ไทยเร่งนำประเทศเป็นเขตปลอดธงแดงICAO
ผู้นำกพท.ลั่นดันอุตฯการบินสู่ยุคดิจิตอลปี’61
คิงเพาเวอร์บูมอาหารไทยในสุวรรณภูมิถึง28กย.
ททท.ผนึกเอกชนบุกTEJหวังโกยเงินญี่ปุ่น7หมื่นล.
ท้าข้ามภาคทัวร์งานกาแฟเชียงรายฟัน58ล้าน
TCEBบูมก้าวตามรอยพ่อ3พอ-THAILAND CONNECT
แหลมผักเบี้ยโครงการต้นแบบปกป้องสิ่งแวดล้อม
นกแอร์ผ่าตัดใหญ่เพิ่มทุน-หุ้นใหม่ลุยฟื้นฟู3ปี
บินไทยเห่อดรีมไลเนอร์จัดบินเชียงใหม่/ภูเก็ต
แอร์เอเชียงัดทีเด็ดมัดใจผู้โดยสารวัย2-12 ขวบ
ไทยแอร์นำร่องบินเช้าภูเก็ตตีสามครึ่งตั๋ว390บาท
สวัสดีวันเสาร์ที่ 23 กันยายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทางรายการ ถึงอนาคตของอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทยถึงเวลาก้าวเข้าสู่ยุคปลอดธงแดงจาก “องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ : International Civil Aviation Organization : ICAO” ที่ถูกชี้ให้แก้ไขถึงข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย :Signaificant Safety Concern :SSC” ภายในเวลาที่กำหนด เพื่อเดินหน้าต่อในการพัฒนการบินของไทยเป็นดิจิตอลอย่างเข้มข้นทัดเทียมมาตรฐานโลก
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่าระหว่างวันนี้-27 กันยายน 2560 ทางองค์กรการบินระหว่างประเทศ (ICAO) ได้เข้ามาตรวจเรื่องที่ไทยได้รับการเตือนและให้เร่งปรับปรุงแก้ไขเรื่องข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญทางการบิน รวม 33 ข้อ ไทยได้ดำเนินการแก้ไขเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงทำหนังสือส่งถึง ICAO ให้มาตรวจอีกครั้ง
ไฮไลต์ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 เป็นต้นมา ทาง กพท.ได้เสนอให้ใช้มาตรา 44 ประกาศคำสั่งให้สายการบินพาณิชย์ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย จำนวน 12 สายการบิน ต้องหยุดให้บริการบินไป-กลับ ระหว่างประเทศ จนกว่าจะผ่านเกณฑ์ตามมาตรฐาน เนื่องจากได้เข้าสู่กระบวนการแก้ไขปรับปรุงตามขั้นตอนของ ICAO แล้ว แต่ยังไม่ได้รับ “ใบรับรองการเดินทางอากาศใหม่- Re-AOC”
ผลที่จะเกิดกับทั้งสายการบินที่ต้องหยุดบินระหว่างประเทศชั่วคราวที่ยังไม่ผ่านใบรับรองการเดินอากาศใหม่นั้น จากที่เข้าสู่กระบวนการทั้งหมด 21 สายการบิน แล้วผ่านครบเกณฑ์ 9 สายการบิน แต่การหยุดบินระหว่างประเทศชั่วคราวไม่ได้หมายความว่าสายการบินเหล่านี้จะไม่มีมาตรฐาน เพียงแต่ยังตรวจไม่แล้วเสร็จ และใน 12 สายการบินดังกล่าว แม้จะหยุดบินชั่วคราว ก็มีผลกระทบต่อทั้งผู้โดยสารและบริการการบินน้อยมาก เพราะคิดเป็นเพียง 2 % เท่านั้น เพราะส่วนใหญ่บินแบบเช่าเหมาลำ และเกือบครึ่งก็เป็นสายการบินขนาดเล็กมีลำละ 6-12 ที่นั่ง ในขณะที่สถานการณ์สายการบินอื่น ๆ ยังคงบริการตามปกติได้ถึง 98 %
ส่วนผู้โดยสารโดยรวมถึงแม้ทั้ง 12 สายการบินจะหยุดชั่วคราว ก็ไม่กระทบ เนื่องจากยังคงให้บริการเส้นทางในประเทศได้ และยังวางแผนให้บริหารจัดการรองรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
นายจุฬากล่าวว่า ผลจากการสั่งหยุดบินชั่วคราวนั้น กระทบต่ออุตสาหกรรมการบินภาพรวมของไทยไม่มากนัก ตามกรอบแนวทางการตรวจเพื่อออกใบรับรองการเดินอากาศใหม่ ช่วงเดือนตุลาคมนี้จะออกได้เพิ่มอีก 5 สายการบิน และยังคงค้างอยู่เพียง 7 สายการบิน ซึ่งจะเร่งทำให้เสร็จภายในเดือนมกราคม 2561
สำหรับวันที่ 27 กันยายน 2560 ทีม ICAO จะเป็นวันสุดท้ายในการเดินทางเข้ามาตรวจมาตรฐานของการกำกับดูแลสายการบินเพื่อยืนยันอีกครั้ง ตามกติกาของ ICAO เมื่อตรวจเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาจัดทำรายงานสรุปทั้งหมด ใช้เวลาราว 30 วัน ทำรายงานส่งสำนักงานใหญ่ ICAO เมืองมอนทริโอ แคนาดา ซึ่งจะยึดข้อมูล ณ วันที่ 27 กันยายน 2560
จากนั้นทาง ICAO จะดำเนินการประกาศผลถึงสมาชิกโดยตรงภายใน 30 วัน ประมาณ 27 ตุลาคม 2560 ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องติดตามการนำข้อมูลของ ICAO ประกาศให้ทั่วโลกรับรู้
บทเรียนจากการที่ไทยถูกปักธงแดงและจัดระเบียบมาตรฐานใหม่ตามสากลโลก เริ่มจากช่วงที่ ICAO ประกาศติดธงแดงการบินของประเทศไทย เมื่อเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา สาเหตุสำคัญมาจาก “ขั้นตอนการออกใบอนุญาตใบรับรองการเดินอากาศ –AOC” ดำเนินการไม่ครบถ้วนตามมาตรฐานเกณฑ์ความปลอดภัยของ ICAO เพราะมีสายการบินของไทยถูกสหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือญี่ปุ่น ไม่อนุญาตให้สายการบินเหล่านี้สามารถเพิ่มจุดบิน เส้นทางบิน หรือความถี่เที่ยวบิน ใหม่ ๆ ตามความต้องการของตลาดโลก ต้องรอจนกว่าจะปรับปรุงทั้งระบบให้เข้าตามเกณฑ์สากลของ ICAO
จากคำถามที่ แนวโน้มแล้วจะมีสายการบินของไทยไม่ผ่านเกณฑ์สากล หรือไม่ นายจุฬาย้ำว่ายังไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ เนื่องจากเมื่อพบข้อบกพร่องของสายการบินก็จะแก้ไขให้เข้าเกณฑ์จนกว่าจะถึงกำหนดเวลาการตัดสินภายใน 30 วัน แต่ถ้ามีบางสายการบินยังปรับปรุงไม่ครบก็ต้องถอดใบอนุญาตออกไป หากจะกลับมาเปิดบริการใหม่ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่
ภารกิจของ กพท.มีหน้าที่ดูแลด้านการกำกับดูแลมาตรฐานการบินและออกใบอนุญาตให้เกิดความปลอดภัยตามหลักสากล ส่วนการสนับสนุนสายการบินหรือสนามบินทั่วประเทศ ยังไม่ใช่ภารกิจโดยตรง
ส่วนการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของ กพท.ในอนาคตอันใกล้นี้จะเน้นการให้บริการประชาชน โดยพัฒนาระบบ “ขอใบอนุญาตผ่านอินเตอร์เน็ต” คล้ายกับการยื่นภาษีของประชาชน เพื่อให้กระบวนการเร็วขึ้น อยู่ในขั้นตอนของการจัดทำแพลตฟอร์มระบบดิจิตอล
ช่องทางใหม่จะนำร่องผ่านทางอินเตอร์เน็ต ออนไลน์ มาใช้ให้บริการประชาชน ซึ่งต้องทดสอบระบบหลายขั้นตอน อย่างเช่นการยื่นขอ “ใบอนุญาตนักบิน” ซึ่งโครงการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นครั้งแรกนั้นจะยังไม่ได้ใช้ “งบประมาณ” มากนัก เนื่องจากหน่วยงานนี้ต้องใช้เงินขององค์กรไม่ได้ขอจากภาครัฐ จึงต้องใช้วิธีรอประเมินผลเฟสแรกที่กำลังเริ่มในปี 2561 ต่อเมื่อมีความต้องการเพิ่มสูงจึงจะขอขยายวงเงินลงทุนในอนาคตต่อไป
สำหรับ 12 สายการบิน ได้แก่ 1.เอ็มเจ็ท 2.เอซี เอวิเอชั่น 3.วีไอพี เจ็ทส์ 4.เอช เอส เอวิเอชั่น 5.แอดวานซ์ เอวิเอชั่น 6.สกาย วิว แอร์เวย์
7.เค-มายล์ แอร์ 8. โอเรียนท์ไทย 9.ไทยเวียดเจ็ท แอร์ จอยท์ สต็อค 10. สยาม แลนด์ฟลายอิ้ง เอเชีย 11.เจ็ท เอเชีย แอร์เวย์ 12. แอทแลนติก แอร์ไลน์
ภายในเดือนตุลาคม 2560 ทาง กพท.มีแนวโน้มจะออกใบรับรองเดินอากาศใหม่ Re-AOC ได้อีก 4 สายการบิน ได้แก่ เค-มายล์ โอเรียนท์ไทย ไทยเวียดเจ็ท แอร์ จอยท์ สต็อค และ สยาม แลนด์ฟลายอิ้ง เอเชีย
จากนั้นเดือนพฤศจิกายน 2560 จะมีอีก 1 สายการบิน คือ เอเชีย แอทแลนติก แอร์ไลน์ ส่วนที่เหลือ กพท.จะทยอยตรวจแก้ไขให้ครบได้ภายใน 31 มกราคม 2561
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์นำสุวรรณภูมิจัดเต็มมหกรรมอาหารไทย”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ได้สนับสนุนการจัดมหกรรม Amazing Thai Taste @Suvarnabhumi Airport ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 28 กันยายน 2560 เพื่อรวมพลังกันขยายแนวรุกอาหารไทย ทั้งอาหารถิ่น สตรีทฟู้ด อาหารสไตล์ผสมผสานระหว่างไทยกับนานาชาติ และอาหารไทยแนวใหม่ที่มีนวัตกรรม โดยเลือกจัดขึ้นภายในบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีผู้โดยสาร นักท่องเที่ยว นักเดินทาง ผ่านเข้าออกเฉลี่ยเดือนละเกือบ 5 ล้านคน
