ถอดรหัสศูนย์ศึกษาแดนอีสาน“เลิงหนองเปือย”กาฬสินธุ์
ทฤษฎีพอเพียงรวมกลุ่มชุมชนพลิก4พันครัวเรือนเลิกจน
คิงเพาเวอร์พาเหรด100แบรนด์เซล50%-ช้อปรับเงินคืน
ททท.ชูGreateMekongบูม”นครพนม-สกล-มุกดาหาร”
SPARบางจากแจกฟรีโค้กอินทนิลลดกาแฟแก้วสอง50%
TCEBใช้เวทีTIME2019กวาดไมซ์MIตุน 2.5 หมื่นล้าน
More Funล่องเรือป่าโกงกางชุมชนบ้านท่าระแนะตราด
ระวัง!!ไวรัสโรคตาแดงช่วงหน้าฝนอันตรายกว่าทุกฤดู
ทอท.ปั้นจิตอาสาสูงวัยรุ่น1บริการทุกจุดในสุวรรณภูมิ
นกแอร์ดึงทายาทจุฬางกูรผงาดCEOฟื้นเชื่อมั่นทุกกลุ่ม
รร.ไอบิสรัชดาฉลองเปิดใหม่ลดห้องยาววันนี้-ต.ค.62
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #วันธรรมดาน่าเที่ยว #MoreFunตะวันออก # ช่วงที่ 1 ตามไปดูต้นแบบต้นแบบชุมชนยั่งยืนแดนอีสาน กับ “สุรจิต นามน้อย”หัวหน้างานพื้นที่ปิดทองหลังพระ จังหวัดกาฬสินธุ์ รุกใช้ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง เปลี่ยนน้ำพลิกดินโครงการพัฒนาแก้มลิงหนองเลิงเปือย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลสามัคคี อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ ปลุกชาวบ้านกว่า 4,000 ครัวเรือน “รวมกลุ่มการผลิต” เอาชนะความยากจนมีรายได้พุ่งปรี๊ด 1.4-1.5 แสนบาท/ครัวเรือน ยกระดับเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ น้ำ ดิน 6 มิติ ที่ยิ่งใหญ่แห่งแดนอีสาน ที่ทั้งชาวไทยและต่างชาติแห่แหนกันไปชมตลอดทั้งปี นายสุรจิต นามน้อย หัวหน้างานพื้นที่ปิดทองหลังพระ จังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ในฐานะผู้ดูแลโครงการพัฒนาแก้มลิงหนองเลิงเปือย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลสามัคคี อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ ก่อนจะเข้ามาเริ่มเมื่อปี 2553 ทางชุมชนโดยองค์การบริหารส่วนตำบล ร่องอ้อย ร่วมกับ อีก 3 อบต.ได้รวบรวมแล้วสะท้อนปัญหาพร้อมทั้งถวายฎีกาถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ถึงโครงการฝายน้ำล้นชำรุดเมื่อปี 2554 ทางโครงการได้เข้ามาช่วยซ่อมแซม ควบคู่การหารือกับทางกองทัพบกซึ่งมีเครื่องมือ กำลังพล มีความพร้อมจับมือพัฒนาโครงการแบบองค์รวมในหลายด้าน เพื่อทำให้ชุมชนดำรงอยู่อย่างยั่งยืน จากนั้นก็นำร่องปักหมุดโครงการต้นแบบภาคอีสานใน “โครงการพัฒนาแก้มลิงหนองเลิงเปือย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ในพื้นที่แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 887 ไร่ เป็นหนึ่งเป้าหมายของโครงการต้นแบบการพัฒนาแบบองค์รวม น้ำ ดิน ต่อยอดให้ชุมชนอยู่อย่างยั่งยืน ใช้เวลาสำรวจ 10 เดือน นำกระบวนการทำงานร่วมกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เห็นตรงกันที่จะใช้แนวทางพัฒนาตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ตั้งคณะทำงานระดับอำเภอ จังหวัด ข้อมูลหลัก ชุดแรก ลงพื้นที่ทำข้อมูลเริ่มเดินกายภาพสำรวจต้นทุนในพื้นที่มีอะไรบ้าง ต้นน้ำ หนอง คลอง บึง ดิน ป่า และทรัพยากรธรรมชาติ ร่วมกับ GISDA นำดาวเทียมทางอากาศเข้ามาเสริม ชุดที่ 2 ด้านเศรษฐกิจ ในชุมชนประกอบอาชีพ มีรายได้จากอะไรบ้าง จากนั้นก็นำข้อมูลไปสังเคราะห์ร่วมกับทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมี ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล ประธานสถาบันมูลนิธิปิดทองหลังพระ ลงพื้นที่ด้วยตนเอง สร้างความรู้ความเข้าใจเปิดให้ชาวบ้านตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับได้ที่ทางราชการและมหาวิทยาลัยวิเคราะห์ สรุปเนื้อหาออกมาตรงกันคือต้องแก้ไขเรื่องปัญหาดินและน้ำซึ่งแล้งและท่วมซ้ำซาก เพราะติดลำน้ำปาว ห่างกันแค่ 100 เมตร พอน้ำมากจะเอ่อล้นมาในพื้นที่ทำการเกษตรเสียหายใน 4 ตำบล พื้นที่โครงการพัฒนาแก้มลิงหนองเลิงเปือยฯ เป็นการดูแลทั้งหมด 4,004 ครัวเรือน 53 หมู่บ้าน 4 ตำบล 2 อำเภอ ร่องคำกับกปาลสัย ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ผลจากการขุดลอกหนองเลิงเปือยขีดวงพัฒนา “วงแรก” ใช้งบประมาณของปิดทองหหลังพระและหน่วยราชการ ทำสถานีน้ำ ใน 38 หมู่บ้าน พร้อมกับวัดผลความคุ้มค่าคืนทุนภายในกี่ปี โดยใส่กิจกรรมทางการเกษตรเน้นส่งเสริมอาชีพ แล้วส่งเสริมควบคู่กับใน “วงที่ 2” บริเวณหมู่บ้านที่ระบบน้ำไปไม่ถึง 15 หมู่บ้าน “วงที่ 3” หมู่บ้านรอบนอกเหนือจาก 53 แห่ง เป็นรอยต่อทางจังหวัดร้อยเอ็ด และอื่น ๆ แสดงให้เห็นถึงการไม่ปิดกั้นแต่อย่างใด วิธีการดังกล่าวเป็นการเดินหน้าพัฒนา ดิน น้ำ 6 มิติ มิติที่ 1 เรื่องน้ำ ขุดลอกดินจากหนองน้ำ มิติที่ 2 ดิน ทำการปรับปรุงดินให้มีการเรียนรู้ไปด้วยกันกับชาวบ้าน เช่น การใส่ปุ๋ยหมักธรรมชาติ ปลูกต้นปอเทืองบำรุงดิน ช่วงปี 2556-57 มิติที่ 3 เรื่องเกษตร พลิกวิถีชีวิตจากเดิมเคยปลูกข้าวหน้าฝนในพื้นที่ต่ำ และพืชไร่ มัน อ้อย ยางพารา ล้วนเป็นพืชเชิงเดี่ยว จึงเข้าไปให้ความรู้สร้างความยั่งยืนโดยปลูกพืชแนวผสมผสาน เพราะหน้าแล้งก็จะขาดทุนไม่มีรายได้ ใช้วิธีแบ่งแปลงพื้นที่การเพาะปลูก และรวมกลุ่มเกษตรกร เพราะแต่ละครอบครัวมีแหล่งปลูกจำกัด ต้องใช้การรวมตัวกันเป็นกลุ่มมีปริมาณผลผลิตเพียงพอต่อรองขายกับตลาดได้ สำหรับการรวมกลุ่มเพาะปลูก ประเด็นหลักส่งเสริมตั้งแต่เริ่มแรกคือชวนกันปลูกพืชทางเลือก พืชใช้น้ำน้อย เช่น พริก พืชผักสวนครัว ก่อนจะปลูกได้ไปเจรจากับตลาดรับซื้อโครงการหลวงที่เต่างอย พอทำได้สัก 2-3 ปี เรื่องการจัดการ ความเข้าใจของเกษตรกร ทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดี ไม่คุ้มค่าการลงทุน จึงปรับกลยุทธ์ปลูกพืชหลังทำนาปรังให้หันมาปลูก ข้าวโพดหวาน ปอเทือง ทั้งหมดทางปิดทองหลังพระจะช่วยดีลเรื่องตลาด ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมาก็เริ่มดีขึ้น จัดทำกลุ่มเพาะปลูกในชื่อ “หัวไวใจสู้” ชวนครัวเรือนที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการหันมาร่วมเพาะปลูกเป็นเครือข่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ผลลัพธ์เริ่มชัดเจนตั้งแต่แรกคือ “การปลูกผักปลอดภัย” มีกลุ่มนำร่องทำตั้งแต่ปี 2557 เข้าร่วมกระบวนการ ผ่านการอบรม ปรับทัศนคติ ขยายผลตามหมู่บ้านละ 10 ครัวเรือน คัดเลือกมาจากชุมชนอีก 521 ครัวเรือน เข้าร่วมกลุ่มหัวไวใจสู้ พร้อมปรับทัศนคติปลูกพืชหลังทำนา แล้วก็พัฒนายกระดับมาปลูกผักปลอดภัยจัดทำเป็น “วิสาหกิจปลูกผักปลอดภัยหนองเลิงเปือย” ปัจจุบันทางจังหวัดเห็นถึงความตั้งใจของกลุ่มจึงยกระดับอีกขั้นตั้งเป็น “สหกรณ์ปลูกผักปลอดภัยหนองเลิงเปือย” มีบทบาทเป็นช่องทางการตลาดรับซื้อผลผลิตจากเกษตรรายย่อย ซึ่งทำตามคำแนะนำปลูกพืชผักปลอดสารเคมีเข้าสู่เกษตรอินทรีย์ แล้วสหกรณ์ก็ขายส่งไปยังคู่ค้ารายใหญ่ในกาฬสินธุ์ 4 ตลาดหลัก ได้แก่ แมคโคร บิ๊กซี โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ และโรงพยาบาลกมลาสัย แนวทางหลัก ๆ เข้าไปช่วยเกษตรกรเพาะปลูกกลุ่มย่อย ๆ ผลิตได้ต่อเนื่องตามคุณภาพความต้องการของตลาด แต่ก็ยังติดปัญหาการจัดการ ผลิตได้ช่วงหน้าหนาวผลผลิตออกมาถูกกดราคา หน้าร้อน มีนาคม-เมษายน ปลูกผักยากผลผลิตน้อย ราคาดี ขณะนี้จึงอยู่ในช่วงการพัฒนาการเพาะปลูกเพื่อให้ผลผลิตตามปริมาณความต้องการของตลาดอย่างมีเสถียรภาพ ซึ่งมี 4 กลุ่ม 50 ราย ทำอย่างเป็นระบบ นายสุรจิตกล่าวว่า การวัดผลสัมฤทธิ์เมื่อมูลนิธิปิดทองหลังพระเข้าไปพัฒนาต่อเนื่องมากว่า 8 ปี ขณะนี้ได้แบ่งเกษตรกรแยกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก เข้าร่วมโครงการ กลุ่มที่ 2 ไม่เข้าร่วมโครงการ โดยมีอาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่นเข้ามาเก็บรวบรวมข้อมูล โดยพบว่า กลุ่มแรกที่เข้าร่วมโครงการมีรายได้เพิ่มขึ้น แตกต่างจากผู้ไม่เข้าร่วมโครงการกว่า 20 % โดยมีค่าเฉลี่ยรายได้ผ่านเกณฑ์รายได้พ้นขีดความยากจนจังหวัดกาฬสินธุ์ทำได้ 1.4-1.5 แสนบาท/ครัวเรือน/ปี สูงกว่าค่าเฉลี่ยความยากจนซึ่งอยู่ที่ 1.2-1.3 แสนบาท/ครัวเรือน/ปี และประชากรอีก 30 % จะมีรายได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยดังกล่าว การวางแผนปี 2562 การวัดผลเชิงบวกถึงวิถีชีวิตที่ดีขึ้นได้ จะต้องเชิญชวนให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น โดยจะเก็บข้อมูลอีก 1,000 ครัวเรือน ที่ได้ประโยชน์จากการจัดการน้ำโครงการพัฒนาแก้มลิงหนองเลิงเปือยฯ และใน 2-3 เดือนหน้า จึงจะสรุปผลเรื่องรายได้ที่เติบโตขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม นายสุรจิตกล่าวว่ามูลนิธิปิดทองหลังพระ ได้เปิดต้อนรับกลุ่มผู้ศึกษาดูงานต่อเนื่องมาตลอด 6 ปี ให้คนเข้ามาเรียนรู้วิธีถอดบทเรียนจาก “โครงการพัฒนาแก้มลิงหนองเลิงเปือย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” เพื่อนำไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเองได้ โดยองค์ความรู้ที่พยายามถ่ายทอดโดยภาพรวมการทำงานของมูลนิธิปิดทองหลังพระทั่วประเทศ 9 ปี 7 จังหวัด 9 โครงการ เน้นให้ชาวบ้านลุกขึ้นมาทำ และเห็นแนวบูรณาการรวมกลุ่มสร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนได้จริง ส่วนความรู้ด้านเทคนิคและอื่น ๆ ภาคเอกชนมีองค์ความรู้มากอยู่แล้วด้านการปลูกให้สวยหรือดีโดนใจ แต่ทางมูลนิธิฯ จะย้ำตั้งแต่ต้นน้ำเรื่ององค์รวมด้าน “การรวมกลุ่ม-การนำแนวเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้-การบริหารจัดการเพื่อแบ่งสรรปันส่วนประโยชน์” ไปจนถึงปลายน้ำการนำผลผลิตไปวางจำหน่ายในตลาดตามจังหวัดและพื้นที่ขายทั่วประเทศ สำหรับผู้ที่สนใจเข้าไปเยี่ยมชมโครงการที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สามารถเข้าเว็บไซต์ www.pidthong.org ในอีสานมี 3 แห่ง ได้แก่ ขอนแก่น อุดรธานี กาฬสินธุ์ สามารถหาข้อมูลศึกแต่ละพื้นที่รูปแบบปัญหาแตกต่างกันไป สามารถสอบถามและขอคำปรึกษาได้ที่ “มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ : สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เหมาะกับการศึกษาดูงานตามความต้องการของแต่ละกลุ่มคณะ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั่วประเทศ ที่ฝ่ายสื่อสารสาธารณะและภาคีสัมพันธ์ โทร.02-611-5009-10, 02-611-5054 ฟังข่าวต้นชั่วโมง ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ลดแหลกตลอดมิ.ย.100แบรนด์เนมลดสุดๆ50%” กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรมลดกระหน่ำแห่งปี แคมเปญแรก “กว่า100แบรนด์เนม” ลดสูงสุด 50% ให้แก่ลูกค้าพาสปอร์ตไทย และสมาชิกคิง เพาเวอร์ ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกแห่งทั่วเมืองไทย โดยสามารถดูรายละเอียดแบรนด์ที่ร่วมรายการแต่ละสาขา 30-50 % แฟนคลับตามไปช้อปได้เพราะลดราคาทุกที่คือแบรนด์ Coach , Lacoste ทั้งในสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต และในเมืองที่รางน้ำ ศรีวารี ภูเก็ต แล้วยังมีแบรนด์เนมอีกมากมายพาเหรดกันลดราคาคืนกำไรให้สมาชิกและคนไทย แคมเปญที่ 2 ตลอดเดือนมิถุนายน 2562 รับส่วนลดสูงสุด 3,000 บาท ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และมหานคร สำหรับสมาชิกบัตร คิง เพาเวอร์ รับส่วนลดเพิ่มทันที (เงื่อนไขตามประเภทสมาชิก) 1.ช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ ลดทันที 1,000 บาท* 2.ช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ รับเพิ่ม 2,000 บาท* เพียงแค่ลูกค้าทำตามกติกาง่าย ๆ คือ 1.จำกัดสิทธิ์ 1 สิทธิ์/ใบเสร็จ/ท่าน/วัน 2.เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ 3.ตรวจสอบสินค้าเพิ่มเติม ณ จุดขาย 4.ยอดซื้อที่เกิดจากแผนกเหล้า บุหรี่ ไม่สามารถร่วมรายการ 5.สามารถผ่อนชำระ 0% 6.สามารถร่วมรายการกับบัตรเครดิตร่วมคิง เพาเวอร์ กับธนาคารไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย 7.คูปองส่วนลด 1,000 บาท สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ 8.คูปองส่วนลด 2,000 บาท สำหรับซื้อสินค้าครบ 4,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จรับเงิน และไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ ทั้งนี้ คูปองส่วนลดดังกล่าว สำหรับซื้อสินค้า คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต มหานคร และหมดอายุภายในวันที่แลกรับ ข่าวที่ 2 “ททท.ชูแข่งปั่นGreate Mekongบูมเที่ยว3เมืองรองอีสาน” นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ได้ร่วมกับพันธมิตร 3 จังหวัด นครพนม-สกลนคร-มุกดาหาร จัดการแข่งขันจักรยานทางไกลประเทศไทย ประจำปี 2562 รายการ THE GREAT MEKONG BIKE RIDE 2019 ครั้งที่ 4 ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ชิงเงินรางวัลรวม 1.2 ล้านบาท ระหว่าง 28-30 มิถุนายน 2562 โดยมีนักปั่นแห่สมัครกว่า 2,000 คน เป็นชาวต่างชาติกว่า 400 คน จากทั่วโลก 22 ประเทศ และนักปั่นไทยอีก 1,600 คน คาดจะก่อให้เกิดรายได้สู่ท้องถิ่นสร้าง มูลค่าทางการตลาดท่องเที่ยวในต่างประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมมากกว่า 100 ล้านบาท อีกทั้งจะช่วยยกระดับเมืองรองในอีสาน 3 จังหวัด ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงกีฬา หรือ Sport Tourism Destination อย่างยั่งยืน รวมถึงเป็นกิจกรรมปลุกกระแสการเดินทางท่องเที่ยวตลาดคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะการแข่งแบบ Stage Race เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี ดูรายละเอียดเพิ่มที่ www.thegreatmekongbikeride.com ข่าวที่ 3 “SPARบางจากแจกฟรีโค้ก-อินทนิลลดกาแฟแก้วที่สอง50%” บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดมหกรรมแจกฟรี Coke No Sugar Mini Can 180 ml. ระหว่างวันนี้ - 31 ส.