ททท.ผุดโปรเจ็กต์ขยะทองคำชุมชนทั่วไทย
ดีไซเนอร์แห่เปิดเทรนด์แฟชั่นขยะโกยเงิน
คิงเพาเวอร์แจกไม่ยั้งสนามบอลแห่ง15ปี61
ททท.เหนือ-4สมาคมขายทัวร์วันแม่สู่เชียงตุง
บางจากรุกขยายปั๊ม-สาขาSPA-ร้านอินทนิล
ทอท.ทุ่มใช้5.3หมื่นล้านดอนเมืองF3/ชม.F1
TCEBดัน13เอกชนแชมป์AMVSปั๊มรายได้พุ่ง
ชมพิพิธภัณฑ์ใหม่บ้านคำปุนทัวร์ผ้ากาบบัว
แนะนำวิธีป้องกันผลเสียจากการยืนนาน ๆ
กระทรวงการท่องเที่ยวจ่อดึงอพท.เข้าสังกัด
แอร์เอเชียชูเชียงใหม่บินเพิ่มไทเปโปร1.5พัน
แอร์เอเชียเอ็กซ์ลงทุน9พันล้านฝูงบินA330
เอวาเกาะช้างจัดบุฟเฟต์พร้อมโชว์899บาท
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 เป็นครั้งแรกที่จะได้ฟังกันชัด ๆ กับ “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้อำนวยการ สำนักผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในฐานะผู้บุกเบิกโครงการซีเอสอาร์ลดขยะการท่องเที่ยว ประกาศร่วมกับทุกเครือข่ายจัดทัพใหญ่ปฏิวัติขยะท่องเที่ยวชุมชนให้กลายเป็น “ทองคำ” ล่าสุดผนึกพันธมิตรเจนใหม่ในวงการ Sustainable Brand ตุลาคม 2561 เปิดเวทีแรก เฟ้นหาแชมป์ “ดีไซเนอร์ขยะหน้าใหม่” คิดค้นนวัตกรรมการออกแบบขยะเป็นสินค้าแฟชั่นขายในเชิงพาณิชย์ นำเงินคืนกลับให้ชุมชนนำกลับไปพัฒนาอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการ สำนักผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผู้ดูแลโครงการซีเอสอาร์ลดโลกขยะท่องเที่ยว เปิดเผยว่า จะโหมโครงการซีเอสอาร์ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเพื่อการท่องเที่ยวในองค์กรและร่วมกับพันธมิตรขับเคลื่อนไปพร้อม ๆ กัน นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ ชุมชน มีกิจกรรมหลากหลายซึ่งก่อให้เกิดปริมาณขยะเกิดขึ้น ขณะนี้จึงเริ่มทำโครงการขยะรักโลกนำสิ่งของหรือคูปองมาแลกเป็นของรางวัล แปรรูปขยะเหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์ของใช้ กิจกรรมแรกจับมือกับกลุ่ม พีทีทีจีซี เดินหน้าทำ up clying the Ocean ต่อเนื่องมา 2 ปี ร่วมมือกับเก็บขยะในทะเลที่ระยอง นำขยะมาทอเป็นเส้นใยผลิตเสื้อผ้ามาจากพลาสติกรีไซเคิลจริง ๆ
จากนี้ไปจะเริ่มต่อยอดนำขยะที่ ททท.เก็บได้พัฒนาเป็นสินค้าอื่น ๆ โดยจับมือกับพันธมิตรกลุ่มที่ 2 Sustainable Brand นำมารีดีไซน์เป็น Good Waste จัดประกวดแข่งขันในกลุ่มดีไซเนอร์รุ่นใหม่ออกแบบแฟชั่นเทรนด์ใหม่ที่จะให้เห็นในเวทีการจัดงาน Sustainable Brand ครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2561
สำหรับซีเอสอาร์ที่ทำกับพันธมิตรเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2561 ททท.จับมือรัฐ เอกชน ชุมชน กับ 37 องค์กร ลงนามปฏิญญาโครงการ “ลดโลกเลอะ” โดยจะเห็นถึงทุกพื้นที่โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวต้องผนึกกำลังกันเลิกผลิตขยะ หรือต้องแยกขยะอย่างเป็นระบบ ส่วนโรงแรมร่วมมือดีมากเรื่องการร่วมลดปริมาณขยะพลาสติก รวมทั้งหันไปใช้ขยะที่สามารถนำมารีไซเคิลใช้ซ้ำใหม่ได้
อีกทั้งทาง ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประกาศให้ทุกวันที่ 1 ตุลาคม ของแต่ละปี รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนออกมาร่วมกันเก็บขยะทั่วประเทศ ถือเป็นช่วงเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวทางทะเลเปิดฟ้าอุตสาหกรรมเดินทาง จึงใช้เป็นดีเดย์ต้อนรับนักท่องเที่ยวต้อนรับการเริ่มศักราชปีงบประมาณใหม่ 2562
โดยจะโหมทำประชาสัมพันธ์ตุลาคม 2561 นี้ จับมือกับธนาคารจิตอาสา ของ สสส.หารือกันเรียบร้อยแล้ว จะทำโครงการรณรงค์ “ถุงฟ้าล่าขยะ” เปิดให้ประชาชน ชุมชน เมืองหลัก เมืองรอง ร่วมมือกับ ททท.ในทุกพื้นที่ หรือทุกหมู่บ้านที่อยู่ติดหาดก็สามารถชวนนักท่องเที่ยวออกมาเก็บขยะหน้าบ้านของตนเองได้
สำหรับการแยกหมวดหมู่ของขยะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ เฟสแรก ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ เข้ามาร่วมออกแบบทำเป็น แฟชั่นเสื้อผ้า นำขวดพลาสติกมาเป็นเส้นใย และมีการร้องขอจากชุมชนประมง ต้องการให้ทำเป็นวัสดุประเภทใช้สอยในการประมงได้ เช่น ตาข่ายดักปลาขนาดมาตรฐานที่ปลาตัวขนาดเล็กรอดเข้ามาไม่ได้ หรือโรงแรมขอให้ทำเป็นของใช้ เช่น โต๊ะ ใช้งานในห้องพัก ซึ่งได้รับโนว์ฮาวน์จากต่างประเทศ นำพลาสติกมาผสมปูนหล่อเป็นเฟอร์นิเจอร์
โดยจะได้เห็นดีไซเนอร์หน้าใหม่ขึ้นมาประชันผลงานเชิงสร้างสรรบนเวทีงานใหญ่ประจำปี Sustainable Brand 2018 (ดูรายละเอียดได้ที่ www.sustainablebrandbangkok2018.com) รวมทั้งจะประกาศรายชื่อผลงานที่จะคว้าแชมป์การออกแบบขยะเป็นของใช้เทรนด์สมัยใหม่ใช้งานได้จริง และสามารถนำมาจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ด้วย
เมื่อได้ภาพใหญ่ของการนำทัพแปรขยะเป็นของมีมูลค่าแล้ว ในเชิงพาณิชย์ผลิตเพื่อจำหน่ายนั้น ในส่วนขององค์กร ททท.อย่างโครงการลดโลกเลอะได้นำขยะมาจัดทำเป็นของที่ระลึกผู้เข้าร่วม 2.กลุ่มโอท็อปสามารถนำขยะแปรรูปมาร่วมจำหน่ายได้ 3.พันธมิตรกลุ่ม up Clying the Ocean นำเส้นใยพลาสติกมาผลิตเสื้อล็อตแรกจากขยะระยองกับภูเก็ต ขณะนี้บรรดาร้านแฟชั่นดีไซน์หลาย ๆ ร้าน สนใจนำผลิตภัณฑ์ไปต่อยอดมูลค่าเพิ่มและวางขาย จากนั้นก็จะนำรายได้คืนกลับไปให้ชุมชนเพื่อนำไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น
ผอ.ฐาปนีย์ กล่าวว่า ททท.จะเดินหน้าต่อยอดการนำขยะมาแปรรูปเพื่อเสริมสร้างการกระจายรายได้สู่ชุมชน ทำให้เกิดความสุขเมื่อได้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างสภาพแวดล้อมรักษาอัตลักษณ์ไว้ได้ด้วย เมื่อปี 2560 ททท.นำร่องทำ ซีซั่น1 โครงการ CEO Village to the World เน้นเรื่องซีเอสอาร์แหล่งท่องเที่ยวชุมชนอย่างมาก ในการคัดเลือกชุมชนเข้าร่วมโครงการจะมีทีมลงพื้นที่เข้าไปสอนวิธีการจัดการขยะ คัดแยก และบริหารจัดการขยะชุมชนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และอธิบายถึงผลที่จะตามมาต่อภาพลักษณ์ของชุมชน
ซีซัน 2 เน้นการท่องเที่ยวทั่วไทยกลุ่มเจเนอเรชั่นใหม่ อาสาโซเชียล พาเที่ยวชุมชน ระดมกลุ่มจิตอาสาที่มีเครือข่ายโซเชียลโดยมีผู้ติดตามหรือ follower จำนวนมากที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในแหล่งชุมชน ททท.ได้นำมาเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ขลัดเกลาให้เข้าใจถึงแนวทางการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ขณะนี้กลุ่มอาสาโซเชียลกลุ่มน้ำดีได้ลงพื้นที่ไปเที่ยว สร้างสัมพันธ์ การเรียนรู้ที่ดีแก่ชุมชน จิตสำนึกที่แสดงบนโซเชียล ทำให้เกิดผลเชิงบวกหลายเท่าหรือ multiplier effect ต่อชุมชน ก่อให้เกิดการโปรโมตให้ชุมชนสามารถขายท่องเที่ยวได้จริง
โดยทำงานร่วมกันเครือข่ายพันธมิตรอย่างใกล้ชิด สร้างสรรค์การทำโปรแกรมพักค้างคืนในชุมชน ขณะนี้มีการริเริ่มโหม 1 night stay in Local เริ่ม 14 ชุมชน แต่ละชุมชนจะคิดค่าใช้จ่ายต่อคน อาหาร ที่พัก บริการ และที่สำคัญคือการรักษาสิ่งแวดล้อม จึงขอเชิญชวนชาวไทยเข้าไปสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนเมืองรองแล้วไปเที่ยวต่อเมืองหลักก็ได้
นับจากนี้ไป ททท.จะทำให้ขยะท่องเที่ยวทุกพื้นที่ท้องถิ่นของประเทศไทย กลายเป็นทองคำหรือสินทรัพย์ (asset) ที่มีค่าของท้องถิ่นได้ในอนาคตอันใกล้นี้ให้จงได้
