ททท.ใช้TTM+2019แจ้งเกิด20เมืองรองโกตลาดอินเตอร์
“ศรีสุดา”นำทัพดัน4ทวีปเที่ยวไทยปั๊มรายได้ปี’62โต12%
คิงเพาเวอร์กวาด2สัมปทานสุวรรณภูมิ”ดิวตี้ฟรี-พาณิชย์”
ททท.-5พันธมิตรขายบินพักหลักร้อยฯปลุกทัวร์หน้าฝนคึก
ชูจัด”ดนตรี-อาหาร”ปลุกตลาดเสริมทัพรายได้กรีนซีซัน
บางจากผนึกมูลนิธิปิดทองหนุนชุมชนแก่นมะกรูดฉลุย
TCEBรุกอินเซ็นทีฟเมืองรองอินเดียโกยงาน-เงินพันล้าน
MoreFunพัทยาวาไรตี้สนุกสุดขั้วมุมใหม่ทะเลอ่าวไทย
8อาหารของคนวัยเก๋าเลือกกินให้ถูกยับยั้งความแก่ได้
แอตต้าโร้ดโชว์บุกจีน3เมืองรองเพิ่มรายได้2.8พันล้าน
วิทยุการบินเข้มมาตรการปลอดภัยการบินช่วงหน้าฝน
แอพTAGTHAIลั่นเปิดก.ย.นี้สร้างมิติใหม่เที่ยวไทย
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #TTM2019 #เที่ยวเมืองรอง #MoreFunวาไรตี้พัทยา
ช่วงที่ 1 เปิดใจหญิงแกร่ง “ศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์” รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ใช้เวที Thailand Travel Mart Plus 2019 : TTM+2019 แจ้งเกิดผู้ประกอบท่องเที่ยวเมืองรองโกอินเตอร์ 5-7 มิถุนายน นี้ ที่โอเชียน มารีน่า ยอร์ชคลับ พัทยา รับส่วนแบ่งรายได้ 500 ล้านบาท จากยอดรวม 2,500 ล้านบาท พร้อมเกาะติดความจริงสถานการณ์ 4 ทวีป “ยุโรป-อเมริกา-ตะวันออกกลาง-แอฟริกา” กับเป้ารายได้ปี’62ต้องโต 12 % จะต้องผ่าทางตันโลว์ซีซันกับแอร์ไลน์ส และยกเครื่องครั้งใหญ่ด้านซํพพลายไซซ์ทั้งประเทศ รักษาจุดขายท่องเที่ยวไว้ในระยะยาว นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในการจัดงาน Thailand Travel Mart Plus 2019 : TTM+2019 ครั้งที่ 18 ระหว่างวันที่ 5-7 มิถุนายน 2562 ณ โอเชียน มารีน่า ยอร์ช คลับ พัทยา เป็นเทรดการท่องเที่ยวประจำปีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 700 ราย ประกอบด้วย กลุ่มผู้ขายไทยประมาณ 351 ราย กับผู้ซื้อจากทั่วโลกกว่า 371 ราย และสื่อนานาชาติอีกกว่า 70 คน เป้าหมายรายได้จาก TTM+2019 ตลอดการจัดงานเจรจาธุรกิจ 2 วัน ระหว่าง 6-7 มิถุนายน นี้ ตั้งไว้ไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท จากเมื่อปี 2561 ทำสถิติไว้ 2,470 ล้านบาท (ปี 2560 ทำได้ราว 1,900 ล้านบาท) เพราะมีผู้ซื้อและผู้ขายจากเมืองรองเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะรายได้จะกระจายส่วนแบ่งให้เมืองรองราว 20 % หรือไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท รูปแบบธีมงานคือ “Open to the New Shades of Emerging Destinations” เน้นเปิดเฉด สีสัน การท่องเที่ยวมุมใหม่ ๆ เพื่อเปิดเมืองรองที่มีศักยภาพสู่กลุ่มผู้ซื้อทั่วโลก ดังนั้นกลุ่มผู้ขายไทยจึงต้องมาจากเมืองรองเป็นจำนวนมากกว่า 20 ราย ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ข้อ ตามเกณฑ์ใหม่สร้างความแตกต่างจากทุกปีในการคัดเลือกผู้ประกอบเข้าร่วมงานเทรดครั้งนี้ ได้แก่ 1.จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย 2.เป็นกลุ่มใหม่ไม่เคยเข้าร่วมขายใน TTM+2019 มาก่อน 3.มาจากเมืองรอง 4.ผู้ประกอบการโรงแรมต้องแสดงเอกสารหลักฐานถึงมาตรการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม 5.ผู้ประกอบการอื่น ๆ DMC โชว์ และอื่น ๆ กลยุทธ์การสร้างผู้ขายเมืองรองปีนี้ ททท.ได้นำร่องทำสิ่งใหม่คือส่งทีมเดินสายไปพูดคุยกับโรงแรม เอเย่นต์ ผู้ประกอบการในเมืองรอง ให้รู้จักงาน TTM+2019 คืออะไร เคยมาแล้วหรือยัง การจะไปร่วมขายท่องเที่ยวงานระดับโลกอย่าง World Travel Mart :WTM อังกฤษ ควรซ้อมใหญ่โดยเข้าร่วมขายใน TTM+2019 ก่อนเพื่อทำความรู้จักกับการขายตลาดอินเตอร์ จึงได้ผู้ขายที่มั่นใจเข้าร่วมงานครั้งนี้ 20 ราย แต่ก็ยังมีอีกถึง 70 ราย ยังไม่มั่นใจจะโกอินเตอร์จึงขอมาร่วมสังเกตการณ์ (Trade visit) ระหว่างงาน ททท.จะพากลุ่มนี้ดูและแนะนำวิธีการเจรจาการค้าขายภายในงาน งาน TTM+2019 จึงมีความเข้มข้นมากกับกลุ่มเมืองรองซึ่งเป็น Emerging Destinations ทั้ง 2 เรื่อง คือ สร้างนักขาย และเทรนผู้ประกอบการให้มีศํกยภาพความสามารถเข้าสู่ตลาดอินเตอร์ต่อไปให้ได้ เพื่อประโยชน์ในการแข่งขันกับนานาชาติ โดยทำควบคู่กับการสรรหาตลาดใหม่ หรือ Emerging Market มาจากลัตเวีย อาร์เจนตินา อาเซอไบจัน สาธารณรัฐเช็ค คาซัคสถาน ยูเครน ตุรกี อียิปต์ ภาพรวมงานจึงมีกลุ่มผู้ซื้อหน้าใหม่ที่มีศักยภาพมากถึง 40 % กับกลุ่มเดิม 60 % จะสร้างความคึกคักให้กลุ่มผู้ขายไทยเพิ่มขึ้น รวมถึงเทรนด์ของผู้ซื้อทั่วโลกนิยมมองหาสินค้าท่องเที่ยวใหม่ หรือในพื้นที่หลักแต่ก็ขอเป็นเส้นทางใหม่ที่ยังไม่เคยมา เช่น กรุงเทพฯ ถึงจะมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่เคยปั่นจักรยาน ฟู้ดทัวร์ ไนท์ทัวร์ วอล์กกิ้งทัวร์ เป็นตัวอย่างที่จะนำมาขายมากขึ้น นางศรีสุดากล่าวว่า สถานการณ์ภาพรวมของตลาดนักท่องเที่ยวยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง อเมริกา ทั้ง 4 ทวีป นั้นมีเป้าหมายตลอดปีงบประมาณ 2562 จะต้องสร้างรายได้เพิ่มไม่ต่ำกว่า 12 % แต่สภาพโดยรวมช่วงไตรมาส 1-2 ค่อนข้างเหนื่อยด้วยปัจจัยแวดล้อมจึงมีทั้งทรงตัว ติดลบบ้างเล็กน้อย ตลาดที่เพิ่มชัดเจนก็มี สเปน บวก 6 % เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ เฉลี่ยประเทศละ 1 % แต่ตลาดที่ติดลบไม่มาก 1-2 % แต่ก็น่าเป็นห่วง เช่น เดนมาร์ก รัสเซีย ตลาดติดลบหนัก ๆ คือ สวีเดน ฟินแลนด์ ก็จะพยายามฟื้นฟูกลับมาให้ได้ ขณะที่ทวีปไกลอย่างอเมริกา ละติน แอฟริกา ยังเติบโตอย่างสดใส ดังนั้นการรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปควรจะเป็นการเข้าไปดูแลด้าน Supply Size ถือการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวเตรียมความพร้อมให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก เนื่องจาก ททท.ทำการขายมานานถึง 60 ปีแล้ว การจะรักษาสถานะไว้ให้เหมือนเดิมย่อมต้องเป็นเรื่องยาก แต่อย่างไรก็ต้องขอความร่วมมือด้านการพัฒนา รักษา ดูแล แหล่งท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องช่วยกันทั้งผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องกับซัพพลายเชนท่องเที่ยวทั้งหมด เพื่อทำให้แข่งขันได้ระยะยาว ส่วนแผนขยายฐาน ตลาดดาวรุ่งในทวีปไกล-Emerging Market อย่างแอฟริกา คูเวต มีช่องว่างให้เจาะเพราะมี หรืออย่างละตินอเมริกา สรุปแล้วในยุโรปและอเมริกา ต้องยอมรับมีทั้งแสงสว่างและปัญหา อาทิ ในกลุ่มตะวันออกกลางหลายประเทศเศรษฐกิจยังซบเซา หรืออิหร่าน (เดิมเคยเติบโตปีละกว่าแสนคน) ยังถูกแซงซั่นซึ่งไม่สามารถเข้าไปทำอะไรได้มากนัก ททท.ต้องแก้ไขสถานการณ์ไปตามสภาพความเป็นจริง อย่างไรก็ตามช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (Low season) ปีนี้ ททท.จะร่วมกับสายการบินนานาชาติผ่าทางตัน โดยจะร่วม การบินไทย และสายการบินอื่น ๆ แบ่งการขายโลว์ซีซันเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.