วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2568

ATM20253ค่ายดังโลกเปิดผลวิจัยเทรนด์เที่ยวใหม่ตะวันออกกลางโตแรงสุด

 3ค่ายดังโลกใช้งานATM2025เปิดผลวิจัยเทรนด์เที่ยวใหม่

“ตะวันออกกลาง”โตเร็ว-การบินแกร่ง-สนามแข่งใหม่OTA


เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #ATM2025  

ATM 2025 เปิดผลวิจัย 3 ค่ายใหญ่ของโลก “Tourism Economics-Trip.com-VIDEC” ชี้เทรนด์ท่องเที่ยวชั้นนำและโอกาสทางการตลาดใน “ตะวันออกกลาง” ดึงดูดทั่วโลกกว่า 85 % แกร่งด้าน “การบิน” ปี’71 โตเกิน 5,400 ล้านดอลล์ และสนามแข่งใหญ่ธุรกิจ OTA

            Tourism Economics บริษัทในเครือ ออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิคส์ เปิดเผยผลวิจัยในงาน ATM :Arabian Travel Market 2025” ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถึงสถานการณ์แนวโน้มล่าสุดในอุตสาหกรรมการพักผ่อนหย่อนใจ ความหรูหรา และไมซ์ ส่วน VIDEC ได้แบ่งปันผลการศึกษา การกำหนดขนาดตลาดการท่องเที่ยวและการเปรียบเทียบธุรกิจการท่องเที่ยวออนไลน์/OTA” ในตลาดสำคัญที่น่าสนใจ

            Tourism Economics ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกจาก “ATM Trends Report: Leisure, Luxury and MICE – Leading Trends for the Middle East” โดยได้ได้รายงานผลสำรวจเชิงการเจาะลึก ซึ่งมีความสำคัญกับการนำมาประยุกต์ใช้ ประกอบด้วย

เรื่องที่ 1 แรงผลักดันสำคัญที่ส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยวในตะวันออกกลางและอ่าวอาหรับ

เรื่องที่ 2 ผลวิเคราะห์แนวโน้มการเดินทางที่เกิดขึ้นใหม่

เรื่องที่ 3 การเปลี่ยนแปลงของความต้องการเดินทาง และผลกระทบทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างเจาะลึก

เรื่องที่ 4 รายงาน ATM Trends ได้สำรวจจำนวนผู้เยี่ยมชม จำนวนคืนพัก การใช้จ่ายช่วงการเดินทางทั้งขาเข้าและขาออก โดยเน้นตลาดซึ่งเป็นแหล่งที่มาหลักและโอกาสในอนาคต


Dave Goodgerกรรมการผู้จัดการ EMEA, Tourism Economics กล่าวว่า ปี 2568 ทั่วโลกจะเเดินทางทั่วโลกจะแตะระดับสูงสุดใหม่ กำลังกลับมาบรรจบกับแนวโน้มก่อนเกิดโควิด โดยอุปสงค์ระหว่างประเทศและในประเทศฟื้นตัวขึ้นทั่วทุกภูมิภาคของโลก จากผลสำรวจพบว่าผู้คนให้ความสำคัญกับการเดินทางมากกว่าการใช้จ่ายในด้านอื่น ๆ “ตะวันออกกลาง” เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC :Gulf Cooperation Council) กำลังเติบโตแซงหน้าค่าเฉลี่ยทั่วโลก และการเดินทางในภูมิภาคนี้ส่วนใหญ่ขับเคลื่อนอุปสงค์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ “ที่พัก” ในตะวันออกกลางมาจากตลาดต่างประเทศมากกว่า 85%

Trip.com Group ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับศักยภาพของตะวัน ในเวทีประชุม “การสร้างความร่วมมือเพื่อความก้าวหน้า : การปลดล็อกการเติบโตของการท่องเที่ยวผ่านความร่วมมือที่สร้างสรรค์” พุ่งเป้าเรื่องแนวโน้มใหม่ ๆ ทางการท่องเที่ยว 3 เทรนด์ ได้แก่ 1.การท่องเที่ยวเพื่อความบันเทิง 2.การท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา 3.การท่องเที่ยวสำหรับผู้สูงอายุ กำลังนำโอกาสใหม่ ๆ ในภูมิภาคนี้