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ลุยแจกสนามบอลแห่งที่15”
นางเอมอร ศรีวัฒนประภา รองประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า ได้นำทีมผู้บริหารและพนักงานส่งมอบสนามฟุตบอลหญ้าเทียมแห่งที่ 15 ขนาดพื้นที่มาตรฐานเล่นได้ 7 คน ให้แก่โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย และแจกลูกฟุตบอลให้ชุมชนและโรงเรียนบริเวณใกล้เคียงอีก 6 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนสมาหารศึกษา โรงเรียนรุ่งเรืองวิทยา โรงเรียนศรีเอี่ยมอนุสรณ์ โรงเรียนวัดสะพาน โรงเรียนดาราคาม และโรงเรียนบางจาก (นาคเผื่อนอุปถัมภ์) และจัดกิจกรรมเล่นเกมฝึกทักษะเล่นฟุตบอลรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การเลี้ยงลูกบอล การยิงประตู เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้และก่อให้เกิดความสนุกสนานให้แก่เด็กและเยาวชน
นับเป็นหนึ่งในโครงการเพื่อสังคม ‘คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลัง คนไทย’ ที่จะผลักดันให้เด็ก ๆ มีความสุข อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะแจกสนามฟุตบอลทั่วประเทศตลอดโครงการรวม 100 สนาม ภายใน 5 ปี ระหว่าง 2560-2564
ข่าวที่ 2 “ททท.-4สมาคมจัดทัวร์วันแม่เชียงรายสู่เชียงตุง”
นางสมฤดี จิตรจง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จะจับมือกกับ 4 สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว ได้แก่ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) สมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย (สนท.) สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) ขายแพกกเกจนำเที่ยวรายการพิเศษ “เส้นทางเชียงราย” ช่วงวันแม่ แพกเกจ 4 วัน 3 คืน ระหว่าง 10-13 สิงหาคม 2561
โดยทั้งที่ 4 สมาคม จะผลิตแพกเกจแล้วช่วยกันขาย ประกอบด้วย “วัดร่องขุ่น” ผลงานการออกแบบและก่อสร้างโดย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ต่อด้วยการแวะสักการะ “รอยพระบาทของพ่อ” ณ ค่ายเม็งรายมหาราช “ไร่ชาฉุยฟง” จิบชาทานขนมแล้วเดินทางสู่ “ดอยตุง” เยี่ยมชมพระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวง
จากนั้นพาข้ามพรมแดนตรงด่านแม่สายไปยัง “เมืองเชียงตุง” เมืองสามจอม เจ็ดเชียง เก้าหนอง สิบสองประตูเมือง เมืองหลวงของรัฐฉานอันมีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนาน แวะพักยืดเส้นยืดสาย ณ ดอยปางควาย ซึ่งเป็นจุดสูงที่สุดของเส้นทาง เยือน “หมู่บ้านชาวเขาเผ่าแอ่น” ชมการดำรงชีวิตของชาวเขาฟันดำ ที่มีความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย พร้อมเลือกซื้อผ้าทอมือลวดลายแปลกตา
แวะนมัสการ “พระธาตุจอมดอย” หรือ พระธาตุจอมลอย ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ตามตำนานชาวลัวะที่สร้างพระธาตุแห่งนี้ ขึ้นมา และสาปไม่ให้เจ้าใหญ่นายโตท่านใดมาสักการะ แล้วไปสักการะ “พระมหาเมี๊ยะมุนี” องค์จำลองจากมัณฑะเลย์ ณ วัดหลวงคู่เมืองเชียงตุง ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2470 โดยเจ้าก้อนแก้วอินแถลง เจ้าฟ้าเมืองเชียงตุง
เยี่ยมชม “ตลาดเช้าเชียงตุง” ต้นไม้ยางยักษ์ขนาด 8 คนโอบ อายุมากกว่า 200 ปี ต้นไม้คู่เมืองเชียงตุง ปลูกโดยเจ้าอลองพญา สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดพระธาตุจอมคำ หรือ วัดพระธาตุจอมทอง สักการะ พระยืนชี้นิ้ว ปางพุทธทำนาย ที่ใหญ่ที่สุดในรัฐฉาน ณ วัดจอมสัก แล้วกลับเข้าเขตแดนไทยร่วมงานเลี้ยง ณ ไร่แม่ฟ้าหลวง สนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาค ภาคเหนือ
เยือน “วัดถ้ำป่าอาชาทอง” หนึ่งใน Unseen in Thailand ซึ่งอยู่บนดอยสูง ต.ศรีคำ อ.แม่จัน ร่วมตักบาตรบนหลังม้าก่อนเดินทางสู่ “ศูนย์วิปัสนาไร่เชิญตะวัน” ก่อสร้างขึ้นโดย พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ท่าน ว.วชิรเมธี) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาสู่ประชาคมโลก เยือน “วัดห้วยปลากั้ง” ชม “พบโชคธรรมเจดีย์” สูง 9 ชั้น ศิลปะจีนผสมล้านนา แวะชมความงดงามของพระอุโบสถสีฟ้าแห่ง “วัดร่องเสือเต้น” ก่อนปิดท้ายด้วยการซื้อของฝากที่เชียงรายไนท์บาซ่า
ข่าวที่ 3 “บางจากรุกขยายปั๊ม-สาขาSPA-กาแฟอินทนิล”
นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า ปี 2561 ตั้งเป้าหมายเปิดสถานบริการน้ำมันใหม่เป้าอีก 80 แห่ง ใช้เงินลงทุนราว 1.5 พันล้านบาท ช่วงครึ่งแรกปีนี้เปิดสถานีบริการแล้ว 30 แห่ง และจะเปิดในช่วงครึ่งปีหลังอีก 50 แห่ง ส่งผลให้สิ้นปีนี้มีทั้งสิ้น 1,200 แห่ง
ควบคู่กับการขยายธุรกิจเสริมอื่น ๆ เพื่อดึงดูดใจลูกค้าเข้ามาใช้บริการในสถานีบริการน้ำมันให้มากขึ้นด้วย ปี 2561 จะเปิดร้านกาแฟอินทนิล 200 แห่ง ช่วงครึ่งแรกของปีนี้เปิดไปแล้ว 120 แห่ง ส่วนที่เหลืออีกในช่วงครึ่งหลังซึ่งจะทำให้มีร้านกาแฟอินทนิล 600 แห่ง จากปีที่ผ่านมาเปิดเรียบร้อยแล้ว 400 แห่ง
ส่วนร้านซูเปอร์มาร์เก็ต SPAR สิ้นปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 20 แห่ง ปัจจุบันมี 35 แห่ง และจะเพิ่มฐานสมาชิกบัตรแก๊สโซฮอล์คลับและดีเซลคลับเป็น 2 ล้านราย จากปัจจุบัน 1.8 ล้านราย
ข่าวที่ 4 “ทอท.ผ่านแผน5.3หมื่นล้านดอนเมืองF3-ชม.F1”
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท./AOT” รายงานว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2561 มีมติเห็นชอบให้ใช้งบประมาณกว่า 5.3 หมื่นล้านบาทเพื่อขยายขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยาน เดินหน้าปรับปรุงแผนแม่บทโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ (fase) 3 วงเงินลงทุน 37,590.246 ล้านบาท รวมการก่อสร้างอาคารบริการผู้โดยสารบริเวณลานจอดสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) วงเงิน 207,106,739. บาท และโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ (fase) 1 วงเงินลงทุน 15,818.507 ล้านบาท
รายละเอียดการพัฒนาดอนเมืองเฟส 3 ระหว่าง 2561-2567 พุ่งเป้าเพิ่มความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 40 ล้านคน จากปัจจุบัน 30 ล้านคน โดยจะรื้ออาคารผู้โดยสารภายในประเทศ หลังเดิมกับอาคารเทียบเครื่องบินหมายเลข 6 เพื่อก่อสร้างเป็นอาคารผู้โดยสาร อาคาร 3 พื้นที่ 155,000 ตารางเมตร ซึ่งจะรับผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มได้ปีละ 18 ล้านคน
หลังจากนั้นจะปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ระหว่างปรับปรุงก็จะให้ไปใช้อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จทั้ง 2 อาคารจะรองรับผู้โดยสารภายในประเทศปีละ 22 ล้านคน
ตามแผนดอนเมืองเฟส 3 กำหนดแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ.2567 โดยจะพัฒนาส่วนอื่นควบคู่กันไปด้วย ได้แก่ 1.เขตการบิน (Airside) และนอกเขตการบิน (Landside) 2.ขยายหลุมจอดเพิ่มอีก 28 หลุม จาก 114 เป็น 142 หลุมจอด 3.ขยายช่องทางถนนในสนามบิน 4.เพิ่มพื้นที่ลานจอดรถยนต์ จาก 4,475 คัน เป็น 5,736 คัน 5.การก่อสร้างอาคารต่าง ๆ