ช่วงปิดเทอม มิถุนยน-สิงหาคม จะลุยเจาะกลุ่มตลาดครอบครัว นำตั๋วโดยสารกับห้องพักมาผนวกเป็นแพกเกจขาย 2.ช่วงเปิดเทอม กันยายนจะพุ่งเป้ากลุ่มทั่วตลาดไม่ใช่ครอบครัว (non family) ทำโปรโมชั่นทั้งโลว์ซีซัน และต่อเนื่องระยะยาวโดยการขาย “บินมาแวะพักเที่ยวกรุงเทพฯ-Bangkok Stop Over” เปิดให้ผู้โดยสารจะเดินทางไปออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แวะพักค้างในกรุงเทพฯ 1 คืน จะมอบสิทธิพิเศษให้อย่างคุ้มค่าดึงดูดความสนใจเพิ่มลูกค้าได้มากขึ้น เพราะสายการบินบางสัปดาห์สามารถทำราคาพิเศษได้ ขณะนี้กำลังเร่งแก้ไขจุดอ่อนตลาดอเมริกา เพราะตอนนี้ไม่มีเที่ยวบินตรง ไป-กลับ ไทย-อเมริกา แต่คู่แข่งทั่วเอเชียมีเที่ยวบินตรงหมดทั้ง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี ดังนั้น ททท.กำลังหารือกับกาตาร์แอร์เวย์ จัดทำโปรแกรม Stop Over แวะพักค้างที่กาตาร์ 1 คืน ก่อนมาไทย หรือ เตอร์กีสแอร์ไลน์ส หากซื้อตั๋วชั้นธุรกิจจะแถมที่พักโรงแรม 5 ดาว 1 คืน ซื้อตั๋วชั้นประหยัดแถมโรงแรม 4 ดาว 1 คืน สะท้อนถึงการแข่งขันอันดุเดือดที่ผู้ประกอบการต่างก็ใช้กลยุทธ์การดึงดูดนักท่องเที่ยวสารพัดรูปแบบ นางศรีสุดากล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองไทยไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อนักท่องเที่ยวในยุโรป อเมริกา ที่จะเดินทางมาไทย เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แต่ปัญหาใหญ่เป็นปัจจัยหลักขณะนี้ของไทยคือ เรื่อง Supply size ความพร้อมของแหล่งและผู้ประกอบการท่องเที่ยว การกระจุกตัว ความสะอาด ปลอดภัย สำหรับแนวโน้มพฤติกรรมการท่องเที่ยวของตลาดยุโรป อเมริกา จะเป็นฝ่ายที่ให้ความสำคัญมากกับ 1.อย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ถึงขั้นต้องบินมาดูสถานที่ก่อนจะนำเสนอขายกับนักท่องเที่ยวในประเทศของตน เช่น โรงแรมที่พักมีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมครบหรือไม่ 2.การดูแลทางสังคม (social concern) ตัวอย่าง นักท่องเที่ยวยุโรป โดยเฉพาะสหราชอาณาจักร ลดน้อยลงในการเดินทางมาเมียนมาเนื่องจากปัญหาโรฮินญา ซึ่งประเทศไทยจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องที่มีผลกระทบต่อสังคมด้วย เช่น การจ้างแรงงานต่างด้าว การดูแลสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ เพราะอนาคตกำลังซื้อเหล่านี้เป็นผู้เลือกอย่างเข้มข้นมากขึ้น ดังนั้นจึงขอให้คนในพื้นที่ต้องตื่นตัวดูแลสิ่งแวดล้อม เริ่มจากลดใช้พลาสติก จำกัดขยะ บำบัดน้ำเสีย รักษาความสะอาด แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการไทยคำนึงถึงทุกมิติด้านสิ่งแวดล้อม เพราะต่อไปเรื่องนี้เป็นจุดขายสำคัญทางการท่องเที่ยวไทยในตลาดระยะไกล ซึ่งมีสำนึกหลีกเลี่ยงจะไม่เดินทางเที่ยวตามประเทศที่ไม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป ฟังข่าวต้นชั่วโมง ข่าวที่ 1 “คิง เพาเวอร์คว้าสุวรรณภูมิ 2สัมปทาน”ดิวตี้ฟรี-พาณิชย์” นายวิชัย บุญยู้ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาดบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) "ทอท." เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ข้อสรุปผลคะแนนสูงสุดผู้ยื่นข้อเสนองานประกอบกิจการ 2 โครงการในสนามบินสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เรียบร้อยแล้ว ทั้งจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (duty free) และ พื้นที่เชิงพาณิชย์ (commercial area) เรียบร้อยแล้ว คือ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด กับ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ตามระเบียบที่จะเข้าดำเนินการสัมปทานรอบใหม่ 10ปี 6 เดือน ระหว่าง 27 ก.ย.2563-23 มี.ค.2574 ประกอบด้วย โครงการแรก ร้านค้าปลอดอากร ตามที่ทอท.ได้จำหน่ายเอกสารการยื่นข้อเสนอการดำเนินงานให้สิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ทสภ.ระหว่างวันที่ 1 – 18 เมษายน 2562 โดยมีผู้สนใจซื้อเอกสาร รวมทั้งสิ้น 5 ราย ได้แก่ 1. บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด 2. บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด 3. บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) 4. บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 5. บริษัทโรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จากนั้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 ทอท.กำหนดให้มีการยื่นข้อเสนอการดำเนินงาน โดยมีผู้มายื่นข้อเสนอ 3 ราย ได้แก่ 1. บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด 2. บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ยื่นข้อเสนอการดำเนินงานในนามกิจการร่วมค้าการบิน กรุงเทพ ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ประกอบด้วย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท โฮเต็ล ล็อตเต้ จำกัด และบริษัท บางกอกแอร์เวย์สโฮลดิ้ง จำกัด 3. บริษัทโรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยื่นข้อเสนอการดำเนินงานในนามกิจการร่วมค้า ประกอบด้วย บริษัทโรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็มไพร์ เอเชีย กรุ๊ป จำกัด และ WDFG UK LIMITED ต่อมาเมื่อ 27 พฤษภาคม 2562 ทอท.ได้กำหนดให้นำเสนอผลงาน (Presentation) ข้อเสนอด้านเทคนิคของผู้ยื่นข้อเสนอการดำเนินงาน โดยผู้ยื่นข้อเสนอทั้ง 3 ราย ได้นำเสนอผลงานเรียบร้อยแล้ว กระทั่งเช้าวันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม 2562 ทอท.จึงดำเนินการเปิดซองเสนอค่าตอบแทนและประกาศผลคะแนนสูงสุด ผลปรากฎว่า ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด คือ บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ถือเป็นผู้ชนะตามที่ได้เสนอค่าตอบแทนสูงกว่าที่ ทอท.เคยได้รับอยู่เดิมและสูงกว่าคาดหมาย โครงการ “พื้นที่เชิงพาณิชย์” ก็ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน โดยมีคู่แข่งขันเพียง 2 ราย ผลปรากฎว่า บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ทำคะแนนชนะ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ขาดลอย สำหรับขั้นตอนต่อไป ทอท.จะนำผลการคัดเลือกเสนอคณะกรรมการพิจารณารายได้ ทอท. ในวันที่ 12 มิถุนายน 2562 และที่ประชุมคณะกรรมการ ทอท. วันที่ 19 มิถุนายน 2562 เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป ข่าวที่ 2 “ททท.