Jane Sun ซีอีโอ Trip.com Group กล่าวว่า ตะวันออกกลางเป็นภูมิภาคที่มีโอกาสเติบโตมหาศาลและเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญระหว่างยุโรป แอฟริกา และเอเชีย ด้วยนโยบายการเข้าประเทศสะดวก มีเที่ยวบินตรงเพิ่มขึ้น และการลงทุนที่มั่นคงภาคการท่องเที่ยว ทำให้ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ด้วยข้อมูลเชิงลึกเรื่องเทรนด์ใหม่ของผู้บริโภคและการทุ่มเทในธุรกิจและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี จึงมุ่งหวังจะเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาคนี้เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกและสร้างอนาคตเชื่อมโยงกันให้รุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น


VIDEC ที่ปรึกษาการวิจัยและการควบรวมและซื้อกิจการด้านการท่องเที่ยว ได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกในงาน ATM 2025 ระบุจากการวิจัยล่าสุดพบโอกาสทางการตลาด “การบินและโรงแรม” ทั่วสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย และอินเดีย โดยมีเอเจนซี่ท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) นำเสนอด้วยหัวข้อ “การกำหนดขนาดตลาดการท่องเที่ยวและการเปรียบเทียบ OTA ของ VIDEC” ชี้ถึงการศึกษาดังกล่าวครอบคลุมตั้งแต่ปี 2562-2571 (ค.ศ.2019-2028)  และให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ “กลุ่มตลาดการท่องเที่ยว” เติบโตเร็วที่สุด การคาดการณ์ตลาดอนาคต และแนวโน้มการขายหลักเพื่อกำหนดรูปแบบตลาดแต่ละแห่ง

Virendra Jain ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ VIDEC Consultants กล่าวว่า จากผลงานวิจัยเกี่ยวกับ ATM's Future Stage  ทั้ง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย และอินเดีย ส่วนใหญ่มีกลุ่มประชากรอายุน้อย นิยมเชื่อมต่อผ่านดิจิทัล มีอำนาจการซื้อเอื้อต่อการท่องเที่ยวออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์”เป็นหมู่บ้านระดับโลกอย่างแท้จริง และความเป็นสากล รวมถึงเมืองศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ได้การยอมรับสูง ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางครองความนิยมจากชาวซาอุดีอาระเบียและอินเดีย

ตลาดทั้ง 3 ประเทศนี้คือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดิอาระเบีย อินเดีย ยังมีความผูกพันทางวัฒนธรรมและศาสนา การเชื่อมต่อทางอากาศ ศาสนา ความหรูหรา ทัศนวิสัยไกล สุขภาพที่ดี จะส่งผลให้กลายเป็นเส้นทางการเดินทางและท่องเที่ยวเติบโตอย่างรวดเร็วต่อไป





VIDEC คาดการณ์ “ตลาดการบินโดยรวม” ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (Total Air Market :TAM) ภายในปี 2571 จะสูงถึง 5,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต (CAGR)  6.9 % จากปี 2561 ทำไว้ 4,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2562 เพิ่มขึ้น 32 % สถานการณ์ตลาดการบินภาพรวมในภูมิภาคนี้มีตัวชี้วัดจากอุปสงค์ โดยการจองขายที่นั่งในพื้นที่เท่านั้น โดยไม่รวมการขนส่ง/การเปลี่ยนเครื่องและการจองผ่านสถานที่ขายอื่น ๆ จึงสามารถสรุปศักยภาพที่แท้จริงของอุปสงค์การเดินทางของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้อย่างเหมาะสม

“การจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์” มูลค่ารวมในเอมิเรตส์ ปี 2567 ทำได้ราว 679 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20 % ยอดจองผ่าน “เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น” ของสายการบินคิดเป็น 56% และ 1 ใน 5 ของตลาดการบินภาพรวมของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ขนาดตลาดมีมูลค่าถึง 851 ล้านเหรียญสหรัฐ

            VIDEC วิเคราะห์การเติบโตนี้เกิดจากอินเทอร์เฟซการจองที่มีประสิทธิภาพของสายการบินและโปรแกรมสะสมคะแนนที่น่าสนใจของสายการบินหลัก ๆ เช่น เอมิเรตส์ เอทิฮัด ให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์โดยตรงมากขึ้น เปิดให้ลูกค้ามีส่วนร่วมเพิ่มมากขึ้นกับประสบการณ์การเดินทางปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ขณะที่ “ฟลายดูไบ/flydubaiก็เพิ่มประสบการณ์ให้ลูกค้าด้วยวิธีบูรณาการกับ Emirates Skywards