ค. 62 เมื่อเข้าไปซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อ SPAR ของบางจาก เพียงแค่ Add Line : @Cocacola แล้วกดรับสิทธิ (กดรับที่หน้าแคชเชียร์เท่านั้น) รับทันที 1 สิทธิ์ / 1 Line account ตามร้านสพาร์สาขาที่ร่วมรายการ ยกเว้นสาขาพรีเมียม เอ็นเนอร์ยี่ / สาขาอรรถสิทธิ์ปิโตรเลียม / สาขาโรงงานบรรจุแก๊สเทพศิรินทร์ / สาขาทริปเปิล เค กรุ๊ป ส่วนร้านกาแฟ Inthanin จัดกิจกรรมคืนกำไรลูกค้า GREEN DAY ทุกวันพุธหลัง 13.00 น.ซื้อกาแฟแก้วที่ 2 ลดทันที 50 % เฉพาะวันพุธที่ 19, 26 มิ.ย. 62 และวันพุธที่ 3, 10 ก.ค. 62 (รวม 6 ครั้ง) ณ ร้านอินทนิลทุกสาขา โดยมีเงื่อนไขโปรโมชั่นดังนี้ 1.ทุกวันพุธ ตั้งแต่เวลา 13:00 น. จนถึงเวลาปิดทำการของแต่ละสาขา เมื่อซื้อเครื่องดื่มอินทนิลทุกเมนู แก้วแรกในราคาปกติ รับสิทธิ์ซื้อแก้วที่ 2 ลด 50% ทันที โดยเครื่องดื่มแก้วที่ 2 จะต้องมีราคาเท่ากับหรือน้อยกว่าแก้วแรกที่ซื้อ 2.จำกัดสิทธิ์การซื้อเครื่องดื่มที่ลดราคาไม่เกิน 2 แก้ว / ใบเสร็จ 3.สามารถนำแก้วมาเองเพื่อรับส่วนลดเพิ่มอีก 5 บาท เฉพาะแก้วแรกที่ซื้อในราคาปกติเท่านั้น ข่าวที่ 4 “TCEBใช้เวทีTIME2019ปั๊มยอดไมซ์MIโกยแล้ว2.5หมื่นล้าน” นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” เปิดเผยว่า ได้จัดงาน Thailand Incentive and Meeting Exchange 2019 : TIME 2019 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ระหว่าง 10-15 มิถุนายน 2562 ชูธีม Togetherness มุ่งเพิ่ม 2 ตลาดหลักซึ่งทำรายได้เข้าประเทศรวมกันปีละเกินกว่า 50 % กลุ่มแรก การเดินทางเพื่อเป็นรางวัลเข้าสู่ไทย (incentive) กลุ่มที่สอง จัดการประชุม (meeting) สามารถทำสถิติตลอดครึ่งปี 2562 สร้างเงินได้แล้วมากถึง 25,727 ล้านบาท คิดเป็น 58 % ของตลาดต่างประเทศ และ 57 % ของตลาดไมซ์รวม โดยมาจากกลุ่มประเทศ ASEAN+6 สูงถึง 86.96% จากจำนวนนักเดินทางรวม 303,182 คน เติบโตเพิ่มขึ้น23.70 % ดังนั้นจึงพร้อมใช้เวทีจัดงาน TIME 2019 ปีนี้เพิ่มจุดขายโปรดักซ์ใหม่ของประเทศ อาทิ สกาย วอล์ค คิง เพาเวอร์ มหานคร และสถานที่จัดงานในภูมิภาคเมืองหลักเชื่อมโยงเมืองรองโดยนำผู้ซื้อจากนานาชาติกลุ่ม ASEAN + 6 ที่เข้าร่วมงานมีโอกาสเดินทางต่อไปยัง ภูเก็ต พังงา รวมทั้งพื้นที่อื่น ๆ รอบปริมณฑล ตลอดการจัดงาน TIME 2019 มีไฮไลต์แคมเปญส่งเสริมตลาด 4 แคมเปญ เพื่อกระตุ้นการเติบโตต่อเนื่องสองหลักตั้งแต่ 10 % ขึ้นไป ประกอบด้วย 1.“TIME to MEET” ทาง TCEB ให้การสนับสนุนเฉพาะลูกค้าที่เข้าร่วมงาน TIME 2019 กลุ่มบริษัทนำกลุ่มประชุมและกลุ่มการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล 50 คนขึ้นไป และมีวันพักในไทยอย่างน้อย 3 คืน จะได้เงินสนับสนุน 500 บาท/คน สูงสุดถึง 500,000 บาท/กลุ่ม และอื่น ๆ อาทิ ของที่ระลึก การจัดแสดงต้อนรับแบบไทย บริการช่องทางพิเศษตรวจคนเข้าเมือง (V.I.P.MICE LANE) 2.M & I Reward Program ทาง TCEB เปิดโอกาสลูกค้าที่วางแผนนำกลุ่มลูกค้ามาจัดประชุมในไทยจะได้รับเงินสนับสนุนเริ่มต้น 100,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท 3.ASEAN MaxiMICE ทาง TCEB จับมือกับการบินไทย จัดแคมเปญกระตุ้นตลาดไมซ์เฉพาะจาก 4 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มอบสิทธิพิเศษ 3 แพกเกจ คือ ซิลเวอร์ โกลด์ และแพลทินัม ช่วงระหว่างกุมภาพันธ์- กันยายน 2562 โดยจะต้องนำลูกค้าเข้าพักในไทย 2 คืนขึ้นไป กลุ่มละ 40 คน จึงจะได้ซื้อตั๋วโดยสารการบินไทยราคาพิเศษสุด ๆ ถูกกว่าปกติ 4.Fly & Meet Double Bonus Redefined ทาง TCEB จับมือบางกอกแอร์เวย์ส เจาะกลุ่มไมซ์ในประเทศ CLMV : กัมพูชา-สปป.ลาว-เมียนมา-เวียดนาม นำกลุ่มประชุมและอินเซ็นทีฟมาไทยกลุ่มละ 30 คน/ครั้ง พัก 2 คืนขึ้นไป ช่วงมกราคม-กันยายน 2562 จะได้รับเงินสนับสนุนไม่เกิน 3 แสนบาท และอื่น ๆ เช่น ไมซ์เลนเข้าเมือง การแสดงต้อนรับ ช่วงที่ 2 แพ็คกระเป๋าไปเยี่ยมชาวชุมชน “บ้านท่าระแนะ” จ.ตราด สนุกกับการนั่งเรือสัมผัสป่าโกงกางและความมหัศจรรย์ของต้นตะบูน ร่วม More Fun ในแต่ละฐานทำกิจกรรมมันส์ ๆ ต้องไปแล้วจะรู้ว่าสุดยอดจริง ๆ ส่วนหน้าฝนนี้ “ระวังโรคตาแดงให้ดี” และข่าวน่ารู้ “ทอท.เริ่มแล้วดึงสูงวัยร่วมจิตอาสา” ให้บริการทุกจุดฟรีในสุวรรณภูมิ “โรงแรมไอบิสรัชดา” ฉลองเปิดใหม่อัดโปรห้องยาวถึง ต.ค.นี้ “นกแอร์ดึงจุฬางกูรผงาดCEO” หวังฟื้นฟูความเชื่อมั่นลูกค้าและนักลงทุน @ More Fun วิถีชุมชนบ้านท่าระแนะ จ.ตราด ความสนุกที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน ใน “ชุมชนบ้านท่าระแนะ” จังหวัดตราด มีเรื่องราวและความสนุกสนานหลาย ๆ อย่าง ที่ดึงดูดทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยพื้นเพชุมชนแห่งนี้ประกอบอาชีพประมงน้ำเค็ม(อวน และลอก) จากรุ่นสู่รุ่นมาเป็นเวลายาวนานแบบวิถีชาวบ้าน จวบจนปี พ.ศ. 2554 ผู้ใหญ่บ้านของชุมชนได้ชักชวนชาวบ้านเดินทางไปสำรวจพื้นที่ป่าชายเลน เหตุการณ์นี้ทำให้ได้ค้นพบป่าทื่ชื่อว่า ลานตะบูน เป็นป่าโซนที่ 3 ถัดต่อจากป่าที่ 1 ชื่อ ป่าโกงกาง และป่าที่ 2 ชื่อป่าลำพู ลำแพน (ปัจจุบันใช้เป็นเส้นทางเชื่อมเข้าสู่จุดขายลานตะบูน) ซึ่งลานตะบูนได้กลายเป็นสมบัติล้ำค่า สำหรับนำมาต่อยอดใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวป่าธรรมชาติชิ้นเอกที่เลี้ยงปากท้องคนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี เป็นจุดขายที่โดดเด่นของชุมชน มีอาณาบริเวณราว 2-3 ไร่ บรรยากาศร่มเย็นด้วยรากไม้ตะบูนที่แผ่กิ่งใหญ่ และยังใช้ประโยชน์จากลูกตะบูนมาทำเป็นสีสำหรับมัดยอมผ้าด้วยสีหมากสุกธรรมชาติ เดิมชุมชนได้ร่วมมือโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าวเอง ในรูปแบบพาล่องเรือเล็กที่จุคนได้เพียง 2-3 คนเข้าชมทัศนียภาพของลานตะบูนท่านกลางป่าชายเลนที่ร่มรื่นภายในวันเดียว คือ ไปเช้ากลับเย็น กิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่ใช้เชื่อมโยงกับการเดินทางล่องเรือชมลานตะบูนนั้น ได้จัดให้มีขึ้นรวม5 ฐาน เพิ่มความสนุกน่าสนใจที่นักท่องเที่ยวสามารถทำได้ทุกครั้งที่ไปถึงชุมชนบ้านท่าระแนะ คือ 1.ล่องเรือไปลานตะบูนเพื่อปลูกหอยปล่อยปู 2.