“ไฮไลต์” ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสของจริงในงาน Amazing Thai Taste @Suvarnabhumi Airport อย่างแรก พบกับเชฟชื่อดังมาสาธิตการทำอาหารไทยให้ชิมฟรี ร่วมสนุกฝึกการทำขนมไทย ตื่นตากับนิทรรศการอาหารไทยและให้สิทธิ์เฉพาะคนไทยได้ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-ฮ่องกง จำนวน 10 รางวัลๆ ละ 2 ที่นั่ง
“สิ่งที่ห้ามพลาด-Don’t Miss” คือการเผื่อเวลาเดินทางไว้ช้อปปิ้งและร้านอาหาร ตามกติร้านค้าต่าง ๆ ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เริ่มจาก “หมวดช้อปปิ้ง” รับฟรีกระเป๋า King Power’s Journey Memento Bag มูลค่า 580 บาท 1 ใบ เมื่อซื้อสินค้าหมวดอาหารแห้ง ( PACKAGED FOOD) 3,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
“หมวดร้านอาหาร” ฟรี คูปองส่วนลด 100 บาท เมื่อรับประทานอาหารตั้งแต่ 600 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ ณ ร้านอาหารที่ร่วมรายการ ฟรี ผลไม้หรือเครื่องดื่ม 1 รายการ เมื่อสั่งเมนูที่ร้านค้าจัดเตรียมไว้ ณ ร้านอาหารที่ร่วมรายการ
สอบถามที่ 1631 หรือดูเพิ่มเติมที่ www.kingpower.com
ข่าวที่ 2 “ททท.นำเอกชนรุกTEJหวังโกยเงินญี่ปุ่น7หมื่นล้าน”
รายงานข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่านายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. ได้นำทีมผู้ประกอบการไทยจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเข้าร่วมงาน Tourism Expo Japan 2017 (TEJ -เดิมชื่อ JATA Tourism Expo) งานการค้ารายการใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 21-24 กันยายน 2560 ซึ่งมีตัวแทนผู้ซื้อและผู้ขายการท่องเที่ยวลงทุนมาเปิดบูธนำเสนอและเจรจากันจากทั่วโลกกว่า 130 ประเทศ จำนวน 2,130 บูธ แบ่งเป็นผู้ขาย 678 รายและผู้ซื้อ 313 ราย ซึ่งทางผู้จัดของญี่ปุ่นตั้งเป้าตลอดงานจะมีการเจรจาการค้าระหว่างกันได้ถึง 50,000 ราย และได้รับความสนใจจากคนทั่วไปเข้าร่วมกว่า 136,000 คน
ตามเป้าหมายปี 2560 ททท. คาดการณ์นักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นจะเดินทางมาไทยสูงถึง 1.5 ล้านคน สร้างรายได้ราว 65,000 ล้านบาท เพิ่มมากกว่าปีที่มาทำไว้ 1.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นได้อีก 5% ส่วนปี 2561 มีแนวโน้มจะดึงรายได้เพิ่มให้ถึง 70,000 ล้านบาท
สถิติช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ ระหว่างมกราคม-สิงหาคม 2560 นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทยรวมทั้งสิ้น 890,317 คน เพิ่มขึ้น 6.07%
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ภายในงาน ททท.ได้จัดแคมเปญ "Meet the NEW Thailand" มุ่งเน้นเปลี่ยนภาพลักษณ์ของประเทศไทยในตลาดญี่ปุ่นให้เป็นจุดหมายปลายทางรองรับนักเดินทางเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มผู้หญิงวัยเริ่มต้นทำงาน ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวมีกลุ่มไอดอลญี่ปุ่น "Nogizaka 46" ทาง ททท.จะขยายกิจกรรมและจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นทั้งเมืองหลักและเมืองต้องห้ามพลาด พลัส
สำหรับเอกชนไทยที่เปิดบูธอยู่ในพาวิลเลี่ยนไทยงาน TEJ 2017 อาทิ Asiatique the Riverfront บลูเอเลเฟ่น คุ้กกิ้ง Urbana Hospitality โรงแรมรามาดา พลาซ่า แม่น้ำ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ป่าตอง ASHLEE ภูเก็ต โรงแรมดวงตะวัน กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ โรงแรม กอล์ฟคลับแอนด์รีสอร์ท และอื่น ๆ
ข่าวที่ 3 “BPCGเครือบางจากทำหุ้นนิวไฮอนาคตธุรกิจสดใส”
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ในเครือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในโอกาสนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครบรอบ 1 ปี ไปเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2560 ผลปรากฏว่า หุ้นบีซีพีจีทำนิวไฮด้วยการขึ้นไปปิดที่ 16.80 บาท บวก 70 สตางค์ ด้วยวอลลุ่มซื้อขายภายในวันเดียวกว่า 50 ล้านหุ้น มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ทะลุนิวไฮเดิมที่ 16.30 บาทไปอีก 50 สตางค์
ราคาซื้อขายดังกล่าวทะยานสูงขึ้นอย่างเห็นได้ความแตกต่างอย่างชัดเจน หลังจากนำบริษัทฯ เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันแรกเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2559 ด้วยราคาไอพีโอ 10 บาท เท่านั้นเอง
ข่าวที่ 4 “หวังท้าเที่ยวงานกาแฟเชียงราย2วันโกย58ล้านบาท”
นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ระหว่าง 23-24 กันยายน นี้ ได้ร่วมกับนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดงานโครงการ “ท้าเที่ยวข้ามภาค” กระตุ้นคนไทยเดินทางท่องเที่ยวข้ามภูมิภาคมากขึ้น ด้วยแคมเปญ “Best of Coffee and Tea @ Chiangrai” เป็นกลยุทธ์สร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยววิถีไทย กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ สร้างเศรษฐกิจ และกระจายรายได้สู่ชุมชน พุ่งเป้าขยายฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบดื่มชา กาแฟ ชอบวิถี Café Culture รักการถ่ายภาพ และกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจกาแฟที่มาร่วมแลกเปลี่ยนธุรกิจกัน ตลอดงานตั้งเป้าจะทำเงินมีเงินสะพัดกว่า58 ล้านบาท
ตลอดงานได้แบ่งพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วม 4 โซน ได้แก่
1.โซนนิทรรศการ กาแฟของพ่อ รวบรวมเรื่องเส้นทางท่องเที่ยว ไร่ชา พร้อมนำเสนอเรื่องที่ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้นำกาแฟต้นแรกมาให้ชาวเขาปลูกแทนการปลูกฝิ่นจนกระทั่งเปลี่ยนจากฝิ่นกลายเป็นเมืองกาแฟในปัจจุบัน
2.โซนชากาแฟ CAFÉ & CAMP พบกับ 20 สุดยอดร้านชากาแฟทั่วภาคเหนือ ที่มาบริการและจำหน่ายชากาแฟสูตรต่างๆ ให้ได้ลิ้มลองตลอดงาน การจัด Workshop Coffee กิจกรรมให้ความรู้เรื่องการทำกาแฟสูตรต่างๆ จากทีมงาน อินทนินทร์ คอฟฟี่ และ Coffee Clinic กิจกรรมการให้ความรู้ คำแนะนำเรื่องแหล่งวัตถุดิบ ทั้งเมล็ดกาแฟ เครื่องชง และวิธีการชง
3.โซน FOOD MARKET & STREET ARTจะรวบรวมอาหารถิ่นภาคเหนือที่หารับประทานได้ยาก จากร้านอาหารท้องถิ่นเก่าแก่ต่างๆ อาทิ ขนมจีนน้ำเงี้ยว จากร้านน้ำเงี้ยวป้าสุข โรตีร้านป้าใหญ่ ร้านลูกชิ้นสดท่าแพ พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ให้เหล่าศิลปิน นักศึกษา ที่มาร่วมวาดภาพและจำหน่ายสินค้างานศิลปะ และดนตรีเปิดหมวก
4.โซน MUSIC IN THE GARDENพบกับกิจกรรมดนตรีในสวนจากศิลปินชั้นนำของเมืองไทยมากมาย อาทิ “ป๊อด ธนชัย อุชชิน” ศิลปินวงนกแล และมินิคอนเสิร์ตจากวง “ETC” นอกจากนี้ยังพบกับ Street show ของกลุ่มนักศึกษา ภายใต้บรรยากาศร่มรื่นภายในสวน
ไฮไลต์อีกส่วนคือ “ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี” พรีเซ็นเตอร์ โครงการท้าเที่ยวข้ามภาค มาร่วมท้าเที่ยวข้ามภาคชวนคนไทยร่วม workshop ทำ coffee art หรือกาแฟ Signature “ฮักเจียงฮาย”