ขณะที่การพัฒนาสนามบินเชียงใหม่ เฟส 1 ระหว่าง 2561-2565 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการรองรับผู้โดยสารเป็นปีละ 16.5 ล้านคน จากปัจจุบัน 8 ล้านคน (กำลังจะเต็มในปี 2568) จึงต้องทำให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ.2565
ดังนั้นจึงต้องก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและอาคาร ได้แก่ 1.ทางขับและลานจอดอากาศยาน 2.สร้างหลุมจอดเพิ่มขึ้นจาก 12 เป็น 31 หลุมจอด 3.สร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ โดยปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิมให้เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ทำให้มีอาคารผู้โดยสารเพิ่มจากเดิมเป็น 2 อาคาร
4.สร้างอาคารสำนักงานเชียงใหม่ สายการบิน 5.ลานจอดรถยนต์รวมถึงเพิ่มพื้นที่จอดรถยนต์จาก 800 คัน เป็น 3,000 คัน 6.อาคารระบบสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ 7.ระบบถนนภายในโดยเพิ่มช่องทางจราจร โดยก่อสร้างทางยกระดับแยกผู้โดยสารขาเข้า-ขาออก 8.ปรับปรุงขยายระบบเติมน้ำมันอากาศยานทางท่อ
ข่าวที่ 5 “TCEBนำเอกชนไมซ์แชมป์AMVSทำรายได้พุ่ง”
TCEB ปลื้มไทยนำสถานประกอบการ 13 แห่งขึ้นแชมป์ AMVS อาเซียน ได้แรงหนุนโพลล์โชว์หลายแห่งทั่วไทยโกยรายได้และงานประชุมเพิ่มเพียบ
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน/TCEB” เปิดเผยว่า ในปี 2561 TCEB สามารถนำอุตสาหกรรมไมซ์ในแต่ละภาคของไทยขึ้นนำเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ทางด้านมาตรฐานสถานที่จัดงาน หรือ ASEAN MICE Venue Standard : AMVS ทั้ง 5 ภูมิภาค รวม 13 ราย ได้แก่ ภาคกลาง 9 ราย ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภูมิภาคละ 1 ราย
โดยมีรายชื่อผู้ประกอบการที่ก้าวขึ้นเป็นผู้นำเรียบร้อยแล้ว และมีผู้สนใจเลือกจัดเป็นสถานที่จัดงานไมซ์เพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างเข้มข้นทั้ง 13 แห่ง ได้แก่
กรุงเทพฯและปริมณฑล เป็นกลุ่มโรงแรม มีทั้ง เจ้าพระยาปาร์ค, ชาเทรียมริเวอร์ไซด์, เซ็นทาราแกรนด์ แอนด์ เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว, เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์, เดอะ สุโกศล, รามาการ์เด้นส์, อโนมาแกรนด์ กรุงเทพ, อมารี ดอนเมืองแอร์พอร์ต, ฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพ สีลม
ภาคใต้ โรงแรมดวงจิตต์ รีสอร์ต แอนด์ สปา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเต็ล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ภาคตะวันออก โรงแรมพูลแมน จี ภาคตะวันตก โรงแรม เชอราตัน หัวหิน รีสอร์ต แอนด์ สปา
รวมถึงผลการโหวตโพลล์การสำรวจความพึงพอใจ ปี 2561 พบว่าโรงแรมและศูนย์ประชุมแถวหน้าของไทยที่ผ่านมาการรับรองมาตรฐานระดับ Thailand MICE Venue Standard :TMVS ต่างก็ได้รับเสียงชื่นชมว่าเป็นสถานจัดงานขั้นดีเยี่ยมจากลูกค้าต่างประเทศ สถานทูตต่างประเทศในไทย มีความเชื่อมั่นสูงขึ้น และมีรายได้จากตลาดรองรับการจัดประชุมเพิ่มขึ้น อาทิ โรงแรมจอมเทียนปาล์มบีชรีสอร์ท พัทยา มีลูกค้าบริษัทเอกชนเข้ามาใช้จ่ายเงินจัดประชุมเพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านบาท C ASEN สื่อประชาสัมพันธ์ของ TCEB มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 30 % โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค มีกรุ๊ปต่างชาติเข้ามาเลือกจัดประชุมและจองห้องพักเพิ่มขึ้น จากกรุ๊ป Sogo Biken หรือ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี หาดใหญ่ ได้รับงานจัด MICE Academy & Career Day 2019 และ Coach the Coaches Program
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยมีให้เลือกได้หลายมุม หลังเสร็จงานบุญใหญ่แห่เทียนพรรษา แนะนำให้ไปชมแหล่งอนุรักษ์การผลิตไหมลายกาบบัวแห่งเดียวในประเทศที่ “พิพิธภัณฑ์บ้านคำปุน” อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี “คุณสุชัย แต้สุจริยา” ได้ทุ่มทุนสร้างงานศิลป์ศูนย์รวมผืนผ้าแห่งชีวิตชุมชนขึ้นมาใหม่ เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมทุกวันแล้ว จากเดิมเปิดเพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้น ส่วนการใส่ใจสุขภาพกับ “วิธีป้องกันผลเสียจากการยืนนานๆ” และข่าวคลุกวงในมีหลายเรื่องน่าสนใจคือ กระทรวงท่องเที่ยวหวังดึง อพท.เข้าสังกัดลุยพัฒนาชุมชนท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จับแหล่งเที่ยวต่าง ๆ ขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง และดันนโยบายปี 62 เริ่มเก็บค่าเหยียบแผ่นดินนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนแอร์เอเชีย โหมใช้เชียงใหม่เป็นฮับเปิดเส้นทางใหม่เข้าไทเป ขณะที่แอร์เอเชียเอ็กซ์ ขอใช้เงินเกือบ 1 หมื่นล้านเพิ่มฝูงบินใหม่แอร์บัส A330 และ “เอวา เกาะช้าง” มีแพกเกจบุฟเฟต์ดินเนอร์พร้อมดูโชว์แค่หัวละ 899 บาท
@เที่ยวพิพิธภัณฑ์ใหม่บ้านคำปุน จ.อุบล
เมื่อไปถึง “อุบลราชธานี” เมืองท่องเที่ยวรองมีขนาดพื้นที่ใหญ่ติด 1 ใน 3 ของประเทศ ดินแดนเมืองแห่เทียนพรรษาเลื่องชื่อ ครั้งหนึ่งในชีวิตคนไทยและชาวโลกต้องแวะเข้าร่วมชมงาน วันนี้ 29 กรกฎาคม 2561 เทียนอุบลจาก 13 คุ้มวัดต่างประชันกันออกแบบนำมาประชันความงามในงานบุญเข้าพรรษา ก่อนจะนำไปตั้งไว้ตามคุ้มวัดต่าง ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมตลอดทั้งปี
ส่วนมุมใหม่ที่จะแนะนำให้แวะไปคือ “บ้านคำปุน” ตรงถนนศรีสะเกษ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี มีชื่อเสียงโด่งดังมากในการอนุรักษ์อัตลักษณ์ “ทอผ้าไหมลายกาบบัว” ไว้ให้คนรุ่นหลังได้รับประสบการณ์อย่างลึกซึ้งถึงเส้นทางไหมอันทรงคุณค่าหาดูยากหนึ่งเดียวในแดนอีสาน อีกทั้งยังสร้างมูลค่าแก่ผู้ทอมีรายได้เป็นกอบกำ สนนราคาผืนละหลักหมื่น แสน ไปจนถึงล้านบาท ขึ้นอยู่กับความยากง่าย การดีไซน์ลายและการถักทอเส้นใยขึ้นมาเป็นผ้าแต่ละผืนที่สามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน
เจ้าของบ้านคำปุนคือ “คุณแม่คำปุน ศรีใส” ปัจจุบันนี้ได้มอบให้บุตรชายทายาทรุ่นลูก “สุชัย แต้สุจริยา” นำบริเวณบ้านอยู่อาศัยในสถาปัตยกรรมการออกแบบพื้นที่งดงาม รูปตัวยู ด้านหน้าเป็นสระบัวขนาดใหญ่ บริเวณด้านข้างและด้านหลังสร้างเป็นเรือนสาธิตการทอผ้าไหมกาบบัวดีไซน์อนุรักษ์และร่วมสมัย ด้านหลังนำเรือนไทยเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงของสะสมทั้งผ้าโบราณ พระพุทธรูปเก่าแก่ และวัตถุโบราณมากมาย
“คุณสุชัย” เล่าว่า ตั้งแต่ 28 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป จะปิดพื้นที่บ้านคำปุน แล้วเคลื่อนย้ายของทั้งหมดไปไว้ใน “พิพิธภัณฑ์คำปุน” อยู่ในบริเวณติดกันกับบ้านหลังปัจจุบัน เพื่อทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ทุกวัน ด้วยการเก็บค่าเข้าชม คนละ 100 บาท เหตุที่ต้องย้ายจากบ้านไปยังพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ก็เพื่อให้สาธารณชนได้สัมผัสได้มากขึ้น แทนของเดิมซึ่งจะเปิดให้ชมเฉพาะช่วงเข้าพรรษา 3 วัน เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ต่อจากนี้ไปก็เข้าชมได้ทุกวัน