จิบชา ร้อยรู อยู่ร้อยปี ซึ่งเป็นสมุนไพรในป่าคล้ายลูกตะบูนภายในเมื่อผ่าออกมาจะเป็นรู จำนวนร้อยๆรู นำมาตากแห้ง และกรรมวิธีที่ปลอดภัย สำหรับใช้ดื่มระหว่างรับประทานกับใบโกงกางชุปแป้งทอด 3.ลงมือกทำผ้ามัดยอมจากผลเม็ดของลูกตะบูน ให้สีธรรมชาติเป็นสีหมากสุก 4.เรียนรู้แปลงสาธิตเกษตรอินทรีย์ปลอดสารในพื้นที่นอกป่าชายเลนลานตะบูน(อยู่นอกพื้นที่ความรับผิดชอบของกรมป่าไม้) โดยเป็นอาณาบริเวณของพื้นที่ในหมู่บ้าน อ.เมือง ต.หนองคันทรง จ.ตราด จัดแบ่งให้ใช้ในกิจกรรมนี้ราว 10 ไร่จากทั้งหมดที่มีอยู่มากถึง 70 ไร่ สำหรับให้นักท่องเที่ยวทั้งในรูปแบบบุคคลทั่วไป กลุ่มข้าราชการทั่วสารทิศ นักเรียน และต่างประเทศ มาดูและทดลองในลงมือปฎิบัติในแปลงสาธิต 5.ฐานเรียนรู้และทำขนมพิมพ์ข้าวตอกที่ได้จากการปลูกข้าวนาปลังของชุมชน 6.พาไปกินและซื้อหามะพร้าวน้ำหอมที่ขึ้นชื่อ อาหารการกินที่โดดเด่นของชุมชนบ้านท่าระแนะ แบ่งเป็นประเภทอาหารคาว ได้แก่ แกงคั่วหอยพอกใบชะพลู ต้มส้มปลากระบอก จันรอนย่าง ผักน้ำพริกพื้นบ้าน ทอดมันพันอ้อยผลไม้ตามฤดูกาล ประเภทของหวานที่ขึ้นชื่อ คือ ลูกจากเชื่อม ส่วนของฝากที่ผู้คนสนใจซื้อหา มีทั้งหมด 5 อย่างคือ ปูทะเล กะปิ น้ำปลา ขนม ผ้ามัดย้อม หมวกใบคันทรง หมวกใบจาก ข้าวเกรียบงา(ตัวชูโรง) สนใจไปท่องเที่ยว สามารถติดต่อ นางลมุน เพ่งจินดา เลขากลุ่มท่องเที่ยว ชุมชนบ้านท่าระแนะ จ. ตราด โทร : 086 – 141-0958 @ระวัง! โรคตาแดงที่มาพร้อมกับหน้าฝน เข้าสู่ฤดูฝนหลายคนที่สุขภาพไม่แข็งแรงต้องเสี่ยงกับการเจ็บป่วย ซึ่งโรคตาแดงเป็นหนึ่งในโรคยอดฮิตที่คนส่วนใหญ่เป็นกันในช่วงหน้าฝน และเกิดขึ้นได้ทุกช่วงฤดูกาล แต่ฤดูฝนท้องถนนเปียกมีทั้งน้ำขัง และยานพาหนะที่สัญจรผ่านไปมาก็ดีดเด้งนำพาน้ำสกปรกกระเด็นเข้าสู่ดวงตาได้ง่ายกว่าฤดูกาลอื่น และที่สำคัญเจ้าแบคทีเรียที่ชื่อว่า อดีโนไวรัส (Adenovirus) นั้น เจริญเติบโตได้ดีในช่วงนี้และแฝงตัวอยู่ในน้ำสกปรกหรือฝุ่นที่ปลิวเข้าดวงตาจนทำให้เกิดโรคตาแดง (Pink Eye หรือ Conjunctivitis) ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตนให้ถูกสุขลักษณะดังนี้ 1.เลี่ยงการสัมผัสน้ำที่สกปรก หลีกเลี่ยงการไปเล่นน้ำที่เป็นแหล่งน้ำท่วมขัง หรือว่ายน้ำร่วมกับคนป่วยตาแดง 2.เมื่อโดนน้ำไม่สะอาดกระเด็นเข้าตา ควรรีบล้างออก อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะเชื้อโรคจะทำให้เยื่อบุตาอักเสบและเสี่ยงต่อโรคได้ 3.ไม่อยู่ใกล้กับคนที่ป่วยเป็นโรคตาแดง เพราะจะทำให้ติดต่อกันได้ง่าย และงดใช้ของร่วมกับผู้ป่วย เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า 4.รักษาความสะอาด ซักผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน และล้างมือให้สะอาด เลี่ยงการเอามือไปสัมผัสดวงตาบ่อย ๆ 5.ไม่อยู่ในพื้นที่แอดอัดเสี่ยงต่อการหายใจ ไอ จามรดกัน เช่น รถโดยสารสาธารณะ สถานีรถไฟฟ้า เป็นต้น หากเป็นโรคตาแดงแล้วควรดูแลดังนี้ 1.ควรพักผ่อนสายตา และลาหยุดงานจนกว่าจะหายเพื่อลดการระบาดของโรคไปสู่ผู้อื่น 2.หากมีน้ำตาให้ใช้ผ้าซับน้ำตา ไม่ควรใช้ผ้าซับน้ำตาผืนเดิมซ้ำ ๆ 3.ใช้ยาหยอดตาของแพทย์ เมื่อรู้สึกคันแทนการขยี้ตา หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาต่อไป ฟังข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “สุวรรณภูมิชวนสูงวัยอาสาบริการรุ่น1เริ่ม17มิ.ย.62” นางสาวดาลัด อัศเวศน์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายสนับสนุนธุรกิจ) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า ทางสนามบินสุวรรณภูมิได้จัดโครงการผู้สูงอายุอาสาพัฒนาคุณภาพการให้บริการ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ Airport Senior Ambassador : ASA โครงการ Airport Senior Ambassador : ASA เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุวัยตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ที่มีจิตอาสา และรักบริการ เข้ามามีส่วนร่วมอำนวยความสะดวก ให้คำแนะนำการใช้บริการด้านต่าง ๆ แก่ผู้โดยสารบริเวณจุดการบริการต่าง ๆ ของสุวรรณภูมิ ได้แก่ จุดให้บริการรถรับจ้างสาธารณะ (TAXI KIOSK) จุดตรวจค้นผู้โดยสาร จุดให้ข้อมูลการต่อเครื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการของ ทสภ. และสร้างความพึงพอใจให้กับผู้มาใช้บริการ ปัจจุบันมีผู้สูงอายุที่เกษียณอายุจาก ทอท. และหน่วยงานภายนอกต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ Airport Senior Ambassador : ASA แล้ว 30 คน โดยจะเข้าปฏิบัติงานช่วง 17 มิ.ย. - 14 ก.ย. 2562 ข่าวที่สอง “ไอบิสรัชดาจัดโปรวีคเอนด์ฉลองเปิดใหม่คืนละ2,019บาทถึงต.ค.” โรงแรมไอบิส รายงานว่า ได้เปิดตัวโรงแรมใหม่ในย่านรัชดาด้วยบริการห้องพัก 266 ห้อง เพื่อฉลองโรงแรมแห่งใหม่ ได้จัดโปรโมชั่นสุดสัปดาห์ระหว่างวันนี้ - 31 ตุลาคม 2562 ราคา 2,019 บาทถ้วน/คืน เมื่อจองพักห้องคลาสสิก รวมอาหารเช้า เช็คเอาท์เกินเวลาได้ถึง 6 โมงเย็น และเครื่องดื่มค็อกเทล ซิกเนเจอร์ โดยปกติห้องพักแบบคลาสสิก จะเริ่มต้นที่ 1,950 บาทขึ้นไป และห้องเดี่ยวเริ่มต้น 1,750 บาท/คืน โรงแรมจะตั้งอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินห้วยขวาง ในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังมากมาย อาทิ ตลาดนัดรถไฟรัชดา, อาคารสำนักงานและศูนย์การค้า เดอะ ไนน์ ทาวเวอร์ แกรนด์ พระราม 9, ศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา และสถานที่จัดแสดงนิทรรศการและจัดการแสดง ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ข่าวที่สาม “นกแอร์ตั้งทายาทจุฬางกูรผงาดCEOหวังฟื้นฟูเชื่อมั่นปี’62” นกแอร์จัดทีมบริหารลงตัว พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจเต็มสูบ บอร์ดประกาศแต่งตั้ง “วุฒิภูมิ จุฬางกูร” นั่งซีอีโอ ส่ง “ประเวช องอาจสิทธิกุล” นั่งประธานคณะกรรมการบริหาร มีผลวันที่ 14 มิถุนายน 2562 เป็นต้นไป โชว์ต่ออายุใบอนุญาตประกอบธุรกิจการบินอีก 10 ปี มุ่งสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้โดยสาร พนักงานและนักลงทุน นายประเวช องอาจสิทธิกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะบอร์ดนกแอร์ เมื่อ13 มิถุนายน 2562 มีมติแต่งตั้งนายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ขึ้นเป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริหาร มีผลตั้งแต่ 14 มิถุนายน 2562 เป็นต้นไป เป็นสัญญาณที่ดีในการจัดทัพผู้บริหารใหม่เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นแก่ทั้งนักลงทุนและผู้โดยสารไว้วางใจในการใช้บริการมากขึ้นต่อไป ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ทฤษฎีพอเพียงรวมกลุ่มชุมชนพลิก4พันครัวเรือนเลิกจน