พร้อมกับระบุว่า “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” เป็นประเทศที่ธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ OTA มีภูมิทัศน์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เนื่องจากมีสายการบินให้เลือกหลากหลายและมีประชากรต่างชาติจำนวนมาก VIDEC ชี้ให้เห็นถึงแม้ปัจจัยเหล่านี้จะก่อให้เกิดความท้าทายเรื่องการรักษาฐานลูกค้าที่ภักดี แต่ก็สร้างการแข่งขันสูงและทำกำไรได้มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

จากการนำระบบดิจิทัลมาใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง “ออนไลน์” จึงกลายเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมของกลุ่มนักเดินทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แล้ว OTA กลายมาเป็นตัวช่วยสำคัญการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ฟีเจอร์เน้นผู้บริโภค และโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีการเงิน เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางอย่างราบรื่น

Virendra Jain กล่าวถึงตลาดการท่องเที่ยวและ OTA ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย และอินเดีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอรายงานดังกล่าวและจัดทำข้อมูลเชิงลึกไว้ เพื่อเป็นทางเลือกที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป

  1. VIDEC’s UAE Travel Market Opportunity, 2019-2028
  2. VIDEC’s Saudi Arabia Travel Market Opportunity, 2019-2028
  3. VIDEC’s India Travel Market Opportunity, FY22-FY27

 


 

“สรวงศ์”ถกปมต่างชาติแหยงเที่ยวไทยไม่ปลอดภัย4เรื่องเร่งใช้แอปThailand Tourist Police

 

สรวงศ์ เทียนทอง รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯประชุมเอกชนเร่งแก้ปัญหาต่างชาติเที่ยวไทยไม่ปลอดภัย

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋  #สรวงศ์เทียนทอง

“สรวงศ์” ถกด่วนปมต่างชาติแหยงเที่ยวไทยไม่ปลอดภัย 4 เรื่อง “ถูกทำร้ายร่างกาย-โดนเรียกค่าโดยสารเกินราคา-มาเฟียในแหล่งเที่ยวคุกคาม-ถูกรีดไถ” งัดใช้ “แอป Thailand Tourist Police-จัดเจ้าหน้าที่เพิ่มทั่วประเทศ79แห่ง” ส่วน “ราคาสูงไป” แนะพักโฮมสเตย์ พร้อมขอให้แก้ปัญหาจิปาถะ ขยะ มลพิษ ฝุ่น ฯลฯ




นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เป็นประธานการประชุม “แก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยที่ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาประเทศไทย” ที่ต้องจัดขึ้นเพราะมีบทความสื่อสังคมออนไลน์ หัวข้อ “นักท่องเที่ยวฝรั่งต่างชาติหายไปไหน” เผยแพร่เมื่อ 24 เมษายน 2568 ที่ได้รวบรวมและแปลความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทำงานในไทย (Expats) และข่าวที่เผยแพร่ใน Bangkok post learning เรื่อง “Thailand faces lower tourist numbers” ประเด็นด้าน “ความปลอดภัย” ของนักท่องเที่ยวอาจจะส่งผลให้จำนวนคนเดินทางมาไทยลดลงจาก 4 ปัญหา ได้แก่

1.การถูกทำร้ายร่างกาย 2.โดนเรียกเก็บค่าโดยสารเกินอัตรา 3.เผชิญภัยคุกคามจากกลุ่มอิทธิพลข้ามชาติในพื้นที่ท่องเที่ยว 4.ถูกรีดไถทรัพย์ ลดจำนวนการเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยว

นายสรวงศ์ กล่าว่ว่าตนให้ความสำคัญกับสะท้อนของนักท่องเที่ยวและต่างชาติในไทยต่อภาพลักษณ์ของประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมระดมความคิดเห็นและกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาความปลอดภัยดังกล่าว โดยจะนำ “มาตรการที่รัดกุม” มาใช้ดูแลรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร ด้วยช่องทางและวิธีดังนี้

วิธีที่ 1 ใช้แอพพลิเคชั่น Thailand Tourist Police ช่วยให้นักท่องเที่ยวส่งข้อความ รูปภาพ พิกัดสถานที่เพื่อสอบถามข้อมูล แจ้งเหตุ หรือขอความช่วยเหลือ ทำให้การประสานงานระหว่างนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่มีความสะดวกรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

วิธีที่ 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดสรรเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวประจำทุกจังหวัด ทั่วประเทศ 79 แห่ง เพื่อให้บริการ ช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว บูรณาการความร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูตต่าง ๆ ประจำประเทศไทย แก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว




            ที่ประชุมยังได้เสนอแก้ไขเพิ่ม เรื่องที่ 5 กำหนดมาตรการเพิ่มเติมแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นให้เป็นธรรมกับนักท่องเที่ยว โดยเน้นย้ำให้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรวดเร็ว บริการเป็นมิตร จัดเก็บค่าธรรมเนียมหรือราคาสินค้าและค่าบริการที่เท่าเทียมกันระหว่างคนไทยกับต่างชาติ และนักท่องเที่ยวใช้เงินได้อย่างคุ้มค่าโดยไม่ลดทอนคุณภาพของประสบการณ์ท่องเที่ยว

ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายของไทยในการรักษาความสามารถทางการแข่งขันในตลาดท่องเที่ยว โดยเฉพาะปัญหา “ราคา” ที่พัก ค่าอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่อาจสูงเกินความเหมาะสมเมื่อเปรียบเทียบกับจุดหมายปลายทางกับประเทศข้างเคียง ไทยจะสนับสนุนนโยบายบริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ /กิจกรรมท้องถิ่น (Local Experience)  เช่น การท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT) การพำนักกับเจ้าบ้าน (Homestay) เพื่อสร้างประสบการณ์และประหยัดค่าใช้จ่ายตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่ชอบเดินทางแบบอิสระ

รวมทั้งได้หารือเพิ่มเติมถึงประเด็น “แก้ไขปัญหาสภาพแวดล้อมและมลภาวะ” ด้านการท่องเที่ยว เน้นย้ำให้ดูแลความสะอาดชายหาด การจัดการขยะอย่างเป็นระบบ การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 การกำกับและควบคุมกลิ่นจากการใช้กัญชาเสรี ป้องกันการรบกวนนักท่องเที่ยวและกระทบบรรยากาศการท่องเที่ยว การลดมลภาวะทางเสียงจากการใช้ยานพาหนะให้อยู่ในขีดจำกัด พัฒนา ปรับปรุง และแก้ไขโครงสร้างพื้นฐาน และระบบขนส่งสาธารณะรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง

นายสรวงศ์กล่าวว่า ถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งแสดงความคิดเห็นเรื่องท่องเที่ยวไทยอย่างตรงไปตรงมา แต่รัฐบาลมองว่านั่นคือ “โอกาส” การปรับปรุงและพัฒนา โดยเล็งเห็นความจำเป็นเร่งด่วนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยรัฐบาลไทยมุ่งมั่นจะทำให้ไทยกลับมาเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของต่างชาติดังเดิม ทำภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่ดี สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

 

ชมฟรี!! KAWS:HOLIDAY THAILAND กลางสนามหลวงไอคอโลกครั้งแรกในไทย13-25พ.ค.68

KAWS: HOLIDAY THAILAND สุดยอดไอคอนิกศิลปะโลกจะมาไทยครั้งแรก 13-25 พ.ค.68

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #KAWS  

เปิดท้องสนามหลวงรับ “KAWS: HOLIDAY THAILAND” สุดยอดไอคอนิกศิลปะโลกครั้งแรกในไทย ททท.ปลุกสายศิลปะชมฟรีมาสเตอร์พีซ 13-25 พ.ค.นี้ ตื่นตากับประติมากรรมสูง 18 เมตร ใจกลางแหล่งประวัติศาสตร์ไทย

 


นางสาว ฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ททท.เดินหน้าสนับสนุนงานศิลปะผลงานระดับโลก KAWS: HOLIDAY THAILAND” ชวนนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิดชมฟรีกับผลงานมาสเตอร์พีซ “COMPANION” สุดยอดไอคอนิกของ “มร. ไบรอัน ดอนเนลลี่” หรือนานาชาติรู้จักในชื่อ KAWS เตรียมนำรูปปั้นขนาดมหึมาสูง 18 เมตร มาปรากฏตัว “กลางท้องสนามหลวง” แลนด์มาร์กกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกในเมืองไทย ระหว่าง 13–25 พฤษภาคม 2568 ปลุกกระแสนักท่องเที่ยวสายศิลป์สร้างคึกคักอย่างแน่นอน

ททท. ได้ร่วมกับ “ออลไรท์รีเซิร์ฟ” เซ็นทรัล เอ็มบาสซี กรุงเทพมหานคร กับพันธมิตรชั้นนำ เป็นเจ้าภาพสนับสนุนจัดการแสดงทัวร์อาร์ตคอลเลกชั่นพิเศษ “KAWS: HOLIDAY THAILAND” ครั้งแรกในไทยร่วมฉลองโอกาส Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 และได้นำศิลปะมาใช้เป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์สร้างแรงบันดาลใจและเพิ่มเสน่ห์ให้แหล่งท่องเที่ยวในไทย ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ผลักดันประเทศสู่ “เวิลด์ คลาส อีเวนต์ ฮับ” ครอบคลุมทุกมิติ

