ททท.ใช้TTM+2019พลิกตลาดใหม่6ทวีป
เมืองรอง“เหนือ-อีสาน-ใต้”ขายสำเร็จเกินคาด
อ่านทั้งหมดได้ในมติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/publicize/news_1528285 เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #สวท97 #TTM2019 #tatpattaya #เที่ยวกับกู๋
ททท.ใช้เวที TTM+2019 พลิกแผนการขายท่องเที่ยวครั้งใหญ่ 6ทวีป “ยุโรป-แอฟริกา-ตะวันออกกลาง-อเมริกา-เอเชีย-แปซิฟิก” ลุยขยายฐานตลาดใหม่เล็งทัวร์คุณภาพใหม่ 4 กลุ่ม “ยอร์ช-หรูหรา-เวลเนส-GLTB” จ่อเสนอเปิด “ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน” โปรโมตท่องเที่ยวในโอลิมปิก 2020 ทางด้าน “สินค้าเมืองรอง” ภาคเหนือ-อีสาน-ใต้ เข้าร่วม TTM+2019 สำเร็จเกินคาด ได้เผยแพร่พร้อมขายวิถีศิลปะ วัฒนธรรม สินค้า โดนใจคู่ค้าจีนและนานาชาติ
🎪🎪 ททท.ใช้TTM+2019 ยกเครื่องตลาดใหม่4ทวีป 🎪🎪
นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในการจัดงาน Thailand Travel Mart Plus 2019 : TTM+2019 ระหว่าง 5-7 มิถุนายน 2562 ที่โอเชียน มารีน่า ยอร์ช คลับ พัทยา มีการตอบรับของกลุ่มผู้ซื้อจากทั่วโลก 51 ประเทศ 351 ราย โดยมีกลุ่มใหม่มาร่วมงานครั้งแรกมากถึง 40 % ในการเจรจาธุรกิจกับผู้ขายของไทย 351 ราย ซึ่งเป็นทั้งกลุ่มเมืองหลักและเวทีแจ้งเกิดเมืองรอง ได้ช่วยขยายผลให้ผู้ซื้อจากทั่วโลกเห็นภาพลักษณ์ใหม่พัทยา ซึ่ง ททท.พร้อมใช้กลยุทธ์ Hook and HUB กระจายการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเมืองหลักชลบุรีสู่เมืองรองใน ระยอง จันทบุรี ตราด และสร้างสมดุลใหม่ครอบคลุม 3 ด้าน ได้แก่ การหาลูกค้าใหม่ (market) เจาะพื้นที่ท่องเที่ยวใหม่ (supply) และนำเสนอขายสินค้าท่องเที่ยวใหม่ (Product) โดยมีตลาดใหม่ ๆ เข้ามาไทย ได้แก่
1.ประเทศกลุ่ม CIS แยกตัวจากรัสเซีย 2.ยุโรปตะวันออก อาทิ สาธารณรัฐเช็ค โปแลนด์ และยุโรปใต้ อาทิ สเปน 3.แอฟริกาใต้ ไฮไลต์จาก 4 เมือง ได้แก่ โจฮันเนสเบอร์ก เออร์เบิร์น เคปทาวน์ และพอร์ตอลิซาเบธ 4.ละตินอเมริกา อย่างบราซิล ตามเป้าหมายปี 2562 ทั้ง 4 ทวีป จะต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น 12 % ท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายรอบด้านทั้งเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ค่าเงินบาทแข็ง การแข่งขันของประเทศต่าง ๆ ที่หันมาบุกท่องเที่ยว ดังนั้น ททท.จึงวางกลยุทธ์ไล่เก็บตั้งแต่ตลาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ เน้นเจาะเซ็กเมนท์คุณภาพมีกำลังซื้อสูง
ขณะนี้ลุยขยายฐานเจาะใหม่ 4 ตลาด ได้แก่
1. ตลาดกลุ่มหรูหรา : Luxury เจาะกลุ่มนักแล่นยอร์ชที่มีไลเซ่น แต่ไม่มีทะเล เดินทางเข้ามาขับเรือท่องเที่ยว แต่ละครั้งแต่ละคนใช้จ่ายเงินขั้นต่ำ 100,000 บาทขึ้นไป ขณะนี้กลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าวกำลังมาบุกเที่ยวภูเก็ต เชื่อมโยงสู่ กระบี่ พังงา โดยเตรียมผสมผสานนั่งเรือประมงสัมผัสวิถีชีวิตอันดามัน ควบคู่เตรียมความปูพรมทำให้ไทยเป็น Port of Turn Around สอดคล้องกับการลงทุนของเอกชนด้วย เช่น ภูเก็ต มีท่าเรือ ยอร์ช เฮเว่น รองรับนักเล่นยอร์ชที่มีไลเซ่นได้