ข่าวที่ 5 “TCEBบูมก้าวตามรอยพ่อ3พอ-THAILAND CONNECT”
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB เปิดเผยว่า ตั้งแต่ในปีงบประมาณ 2561 เริ่มตุลาคมนี้เป็นต้นไป ได้นำโครงการ “ก้าวตามรอยพ่อประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ” ตามหลัก 3 พอ ได้แก่ พอเพียง เพิ่มพูน และพัฒนา มุ่งเน้นการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเข้ามากระตุ้นองค์กรและหน่วยงานเอกชนจัดประชุมสัมมนาในประเทศในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่กระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
โดยผ่าน 3 กิจกรรม คือ การสัมมนาเรียนรู้ การทำกิจกรรม และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเป็นต้นแบบการเรียนรู้ที่นำปรับใช้ในการทำงาน และการใช้ชีวิต
เบื้องต้นได้คัดเลือกต้นแบบโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 3 แห่ง ประกอบด้วย เรื่อง “พอเพียง” ในศูนย์ศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน (จ.จันทบุรี)ในเรื่อง “เพิ่มพูน” โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และเรื่อง “พัฒนา” โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (จ.เพชรบุรี)
ตลอดปีงบประมาณ 2561 ระหว่างตุลาคม 2560-เดือนกันยายน 2561 ทาง TCEB ได้จัดทำแพคเกจสนับสนุนเอกชนที่นำพนักงานหรือลูกค้าไปประชุมสัมมนาหรือทำกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 30 คน ใน 19 โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จะได้รับการสนับสนุนค่าเดินทางหน่วยงานละ 30,000 บาทต่อกลุ่มคณะ
โครงการนี้ TCEB ได้รับความร่วมมือกับอีก 4 หน่วยงาน คือ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง ธนาคาร CIMBT และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เป็นแกนหลักระดมบริษัทนำเที่ยวจัดแพกเกจไมซ์ในโครงการพระราชดำริตลอดทั้งปี
สำหรับเสาร์ที่ 23 –อาทิตย์ที่ 24 กันยายน นี้ TCEB ได้นำนิทรรศการของโครงการเปิดให้หน่วยงานและประชาชนทั่วไปเข้าชมและศึกษา ณ บริเวณชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2560 TCEB เตรียมนำแคมเปญสื่อสารประเทศไทย “THAILAND CONNECT Your Vibrant Journey to Business Success, decoded with chapters of possibilities” ประกาศการขยายผลของแคมเปญในโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดงาน IT&CM Asia and CTW Asia-Pacific 2017 งานเทรดโชว์ด้านไมซ์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไฮไลต์โดยเน้นนำเสนอภารกิจในเชิงลึกมากขึ้น และสร้างความโดดเด่นให้กับจุดแข็งของประเทศไทยเพื่อดึงดูดนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากนานาชาติมาใช้บริการอย่างต่อเนื่องต่อไป
ช่วงที่ 2 จูงมือกันไปดูแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติของพ่ออันเป็นต้นแบบการบำบัดน้ำเสียและปกป้องสิ่งแวดล้อมที่ “โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย” แล้วไปตามดู ครม.เปิดช่องให้ซื้อประกันสุขภาพใช้ลดหย่อนภาษีปี’60 ได้ และข่าวท้ายชั่วโมง ฮือฮากับแผนรื้อโครงสร้างธุรกิจของ “นกแอร์-บินไทย-ไทยสไมล์” ในขณะที่กลุ่มแอร์ เอเชีย งัดลูกเล่นใหม่ ๆ มาโกยผู้โดยสารตั้งแต่วัย 2 ขวบขึ้นไป
@ไปแหลมผักเบี้ยต้นแบบปกป้องสิ่งแวดล้อมทั่วไทย
เริ่มออกเดินทางไปเปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ ใน “โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ตั้งอยู่ที่ ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00 - 18.00 น.
เป็นทั้งสถานที่เรียนรู้ทางด้านสิ่งแวดล้อม ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรีแล้ว ยังได้ชื่อว่าเป็น " ต้นแบบ การบำบัดน้ำเสีย สู่น้ำใส ด้วยกลไก ของธรรมชาติ "หนึ่งในโครงการภายใต้การดูแลของมูลนิธิชัยพัฒนา ที่ช่วยเยียวยาและปกป้องระบบนิเวศชายฝั่งอย่างยั่งยืน
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2533 แม่น้ำเพชรบุรีคือเป็นเส้นเลือดใหญ่คอยหล่อเลี้ยงชีวิตคนสองฝั่งน้ำ ประสบปัญหาสิ่งแวดล้อม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้สำนักงาน กปร. และกรมชลประทาน ร่วมกัน ศึกษาและหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมชายฝั่งทะเล จึงเป็นที่มาของการจัดทำแผนปฏิบัติ ตามวัตถุประสงค์หลักคือการศึกษาวิจัยหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียกับขยะชุมชน ที่ประหยัด สะดวก ทำได้ง่าย สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศอย่างกว้างขวาง
โดยใช้พื้นที่บริเวณตำบลแหลมผักเบี้ยอำเภอบ้านแหลม เป็นพื้นที่ศึกษาวิจัยของโครงการซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆให้หมดไปอย่างยั่งยืนช่วยให้คุณภาพน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับมาจนถึงปัจจุบัน
แหลมผักเบี้ยนอกจากจะเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติบริเวณ ปากอ่าวแล้ว ยังสามารถชมนกหลากหลายสายพันธุ์ที่ หาชมได้ยากอีกด้วย เรียกว่ามาเที่ยวที่นี่แล้วได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินกับไปพร้อมกันในคราวเดียว
เมื่อไปถึง โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยฯ แล้วสามารถไปร่วมกันทำ “กิจกรรมการศึกษาดูงาน” เริ่มจากเยี่ยมชมกระบวนการบำบัดน้ำเสียด้วยบ่อบำบัด หญ้ากรองน้ำ ป่าชายเลน ร่วมดูและทดลองทำเทคโนโลยีการทำปุ๋ยหมักจากขยะโดยการฝังกลบ ในกล่องคอนกรีต
“กิจกรรมสันทนาการ” ร่วมศึกษาเส้นทางธรรมชาติระบบนิเวศป่าชายเลน โดยลองพายเรือท่องเที่ยวตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนบริเวณปากอ่าวระยะทางราว 4 กม. เพื่อรอชมนกหายาก อาทิ นกยาง นกกาน้ำเล็ก นกเป็ดผีเล็ก นกอีเสือ สีน้ำตาล และนกกินเปรี้ยว ในแหล่งดูนกสำคัญแห่งหนึ่งของไทย สามารถดูได้ 2 ช่วง คือเช้าตรู่นกจะบินออกจากรังไปหากิน และช่วงแดดร่มลมตก นกจะโบยบินกลับรัง
ภายในโครงการฯ มีห้องประชุม 2 ห้อง รองรับได้ 100 คน แต่ไม่มีที่พักเพราะพื้นที่รอบบริเวณแถบหาดเจ้าสำราญมีบริการที่พักให้เลือกได้มากหลายหลายราคา
ส่วนการวางแผนสัมผัสธรรมชาติเส้นทางท่องเที่ยว จ.เพชรบุรี
“ช่วงเช้า” เดินทางสู่โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย เดินชมป่าชายเลน ดูนกหายาก “ช่วงบ่าย” พักผ่อน รับประทานอาหารทะเลสดๆ ที่หาดเจ้าสำราญ และหาดปึกเตียน
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด ขอแนะนำ เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ศึกษาการบำบัดน้ำเสียด้วยกลไกธรรมชาติ ส่วนการจัดการระบบพืชและหญ้ากรองน้ำเสีย และระบบพื้นที่ชุ่มน้ำเทียม ที่อาศัยระบบพืชและ หญ้ากรอง จำพวก หญ้าแฝก ธูปฤาษี และกกกลม ช่วยบำบัดน้ำเสีย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สนใจท่องเที่ยวโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย โทร. 0-3244-1264-5
การเดินทาง จากตัวเมืองเพชรบุรี ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3177 ตรงไป ระยะทางประมาณ 15 กม. สู่หาดเจ้าสำราญ ก่อนถึงหาดเจ้าสำราญราว 1 กม. จะมีทางแยกให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปประมาณ 6 กม.