 


นิทรรศการนี้จะช่วยยกระดับไทยในฐานะประเทศที่พร้อมต้อนรับศิลปะนานาชาติ เชื่อมโยงผู้คนจากทั่วโลกได้มาพบกัน ช่วยประชาสัมพันธ์แลนด์มาร์กสุดไอคอนิกท้องสนามหลวง แลนด์มาร์กทางประวัติศาสตร์ และสถานที่ประกอบพิธีกรรมยิ่งใหญ่ ซี่งเป็นหัวใจของกรุงเทพฯ ด้านวัฒนธรรม ให้กลายเป็นผืนผ้าใบกลางแจ้งการแสดงออกผลงานชิ้นมาสเตอร์พีซสร้างภาพจำ เติมสีสันให้แหล่งท่องเที่ยว เปิดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวได้ออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงเกาะรัตนโกสินทร์ กับฝั่งธนบุรี โปรโมทการท่องเที่ยวมุมใหม่เพิ่มมากขึ้น

งานศิลปะ “KAWS: HOLIDAY THAILAND” ศิลปินได้สร้างสรรค์ผลงาน COMPANION ขนาดมหึมา สูง 18 เมตร นั่งอยู่บนโลกโอบอุ้มดวงจันทร์ไว้อย่างอ่อนโยน และมี COMPANION ขนาดเล็กกว่า นั่งพักอยู่บนตัก เลือก “สนามหลวง” เป็นเสมือนศูนย์กลางของสรรพสิ่งทั้งปวง เมื่อมีประติมากรรมอยู่ในพื้นที่เต็มเปี่ยมด้วยความหมาย เปรียบเสมือนภาพสะท้อนของระเบียบแห่งจักรวาล ตอกย้ำความเชื่อมโยงของทุกสรรพสิ่ง และการไหลเวียนอย่างต่อเนื่องของภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น ตลอดจนบริบทของสถานที่ที่ตั้งอยู่เคียงข้างพระบรมมหาราชวัง

“สนามหลวง” เปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมโยงขนบธรรมเนียมอันทรงคุณค่าของไทยเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ร่วมสมัย โดยการจัดแสดงในไทยถือเป็นหนึ่งในทัวร์อาร์ตคอลเลกชั่นพิเศษ จะจัดแสดงต่อเนื่องจากอินโดนีเซีย และเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน

KAWS: HOLIDAY Thailand” คอลเลกชันพิเศษลิมิเต็ดสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จะเปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่ 13-25 พฤษภาคม 2568 ที่สนามหลวง กรุงเทพมหานคร เวลา 07.00-22.00 น.และติดตามเพิ่มทางInstagram : @kaws, @ARR.AllRightsReserved,  และ @centralembassy



บางจากลั่นใช้หน่วยผลิต Neat SAFทำน่านฟ้าคาร์บอนต่ำมาฐานสากลISCC

บางจากลั่นพร้อมใช้หน่วยผลิต Neat SAF 100 %ขับเคลื่อน “น่านฟ้าการบินคาร์บอนต่ำ” 


เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #SAF #บางจาก

กลุ่มบริษัทบางจากลั่นพร้อมใช้หน่วยผลิต Neat SAF 100 %ขับเคลื่อน “น่านฟ้าการบินคาร์บอนต่ำ” พัฒนาแบบเฉพาะ Stand Alone แห่งแรกในไทย ภายใต้มาตรฐานสากล ISCC

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทบางจากได้เปิดหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel - SAF) ที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง เป็นหน่วยผลิต Neat SAF 100% ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ (Stand Alone) แห่งแรกของไทย บริหารโดย บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด บริษัทในกลุ่มบริษัทบางจาก ได้การรับรองมาตรฐานระดับสากล มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมสีเขียวเพื่อความยั่งยืน จากผู้นำพลังงานทดแทนสู่ผู้บุกเบิกพลังงานแห่งอนาคต

บางจากขับเคลื่อน SAF เป็นหน่วยผลิต Neat SAF 100 % ครบวงจร ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง ภายใต้มาตรฐานสากล ISCC (International Sustainability and Carbon Certification) มีกำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 1 ล้านลิตร/วัน โดยใช้เทคโนโลยี HEFA (Hydroprocessed Esters and Fatty Acid) แปรรูปกรดไขมันหรือน้ำมันพืช เช่น น้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ที่ผ่านการออกแบบและพัฒนาโดยความร่วมมือกับ 2 บริษัทชั้นนำของโลก คือ