-5พันธมิตรโหมขาย“บินพักหลักร้อยฯตุน200ล้าน” ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เปิดเผยว่า ได้จับมือกับ 5 พันธมิตร มีการบินไทย เวียดเจ็ตแอร์ TraveliGo.com และรถเช่า 2 ราย KPN Car Rent กับ : Chic Car Rent โหมการขายแคมเปญ “บินพักหลักร้อย หลักพัน ลุ้นรางวัลหลักล้าน” มอบส่วนลด สิทธิพิเศษจุใจ ตั้งเป้ากระตุ้นการท่องเที่ยวหน้าฝนคาดจะต้องสร้างเม็ดเงินสะพัดให้ได้รวมกว่า 200 ล้านบาท โดยเชิญชวนเดินทางท่องเที่ยวกับโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษให้คนรักฝนได้ท่องเที่ยวทั่วประเทศ ตลอด 4 เดือน ตั้งแต่ 1 มิถุนายน – 30 กันยายน 2562 นี้ ประกอบด้วย 1. ตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษ จาก การบินไทย ไทยสมายล์ นกแอร์ ไทยเวียตเจ็ทแอร์ 2. โรงแรมหลักร้อยหลักพัน ทราเวลไอโก การันตีราคาพิเศษที่สุด ลด 30-40% กว่า 200 แห่ง 3. บูทีครีสอร์ทและโฮสเทลเก๋ ๆ ราคาพิเศษ ลด 45% จาก BoutiqueStay.travel 4. รถเช่าราคาสุดพิเศษ จาก Chic Car Rent ราคาเริ่มต้น 650 บาท/วัน KPN Car Rent เริ่มต้นที่ 690 บาท/วัน 5. แพ็คเกจทัวร์ชุมชน จาก Local Alike ราคาพิเศษ ลด 15% ทัวร์ฟ้าใส ราคาพิเศษ ลดสูงสุด 700 บาท บริการรถแท็กซี่ราคาพิเศษจาก Grab 7. ประกันภัยการเดินทางราคาพิเศษจากเมืองไทยประกันภัย 8. กิจกรรมท่องเที่ยวราคาพิเศษจาก KLOOK รวมทั้ง ททท. เชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกคนลงทะเบียนร่วมสนุกกับแคมเปญ โดย ADD LINE @iLoveTheRain และลงทะเบียน ชื่อ และอีเมล์ ซึ่งจะได้รับรหัสประจำตัว (CODE) ทางช่องทางที่ลงทะเบียนไว้ แล้วนำ CODE มาใช้ลุ้นโชคต่าง ๆ ได้แก่ โชคชั้นที่ 1 รับส่วนลดพิเศษในการจองซื้อสินค้าทางการท่องเที่ยวผ่านเว็บไซต์ www.เที่ยวลุ้นล้าน.com โชคชั้นที่ 2 โชคแบบไม่ต้องลุ้น สนุกสนานกับการท่องเที่ยวแล้วก็ยังสามารถนำใบกำกับภาษี (ตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ) เช่น โรงแรม ที่พัก โฮมสเตย์ มาลดหย่อนภาษีสูงสุด 20,000 บาท สำหรับเมืองรอง และ 15,000 บาท สำหรับเมืองหลัก ภายใน 30 มิถุนายน 2562 โชคชั้นที่ 3 ร่วมสนุกผ่าน Facebook แฟนเพจ เที่ยวลุ้นล้าน ทุกเดือนตลอดระยะเวลาแคมเปญ ชิงรางวัลบัตรโดยสารเครื่องบิน บัตรกำนัลโรงแรม แพ็คเกจท่องเที่ยว ของพรีเมี่ยมอื่น ๆ กว่า 200 รางวัล โชคชั้นที่ 4 จับฉลากลุ้นรางวัลใหญ่หลักล้าน และรางวัลอื่นๆ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,578,100 บาท ในวันที่ 25 กันยายน 2562 ณ อาคาร ททท. ประกาศผลวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง 3 Facebook เที่ยวลุ้นล้านและ Line@iLoveTheRain สำหรับ 4 รางวัลใหญ่ ประกอบด้วยรางวัลที่ 1 รถยนต์ Toyota รุ่น Fortuner 2.4G 2WD AT มูลค่า 1,300,000 บาท รางวัลที่ 2 รถจักรยานยนต์ Vespa รุ่น Sprint125 3VIE ABS-BI มูลค่า 105,900 บาท รางวัลที่ 3 โทรศัพท์มือถือ iPhone รุ่น XS MAX 64GB รางวัลละ 43,900 บาท จำนวน 3 รางวัล รวมมูลค่า 131,700 บาท รางวัลที่ 4 กล้อง DJI Osmo รุ่น Pocket รางวัลละ 13,500 บาท จำนวน 3 รางวัล รวมมูลค่า 40,500 บาท ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ยังมีโปรแกรมการเดินทางท่องเที่ยวแนะนำอีกมากมาย สามารถนำใบเสร็จมาใช้ร่วมแคมเปญ “บินพักหลักร้อย หลักพัน ลุ้นรางวัลหลักล้าน” ได้ด้วย อาทิ “เส้นทางพร้อมเปย์” แบ่งเป็น 4 ประเภท รวม 80 เส้นทาง ได้แก่ 1. เส้นทาง “Highlight Amazing ทั่วไทย” 18 เส้นทาง ไปชมแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมตลอดกาล 2. เส้นทาง “เมืองรอง ต้องรัก ต้องใส่ใจ” 16 เส้นทาง สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวชุมชนอย่างรับผิดชอบ 3. เส้นทาง “ท่องเที่ยวนวัตวิถี” 32 เส้นทาง โดยททท. ร่วมมือกับ กรมพัฒนาชุมชน ผูกเส้นทางท่องเที่ยวหลักสู่เส้นแหล่งท่องเที่ยวนวัตวิถี เพื่อร่วมกิจกรรมและบริการทางการท่องเที่ยว พร้อมซื้อของที่ระลึกที่มีคุณภาพ 4. เส้นทาง “One night stay with locals : ยิ่งเที่ยวเป็นกลุ่ม ยิ่งคุ้มราคา” 14 เส้นทาง นักท่องเที่ยวจะได้พักผ่อน ใช้ชีวิต และเรียนรู้วิถีชุมชนอย่างแท้จริงในเวลา 1 คืน 1 วัน อีกทั้งนักท่องเที่ยวสามารถเลือกโปรแกรมได้ตามความสนใจพิเศษ เช่น เส้นทางเสริมยศฐาบันดาศักดิ์ เส้นทางเสริมศรัทธาแก้กรรม เส้นทางประทานบุตร เส้นทางน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งอโยธยา ดูรายละเอียดเส้นทางและราคาแพ็คเกจได้ที่ www.tourismthailand.org/tourismproduct.และ สอบถามข้อมูลกิจกรรมเพิ่มที่ Line @iloveTheRain ข่าวที่ 3 “ททท.งัดดนตรี-อาหารปั๊มยอดรายได้เที่ยวหน้าฝน” ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้นำกิจกรรมดนตรีและอาหารเข้ามากระตุ้นการท่องเที่ยวหน้าฝนระหว่างนี้-กันยายน นี้ เพื่อเพิ่มรายได้กระจายสู่ท้องถิ่นเพิ่มอีกอย่างน้อย 10 % ไฮไลต์ตั้งแต่มิถุนายนนี้เป็นต้นไป งานแรก “Thailand Cultural Music Festival 2019” ร่วมกับเมืองพัทยาจัดใหญ่เทศกาลดนตรีวัฒนธรรมสุดอะเมซซิ่ง 31 พ.ค.- 1 มิ.ย.นี้ ช่วง 16.00-24.00 น.ที่ชายหาดพัทยากลาง เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ภายใต้แนวคิด “Amazing Music Celebration” จะศิลปินชั้นนำระดับ TOP 5 ของประเทศ และศิลปินท้องถิ่นชื่อดังของเมืองไทยสร้างสีสันดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานกว่า 30,000 คน สร้างเงินสะพัดกว่า 22 ล้านบาท งานที่ 2 “อะเมซิ่ง ไทย เทส เฟสติวัล 2019” ระหว่าง 7-9 มิ.ย.2562 เวลา 11.00-20.00 น. ที่สยามสแควร์ ภายใต้แนวคิด สวรรค์ของนักกิน ดินแดนของอร่อย จะนำความอร่อยมาไว้ในงานเดียวกันให้เลือกชิมได้ถึง120 เมนู มีตั้งแต่ร้านอร่อยคิวยาวที่ต้องจองล่วงหน้า สตรีตฟู้ดริมทาง ร้านมิชลิน เลือกชม ชิม ช้อป ได้ใน 7 โซน ได้แก่ โซนปูเสื่อ จะมีร้านจกโต๊ะเดียวแห่งเยาวราช เครปป้าเฉื่อย มิดไนท์อะโกโก้ โซนอร่อยติดดาว สุดยอดอาหารมิชลิน 1 ดาว อาทิ เนื้อตุ๋น เทนซัน ไร้เทียมทาน ปาท๋องโก๋เสวย โซนอร่อยริมทาง จะนำสุดยอดอาหารข้างทาง อาทิ โจ๊กหมูชูเกียรติ โจ๊กฟัวกราส์ โซน ฟิน โลคัล มีสุดยอดร้านชื่อดังจาก 5 ภูมิภาค อาทิ ร้านขนมปัง นานาจังเกิ้ล ร้านเจริญข้าวมันไก่เบตง ร้านโกอ้วน หาดใหญ่ ร้านขนมเส้นน้ำย้อย กาดน้ำทอง โซนอีทคลีน และโซนฝีมือขั้นเทพ นำสุดยอดร้านที่มีชื่อเสียงเปิดเวิร์คช็อปสอนเคล็ดไม่ลับให้ผู้ที่สนใจได้ลงมือทำ อาทิ สอนการทำเครื่องดื่มชาชัก จากร้านโรตีแตออ และอื่น ๆ ข่าวที่ 3 “บางจาก-ปิดทองหลังพระหนุนชุมชนแก่นมะกรูด” นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศจับมือกับ สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เปิดตัวโครงการ "หยุดการชะล้างพังทลายของดิน คืนชีวิตให้แก่นมะกรูด" เพื่อคืนพื้นที่ป่าและสร้างอาชีพอย่างยั่งยืนให้ชาวแก่นมะกรูด ในวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน 2562 เวลา 13.00 น. ณ ต.