คิงเพาเวอร์พาเหรด100แบรนด์เซล50%-ช้อปรับเงินคืน
ททท.ชูGreateMekongบูม”นครพนม-สกล-มุกดาหาร”
SPARบางจากแจกฟรีโค้กอินทนิลลดกาแฟแก้วสอง50%
TCEBใช้เวทีTIME2019กวาดไมซ์MIตุน 2.5 หมื่นล้าน
More Funล่องเรือป่าโกงกางชุมชนบ้านท่าระแนะตราด
ระวัง!!ไวรัสโรคตาแดงช่วงหน้าฝนอันตรายกว่าทุกฤดู
ทอท.ปั้นจิตอาสาสูงวัยรุ่น1บริการทุกจุดในสุวรรณภูมิ
นกแอร์ดึงทายาทจุฬางกูรผงาดCEOฟื้นเชื่อมั่นทุกกลุ่ม
รร.ไอบิสรัชดาฉลองเปิดใหม่ลดห้องยาววันนี้-ต.ค.62
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #วันธรรมดาน่าเที่ยว #MoreFunตะวันออก # ช่วงที่ 1 ตามไปดูต้นแบบต้นแบบชุมชนยั่งยืนแดนอีสาน กับ “สุรจิต นามน้อย”หัวหน้างานพื้นที่ปิดทองหลังพระ จังหวัดกาฬสินธุ์ รุกใช้ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง เปลี่ยนน้ำพลิกดินโครงการพัฒนาแก้มลิงหนองเลิงเปือย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลสามัคคี อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ ปลุกชาวบ้านกว่า 4,000 ครัวเรือน “รวมกลุ่มการผลิต” เอาชนะความยากจนมีรายได้พุ่งปรี๊ด 1.4-1.5 แสนบาท/ครัวเรือน ยกระดับเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ น้ำ ดิน 6 มิติ ที่ยิ่งใหญ่แห่งแดนอีสาน ที่ทั้งชาวไทยและต่างชาติแห่แหนกันไปชมตลอดทั้งปี นายสุรจิต นามน้อย หัวหน้างานพื้นที่ปิดทองหลังพระ จังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ในฐานะผู้ดูแลโครงการพัฒนาแก้มลิงหนองเลิงเปือย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลสามัคคี อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ ก่อนจะเข้ามาเริ่มเมื่อปี 2553 ทางชุมชนโดยองค์การบริหารส่วนตำบล ร่องอ้อย ร่วมกับ อีก 3 อบต.ได้รวบรวมแล้วสะท้อนปัญหาพร้อมทั้งถวายฎีกาถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ถึงโครงการฝายน้ำล้นชำรุดเมื่อปี 2554 ทางโครงการได้เข้ามาช่วยซ่อมแซม ควบคู่การหารือกับทางกองทัพบกซึ่งมีเครื่องมือ กำลังพล มีความพร้อมจับมือพัฒนาโครงการแบบองค์รวมในหลายด้าน เพื่อทำให้ชุมชนดำรงอยู่อย่างยั่งยืน จากนั้นก็นำร่องปักหมุดโครงการต้นแบบภาคอีสานใน “โครงการพัฒนาแก้มลิงหนองเลิงเปือย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ในพื้นที่แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 887 ไร่ เป็นหนึ่งเป้าหมายของโครงการต้นแบบการพัฒนาแบบองค์รวม น้ำ ดิน ต่อยอดให้ชุมชนอยู่อย่างยั่งยืน ใช้เวลาสำรวจ 10 เดือน นำกระบวนการทำงานร่วมกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เห็นตรงกันที่จะใช้แนวทางพัฒนาตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ตั้งคณะทำงานระดับอำเภอ จังหวัด ข้อมูลหลัก ชุดแรก ลงพื้นที่ทำข้อมูลเริ่มเดินกายภาพสำรวจต้นทุนในพื้นที่มีอะไรบ้าง ต้นน้ำ หนอง คลอง บึง ดิน ป่า และทรัพยากรธรรมชาติ ร่วมกับ GISDA นำดาวเทียมทางอากาศเข้ามาเสริม ชุดที่ 2 ด้านเศรษฐกิจ ในชุมชนประกอบอาชีพ มีรายได้จากอะไรบ้าง จากนั้นก็นำข้อมูลไปสังเคราะห์ร่วมกับทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมี ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล ประธานสถาบันมูลนิธิปิดทองหลังพระ ลงพื้นที่ด้วยตนเอง สร้างความรู้ความเข้าใจเปิดให้ชาวบ้านตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับได้ที่ทางราชการและมหาวิทยาลัยวิเคราะห์ สรุปเนื้อหาออกมาตรงกันคือต้องแก้ไขเรื่องปัญหาดินและน้ำซึ่งแล้งและท่วมซ้ำซาก เพราะติดลำน้ำปาว ห่างกันแค่ 100 เมตร พอน้ำมากจะเอ่อล้นมาในพื้นที่ทำการเกษตรเสียหายใน 4 ตำบล พื้นที่โครงการพัฒนาแก้มลิงหนองเลิงเปือยฯ เป็นการดูแลทั้งหมด 4,004 ครัวเรือน 53 หมู่บ้าน 4 ตำบล 2 อำเภอ ร่องคำกับกปาลสัย ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ผลจากการขุดลอกหนองเลิงเปือยขีดวงพัฒนา “วงแรก” ใช้งบประมาณของปิดทองหหลังพระและหน่วยราชการ ทำสถานีน้ำ ใน 38 หมู่บ้าน พร้อมกับวัดผลความคุ้มค่าคืนทุนภายในกี่ปี โดยใส่กิจกรรมทางการเกษตรเน้นส่งเสริมอาชีพ แล้วส่งเสริมควบคู่กับใน “วงที่ 2” บริเวณหมู่บ้านที่ระบบน้ำไปไม่ถึง 15 หมู่บ้าน “วงที่ 3” หมู่บ้านรอบนอกเหนือจาก 53 แห่ง เป็นรอยต่อทางจังหวัดร้อยเอ็ด และอื่น ๆ แสดงให้เห็นถึงการไม่ปิดกั้นแต่อย่างใด วิธีการดังกล่าวเป็นการเดินหน้าพัฒนา ดิน น้ำ 6 มิติ มิติที่ 1 เรื่องน้ำ ขุดลอกดินจากหนองน้ำ มิติที่ 2 ดิน ทำการปรับปรุงดินให้มีการเรียนรู้ไปด้วยกันกับชาวบ้าน เช่น การใส่ปุ๋ยหมักธรรมชาติ ปลูกต้นปอเทืองบำรุงดิน ช่วงปี 2556-57 มิติที่ 3 เรื่องเกษตร พลิกวิถีชีวิตจากเดิมเคยปลูกข้าวหน้าฝนในพื้นที่ต่ำ และพืชไร่ มัน อ้อย ยางพารา ล้วนเป็นพืชเชิงเดี่ยว จึงเข้าไปให้ความรู้สร้างความยั่งยืนโดยปลูกพืชแนวผสมผสาน เพราะหน้าแล้งก็จะขาดทุนไม่มีรายได้ ใช้วิธีแบ่งแปลงพื้นที่การเพาะปลูก และรวมกลุ่มเกษตรกร เพราะแต่ละครอบครัวมีแหล่งปลูกจำกัด ต้องใช้การรวมตัวกันเป็นกลุ่มมีปริมาณผลผลิตเพียงพอต่อรองขายกับตลาดได้ สำหรับการรวมกลุ่มเพาะปลูก ประเด็นหลักส่งเสริมตั้งแต่เริ่มแรกคือชวนกันปลูกพืชทางเลือก พืชใช้น้ำน้อย เช่น พริก พืชผักสวนครัว ก่อนจะปลูกได้ไปเจรจากับตลาดรับซื้อโครงการหลวงที่เต่างอย พอทำได้สัก 2-3 ปี เรื่องการจัดการ ความเข้าใจของเกษตรกร ทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดี ไม่คุ้มค่าการลงทุน จึงปรับกลยุทธ์ปลูกพืชหลังทำนาปรังให้หันมาปลูก ข้าวโพดหวาน ปอเทือง ทั้งหมดทางปิดทองหลังพระจะช่วยดีลเรื่องตลาด ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมาก็เริ่มดีขึ้น จัดทำกลุ่มเพาะปลูกในชื่อ “หัวไวใจสู้” ชวนครัวเรือนที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการหันมาร่วมเพาะปลูกเป็นเครือข่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ผลลัพธ์เริ่มชัดเจนตั้งแต่แรกคือ “การปลูกผักปลอดภัย” มีกลุ่มนำร่องทำตั้งแต่ปี 2557 เข้าร่วมกระบวนการ ผ่านการอบรม ปรับทัศนคติ ขยายผลตามหมู่บ้านละ 10 ครัวเรือน คัดเลือกมาจากชุมชนอีก 521 ครัวเรือน เข้าร่วมกลุ่มหัวไวใจสู้ พร้อมปรับทัศนคติปลูกพืชหลังทำนา แล้วก็พัฒนายกระดับมาปลูกผักปลอดภัยจัดทำเป็น “วิสาหกิจปลูกผักปลอดภัยหนองเลิงเปือย” ปัจจุบันทางจังหวัดเห็นถึงความตั้งใจของกลุ่มจึงยกระดับอีกขั้นตั้งเป็น “สหกรณ์ปลูกผักปลอดภัยหนองเลิงเปือย” มีบทบาทเป็นช่องทางการตลาดรับซื้อผลผลิตจากเกษตรรายย่อย ซึ่งทำตามคำแนะนำปลูกพืชผักปลอดสารเคมีเข้าสู่เกษตรอินทรีย์ แล้วสหกรณ์ก็ขายส่งไปยังคู่ค้ารายใหญ่ในกาฬสินธุ์ 4 ตลาดหลัก ได้แก่ แมคโคร บิ๊กซี โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ และโรงพยาบาลกมลาสัย แนวทางหลัก ๆ เข้าไปช่วยเกษตรกรเพาะปลูกกลุ่มย่อย ๆ ผลิตได้ต่อเนื่องตามคุณภาพความต้องการของตลาด แต่ก็ยังติดปัญหาการจัดการ ผลิตได้ช่วงหน้าหนาวผลผลิตออกมาถูกกดราคา หน้าร้อน มีนาคม-เมษายน ปลูกผักยากผลผลิตน้อย ราคาดี ขณะนี้จึงอยู่ในช่วงการพัฒนาการเพาะปลูกเพื่อให้ผลผลิตตามปริมาณความต้องการของตลาดอย่างมีเสถียรภาพ ซึ่งมี 4 กลุ่ม 50 ราย ทำอย่างเป็นระบบ นายสุรจิตกล่าวว่า การวัดผลสัมฤทธิ์เมื่อมูลนิธิปิดทองหลังพระเข้าไปพัฒนาต่อเนื่องมากว่า 8 ปี ขณะนี้ได้แบ่งเกษตรกรแยกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก เข้าร่วมโครงการ กลุ่มที่ 2 ไม่เข้าร่วมโครงการ โดยมีอาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่นเข้ามาเก็บรวบรวมข้อมูล โดยพบว่า กลุ่มแรกที่เข้าร่วมโครงการมีรายได้เพิ่มขึ้น แตกต่างจากผู้ไม่เข้าร่วมโครงการกว่า 20 % โดยมีค่าเฉลี่ยรายได้ผ่านเกณฑ์รายได้พ้นขีดความยากจนจังหวัดกาฬสินธุ์ทำได้ 1.4-1.5 แสนบาท/ครัวเรือน/ปี สูงกว่าค่าเฉลี่ยความยากจนซึ่งอยู่ที่ 1.2-1.3 แสนบาท/ครัวเรือน/ปี และประชากรอีก 30 % จะมีรายได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยดังกล่าว การวางแผนปี 2562 การวัดผลเชิงบวกถึงวิถีชีวิตที่ดีขึ้นได้ จะต้องเชิญชวนให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น โดยจะเก็บข้อมูลอีก 1,000 ครัวเรือน ที่ได้ประโยชน์จากการจัดการน้ำโครงการพัฒนาแก้มลิงหนองเลิงเปือยฯ และใน 2-3 เดือนหน้า จึงจะสรุปผลเรื่องรายได้ที่เติบโตขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม นายสุรจิตกล่าวว่ามูลนิธิปิดทองหลังพระ ได้เปิดต้อนรับกลุ่มผู้ศึกษาดูงานต่อเนื่องมาตลอด 6 ปี ให้คนเข้ามาเรียนรู้วิธีถอดบทเรียนจาก “โครงการพัฒนาแก้มลิงหนองเลิงเปือย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” เพื่อนำไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเองได้ โดยองค์ความรู้ที่พยายามถ่ายทอดโดยภาพรวมการทำงานของมูลนิธิปิดทองหลังพระทั่วประเทศ 9 ปี 7 จังหวัด 9 โครงการ เน้นให้ชาวบ้านลุกขึ้นมาทำ และเห็นแนวบูรณาการรวมกลุ่มสร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนได้จริง ส่วนความรู้ด้านเทคนิคและอื่น ๆ ภาคเอกชนมีองค์ความรู้มากอยู่แล้วด้านการปลูกให้สวยหรือดีโดนใจ แต่ทางมูลนิธิฯ จะย้ำตั้งแต่ต้นน้ำเรื่ององค์รวมด้าน “การรวมกลุ่ม-การนำแนวเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้-การบริหารจัดการเพื่อแบ่งสรรปันส่วนประโยชน์” ไปจนถึงปลายน้ำการนำผลผลิตไปวางจำหน่ายในตลาดตามจังหวัดและพื้นที่ขายทั่วประเทศ สำหรับผู้ที่สนใจเข้าไปเยี่ยมชมโครงการที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สามารถเข้าเว็บไซต์ www.pidthong.org ในอีสานมี 3 แห่ง ได้แก่ ขอนแก่น อุดรธานี กาฬสินธุ์ สามารถหาข้อมูลศึกแต่ละพื้นที่รูปแบบปัญหาแตกต่างกันไป สามารถสอบถามและขอคำปรึกษาได้ที่ “มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ : สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เหมาะกับการศึกษาดูงานตามความต้องการของแต่ละกลุ่มคณะ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั่วประเทศ ที่ฝ่ายสื่อสารสาธารณะและภาคีสัมพันธ์ โทร.02-611-5009-10, 02-611-5054 ฟังข่าวต้นชั่วโมง ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ลดแหลกตลอดมิ.ย.100แบรนด์เนมลดสุดๆ50%” กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรมลดกระหน่ำแห่งปี แคมเปญแรก “กว่า100แบรนด์เนม” ลดสูงสุด 50% ให้แก่ลูกค้าพาสปอร์ตไทย และสมาชิกคิง เพาเวอร์ ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกแห่งทั่วเมืองไทย โดยสามารถดูรายละเอียดแบรนด์ที่ร่วมรายการแต่ละสาขา 30-50 % แฟนคลับตามไปช้อปได้เพราะลดราคาทุกที่คือแบรนด์ Coach , Lacoste ทั้งในสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต และในเมืองที่รางน้ำ ศรีวารี ภูเก็ต แล้วยังมีแบรนด์เนมอีกมากมายพาเหรดกันลดราคาคืนกำไรให้สมาชิกและคนไทย แคมเปญที่ 2 ตลอดเดือนมิถุนายน 2562 รับส่วนลดสูงสุด 3,000 บาท ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และมหานคร สำหรับสมาชิกบัตร คิง เพาเวอร์ รับส่วนลดเพิ่มทันที (เงื่อนไขตามประเภทสมาชิก) 1.ช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ ลดทันที 1,000 บาท* 2.ช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ รับเพิ่ม 2,000 บาท* เพียงแค่ลูกค้าทำตามกติกาง่าย ๆ คือ 1.จำกัดสิทธิ์ 1 สิทธิ์/ใบเสร็จ/ท่าน/วัน 2.เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ 3.ตรวจสอบสินค้าเพิ่มเติม ณ จุดขาย 4.ยอดซื้อที่เกิดจากแผนกเหล้า บุหรี่ ไม่สามารถร่วมรายการ 5.สามารถผ่อนชำระ 0% 6.สามารถร่วมรายการกับบัตรเครดิตร่วมคิง เพาเวอร์ กับธนาคารไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย 7.คูปองส่วนลด 1,000 บาท สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ 8.คูปองส่วนลด 2,000 บาท สำหรับซื้อสินค้าครบ 4,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จรับเงิน และไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ ทั้งนี้ คูปองส่วนลดดังกล่าว สำหรับซื้อสินค้า คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต มหานคร และหมดอายุภายในวันที่แลกรับ ข่าวที่ 2 “ททท.ชูแข่งปั่นGreate Mekongบูมเที่ยว3เมืองรองอีสาน” นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ได้ร่วมกับพันธมิตร 3 จังหวัด นครพนม-สกลนคร-มุกดาหาร จัดการแข่งขันจักรยานทางไกลประเทศไทย ประจำปี 2562 รายการ THE GREAT MEKONG BIKE RIDE 2019 ครั้งที่ 4 ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ชิงเงินรางวัลรวม 1.2 ล้านบาท ระหว่าง 28-30 มิถุนายน 2562 โดยมีนักปั่นแห่สมัครกว่า 2,000 คน เป็นชาวต่างชาติกว่า 400 คน จากทั่วโลก 22 ประเทศ และนักปั่นไทยอีก 1,600 คน คาดจะก่อให้เกิดรายได้สู่ท้องถิ่นสร้าง มูลค่าทางการตลาดท่องเที่ยวในต่างประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมมากกว่า 100 ล้านบาท อีกทั้งจะช่วยยกระดับเมืองรองในอีสาน 3 จังหวัด ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงกีฬา หรือ Sport Tourism Destination อย่างยั่งยืน รวมถึงเป็นกิจกรรมปลุกกระแสการเดินทางท่องเที่ยวตลาดคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะการแข่งแบบ Stage Race เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี ดูรายละเอียดเพิ่มที่ www.thegreatmekongbikeride.com ข่าวที่ 3 “SPARบางจากแจกฟรีโค้ก-อินทนิลลดกาแฟแก้วที่สอง50%” บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดมหกรรมแจกฟรี Coke No Sugar Mini Can 180 ml. ระหว่างวันนี้ - 31 ส.