Desmet” เบลเยี่ยม ผู้เชี่ยวชาญด้านกระบวนการปรับสภาพวัตถุดิบ (Pretreatment) และ “UOP Honeywell” สหรัฐอเมริกา ผู้นำด้านเทคโนโลยีแปรสภาพไฮโดรโปรเซสซิ่ง (Hydroprocessing) ทำให้กระบวนการผลิตทุกขั้นตอนสามารถควบคุมคุณภาพได้ ตั้งแต่การจัดการวัตถุดิบ การปรับสภาพน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว การเติมไฮโดรเจน การปรับโครงสร้างโมเลกุล การกลั่นแยก (Fractionation) เพื่อให้ได้เชื้อเพลิงที่มีคุณภาพเทียบเท่าน้ำมันอากาศยานตามมาตรฐาน ASTM (American Society for Testing and Materials)

โดยมีผลิตภัณฑ์หลักคือ “Neat SAF” กับผลิตภัณฑ์ร่วม เช่น Bio-LPG และ Bionaphtha ปัจจุบัน หน่วยผลิต SAF อยู่ระหว่างการทดสอบสมรรถนะของโรงงาน (Plant Performance Test Run)

จากข้อมูลขององค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ทุกวันนี้ภาคการบินปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูงถึง 492 ล้านตัน/ปี แม้จะใช้พลังงานเพียง 2.9 % ของโลกเท่านั้น การพัฒนา SAF จึงเป็นหัวใจตามแผนลดคาร์บอนระดับโลก ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มากถึง80 % ซึ่งมากกว่าและคุ้มทุนกว่าเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน  โดยหลายประเทศได้ออกมาตรการบังคับใช้ SAF (SAF Blending Mandate) ในเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานแล้ว เช่น



สหภาพยุโรป ปี 2568 นำร่องลดคาร์บอนภาคการบิน 2 % จากนั้นปี 2573  ตั้งเป้าลดให้ได้ 6 %  ••••

สหราชอาณาจักร ปี 2568 จะลดคาร์บอนภาคการบิน 2 % ในปี 2573 ตั้งเป้าลดให้ได้ 10 %

สิงคโปร์ ปี 2569 จะลดคาร์ภาคการบิน  1 % ปี 2573 ตั้งเป้าลดให้ได้ 5 %

ประเทศไทย อยู่ระหว่างพิจารณาการกำหนดมาตรการดังกล่าวร่วมกับโลกลดคาร์บอนภาคการบิน

SAF นอกจากช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากภาคการบินแล้ว ยังช่วยลดมลพิษทางอากาศอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะแทบ “ไม่มีสารอะโรมาติก” เป็นส่วนประกอบ ซึ่งเป็นสารที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกระตุ้นเกิดโรคมะเร็ง และยังมีปริมาณสารซัลเฟอร์ต่ำมาก จึงช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ ลดความเสี่ยงของการเกิดฝนกรดได้ด้วย

“กลุ่มบางจาก” เดินหน้าโครงการนี้สะท้อนความเป็น “ผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงาน” ต่อยอดจากประสบการณ์พัฒนาพลังงานทดแทนมากว่า 20 ปี  เริ่มจากปี 2543 ร่วมมือกับกรมอู่ทหารเรือสร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชใช้แล้ว เพื่อใช้ใน “โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา” พร้อมกับนำร่องปี 2547 การผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซลเป็นรายแรกในไทย สถานีบริการน้ำมันบางจาก

ปี 2551 บางจากได้ริเริ่มโครงการรับซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วจากชุมชนและเครือข่าย เพื่อนำมาผลิตเป็นไบโอดีเซล จนได้การยอมรับในฐานะผู้นำด้านพลังงานทดแทนของประเทศ พัฒนามาสู่ผู้บุกเบิกพลังงานแห่งอนาคตด้วยการผลิต Neat SAF ให้ความสำคัญกับระบบความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน ด้วยการรับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วผ่านโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” ที่สถานีบริการบางจากทั่วประเทศกว่า 290 แห่ง

ปี 2568 ตั้งเป้าขยายเครือข่ายรับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเป็น 2,000 แห่ง โดยสร้างเครือข่ายความร่วมมือจัดหาวัตถุดิบร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและพันธมิตรภาคธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม

โดยได้เตรียมรองรับระบบ Book & Claim เป็นแนวทางที่องค์กรระดับโลกใช้สนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงสะอาด เพื่อให้ผู้โดยสารและสายการบินสามารถร่วมสนับสนุนการลดคาร์บอนได้โดยตรง ผ่านการอ้างสิทธิ์การใช้ SAF ที่ผลิตขึ้นจริง พร้อมได้รับใบรับรองการลดคาร์บอน ช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดได้อย่างเป็นรูปธรรม

 

“ททท.-บางกอกแอร์” ปลุกเที่ยวตะวันออกTrat Discoveryบอร์ดดิ้งพาสเที่ยวกินฟินตั๋วบินฟรี10รางวัล

 

ททท.ควงบางกอกแอร์เวย์สเปิดเที่ยวตะวันออก “Trat Discovery: Islands and Beyond" 

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #บางกอกแอร์เวย์ส #TratDiscovery

ททท.ควง บางกอกแอร์เวย์ส จัด “Trat Discovery: Islands and Beyond" ปลุกเที่ยวไทยใกล้กรุงในภาคตะวันออก อัดฉีด 2 สิทธิพิเศษ “บอร์ดดิ้งพาส” ใบเดียว เที่ยวฟิน กินครบ และลุ้นตั๋วบินฟรีทั่วประเทศ 10 รางวัล 1 พ.ค.-20 ส.ค.68

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์  ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.จับมือกับ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบางกอกแอร์เวย์ส และพันธมิตร เปิดโครงการ “Trat Discovery: Island and Beyond” กระตุ้นตลาดท่องเที่ยวภาคตะวันออก เสิร์ฟสุขทันทีที่เที่ยวไทยระดับให้นักท่องเที่ยวที่มีบัตรขึ้นเครื่องบินโดยสาร (broading pass) เที่ยวบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่จังหวัดตราด สมาชิกฟลายเออร์โบนัส และนักท่องเที่ยวทั่วไป ได้รับ 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 “ส่วนลดพิเศษ” ในการใช้บริการร้านค้า ร้านอาหาร ที่พักในพื้นที่ตราด เกาะช้าง เกาะหมาก เกาะกูด และจันทบุรี ส่วนที่ 2 ลุ้นรางวัลตั๋วโดยสารเครื่องบินเส้นทางภายในประเทศ 10 รางวัล ร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม -20 สิงหาคม 2568

เป็นโครงการขานรับปัจจุบันพฤติกรรมนักท่องเที่ยวปัจจุบัน “คนไทย” นิยมเดินทางเที่ยวกลุ่มเล็ก ๆ ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ใช้โซเชียลมีเดียเป็นตัวช่วยค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวเน้นความสะดวกสบาย แหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย เน้นเลือกอาหารอร่อย และการค้นหาประสบการณ์แปลกใหม่ “ภาคตะวันออก” อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร เดินทางสะดวกเข้าถึงง่ายทั้งทางรถยนต์ รถโดยสาร และเครื่องบิน มีศักยภาพครบวงจรทั้ง ที่พัก ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย


ททท. จึงพร้อมร่วมกับพันธมิตรกระตุ้นกลุ่มนักท่องเที่ยวมีศักยภาพใช้จ่ายเงิน เพิ่มความถี่การเดินทางท่องเที่ยวด้วย ซอฟท์ พาวเวอร์ ภาคตะวันออก โดดเด่นเรื่อง อาหาร และกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) กับการท่องเที่ยวทำกิจกรรมกลางแจ้ง แมน-เมด แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเวลเนส

ขณะนี้ “จังหวัดตราด” มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติไฮไลต์ในหมู่เกาะทะเลตราดอันสวยงาม ได้รับความนิยมสูง ได้แก่ เกาะช้าง เกาะกูด และเกาะหมาก ถือเป็นสวรรค์การทำกิจกรรมทางน้ำ เป็นแหล่งวัตถุดิบทางด้านอาหารทะเลสดใหม่ และผลไม้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) อย่าง ทุเรียนชะนีเกาะช้าง สับปะรดตราดสีทอง ซึ่งนำมาปรุงเป็นเมนูพื้นถิ่น

แล้วนักท่องเที่ยวยังเดินทางเชื่อมโยงไปยังจันทบุรีได้ด้วย ถือเป็นเส้นทางจุดหมายปลายทาง เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร ผลไม้พื้นถิ่นจันทบูร ทั้งคาว หวานและเครื่องดื่ม จึงเหมาะกับทุกกลุ่มวัยจะไปแสวงหาประสบการณ์ที่ดี โดยมีจุดขายครบทั้ง 5 Must Do In Thailand ได้แก่