@ทำประกันสุขภาพ1.5หมื่นใช้ลดภาษีได้ปี’60
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่พระนครศรีอยุธยา เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการภาษีให้นำค่าใช้จ่าย “การประกันสุขภาพ” ของผู้ที่มีเงินได้ มาหักเป็นค่าลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท เมื่อรวมค่าเบี้ยลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิต และเงินได้ที่ฝากไว้กับธนาคารต้องไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี
โดยเป็นเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายเริ่มวันที่ 1 ม.ค. 2560 เป็นต้นไป ตามกระทรวงการคลังรายงานว่า มาตรการดังกล่าวส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐไม่มากนัก แต่จะช่วยลดภาระการจัดสรรงบประมาณของรัฐด้านสุขภาพได้
ขณะเดียวกันก็ยังไม่ขยายวงเงินประกันเกิน 1 แสนบาท ในการให้สิทธิลดหย่อนจากการซื้อประกันชีวิตเดิม เพราะปัจจุบันผู้มีรายได้ปานกลางไม่ได้ใช้สิทธิจนครบ 1 แสนบาท ถ้าขยายเพดานก็จะช่วยผู้มีรายได้สูงนั่นเอง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “นกแอร์ผ่าแผนเพิ่มทุน-หุ้นสามัญขอ3ปีฟื้นธุรกิจ”
นายปิยะ ยอดมณี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นนกแอร์ มีมติเห็นชอบปรับโครงสร้างธุรกิจโดยอนุมัติให้เดินหน้าทั้ง 2 ส่วน คือเพิ่มทุนและจัดสรรหุ้นสามัญใหม่ควบคู่กันไป ตั้งเป้าหมายระดมทุนครั้งใหม่ได้ถึง 1,700 ล้านบาท เพื่อเร่งทำตามแผนฟื้นฟูระยะ 3 ปี (2560-2562) ตามสูตรลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
โดยนกแอร์วางกลยุทธ์เดินหน้า ส่วนที่ 1 แผนเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทฯ ครั้งที่ 2 จำนวน 1,207 ล้านบาท จากเดิม 1,292 ล้านบาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 2,499 ล้านบาท ส่วนที่ 2จัดสรรหุ้นสามัญใหม่จากการเพิ่มทุนจดทะเบียนไม่เกิน 1,135 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ด้วยราคาเสนอขายหุ้นละ 1.50 บาท จำกัดไว้ไม่เกิน 71 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 1 จะเปิดให้จองซื้อและชำระค่าหุ้นระหว่างวันที่ 16-20 ต.ค. 2560
ส่วนการลดค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ปี 2560-ต้นปี 2561เตรียมปลดระวางเครื่องบินเก่า 7 ลำ คือ ATR72-500 จำนวน 2 ลำ โบอิ้ง 737-800 จำนวน 5 ลำ โดยมีฝูงบินรวม 24 ลำ จากนั้นระหว่างปี 2562-64 ก็รับมอบเครื่องบินใหม่ โบอิ้ง 737 MAX 8 ลำ ตามแผนปี 2562 รับ 2 ลำ ปี 2564 รับ 2 ลำ ส่วนปี 2561 จะปรับเพิ่มชั่วโมงการใช้งานเครื่องบินให้เพิ่มความคุ้มค่าการใช้งานเป็นลำละ 10-11 ชั่วโมง/วัน จากปัจจุบันลำละ 8 ชั่วโมง/วัน
ขณะเดียวกันก็ยังจะเปิดเส้นทางบินใหม่ ตั้งแต่ 30 กันยายนนี้ เป็นต้นไป หันไปจะบริการเช่าเหมาลำจากสนามบินอู่ตะเภาไปยังจีน 5 เมืองหลักได้แก่ อินชวน หลินยี นานชาง ไห่โข่ง และฉางชา สัปดาห์ละรวม 12 เที่ยว
สำหรับผู้ถือหุ้นนกแอร์ ที่จะได้รับสิทธิ์เพิ่มทุนจดทะเบียน ประกอบด้วย การบินไทย จะใช้เงินเพิ่มทุนประมาณ 380 ล้านบาท และกลุ่มครอบครัว “จุฬางกูร” ซึ่งถือหุ้นสัดส่วนมากเป็นอันดับหนึ่ง
ทั้งนี้ในวันที่ 27 กันยายน 2560 นี้ การบินไทยจะนำทีมนัดประชุมพิเศษ เพื่อวางทำแผนฟื้นฟูเพิ่มประสิทธิภาพนกแอร์หลังประกาศปรับโครงสร้างใหม่ ซึ่งจะพิจารณาเรื่องสำคัญ 3 ส่วน 1.จัดตั้งคณะกรรมการบริหารชุดพิเศษ (Execlutive Management Committee) 2.การใช้ทรัพยากรทางร่วมกันระหว่างนกแอร์กับการบินไทยในการให้บริการ 3.จัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเข้ามาเสริมความเข้มแข็งในระยะยาว
ข่าวที่สอง บินไทยเห่อฝูงบินดรีมไลเนอร์บินเชียงใหม่/ภูเก็ต
ขณะที่ นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หลังรับมอบเครื่องรุ่นใหม่ลำแรกโบอิ้ง 787-9 ดรีมไลเนอร์ จะนำมานำร่องบริการบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ สู่เมืองท่องเที่ยวในประเทศยอดนิยม 2 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เริ่มวันที่23 ก.ย.-15 ต.ค. 2560 และกรุงเทพฯ-ภูเก็ต ระหว่าง 16 ต.ค.-15 พ.ย. 2560 ก่อนจะนำไปบิน กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ จากนั้นเมื่อรับเครื่องครบ2 ลำ ก็จะขยายไปบิน กรุงเทพฯ-โอ๊กแลนด์ (นิวซีแลนด์) วันละ 1 เที่ยวตั้งแต่ 16 พ.ย.เป็นต้นไป
นางอุษณีย์ กล่าวว่าแนวโน้มรายได้ของการบินไทยโดยรวมในปี 2560 จะทำให้ถึงเป้าหมาย 1.9 แสนล้านบาท รายได้หลักมาจากการขายตั๋วโดยสารให้ได้ถึง 1.5 แสนล้านบาท
ข่าวที่สาม “ไทยสไมล์ชิมลางบินเกาสง/หลวงพระบาง”
นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยสมายล์ กล่าวว่า ไทยสไมล์ได้ร่วมกันกับการบินไทย ประกาศเปิดเส้นทางบินตรงใหม่ 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพ-เกาสง เมืองท่าและศูนย์กลางธุรกิจทางภาคใต้และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของไต้หวัน และ กรุงเทพ-หลวงพระบาง เมืองมรดกโลกของ สปป.ลาว ซึ่งจะเริ่มเที่ยวบินปฐมฤกษ์วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป
โดยไทยสไมล์ กำหนดบินตรง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เกาสง แบบประจำทุกวันด้วยบริการเต็มรูปแบบด้วยราคาโปรโมชั่นเริ่มต้นที่ 4,680 บาท/เที่ยว รวมทุกอย่างแล้ว เมื่อซื้อตั๋วระหว่างวันนี้ – 31 ตุลาคม 2560 จากนั้นนำไปใช้เดินทางได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2560
ข่าวที่สี่ “แอร์เอเชียงัดกลยุทธ์โกยลูกค้าวัย2ขวบ”
Mr. Siegtraund Teh ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ แอร์ เอเชีย กรุ๊ป เปิดเผยว่า ลูกเล่นใหม่ที่จะนำมาใช้กระตุ้นกลุ่มผู้โดยสารรุ่นใหม่ จึงได้จัดทำ Treats Youn Flyers to Free Inflight Meals หรือบริการอาหารฟรีให้แก่เด็กอายุระหว่าง 2-12 ปี ภายในวันที่ 28 กันยายน 2560 นี้ โดยได้รับการสนับสนุนอาหารฟรีจากร้านดัง Lil’ Star Combo เพราะสถิติแต่ละวัน แอร์ เอเชีย กรุ๊ปให้บริการผู้โดยสารเด็ก ๆ วันละกว่า 6,000 คน
ส่วนผู้โดยสารทั่วไปที่จองเมนูอาหารล่วงหน้าก่อนขึ้นเครื่องในแต่ละเที่ยวบินจากร้านอาหารดังกล่าวก็จ่ายค่าบริการจองเพียงครั้งละ 10 ริงกิตเท่านั้น
สำหรับร้าน Lil’ Star Combo พันธมิตรใหม่ของแอร์ เอเชีย กรุ๊ป มีเมนูซิกเนเจอร์นำเสนอทั้งพิซซ่าไก่ขนาดมินิ พร้อมสแน็กบ็อก ที่การันตีคุณภาพ และในเส้นทางบินสู่อินเดียก็ยังมีเมนูมังสะวิรัตไว้บริการเป็นอีกทางเลือกหนึ่งด้วย
ข่าวที่ห้า “ไทยแอร์ฯขาย390บาทไฟลต์เช้าตีสามครึ่งไปภูเก็ต”
ทางด้าน นายสันติสุข คล่องใช้ยา ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2560 นี้เป็นต้นไป เตรียมนำร่องเพิ่มบริการบินในประเทศช่วงเช้าตรู่ 2 เส้นทาง ไป-กลับ ดอนเมือง-เชียงใหม่ ออกจากดอนเมือง เวลา 05.10 น. จากวันละ 12 เป็น 13 เที่ยว และดอนเมือง-ภูเก็ต ออกจากดอนเมือง เวลา 03.35 น.จากวันละ 17 เป็น 18 เที่ยว ซึ่งจะใช้ราคาตั๋วโดยสารเป็นแม่เหล็กดึงดูด ผู้ใช้บริการ เริ่มต้นเพียง 390 บาท เปิดให้ผู้โดยสารเข้าไปจองซื้อตั๋วได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และในอนาคตจะขยายความถี่บินเช้าเส้นทางอื่นๆ ด้วย ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.airasia.com
ผู้นำกพท.ลั่นดันอุตฯการบินสู่ยุคดิจิตอลปี’61
คิงเพาเวอร์บูมอาหารไทยในสุวรรณภูมิถึง28กย.
