเภท ยกเว้น ยอดเงินในบัตรสมาชิก ที่ได้รับจากการสมัครสมาชิกสามารถร่วมรายการ ส่วนบัตรสมาชิกประเภท Co-Brand ไม่สามารถร่วมรายการ Gift Voucher 30%
สมาชิกที่ได้รับของรางวัลตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ญี่ปุ่น หรือฮ่องกง ไม่รวมค่าภาษีสนามบิน ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าธรรมเนียมบริการอื่นๆขึ้นอยู่กับประเทศที่เดินทาง และจะต้องชำระค่าภาษี หัก ณ ที่จ่าย 5% ของมูลค่าของรางวัล
สอบถามได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631หรือดูได้ที่ www.kingpower.com
ข่าวที่ 2ททท.ซิดนีย์เฮจัดประชุมนักเขียนออสซี่บูมไทยปี61
นางรุจิรัศมิ์ ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานซิดนีย์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับการลงมติให้เป็นสถานที่จัดการประชุมสามัญประจำปีของสมาคมนักเขียนด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศออสเตรเลีย ประจำปี 2561 Australian society of Travel Writers (ASTW) Annaul General Meeting 2018 ซึ่งจะจัดประชุมสามัญประจำปี 2561 ระหว่างวันที่ 16-19 สิงหาคม 2561 ที่กรุงเทพฯ คาดจะมีสมาชิกเดินทางเข้ามาประเทศไทยกว่า 200 คน ต้อนรับปี Amazing Thailand Tourism Year 2018 พ.ศ.2561 ที่สมาชิกสมาคมนักเขียนด้านท่องเที่ยวแห่งออสเตรเลียจะมาจัดประชุมในไทย ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และโปรโมตการท่องเที่ยวของไทยเพิ่มมากขึ้นด้วย
ททท.ซิดนีย์ได้จัดทำเส้นทางทัศนศึกษาแก่นักเขียนชาวออสเตรเลียไว้ 11 เส้นทาง อาทิ 1.ท่องเที่ยววิถีไทย Local experience เช่น สกีโคลน ป่าชายเลน สมุทรสงคราม 2. Eco tour บ้านแม่กำปอง
จังหวัดเชียงใหม่ 3.เรือเฟอรี่ หัวหิน-พัทยา หมู่บ้านเกาะกลาง จังหวัดกระบี่ และเส้นทางท่องเที่ยวอื่นๆ เช่นแพร่ น่าน สุรินทร์ บุรีรัมย์
สำหรับสถานการณ์ตลาดท่องเที่ยวในภูมิภาคโอชีเนียเดินทางเข้าไทยปี 2560 เติบดีดีกว่าปีที่ผ่านมา สถิติ 7 เดือนแรกปีนี้ ระหว่างมกราคม – กรกฎาคม 2560 สร้างรายได้รวมกว่า 41,000 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวรวม 500,000 คน ประกอบด้วย นักท่องเที่ยวออสเตรเลีย 471,740 คน เพิ่มขึ้น 3.27% สร้างรายได้ 37,247.88 ล้านบาท และนิวซีแลนด์ 66,652 คน เพิ่มขึ้น 6.70% สร้างรายได้ 4,386.98 ล้านบาท
ข่าวที่ 3 “บางจากQ3สดใสเร่งขยาย4ธุรกิจ”
บางจากเผยไตรมาส 3 อนาคตธุรกิจสดใส ภายในปี’60 เร่งเดินหน้า 4 ธุรกิจ “เพิ่มปั๊มน้ำมัน-ขยายร้านกาแฟอินทนิล 500 สาขา-เพิ่มกำลังการกลั่น-ดันบีพีซีจีเข้าตลาด”
นายสุรชัย โฆษิตเสรีวงค์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บัญชีและการเงิน บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตร มาส 3 คาดสูงกว่าไตรมาส 2 ที่ทำได้ 40,200 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 992.57 ล้านบาท หลังจากค่าการกลั่น (market GRM) อยู่ระดับสูง คาดอยู่ที่ 7.5 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ (Harvey) ทำให้มีโรงกลั่นหลายแห่งในสหรัฐหยุดผลิต รวมถึงการหยุดซ่อมโรงกลั่นที่อินเดีย อีกทั้งราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่เฉลี่ยประมาณ 50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม บมจ.บาจากฯ อยู่ระหว่างทำแผนการเปิดสถานีบริการ น้ำมันในประเทศเพื่อนบ้าน คาดจะเริ่มเปิดได้ปี 2561 ซึ่งปีนี้มีแผนเปิดสถานีน้ำมันเพิ่มอีก 80 สาขา และจะปิดสาขาเดิมจากเจ้าของที่ดินไม่ต่อสัญญา ส่งผลให้ปีนี้จะมีสาขาเพิ่ม 40 สาขา จากสิ้นปี 2559 มีอยู่1,075 แห่ง
ส่วนแผนเปิดร้านกาแฟอินทนิลเพิ่ม ปี 2560 ตั้งเป้าไว้ 500 สาขา จากครึ่งปีแรกทำได้ถึง 404 สาขา จากนั้นอีก 4 ปีหน้าภายในปี 2564 จะเพิ่มเป็น 900 สาขา
ขณะเดียวกันก็มีแผนเพิ่มประสิทธิภาพโรงกลั่นและเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 133,000 บาร์ เรลต่อวัน จากปีนี้ที่ 111,000 บาร์เรลต่อวัน โดยอยู่ระหว่างการ เปิดให้ผู้รับเหมาประมูลราคา คาดจะก่อสร้างเสร็จในปี 2563 และภายในปี 2560 จะทบทวนแผนงาน 5 ปี ให้แล้วเสร็จด้วย
ขณะเดียวกัน อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างของบริษัท บีบี พี โฮดดิ้ง จำกัด คาดเสร็จในปีนี้ และมีแผนจะนำเข้าตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในปี 2561
ข่าวที่ 4 “สมุทรปราการโหมเสริมภาพลักษณ์ท่องเที่ยวปี’60”
องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ รายงานว่าโหมจัดทำโครงการเสริมสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรปราการ ไฮไลต์ปลายปีนี้ 2 แห่ง คือ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ “คลองลัดโพธิ์” และ “โครงการลูกพระดาบส”
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ “คลองลัดโพธิ์” เป็นสถาปัตยกรรมทรงคุณค่าสามารถช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑล สามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วจากการร่นเส้นทางน้ำจากระยะทางเดิมต้องผ่าน ตำบลบางกะเจ้า อำเภอพระประแดง ซึ่งมีคุ้งน้ำยาวถึง 18 กิโลเมตร ให้เหลือเพียง 600 เมตร อีกทั้งทางคณะวิศวกรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยังได้ติดตั้งกังหันเพื่อทดน้ำผลิตกระแสไฟฟ้าผ่านประตูระบายน้ำที่มีอยู่ได้ด้วย
ภายในพื้นที่โครงการยังได้จัดทำสวนสุขภาพคลองลัดโพธิ์ และ อาคารพิพิธภัณฑ์ แบ่งโซนจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชม โซนแรก โครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช รัชกาลที่ 9 โซนที่สอง ประวัติและประเพณีวัฒนธรรมของชาวมอญ โซนที่สาม เรื่องเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ข้อมูลสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยากรุงเทพฯ และปริมณฑล