Must Taste : เสิร์ฟ “เมนูอาหารประจำท้องถิ่นไฮไลต์ แกงคั่วสับปะรดตราดสีทอง และข้าวคลุกพริกเกลือจานเด็ดของจันทบุรี

Must Try : กิจกรรมที่ต้องลุย ทั้งดำน้ำตื้น (Snorkeling) ฟรีไดฟ์วิ่ง ดำน้ำลึก (Scuba diving) การพาย ซับ บอร์ด /สแตนอัพ แพดดี้ บอร์ด  ไลฟ์สไตล์แบบท้องถิ่นต้องลอง ห่มทรายสปาพื้นบ้านหาดทรายแดงที่ชุมชมบ้านธรรมชาติล่าง จ.ตราด หรือจะเดินเที่ยววิถีชีวิตชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัว จ.จันทบุรี

Must Buy : ช้อปสินค้าชุมชน กระเป๋าผ้ามัดย้อมน่ารัก ๆ อาหารทะเลสดและแปรรูป ผลไม้หลายชนิด และที่จันทบุรีขึ้นชื่อเรื่องของพลอย อัญมณี เครื่องประดับผลิตภัณฑ์แฟชั่นจากเสื่อ-กก-จันทบุรี

Must Seek : วิวสวย จุดถ่ายรูปน่าเช็คอิน อย่างหาดคลองเจ้า เกาะกูด จ.ตราด จุดชมวิวเนินนางพญา จ.จันทบุรี

Must See (ตราด) : งานวันตราดรำลึก หน้าศาลาว่าการจังหวัดตราด (จันทบุรี) การแสดงพื้นบ้านเท่งตุ๊ก ประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาท เขาคิชฌกูฎ (จันทบุรี)


นางสาวเพลินพิศ โกศลยุทธสาร ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยวและพันธมิตร บริษัท การบินกรุงเทพฯ กล่าวว่า ภาคตะวันออกมีศักยภาพสูงด้านการท่องเที่ยว สร้างประสบการณ์ได้หลากหลาย โดยเฉพาะตราด กับเกาะต่าง ๆ มีอาหารท้องถิ่น แล้วยังสนุกกับการดำน้ำที่ เกาะช้าง ชมเหยี่ยวแดง และ นั่งเรือมาศ ชมวิวทะเล บางกอกแอร์เวย์ส จึงร่วม ททท.และชุมชนท้องถิ่นช่วยให้ตราด และเกาะต่าง ๆ กับจังหวัดข้างเคียง เชื่อมโยงนักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ด้วยบริการเหนือระดับ เชิญชวนเข้าร่วมโครงการ Trat Discovery: Island and Beyond เพื่อรับ 2 สิทธิพิเศษ ดังนี้

สิทธิพิเศษที่ 1 เพียงแค่นักท่องเที่ยวแสดง บัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) หรือ หลักฐานการเป็นสมาชิกฟลายเออร์โบนัส” ของบางกอกแอร์เวย์ส และนักท่องเที่ยวทั่วไป สามารถสแกนคิวอาร์โค้ด แลกรับสิทธิประโยชน์สุดคุ้มจากพันธมิตรกว่า 50 แห่ง คือ ร้านอาหาร คาเฟ่ ที่พักที่ร่วมรายการบนเกาะต่าง ๆ  

สิทธิพิเศษที่ 2 เมื่อใช้บริการด้วยค่าใช้จ่ายครบ 200 บาทขึ้นไป ลุ้นโชคต่อที่ 2 ร่วมกิจกรรมชิงโชคลุ้นรางวัลเอ็กซ์คลูซีฟตั๋วโดยสารเครื่องบินในประเทศของบางกอกแอร์เวย์สอีก 10 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง เพียงแค่กรอกชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล แล้วนำคูปองไปหย่อนในกล่องชิงโชคของร้านที่เข้าร่วมโครงการตั้งแต่ 1 พฤษภาคม – 20 สิงหาคม 2568 และประกาศผลผู้โชคดี 1 กันยายน 2568 ผ่านทางเพจ Facebook: @TratDiscovery และ Instagram: @TratDiscovery



อควาเซอร์คัสภูเก็ตจัดโปร“คนไทย”ตั๋วราคาพิเศษ 450-500บาท

  อควาเซอร์คัสภูเก็ตจัดโปรปัง “นักท่องเที่ยวไทย” 18 มิ.ย.- 31 ก.ค.ซื้อตั๋วราคาพิเศษ 450-500 บาท/คน เรื่องโดย... # เพ็ญรุ่งใยสามเสน #guru...