2.กลุ่มกำลังซื้อ เลสเบี้ยน-เกย์-เพศสภาพ-แปลงเพศ : LGBT โดยเฉพาะในบราซิล มีประชากร 300 ล้านคน ในจำนวนนี้มีกลุ่มดังกล่าวอยู่มากถึง 30 ล้านคน หากกระตุ้นให้มาเที่ยวเมืองไทยเพียง 1 % รายได้เพิ่มทันที ช่วงมิถุนายน 2562 นี้จะเป็นเดือน Gay Prime ทาง ททท.พร้อมที่จะดูแลตลาดนี้เทียบเท่านักท่องเที่ยวปกติโดยไม่ได้แบ่งแยกเพศเนื่องจากตลาดกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับการตัดสินใจเลือกไปท่องเที่ยวเที่ยวประเทศที่มีความพร้อม 3 เรื่อง คือ 1.มีกฎหมายรองรับ GLBT 2. มีแหล่งเอนเตอร์เทนเมนท์สอดคล้องกับความต้องการ 3.ประชาชนในประเทศยินดีต้อนรับ ซึ่งไทยมีคุณสมบัติครบ
ในวันที่ 30 กันยายน 2562 จะมีการจัดงาน Gay Symposium Bangkok 2019 ขึ้นที่โรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ ตลอดงานจะมีตัวแทนบริษัทกลุ่มตลาดเกย์ มาจัดกิจกรรมการสัมมนา และเจรจาธุรกิจ พร้อมนำกูรูที่มีความเชี่ยวชาญการต้อนรับตลาด GLBT มาให้คำแนะนำเชิงลึกแก่ผู้ประกอบการไทย
3.Wellness Holidays เป็นเทรนด์ใหม่มาแรงอยู่ตอนนี้โดยโรงแรมจะมีบริการ ผู้จัดการฝ่ายกีฬาพานักท่องเที่ยวไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับดูแลสุขภาพ ซึ่งโรงแรมหลายพื้นที่ในไทยทำมาระยะหนึ่งแล้ว กลุ่มนี้จะเข้ามาแทนที่ Spa Medical เพื่อเน้นป้องกันมากกว่าการเข้ามารักษา 4.ตลาดโรแมนซ์ เชิญชวนให้คู่รักมาท่องเที่ยวเมืองไทย แนวโน้มจะเป็นอีกตลาดที่มีสดใส นางศรีสุดากล่าวว่าความท้าทายขณะนี้คือตลาดทั้ง 4 ทวีป ก็มีบางตลาดต้องเร่งแก้ไขปิดจุดอ่อน อย่าง สหราชอาณาจักร เผชิญเรื่อง Brexit ต้องรับมือหาทางออกโดยทำโครงการ Thailand for More ระหว่างพฤษภาคม-สิงหาคม 2562 หรือจับมือกับกรมตำรวจอังกฤษ ซึ่งได้รับสวัสดิการเดินทางต่างประเทศเลือกนำเงินมาเที่ยวเมืองไทย
ส่วนตะวันออกกลางอย่าง อิหร่าน ต้องยอมรับสภาพเพราะการถูกสหรัฐอเมริกาแซงซั่นไม่สามารถเข้าไปทำอะไรได้มากนัก ทั้งนี้ได้แบ่งระดับปัญหาของตลาดเป็น 4 ระดับ คือ 1.ป่วยหนัก จะอยู่ในกลุ่มตะวันออกกลาง 2.เหนื่อย จะอยู่ในกลุ่มสหราชอาณาจักร สแกนดิเนเวียซึ่งหันมาให้ความสำคัญกับการไม่เดินทางโดยเครื่องบินระยะไกลซึ่งทำลายสิ่งแวดล้อม จะเที่ยวใกล้ ๆ แทน 3.ตีตื้น อย่างฮอลแลนด์ ฝรั่งเศส ยุโรปใต้ เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ 4.เติบโต ยังคงเป็นรัสเซียมีขนาดใหญ่นิยมมาเที่ยวเมืองไทย
🎎🎎 เอเชีย แปซิฟิกแก้เกมแข่งเดือด-จีน อินเดีย CLMV ยังแรง 🎎🎎
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ กล่าวว่า ได้หารือกับ ททท.ทุกสำนักงานตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ ให้ระวังเรื่องการแข่งขัน จะต้องเพิ่มความเข้มข้นโดยคิดกลยุทธ์ทำการตลาดเชิงรุกโดยเน้นทั้งสร้างความแตกต่างกับประเทศคู่แข่งอื่น ๆ และการท่องเที่ยวในประเทศนั้น ๆ เพราะตอนนี้เทรนด์สำคัญของโลกคือทุกประเทศหันมาปลุกกระแสคนหันมาเที่ยวในประเทศตนเองเพิ่มขึ้นชัดเจน