ททท.ผนึกเอกชนบุกTEJหวังโกยเงินญี่ปุ่น7หมื่นล.
ท้าข้ามภาคทัวร์งานกาแฟเชียงรายฟัน58ล้าน
TCEBบูมก้าวตามรอยพ่อ3พอ-THAILAND CONNECT
แหลมผักเบี้ยโครงการต้นแบบปกป้องสิ่งแวดล้อม
นกแอร์ผ่าตัดใหญ่เพิ่มทุน-หุ้นใหม่ลุยฟื้นฟู3ปี
บินไทยเห่อดรีมไลเนอร์จัดบินเชียงใหม่/ภูเก็ต
แอร์เอเชียงัดทีเด็ดมัดใจผู้โดยสารวัย2-12 ขวบ
ไทยแอร์นำร่องบินเช้าภูเก็ตตีสามครึ่งตั๋ว390บาท
สวัสดีวันเสาร์ที่ 23 กันยายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทางรายการ ถึงอนาคตของอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทยถึงเวลาก้าวเข้าสู่ยุคปลอดธงแดงจาก “องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ : International Civil Aviation Organization : ICAO” ที่ถูกชี้ให้แก้ไขถึงข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย :Signaificant Safety Concern :SSC” ภายในเวลาที่กำหนด เพื่อเดินหน้าต่อในการพัฒนการบินของไทยเป็นดิจิตอลอย่างเข้มข้นทัดเทียมมาตรฐานโลก
จุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ กพท. |
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่าระหว่างวันนี้-27 กันยายน 2560 ทางองค์กรการบินระหว่างประเทศ (ICAO) ได้เข้ามาตรวจเรื่องที่ไทยได้รับการเตือนและให้เร่งปรับปรุงแก้ไขเรื่องข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญทางการบิน รวม 33 ข้อ ไทยได้ดำเนินการแก้ไขเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงทำหนังสือส่งถึง ICAO ให้มาตรวจอีกครั้ง
ไฮไลต์ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 เป็นต้นมา ทาง กพท.ได้เสนอให้ใช้มาตรา 44 ประกาศคำสั่งให้สายการบินพาณิชย์ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย จำนวน 12 สายการบิน ต้องหยุดให้บริการบินไป-กลับ ระหว่างประเทศ จนกว่าจะผ่านเกณฑ์ตามมาตรฐาน เนื่องจากได้เข้าสู่กระบวนการแก้ไขปรับปรุงตามขั้นตอนของ ICAO แล้ว แต่ยังไม่ได้รับ “ใบรับรองการเดินทางอากาศใหม่- Re-AOC”
ผลที่จะเกิดกับทั้งสายการบินที่ต้องหยุดบินระหว่างประเทศชั่วคราวที่ยังไม่ผ่านใบรับรองการเดินอากาศใหม่นั้น จากที่เข้าสู่กระบวนการทั้งหมด 21 สายการบิน แล้วผ่านครบเกณฑ์ 9 สายการบิน แต่การหยุดบินระหว่างประเทศชั่วคราวไม่ได้หมายความว่าสายการบินเหล่านี้จะไม่มีมาตรฐาน เพียงแต่ยังตรวจไม่แล้วเสร็จ และใน 12 สายการบินดังกล่าว แม้จะหยุดบินชั่วคราว ก็มีผลกระทบต่อทั้งผู้โดยสารและบริการการบินน้อยมาก เพราะคิดเป็นเพียง 2 % เท่านั้น เพราะส่วนใหญ่บินแบบเช่าเหมาลำ และเกือบครึ่งก็เป็นสายการบินขนาดเล็กมีลำละ 6-12 ที่นั่ง ในขณะที่สถานการณ์สายการบินอื่น ๆ ยังคงบริการตามปกติได้ถึง 98 %
ส่วนผู้โดยสารโดยรวมถึงแม้ทั้ง 12 สายการบินจะหยุดชั่วคราว ก็ไม่กระทบ เนื่องจากยังคงให้บริการเส้นทางในประเทศได้ และยังวางแผนให้บริหารจัดการรองรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
นายจุฬากล่าวว่า ผลจากการสั่งหยุดบินชั่วคราวนั้น กระทบต่ออุตสาหกรรมการบินภาพรวมของไทยไม่มากนัก ตามกรอบแนวทางการตรวจเพื่อออกใบรับรองการเดินอากาศใหม่ ช่วงเดือนตุลาคมนี้จะออกได้เพิ่มอีก 5 สายการบิน และยังคงค้างอยู่เพียง 7 สายการบิน ซึ่งจะเร่งทำให้เสร็จภายในเดือนมกราคม 2561
สำหรับวันที่ 27 กันยายน 2560 ทีม ICAO จะเป็นวันสุดท้ายในการเดินทางเข้ามาตรวจมาตรฐานของการกำกับดูแลสายการบินเพื่อยืนยันอีกครั้ง ตามกติกาของ ICAO เมื่อตรวจเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาจัดทำรายงานสรุปทั้งหมด ใช้เวลาราว 30 วัน ทำรายงานส่งสำนักงานใหญ่ ICAO เมืองมอนทริโอ แคนาดา ซึ่งจะยึดข้อมูล ณ วันที่ 27 กันยายน 2560
จากนั้นทาง ICAO จะดำเนินการประกาศผลถึงสมาชิกโดยตรงภายใน 30 วัน ประมาณ 27 ตุลาคม 2560 ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องติดตามการนำข้อมูลของ ICAO ประกาศให้ทั่วโลกรับรู้
บทเรียนจากการที่ไทยถูกปักธงแดงและจัดระเบียบมาตรฐานใหม่ตามสากลโลก เริ่มจากช่วงที่ ICAO ประกาศติดธงแดงการบินของประเทศไทย เมื่อเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา สาเหตุสำคัญมาจาก “ขั้นตอนการออกใบอนุญาตใบรับรองการเดินอากาศ –AOC” ดำเนินการไม่ครบถ้วนตามมาตรฐานเกณฑ์ความปลอดภัยของ ICAO เพราะมีสายการบินของไทยถูกสหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือญี่ปุ่น ไม่อนุญาตให้สายการบินเหล่านี้สามารถเพิ่มจุดบิน เส้นทางบิน หรือความถี่เที่ยวบิน ใหม่ ๆ ตามความต้องการของตลาดโลก ต้องรอจนกว่าจะปรับปรุงทั้งระบบให้เข้าตามเกณฑ์สากลของ ICAO
จากคำถามที่ แนวโน้มแล้วจะมีสายการบินของไทยไม่ผ่านเกณฑ์สากล หรือไม่ นายจุฬาย้ำว่ายังไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ เนื่องจากเมื่อพบข้อบกพร่องของสายการบินก็จะแก้ไขให้เข้าเกณฑ์จนกว่าจะถึงกำหนดเวลาการตัดสินภายใน 30 วัน แต่ถ้ามีบางสายการบินยังปรับปรุงไม่ครบก็ต้องถอดใบอนุญาตออกไป หากจะกลับมาเปิดบริการใหม่ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่
ภารกิจของ กพท.มีหน้าที่ดูแลด้านการกำกับดูแลมาตรฐานการบินและออกใบอนุญาตให้เกิดความปลอดภัยตามหลักสากล ส่วนการสนับสนุนสายการบินหรือสนามบินทั่วประเทศ ยังไม่ใช่ภารกิจโดยตรง
ส่วนการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของ กพท.ในอนาคตอันใกล้นี้จะเน้นการให้บริการประชาชน โดยพัฒนาระบบ “ขอใบอนุญาตผ่านอินเตอร์เน็ต” คล้ายกับการยื่นภาษีของประชาชน เพื่อให้กระบวนการเร็วขึ้น อยู่ในขั้นตอนของการจัดทำแพลตฟอร์มระบบดิจิตอล
ช่องทางใหม่จะนำร่องผ่านทางอินเตอร์เน็ต ออนไลน์ มาใช้ให้บริการประชาชน ซึ่งต้องทดสอบระบบหลายขั้นตอน อย่างเช่นการยื่นขอ “ใบอนุญาตนักบิน” ซึ่งโครงการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นครั้งแรกนั้นจะยังไม่ได้ใช้ “งบประมาณ” มากนัก เนื่องจากหน่วยงานนี้ต้องใช้เงินขององค์กรไม่ได้ขอจากภาครัฐ จึงต้องใช้วิธีรอประเมินผลเฟสแรกที่กำลังเริ่มในปี 2561 ต่อเมื่อมีความต้องการเพิ่มสูงจึงจะขอขยายวงเงินลงทุนในอนาคตต่อไป
สำหรับ 12 สายการบิน ได้แก่ 1.เอ็มเจ็ท 2.เอซี เอวิเอชั่น 3.วีไอพี เจ็ทส์ 4.เอช เอส เอวิเอชั่น 5.แอดวานซ์ เอวิเอชั่น 6.สกาย วิว แอร์เวย์
7.เค-มายล์ แอร์ 8. โอเรียนท์ไทย 9.ไทยเวียดเจ็ท แอร์ จอยท์ สต็อค 10. สยาม แลนด์ฟลายอิ้ง เอเชีย 11.เจ็ท เอเชีย แอร์เวย์ 12. แอทแลนติก แอร์ไลน์
ภายในเดือนตุลาคม 2560 ทาง กพท.มีแนวโน้มจะออกใบรับรองเดินอากาศใหม่ Re-AOC ได้อีก 4 สายการบิน ได้แก่ เค-มายล์ โอเรียนท์ไทย ไทยเวียดเจ็ท แอร์ จอยท์ สต็อค และ สยาม แลนด์ฟลายอิ้ง เอเชีย
จากนั้นเดือนพฤศจิกายน 2560 จะมีอีก 1 สายการบิน คือ เอเชีย แอทแลนติก แอร์ไลน์ ส่วนที่เหลือ กพท.จะทยอยตรวจแก้ไขให้ครบได้ภายใน 31 มกราคม 2561
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์นำสุวรรณภูมิจัดเต็มมหกรรมอาหารไทย”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ได้สนับสนุนการจัดมหกรรม Amazing Thai Taste @Suvarnabhumi Airport ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 28 กันยายน 2560 เพื่อรวมพลังกันขยายแนวรุกอาหารไทย ทั้งอาหารถิ่น สตรีทฟู้ด อาหารสไตล์ผสมผสานระหว่างไทยกับนานาชาติ และอาหารไทยแนวใหม่ที่มีนวัตกรรม โดยเลือกจัดขึ้นภายในบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีผู้โดยสาร นักท่องเที่ยว นักเดินทาง ผ่านเข้าออกเฉลี่ยเดือนละเกือบ 5 ล้านคน