ขณะที่ “โครงการลูกพระดาบส” เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีทางวิชาชีพแก่ประชาชนหลากหลายด้านตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช รัชกาลที่ 9 โดดเด่นทางด้านการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรสอดแทรกหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การเลี้ยงไก่ และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนโดยรอบ
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสมุทรปราการ บริเวณใกล้เคียง ก็ยังมี ชุมชนวัดมอญโบราณ สวนป่าชุมชน เส้นทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่สามารถปั่นจักรยานได้ สวนศรีนครเขื่อนขันธุ์ และตลาดพื้นบ้าน “บางน้ำผึ้ง” ซึ่งได้รับนิยมจากนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้าไปเลือกชิมอาหารท้องถิ่นกันอย่างคึกคักในช่วงวันหยุดทุกสุดสัปดาห์
ช่วงที่ 2 ร่วมสร้างประสบการณ์ความสุขที่ได้ออกไปทำกิจกรรมดี ๆ ในโครงการ “@โครงการฟาร์มตัวอย่างตามแนวพระราชดำริ บ้านยางกลางและศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง จ.อ่างทอง แล้วมาดูว่าพืชผัก 8 อย่างกินแล้วช่วยบำรุงให้ตับแข็งแรงสุขภาพ และข่าว EEC อ้าแขนรับการลงทุนท่องเที่ยว ไทยสไมล์จัดโปรโมชั่นต้อนรับเที่ยวบินใหม่ กรุงเทพฯ-เกาสง (ไต้หวัน) รมว.กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ชูธงดูดตลาดจีนปีหน้า
@โครงการฟาร์มตัวอย่างตามแนวพระราชดำริ
“บ้านยางกลางและศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง” จ.อ่างทอง
ในภาคกลางหลายพื้นที่มี “โครงการฟาร์มตัวอย่างตามแนวพระราชดำริ” ที่ควรค่าจะไปศึกษาเรียนรู้หลายแห่ง อยู่ใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ต้องที่ “บ้านยางกลางและศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง” ตั้งอยู่หมู่ 3 บ้านยางกลาง ตำบลสีบัวทอง อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง หน่วยงานภาครัฐและเอกชนพาทีมงานไปชมเป็นประจำ
สืบเนื่องจากอ่างทองถูกน้ำท่วมเกือบทั้งจังหวัด ทำให้ประชาชนเดือดร้อนลำบาก พื้นที่ทำกินเสียหาย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานกระแสรับสั่งให้จัดหาพื้นที่และดำเนินการทำฟาร์มตัวอย่างให้เกษตรกรได้พักอาศัยขณะน้ำท่วม ที่ตำบลโพธิ์สระ ในพื้นที่ 36 ไร่
ต่อมาทรงมีพระราชดำริให้เพิ่มพื้นที่ขึ้นอีก จึงได้คดเลือกที่ราชพัสดุ หมู่ 3 บ้านยางกลาง ตำบลสีบัวทอง อำเภอแสวงหา ประมาณ 1,053 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นฟาร์มตัวอย่างภาคกลาง เพื่อสร้างแหล่งผลิตอาหารปลอดภัยครบวงจร ราคาถูก เป็นทั้งแหล่งพันธุกรรมพืช ประมง ปศุสัตว์ แหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ธนาคารข้าว ธนาคารอาหารชุมชน สถานที่ฝึกอาชีพให้แก่ชาวบ้านได้เรียนรู้เรื่องการทำเกษตรแบบครบวงจร และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงการเกษตร ได้ด้วย
รวมถึงจัดตั้งเป็น “ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง” เพื่อส่งเสริมงานหัตถกรรมในพื้นที่เดียวกัน
ภายในโครงการฟาร์มตัวอย่างตามแนวพระราชดำริ บ้านยางกลาง สีบัวทอง” ไฮไลต์ที่ต้องแวะเยี่ยมชมคือ สุกรพันธุ์จีนหัว (Jinhua) มีลำตัวสีขาว ส่วนตรงหัวและสะโพกเป็นสีดำ นิยมใช้เนื้อส่วนสะโพกมาทำเป็นแฮม ภายใต้ชื่อยอดนิยมติดตลาดโลกว่า Jinhua Ham ว่ากันว่ารสชาติอร่อย สีสวย มีถิ่นกำเนิดอยู่ในมณฑลเจื้อเจียง ซึ่งทางสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้น้อมเกล้าฯ ถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2542 ทางโครงกาฯ จึงได้ทำการขยายพันธุ์กระทั่งปัจจุบันนี้มีสุกรจำหน่ายแล้ว
สิ่งที่เข้าไปร่วมทำ “กิจกรรม” ในโครงการฯ เพื่อ “การศึกษาดูงาน” ได้ก็มี ฟังบรรยายสรุปสถานที่ฝึกอาชีพให้แก่ราษฎรทางด้านการเกษตรครบวงจร เข้าไปเรียนรู้การทำปุ๋ย แปลงปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก เดินชมแปลงปลูกผักปลอดสารพิษ แปลงไม้ผล โรงเรือนเพาะเห็ด เรียนรู้การเลี้ยงแพะ เลี้ยงสุกร ดูการเลี้ยงไหมปลูกหม่อน การปลูกข้าว โรงสีข้าว
ชมการทำงานในศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง แบ่งเป็น 4 แผนก ได้แก่ แผนกทอผ้า แผนกปักผ้า แผนกเซารามิก แผนกแกะสลักไม้
ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวก มีบริการรับจัดอาหารบริการผู้เข้าเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะ โดยใช้พืชผักที่ปลูกจากฟาร์มตามฤดูกาลเริ่มต้นที่คนละ 50 บาท
ผู้ที่สนใจจะเข้าเยี่ยมชม โครงการฟาร์มตัวอย่างตามแนวพระราชดำริ “บ้านยางกลางและศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง” โทร. 035-639-227, 086-146-5002, 089-609-1955 และ 084-579-8751
@เลือกของกิน 8 อย่างสร้างตับแข็งแรง
ทุกวันนี้โลกของเราเต็มไปด้วยสารพิษต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในน้ำ ดิน อากาศ หรือแม้แต่ในอาหารที่เรารับประทานกันในแต่ละวัน ซึ่งการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน และพยายามบริโภคผัก 5 ส่วนและผลไม้อีก 2 ส่วนในแต่ละวันเป็นขั้นพื้นฐาน จะช่วยกำจัดสารพิษตกค้างในร่างกายของเราได้
ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.naturalhealthcareforyou.com แนะนำให้พยายามเปลี่ยนการรับประทานอาหารให้ถูกต้องอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อทำให้อวัยวะทั้งหมดทำงานได้อย่างเหมาะสมและเสริมสร้างสุขภาพที่ดีขึ้น
โดยมีอาหารอะไรบ้างที่ช่วยเสริมสร้างตับให้แข็งแรง?