สำหรับ “ผ้าไหม ลายกาบบัว” เป็นการคิดค้นและออกแบบโดย “บ้านคำปึน” จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ปี 2555 เมื่อนักท่องเที่ยวเข้าไปชมก็จะได้เห็นถึงขั้นตอนวิธีการทอผ้าพิเศษ ประดิษฐ์คิดค้นมายาวนาน โดยทางบ้านคำปุนถือเป็นศูนย์กลางสำคัญที่ได้รวบรวม เครื่องมือทอผ้าโบราณอันประณีตงดงาม สร้างจากไม้ และไม้ไผ่ นำมาทอเป็นผืนผ้าอันวิจิตรล้ำค่าเป็นอัตลักษณ์คู่บ้านเมือง
ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป ทางบ้านคำปุน จะเปิดให้ชมได้ทุกวัน แบ่งเป็น 2 โซน คือ
โซนแรก โรงทอผ้าไหมแบบครบวงจร ซึ่งจะมีชาวบ้านมานั่งถักทอไหมด้วยเครื่องโบราณ สีสันแตกต่างกันไป ผ้าดีไซน์ ไหมลายกาบบัว ล่าสุดที่เปิดตัววันที่ 28 กรกฎาคม 2561 คือ “ไหมแสงแรก” โทนสีส้มเอิร์ทโทนใช้สีธรรมชาติของเปลือกชาดนำมาผ่านกรรมวิธีการย้อมอย่างพิถีพิถันวิจิตรงดงาม
โซนที่สอง คำปุน คาเฟ่ และอาคารพิพิธภัณฑ์หลังใหม่ ตัวอาคารจะมีทั้งพิพิธภัณฑ์ ภายในจัดทำเป็นนิทรรศการบ้านคำปุน ตกแต่งบอกเล่าเรื่องราวการผลิตผ้าไหม ที่ได้รับการออกแบบลวดลายสไตล์ร่วมสมัย และมีบริเวณมุมนั่งชีลในร้านกาแฟ ร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม และของที่ระลึก จะเปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น สอบถามได้ที่ 045-254-830
@ วิธีป้องกันผลเสียจากการยืนนาน ๆ
วิธีป้องกันผลเสียจากการยืนนานทำได้อย่างไร มีข้อแนะนำหลายอย่างที่สามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง ดังนี้
1.ยืนบนพื้นนิ่ม พื้นที่นิ่มลดแรงกดที่เท้าได้ อาจใช้พรมเช็ดเท้านิ่มๆ ไม่จำเป็นต้องไปซื้อพรมสำหรับยืนที่มีราคาแพง สามารถทดสอบพรมได้ด้วยการถอดรองเท้ายืนบนพรมนั้น หลังจากนั้นลองยืนเท้าเดียว ถ้ารู้สึกว่าสบายเท้าและยืนได้มั่นคงถือว่าใช้ได้
2.ใส่รองเท้าที่มีพื้นนิ่มและหลวมเล็กน้อย รองเท้าที่มีพื้นนิ่มช่วยลดแรงกดไปที่เท้าได้เช่นเดียวกับพื้นที่นิ่ม ส่วนการที่ต้องเลือกรองเท้าหลวมเพราะตกเย็นเท้าของท่านอาจบวมได้เล็กน้อยจากการยืนนาน
3.ไม่ควรใส่รองเท้าส้นสูงในการทำงาน ในกรณีที่เจ็บส้นเท้ามาก อาจใส่รองเท้าส้นสูงได้แต่ไม่เกิน 2 นิ้ว เพื่อช่วยลดแรงกดที่ส้นเท้า
4.ยืนเท้าโต๊ะสูงหรือตู้ขายสินค้าโดยใช้แขนหรือศอกรับน้ำหนักตัวทางด้านหน้า สลับกับการใช้ก้นหรือหลังพิงผนังเป็นครั้งคราว เพื่อลดน้ำหนักกดที่กระทำต่อหลังและเท้า
5. พักการยืนบ่อยๆ หย่อนขาข้างหนึ่ง หรืออาจใช้ที่วางเท้าเป็นบล็อกสูงจากพื้นประมาณ 4-6 นิ้ว
6. ใช้เก้าอี้แบบกึ่งนั่งกึ่งยืน ในกรณีของพนัก-งานเคาน์เตอร์หรือการทำงานในโรงงาน
7. ถ้างานที่ทำสามารถทำได้ทั้งในขณะยืนและ นั่ง ให้ยืนสลับนั่ง แต่ต้องจัดสภาพงานให้เหมาะสม เช่น โต๊ะยืนทำงานไม่ควรเตี้ยเกินไปจนต้องก้มหลัง อาจจัดโต๊ะให้ทำงาน 2 ชุด คือชุดยืนและนั่งทำงาน แล้วให้ทำงานสลับหน้าที่กันเป็นระยะๆ
8. เมื่อรู้สึกเมื่อย ให้เดินไปมาสัก 2-3 นาที จึงค่อยนั่งลง ยกขาทั้ง 2 ข้างพาดบนที่นั่งของเก้าอี้อีก ตัวหนึ่ง ให้เท้าอยู่สูงประมาณระดับเข่า เพื่อช่วยเลือดจากขากลับเข้าสู่หัวใจดีขึ้น ป้องกันหลอดเลือดขอด มีโอกาสพักอย่ายืนคุยให้นั่งยกขาพาดเก้าอี้ อาจจะกระดก ปลายเท้าสลับกันซ้าย-ขวาร่วมด้วย
9. กลับถึงบ้านให้นอนเอาเท้ายันกับกำแพง ให้เท้าอยู่สูงจากพื้นประมาณครึ่งเมตร แล้วกระดกปลาย เท้าขึ้นสลับกันทั้ง 2 ข้าง ทำประมาณ 10 นาที ออกกำลังด้วยการเดิน วิ่ง หรือว่ายน้ำ เป็นเวลา 15-20 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อช่วยการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงขา พักผ่อนด้วยการนอนให้พอเพียงอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ก.ท่องเที่ยวดึงอพท.เข้าสังกัด-ปี61เก็บเพิ่มทัวร์อินบาวนด์
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ในการปรับโครงสร้างใหม่จะนำองค์การบริหารการพัฒนา พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) มาอยู่กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อ ขยายงานเพิ่มจากเดิมซึ่ง อพท.มีความสามารถที่โดดเด่นเรื่องการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนอย่างยั่งยืน โดยให้ชุมชนเป็นผู้บริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวและรับประโยชน์เอง เป็นจังหวะที่ดีเพราะตอนนี้มีแหล่งท่องเที่ยวกระจายอยู่ทั่วประเทศเกินกว่า 5,000 แห่ง แต่การท่องเที่ยวกระจุกอยู่ใน 22 จังหวัด และยังมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมากยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งท่องเที่ยว และรอการค้นพบ เช่น ประเภทถ้ำ ที่มีถึง 4,000 แห่ง
ส่วนการพิจารณานำแนวทางเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวนานาชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ปี 2561 มีรายงานว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะประกาศเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวคนละ 800 บาท เพื่อเป็นค่าดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และทำนุบำรุงทรัพยากรของประเทศ
ข่าวที่สอง “แอร์เอเชียรุกบินเชียงใหม่-ไทเปโปรตั๋ว1.5พันบาท”
ไทย แอร์เอเชีย รายงานว่า จะเปิดเส้นทางบินใหม่โดยใช้ศูนย์กลางการบินภาคเหนือ ไป-กลับ เชียงใหม่-ไทเป (ไต้หวัน) สัปดาห์ละ 4 เที่ยว พร้อมอัดโปรโมชั่นตั๋วราคาสุดพิเศษ เริ่มต้นเที่ยวละ 1,590 บาท ให้ซื้อได้ถึง 29 กรกฎาคม 2561 แล้วเริ่มเดินทาง 30 กันยายน 2561-29 มีนาคม 2562
ขณะนี้มีเส้นทางบินออกจากเชียงใหม่ทั้งในและต่างประเทศ 13 เส้นทาง ไม่รวมไทเป คือ ระหว่างประเทศ 6 เส้นทาง คือ มาเก๊า ฮ่องกง ฉางซา หางโจว กัวลาลัมเปอร์ ย่างกุ้ง และภายในประเทศ 8 เส้นทาง ได้แก่ อุดรธานี ขอนแก่น พัทยา (อู่ตะเภา) สุราษฎร์ธานี กระบี่ หาดใหญ่ ภูเก็ต และกรุงเทพฯ
ข่าวที่สาม “แอร์เอเชียเอ็กซ์ได้วงเงิน9.2พันล้านเพิ่มฝูงA330”
ขณะที่ บริษัท ไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ จำกัด ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) อนุมัติให้ขยายกิจการขนส่งทางอากาศด้วยวงเงินลงทุน 9,250 ล้านบาท ที่จะนำไปใช้เช่าเครื่องบินแอร์บัส A330 รวม 6 ลำ ความจุผู้โดยสารลำละ 377 ที่นั่ง นำมาบริการบินประจำและแบบเช่าเหมาลำ ตลาดทั้งในและต่างประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย นับว่ามีส่วนช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินขยายการเติบโตของท่องเที่ยวไทยควบคู่กันไปด้วย
ข่าวที่สี่ “เอวาเกาะช้างเสิร์ฟบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดหัวละ899บาท”
เอวา รีสอร์ท เกาะช้าง นำเสนอแพกเกจอาหาร Charcoal Grill Buffet ห้องอาหาร เดอะ แซนด์ ทุกวันเสาร์ เวลา 18.30 น. – 22.00 น. ในเพียงราคาสุทธิท่านละ 899 บาท เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มชิมรสของอร่อยตลอดการพักผ่อน มีทั้งเมนูหมู, เนื้อ, ไก่ และซีฟู้ดสดใหม่นุ่มละมุนลิ้น เสิร์ฟพร้อมสลัดผักสด รวมการแสดงโชว์ควงกระบองไฟในบรรยากาศริมทะเล ให้ผ่อนคลายในมื้อค่ำสุดพิเศษและของหวานอีกหลากหลายชนิด โทร. 039-510-762
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำ เวลา 11.00-12.00 น.ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ทางสวท.FM 97.0 MHz.