ส่วนกลุ่มเป้าหมายตลาดคุณภาพก็จะคล้ายคลึงกับยุโรป เล็งใน 4 เซ็กเมนท์หลัก ได้แก่ 1.หรูหรา : Luxury 2.ดูแลสุขภาพและกีฬา : Wellness & Sport 3.คู่รัก คู่แต่งงาน Romance 4.รักษารับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม : Green tourism
ปี 2562 ตลาดหลักมาแรงยังเป็น จีน อินเดีย มีทั้งกลุ่มครอบครัว ไมซ์ และตลาดดาวรุ่ง CLMV-กัมพูชา-สปป.ลาว-เมียนมา-เวียดนาม นิยมมาใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ขณะนี้ทางวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล พร้อมจับมือกับ ททท.เจาะเซ็กเมนท์สุขภาพร่วมกับ ททท.เติบโตเพิ่มขึ้นในปีต่อไป
🌋🌋 เสนอแนวคิดลงทุนเปิดไทยแลนด์พาวิลเลี่ยนในโอลิมปิก2020 🌋🌋
ขณะที่ “นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ” รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท.กล่าวว่าได้จัดงาน ภายใต้ TTM+2019 ภายใต้ New Shades of Emerging Destination ได้ผนวกแนวทางการขับเคลื่อนไทยเป็นประเทศยอดนิยมอย่างยั่งยืน หรือ Prefered Destination รุกเจาะตลาดนักท่องเทียวกลุ่มคุณภาพผ่านประสบการณ์การท่องเที่ยวท้องถิ่นและการท่องเทียวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ ด้วยโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้ง Thailand in Style, Reduce Plastic Waste การจัดทำสารคดี The Seasons
ควบคู่กับโครงการส่เสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด เพิ่มทางเลือกและสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวได้ค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วิถีชีวิต ด้วยแคมเปญที่ผ่านมามีทั้ง 12 เมืองต้องห้าม...พลาด และ 12 เมืองต้องห้ามพลาด พลัส
โดยภาพรวมได้วางกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์สื่อสารการตลาดภายใต้ 3 แนวทาง ABC ได้แก่ 1.การท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรอง (Aditional) 2.ส่งเสริมเมืองรองใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ (Brand New) 3.การรวมเมืองรองเข้าด้วยกัน (Combined) ส่งผลให้ปี 2561 มีเมืองรองหลายจังหวัดเติบโตสูงขึ้น เช่น เชียงราย ตราด สุโขทัย หนองคาย แม่ฮ่องสอน ตรัง
ส่วนเป้าหมายปี 2562 เร่งส่งเสริมให้ต่างชาติใช้จ่ายเงินเที่ยวเมืองไทยรวม 2.21 ล้านล้านบาท หลังจากปี 2561 เดินทางเที่ยวเมืองรอง 6 ล้านคน-ครั้ง เติบโต 4.95 % ปี 2563 ททท.เตรียมเสนอแนวคิดลงทุนเปิด Thailand Pavillion ในงานมหกรรมโอลิมปิก โตเกียว 2020 จัดที่ญี่ปุ่น ระหว่าง 24 กรกฎาคม – 9 สิงหาคม 2563 นำข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวเมืองหลัก เมืองรอง ไปแนะนำผู้เข้าร่วมงานกีฬาระดับโลกให้รู้จักและหันมาสนใจท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นต่อไป
🏡🏡 เมืองรองสำเร็จเกินคาดเหนือ-อีสาน-ใต้เข้าตาลูกค้าTTM+2019 🏡🏡