1.ขิง มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับผักใบเขียวเข้ม และบีทรูท ที่ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์อย่างมากต่อตับ
2.มะนาว ช่วยทำความสะอาดตับ กระเพาะปัสสาวะ ระบบทางเดินอาหาร ปอดและไต
3.แครอท อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดการอักเสบ
4.กระเทียม ช่วยในเรื่องการทำความสะอาดเลือด และบรรเทาการทำงานของตับและไต
5.วอลนัท ช่วยในกระบวนการของการกำจัดสารพิษ
6. ทาร์รากอน (หญ้างู) ประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งทำหน้าที่บล็อกสารพิษ
7.ชาบีทรูท อุดมไปด้วยสารเคมีที่เรียกว่าเบทาอีน ซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ
8.ชาดอกแดนดิไล ทำความสะอาดเลือด และทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
นอกจากนี้การบริโภคส่วนผสมเหล่านี้แล้ว ต้องพยายามนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เข้า ห้องซาวน่า และดื่มน้ำกรองสดอาดให้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ปลุกการลงทุนEEC1.5ล้านล้านพ่วงขายท่องเที่ยว”
ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า หลังจากนำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและนักลงทุนญี่ปุ่นกว่า 300 ราย ส่องทำเลการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Coridor :EEC) ตามที่รัฐบาลไทยได้ไฮไลต์แผนพัฒนาเครือข่ายโลจิสติกส์ ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศไว้รองรับ 5 เมกะโปรเจ็กต์ และเน้นการทำใหเป็นเมือง 10 อุตสาหกรรมดาวรุ่ง รวมถึงจะยังส่งผลไปถึงที่จะช่วยสร้างการท่องเที่ยวให้เติบโตเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
จากการกำหนดลักษณะของ 3 เมืองที่มีการวางแผนอย่างสมบูรณ์แล้วคือ ฉะเชิงเทราเป็นเมือง Thai Way of Life ชลบุรี เป็นเมือง Modern of The East และ ระยอง เป็นเมือง Biz City เชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายโลจิสติกส์ซึ่งอยู่ระหว่างขยายการก่อสร้างทั้งสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา รถไฟความเร็วสูง และ 3 ท่าเรือใหม่
ดร.อุตมะย้ำว่าได้ประเมินงบการลงทุนรวมทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนภายในระยะเวลา 5 ปีแรก โครงการต่างๆ ที่จะถูกพัฒนาขึ้นมานั้นน่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท
สำหรับแผนพัฒนาการลงทุนของรัฐบาลไทย 5 เมกะโปรเจ็กต์มีดังนี้
1.การก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารเป็น 15 ล้านคนในระยะ 5 ปี ซึ่งเฟสแรกอาจพัฒนาเป็นแอร์พอร์ตซิตี้ มีอาคารผู้โดยสาร รันเวย์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบิน เช่น อุตสาหกรรมการซ่อมอากาศยาน ส่วนเฟสที่ 2 มีเป้าหมายในการพัฒนาให้เป็นมหานครการบินที่รองรับจำนวนผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนในอีก 10 ปี และ 60 ล้านคนในอีก 15 ปี โดยสนามบินนี้จะใช้ประโยชน์ได้ทั้งทางคมนาคม โลจิสติกส์ ผนวกเข้ากับการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์
2.การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นแผนงานที่รองรับโครงการพัฒนาด้านโลจิสติกส์เพื่อให้เกิดการเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงที่ไร้รอยต่อ สามารถรองรับความต้องการการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้น
3.การพัฒนาท่าเรือ 3 ท่าเรือ (แหลมฉบัง-สัตหีบ-มาบตาพุด) โดยการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะ 3 เพื่อให้เกิดศักยภาพในการรองรับการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น อาทิ การส่งออกรถยนต์ 3 ล้านคัน/ รองรับเรือขนส่งขนาดความจุ 1.6 แสนตัน ขณะที่ท่าเรือมาบตาพุดระยะ 3 จะพัฒนาเพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของสาธารณูปโภคหลักในการรองรับการขนส่งสินค้าเหลว ก๊าซธรรมชาติ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และท่าเรือสัตหีบ จะปรับปรุงให้สามารถรองรับด้านการท่องเที่ยวเรือขนาดใหญ่ที่จะเชื่อมโยงเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไว้ด้วยกัน
4.โครงการดึงดูด 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งจะใช้การเชื่อมโยง แลกเปลี่ยน และถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงกับประเทศชั้นนำต่างๆ และจัดตั้งโซนพื้นที่สำหรับอุตสาหกรรม S – Curve เข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังคาดหวังอานิสงส์ที่ญี่ปุ่นอาจลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในไทยมาก่อน โดยในระยะเวลา 5 ปีแรกคาดการณ์ไว้ว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 14 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 5 แสนล้านบาท โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต การบิน หุ่นยนต์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การแพทย์ครบวงจร และปิโตรเคมีและเคมีชีวภาพ
5.การพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco-Cities) โดยจะพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนด้วยการจัดระบบอนุรักษ์ ฟื้นฟูและป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติไม่ให้กระทบกับประชาชน ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้กำหนดแนวความคิด Smart ที่จะนำมาปรับใช้ในการพัฒนาเมือง 3 รูปแบบ คือ
Smart City (เมืองอัจฉริยะ) ซึ่งจะเป็นเมืองที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวกขึ้น Smart Growth โดยออกแบบให้เป็นเมืองกระชับ มีการใช้ประโยชน์ที่ดินแบบผสมผสานและประชากรสามารถเดินและใช้จักรยานได้ และ Low Carbon Society (LCS) หรือสังคมที่ร่วมมือกันลดการปล่อยก๊าซาร์บอนไดออกไซด์จากชีวิตประจำวันและอุตสาหกรรม