ดีไซเนอร์แห่เปิดเทรนด์แฟชั่นขยะโกยเงิน
คิงเพาเวอร์แจกไม่ยั้งสนามบอลแห่ง15ปี61
ททท.เหนือ-4สมาคมขายทัวร์วันแม่สู่เชียงตุง
บางจากรุกขยายปั๊ม-สาขาSPA-ร้านอินทนิล
ทอท.ทุ่มใช้5.3หมื่นล้านดอนเมืองF3/ชม.F1
TCEBดัน13เอกชนแชมป์AMVSปั๊มรายได้พุ่ง
ชมพิพิธภัณฑ์ใหม่บ้านคำปุนทัวร์ผ้ากาบบัว
แนะนำวิธีป้องกันผลเสียจากการยืนนาน ๆ
กระทรวงการท่องเที่ยวจ่อดึงอพท.เข้าสังกัด
แอร์เอเชียชูเชียงใหม่บินเพิ่มไทเปโปร1.5พัน
แอร์เอเชียเอ็กซ์ลงทุน9พันล้านฝูงบินA330
เอวาเกาะช้างจัดบุฟเฟต์พร้อมโชว์899บาท
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 เป็นครั้งแรกที่จะได้ฟังกันชัด ๆ กับ “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้อำนวยการ สำนักผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในฐานะผู้บุกเบิกโครงการซีเอสอาร์ลดขยะการท่องเที่ยว ประกาศร่วมกับทุกเครือข่ายจัดทัพใหญ่ปฏิวัติขยะท่องเที่ยวชุมชนให้กลายเป็น “ทองคำ” ล่าสุดผนึกพันธมิตรเจนใหม่ในวงการ Sustainable Brand ตุลาคม 2561 เปิดเวทีแรก เฟ้นหาแชมป์ “ดีไซเนอร์ขยะหน้าใหม่” คิดค้นนวัตกรรมการออกแบบขยะเป็นสินค้าแฟชั่นขายในเชิงพาณิชย์ นำเงินคืนกลับให้ชุมชนนำกลับไปพัฒนาอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการ สำนักผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผู้ดูแลโครงการซีเอสอาร์ลดโลกขยะท่องเที่ยว |
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการ สำนักผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผู้ดูแลโครงการซีเอสอาร์ลดโลกขยะท่องเที่ยว เปิดเผยว่า จะโหมโครงการซีเอสอาร์ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเพื่อการท่องเที่ยวในองค์กรและร่วมกับพันธมิตรขับเคลื่อนไปพร้อม ๆ กัน นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ ชุมชน มีกิจกรรมหลากหลายซึ่งก่อให้เกิดปริมาณขยะเกิดขึ้น ขณะนี้จึงเริ่มทำโครงการขยะรักโลกนำสิ่งของหรือคูปองมาแลกเป็นของรางวัล แปรรูปขยะเหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์ของใช้ กิจกรรมแรกจับมือกับกลุ่ม พีทีทีจีซี เดินหน้าทำ up clying the Ocean ต่อเนื่องมา 2 ปี ร่วมมือกับเก็บขยะในทะเลที่ระยอง นำขยะมาทอเป็นเส้นใยผลิตเสื้อผ้ามาจากพลาสติกรีไซเคิลจริง ๆ
จากนี้ไปจะเริ่มต่อยอดนำขยะที่ ททท.เก็บได้พัฒนาเป็นสินค้าอื่น ๆ โดยจับมือกับพันธมิตรกลุ่มที่ 2 Sustainable Brand นำมารีดีไซน์เป็น Good Waste จัดประกวดแข่งขันในกลุ่มดีไซเนอร์รุ่นใหม่ออกแบบแฟชั่นเทรนด์ใหม่ที่จะให้เห็นในเวทีการจัดงาน Sustainable Brand ครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2561
สำหรับซีเอสอาร์ที่ทำกับพันธมิตรเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2561 ททท.จับมือรัฐ เอกชน ชุมชน กับ 37 องค์กร ลงนามปฏิญญาโครงการ “ลดโลกเลอะ” โดยจะเห็นถึงทุกพื้นที่โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวต้องผนึกกำลังกันเลิกผลิตขยะ หรือต้องแยกขยะอย่างเป็นระบบ ส่วนโรงแรมร่วมมือดีมากเรื่องการร่วมลดปริมาณขยะพลาสติก รวมทั้งหันไปใช้ขยะที่สามารถนำมารีไซเคิลใช้ซ้ำใหม่ได้
อีกทั้งทาง ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประกาศให้ทุกวันที่ 1 ตุลาคม ของแต่ละปี รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนออกมาร่วมกันเก็บขยะทั่วประเทศ ถือเป็นช่วงเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวทางทะเลเปิดฟ้าอุตสาหกรรมเดินทาง จึงใช้เป็นดีเดย์ต้อนรับนักท่องเที่ยวต้อนรับการเริ่มศักราชปีงบประมาณใหม่ 2562
โดยจะโหมทำประชาสัมพันธ์ตุลาคม 2561 นี้ จับมือกับธนาคารจิตอาสา ของ สสส.หารือกันเรียบร้อยแล้ว จะทำโครงการรณรงค์ “ถุงฟ้าล่าขยะ” เปิดให้ประชาชน ชุมชน เมืองหลัก เมืองรอง ร่วมมือกับ ททท.ในทุกพื้นที่ หรือทุกหมู่บ้านที่อยู่ติดหาดก็สามารถชวนนักท่องเที่ยวออกมาเก็บขยะหน้าบ้านของตนเองได้
สำหรับการแยกหมวดหมู่ของขยะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ เฟสแรก ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ เข้ามาร่วมออกแบบทำเป็น แฟชั่นเสื้อผ้า นำขวดพลาสติกมาเป็นเส้นใย และมีการร้องขอจากชุมชนประมง ต้องการให้ทำเป็นวัสดุประเภทใช้สอยในการประมงได้ เช่น ตาข่ายดักปลาขนาดมาตรฐานที่ปลาตัวขนาดเล็กรอดเข้ามาไม่ได้ หรือโรงแรมขอให้ทำเป็นของใช้ เช่น โต๊ะ ใช้งานในห้องพัก ซึ่งได้รับโนว์ฮาวน์จากต่างประเทศ นำพลาสติกมาผสมปูนหล่อเป็นเฟอร์นิเจอร์
โดยจะได้เห็นดีไซเนอร์หน้าใหม่ขึ้นมาประชันผลงานเชิงสร้างสรรบนเวทีงานใหญ่ประจำปี Sustainable Brand 2018 (ดูรายละเอียดได้ที่ www.sustainablebrandbangkok2018.com) รวมทั้งจะประกาศรายชื่อผลงานที่จะคว้าแชมป์การออกแบบขยะเป็นของใช้เทรนด์สมัยใหม่ใช้งานได้จริง และสามารถนำมาจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ด้วย
เมื่อได้ภาพใหญ่ของการนำทัพแปรขยะเป็นของมีมูลค่าแล้ว ในเชิงพาณิชย์ผลิตเพื่อจำหน่ายนั้น ในส่วนขององค์กร ททท.อย่างโครงการลดโลกเลอะได้นำขยะมาจัดทำเป็นของที่ระลึกผู้เข้าร่วม 2.กลุ่มโอท็อปสามารถนำขยะแปรรูปมาร่วมจำหน่ายได้ 3.พันธมิตรกลุ่ม up Clying the Ocean นำเส้นใยพลาสติกมาผลิตเสื้อล็อตแรกจากขยะระยองกับภูเก็ต ขณะนี้บรรดาร้านแฟชั่นดีไซน์หลาย ๆ ร้าน สนใจนำผลิตภัณฑ์ไปต่อยอดมูลค่าเพิ่มและวางขาย จากนั้นก็จะนำรายได้คืนกลับไปให้ชุมชนเพื่อนำไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น
ผอ.ฐาปนีย์ กล่าวว่า ททท.จะเดินหน้าต่อยอดการนำขยะมาแปรรูปเพื่อเสริมสร้างการกระจายรายได้สู่ชุมชน ทำให้เกิดความสุขเมื่อได้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างสภาพแวดล้อมรักษาอัตลักษณ์ไว้ได้ด้วย เมื่อปี 2560 ททท.นำร่องทำ ซีซั่น1 โครงการ CEO Village to the World เน้นเรื่องซีเอสอาร์แหล่งท่องเที่ยวชุมชนอย่างมาก ในการคัดเลือกชุมชนเข้าร่วมโครงการจะมีทีมลงพื้นที่เข้าไปสอนวิธีการจัดการขยะ คัดแยก และบริหารจัดการขยะชุมชนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และอธิบายถึงผลที่จะตามมาต่อภาพลักษณ์ของชุมชน
ซีซัน 2 เน้นการท่องเที่ยวทั่วไทยกลุ่มเจเนอเรชั่นใหม่ อาสาโซเชียล พาเที่ยวชุมชน ระดมกลุ่มจิตอาสาที่มีเครือข่ายโซเชียลโดยมีผู้ติดตามหรือ follower จำนวนมากที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในแหล่งชุมชน ททท.ได้นำมาเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ขลัดเกลาให้เข้าใจถึงแนวทางการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ขณะนี้กลุ่มอาสาโซเชียลกลุ่มน้ำดีได้ลงพื้นที่ไปเที่ยว สร้างสัมพันธ์ การเรียนรู้ที่ดีแก่ชุมชน จิตสำนึกที่แสดงบนโซเชียล ทำให้เกิดผลเชิงบวกหลายเท่าหรือ multiplier effect ต่อชุมชน ก่อให้เกิดการโปรโมตให้ชุมชนสามารถขายท่องเที่ยวได้จริง
โดยทำงานร่วมกันเครือข่ายพันธมิตรอย่างใกล้ชิด สร้างสรรค์การทำโปรแกรมพักค้างคืนในชุมชน ขณะนี้มีการริเริ่มโหม 1 night stay in Local เริ่ม 14 ชุมชน แต่ละชุมชนจะคิดค่าใช้จ่ายต่อคน อาหาร ที่พัก บริการ และที่สำคัญคือการรักษาสิ่งแวดล้อม จึงขอเชิญชวนชาวไทยเข้าไปสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนเมืองรองแล้วไปเที่ยวต่อเมืองหลักก็ได้
นับจากนี้ไป ททท.จะทำให้ขยะท่องเที่ยวทุกพื้นที่ท้องถิ่นของประเทศไทย กลายเป็นทองคำหรือสินทรัพย์ (asset) ที่มีค่าของท้องถิ่นได้ในอนาคตอันใกล้นี้ให้จงได้