แก่นมะกรูด อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ปัจจุบันแก่นมะกรูดเป็นชุมชนท่องเที่ยวมีคนเข้าเยี่ยมชมกว่า 200,000 คน ครึ่งปีแรกทำรายได้กว่า 5 ล้านบาท เตรียมต่อยอดความยั่งยืนตามแนวพระราชดำริ ให้เที่ยวได้ทั้งปีโดยเพิ่มสร้างพื้นที่สีเขียว สนับสนุนปลูกพืชผักผลไม้เมืองหนาว ไม้ผลยืนต้นที่ขายได้ราคา นายเผด็จ นุ้ยปรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด จังหวัดอุทัยธานี ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานด้านการท่องเที่ยว โครงการพื้นที่ต้นแบบบูรณาการปิดทองหลังพระฯ ตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี กล่าวว่า ได้เก็บข้อมูลช่วงเทศกาลเดินทางท่องเที่ยวหนาแน่น ระหว่างธันวาคม 2561-มกราคม 2562 มีนักท่องเที่ยวมาเยือนแก่นมะกรูดกว่า 200,000 คน เฉพาะช่วงที่เป็นวันหยุดยาวปีใหม่ 4 วัน มีกว่า 45,000 คน เป็นสัญญาณที่ดีแก่ชุมชนที่จะพัฒนามาตรฐานเพื่อนำท่องเที่ยวมาสร้างเป็นรายได้เสริมในระยะยาว ข่าวที่ 4 “TCEBบุกอินเซ็นทีฟเมืองรองอินเดียโกยมาได้1พันล้าน” นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ปี 2562 ได้จัดโรดโชว์เจาะตลาดไมซ์เมืองรองในอินเดีย ขยายฐานเจาะกลุ่มประชุม-อินเซนทีฟเข้าไทยรวมทั้งสิ้น 63 งาน คิดเป็นจำนวนนักเดินทางไมซ์มากกว่า 13,000 คน สร้างรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท โดยจัดโรดโชว์ไปยังเมืองรองเมื่อมีนาคม-เมษายน 2 ครั้ง ครั้งแรก จัดที่ไฮเดอราบัดและเมืองชัยปุระ เมืองใหญ่ที่มีความพร้อมด้านตัวแทนบริษัทจัดการเดินทางด้านไมซ์ อีกทั้งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มสูงด้านการส่งออกพนักงานเดินทางประชุมและจัดอินเซนทิฟในไทย ครั้งที่สอง จัดที่กัลกัตตาและลัคเนา เป็นเมืองรองที่มีนักเดินทางไมซ์ขนาดเล็ก แต่มีกลุ่มบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงต่อการพัฒนาเป็นบริษัทตัวแทนการเดินทางด้านไมซ์ต่อไปในอนาคต ทีเส็บเล็งเห็นว่าการปูพื้นฐานสร้างเครือข่ายกับผู้แทนบริษัทดังกล่าวในเมืองรอง เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจกับชาวอินเดียเป็นอย่างมาก ช่วงที่ 2 พบกับ “ More Fun พัทยาวาไรตี้” เปิดท่องเที่ยวมุมใหม่ สนุกสุดขั้วได้ทุกที่ ทุกอำเภอจากพัทยา นาจอมเทียน สัตหีบ บางละมุง แล้วเกาะติด “8อาหารของวัยเก๋า” กินอย่างไรให้อายุยืน ส่วนข่าวแซ่บ ๆ “แอตต้ายกทีมบุกโร้ดจีน” 3 เมืองรองหวังโกยเพิ่ม 2,800 ล้านบาท “วิทยุการบินเข้มมาตรการบินหน้าฝน” งัดสารพัดกฎสร้างความปลอดภัยทุกสนามบิน “แจ้งเกิดแอพ TAGTHAI” ชิมลางสนามแข่ง OTA และพี่เลี้ยง SMEsท่องเที่ยว ลั่นเปิดตัวกันยายนนี้ More Fun วาไรตี้พัทยาความสนุกสุดขั้วในทะเลไทย วันนี้จะชวนไปเที่ยวอย่างสนุกสนาน More Fun แบบวาไรตี้เมืองทะเลไทย “พัทยา” มีทั้งชายหาด เกาะน้อยใหญ่ แหล่งช้อปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยวมนุษย์สร้างขึ้น สถาปัตยกรรมทางวัฒนธรรม คนที่ชอบสีสันทะเลสวย แนะนำให้ข้ามฟากจากแหลมบาลีฮาย มุ่งหน้าสู่ “เกาะล้าน” รอบ ๆ เกาะมีที่พักราคาประหยัดริมหาดหลายแห่งให้เลือกพักผ่อนอย่าง “หาดตาแหวน” ทิวทัศน์สวยทอดแนวยาว 750 เมตร เป็นจุดดำน้ำดูปะการัง เล่นสกีน้ำ เรือลาก ได้ “หาดสังวาลย์” สงบเหมาะนอนอาบแดด “หาดทองหลาง” ก็ดำน้ำได้อีกแห่ง และสามารถปีนขึ้นไปชมวิวบนเขานมได้ในวิวพาโนรามา การเดินทางข้ามฝั่งทะเลนั่งเรือจากท่าแหลมบาลีฮายไปยังเกาะล้าน มีบริการทุกวัน ค่าเรือคนละ 20 บาท ออกทุก 45 นาที ขาไปเริ่ม 7 โมงเช้า – บ่ายโมง ขากลับเริ่มบ่ายโมง - 4 โมงเย็น ส่วนเรือเร็วสปีดโบ๊ทต้องเช่าเหมา ครั้งละ 1,500-2,000 บาท จุได้ 15-20 คน ใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที ส่วนผู้หลงรักอ่าวพัทยาสามารถพักผ่อนอยู่บนฝั่ง เดินลัดเลาะหาดพัทยาเหนือ-กลาง-ใต้ ซึ่งมีห้างสรรพสินค้าให้แวะช้อปได้ด้วย ถ้าสนใจเล่นกีฬาทางน้ำแบบเอ็กซตรีมต้องไป “หาดจอมเทียน” เพื่อโลดแล่นวินเซิร์ฟ ไคท์เซิร์ฟ พาราชู้ต บานานาโบ๊ท มุมท่องเที่ยวแมนเมดเก๋ ๆ ก็ต้องที่ “พิพิธภัณฑ์ 3 มิติ อาร์ต พาราไดส์” มีวาไรตี้ ตลอดทางมีผลงานภาพ 3 มิตินับร้อยให้ชม กระจายอยู่ทั่วอาณาบริเวณกว่า 6,000 ตารางเมตร มอบให้นักท่องเที่ยวทั้งสนุกครบ ชม แชะ แชร์ ช้อป ดีไซน์ตามคอนเซ็ปต์แตกต่างกันในบรรยากาศแต่ละโซน คือ ใต้มหาสมุทร ป่า ผลงานศิลปะระดับโลก ยุคประวัติศาสตร์ ภาพวาดเหนือจริง ถ้าหลงรักสถาปัตยกรรมศิลปะไม้หนึ่งเดียวในโลกก็ต้องแวะ “ปราสาทสัจจธรรม” อำเภอนาเกลือ สร้างจากไม้แกะสลักอ่อนช้อยงดงามขนาดใหญ่สุดในเมืองไทยอายุเกือบ 40 ปี ภายในนำปรัชญาชีวิตมาร้อยเรียงเล่าเรื่องราวตามความเชื่อหลากชนชาติหลายศาสนาเข้าด้วยกัน ทั้ง พราหมณ์ ฮินดู พุทธ สามารถเดินชม แชร์ ประสบการณ์ ได้ หรือจะนั่งเรือไปยังชายหาดอื่น ๆ ก็ได้ จากพัทยาสามารถขับรถไปยังอำเภอใกล้เคียงอย่าง “สัตหีบ” มีไฮไลต์สถาปัตยกรรม “มิโนซ่า” จำลองเมือง Colmar หมู่บ้านสไตล์ฝรั่งเศส สีสันสดใส มีร้านค้า ร้านอาหาร และโชว์สุดอลังการสนุก ๆ ให้ดูยามค่ำคืน “บางละมุง” ก็มี “พัทยา ชีพ ฟาร์ม” เปิดบริการฟาร์มแกะน่ารัก ๆ อยู่ท่ามกลางกระโจมยักษ์แบบอินเดียนแดง มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวสามารถป้อนนมและอาหารแกะได้ หรือจะแวะ “ตลาดน้ำ 4 ภาค” เดินชีล ในบรรยากาศช้อปปิ้งสินค้า 4 ภาค พายเรือขายในทะเลสาบขนาดใหญ่ สลับกับชมการแสดงวัฒนธรรม เปิดทุกวันตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน More Fun พัทยามุมใหม่...มีความวาไรตี้ครบทุกรสให้เลือกท่องเที่ยวได้ทุกวัน ทุกเวลา @8 วิธี เลือกอาหารโดนใจ สไตล์วัยเก๋า 8 วิธี เลือกอาหารโดนใจ สไตล์วัยเก๋า เพื่อให้ลูกหลาน และผู้สูงอายุ มีตัวเลือกในการดูแลตัวเอง ดังนี้ 1.กินข้าวกล้อง - ข้าวกล้อง อุดมด้วยสารอาหารที่มากกว่าข้าวขาว มีใยอาหารที่ร่างกายต้องการ ชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่หลอดเลือด 2.กินปลาเป็นประจำ - ปลามีโปรตีนที่มีคุณภาพ ย่อยง่าย ไขมันต่ำ มีโอเมกา 3 ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด มีแคลเซียมและแร่ธาตุที่สำคัญ โดยควรกินปลาสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง 3.กินต้ม - แกง ย่าง ยำ น้ำพริก ลดการกิน ทอดและผัด 4.กินตามสูตร 6 : 6 :1 - น้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา/วัน น้ำมันไม่เกิน 6 ช้อนชา/วัน เกลือไม่เกิน 1 ช้อนชา/วัน 5.กินไข่ - ไข่ อุดมด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุที่มีคุณภาพสูง ราคาถูก ปรุงง่าย เก็บนาน มีเลซิตินและโคลีนที่ร่างกายต้องการ แม้มีคอเลสเตอรอลสูง แต่คุณค่าทางโภชนาการก็สูงด้วย คนปกติกินไข่ได้วันละฟอง โดยเคล็ดลับการกินไข่ให้ได้ประโยชน์ คือ กินไข่สุก ไม่กินไข่ลวก/ดิบ กินไข่กับข้าวที่มีผักผลไม้ เน้นกินไข่ต้ม ตุ๋น มากกว่าไข่เจียว/ดาว กินไข่แล้วเลี่ยงกินอาหารที่มีไขมันสูง 6.