ข่าวที่ 2 “ไทยสมายล์จัดโปรตั๋วกรุงเทพฯ-เกาสงถึง30ต.ค.60”
สายการบินไทยสมายล์ รายงานว่า ล่าสุดได้เปิดเส้นทางบินใหม่แบบประจำทุกวันด้วยบริการเต็มรูปแบบ บินตรง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เกาสง ราคาเริ่มต้นที่ 4,680 บาท/เที่ยว (รวมทุกอย่างแล้ว) ระหว่างวันนี้ – 31 ตุลาคม 2560 ซื้อแล้วนำตั๋วไปใช้เดินทางได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2560
สำหรับเกาสงเป็นเมืองท่าและศูนย์กลางธุรกิจทางภาคใต้และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของไต้หวัน หนึ่งใน Exotic Getaway แห่งเอเชีย รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมเป็นเอกลักษณ์ นักท่องเที่ยวสามารถไปสักการะพระศากยมุนีที่พุทธอุทยาน โฝ กวง ซาน ขึ้นไปชมตึกที่สูงเป็นอันดับ 2 ของไต้หวันที่ Kaohsiung 85 Building พร้อมตื่นตาตื่นใจกับ Dome of Light ประติมากรรมกระจกที่สวยงามอันดับต้นๆ ของโลก
และช้อปปิ้งของฝาก ลิ้มรสอาหารทะเลท้องถิ่นที่ลั่วเหอ มาร์เก็ต ตลาดคนเดินกลางคืนชื่อดังในเกาสง
ข่าวที่สาม “กอบกาญจน์ใช้เวทีUNWTOดึงจีนมาไทยปี61”
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เดินทางไปร่วมการประชุม UNWTO General Assembly ครั้งที่ 22 ณ นครเฉิงตู มณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อประกาศความพร้อมของไทยที่จะจัด"ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน" Amazing Thailand Tourism Years 2018 และได้ใช้เวที Ministerial Panel Debate ที่มีประเทศสมาชิกเข้าร่วมกว่า 145 ประเทศมาแลกเปลี่ยนข้อมูลบทบาทของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามแรงขับเคลื่อนของ UNWTO Sustainable Development Goals (SDGs)
ขณะเดียวกันก็มุ่งกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเมืองไทยซ้ำ ในเส้นทางเมืองหลัก เมืองรอง และขยายไปยังแหล่งท่องเที่ยวชุมชนด้านการเกษตรทัวร์สวนผลไม้ภาคตะวันออก ซึ่งได้รับความนิยมจากตลาดจีนสูงขึ้นทุกปี
ระหว่างการประชุมดังกล่าวมีรายงานแนวโน้มปี 2560 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางต่างประเทศมากถึง 127 ล้านคน เติบโตเพิ่ม 4 % ส่วนไทยมีส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวจีนระหว่าง1 มกราคม - 12 กันยายน 2560 จำนวน 6.9 ล้านคน จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 24.56 ล้านคน สร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ประเทศไทยได้โหมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports tourism) เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกโมโตจีพี รายการ ไทยแลนด์ กรังปรีซ์ 2561 – 2563 ต่อเนื่อง 3 ปี ที่ จังหวัดบุรีรัมย์ การเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก อาทิ การท่องเที่ยวอาเซียน (ASEAN Tourism Forum 2018) ช่วงเดือนมกราคม 2561 ณ จังหวัดเชียงใหม่ และการเป็นเจ้าภาพ UNWTO World Forum on Gastronomy Tourism ครั้งที่ 4 ช่วงเดือนพฤษภาคม 2561 ณ กรุงเทพมหานคร เมืองแห่งอาหารริมทาง (Street food) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
TCEBโกยตลาดเอเชีย-ยุโรป-อเมริกามาเพียบ
ดิวตี้ฟรีจัดWIPEOUTลด90%บินฟรีญี่ปุ่น/ฮ่องกง
ททท.ดึงสมาคมนักเขียนออสซี่เฮมาไทยปี’61
บางจากQ3สดใสลุยขยายแนวรุก4ธุรกิจปีหน้า
อบจ.สมุทรปราการบูมภาพลักษณ์ท่องเที่ยว
ชวนทำกิจกรรมในฟาร์มตัวอย่างฯสีบัวทอง
EECลุ้นทุนข้ามชาติ1.5ล้านล้านดันอุตฯทัวร์พุ่ง
ไทยสไมล์ชูโปรตั๋วกรุงเทพฯ-เกาสุง4.5พันบาท
สวัสดีวันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 คุณจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB ให้สัมภาษณ์ในรายการถึงภารกิจใหญ่ต้อนรับปีงบประมาณ 2561 กำลังรุกทุ่มทำตลาดไมซ์นานาชาตินำเงินเข้ามาการจัดประชุมระดับสากลโลกหรือ CONVENTION ในประเทศไทย ซึ่งได้รับการลงทุนสร้างศูนย์ประชุมเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่งตามจังหวัดยอดนิยมอย่าง ขอนแก่น พัทยา (ชลบุรี) พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งตะวันออก (Eastern Economic Coridor : EEC)
 |
| จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ TCEB |
ประเทศไทยมีสัญญาณดีจากกระแสการตอบรับ “ตลาดคอนเว็นชั่น” หลั่งไหลเข้าสู่เมืองไทย 21-22 กันยายน นี้ เตรียมเปิดเมืองเชียงใหม่ต้อนรับ UIA ที่มีเครือข่ายสมาชิกทั่วยุโรปกว่า 69,000 สมาคม จากนั้นองค์กรขาใหญ่อเมริกาเหนือหันหัวเรือมาไทยเช่นเดียวกับสมาคมประกันชีวิตยักษ์ใหญ่ของโลกไต้หวันและจีนก็เลือกไทยแล้วเพื่อจัดงานปี 2562 จะแห่กันมากว่า 8,000 คน
คุณจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับข่าวดีจากการนำคณะไปร่วมงานการประชุมสมาคมประกันชีวิตไต้หวันที่มีสมาชิกชาวจีนทั่วโลก 15 ประเทศ ทางทีเส็บได้รับความไว้วางใจจากสมาคมให้รับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งต่อไปในไทยปี 2562 โดยจะมีผู้เดินทางมาประชุมพร้อมกันถึง 8,000 คน โดยใช้โปรแกรม CONVINCE PARADISE ของ TCEB เข้าไปสนับสนุนการนำงานมาจัดในประเทศไทย ขณะนี้สมาชิกได้ลงทะเบียนเพื่อเดินทางมาประชุมแล้วกว่า 3,000 คน แล้วในอีก 2 ปีข้างหน้า จะพร้อมใจกันเดินทางไทย
โดยกำหนดการประชุมอย่างต่ำ 5 วัน ซึ่งมีโปรแกรมทั้งการจัดประชุมและกิจกรรมเกี่ยวเนื่อง จึงอาจจะให้เดินทางไปใช้ศูนย์ประชุมเชียงใหม่ เนื่องจากทางสมาชิกสมาคมต้องการจะทำกิจกรรมอนุรักษ์ช้างไทยควบคู่กันไปด้วย
สำหรับการได้งานขนาด 8,000 คนเข้ามาจัดในประเทศไทยนั้น ผมนำทีมไปเพียง 3 คน โดยปี 2559 มีโอกาสประกาศเปิดตัวที่เมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ไว้บ้างแล้ว จากนั้นปี 2560 ก็ได้ไปร่วมงานกับทางสมาคมประกันชีวิตไต้หวันอีกครั้ง พร้อมกับได้รับความไว้วางใจเลือกมาจัดในไทยปี 2562