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ลุยแจกสนามบอลแห่งที่15”
นางเอมอร ศรีวัฒนประภา รองประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า ได้นำทีมผู้บริหารและพนักงานส่งมอบสนามฟุตบอลหญ้าเทียมแห่งที่ 15 ขนาดพื้นที่มาตรฐานเล่นได้ 7 คน ให้แก่โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย และแจกลูกฟุตบอลให้ชุมชนและโรงเรียนบริเวณใกล้เคียงอีก 6 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนสมาหารศึกษา โรงเรียนรุ่งเรืองวิทยา โรงเรียนศรีเอี่ยมอนุสรณ์ โรงเรียนวัดสะพาน โรงเรียนดาราคาม และโรงเรียนบางจาก (นาคเผื่อนอุปถัมภ์) และจัดกิจกรรมเล่นเกมฝึกทักษะเล่นฟุตบอลรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การเลี้ยงลูกบอล การยิงประตู เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้และก่อให้เกิดความสนุกสนานให้แก่เด็กและเยาวชน
นับเป็นหนึ่งในโครงการเพื่อสังคม ‘คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลัง คนไทย’ ที่จะผลักดันให้เด็ก ๆ มีความสุข อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะแจกสนามฟุตบอลทั่วประเทศตลอดโครงการรวม 100 สนาม ภายใน 5 ปี ระหว่าง 2560-2564
ข่าวที่ 2 “ททท.-4สมาคมจัดทัวร์วันแม่เชียงรายสู่เชียงตุง”
นางสมฤดี จิตรจง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จะจับมือกกับ 4 สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว ได้แก่ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) สมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย (สนท.) สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) ขายแพกกเกจนำเที่ยวรายการพิเศษ “เส้นทางเชียงราย” ช่วงวันแม่ แพกเกจ 4 วัน 3 คืน ระหว่าง 10-13 สิงหาคม 2561
โดยทั้งที่ 4 สมาคม จะผลิตแพกเกจแล้วช่วยกันขาย ประกอบด้วย “วัดร่องขุ่น” ผลงานการออกแบบและก่อสร้างโดย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ต่อด้วยการแวะสักการะ “รอยพระบาทของพ่อ” ณ ค่ายเม็งรายมหาราช “ไร่ชาฉุยฟง” จิบชาทานขนมแล้วเดินทางสู่ “ดอยตุง” เยี่ยมชมพระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวง
จากนั้นพาข้ามพรมแดนตรงด่านแม่สายไปยัง “เมืองเชียงตุง” เมืองสามจอม เจ็ดเชียง เก้าหนอง สิบสองประตูเมือง เมืองหลวงของรัฐฉานอันมีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนาน แวะพักยืดเส้นยืดสาย ณ ดอยปางควาย ซึ่งเป็นจุดสูงที่สุดของเส้นทาง เยือน “หมู่บ้านชาวเขาเผ่าแอ่น” ชมการดำรงชีวิตของชาวเขาฟันดำ ที่มีความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย พร้อมเลือกซื้อผ้าทอมือลวดลายแปลกตา
แวะนมัสการ “พระธาตุจอมดอย” หรือ พระธาตุจอมลอย ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ตามตำนานชาวลัวะที่สร้างพระธาตุแห่งนี้ ขึ้นมา และสาปไม่ให้เจ้าใหญ่นายโตท่านใดมาสักการะ แล้วไปสักการะ “พระมหาเมี๊ยะมุนี” องค์จำลองจากมัณฑะเลย์ ณ วัดหลวงคู่เมืองเชียงตุง ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2470 โดยเจ้าก้อนแก้วอินแถลง เจ้าฟ้าเมืองเชียงตุง
เยี่ยมชม “ตลาดเช้าเชียงตุง” ต้นไม้ยางยักษ์ขนาด 8 คนโอบ อายุมากกว่า 200 ปี ต้นไม้คู่เมืองเชียงตุง ปลูกโดยเจ้าอลองพญา สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดพระธาตุจอมคำ หรือ วัดพระธาตุจอมทอง สักการะ พระยืนชี้นิ้ว ปางพุทธทำนาย ที่ใหญ่ที่สุดในรัฐฉาน ณ วัดจอมสัก แล้วกลับเข้าเขตแดนไทยร่วมงานเลี้ยง ณ ไร่แม่ฟ้าหลวง สนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาค ภาคเหนือ
เยือน “วัดถ้ำป่าอาชาทอง” หนึ่งใน Unseen in Thailand ซึ่งอยู่บนดอยสูง ต.ศรีคำ อ.แม่จัน ร่วมตักบาตรบนหลังม้าก่อนเดินทางสู่ “ศูนย์วิปัสนาไร่เชิญตะวัน” ก่อสร้างขึ้นโดย พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ท่าน ว.วชิรเมธี) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาสู่ประชาคมโลก เยือน “วัดห้วยปลากั้ง” ชม “พบโชคธรรมเจดีย์” สูง 9 ชั้น ศิลปะจีนผสมล้านนา แวะชมความงดงามของพระอุโบสถสีฟ้าแห่ง “วัดร่องเสือเต้น” ก่อนปิดท้ายด้วยการซื้อของฝากที่เชียงรายไนท์บาซ่า
ข่าวที่ 3 “บางจากรุกขยายปั๊ม-สาขาSPA-กาแฟอินทนิล”
นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า ปี 2561 ตั้งเป้าหมายเปิดสถานบริการน้ำมันใหม่เป้าอีก 80 แห่ง ใช้เงินลงทุนราว 1.5 พันล้านบาท ช่วงครึ่งแรกปีนี้เปิดสถานีบริการแล้ว 30 แห่ง และจะเปิดในช่วงครึ่งปีหลังอีก 50 แห่ง ส่งผลให้สิ้นปีนี้มีทั้งสิ้น 1,200 แห่ง
ควบคู่กับการขยายธุรกิจเสริมอื่น ๆ เพื่อดึงดูดใจลูกค้าเข้ามาใช้บริการในสถานีบริการน้ำมันให้มากขึ้นด้วย ปี 2561 จะเปิดร้านกาแฟอินทนิล 200 แห่ง ช่วงครึ่งแรกของปีนี้เปิดไปแล้ว 120 แห่ง ส่วนที่เหลืออีกในช่วงครึ่งหลังซึ่งจะทำให้มีร้านกาแฟอินทนิล 600 แห่ง จากปีที่ผ่านมาเปิดเรียบร้อยแล้ว 400 แห่ง
ส่วนร้านซูเปอร์มาร์เก็ต SPAR สิ้นปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 20 แห่ง ปัจจุบันมี 35 แห่ง และจะเพิ่มฐานสมาชิกบัตรแก๊สโซฮอล์คลับและดีเซลคลับเป็น 2 ล้านราย จากปัจจุบัน 1.8 ล้านราย
ข่าวที่ 4 “ทอท.ผ่านแผน5.3หมื่นล้านดอนเมืองF3-ชม.F1”
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท./AOT” รายงานว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2561 มีมติเห็นชอบให้ใช้งบประมาณกว่า 5.3 หมื่นล้านบาทเพื่อขยายขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยาน เดินหน้าปรับปรุงแผนแม่บทโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ (fase) 3 วงเงินลงทุน 37,590.246 ล้านบาท รวมการก่อสร้างอาคารบริการผู้โดยสารบริเวณลานจอดสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) วงเงิน 207,106,739. บาท และโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ (fase) 1 วงเงินลงทุน 15,818.507 ล้านบาท
รายละเอียดการพัฒนาดอนเมืองเฟส 3 ระหว่าง 2561-2567 พุ่งเป้าเพิ่มความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 40 ล้านคน จากปัจจุบัน 30 ล้านคน โดยจะรื้ออาคารผู้โดยสารภายในประเทศ หลังเดิมกับอาคารเทียบเครื่องบินหมายเลข 6 เพื่อก่อสร้างเป็นอาคารผู้โดยสาร อาคาร 3 พื้นที่ 155,000 ตารางเมตร ซึ่งจะรับผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มได้ปีละ 18 ล้านคน
หลังจากนั้นจะปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ระหว่างปรับปรุงก็จะให้ไปใช้อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จทั้ง 2 อาคารจะรองรับผู้โดยสารภายในประเทศปีละ 22 ล้านคน
ตามแผนดอนเมืองเฟส 3 กำหนดแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ.2567 โดยจะพัฒนาส่วนอื่นควบคู่กันไปด้วย ได้แก่ 1.เขตการบิน (Airside) และนอกเขตการบิน (Landside) 2.ขยายหลุมจอดเพิ่มอีก 28 หลุม จาก 114 เป็น 142 หลุมจอด 3.ขยายช่องทางถนนในสนามบิน 4.เพิ่มพื้นที่ลานจอดรถยนต์ จาก 4,475 คัน เป็น 5,736 คัน 5.การก่อสร้างอาคารต่าง ๆ
ขณะที่การพัฒนาสนามบินเชียงใหม่ เฟส 1 ระหว่าง 2561-2565 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการรองรับผู้โดยสารเป็นปีละ 16.5 ล้านคน จากปัจจุบัน 8 ล้านคน (กำลังจะเต็มในปี 2568) จึงต้องทำให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ.2565