ค. 62 เมื่อเข้าไปซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อ SPAR ของบางจาก เพียงแค่ Add Line : @Cocacola แล้วกดรับสิทธิ (กดรับที่หน้าแคชเชียร์เท่านั้น) รับทันที 1 สิทธิ์ / 1 Line account ตามร้านสพาร์สาขาที่ร่วมรายการ ยกเว้นสาขาพรีเมียม เอ็นเนอร์ยี่ / สาขาอรรถสิทธิ์ปิโตรเลียม / สาขาโรงงานบรรจุแก๊สเทพศิรินทร์ / สาขาทริปเปิล เค กรุ๊ป ส่วนร้านกาแฟ Inthanin จัดกิจกรรมคืนกำไรลูกค้า GREEN DAY ทุกวันพุธหลัง 13.00 น.ซื้อกาแฟแก้วที่ 2 ลดทันที 50 % เฉพาะวันพุธที่ 19, 26 มิ.ย. 62 และวันพุธที่ 3, 10 ก.ค. 62 (รวม 6 ครั้ง) ณ ร้านอินทนิลทุกสาขา โดยมีเงื่อนไขโปรโมชั่นดังนี้ 1.ทุกวันพุธ ตั้งแต่เวลา 13:00 น. จนถึงเวลาปิดทำการของแต่ละสาขา เมื่อซื้อเครื่องดื่มอินทนิลทุกเมนู แก้วแรกในราคาปกติ รับสิทธิ์ซื้อแก้วที่ 2 ลด 50% ทันที โดยเครื่องดื่มแก้วที่ 2 จะต้องมีราคาเท่ากับหรือน้อยกว่าแก้วแรกที่ซื้อ 2.จำกัดสิทธิ์การซื้อเครื่องดื่มที่ลดราคาไม่เกิน 2 แก้ว / ใบเสร็จ 3.สามารถนำแก้วมาเองเพื่อรับส่วนลดเพิ่มอีก 5 บาท เฉพาะแก้วแรกที่ซื้อในราคาปกติเท่านั้น ข่าวที่ 4 “TCEBใช้เวทีTIME2019ปั๊มยอดไมซ์MIโกยแล้ว2.5หมื่นล้าน” นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” เปิดเผยว่า ได้จัดงาน Thailand Incentive and Meeting Exchange 2019 : TIME 2019 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ระหว่าง 10-15 มิถุนายน 2562 ชูธีม Togetherness มุ่งเพิ่ม 2 ตลาดหลักซึ่งทำรายได้เข้าประเทศรวมกันปีละเกินกว่า 50 % กลุ่มแรก การเดินทางเพื่อเป็นรางวัลเข้าสู่ไทย (incentive) กลุ่มที่สอง จัดการประชุม (meeting) สามารถทำสถิติตลอดครึ่งปี 2562 สร้างเงินได้แล้วมากถึง 25,727 ล้านบาท คิดเป็น 58 % ของตลาดต่างประเทศ และ 57 % ของตลาดไมซ์รวม โดยมาจากกลุ่มประเทศ ASEAN+6 สูงถึง 86.96% จากจำนวนนักเดินทางรวม 303,182 คน เติบโตเพิ่มขึ้น23.70 % ดังนั้นจึงพร้อมใช้เวทีจัดงาน TIME 2019 ปีนี้เพิ่มจุดขายโปรดักซ์ใหม่ของประเทศ อาทิ สกาย วอล์ค คิง เพาเวอร์ มหานคร และสถานที่จัดงานในภูมิภาคเมืองหลักเชื่อมโยงเมืองรองโดยนำผู้ซื้อจากนานาชาติกลุ่ม ASEAN + 6 ที่เข้าร่วมงานมีโอกาสเดินทางต่อไปยัง ภูเก็ต พังงา รวมทั้งพื้นที่อื่น ๆ รอบปริมณฑล ตลอดการจัดงาน TIME 2019 มีไฮไลต์แคมเปญส่งเสริมตลาด 4 แคมเปญ เพื่อกระตุ้นการเติบโตต่อเนื่องสองหลักตั้งแต่ 10 % ขึ้นไป ประกอบด้วย 1.“TIME to MEET” ทาง TCEB ให้การสนับสนุนเฉพาะลูกค้าที่เข้าร่วมงาน TIME 2019 กลุ่มบริษัทนำกลุ่มประชุมและกลุ่มการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล 50 คนขึ้นไป และมีวันพักในไทยอย่างน้อย 3 คืน จะได้เงินสนับสนุน 500 บาท/คน สูงสุดถึง 500,000 บาท/กลุ่ม และอื่น ๆ อาทิ ของที่ระลึก การจัดแสดงต้อนรับแบบไทย บริการช่องทางพิเศษตรวจคนเข้าเมือง (V.I.P.MICE LANE) 2.M & I Reward Program ทาง TCEB เปิดโอกาสลูกค้าที่วางแผนนำกลุ่มลูกค้ามาจัดประชุมในไทยจะได้รับเงินสนับสนุนเริ่มต้น 100,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท 3.ASEAN MaxiMICE ทาง TCEB จับมือกับการบินไทย จัดแคมเปญกระตุ้นตลาดไมซ์เฉพาะจาก 4 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มอบสิทธิพิเศษ 3 แพกเกจ คือ ซิลเวอร์ โกลด์ และแพลทินัม ช่วงระหว่างกุมภาพันธ์- กันยายน 2562 โดยจะต้องนำลูกค้าเข้าพักในไทย 2 คืนขึ้นไป กลุ่มละ 40 คน จึงจะได้ซื้อตั๋วโดยสารการบินไทยราคาพิเศษสุด ๆ ถูกกว่าปกติ 4.Fly & Meet Double Bonus Redefined ทาง TCEB จับมือบางกอกแอร์เวย์ส เจาะกลุ่มไมซ์ในประเทศ CLMV : กัมพูชา-สปป.ลาว-เมียนมา-เวียดนาม นำกลุ่มประชุมและอินเซ็นทีฟมาไทยกลุ่มละ 30 คน/ครั้ง พัก 2 คืนขึ้นไป ช่วงมกราคม-กันยายน 2562 จะได้รับเงินสนับสนุนไม่เกิน 3 แสนบาท และอื่น ๆ เช่น ไมซ์เลนเข้าเมือง การแสดงต้อนรับ ช่วงที่ 2 แพ็คกระเป๋าไปเยี่ยมชาวชุมชน “บ้านท่าระแนะ” จ.ตราด สนุกกับการนั่งเรือสัมผัสป่าโกงกางและความมหัศจรรย์ของต้นตะบูน ร่วม More Fun ในแต่ละฐานทำกิจกรรมมันส์ ๆ ต้องไปแล้วจะรู้ว่าสุดยอดจริง ๆ ส่วนหน้าฝนนี้ “ระวังโรคตาแดงให้ดี” และข่าวน่ารู้ “ทอท.เริ่มแล้วดึงสูงวัยร่วมจิตอาสา” ให้บริการทุกจุดฟรีในสุวรรณภูมิ “โรงแรมไอบิสรัชดา” ฉลองเปิดใหม่อัดโปรห้องยาวถึง ต.ค.นี้ “นกแอร์ดึงจุฬางกูรผงาดCEO” หวังฟื้นฟูความเชื่อมั่นลูกค้าและนักลงทุน @ More Fun วิถีชุมชนบ้านท่าระแนะ จ.ตราด ความสนุกที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน ใน “ชุมชนบ้านท่าระแนะ” จังหวัดตราด มีเรื่องราวและความสนุกสนานหลาย ๆ อย่าง ที่ดึงดูดทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยพื้นเพชุมชนแห่งนี้ประกอบอาชีพประมงน้ำเค็ม(อวน และลอก) จากรุ่นสู่รุ่นมาเป็นเวลายาวนานแบบวิถีชาวบ้าน จวบจนปี พ.ศ. 2554 ผู้ใหญ่บ้านของชุมชนได้ชักชวนชาวบ้านเดินทางไปสำรวจพื้นที่ป่าชายเลน เหตุการณ์นี้ทำให้ได้ค้นพบป่าทื่ชื่อว่า ลานตะบูน เป็นป่าโซนที่ 3 ถัดต่อจากป่าที่ 1 ชื่อ ป่าโกงกาง และป่าที่ 2 ชื่อป่าลำพู ลำแพน (ปัจจุบันใช้เป็นเส้นทางเชื่อมเข้าสู่จุดขายลานตะบูน) ซึ่งลานตะบูนได้กลายเป็นสมบัติล้ำค่า สำหรับนำมาต่อยอดใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวป่าธรรมชาติชิ้นเอกที่เลี้ยงปากท้องคนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี เป็นจุดขายที่โดดเด่นของชุมชน มีอาณาบริเวณราว 2-3 ไร่ บรรยากาศร่มเย็นด้วยรากไม้ตะบูนที่แผ่กิ่งใหญ่ และยังใช้ประโยชน์จากลูกตะบูนมาทำเป็นสีสำหรับมัดยอมผ้าด้วยสีหมากสุกธรรมชาติ เดิมชุมชนได้ร่วมมือโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าวเอง ในรูปแบบพาล่องเรือเล็กที่จุคนได้เพียง 2-3 คนเข้าชมทัศนียภาพของลานตะบูนท่านกลางป่าชายเลนที่ร่มรื่นภายในวันเดียว คือ ไปเช้ากลับเย็น กิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่ใช้เชื่อมโยงกับการเดินทางล่องเรือชมลานตะบูนนั้น ได้จัดให้มีขึ้นรวม5 ฐาน เพิ่มความสนุกน่าสนใจที่นักท่องเที่ยวสามารถทำได้ทุกครั้งที่ไปถึงชุมชนบ้านท่าระแนะ คือ 1.ล่องเรือไปลานตะบูนเพื่อปลูกหอยปล่อยปู 2.