แนวทางการบุกเชิงรุกของ TCEB จะโหมทำ CONVENTION โดยจะทำโร้ดโชว์ เทรดโชว์ ในต่างประเทศ ได้เน้นระดมกลุ่มผู้จัดงานจากตลาดภูมิภาคต่าง ๆ อย่างเอเชียเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา จัดทำแฟรมทริปกลุ่มแรก KOREA SOCIETY of ASSOCIATION EXECLUSIVES : KASE จากสาธารณรัฐเกาหลี กลุ่มผู้บริหารสมาคมต่าง ๆ ที่สนใจจะเข้ามาจัดประชุม โดยได้พาไปดูศักยภาพของเชียงใหม่ โดยมีสมาคมมวยสากลเกาหลี สมาคมด้านการค้ารวม 12 ราย ขณะนี้มี 3-4 สมาคมแสดงความสนจะมาจัดงานในไทย
เมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีสมาคมจากฝั่งทวีปไกลจากอเมริกาเหนือ สมาชิกมีกว่า 6,500 สมาคม ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับการค้าเป็นส่วนใหญ่ ทาง TCEB ได้ร่วมกับเอกชนไทยโดยเฉพาะผู้ประกอบการโรงแรม
ถ้าจะพูดไปแล้วความพร้อมทางเอเชียแล้วได้รับความสนใจจากตลาดอเมริกานำโด่งมากกว่ายุโรปซึ่งอเมริกานิยมไปลดลงมาก แต่หันมาทางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างไทยมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ไทยติดประเทศกลุ่มอาเซียนยอดนิยมครองใจตลาดจัดประชุมนานาชาติอันดับที่ 24 ของโลก ซึ่งทั่วโลกให้ความสนใจและตอบรับจากผู้นำกว่า 40 องค์กร (คน) เพื่อนำไปโน้มน้าวสมาชิกเลือกไทย โดยได้ติดต่อเข้ามาแล้ว 4-5 สมาคม พร้อมจะมาจัดงานในไทย
สำหรับตลาดไมซ์ยุโรป UIA : UNION OF INTERNATIONAL ASSOCIATION ซึ่งมีเครือข่ายขนาดใหญ่มีสมาชิกกว่า 69,000 ราย ทาง TCEB กำลังจะจัดงาน UIA ASSOCIATION ROUNDTABLE ASIA PACIFIC ระหว่างวันที่ 21-22 กันยายน 2560 ณ โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ มีผู้ร่วมงานถึง 100 คน จากภูมิภาคเอเชีย 22 ประเทศ แล้วจะเลือกจัดงานนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อ 2 ปีก่อนเคยจัดที่กรุงเทพฯ จึงต้องการกระจายไปยังจังหวัดตามเมืองไมซ์ เชียงใหม่ หรือตอนเกาหลีมาก็พาไปขอนแก่น
ลักษณะของ UIA เนื่องจากเป็นสมาคมที่มีขนาดใหญ่มากจริง ๆ มีบทบาทในการบริหารจัดการสมาคมจึงต้องเดินทางหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด วัตถุประสงค์ของงานเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับเชียงใหม่มีการเปลี่ยนแปลง พัฒนาพื้นที่ และพาชมศูนย์ประชุมเชียงใหม่ และสถานที่รองรับ พร้อมกับให้สัมผัสเสน่ห์ล้านนา จึงนับได้ว่าการจัดงานครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเชียงใหม่และประเทศไทย
ความต้องการจากตลาดยุโรปต้องการเห็นความพิเศษที่เหนือกว่าอาเซียนประเทศอื่น ๆ คือ วัฒนธรรม ส่วนเรื่องที่ได้รับการร้องขอคือ “โลจิสติกส์” ซึ่งเป็นงานหนักพอสมควรที่จะต้องช่วยกันพัฒนาอย่างเร่งด่วน เพราะทางผู้บริหารที่เข้ามาสำรวจแนะนำถึงปัญหาทางโลจิสติกส์ที่เชียงใหม่ยังคงใช้รถขนส่งทางบก จึงถูกตั้งคำถามจากนานาชาติพอสมควร แต่ตอนนี้ทางเชียงใหม่ก็พยายามพัฒนาระบบรางเพิ่มมากขึ้นตามความต้องการของสากล
โดยภาพรวมขณะนี้ตลาดไมซ์ในส่วน CONVENTION เติบโตดีขึ้นตามลำดับ ได้รับการอุดหนุนจาก เกาหลี ยุโรป อเมริกาเหนือ ส่วนตลาดอินเซ็นทีฟที่รับกันไม่หวาดไหวคือจีน โดยเฉพาะการเดินทางมาประชุมเชิงบริการการแพทย์องค์รวมด้วย ขณะที่อินเดีย จากเมืองบังกาลอร์ ทางคอนเว็นชั่นจัดงานซอฟท์แวร์มีจำนวนมากและเติบโตในทางที่ดี
อัตราการเติบโตของการใช้จ่ายเงินของกลุ่มไมซ์ ยังคงใกล้เคียงกันกับทุกปีเฉลี่ย 80,000 บาท/คน/ทริป และพำนักอยู่ในไทย 3-5 วัน ตามสถิติปี 2559 เปรียบเทียบกับปี 2560 แล้วใกล้เคียงกัน แต่ก็มีสิ่งที่น่าสนใจทาง TCEB ลงทุนทำวิจัยเก็บสถิติแบบใหม่ซึ่งจะสรุปอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมนี้ถึงบทบาทของไมซ์ที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศทั้งหมด
นายจิรุตถ์กล่าวถึงการวางกลยุทธ์เชื่อมโยงไมซ์เข้ากับการส่งเสริมชุมชน ในวันที่ 19 กันยายน 2560 จะมีรายละเอียดทางด้าน CSR การจัดทำโครงการใหญ่ “ก้าวตามรอยพ่อ ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ โดยน้อมนำโครงการพระราชดำริโดยนำ TCEB เป็นหัวหอกนำแนวทางของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มาเสนอต่อสังคมเพื่อร่วมมือกันเข้าไปดูแลชุมชนให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
เนื่องจาก TCEB ทำงานร่วมกับมูลนิธิปิดทองหลังพระ นำโครงการพระราชดำริมาเสนอในรูปแบบคืนประโยชน์สู่สังคมหรือ CSR ต่อเนื่องมาแล้ว 7 ปี สำหรับปี 2560 จะเน้นการสร้างประสบการณ์จริง เพื่อให้เกิดพลังความร่วมมือทำให้ชุมชนได้รับประโยชน์จากไมซ์โดยตรงด้วยเช่นกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ชูWIPE OUTลด90%รับตั๋วฟรีญี่ปุ่น-ฮ่องกง
กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ จัดแคมเปญระหว่างวันนี้-30 กันยายน 2560
ต้อนรับปลายปี WIPE-OUT BRAND NAME SALE ลดถึง 90 % ให้สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ และพาสปอร์ตไทย
รับทันที GIFT VOUCHER 3,000 บาทเพียงช็อปครบทุก 10,000 บาท และรับเพิ่มพิเศษเมื่อช้อประหว่าง 15-17 กันยายน 2560 ลุ้นตั๋วเครื่องบินไป–กลับ ญี่ปุ่น 5 รางวัล และตั๋วเครื่องบินไป–กลับ ฮ่องกง 10 รางวัล เพียงช็อปครบทุก 5,000 บาท (สุทธิ) วันนี้ – 30 กันยายน 2560
สำหรับ Gift Voucher สามารถใช้ได้ที่ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี Pop-up store รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต
โดยมีกติกาง่าย ๆ ยอดซื้อที่จะนำมาแลกรับ Gift Voucher 3,000 บาท หมดอายุวันที่ 5 ตุลาคม 2560 ไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ รายการส่งเสริมการขายช็อป 10,000 ลุ้น 10,000 รวมถึงสิทธิ์ Birthday Celebration ส่วนลดอื่นๆ ยอดเงินในบัตรสมาชิก, E- Cash, Cash Card, Gift Card, Gift Voucher, Cash Voucher ทุกประเภท ยกเว้น ยอดเงินในบัตรสมาชิก ที่ได้รับจากการสมัครสมาชิกสามารถร่วมรายการ ส่วนบัตรสมาชิกประเภท Co-Brand ไม่สามารถร่วมรายการ Gift Voucher 30%
สมาชิกที่ได้รับของรางวัลตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ญี่ปุ่น หรือฮ่องกง ไม่รวมค่าภาษีสนามบิน ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าธรรมเนียมบริการอื่นๆขึ้นอยู่กับประเทศที่เดินทาง และจะต้องชำระค่าภาษี หัก ณ ที่จ่าย 5% ของมูลค่าของรางวัล
สอบถามได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631หรือดูได้ที่ www.kingpower.com
ข่าวที่ 2ททท.ซิดนีย์เฮจัดประชุมนักเขียนออสซี่บูมไทยปี61
นางรุจิรัศมิ์ ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานซิดนีย์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับการลงมติให้เป็นสถานที่จัดการประชุมสามัญประจำปีของสมาคมนักเขียนด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศออสเตรเลีย ประจำปี 2561 Australian society of Travel Writers (ASTW) Annaul General Meeting 2018 ซึ่งจะจัดประชุมสามัญประจำปี 2561 ระหว่างวันที่ 16-19 สิงหาคม 2561 ที่กรุงเทพฯ คาดจะมีสมาชิกเดินทางเข้ามาประเทศไทยกว่า 200 คน ต้อนรับปี Amazing Thailand Tourism Year 2018 พ.ศ.2561 ที่สมาชิกสมาคมนักเขียนด้านท่องเที่ยวแห่งออสเตรเลียจะมาจัดประชุมในไทย ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และโปรโมตการท่องเที่ยวของไทยเพิ่มมากขึ้นด้วย
ททท.ซิดนีย์ได้จัดทำเส้นทางทัศนศึกษาแก่นักเขียนชาวออสเตรเลียไว้ 11 เส้นทาง อาทิ 1.ท่องเที่ยววิถีไทย Local experience เช่น สกีโคลน ป่าชายเลน สมุทรสงคราม 2. Eco tour บ้านแม่กำปอง
จังหวัดเชียงใหม่ 3.เรือเฟอรี่ หัวหิน-พัทยา หมู่บ้านเกาะกลาง จังหวัดกระบี่ และเส้นทางท่องเที่ยวอื่นๆ เช่นแพร่ น่าน สุรินทร์ บุรีรัมย์
สำหรับสถานการณ์ตลาดท่องเที่ยวในภูมิภาคโอชีเนียเดินทางเข้าไทยปี 2560 เติบดีดีกว่าปีที่ผ่านมา สถิติ 7 เดือนแรกปีนี้ ระหว่างมกราคม – กรกฎาคม 2560 สร้างรายได้รวมกว่า 41,000 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวรวม 500,000 คน ประกอบด้วย นักท่องเที่ยวออสเตรเลีย 471,740 คน เพิ่มขึ้น 3.27% สร้างรายได้ 37,247.88 ล้านบาท และนิวซีแลนด์ 66,652 คน เพิ่มขึ้น 6.70% สร้างรายได้ 4,386.98 ล้านบาท
ข่าวที่ 3 “บางจากQ3สดใสเร่งขยาย4ธุรกิจ”
บางจากเผยไตรมาส 3 อนาคตธุรกิจสดใส ภายในปี’60 เร่งเดินหน้า 4 ธุรกิจ “เพิ่มปั๊มน้ำมัน-ขยายร้านกาแฟอินทนิล 500 สาขา-เพิ่มกำลังการกลั่น-ดันบีพีซีจีเข้าตลาด”
นายสุรชัย โฆษิตเสรีวงค์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บัญชีและการเงิน บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตร มาส 3 คาดสูงกว่าไตรมาส 2 ที่ทำได้ 40,200 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 992.57 ล้านบาท หลังจากค่าการกลั่น (market GRM) อยู่ระดับสูง คาดอยู่ที่ 7.5 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ (Harvey) ทำให้มีโรงกลั่นหลายแห่งในสหรัฐหยุดผลิต รวมถึงการหยุดซ่อมโรงกลั่นที่อินเดีย อีกทั้งราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่เฉลี่ยประมาณ 50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม บมจ.บาจากฯ อยู่ระหว่างทำแผนการเปิดสถานีบริการ น้ำมันในประเทศเพื่อนบ้าน คาดจะเริ่มเปิดได้ปี 2561 ซึ่งปีนี้มีแผนเปิดสถานีน้ำมันเพิ่มอีก 80 สาขา และจะปิดสาขาเดิมจากเจ้าของที่ดินไม่ต่อสัญญา ส่งผลให้ปีนี้จะมีสาขาเพิ่ม 40 สาขา จากสิ้นปี 2559 มีอยู่1,075 แห่ง
ส่วนแผนเปิดร้านกาแฟอินทนิลเพิ่ม ปี 2560 ตั้งเป้าไว้ 500 สาขา จากครึ่งปีแรกทำได้ถึง 404 สาขา จากนั้นอีก 4 ปีหน้าภายในปี 2564 จะเพิ่มเป็น 900 สาขา
ขณะเดียวกันก็มีแผนเพิ่มประสิทธิภาพโรงกลั่นและเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 133,000 บาร์ เรลต่อวัน จากปีนี้ที่ 111,000 บาร์เรลต่อวัน โดยอยู่ระหว่างการ เปิดให้ผู้รับเหมาประมูลราคา คาดจะก่อสร้างเสร็จในปี 2563 และภายในปี 2560 จะทบทวนแผนงาน 5 ปี ให้แล้วเสร็จด้วย
ขณะเดียวกัน อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างของบริษัท บีบี พี โฮดดิ้ง จำกัด คาดเสร็จในปีนี้ และมีแผนจะนำเข้าตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในปี 2561
ข่าวที่ 4 “สมุทรปราการโหมเสริมภาพลักษณ์ท่องเที่ยวปี’60”
องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ รายงานว่าโหมจัดทำโครงการเสริมสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรปราการ ไฮไลต์ปลายปีนี้ 2 แห่ง คือ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ “คลองลัดโพธิ์” และ “โครงการลูกพระดาบส”
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ “คลองลัดโพธิ์” เป็นสถาปัตยกรรมทรงคุณค่าสามารถช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑล สามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วจากการร่นเส้นทางน้ำจากระยะทางเดิมต้องผ่าน ตำบลบางกะเจ้า อำเภอพระประแดง ซึ่งมีคุ้งน้ำยาวถึง 18 กิโลเมตร ให้เหลือเพียง 600 เมตร อีกทั้งทางคณะวิศวกรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยังได้ติดตั้งกังหันเพื่อทดน้ำผลิตกระแสไฟฟ้าผ่านประตูระบายน้ำที่มีอยู่ได้ด้วย
ภายในพื้นที่โครงการยังได้จัดทำสวนสุขภาพคลองลัดโพธิ์ และ อาคารพิพิธภัณฑ์ แบ่งโซนจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชม โซนแรก โครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช รัชกาลที่ 9 โซนที่สอง ประวัติและประเพณีวัฒนธรรมของชาวมอญ โซนที่สาม เรื่องเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ข้อมูลสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยากรุงเทพฯ และปริมณฑล