ดื่มนมพอดีมีประโยชน์ - นมจากสัตว์ เป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพ อุดมด้วยแคลเซียมที่ร่างกายนำไปใช้ได้ดี เด็กจึงควรดื่มนมรสจืด 2-3 กล่อง/วัน และผู้ใหญ่ 1-2 กล่อง/วัน ถ้าอยู่ในภาวะอ้วนต้องดื่มชนิดพร่องมันเนย สำหรับใครที่ไม่ดื่มนม แนะนำให้กินปลามากขึ้น กินปลาที่กินได้ทั้งกระดูกเป็นประจำ กินผักใบเขียวให้มากขึ้น กินถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ และดื่มนมถั่วเหลืองที่มีแคลเซียมสูง 7.กินถั่วเมล็ดแห้ง - ถั่วเมล็ดแห้งกินร่วมกับข้าวจะได้โปรตีนที่มีคุณภาพ มีเลซิติน ไขมันต่ำ มีวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ และมีใยอาหาร 8.กินผักผลไม้ - ผัก ผลไม้ เป็นอาหารที่มนุษย์ขาดไม่ได้ เป็นแหล่งให้วิตามินแร่ธาตุแก่ร่างกาย อุดมด้วยใยอาหาร มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดเสี่ยงมะเร็ง สร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย ฟังข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “แอตต้างัดโร้ดโชว์รุกจีน3เมืองหวังรายได้2.8พันล้าน” นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า วางแผนจัดโร้ดโชว์เพิ่มรายได้ตลาดจีนเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ATTA Roadshow to China 2019 จัดไปเมื่อ 26-31 พฤษภาคม 2562 จะเริ่มเห็นผลกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ตามเป้าที่ตั้งไว้จะสร้างเงินให้ได้อีก 2,800 ล้านบาท โดยเตรียมนำสมาชิกบริษัทนำเที่ยวเดินสายไปเจรจาการขายเลือกพื้นที่ 3 เมืองรอง ได้แก่ “เซียะเหมิน-หนานชาง-ฉางชา” ซึ่งมีประชากรรวมกว่า 150 ล้านคน พยายามที่จะปลุกกำลังซื้อนักท่องเที่ยวจีนมาไทยตลอดปี 2562 จำนวนมากถึง 11-11.5 ล้านคน ชง multiple visa อายุ 5-10 ปี ขณะนี้มีเที่ยวบิน ไป-กลับ ระหว่าง ปลายทางเข้าเมืองไทยแต่ละวันกระจายไปยังกระบี่ ภูเก็ต เชียงใหม่ ได้แก่ จาก เซียะเหมิน วันละ 15 เที่ยว หนานชาง 3 เที่ยว ฉางชา 6 เที่ยว และมีเที่ยวบินเช่าแบบเหมาลำพอสมควร ตั้งแต่กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป จะมีสายการบินจีนเปิดบินเพิ่มเข้าเชียงใหม่ และสู่จังหวัดท่องเที่ยวในภูมิภาคต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้แนวโน้มตลาดจีนจะกระเตื้องเติบโตดีขึ้นตามลำดับ ข่าวที่สอง “วิทยุการบินเข้มความปลอดภัยเที่ยวบินหน้าฝน” นายสมนึก รงค์ทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (กอญ.บวท.) เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูฝนของไทยได้กำหนดมาตรการรับมือกรณีมีสภาพอากาศแปรปรวน ฝนตกหนัก ส่งผลต่อทัศนวิสัยทางการบิน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้โดยสารและอากาศยาน หากสภาพอากาศรุนแรงเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศจะบริหารจัดการจราจรทางอากาศ โดยจะใช้มาตรการ ชะลอการวิ่งขึ้นของอากาศยานขาออกโดยให้จอดรอที่หลุมจอด เพื่อลดปริมาณความคับคั่งของปริมาณการจราจรทางอากาศบริเวณรอบสนามบิน และชะลอการทาการบินลงของอากาศยานขาเข้า ให้มีการบริหารจัดการระยะห่างในการขึ้น-ลงของอากาศยานให้เหมาะสมและประสานท่าอากาศยานภูมิภาค ในการจัดระยะต่อสำหรับอากาศยานขาออกของแต่ละสนามบิน รวมถึงการออกประกาศแจ้งเตือนให้ทุกเที่ยวบินขาเข้าของทุกสนามบิน เตรียมการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อรองรับการล่าช้าที่อาจเกิดขึ้น และได้เพิ่มอัตรากาลังของเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศให้พร้อมต่อการให้บริการในช่วงสภาพอากาศแปรปรวน และมีการปรับตำแหน่งการปฏิบัติงานในแต่ละพื้นที่ความรับผิดชอบให้เหมาะสมกับปริมาณการจราจรทางอากาศ ข่าวที่สาม “ทุนไทยผุดแอพท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่TAGTHAIเริ่มก.ย.นี้” นายสมเกียรติ ปานพูนทรัพย์” คณะทำงาน บริษัท ไทย ดิจิทัลแพลตฟอร์ม วิสาหกิจเพื่อสังคมผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นทักทาย (TAGTHAI) กล่าวว่า ภายในกันยายนนี้พร้อมเปิดแอพลิเคชั่นแนวใหม่เต็มรูปแบบในชื่ออย่างเป็น TAGTHAI หรือ “ทักทาย” โดยร่วมมือกันกว่า 49 องค์กร และอยู่ในความดูแลของคณะทำงานโครงการ Digital Tourism Platform หนึ่งในโครงการของคณะทำงานส่งเสริมการท่องเที่ยวและไมซ์ (D3) วางเป้าหมายทำหน้าที่เป็น online travel agent (OTA) ตัวกลางเชื่อมโยงข้อมูลด้านเศรษฐกิจ สินค้า และบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของไทย และเป็นช่องทางช่วยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวแข่งขันและเข้าถึงตลาดทั่วโลกได้ ในแอพลิเคชั่นจะมีฟีเจอร์ 3 ส่วนหลัก คือ 1.ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยว ให้เข้าไปค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร การเดินทาง และข้อมูลอื่น ๆ วิธีวางแผนและบันทึกเส้นทางท่องเที่ยวไว้ได้ 2.เปิดตลาดสินค้าบนโลกออนไลน์ 4-5 ตลาดหลักที่มีระบบชำระเงินร่วมกัน 3.คลังข้อมูลของโรงแรม สายการบินในเมืองไทย บริการทัวร์ ภัตตาคาร สปาและการพักผ่อนหย่อนใจ บริการโลจิสติกส์ ตั๋วรถเช่า รถโดยสารประจำทาง เรือโดยสาร และอื่น ๆ ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
“ศรีสุดา”นำทัพดัน4ทวีปเที่ยวไทยปั๊มรายได้ปี’62โต12%
คิงเพาเวอร์กวาด2สัมปทานสุวรรณภูมิ”ดิวตี้ฟรี-พาณิชย์”
ททท.-5พันธมิตรขายบินพักหลักร้อยฯปลุกทัวร์หน้าฝนคึก
ชูจัด”ดนตรี-อาหาร”ปลุกตลาดเสริมทัพรายได้กรีนซีซัน
บางจากผนึกมูลนิธิปิดทองหนุนชุมชนแก่นมะกรูดฉลุย
TCEBรุกอินเซ็นทีฟเมืองรองอินเดียโกยงาน-เงินพันล้าน
MoreFunพัทยาวาไรตี้สนุกสุดขั้วมุมใหม่ทะเลอ่าวไทย
8อาหารของคนวัยเก๋าเลือกกินให้ถูกยับยั้งความแก่ได้
แอตต้าโร้ดโชว์บุกจีน3เมืองรองเพิ่มรายได้2.8พันล้าน
วิทยุการบินเข้มมาตรการปลอดภัยการบินช่วงหน้าฝน
แอพTAGTHAIลั่นเปิดก.ย.นี้สร้างมิติใหม่เที่ยวไทย
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #TTM2019 #เที่ยวเมืองรอง #MoreFunวาไรตี้พัทยา