นายสมชาย ยี่จอหอ ผู้ก่อตั้ง Doister แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ประสบความสำเร็จสูงมากจากการนำเสนอของฝาก ของที่ระลึก ของใช้ พร้อมขายผลิตภัณฑ์ของภาคต่าง ๆ รวมกว่า 1 ล้านบาท ส่วนไฮไลต์หลักตั้งเป้าร่วมเผยแพร่ศิลปะ วัฒนธรรม สอนทำ D.I.Y.สร้างประสบการณ์แก่ผู้ซื้อและผู้ขายได้เรียนรู้การท่องเที่ยววิถีชีวิตชุมชน เมืองรอง ในงาน TTM+2019 ตลอด 3 วัน ภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน โชว์ผ้าย้อมครามบ้านมัดใจ กับดอยสเตอร์ ส่วน จ.เลย มีกลุ่ม โฟล์คคราม ภาคอีสาน กลุ่มสกลเฮด จ.สกลนคร โชว์ผ้าพื้นเมือง ภาคใต้ โชว์เสื่อกระจูด จ.พัทลุง ได้รับความสนใจอย่างคับคั่ง โดยมีบริษัทผู้ซื้อหลายประเทศแวะเวียนมาเยี่ยมชมร่วมทำ D.I.Y. เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง ประการสำคัญสนใจจะไปเที่ยวในชุมชน เช่น บริษัทท่องเที่ยวกลุ่มจีน จึงให้ข้อมูลพร้อมช่องทางการเข้าถึงสินค้าและแหล่งท่องเที่ยวในเครือข่าย
ซึ่งขณะนี้มีจีนไปเที่ยว อำเภอปาย ปางมะผ้า และเตรียมขยายไปยัง ขุนยวม แม่ลาน้อย ได้ ซึ่งทางแม่ฮ่องสอนได้รวมตัวกัน 16 ชุมชนจับมือกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวตั้งบริษัท ไทยโลคอลลิสต้า จำกัด ขึ้น เพื่อทำงานร่วมกับสมาคมท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Thailand Resiponsible Tourism Association : TRTA) พัฒนาแหล่งและทำการตลาดคุณภาพเดินหน้าการท่องเที่ยวชุมชนในระยะยาวให้ยั่งยืนตลอดไป
เมืองรอง“เหนือ-อีสาน-ใต้”ขายสำเร็จเกินคาด
อ่านทั้งหมดได้ในมติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/publicize/news_1528285 เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #สวท97 #TTM2019 #tatpattaya #เที่ยวกับกู๋
ททท.ใช้เวที TTM+2019 พลิกแผนการขายท่องเที่ยวครั้งใหญ่ 6ทวีป “ยุโรป-แอฟริกา-ตะวันออกกลาง-อเมริกา-เอเชีย-แปซิฟิก” ลุยขยายฐานตลาดใหม่เล็งทัวร์คุณภาพใหม่ 4 กลุ่ม “ยอร์ช-หรูหรา-เวลเนส-GLTB” จ่อเสนอเปิด “ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน” โปรโมตท่องเที่ยวในโอลิมปิก 2020 ทางด้าน “สินค้าเมืองรอง” ภาคเหนือ-อีสาน-ใต้ เข้าร่วม TTM+2019 สำเร็จเกินคาด ได้เผยแพร่พร้อมขายวิถีศิลปะ วัฒนธรรม สินค้า โดนใจคู่ค้าจีนและนานาชาติ
🎪🎪 ททท.ใช้TTM+2019 ยกเครื่องตลาดใหม่4ทวีป 🎪🎪
นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในการจัดงาน Thailand Travel Mart Plus 2019 : TTM+2019 ระหว่าง 5-7 มิถุนายน 2562 ที่โอเชียน มารีน่า ยอร์ช คลับ พัทยา มีการตอบรับของกลุ่มผู้ซื้อจากทั่วโลก 51 ประเทศ 351 ราย โดยมีกลุ่มใหม่มาร่วมงานครั้งแรกมากถึง 40 % ในการเจรจาธุรกิจกับผู้ขายของไทย 351 ราย ซึ่งเป็นทั้งกลุ่มเมืองหลักและเวทีแจ้งเกิดเมืองรอง ได้ช่วยขยายผลให้ผู้ซื้อจากทั่วโลกเห็นภาพลักษณ์ใหม่พัทยา ซึ่ง ททท.พร้อมใช้กลยุทธ์ Hook and HUB กระจายการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเมืองหลักชลบุรีสู่เมืองรองใน ระยอง จันทบุรี ตราด และสร้างสมดุลใหม่ครอบคลุม 3 ด้าน ได้แก่ การหาลูกค้าใหม่ (market) เจาะพื้นที่ท่องเที่ยวใหม่ (supply) และนำเสนอขายสินค้าท่องเที่ยวใหม่ (Product) โดยมีตลาดใหม่ ๆ เข้ามาไทย ได้แก่