ขณะที่ “โครงการลูกพระดาบส” เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีทางวิชาชีพแก่ประชาชนหลากหลายด้านตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช รัชกาลที่ 9 โดดเด่นทางด้านการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรสอดแทรกหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การเลี้ยงไก่ และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนโดยรอบ
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสมุทรปราการ บริเวณใกล้เคียง ก็ยังมี ชุมชนวัดมอญโบราณ สวนป่าชุมชน เส้นทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่สามารถปั่นจักรยานได้ สวนศรีนครเขื่อนขันธุ์ และตลาดพื้นบ้าน “บางน้ำผึ้ง” ซึ่งได้รับนิยมจากนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้าไปเลือกชิมอาหารท้องถิ่นกันอย่างคึกคักในช่วงวันหยุดทุกสุดสัปดาห์
ช่วงที่ 2 ร่วมสร้างประสบการณ์ความสุขที่ได้ออกไปทำกิจกรรมดี ๆ ในโครงการ “@โครงการฟาร์มตัวอย่างตามแนวพระราชดำริ บ้านยางกลางและศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง จ.อ่างทอง แล้วมาดูว่าพืชผัก 8 อย่างกินแล้วช่วยบำรุงให้ตับแข็งแรงสุขภาพ และข่าว EEC อ้าแขนรับการลงทุนท่องเที่ยว ไทยสไมล์จัดโปรโมชั่นต้อนรับเที่ยวบินใหม่ กรุงเทพฯ-เกาสง (ไต้หวัน) รมว.กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ชูธงดูดตลาดจีนปีหน้า
@โครงการฟาร์มตัวอย่างตามแนวพระราชดำริ
“บ้านยางกลางและศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง” จ.อ่างทอง
ในภาคกลางหลายพื้นที่มี “โครงการฟาร์มตัวอย่างตามแนวพระราชดำริ” ที่ควรค่าจะไปศึกษาเรียนรู้หลายแห่ง อยู่ใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ต้องที่ “บ้านยางกลางและศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง” ตั้งอยู่หมู่ 3 บ้านยางกลาง ตำบลสีบัวทอง อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง หน่วยงานภาครัฐและเอกชนพาทีมงานไปชมเป็นประจำ
สืบเนื่องจากอ่างทองถูกน้ำท่วมเกือบทั้งจังหวัด ทำให้ประชาชนเดือดร้อนลำบาก พื้นที่ทำกินเสียหาย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานกระแสรับสั่งให้จัดหาพื้นที่และดำเนินการทำฟาร์มตัวอย่างให้เกษตรกรได้พักอาศัยขณะน้ำท่วม ที่ตำบลโพธิ์สระ ในพื้นที่ 36 ไร่
ต่อมาทรงมีพระราชดำริให้เพิ่มพื้นที่ขึ้นอีก จึงได้คดเลือกที่ราชพัสดุ หมู่ 3 บ้านยางกลาง ตำบลสีบัวทอง อำเภอแสวงหา ประมาณ 1,053 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นฟาร์มตัวอย่างภาคกลาง เพื่อสร้างแหล่งผลิตอาหารปลอดภัยครบวงจร ราคาถูก เป็นทั้งแหล่งพันธุกรรมพืช ประมง ปศุสัตว์ แหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ธนาคารข้าว ธนาคารอาหารชุมชน สถานที่ฝึกอาชีพให้แก่ชาวบ้านได้เรียนรู้เรื่องการทำเกษตรแบบครบวงจร และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงการเกษตร ได้ด้วย
รวมถึงจัดตั้งเป็น “ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง” เพื่อส่งเสริมงานหัตถกรรมในพื้นที่เดียวกัน
ภายในโครงการฟาร์มตัวอย่างตามแนวพระราชดำริ บ้านยางกลาง สีบัวทอง” ไฮไลต์ที่ต้องแวะเยี่ยมชมคือ สุกรพันธุ์จีนหัว (Jinhua) มีลำตัวสีขาว ส่วนตรงหัวและสะโพกเป็นสีดำ นิยมใช้เนื้อส่วนสะโพกมาทำเป็นแฮม ภายใต้ชื่อยอดนิยมติดตลาดโลกว่า Jinhua Ham ว่ากันว่ารสชาติอร่อย สีสวย มีถิ่นกำเนิดอยู่ในมณฑลเจื้อเจียง ซึ่งทางสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้น้อมเกล้าฯ ถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2542 ทางโครงกาฯ จึงได้ทำการขยายพันธุ์กระทั่งปัจจุบันนี้มีสุกรจำหน่ายแล้ว
สิ่งที่เข้าไปร่วมทำ “กิจกรรม” ในโครงการฯ เพื่อ “การศึกษาดูงาน” ได้ก็มี ฟังบรรยายสรุปสถานที่ฝึกอาชีพให้แก่ราษฎรทางด้านการเกษตรครบวงจร เข้าไปเรียนรู้การทำปุ๋ย แปลงปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก เดินชมแปลงปลูกผักปลอดสารพิษ แปลงไม้ผล โรงเรือนเพาะเห็ด เรียนรู้การเลี้ยงแพะ เลี้ยงสุกร ดูการเลี้ยงไหมปลูกหม่อน การปลูกข้าว โรงสีข้าว
ชมการทำงานในศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง แบ่งเป็น 4 แผนก ได้แก่ แผนกทอผ้า แผนกปักผ้า แผนกเซารามิก แผนกแกะสลักไม้
ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวก มีบริการรับจัดอาหารบริการผู้เข้าเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะ โดยใช้พืชผักที่ปลูกจากฟาร์มตามฤดูกาลเริ่มต้นที่คนละ 50 บาท
ผู้ที่สนใจจะเข้าเยี่ยมชม โครงการฟาร์มตัวอย่างตามแนวพระราชดำริ “บ้านยางกลางและศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง” โทร. 035-639-227, 086-146-5002, 089-609-1955 และ 084-579-8751
@เลือกของกิน 8 อย่างสร้างตับแข็งแรง
ทุกวันนี้โลกของเราเต็มไปด้วยสารพิษต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในน้ำ ดิน อากาศ หรือแม้แต่ในอาหารที่เรารับประทานกันในแต่ละวัน ซึ่งการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน และพยายามบริโภคผัก 5 ส่วนและผลไม้อีก 2 ส่วนในแต่ละวันเป็นขั้นพื้นฐาน จะช่วยกำจัดสารพิษตกค้างในร่างกายของเราได้
ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.naturalhealthcareforyou.com แนะนำให้พยายามเปลี่ยนการรับประทานอาหารให้ถูกต้องอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อทำให้อวัยวะทั้งหมดทำงานได้อย่างเหมาะสมและเสริมสร้างสุขภาพที่ดีขึ้น
โดยมีอาหารอะไรบ้างที่ช่วยเสริมสร้างตับให้แข็งแรง?