ช่วงที่ 1 เปิดใจหญิงแกร่ง “ศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์” รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ใช้เวที Thailand Travel Mart Plus 2019 : TTM+2019 แจ้งเกิดผู้ประกอบท่องเที่ยวเมืองรองโกอินเตอร์ 5-7 มิถุนายน นี้ ที่โอเชียน มารีน่า ยอร์ชคลับ พัทยา รับส่วนแบ่งรายได้ 500 ล้านบาท จากยอดรวม 2,500 ล้านบาท พร้อมเกาะติดความจริงสถานการณ์ 4 ทวีป “ยุโรป-อเมริกา-ตะวันออกกลาง-แอฟริกา” กับเป้ารายได้ปี’62ต้องโต 12 % จะต้องผ่าทางตันโลว์ซีซันกับแอร์ไลน์ส และยกเครื่องครั้งใหญ่ด้านซํพพลายไซซ์ทั้งประเทศ รักษาจุดขายท่องเที่ยวไว้ในระยะยาว นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในการจัดงาน Thailand Travel Mart Plus 2019 : TTM+2019 ครั้งที่ 18 ระหว่างวันที่ 5-7 มิถุนายน 2562 ณ โอเชียน มารีน่า ยอร์ช คลับ พัทยา เป็นเทรดการท่องเที่ยวประจำปีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 700 ราย ประกอบด้วย กลุ่มผู้ขายไทยประมาณ 351 ราย กับผู้ซื้อจากทั่วโลกกว่า 371 ราย และสื่อนานาชาติอีกกว่า 70 คน เป้าหมายรายได้จาก TTM+2019 ตลอดการจัดงานเจรจาธุรกิจ 2 วัน ระหว่าง 6-7 มิถุนายน นี้ ตั้งไว้ไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท จากเมื่อปี 2561 ทำสถิติไว้ 2,470 ล้านบาท (ปี 2560 ทำได้ราว 1,900 ล้านบาท) เพราะมีผู้ซื้อและผู้ขายจากเมืองรองเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะรายได้จะกระจายส่วนแบ่งให้เมืองรองราว 20 % หรือไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท รูปแบบธีมงานคือ “Open to the New Shades of Emerging Destinations” เน้นเปิดเฉด สีสัน การท่องเที่ยวมุมใหม่ ๆ เพื่อเปิดเมืองรองที่มีศักยภาพสู่กลุ่มผู้ซื้อทั่วโลก ดังนั้นกลุ่มผู้ขายไทยจึงต้องมาจากเมืองรองเป็นจำนวนมากกว่า 20 ราย ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ข้อ ตามเกณฑ์ใหม่สร้างความแตกต่างจากทุกปีในการคัดเลือกผู้ประกอบเข้าร่วมงานเทรดครั้งนี้ ได้แก่ 1.จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย 2.เป็นกลุ่มใหม่ไม่เคยเข้าร่วมขายใน TTM+2019 มาก่อน 3.มาจากเมืองรอง 4.ผู้ประกอบการโรงแรมต้องแสดงเอกสารหลักฐานถึงมาตรการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม 5.ผู้ประกอบการอื่น ๆ DMC โชว์ และอื่น ๆ กลยุทธ์การสร้างผู้ขายเมืองรองปีนี้ ททท.ได้นำร่องทำสิ่งใหม่คือส่งทีมเดินสายไปพูดคุยกับโรงแรม เอเย่นต์ ผู้ประกอบการในเมืองรอง ให้รู้จักงาน TTM+2019 คืออะไร เคยมาแล้วหรือยัง การจะไปร่วมขายท่องเที่ยวงานระดับโลกอย่าง World Travel Mart :WTM อังกฤษ ควรซ้อมใหญ่โดยเข้าร่วมขายใน TTM+2019 ก่อนเพื่อทำความรู้จักกับการขายตลาดอินเตอร์ จึงได้ผู้ขายที่มั่นใจเข้าร่วมงานครั้งนี้ 20 ราย แต่ก็ยังมีอีกถึง 70 ราย ยังไม่มั่นใจจะโกอินเตอร์จึงขอมาร่วมสังเกตการณ์ (Trade visit) ระหว่างงาน ททท.จะพากลุ่มนี้ดูและแนะนำวิธีการเจรจาการค้าขายภายในงาน งาน TTM+2019 จึงมีความเข้มข้นมากกับกลุ่มเมืองรองซึ่งเป็น Emerging Destinations ทั้ง 2 เรื่อง คือ สร้างนักขาย และเทรนผู้ประกอบการให้มีศํกยภาพความสามารถเข้าสู่ตลาดอินเตอร์ต่อไปให้ได้ เพื่อประโยชน์ในการแข่งขันกับนานาชาติ โดยทำควบคู่กับการสรรหาตลาดใหม่ หรือ Emerging Market มาจากลัตเวีย อาร์เจนตินา อาเซอไบจัน สาธารณรัฐเช็ค คาซัคสถาน ยูเครน ตุรกี อียิปต์ ภาพรวมงานจึงมีกลุ่มผู้ซื้อหน้าใหม่ที่มีศักยภาพมากถึง 40 % กับกลุ่มเดิม 60 % จะสร้างความคึกคักให้กลุ่มผู้ขายไทยเพิ่มขึ้น รวมถึงเทรนด์ของผู้ซื้อทั่วโลกนิยมมองหาสินค้าท่องเที่ยวใหม่ หรือในพื้นที่หลักแต่ก็ขอเป็นเส้นทางใหม่ที่ยังไม่เคยมา เช่น กรุงเทพฯ ถึงจะมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่เคยปั่นจักรยาน ฟู้ดทัวร์ ไนท์ทัวร์ วอล์กกิ้งทัวร์ เป็นตัวอย่างที่จะนำมาขายมากขึ้น นางศรีสุดากล่าวว่า สถานการณ์ภาพรวมของตลาดนักท่องเที่ยวยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง อเมริกา ทั้ง 4 ทวีป นั้นมีเป้าหมายตลอดปีงบประมาณ 2562 จะต้องสร้างรายได้เพิ่มไม่ต่ำกว่า 12 % แต่สภาพโดยรวมช่วงไตรมาส 1-2 ค่อนข้างเหนื่อยด้วยปัจจัยแวดล้อมจึงมีทั้งทรงตัว ติดลบบ้างเล็กน้อย ตลาดที่เพิ่มชัดเจนก็มี สเปน บวก 6 % เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ เฉลี่ยประเทศละ 1 % แต่ตลาดที่ติดลบไม่มาก 1-2 % แต่ก็น่าเป็นห่วง เช่น เดนมาร์ก รัสเซีย ตลาดติดลบหนัก ๆ คือ สวีเดน ฟินแลนด์ ก็จะพยายามฟื้นฟูกลับมาให้ได้ ขณะที่ทวีปไกลอย่างอเมริกา ละติน แอฟริกา ยังเติบโตอย่างสดใส ดังนั้นการรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปควรจะเป็นการเข้าไปดูแลด้าน Supply Size ถือการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวเตรียมความพร้อมให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก เนื่องจาก ททท.ทำการขายมานานถึง 60 ปีแล้ว การจะรักษาสถานะไว้ให้เหมือนเดิมย่อมต้องเป็นเรื่องยาก แต่อย่างไรก็ต้องขอความร่วมมือด้านการพัฒนา รักษา ดูแล แหล่งท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องช่วยกันทั้งผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องกับซัพพลายเชนท่องเที่ยวทั้งหมด เพื่อทำให้แข่งขันได้ระยะยาว ส่วนแผนขยายฐาน ตลาดดาวรุ่งในทวีปไกล-Emerging Market อย่างแอฟริกา คูเวต มีช่องว่างให้เจาะเพราะมี หรืออย่างละตินอเมริกา สรุปแล้วในยุโรปและอเมริกา ต้องยอมรับมีทั้งแสงสว่างและปัญหา อาทิ ในกลุ่มตะวันออกกลางหลายประเทศเศรษฐกิจยังซบเซา หรืออิหร่าน (เดิมเคยเติบโตปีละกว่าแสนคน) ยังถูกแซงซั่นซึ่งไม่สามารถเข้าไปทำอะไรได้มากนัก ททท.ต้องแก้ไขสถานการณ์ไปตามสภาพความเป็นจริง อย่างไรก็ตามช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (Low season) ปีนี้ ททท.จะร่วมกับสายการบินนานาชาติผ่าทางตัน โดยจะร่วม การบินไทย และสายการบินอื่น ๆ แบ่งการขายโลว์ซีซันเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.ช่วงปิดเทอม มิถุนยน-สิงหาคม จะลุยเจาะกลุ่มตลาดครอบครัว นำตั๋วโดยสารกับห้องพักมาผนวกเป็นแพกเกจขาย 2.ช่วงเปิดเทอม กันยายนจะพุ่งเป้ากลุ่มทั่วตลาดไม่ใช่ครอบครัว (non family) ทำโปรโมชั่นทั้งโลว์ซีซัน และต่อเนื่องระยะยาวโดยการขาย “บินมาแวะพักเที่ยวกรุงเทพฯ-Bangkok Stop Over” เปิดให้ผู้โดยสารจะเดินทางไปออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แวะพักค้างในกรุงเทพฯ 1 คืน จะมอบสิทธิพิเศษให้อย่างคุ้มค่าดึงดูดความสนใจเพิ่มลูกค้าได้มากขึ้น เพราะสายการบินบางสัปดาห์สามารถทำราคาพิเศษได้ ขณะนี้กำลังเร่งแก้ไขจุดอ่อนตลาดอเมริกา เพราะตอนนี้ไม่มีเที่ยวบินตรง ไป-กลับ ไทย-อเมริกา แต่คู่แข่งทั่วเอเชียมีเที่ยวบินตรงหมดทั้ง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี ดังนั้น ททท.กำลังหารือกับกาตาร์แอร์เวย์ จัดทำโปรแกรม Stop Over แวะพักค้างที่กาตาร์ 1 คืน ก่อนมาไทย หรือ เตอร์กีสแอร์ไลน์ส หากซื้อตั๋วชั้นธุรกิจจะแถมที่พักโรงแรม 5 ดาว 1 คืน ซื้อตั๋วชั้นประหยัดแถมโรงแรม 4 ดาว 1 คืน สะท้อนถึงการแข่งขันอันดุเดือดที่ผู้ประกอบการต่างก็ใช้กลยุทธ์การดึงดูดนักท่องเที่ยวสารพัดรูปแบบ นางศรีสุดากล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองไทยไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อนักท่องเที่ยวในยุโรป อเมริกา ที่จะเดินทางมาไทย เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แต่ปัญหาใหญ่เป็นปัจจัยหลักขณะนี้ของไทยคือ เรื่อง Supply size ความพร้อมของแหล่งและผู้ประกอบการท่องเที่ยว การกระจุกตัว ความสะอาด ปลอดภัย สำหรับแนวโน้มพฤติกรรมการท่องเที่ยวของตลาดยุโรป อเมริกา จะเป็นฝ่ายที่ให้ความสำคัญมากกับ 1.