จิบชา ร้อยรู อยู่ร้อยปี ซึ่งเป็นสมุนไพรในป่าคล้ายลูกตะบูนภายในเมื่อผ่าออกมาจะเป็นรู จำนวนร้อยๆรู นำมาตากแห้ง และกรรมวิธีที่ปลอดภัย สำหรับใช้ดื่มระหว่างรับประทานกับใบโกงกางชุปแป้งทอด 3.ลงมือกทำผ้ามัดยอมจากผลเม็ดของลูกตะบูน ให้สีธรรมชาติเป็นสีหมากสุก 4.เรียนรู้แปลงสาธิตเกษตรอินทรีย์ปลอดสารในพื้นที่นอกป่าชายเลนลานตะบูน(อยู่นอกพื้นที่ความรับผิดชอบของกรมป่าไม้) โดยเป็นอาณาบริเวณของพื้นที่ในหมู่บ้าน อ.เมือง ต.หนองคันทรง จ.ตราด จัดแบ่งให้ใช้ในกิจกรรมนี้ราว 10 ไร่จากทั้งหมดที่มีอยู่มากถึง 70 ไร่ สำหรับให้นักท่องเที่ยวทั้งในรูปแบบบุคคลทั่วไป กลุ่มข้าราชการทั่วสารทิศ นักเรียน และต่างประเทศ มาดูและทดลองในลงมือปฎิบัติในแปลงสาธิต 5.ฐานเรียนรู้และทำขนมพิมพ์ข้าวตอกที่ได้จากการปลูกข้าวนาปลังของชุมชน 6.พาไปกินและซื้อหามะพร้าวน้ำหอมที่ขึ้นชื่อ อาหารการกินที่โดดเด่นของชุมชนบ้านท่าระแนะ แบ่งเป็นประเภทอาหารคาว ได้แก่ แกงคั่วหอยพอกใบชะพลู ต้มส้มปลากระบอก จันรอนย่าง ผักน้ำพริกพื้นบ้าน ทอดมันพันอ้อยผลไม้ตามฤดูกาล ประเภทของหวานที่ขึ้นชื่อ คือ ลูกจากเชื่อม ส่วนของฝากที่ผู้คนสนใจซื้อหา มีทั้งหมด 5 อย่างคือ ปูทะเล กะปิ น้ำปลา ขนม ผ้ามัดย้อม หมวกใบคันทรง หมวกใบจาก ข้าวเกรียบงา(ตัวชูโรง) สนใจไปท่องเที่ยว สามารถติดต่อ นางลมุน เพ่งจินดา เลขากลุ่มท่องเที่ยว ชุมชนบ้านท่าระแนะ จ. ตราด โทร : 086 – 141-0958 @ระวัง! โรคตาแดงที่มาพร้อมกับหน้าฝน เข้าสู่ฤดูฝนหลายคนที่สุขภาพไม่แข็งแรงต้องเสี่ยงกับการเจ็บป่วย ซึ่งโรคตาแดงเป็นหนึ่งในโรคยอดฮิตที่คนส่วนใหญ่เป็นกันในช่วงหน้าฝน และเกิดขึ้นได้ทุกช่วงฤดูกาล แต่ฤดูฝนท้องถนนเปียกมีทั้งน้ำขัง และยานพาหนะที่สัญจรผ่านไปมาก็ดีดเด้งนำพาน้ำสกปรกกระเด็นเข้าสู่ดวงตาได้ง่ายกว่าฤดูกาลอื่น และที่สำคัญเจ้าแบคทีเรียที่ชื่อว่า อดีโนไวรัส (Adenovirus) นั้น เจริญเติบโตได้ดีในช่วงนี้และแฝงตัวอยู่ในน้ำสกปรกหรือฝุ่นที่ปลิวเข้าดวงตาจนทำให้เกิดโรคตาแดง (Pink Eye หรือ Conjunctivitis) ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตนให้ถูกสุขลักษณะดังนี้ 1.เลี่ยงการสัมผัสน้ำที่สกปรก หลีกเลี่ยงการไปเล่นน้ำที่เป็นแหล่งน้ำท่วมขัง หรือว่ายน้ำร่วมกับคนป่วยตาแดง 2.เมื่อโดนน้ำไม่สะอาดกระเด็นเข้าตา ควรรีบล้างออก อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะเชื้อโรคจะทำให้เยื่อบุตาอักเสบและเสี่ยงต่อโรคได้ 3.ไม่อยู่ใกล้กับคนที่ป่วยเป็นโรคตาแดง เพราะจะทำให้ติดต่อกันได้ง่าย และงดใช้ของร่วมกับผู้ป่วย เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า 4.รักษาความสะอาด ซักผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน และล้างมือให้สะอาด เลี่ยงการเอามือไปสัมผัสดวงตาบ่อย ๆ 5.ไม่อยู่ในพื้นที่แอดอัดเสี่ยงต่อการหายใจ ไอ จามรดกัน เช่น รถโดยสารสาธารณะ สถานีรถไฟฟ้า เป็นต้น หากเป็นโรคตาแดงแล้วควรดูแลดังนี้ 1.ควรพักผ่อนสายตา และลาหยุดงานจนกว่าจะหายเพื่อลดการระบาดของโรคไปสู่ผู้อื่น 2.หากมีน้ำตาให้ใช้ผ้าซับน้ำตา ไม่ควรใช้ผ้าซับน้ำตาผืนเดิมซ้ำ ๆ 3.ใช้ยาหยอดตาของแพทย์ เมื่อรู้สึกคันแทนการขยี้ตา หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาต่อไป ฟังข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “สุวรรณภูมิชวนสูงวัยอาสาบริการรุ่น1เริ่ม17มิ.ย.62” นางสาวดาลัด อัศเวศน์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายสนับสนุนธุรกิจ) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า ทางสนามบินสุวรรณภูมิได้จัดโครงการผู้สูงอายุอาสาพัฒนาคุณภาพการให้บริการ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ Airport Senior Ambassador : ASA โครงการ Airport Senior Ambassador : ASA เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุวัยตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ที่มีจิตอาสา และรักบริการ เข้ามามีส่วนร่วมอำนวยความสะดวก ให้คำแนะนำการใช้บริการด้านต่าง ๆ แก่ผู้โดยสารบริเวณจุดการบริการต่าง ๆ ของสุวรรณภูมิ ได้แก่ จุดให้บริการรถรับจ้างสาธารณะ (TAXI KIOSK) จุดตรวจค้นผู้โดยสาร จุดให้ข้อมูลการต่อเครื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการของ ทสภ. และสร้างความพึงพอใจให้กับผู้มาใช้บริการ ปัจจุบันมีผู้สูงอายุที่เกษียณอายุจาก ทอท. และหน่วยงานภายนอกต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ Airport Senior Ambassador : ASA แล้ว 30 คน โดยจะเข้าปฏิบัติงานช่วง 17 มิ.ย. - 14 ก.ย. 2562 ข่าวที่สอง “ไอบิสรัชดาจัดโปรวีคเอนด์ฉลองเปิดใหม่คืนละ2,019บาทถึงต.ค.” โรงแรมไอบิส รายงานว่า ได้เปิดตัวโรงแรมใหม่ในย่านรัชดาด้วยบริการห้องพัก 266 ห้อง เพื่อฉลองโรงแรมแห่งใหม่ ได้จัดโปรโมชั่นสุดสัปดาห์ระหว่างวันนี้ - 31 ตุลาคม 2562 ราคา 2,019 บาทถ้วน/คืน เมื่อจองพักห้องคลาสสิก รวมอาหารเช้า เช็คเอาท์เกินเวลาได้ถึง 6 โมงเย็น และเครื่องดื่มค็อกเทล ซิกเนเจอร์ โดยปกติห้องพักแบบคลาสสิก จะเริ่มต้นที่ 1,950 บาทขึ้นไป และห้องเดี่ยวเริ่มต้น 1,750 บาท/คืน โรงแรมจะตั้งอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินห้วยขวาง ในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังมากมาย อาทิ ตลาดนัดรถไฟรัชดา, อาคารสำนักงานและศูนย์การค้า เดอะ ไนน์ ทาวเวอร์ แกรนด์ พระราม 9, ศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา และสถานที่จัดแสดงนิทรรศการและจัดการแสดง ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ข่าวที่สาม “นกแอร์ตั้งทายาทจุฬางกูรผงาดCEOหวังฟื้นฟูเชื่อมั่นปี’62” นกแอร์จัดทีมบริหารลงตัว พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจเต็มสูบ บอร์ดประกาศแต่งตั้ง “วุฒิภูมิ จุฬางกูร” นั่งซีอีโอ ส่ง “ประเวช องอาจสิทธิกุล” นั่งประธานคณะกรรมการบริหาร มีผลวันที่ 14 มิถุนายน 2562 เป็นต้นไป โชว์ต่ออายุใบอนุญาตประกอบธุรกิจการบินอีก 10 ปี มุ่งสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้โดยสาร พนักงานและนักลงทุน นายประเวช องอาจสิทธิกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะบอร์ดนกแอร์ เมื่อ13 มิถุนายน 2562 มีมติแต่งตั้งนายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ขึ้นเป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริหาร มีผลตั้งแต่ 14 มิถุนายน 2562 เป็นต้นไป เป็นสัญญาณที่ดีในการจัดทัพผู้บริหารใหม่เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นแก่ทั้งนักลงทุนและผู้โดยสารไว้วางใจในการใช้บริการมากขึ้นต่อไป ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น