1.ประเทศกลุ่ม CIS แยกตัวจากรัสเซีย 2.ยุโรปตะวันออก อาทิ สาธารณรัฐเช็ค โปแลนด์ และยุโรปใต้ อาทิ สเปน 3.แอฟริกาใต้ ไฮไลต์จาก 4 เมือง ได้แก่ โจฮันเนสเบอร์ก เออร์เบิร์น เคปทาวน์ และพอร์ตอลิซาเบธ 4.ละตินอเมริกา อย่างบราซิล ตามเป้าหมายปี 2562 ทั้ง 4 ทวีป จะต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น 12 % ท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายรอบด้านทั้งเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ค่าเงินบาทแข็ง การแข่งขันของประเทศต่าง ๆ ที่หันมาบุกท่องเที่ยว ดังนั้น ททท.จึงวางกลยุทธ์ไล่เก็บตั้งแต่ตลาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ เน้นเจาะเซ็กเมนท์คุณภาพมีกำลังซื้อสูง
ขณะนี้ลุยขยายฐานเจาะใหม่ 4 ตลาด ได้แก่
1. ตลาดกลุ่มหรูหรา : Luxury เจาะกลุ่มนักแล่นยอร์ชที่มีไลเซ่น แต่ไม่มีทะเล เดินทางเข้ามาขับเรือท่องเที่ยว แต่ละครั้งแต่ละคนใช้จ่ายเงินขั้นต่ำ 100,000 บาทขึ้นไป ขณะนี้กลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าวกำลังมาบุกเที่ยวภูเก็ต เชื่อมโยงสู่ กระบี่ พังงา โดยเตรียมผสมผสานนั่งเรือประมงสัมผัสวิถีชีวิตอันดามัน ควบคู่เตรียมความปูพรมทำให้ไทยเป็น Port of Turn Around สอดคล้องกับการลงทุนของเอกชนด้วย เช่น ภูเก็ต มีท่าเรือ ยอร์ช เฮเว่น รองรับนักเล่นยอร์ชที่มีไลเซ่นได้
2.กลุ่มกำลังซื้อ เลสเบี้ยน-เกย์-เพศสภาพ-แปลงเพศ : LGBT โดยเฉพาะในบราซิล มีประชากร 300 ล้านคน ในจำนวนนี้มีกลุ่มดังกล่าวอยู่มากถึง 30 ล้านคน หากกระตุ้นให้มาเที่ยวเมืองไทยเพียง 1 % รายได้เพิ่มทันที ช่วงมิถุนายน 2562 นี้จะเป็นเดือน Gay Prime ทาง ททท.พร้อมที่จะดูแลตลาดนี้เทียบเท่านักท่องเที่ยวปกติโดยไม่ได้แบ่งแยกเพศเนื่องจากตลาดกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับการตัดสินใจเลือกไปท่องเที่ยวเที่ยวประเทศที่มีความพร้อม 3 เรื่อง คือ 1.มีกฎหมายรองรับ GLBT 2. มีแหล่งเอนเตอร์เทนเมนท์สอดคล้องกับความต้องการ 3.ประชาชนในประเทศยินดีต้อนรับ ซึ่งไทยมีคุณสมบัติครบ
ในวันที่ 30 กันยายน 2562 จะมีการจัดงาน Gay Symposium Bangkok 2019 ขึ้นที่โรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ ตลอดงานจะมีตัวแทนบริษัทกลุ่มตลาดเกย์ มาจัดกิจกรรมการสัมมนา และเจรจาธุรกิจ พร้อมนำกูรูที่มีความเชี่ยวชาญการต้อนรับตลาด GLBT มาให้คำแนะนำเชิงลึกแก่ผู้ประกอบการไทย