อย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ถึงขั้นต้องบินมาดูสถานที่ก่อนจะนำเสนอขายกับนักท่องเที่ยวในประเทศของตน เช่น โรงแรมที่พักมีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมครบหรือไม่ 2.การดูแลทางสังคม (social concern) ตัวอย่าง นักท่องเที่ยวยุโรป โดยเฉพาะสหราชอาณาจักร ลดน้อยลงในการเดินทางมาเมียนมาเนื่องจากปัญหาโรฮินญา ซึ่งประเทศไทยจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องที่มีผลกระทบต่อสังคมด้วย เช่น การจ้างแรงงานต่างด้าว การดูแลสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ เพราะอนาคตกำลังซื้อเหล่านี้เป็นผู้เลือกอย่างเข้มข้นมากขึ้น ดังนั้นจึงขอให้คนในพื้นที่ต้องตื่นตัวดูแลสิ่งแวดล้อม เริ่มจากลดใช้พลาสติก จำกัดขยะ บำบัดน้ำเสีย รักษาความสะอาด แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการไทยคำนึงถึงทุกมิติด้านสิ่งแวดล้อม เพราะต่อไปเรื่องนี้เป็นจุดขายสำคัญทางการท่องเที่ยวไทยในตลาดระยะไกล ซึ่งมีสำนึกหลีกเลี่ยงจะไม่เดินทางเที่ยวตามประเทศที่ไม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป ฟังข่าวต้นชั่วโมง ข่าวที่ 1 “คิง เพาเวอร์คว้าสุวรรณภูมิ 2สัมปทาน”ดิวตี้ฟรี-พาณิชย์” นายวิชัย บุญยู้ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาดบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) "ทอท." เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ข้อสรุปผลคะแนนสูงสุดผู้ยื่นข้อเสนองานประกอบกิจการ 2 โครงการในสนามบินสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เรียบร้อยแล้ว ทั้งจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (duty free) และ พื้นที่เชิงพาณิชย์ (commercial area) เรียบร้อยแล้ว คือ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด กับ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ตามระเบียบที่จะเข้าดำเนินการสัมปทานรอบใหม่ 10ปี 6 เดือน ระหว่าง 27 ก.ย.2563-23 มี.ค.2574 ประกอบด้วย โครงการแรก ร้านค้าปลอดอากร ตามที่ทอท.ได้จำหน่ายเอกสารการยื่นข้อเสนอการดำเนินงานให้สิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ทสภ.ระหว่างวันที่ 1 – 18 เมษายน 2562 โดยมีผู้สนใจซื้อเอกสาร รวมทั้งสิ้น 5 ราย ได้แก่ 1. บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด 2. บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด 3. บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) 4. บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 5. บริษัทโรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จากนั้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 ทอท.กำหนดให้มีการยื่นข้อเสนอการดำเนินงาน โดยมีผู้มายื่นข้อเสนอ 3 ราย ได้แก่ 1. บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด 2. บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ยื่นข้อเสนอการดำเนินงานในนามกิจการร่วมค้าการบิน กรุงเทพ ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ประกอบด้วย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท โฮเต็ล ล็อตเต้ จำกัด และบริษัท บางกอกแอร์เวย์สโฮลดิ้ง จำกัด 3. บริษัทโรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยื่นข้อเสนอการดำเนินงานในนามกิจการร่วมค้า ประกอบด้วย บริษัทโรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็มไพร์ เอเชีย กรุ๊ป จำกัด และ WDFG UK LIMITED ต่อมาเมื่อ 27 พฤษภาคม 2562 ทอท.ได้กำหนดให้นำเสนอผลงาน (Presentation) ข้อเสนอด้านเทคนิคของผู้ยื่นข้อเสนอการดำเนินงาน โดยผู้ยื่นข้อเสนอทั้ง 3 ราย ได้นำเสนอผลงานเรียบร้อยแล้ว กระทั่งเช้าวันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม 2562 ทอท.จึงดำเนินการเปิดซองเสนอค่าตอบแทนและประกาศผลคะแนนสูงสุด ผลปรากฎว่า ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด คือ บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ถือเป็นผู้ชนะตามที่ได้เสนอค่าตอบแทนสูงกว่าที่ ทอท.เคยได้รับอยู่เดิมและสูงกว่าคาดหมาย โครงการ “พื้นที่เชิงพาณิชย์” ก็ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน โดยมีคู่แข่งขันเพียง 2 ราย ผลปรากฎว่า บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ทำคะแนนชนะ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ขาดลอย สำหรับขั้นตอนต่อไป ทอท.จะนำผลการคัดเลือกเสนอคณะกรรมการพิจารณารายได้ ทอท. ในวันที่ 12 มิถุนายน 2562 และที่ประชุมคณะกรรมการ ทอท. วันที่ 19 มิถุนายน 2562 เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป ข่าวที่ 2 “ททท.-5พันธมิตรโหมขาย“บินพักหลักร้อยฯตุน200ล้าน” ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เปิดเผยว่า ได้จับมือกับ 5 พันธมิตร มีการบินไทย เวียดเจ็ตแอร์ TraveliGo.com และรถเช่า 2 ราย KPN Car Rent กับ : Chic Car Rent โหมการขายแคมเปญ “บินพักหลักร้อย หลักพัน ลุ้นรางวัลหลักล้าน” มอบส่วนลด สิทธิพิเศษจุใจ ตั้งเป้ากระตุ้นการท่องเที่ยวหน้าฝนคาดจะต้องสร้างเม็ดเงินสะพัดให้ได้รวมกว่า 200 ล้านบาท โดยเชิญชวนเดินทางท่องเที่ยวกับโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษให้คนรักฝนได้ท่องเที่ยวทั่วประเทศ ตลอด 4 เดือน ตั้งแต่ 1 มิถุนายน – 30 กันยายน 2562 นี้ ประกอบด้วย 1. ตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษ จาก การบินไทย ไทยสมายล์ นกแอร์ ไทยเวียตเจ็ทแอร์ 2. โรงแรมหลักร้อยหลักพัน ทราเวลไอโก การันตีราคาพิเศษที่สุด ลด 30-40% กว่า 200 แห่ง 3. บูทีครีสอร์ทและโฮสเทลเก๋ ๆ ราคาพิเศษ ลด 45% จาก BoutiqueStay.travel 4. รถเช่าราคาสุดพิเศษ จาก Chic Car Rent ราคาเริ่มต้น 650 บาท/วัน KPN Car Rent เริ่มต้นที่ 690 บาท/วัน 5. แพ็คเกจทัวร์ชุมชน จาก Local Alike ราคาพิเศษ ลด 15% ทัวร์ฟ้าใส ราคาพิเศษ ลดสูงสุด 700 บาท บริการรถแท็กซี่ราคาพิเศษจาก Grab 7. ประกันภัยการเดินทางราคาพิเศษจากเมืองไทยประกันภัย 8. กิจกรรมท่องเที่ยวราคาพิเศษจาก KLOOK รวมทั้ง ททท. เชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกคนลงทะเบียนร่วมสนุกกับแคมเปญ โดย ADD LINE @iLoveTheRain และลงทะเบียน ชื่อ และอีเมล์ ซึ่งจะได้รับรหัสประจำตัว (CODE) ทางช่องทางที่ลงทะเบียนไว้ แล้วนำ CODE มาใช้ลุ้นโชคต่าง ๆ ได้แก่ โชคชั้นที่ 1 รับส่วนลดพิเศษในการจองซื้อสินค้าทางการท่องเที่ยวผ่านเว็บไซต์ www.