“ไฮไลต์” ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสของจริงในงาน Amazing Thai Taste @Suvarnabhumi Airport อย่างแรก พบกับเชฟชื่อดังมาสาธิตการทำอาหารไทยให้ชิมฟรี ร่วมสนุกฝึกการทำขนมไทย ตื่นตากับนิทรรศการอาหารไทยและให้สิทธิ์เฉพาะคนไทยได้ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-ฮ่องกง จำนวน 10 รางวัลๆ ละ 2 ที่นั่ง
“สิ่งที่ห้ามพลาด-Don’t Miss” คือการเผื่อเวลาเดินทางไว้ช้อปปิ้งและร้านอาหาร ตามกติร้านค้าต่าง ๆ ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เริ่มจาก “หมวดช้อปปิ้ง” รับฟรีกระเป๋า King Power’s Journey Memento Bag มูลค่า 580 บาท 1 ใบ เมื่อซื้อสินค้าหมวดอาหารแห้ง ( PACKAGED FOOD) 3,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
“หมวดร้านอาหาร” ฟรี คูปองส่วนลด 100 บาท เมื่อรับประทานอาหารตั้งแต่ 600 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ ณ ร้านอาหารที่ร่วมรายการ ฟรี ผลไม้หรือเครื่องดื่ม 1 รายการ เมื่อสั่งเมนูที่ร้านค้าจัดเตรียมไว้ ณ ร้านอาหารที่ร่วมรายการ
สอบถามที่ 1631 หรือดูเพิ่มเติมที่ www.kingpower.com
ข่าวที่ 2 “ททท.นำเอกชนรุกTEJหวังโกยเงินญี่ปุ่น7หมื่นล้าน”
รายงานข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่านายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. ได้นำทีมผู้ประกอบการไทยจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเข้าร่วมงาน Tourism Expo Japan 2017 (TEJ -เดิมชื่อ JATA Tourism Expo) งานการค้ารายการใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 21-24 กันยายน 2560 ซึ่งมีตัวแทนผู้ซื้อและผู้ขายการท่องเที่ยวลงทุนมาเปิดบูธนำเสนอและเจรจากันจากทั่วโลกกว่า 130 ประเทศ จำนวน 2,130 บูธ แบ่งเป็นผู้ขาย 678 รายและผู้ซื้อ 313 ราย ซึ่งทางผู้จัดของญี่ปุ่นตั้งเป้าตลอดงานจะมีการเจรจาการค้าระหว่างกันได้ถึง 50,000 ราย และได้รับความสนใจจากคนทั่วไปเข้าร่วมกว่า 136,000 คน
ตามเป้าหมายปี 2560 ททท. คาดการณ์นักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นจะเดินทางมาไทยสูงถึง 1.5 ล้านคน สร้างรายได้ราว 65,000 ล้านบาท เพิ่มมากกว่าปีที่มาทำไว้ 1.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นได้อีก 5% ส่วนปี 2561 มีแนวโน้มจะดึงรายได้เพิ่มให้ถึง 70,000 ล้านบาท
สถิติช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ ระหว่างมกราคม-สิงหาคม 2560 นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทยรวมทั้งสิ้น 890,317 คน เพิ่มขึ้น 6.07%
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ภายในงาน ททท.ได้จัดแคมเปญ "Meet the NEW Thailand" มุ่งเน้นเปลี่ยนภาพลักษณ์ของประเทศไทยในตลาดญี่ปุ่นให้เป็นจุดหมายปลายทางรองรับนักเดินทางเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มผู้หญิงวัยเริ่มต้นทำงาน ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวมีกลุ่มไอดอลญี่ปุ่น "Nogizaka 46" ทาง ททท.จะขยายกิจกรรมและจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นทั้งเมืองหลักและเมืองต้องห้ามพลาด พลัส
สำหรับเอกชนไทยที่เปิดบูธอยู่ในพาวิลเลี่ยนไทยงาน TEJ 2017 อาทิ Asiatique the Riverfront บลูเอเลเฟ่น คุ้กกิ้ง Urbana Hospitality โรงแรมรามาดา พลาซ่า แม่น้ำ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ป่าตอง ASHLEE ภูเก็ต โรงแรมดวงตะวัน กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ โรงแรม กอล์ฟคลับแอนด์รีสอร์ท และอื่น ๆ
ข่าวที่ 3 “BPCGเครือบางจากทำหุ้นนิวไฮอนาคตธุรกิจสดใส”
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ในเครือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในโอกาสนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครบรอบ 1 ปี ไปเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2560 ผลปรากฏว่า หุ้นบีซีพีจีทำนิวไฮด้วยการขึ้นไปปิดที่ 16.80 บาท บวก 70 สตางค์ ด้วยวอลลุ่มซื้อขายภายในวันเดียวกว่า 50 ล้านหุ้น มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ทะลุนิวไฮเดิมที่ 16.30 บาทไปอีก 50 สตางค์
ราคาซื้อขายดังกล่าวทะยานสูงขึ้นอย่างเห็นได้ความแตกต่างอย่างชัดเจน หลังจากนำบริษัทฯ เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันแรกเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2559 ด้วยราคาไอพีโอ 10 บาท เท่านั้นเอง
ข่าวที่ 4 “หวังท้าเที่ยวงานกาแฟเชียงราย2วันโกย58ล้านบาท”
นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ระหว่าง 23-24 กันยายน นี้ ได้ร่วมกับนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดงานโครงการ “ท้าเที่ยวข้ามภาค” กระตุ้นคนไทยเดินทางท่องเที่ยวข้ามภูมิภาคมากขึ้น ด้วยแคมเปญ “Best of Coffee and Tea @ Chiangrai” เป็นกลยุทธ์สร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยววิถีไทย กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ สร้างเศรษฐกิจ และกระจายรายได้สู่ชุมชน พุ่งเป้าขยายฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบดื่มชา กาแฟ ชอบวิถี Café Culture รักการถ่ายภาพ และกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจกาแฟที่มาร่วมแลกเปลี่ยนธุรกิจกัน ตลอดงานตั้งเป้าจะทำเงินมีเงินสะพัดกว่า58 ล้านบาท
ตลอดงานได้แบ่งพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วม 4 โซน ได้แก่
1.โซนนิทรรศการ กาแฟของพ่อ รวบรวมเรื่องเส้นทางท่องเที่ยว ไร่ชา พร้อมนำเสนอเรื่องที่ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้นำกาแฟต้นแรกมาให้ชาวเขาปลูกแทนการปลูกฝิ่นจนกระทั่งเปลี่ยนจากฝิ่นกลายเป็นเมืองกาแฟในปัจจุบัน
2.โซนชากาแฟ CAFÉ & CAMP พบกับ 20 สุดยอดร้านชากาแฟทั่วภาคเหนือ ที่มาบริการและจำหน่ายชากาแฟสูตรต่างๆ ให้ได้ลิ้มลองตลอดงาน การจัด Workshop Coffee กิจกรรมให้ความรู้เรื่องการทำกาแฟสูตรต่างๆ จากทีมงาน อินทนินทร์ คอฟฟี่ และ Coffee Clinic กิจกรรมการให้ความรู้ คำแนะนำเรื่องแหล่งวัตถุดิบ ทั้งเมล็ดกาแฟ เครื่องชง และวิธีการชง
3.โซน FOOD MARKET & STREET ARTจะรวบรวมอาหารถิ่นภาคเหนือที่หารับประทานได้ยาก จากร้านอาหารท้องถิ่นเก่าแก่ต่างๆ อาทิ ขนมจีนน้ำเงี้ยว จากร้านน้ำเงี้ยวป้าสุข โรตีร้านป้าใหญ่ ร้านลูกชิ้นสดท่าแพ พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ให้เหล่าศิลปิน นักศึกษา ที่มาร่วมวาดภาพและจำหน่ายสินค้างานศิลปะ และดนตรีเปิดหมวก
4.โซน MUSIC IN THE GARDENพบกับกิจกรรมดนตรีในสวนจากศิลปินชั้นนำของเมืองไทยมากมาย อาทิ “ป๊อด ธนชัย อุชชิน” ศิลปินวงนกแล และมินิคอนเสิร์ตจากวง “ETC” นอกจากนี้ยังพบกับ Street show ของกลุ่มนักศึกษา ภายใต้บรรยากาศร่มรื่นภายในสวน
ไฮไลต์อีกส่วนคือ “ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี” พรีเซ็นเตอร์ โครงการท้าเที่ยวข้ามภาค มาร่วมท้าเที่ยวข้ามภาคชวนคนไทยร่วม workshop ทำ coffee art หรือกาแฟ Signature “ฮักเจียงฮาย”