3.Wellness Holidays เป็นเทรนด์ใหม่มาแรงอยู่ตอนนี้โดยโรงแรมจะมีบริการ ผู้จัดการฝ่ายกีฬาพานักท่องเที่ยวไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับดูแลสุขภาพ ซึ่งโรงแรมหลายพื้นที่ในไทยทำมาระยะหนึ่งแล้ว กลุ่มนี้จะเข้ามาแทนที่ Spa Medical เพื่อเน้นป้องกันมากกว่าการเข้ามารักษา 4.ตลาดโรแมนซ์ เชิญชวนให้คู่รักมาท่องเที่ยวเมืองไทย แนวโน้มจะเป็นอีกตลาดที่มีสดใส นางศรีสุดากล่าวว่าความท้าทายขณะนี้คือตลาดทั้ง 4 ทวีป ก็มีบางตลาดต้องเร่งแก้ไขปิดจุดอ่อน อย่าง สหราชอาณาจักร เผชิญเรื่อง Brexit ต้องรับมือหาทางออกโดยทำโครงการ Thailand for More ระหว่างพฤษภาคม-สิงหาคม 2562 หรือจับมือกับกรมตำรวจอังกฤษ ซึ่งได้รับสวัสดิการเดินทางต่างประเทศเลือกนำเงินมาเที่ยวเมืองไทย
ส่วนตะวันออกกลางอย่าง อิหร่าน ต้องยอมรับสภาพเพราะการถูกสหรัฐอเมริกาแซงซั่นไม่สามารถเข้าไปทำอะไรได้มากนัก ทั้งนี้ได้แบ่งระดับปัญหาของตลาดเป็น 4 ระดับ คือ 1.ป่วยหนัก จะอยู่ในกลุ่มตะวันออกกลาง 2.เหนื่อย จะอยู่ในกลุ่มสหราชอาณาจักร สแกนดิเนเวียซึ่งหันมาให้ความสำคัญกับการไม่เดินทางโดยเครื่องบินระยะไกลซึ่งทำลายสิ่งแวดล้อม จะเที่ยวใกล้ ๆ แทน 3.ตีตื้น อย่างฮอลแลนด์ ฝรั่งเศส ยุโรปใต้ เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ 4.เติบโต ยังคงเป็นรัสเซียมีขนาดใหญ่นิยมมาเที่ยวเมืองไทย
🎎🎎 เอเชีย แปซิฟิกแก้เกมแข่งเดือด-จีน อินเดีย CLMV ยังแรง 🎎🎎
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ กล่าวว่า ได้หารือกับ ททท.ทุกสำนักงานตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ ให้ระวังเรื่องการแข่งขัน จะต้องเพิ่มความเข้มข้นโดยคิดกลยุทธ์ทำการตลาดเชิงรุกโดยเน้นทั้งสร้างความแตกต่างกับประเทศคู่แข่งอื่น ๆ และการท่องเที่ยวในประเทศนั้น ๆ เพราะตอนนี้เทรนด์สำคัญของโลกคือทุกประเทศหันมาปลุกกระแสคนหันมาเที่ยวในประเทศตนเองเพิ่มขึ้นชัดเจน
ส่วนกลุ่มเป้าหมายตลาดคุณภาพก็จะคล้ายคลึงกับยุโรป เล็งใน 4 เซ็กเมนท์หลัก ได้แก่ 1.หรูหรา : Luxury 2.ดูแลสุขภาพและกีฬา : Wellness & Sport 3.คู่รัก คู่แต่งงาน Romance 4.รักษารับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม : Green tourism
ปี 2562 ตลาดหลักมาแรงยังเป็น จีน อินเดีย มีทั้งกลุ่มครอบครัว ไมซ์ และตลาดดาวรุ่ง CLMV-กัมพูชา-สปป.ลาว-เมียนมา-เวียดนาม นิยมมาใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ขณะนี้ทางวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล พร้อมจับมือกับ ททท.เจาะเซ็กเมนท์สุขภาพร่วมกับ ททท.เติบโตเพิ่มขึ้นในปีต่อไป
🌋🌋 เสนอแนวคิดลงทุนเปิดไทยแลนด์พาวิลเลี่ยนในโอลิมปิก2020 🌋🌋
ขณะที่ “นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ” รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท.กล่าวว่าได้จัดงาน ภายใต้ TTM+2019 ภายใต้ New Shades of Emerging Destination ได้ผนวกแนวทางการขับเคลื่อนไทยเป็นประเทศยอดนิยมอย่างยั่งยืน หรือ Prefered Destination รุกเจาะตลาดนักท่องเทียวกลุ่มคุณภาพผ่านประสบการณ์การท่องเที่ยวท้องถิ่นและการท่องเทียวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ ด้วยโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้ง Thailand in Style, Reduce Plastic Waste การจัดทำสารคดี The Seasons