1.ขิง มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับผักใบเขียวเข้ม และบีทรูท ที่ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์อย่างมากต่อตับ
2.มะนาว ช่วยทำความสะอาดตับ กระเพาะปัสสาวะ ระบบทางเดินอาหาร ปอดและไต
3.แครอท อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดการอักเสบ
4.กระเทียม ช่วยในเรื่องการทำความสะอาดเลือด และบรรเทาการทำงานของตับและไต
5.วอลนัท ช่วยในกระบวนการของการกำจัดสารพิษ
6. ทาร์รากอน (หญ้างู) ประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งทำหน้าที่บล็อกสารพิษ
7.ชาบีทรูท อุดมไปด้วยสารเคมีที่เรียกว่าเบทาอีน ซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ
8.ชาดอกแดนดิไล ทำความสะอาดเลือด และทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
นอกจากนี้การบริโภคส่วนผสมเหล่านี้แล้ว ต้องพยายามนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เข้า ห้องซาวน่า และดื่มน้ำกรองสดอาดให้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ปลุกการลงทุนEEC1.5ล้านล้านพ่วงขายท่องเที่ยว”
ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า หลังจากนำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและนักลงทุนญี่ปุ่นกว่า 300 ราย ส่องทำเลการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Coridor :EEC) ตามที่รัฐบาลไทยได้ไฮไลต์แผนพัฒนาเครือข่ายโลจิสติกส์ ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศไว้รองรับ 5 เมกะโปรเจ็กต์ และเน้นการทำใหเป็นเมือง 10 อุตสาหกรรมดาวรุ่ง รวมถึงจะยังส่งผลไปถึงที่จะช่วยสร้างการท่องเที่ยวให้เติบโตเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
จากการกำหนดลักษณะของ 3 เมืองที่มีการวางแผนอย่างสมบูรณ์แล้วคือ ฉะเชิงเทราเป็นเมือง Thai Way of Life ชลบุรี เป็นเมือง Modern of The East และ ระยอง เป็นเมือง Biz City เชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายโลจิสติกส์ซึ่งอยู่ระหว่างขยายการก่อสร้างทั้งสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา รถไฟความเร็วสูง และ 3 ท่าเรือใหม่
ดร.อุตมะย้ำว่าได้ประเมินงบการลงทุนรวมทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนภายในระยะเวลา 5 ปีแรก โครงการต่างๆ ที่จะถูกพัฒนาขึ้นมานั้นน่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท
สำหรับแผนพัฒนาการลงทุนของรัฐบาลไทย 5 เมกะโปรเจ็กต์มีดังนี้
1.การก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารเป็น 15 ล้านคนในระยะ 5 ปี ซึ่งเฟสแรกอาจพัฒนาเป็นแอร์พอร์ตซิตี้ มีอาคารผู้โดยสาร รันเวย์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบิน เช่น อุตสาหกรรมการซ่อมอากาศยาน ส่วนเฟสที่ 2 มีเป้าหมายในการพัฒนาให้เป็นมหานครการบินที่รองรับจำนวนผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนในอีก 10 ปี และ 60 ล้านคนในอีก 15 ปี โดยสนามบินนี้จะใช้ประโยชน์ได้ทั้งทางคมนาคม โลจิสติกส์ ผนวกเข้ากับการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์
2.การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นแผนงานที่รองรับโครงการพัฒนาด้านโลจิสติกส์เพื่อให้เกิดการเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงที่ไร้รอยต่อ สามารถรองรับความต้องการการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้น
3.การพัฒนาท่าเรือ 3 ท่าเรือ (แหลมฉบัง-สัตหีบ-มาบตาพุด) โดยการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะ 3 เพื่อให้เกิดศักยภาพในการรองรับการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น อาทิ การส่งออกรถยนต์ 3 ล้านคัน/ รองรับเรือขนส่งขนาดความจุ 1.6 แสนตัน ขณะที่ท่าเรือมาบตาพุดระยะ 3 จะพัฒนาเพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของสาธารณูปโภคหลักในการรองรับการขนส่งสินค้าเหลว ก๊าซธรรมชาติ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และท่าเรือสัตหีบ จะปรับปรุงให้สามารถรองรับด้านการท่องเที่ยวเรือขนาดใหญ่ที่จะเชื่อมโยงเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไว้ด้วยกัน
4.โครงการดึงดูด 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งจะใช้การเชื่อมโยง แลกเปลี่ยน และถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงกับประเทศชั้นนำต่างๆ และจัดตั้งโซนพื้นที่สำหรับอุตสาหกรรม S – Curve เข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังคาดหวังอานิสงส์ที่ญี่ปุ่นอาจลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในไทยมาก่อน โดยในระยะเวลา 5 ปีแรกคาดการณ์ไว้ว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 14 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 5 แสนล้านบาท โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต การบิน หุ่นยนต์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การแพทย์ครบวงจร และปิโตรเคมีและเคมีชีวภาพ
5.การพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco-Cities) โดยจะพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนด้วยการจัดระบบอนุรักษ์ ฟื้นฟูและป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติไม่ให้กระทบกับประชาชน ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้กำหนดแนวความคิด Smart ที่จะนำมาปรับใช้ในการพัฒนาเมือง 3 รูปแบบ คือ
Smart City (เมืองอัจฉริยะ) ซึ่งจะเป็นเมืองที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวกขึ้น Smart Growth โดยออกแบบให้เป็นเมืองกระชับ มีการใช้ประโยชน์ที่ดินแบบผสมผสานและประชากรสามารถเดินและใช้จักรยานได้ และ Low Carbon Society (LCS) หรือสังคมที่ร่วมมือกันลดการปล่อยก๊าซาร์บอนไดออกไซด์จากชีวิตประจำวันและอุตสาหกรรม
ข่าวที่ 2 “ไทยสมายล์จัดโปรตั๋วกรุงเทพฯ-เกาสงถึง30ต.ค.60”
สายการบินไทยสมายล์ รายงานว่า ล่าสุดได้เปิดเส้นทางบินใหม่แบบประจำทุกวันด้วยบริการเต็มรูปแบบ บินตรง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เกาสง ราคาเริ่มต้นที่ 4,680 บาท/เที่ยว (รวมทุกอย่างแล้ว) ระหว่างวันนี้ – 31 ตุลาคม 2560 ซื้อแล้วนำตั๋วไปใช้เดินทางได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2560
สำหรับเกาสงเป็นเมืองท่าและศูนย์กลางธุรกิจทางภาคใต้และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของไต้หวัน หนึ่งใน Exotic Getaway แห่งเอเชีย รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมเป็นเอกลักษณ์ นักท่องเที่ยวสามารถไปสักการะพระศากยมุนีที่พุทธอุทยาน โฝ กวง ซาน ขึ้นไปชมตึกที่สูงเป็นอันดับ 2 ของไต้หวันที่ Kaohsiung 85 Building พร้อมตื่นตาตื่นใจกับ Dome of Light ประติมากรรมกระจกที่สวยงามอันดับต้นๆ ของโลก
และช้อปปิ้งของฝาก ลิ้มรสอาหารทะเลท้องถิ่นที่ลั่วเหอ มาร์เก็ต ตลาดคนเดินกลางคืนชื่อดังในเกาสง
ข่าวที่สาม “กอบกาญจน์ใช้เวทีUNWTOดึงจีนมาไทยปี61”
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เดินทางไปร่วมการประชุม UNWTO General Assembly ครั้งที่ 22 ณ นครเฉิงตู มณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อประกาศความพร้อมของไทยที่จะจัด"ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน" Amazing Thailand Tourism Years 2018 และได้ใช้เวที Ministerial Panel Debate ที่มีประเทศสมาชิกเข้าร่วมกว่า 145 ประเทศมาแลกเปลี่ยนข้อมูลบทบาทของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามแรงขับเคลื่อนของ UNWTO Sustainable Development Goals (SDGs)
ขณะเดียวกันก็มุ่งกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเมืองไทยซ้ำ ในเส้นทางเมืองหลัก เมืองรอง และขยายไปยังแหล่งท่องเที่ยวชุมชนด้านการเกษตรทัวร์สวนผลไม้ภาคตะวันออก ซึ่งได้รับความนิยมจากตลาดจีนสูงขึ้นทุกปี
ระหว่างการประชุมดังกล่าวมีรายงานแนวโน้มปี 2560 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางต่างประเทศมากถึง 127 ล้านคน เติบโตเพิ่ม 4 % ส่วนไทยมีส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวจีนระหว่าง1 มกราคม - 12 กันยายน 2560 จำนวน 6.9 ล้านคน จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 24.56 ล้านคน สร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ประเทศไทยได้โหมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports tourism) เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกโมโตจีพี รายการ ไทยแลนด์ กรังปรีซ์ 2561 – 2563 ต่อเนื่อง 3 ปี ที่ จังหวัดบุรีรัมย์ การเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก อาทิ การท่องเที่ยวอาเซียน (ASEAN Tourism Forum 2018) ช่วงเดือนมกราคม 2561 ณ จังหวัดเชียงใหม่ และการเป็นเจ้าภาพ UNWTO World Forum on Gastronomy Tourism ครั้งที่ 4 ช่วงเดือนพฤษภาคม 2561 ณ กรุงเทพมหานคร เมืองแห่งอาหารริมทาง (Street food) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
 |
| เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน คอลัมนิสต์ท่องเที่ยว-การบิน ผู้ดำเนินรายการ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM97.0 |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น