ข่าวที่ 5 “TCEBบูมก้าวตามรอยพ่อ3พอ-THAILAND CONNECT”
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB เปิดเผยว่า ตั้งแต่ในปีงบประมาณ 2561 เริ่มตุลาคมนี้เป็นต้นไป ได้นำโครงการ “ก้าวตามรอยพ่อประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ” ตามหลัก 3 พอ ได้แก่ พอเพียง เพิ่มพูน และพัฒนา มุ่งเน้นการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเข้ามากระตุ้นองค์กรและหน่วยงานเอกชนจัดประชุมสัมมนาในประเทศในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่กระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
โดยผ่าน 3 กิจกรรม คือ การสัมมนาเรียนรู้ การทำกิจกรรม และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเป็นต้นแบบการเรียนรู้ที่นำปรับใช้ในการทำงาน และการใช้ชีวิต
เบื้องต้นได้คัดเลือกต้นแบบโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 3 แห่ง ประกอบด้วย เรื่อง “พอเพียง” ในศูนย์ศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน (จ.จันทบุรี)ในเรื่อง “เพิ่มพูน” โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และเรื่อง “พัฒนา” โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (จ.เพชรบุรี)
ตลอดปีงบประมาณ 2561 ระหว่างตุลาคม 2560-เดือนกันยายน 2561 ทาง TCEB ได้จัดทำแพคเกจสนับสนุนเอกชนที่นำพนักงานหรือลูกค้าไปประชุมสัมมนาหรือทำกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 30 คน ใน 19 โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จะได้รับการสนับสนุนค่าเดินทางหน่วยงานละ 30,000 บาทต่อกลุ่มคณะ
โครงการนี้ TCEB ได้รับความร่วมมือกับอีก 4 หน่วยงาน คือ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง ธนาคาร CIMBT และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เป็นแกนหลักระดมบริษัทนำเที่ยวจัดแพกเกจไมซ์ในโครงการพระราชดำริตลอดทั้งปี
สำหรับเสาร์ที่ 23 –อาทิตย์ที่ 24 กันยายน นี้ TCEB ได้นำนิทรรศการของโครงการเปิดให้หน่วยงานและประชาชนทั่วไปเข้าชมและศึกษา ณ บริเวณชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2560 TCEB เตรียมนำแคมเปญสื่อสารประเทศไทย “THAILAND CONNECT Your Vibrant Journey to Business Success, decoded with chapters of possibilities” ประกาศการขยายผลของแคมเปญในโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดงาน IT&CM Asia and CTW Asia-Pacific 2017 งานเทรดโชว์ด้านไมซ์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไฮไลต์โดยเน้นนำเสนอภารกิจในเชิงลึกมากขึ้น และสร้างความโดดเด่นให้กับจุดแข็งของประเทศไทยเพื่อดึงดูดนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากนานาชาติมาใช้บริการอย่างต่อเนื่องต่อไป
ช่วงที่ 2 จูงมือกันไปดูแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติของพ่ออันเป็นต้นแบบการบำบัดน้ำเสียและปกป้องสิ่งแวดล้อมที่ “โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย” แล้วไปตามดู ครม.เปิดช่องให้ซื้อประกันสุขภาพใช้ลดหย่อนภาษีปี’60 ได้ และข่าวท้ายชั่วโมง ฮือฮากับแผนรื้อโครงสร้างธุรกิจของ “นกแอร์-บินไทย-ไทยสไมล์” ในขณะที่กลุ่มแอร์ เอเชีย งัดลูกเล่นใหม่ ๆ มาโกยผู้โดยสารตั้งแต่วัย 2 ขวบขึ้นไป
@ไปแหลมผักเบี้ยต้นแบบปกป้องสิ่งแวดล้อมทั่วไทย
เริ่มออกเดินทางไปเปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ ใน “โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ตั้งอยู่ที่ ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00 - 18.00 น.
เป็นทั้งสถานที่เรียนรู้ทางด้านสิ่งแวดล้อม ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรีแล้ว ยังได้ชื่อว่าเป็น " ต้นแบบ การบำบัดน้ำเสีย สู่น้ำใส ด้วยกลไก ของธรรมชาติ "หนึ่งในโครงการภายใต้การดูแลของมูลนิธิชัยพัฒนา ที่ช่วยเยียวยาและปกป้องระบบนิเวศชายฝั่งอย่างยั่งยืน
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2533 แม่น้ำเพชรบุรีคือเป็นเส้นเลือดใหญ่คอยหล่อเลี้ยงชีวิตคนสองฝั่งน้ำ ประสบปัญหาสิ่งแวดล้อม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้สำนักงาน กปร. และกรมชลประทาน ร่วมกัน ศึกษาและหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมชายฝั่งทะเล จึงเป็นที่มาของการจัดทำแผนปฏิบัติ ตามวัตถุประสงค์หลักคือการศึกษาวิจัยหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียกับขยะชุมชน ที่ประหยัด สะดวก ทำได้ง่าย สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศอย่างกว้างขวาง
โดยใช้พื้นที่บริเวณตำบลแหลมผักเบี้ยอำเภอบ้านแหลม เป็นพื้นที่ศึกษาวิจัยของโครงการซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆให้หมดไปอย่างยั่งยืนช่วยให้คุณภาพน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับมาจนถึงปัจจุบัน
แหลมผักเบี้ยนอกจากจะเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติบริเวณ ปากอ่าวแล้ว ยังสามารถชมนกหลากหลายสายพันธุ์ที่ หาชมได้ยากอีกด้วย เรียกว่ามาเที่ยวที่นี่แล้วได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินกับไปพร้อมกันในคราวเดียว
เมื่อไปถึง โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยฯ แล้วสามารถไปร่วมกันทำ “กิจกรรมการศึกษาดูงาน” เริ่มจากเยี่ยมชมกระบวนการบำบัดน้ำเสียด้วยบ่อบำบัด หญ้ากรองน้ำ ป่าชายเลน ร่วมดูและทดลองทำเทคโนโลยีการทำปุ๋ยหมักจากขยะโดยการฝังกลบ ในกล่องคอนกรีต
“กิจกรรมสันทนาการ” ร่วมศึกษาเส้นทางธรรมชาติระบบนิเวศป่าชายเลน โดยลองพายเรือท่องเที่ยวตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนบริเวณปากอ่าวระยะทางราว 4 กม. เพื่อรอชมนกหายาก อาทิ นกยาง นกกาน้ำเล็ก นกเป็ดผีเล็ก นกอีเสือ สีน้ำตาล และนกกินเปรี้ยว ในแหล่งดูนกสำคัญแห่งหนึ่งของไทย สามารถดูได้ 2 ช่วง คือเช้าตรู่นกจะบินออกจากรังไปหากิน และช่วงแดดร่มลมตก นกจะโบยบินกลับรัง
ภายในโครงการฯ มีห้องประชุม 2 ห้อง รองรับได้ 100 คน แต่ไม่มีที่พักเพราะพื้นที่รอบบริเวณแถบหาดเจ้าสำราญมีบริการที่พักให้เลือกได้มากหลายหลายราคา
ส่วนการวางแผนสัมผัสธรรมชาติเส้นทางท่องเที่ยว จ.เพชรบุรี
“ช่วงเช้า” เดินทางสู่โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย เดินชมป่าชายเลน ดูนกหายาก “ช่วงบ่าย” พักผ่อน รับประทานอาหารทะเลสดๆ ที่หาดเจ้าสำราญ และหาดปึกเตียน
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด ขอแนะนำ เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ศึกษาการบำบัดน้ำเสียด้วยกลไกธรรมชาติ ส่วนการจัดการระบบพืชและหญ้ากรองน้ำเสีย และระบบพื้นที่ชุ่มน้ำเทียม ที่อาศัยระบบพืชและ หญ้ากรอง จำพวก หญ้าแฝก ธูปฤาษี และกกกลม ช่วยบำบัดน้ำเสีย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สนใจท่องเที่ยวโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย โทร. 0-3244-1264-5
การเดินทาง จากตัวเมืองเพชรบุรี ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3177 ตรงไป ระยะทางประมาณ 15 กม. สู่หาดเจ้าสำราญ ก่อนถึงหาดเจ้าสำราญราว 1 กม. จะมีทางแยกให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปประมาณ 6 กม.