ควบคู่กับโครงการส่เสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด เพิ่มทางเลือกและสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวได้ค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วิถีชีวิต ด้วยแคมเปญที่ผ่านมามีทั้ง 12 เมืองต้องห้าม...พลาด และ 12 เมืองต้องห้ามพลาด พลัส
โดยภาพรวมได้วางกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์สื่อสารการตลาดภายใต้ 3 แนวทาง ABC ได้แก่ 1.การท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรอง (Aditional) 2.ส่งเสริมเมืองรองใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ (Brand New) 3.การรวมเมืองรองเข้าด้วยกัน (Combined) ส่งผลให้ปี 2561 มีเมืองรองหลายจังหวัดเติบโตสูงขึ้น เช่น เชียงราย ตราด สุโขทัย หนองคาย แม่ฮ่องสอน ตรัง
ส่วนเป้าหมายปี 2562 เร่งส่งเสริมให้ต่างชาติใช้จ่ายเงินเที่ยวเมืองไทยรวม 2.21 ล้านล้านบาท หลังจากปี 2561 เดินทางเที่ยวเมืองรอง 6 ล้านคน-ครั้ง เติบโต 4.95 % ปี 2563 ททท.เตรียมเสนอแนวคิดลงทุนเปิด Thailand Pavillion ในงานมหกรรมโอลิมปิก โตเกียว 2020 จัดที่ญี่ปุ่น ระหว่าง 24 กรกฎาคม – 9 สิงหาคม 2563 นำข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวเมืองหลัก เมืองรอง ไปแนะนำผู้เข้าร่วมงานกีฬาระดับโลกให้รู้จักและหันมาสนใจท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นต่อไป
🏡🏡 เมืองรองสำเร็จเกินคาดเหนือ-อีสาน-ใต้เข้าตาลูกค้าTTM+2019 🏡🏡
นายสมชาย ยี่จอหอ ผู้ก่อตั้ง Doister แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ประสบความสำเร็จสูงมากจากการนำเสนอของฝาก ของที่ระลึก ของใช้ พร้อมขายผลิตภัณฑ์ของภาคต่าง ๆ รวมกว่า 1 ล้านบาท ส่วนไฮไลต์หลักตั้งเป้าร่วมเผยแพร่ศิลปะ วัฒนธรรม สอนทำ D.I.Y.สร้างประสบการณ์แก่ผู้ซื้อและผู้ขายได้เรียนรู้การท่องเที่ยววิถีชีวิตชุมชน เมืองรอง ในงาน TTM+2019 ตลอด 3 วัน ภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน โชว์ผ้าย้อมครามบ้านมัดใจ กับดอยสเตอร์ ส่วน จ.เลย มีกลุ่ม โฟล์คคราม ภาคอีสาน กลุ่มสกลเฮด จ.สกลนคร โชว์ผ้าพื้นเมือง ภาคใต้ โชว์เสื่อกระจูด จ.พัทลุง ได้รับความสนใจอย่างคับคั่ง โดยมีบริษัทผู้ซื้อหลายประเทศแวะเวียนมาเยี่ยมชมร่วมทำ D.I.Y. เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง ประการสำคัญสนใจจะไปเที่ยวในชุมชน เช่น บริษัทท่องเที่ยวกลุ่มจีน จึงให้ข้อมูลพร้อมช่องทางการเข้าถึงสินค้าและแหล่งท่องเที่ยวในเครือข่าย
ซึ่งขณะนี้มีจีนไปเที่ยว อำเภอปาย ปางมะผ้า และเตรียมขยายไปยัง ขุนยวม แม่ลาน้อย ได้ ซึ่งทางแม่ฮ่องสอนได้รวมตัวกัน 16 ชุมชนจับมือกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวตั้งบริษัท ไทยโลคอลลิสต้า จำกัด ขึ้น เพื่อทำงานร่วมกับสมาคมท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Thailand Resiponsible Tourism Association : TRTA) พัฒนาแหล่งและทำการตลาดคุณภาพเดินหน้าการท่องเที่ยวชุมชนในระยะยาวให้ยั่งยืนตลอดไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น