ดังนั้นจึงต้องก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและอาคาร ได้แก่ 1.ทางขับและลานจอดอากาศยาน 2.สร้างหลุมจอดเพิ่มขึ้นจาก 12 เป็น 31 หลุมจอด 3.สร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ โดยปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิมให้เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ทำให้มีอาคารผู้โดยสารเพิ่มจากเดิมเป็น 2 อาคาร
4.สร้างอาคารสำนักงานเชียงใหม่ สายการบิน 5.ลานจอดรถยนต์รวมถึงเพิ่มพื้นที่จอดรถยนต์จาก 800 คัน เป็น 3,000 คัน 6.อาคารระบบสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ 7.ระบบถนนภายในโดยเพิ่มช่องทางจราจร โดยก่อสร้างทางยกระดับแยกผู้โดยสารขาเข้า-ขาออก 8.ปรับปรุงขยายระบบเติมน้ำมันอากาศยานทางท่อ
ข่าวที่ 5 “TCEBนำเอกชนไมซ์แชมป์AMVSทำรายได้พุ่ง”
TCEB ปลื้มไทยนำสถานประกอบการ 13 แห่งขึ้นแชมป์ AMVS อาเซียน ได้แรงหนุนโพลล์โชว์หลายแห่งทั่วไทยโกยรายได้และงานประชุมเพิ่มเพียบ
จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประช |
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน/TCEB” เปิดเผยว่า ในปี 2561 TCEB สามารถนำอุตสาหกรรมไมซ์ในแต่ละภาคของไทยขึ้นนำเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ทางด้านมาตรฐานสถานที่จัดงาน หรือ ASEAN MICE Venue Standard : AMVS ทั้ง 5 ภูมิภาค รวม 13 ราย ได้แก่ ภาคกลาง 9 ราย ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภูมิภาคละ 1 ราย
โดยมีรายชื่อผู้ประกอบการที่ก้าวขึ้นเป็นผู้นำเรียบร้อยแล้ว และมีผู้สนใจเลือกจัดเป็นสถานที่จัดงานไมซ์เพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างเข้มข้นทั้ง 13 แห่ง ได้แก่
กรุงเทพฯและปริมณฑล เป็นกลุ่มโรงแรม มีทั้ง เจ้าพระยาปาร์ค, ชาเทรียมริเวอร์ไซด์, เซ็นทาราแกรนด์ แอนด์ เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว, เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์, เดอะ สุโกศล, รามาการ์เด้นส์, อโนมาแกรนด์ กรุงเทพ, อมารี ดอนเมืองแอร์พอร์ต, ฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพ สีลม
ภาคใต้ โรงแรมดวงจิตต์ รีสอร์ต แอนด์ สปา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเต็ล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ภาคตะวันออก โรงแรมพูลแมน จี ภาคตะวันตก โรงแรม เชอราตัน หัวหิน รีสอร์ต แอนด์ สปา
รวมถึงผลการโหวตโพลล์การสำรวจความพึงพอใจ ปี 2561 พบว่าโรงแรมและศูนย์ประชุมแถวหน้าของไทยที่ผ่านมาการรับรองมาตรฐานระดับ Thailand MICE Venue Standard :TMVS ต่างก็ได้รับเสียงชื่นชมว่าเป็นสถานจัดงานขั้นดีเยี่ยมจากลูกค้าต่างประเทศ สถานทูตต่างประเทศในไทย มีความเชื่อมั่นสูงขึ้น และมีรายได้จากตลาดรองรับการจัดประชุมเพิ่มขึ้น อาทิ โรงแรมจอมเทียนปาล์มบีชรีสอร์ท พัทยา มีลูกค้าบริษัทเอกชนเข้ามาใช้จ่ายเงินจัดประชุมเพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านบาท C ASEN สื่อประชาสัมพันธ์ของ TCEB มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 30 % โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค มีกรุ๊ปต่างชาติเข้ามาเลือกจัดประชุมและจองห้องพักเพิ่มขึ้น จากกรุ๊ป Sogo Biken หรือ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี หาดใหญ่ ได้รับงานจัด MICE Academy & Career Day 2019 และ Coach the Coaches Program
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยมีให้เลือกได้หลายมุม หลังเสร็จงานบุญใหญ่แห่เทียนพรรษา แนะนำให้ไปชมแหล่งอนุรักษ์การผลิตไหมลายกาบบัวแห่งเดียวในประเทศที่ “พิพิธภัณฑ์บ้านคำปุน” อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี “คุณสุชัย แต้สุจริยา” ได้ทุ่มทุนสร้างงานศิลป์ศูนย์รวมผืนผ้าแห่งชีวิตชุมชนขึ้นมาใหม่ เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมทุกวันแล้ว จากเดิมเปิดเพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้น ส่วนการใส่ใจสุขภาพกับ “วิธีป้องกันผลเสียจากการยืนนานๆ” และข่าวคลุกวงในมีหลายเรื่องน่าสนใจคือ กระทรวงท่องเที่ยวหวังดึง อพท.เข้าสังกัดลุยพัฒนาชุมชนท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จับแหล่งเที่ยวต่าง ๆ ขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง และดันนโยบายปี 62 เริ่มเก็บค่าเหยียบแผ่นดินนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนแอร์เอเชีย โหมใช้เชียงใหม่เป็นฮับเปิดเส้นทางใหม่เข้าไทเป ขณะที่แอร์เอเชียเอ็กซ์ ขอใช้เงินเกือบ 1 หมื่นล้านเพิ่มฝูงบินใหม่แอร์บัส A330 และ “เอวา เกาะช้าง” มีแพกเกจบุฟเฟต์ดินเนอร์พร้อมดูโชว์แค่หัวละ 899 บาท
@เที่ยวพิพิธภัณฑ์ใหม่บ้านคำปุน จ.อุบล
บ้านคำปุน ก่อนปิด แล้วเปิดใหม่เป็นด้านข้างทำเป็นพิพิธภัณฑ์ภูมิปัญญาผ้า |
เมื่อไปถึง “อุบลราชธานี” เมืองท่องเที่ยวรองมีขนาดพื้นที่ใหญ่ติด 1 ใน 3 ของประเทศ ดินแดนเมืองแห่เทียนพรรษาเลื่องชื่อ ครั้งหนึ่งในชีวิตคนไทยและชาวโลกต้องแวะเข้าร่วมชมงาน วันนี้ 29 กรกฎาคม 2561 เทียนอุบลจาก 13 คุ้มวัดต่างประชันกันออกแบบนำมาประชันความงามในงานบุญเข้าพรรษา ก่อนจะนำไปตั้งไว้ตามคุ้มวัดต่าง ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมตลอดทั้งปี
ส่วนมุมใหม่ที่จะแนะนำให้แวะไปคือ “บ้านคำปุน” ตรงถนนศรีสะเกษ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี มีชื่อเสียงโด่งดังมากในการอนุรักษ์อัตลักษณ์ “ทอผ้าไหมลายกาบบัว” ไว้ให้คนรุ่นหลังได้รับประสบการณ์อย่างลึกซึ้งถึงเส้นทางไหมอันทรงคุณค่าหาดูยากหนึ่งเดียวในแดนอีสาน อีกทั้งยังสร้างมูลค่าแก่ผู้ทอมีรายได้เป็นกอบกำ สนนราคาผืนละหลักหมื่น แสน ไปจนถึงล้านบาท ขึ้นอยู่กับความยากง่าย การดีไซน์ลายและการถักทอเส้นใยขึ้นมาเป็นผ้าแต่ละผืนที่สามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน
เจ้าของบ้านคำปุนคือ “คุณแม่คำปุน ศรีใส” ปัจจุบันนี้ได้มอบให้บุตรชายทายาทรุ่นลูก “สุชัย แต้สุจริยา” นำบริเวณบ้านอยู่อาศัยในสถาปัตยกรรมการออกแบบพื้นที่งดงาม รูปตัวยู ด้านหน้าเป็นสระบัวขนาดใหญ่ บริเวณด้านข้างและด้านหลังสร้างเป็นเรือนสาธิตการทอผ้าไหมกาบบัวดีไซน์อนุรักษ์และร่วมสมัย ด้านหลังนำเรือนไทยเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงของสะสมทั้งผ้าโบราณ พระพุทธรูปเก่าแก่ และวัตถุโบราณมากมาย
สุชัย แต้สุจริยา เจ้าของบ้านคำปุน โชว์ผ้าทอไหมดีไซน์ล่าสุดชื่อ "แสงแรก" |
“คุณสุชัย” เล่าว่า ตั้งแต่ 28 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป จะปิดพื้นที่บ้านคำปุน แล้วเคลื่อนย้ายของทั้งหมดไปไว้ใน “พิพิธภัณฑ์คำปุน” อยู่ในบริเวณติดกันกับบ้านหลังปัจจุบัน เพื่อทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ทุกวัน ด้วยการเก็บค่าเข้าชม คนละ 100 บาท เหตุที่ต้องย้ายจากบ้านไปยังพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ก็เพื่อให้สาธารณชนได้สัมผัสได้มากขึ้น แทนของเดิมซึ่งจะเปิดให้ชมเฉพาะช่วงเข้าพรรษา 3 วัน เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ต่อจากนี้ไปก็เข้าชมได้ทุกวัน