@ทำประกันสุขภาพ1.5หมื่นใช้ลดภาษีได้ปี’60
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่พระนครศรีอยุธยา เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการภาษีให้นำค่าใช้จ่าย “การประกันสุขภาพ” ของผู้ที่มีเงินได้ มาหักเป็นค่าลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท เมื่อรวมค่าเบี้ยลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิต และเงินได้ที่ฝากไว้กับธนาคารต้องไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี
โดยเป็นเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายเริ่มวันที่ 1 ม.ค. 2560 เป็นต้นไป ตามกระทรวงการคลังรายงานว่า มาตรการดังกล่าวส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐไม่มากนัก แต่จะช่วยลดภาระการจัดสรรงบประมาณของรัฐด้านสุขภาพได้
ขณะเดียวกันก็ยังไม่ขยายวงเงินประกันเกิน 1 แสนบาท ในการให้สิทธิลดหย่อนจากการซื้อประกันชีวิตเดิม เพราะปัจจุบันผู้มีรายได้ปานกลางไม่ได้ใช้สิทธิจนครบ 1 แสนบาท ถ้าขยายเพดานก็จะช่วยผู้มีรายได้สูงนั่นเอง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “นกแอร์ผ่าแผนเพิ่มทุน-หุ้นสามัญขอ3ปีฟื้นธุรกิจ”
นายปิยะ ยอดมณี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นนกแอร์ มีมติเห็นชอบปรับโครงสร้างธุรกิจโดยอนุมัติให้เดินหน้าทั้ง 2 ส่วน คือเพิ่มทุนและจัดสรรหุ้นสามัญใหม่ควบคู่กันไป ตั้งเป้าหมายระดมทุนครั้งใหม่ได้ถึง 1,700 ล้านบาท เพื่อเร่งทำตามแผนฟื้นฟูระยะ 3 ปี (2560-2562) ตามสูตรลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
โดยนกแอร์วางกลยุทธ์เดินหน้า ส่วนที่ 1 แผนเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทฯ ครั้งที่ 2 จำนวน 1,207 ล้านบาท จากเดิม 1,292 ล้านบาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 2,499 ล้านบาท ส่วนที่ 2จัดสรรหุ้นสามัญใหม่จากการเพิ่มทุนจดทะเบียนไม่เกิน 1,135 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ด้วยราคาเสนอขายหุ้นละ 1.50 บาท จำกัดไว้ไม่เกิน 71 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 1 จะเปิดให้จองซื้อและชำระค่าหุ้นระหว่างวันที่ 16-20 ต.ค. 2560
ส่วนการลดค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ปี 2560-ต้นปี 2561เตรียมปลดระวางเครื่องบินเก่า 7 ลำ คือ ATR72-500 จำนวน 2 ลำ โบอิ้ง 737-800 จำนวน 5 ลำ โดยมีฝูงบินรวม 24 ลำ จากนั้นระหว่างปี 2562-64 ก็รับมอบเครื่องบินใหม่ โบอิ้ง 737 MAX 8 ลำ ตามแผนปี 2562 รับ 2 ลำ ปี 2564 รับ 2 ลำ ส่วนปี 2561 จะปรับเพิ่มชั่วโมงการใช้งานเครื่องบินให้เพิ่มความคุ้มค่าการใช้งานเป็นลำละ 10-11 ชั่วโมง/วัน จากปัจจุบันลำละ 8 ชั่วโมง/วัน
ขณะเดียวกันก็ยังจะเปิดเส้นทางบินใหม่ ตั้งแต่ 30 กันยายนนี้ เป็นต้นไป หันไปจะบริการเช่าเหมาลำจากสนามบินอู่ตะเภาไปยังจีน 5 เมืองหลักได้แก่ อินชวน หลินยี นานชาง ไห่โข่ง และฉางชา สัปดาห์ละรวม 12 เที่ยว
สำหรับผู้ถือหุ้นนกแอร์ ที่จะได้รับสิทธิ์เพิ่มทุนจดทะเบียน ประกอบด้วย การบินไทย จะใช้เงินเพิ่มทุนประมาณ 380 ล้านบาท และกลุ่มครอบครัว “จุฬางกูร” ซึ่งถือหุ้นสัดส่วนมากเป็นอันดับหนึ่ง
ทั้งนี้ในวันที่ 27 กันยายน 2560 นี้ การบินไทยจะนำทีมนัดประชุมพิเศษ เพื่อวางทำแผนฟื้นฟูเพิ่มประสิทธิภาพนกแอร์หลังประกาศปรับโครงสร้างใหม่ ซึ่งจะพิจารณาเรื่องสำคัญ 3 ส่วน 1.จัดตั้งคณะกรรมการบริหารชุดพิเศษ (Execlutive Management Committee) 2.การใช้ทรัพยากรทางร่วมกันระหว่างนกแอร์กับการบินไทยในการให้บริการ 3.จัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเข้ามาเสริมความเข้มแข็งในระยะยาว
ข่าวที่สอง บินไทยเห่อฝูงบินดรีมไลเนอร์บินเชียงใหม่/ภูเก็ต
ขณะที่ นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หลังรับมอบเครื่องรุ่นใหม่ลำแรกโบอิ้ง 787-9 ดรีมไลเนอร์ จะนำมานำร่องบริการบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ สู่เมืองท่องเที่ยวในประเทศยอดนิยม 2 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เริ่มวันที่23 ก.ย.-15 ต.ค. 2560 และกรุงเทพฯ-ภูเก็ต ระหว่าง 16 ต.ค.-15 พ.ย. 2560 ก่อนจะนำไปบิน กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ จากนั้นเมื่อรับเครื่องครบ2 ลำ ก็จะขยายไปบิน กรุงเทพฯ-โอ๊กแลนด์ (นิวซีแลนด์) วันละ 1 เที่ยวตั้งแต่ 16 พ.ย.เป็นต้นไป
นางอุษณีย์ กล่าวว่าแนวโน้มรายได้ของการบินไทยโดยรวมในปี 2560 จะทำให้ถึงเป้าหมาย 1.9 แสนล้านบาท รายได้หลักมาจากการขายตั๋วโดยสารให้ได้ถึง 1.5 แสนล้านบาท
ข่าวที่สาม “ไทยสไมล์ชิมลางบินเกาสง/หลวงพระบาง”
นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยสมายล์ กล่าวว่า ไทยสไมล์ได้ร่วมกันกับการบินไทย ประกาศเปิดเส้นทางบินตรงใหม่ 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพ-เกาสง เมืองท่าและศูนย์กลางธุรกิจทางภาคใต้และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของไต้หวัน และ กรุงเทพ-หลวงพระบาง เมืองมรดกโลกของ สปป.ลาว ซึ่งจะเริ่มเที่ยวบินปฐมฤกษ์วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป
โดยไทยสไมล์ กำหนดบินตรง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เกาสง แบบประจำทุกวันด้วยบริการเต็มรูปแบบด้วยราคาโปรโมชั่นเริ่มต้นที่ 4,680 บาท/เที่ยว รวมทุกอย่างแล้ว เมื่อซื้อตั๋วระหว่างวันนี้ – 31 ตุลาคม 2560 จากนั้นนำไปใช้เดินทางได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2560
ข่าวที่สี่ “แอร์เอเชียงัดกลยุทธ์โกยลูกค้าวัย2ขวบ”
Mr. Siegtraund Teh ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ แอร์ เอเชีย กรุ๊ป เปิดเผยว่า ลูกเล่นใหม่ที่จะนำมาใช้กระตุ้นกลุ่มผู้โดยสารรุ่นใหม่ จึงได้จัดทำ Treats Youn Flyers to Free Inflight Meals หรือบริการอาหารฟรีให้แก่เด็กอายุระหว่าง 2-12 ปี ภายในวันที่ 28 กันยายน 2560 นี้ โดยได้รับการสนับสนุนอาหารฟรีจากร้านดัง Lil’ Star Combo เพราะสถิติแต่ละวัน แอร์ เอเชีย กรุ๊ปให้บริการผู้โดยสารเด็ก ๆ วันละกว่า 6,000 คน
ส่วนผู้โดยสารทั่วไปที่จองเมนูอาหารล่วงหน้าก่อนขึ้นเครื่องในแต่ละเที่ยวบินจากร้านอาหารดังกล่าวก็จ่ายค่าบริการจองเพียงครั้งละ 10 ริงกิตเท่านั้น
สำหรับร้าน Lil’ Star Combo พันธมิตรใหม่ของแอร์ เอเชีย กรุ๊ป มีเมนูซิกเนเจอร์นำเสนอทั้งพิซซ่าไก่ขนาดมินิ พร้อมสแน็กบ็อก ที่การันตีคุณภาพ และในเส้นทางบินสู่อินเดียก็ยังมีเมนูมังสะวิรัตไว้บริการเป็นอีกทางเลือกหนึ่งด้วย
ข่าวที่ห้า “ไทยแอร์ฯขาย390บาทไฟลต์เช้าตีสามครึ่งไปภูเก็ต”
ทางด้าน นายสันติสุข คล่องใช้ยา ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2560 นี้เป็นต้นไป เตรียมนำร่องเพิ่มบริการบินในประเทศช่วงเช้าตรู่ 2 เส้นทาง ไป-กลับ ดอนเมือง-เชียงใหม่ ออกจากดอนเมือง เวลา 05.10 น. จากวันละ 12 เป็น 13 เที่ยว และดอนเมือง-ภูเก็ต ออกจากดอนเมือง เวลา 03.35 น.จากวันละ 17 เป็น 18 เที่ยว ซึ่งจะใช้ราคาตั๋วโดยสารเป็นแม่เหล็กดึงดูด ผู้ใช้บริการ เริ่มต้นเพียง 390 บาท เปิดให้ผู้โดยสารเข้าไปจองซื้อตั๋วได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และในอนาคตจะขยายความถี่บินเช้าเส้นทางอื่นๆ ด้วย ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.airasia.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น