สำหรับ “ผ้าไหม ลายกาบบัว” เป็นการคิดค้นและออกแบบโดย “บ้านคำปึน” จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ปี 2555 เมื่อนักท่องเที่ยวเข้าไปชมก็จะได้เห็นถึงขั้นตอนวิธีการทอผ้าพิเศษ ประดิษฐ์คิดค้นมายาวนาน โดยทางบ้านคำปุนถือเป็นศูนย์กลางสำคัญที่ได้รวบรวม เครื่องมือทอผ้าโบราณอันประณีตงดงาม สร้างจากไม้ และไม้ไผ่ นำมาทอเป็นผืนผ้าอันวิจิตรล้ำค่าเป็นอัตลักษณ์คู่บ้านเมือง
ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป ทางบ้านคำปุน จะเปิดให้ชมได้ทุกวัน แบ่งเป็น 2 โซน คือ
โซนแรก โรงทอผ้าไหมแบบครบวงจร ซึ่งจะมีชาวบ้านมานั่งถักทอไหมด้วยเครื่องโบราณ สีสันแตกต่างกันไป ผ้าดีไซน์ ไหมลายกาบบัว ล่าสุดที่เปิดตัววันที่ 28 กรกฎาคม 2561 คือ “ไหมแสงแรก” โทนสีส้มเอิร์ทโทนใช้สีธรรมชาติของเปลือกชาดนำมาผ่านกรรมวิธีการย้อมอย่างพิถีพิถันวิจิตรงดงาม
ผ้าไหมโบราณในพิพิธภัฯลณฑ์บ้านคำปุน |
โซนที่สอง คำปุน คาเฟ่ และอาคารพิพิธภัณฑ์หลังใหม่ ตัวอาคารจะมีทั้งพิพิธภัณฑ์ ภายในจัดทำเป็นนิทรรศการบ้านคำปุน ตกแต่งบอกเล่าเรื่องราวการผลิตผ้าไหม ที่ได้รับการออกแบบลวดลายสไตล์ร่วมสมัย และมีบริเวณมุมนั่งชีลในร้านกาแฟ ร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม และของที่ระลึก จะเปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น สอบถามได้ที่ 045-254-830
@ วิธีป้องกันผลเสียจากการยืนนาน ๆ
วิธีป้องกันผลเสียจากการยืนนานทำได้อย่างไร มีข้อแนะนำหลายอย่างที่สามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง ดังนี้
1.ยืนบนพื้นนิ่ม พื้นที่นิ่มลดแรงกดที่เท้าได้ อาจใช้พรมเช็ดเท้านิ่มๆ ไม่จำเป็นต้องไปซื้อพรมสำหรับยืนที่มีราคาแพง สามารถทดสอบพรมได้ด้วยการถอดรองเท้ายืนบนพรมนั้น หลังจากนั้นลองยืนเท้าเดียว ถ้ารู้สึกว่าสบายเท้าและยืนได้มั่นคงถือว่าใช้ได้
2.ใส่รองเท้าที่มีพื้นนิ่มและหลวมเล็กน้อย รองเท้าที่มีพื้นนิ่มช่วยลดแรงกดไปที่เท้าได้เช่นเดียวกับพื้นที่นิ่ม ส่วนการที่ต้องเลือกรองเท้าหลวมเพราะตกเย็นเท้าของท่านอาจบวมได้เล็กน้อยจากการยืนนาน
3.ไม่ควรใส่รองเท้าส้นสูงในการทำงาน ในกรณีที่เจ็บส้นเท้ามาก อาจใส่รองเท้าส้นสูงได้แต่ไม่เกิน 2 นิ้ว เพื่อช่วยลดแรงกดที่ส้นเท้า
4.ยืนเท้าโต๊ะสูงหรือตู้ขายสินค้าโดยใช้แขนหรือศอกรับน้ำหนักตัวทางด้านหน้า สลับกับการใช้ก้นหรือหลังพิงผนังเป็นครั้งคราว เพื่อลดน้ำหนักกดที่กระทำต่อหลังและเท้า
5. พักการยืนบ่อยๆ หย่อนขาข้างหนึ่ง หรืออาจใช้ที่วางเท้าเป็นบล็อกสูงจากพื้นประมาณ 4-6 นิ้ว
6. ใช้เก้าอี้แบบกึ่งนั่งกึ่งยืน ในกรณีของพนัก-งานเคาน์เตอร์หรือการทำงานในโรงงาน
7. ถ้างานที่ทำสามารถทำได้ทั้งในขณะยืนและ นั่ง ให้ยืนสลับนั่ง แต่ต้องจัดสภาพงานให้เหมาะสม เช่น โต๊ะยืนทำงานไม่ควรเตี้ยเกินไปจนต้องก้มหลัง อาจจัดโต๊ะให้ทำงาน 2 ชุด คือชุดยืนและนั่งทำงาน แล้วให้ทำงานสลับหน้าที่กันเป็นระยะๆ
8. เมื่อรู้สึกเมื่อย ให้เดินไปมาสัก 2-3 นาที จึงค่อยนั่งลง ยกขาทั้ง 2 ข้างพาดบนที่นั่งของเก้าอี้อีก ตัวหนึ่ง ให้เท้าอยู่สูงประมาณระดับเข่า เพื่อช่วยเลือดจากขากลับเข้าสู่หัวใจดีขึ้น ป้องกันหลอดเลือดขอด มีโอกาสพักอย่ายืนคุยให้นั่งยกขาพาดเก้าอี้ อาจจะกระดก ปลายเท้าสลับกันซ้าย-ขวาร่วมด้วย
9. กลับถึงบ้านให้นอนเอาเท้ายันกับกำแพง ให้เท้าอยู่สูงจากพื้นประมาณครึ่งเมตร แล้วกระดกปลาย เท้าขึ้นสลับกันทั้ง 2 ข้าง ทำประมาณ 10 นาที ออกกำลังด้วยการเดิน วิ่ง หรือว่ายน้ำ เป็นเวลา 15-20 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อช่วยการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงขา พักผ่อนด้วยการนอนให้พอเพียงอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ก.ท่องเที่ยวดึงอพท.เข้าสังกัด-ปี61เก็บเพิ่มทัวร์อินบาวนด์
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ.การท่องเที่ยวและกีฬา |
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ในการปรับโครงสร้างใหม่จะนำองค์การบริหารการพัฒนา พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) มาอยู่กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อ ขยายงานเพิ่มจากเดิมซึ่ง อพท.มีความสามารถที่โดดเด่นเรื่องการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนอย่างยั่งยืน โดยให้ชุมชนเป็นผู้บริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวและรับประโยชน์เอง เป็นจังหวะที่ดีเพราะตอนนี้มีแหล่งท่องเที่ยวกระจายอยู่ทั่วประเทศเกินกว่า 5,000 แห่ง แต่การท่องเที่ยวกระจุกอยู่ใน 22 จังหวัด และยังมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมากยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งท่องเที่ยว และรอการค้นพบ เช่น ประเภทถ้ำ ที่มีถึง 4,000 แห่ง
ส่วนการพิจารณานำแนวทางเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวนานาชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ปี 2561 มีรายงานว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะประกาศเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวคนละ 800 บาท เพื่อเป็นค่าดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และทำนุบำรุงทรัพยากรของประเทศ
ข่าวที่สอง “แอร์เอเชียรุกบินเชียงใหม่-ไทเปโปรตั๋ว1.5พันบาท”
ไทย แอร์เอเชีย รายงานว่า จะเปิดเส้นทางบินใหม่โดยใช้ศูนย์กลางการบินภาคเหนือ ไป-กลับ เชียงใหม่-ไทเป (ไต้หวัน) สัปดาห์ละ 4 เที่ยว พร้อมอัดโปรโมชั่นตั๋วราคาสุดพิเศษ เริ่มต้นเที่ยวละ 1,590 บาท ให้ซื้อได้ถึง 29 กรกฎาคม 2561 แล้วเริ่มเดินทาง 30 กันยายน 2561-29 มีนาคม 2562
ขณะนี้มีเส้นทางบินออกจากเชียงใหม่ทั้งในและต่างประเทศ 13 เส้นทาง ไม่รวมไทเป คือ ระหว่างประเทศ 6 เส้นทาง คือ มาเก๊า ฮ่องกง ฉางซา หางโจว กัวลาลัมเปอร์ ย่างกุ้ง และภายในประเทศ 8 เส้นทาง ได้แก่ อุดรธานี ขอนแก่น พัทยา (อู่ตะเภา) สุราษฎร์ธานี กระบี่ หาดใหญ่ ภูเก็ต และกรุงเทพฯ
ข่าวที่สาม “แอร์เอเชียเอ็กซ์ได้วงเงิน9.2พันล้านเพิ่มฝูงA330”
ขณะที่ บริษัท ไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ จำกัด ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) อนุมัติให้ขยายกิจการขนส่งทางอากาศด้วยวงเงินลงทุน 9,250 ล้านบาท ที่จะนำไปใช้เช่าเครื่องบินแอร์บัส A330 รวม 6 ลำ ความจุผู้โดยสารลำละ 377 ที่นั่ง นำมาบริการบินประจำและแบบเช่าเหมาลำ ตลาดทั้งในและต่างประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย นับว่ามีส่วนช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินขยายการเติบโตของท่องเที่ยวไทยควบคู่กันไปด้วย
ข่าวที่สี่ “เอวาเกาะช้างเสิร์ฟบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดหัวละ899บาท”
เอวา รีสอร์ท เกาะช้าง นำเสนอแพกเกจอาหาร Charcoal Grill Buffet ห้องอาหาร เดอะ แซนด์ ทุกวันเสาร์ เวลา 18.30 น. – 22.00 น. ในเพียงราคาสุทธิท่านละ 899 บาท เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มชิมรสของอร่อยตลอดการพักผ่อน มีทั้งเมนูหมู, เนื้อ, ไก่ และซีฟู้ดสดใหม่นุ่มละมุนลิ้น เสิร์ฟพร้อมสลัดผักสด รวมการแสดงโชว์ควงกระบองไฟในบรรยากาศริมทะเล ให้ผ่อนคลายในมื้อค่ำสุดพิเศษและของหวานอีกหลากหลายชนิด โทร. 039-510-762
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำ เวลา 11.00-12.00 น.ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ทางสวท.FM 97.0 MHz.
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน ผู้ดำเนินรายการและคอลัมนิสต์ท่องเที่ยว |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น