เที่ยวลุ้นล้าน.com โชคชั้นที่ 2 โชคแบบไม่ต้องลุ้น สนุกสนานกับการท่องเที่ยวแล้วก็ยังสามารถนำใบกำกับภาษี (ตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ) เช่น โรงแรม ที่พัก โฮมสเตย์ มาลดหย่อนภาษีสูงสุด 20,000 บาท สำหรับเมืองรอง และ 15,000 บาท สำหรับเมืองหลัก ภายใน 30 มิถุนายน 2562 โชคชั้นที่ 3 ร่วมสนุกผ่าน Facebook แฟนเพจ เที่ยวลุ้นล้าน ทุกเดือนตลอดระยะเวลาแคมเปญ ชิงรางวัลบัตรโดยสารเครื่องบิน บัตรกำนัลโรงแรม แพ็คเกจท่องเที่ยว ของพรีเมี่ยมอื่น ๆ กว่า 200 รางวัล โชคชั้นที่ 4 จับฉลากลุ้นรางวัลใหญ่หลักล้าน และรางวัลอื่นๆ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,578,100 บาท ในวันที่ 25 กันยายน 2562 ณ อาคาร ททท. ประกาศผลวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง 3 Facebook เที่ยวลุ้นล้านและ Line@iLoveTheRain สำหรับ 4 รางวัลใหญ่ ประกอบด้วยรางวัลที่ 1 รถยนต์ Toyota รุ่น Fortuner 2.4G 2WD AT มูลค่า 1,300,000 บาท รางวัลที่ 2 รถจักรยานยนต์ Vespa รุ่น Sprint125 3VIE ABS-BI มูลค่า 105,900 บาท รางวัลที่ 3 โทรศัพท์มือถือ iPhone รุ่น XS MAX 64GB รางวัลละ 43,900 บาท จำนวน 3 รางวัล รวมมูลค่า 131,700 บาท รางวัลที่ 4 กล้อง DJI Osmo รุ่น Pocket รางวัลละ 13,500 บาท จำนวน 3 รางวัล รวมมูลค่า 40,500 บาท ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ยังมีโปรแกรมการเดินทางท่องเที่ยวแนะนำอีกมากมาย สามารถนำใบเสร็จมาใช้ร่วมแคมเปญ “บินพักหลักร้อย หลักพัน ลุ้นรางวัลหลักล้าน” ได้ด้วย อาทิ “เส้นทางพร้อมเปย์” แบ่งเป็น 4 ประเภท รวม 80 เส้นทาง ได้แก่ 1. เส้นทาง “Highlight Amazing ทั่วไทย” 18 เส้นทาง ไปชมแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมตลอดกาล 2. เส้นทาง “เมืองรอง ต้องรัก ต้องใส่ใจ” 16 เส้นทาง สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวชุมชนอย่างรับผิดชอบ 3. เส้นทาง “ท่องเที่ยวนวัตวิถี” 32 เส้นทาง โดยททท. ร่วมมือกับ กรมพัฒนาชุมชน ผูกเส้นทางท่องเที่ยวหลักสู่เส้นแหล่งท่องเที่ยวนวัตวิถี เพื่อร่วมกิจกรรมและบริการทางการท่องเที่ยว พร้อมซื้อของที่ระลึกที่มีคุณภาพ 4. เส้นทาง “One night stay with locals : ยิ่งเที่ยวเป็นกลุ่ม ยิ่งคุ้มราคา” 14 เส้นทาง นักท่องเที่ยวจะได้พักผ่อน ใช้ชีวิต และเรียนรู้วิถีชุมชนอย่างแท้จริงในเวลา 1 คืน 1 วัน อีกทั้งนักท่องเที่ยวสามารถเลือกโปรแกรมได้ตามความสนใจพิเศษ เช่น เส้นทางเสริมยศฐาบันดาศักดิ์ เส้นทางเสริมศรัทธาแก้กรรม เส้นทางประทานบุตร เส้นทางน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งอโยธยา ดูรายละเอียดเส้นทางและราคาแพ็คเกจได้ที่ www.tourismthailand.org/tourismproduct.และ สอบถามข้อมูลกิจกรรมเพิ่มที่ Line @iloveTheRain ข่าวที่ 3 “ททท.งัดดนตรี-อาหารปั๊มยอดรายได้เที่ยวหน้าฝน” ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้นำกิจกรรมดนตรีและอาหารเข้ามากระตุ้นการท่องเที่ยวหน้าฝนระหว่างนี้-กันยายน นี้ เพื่อเพิ่มรายได้กระจายสู่ท้องถิ่นเพิ่มอีกอย่างน้อย 10 % ไฮไลต์ตั้งแต่มิถุนายนนี้เป็นต้นไป งานแรก “Thailand Cultural Music Festival 2019” ร่วมกับเมืองพัทยาจัดใหญ่เทศกาลดนตรีวัฒนธรรมสุดอะเมซซิ่ง 31 พ.ค.- 1 มิ.ย.นี้ ช่วง 16.00-24.00 น.ที่ชายหาดพัทยากลาง เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ภายใต้แนวคิด “Amazing Music Celebration” จะศิลปินชั้นนำระดับ TOP 5 ของประเทศ และศิลปินท้องถิ่นชื่อดังของเมืองไทยสร้างสีสันดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานกว่า 30,000 คน สร้างเงินสะพัดกว่า 22 ล้านบาท งานที่ 2 “อะเมซิ่ง ไทย เทส เฟสติวัล 2019” ระหว่าง 7-9 มิ.ย.2562 เวลา 11.00-20.00 น. ที่สยามสแควร์ ภายใต้แนวคิด สวรรค์ของนักกิน ดินแดนของอร่อย จะนำความอร่อยมาไว้ในงานเดียวกันให้เลือกชิมได้ถึง120 เมนู มีตั้งแต่ร้านอร่อยคิวยาวที่ต้องจองล่วงหน้า สตรีตฟู้ดริมทาง ร้านมิชลิน เลือกชม ชิม ช้อป ได้ใน 7 โซน ได้แก่ โซนปูเสื่อ จะมีร้านจกโต๊ะเดียวแห่งเยาวราช เครปป้าเฉื่อย มิดไนท์อะโกโก้ โซนอร่อยติดดาว สุดยอดอาหารมิชลิน 1 ดาว อาทิ เนื้อตุ๋น เทนซัน ไร้เทียมทาน ปาท๋องโก๋เสวย โซนอร่อยริมทาง จะนำสุดยอดอาหารข้างทาง อาทิ โจ๊กหมูชูเกียรติ โจ๊กฟัวกราส์ โซน ฟิน โลคัล มีสุดยอดร้านชื่อดังจาก 5 ภูมิภาค อาทิ ร้านขนมปัง นานาจังเกิ้ล ร้านเจริญข้าวมันไก่เบตง ร้านโกอ้วน หาดใหญ่ ร้านขนมเส้นน้ำย้อย กาดน้ำทอง โซนอีทคลีน และโซนฝีมือขั้นเทพ นำสุดยอดร้านที่มีชื่อเสียงเปิดเวิร์คช็อปสอนเคล็ดไม่ลับให้ผู้ที่สนใจได้ลงมือทำ อาทิ สอนการทำเครื่องดื่มชาชัก จากร้านโรตีแตออ และอื่น ๆ ข่าวที่ 3 “บางจาก-ปิดทองหลังพระหนุนชุมชนแก่นมะกรูด” นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศจับมือกับ สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เปิดตัวโครงการ "หยุดการชะล้างพังทลายของดิน คืนชีวิตให้แก่นมะกรูด" เพื่อคืนพื้นที่ป่าและสร้างอาชีพอย่างยั่งยืนให้ชาวแก่นมะกรูด ในวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน 2562 เวลา 13.00 น. ณ ต.แก่นมะกรูด อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ปัจจุบันแก่นมะกรูดเป็นชุมชนท่องเที่ยวมีคนเข้าเยี่ยมชมกว่า 200,000 คน ครึ่งปีแรกทำรายได้กว่า 5 ล้านบาท เตรียมต่อยอดความยั่งยืนตามแนวพระราชดำริ ให้เที่ยวได้ทั้งปีโดยเพิ่มสร้างพื้นที่สีเขียว สนับสนุนปลูกพืชผักผลไม้เมืองหนาว ไม้ผลยืนต้นที่ขายได้ราคา นายเผด็จ นุ้ยปรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด จังหวัดอุทัยธานี ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานด้านการท่องเที่ยว โครงการพื้นที่ต้นแบบบูรณาการปิดทองหลังพระฯ ตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี กล่าวว่า ได้เก็บข้อมูลช่วงเทศกาลเดินทางท่องเที่ยวหนาแน่น ระหว่างธันวาคม 2561-มกราคม 2562 มีนักท่องเที่ยวมาเยือนแก่นมะกรูดกว่า 200,000 คน เฉพาะช่วงที่เป็นวันหยุดยาวปีใหม่ 4 วัน มีกว่า 45,000 คน เป็นสัญญาณที่ดีแก่ชุมชนที่จะพัฒนามาตรฐานเพื่อนำท่องเที่ยวมาสร้างเป็นรายได้เสริมในระยะยาว ข่าวที่ 4 “TCEBบุกอินเซ็นทีฟเมืองรองอินเดียโกยมาได้1พันล้าน” นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ปี 2562 ได้จัดโรดโชว์เจาะตลาดไมซ์เมืองรองในอินเดีย ขยายฐานเจาะกลุ่มประชุม-อินเซนทีฟเข้าไทยรวมทั้งสิ้น 63 งาน คิดเป็นจำนวนนักเดินทางไมซ์มากกว่า 13,000 คน สร้างรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท โดยจัดโรดโชว์ไปยังเมืองรองเมื่อมีนาคม-เมษายน 2 ครั้ง ครั้งแรก จัดที่ไฮเดอราบัดและเมืองชัยปุระ เมืองใหญ่ที่มีความพร้อมด้านตัวแทนบริษัทจัดการเดินทางด้านไมซ์ อีกทั้งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มสูงด้านการส่งออกพนักงานเดินทางประชุมและจัดอินเซนทิฟในไทย ครั้งที่สอง จัดที่กัลกัตตาและลัคเนา เป็นเมืองรองที่มีนักเดินทางไมซ์ขนาดเล็ก แต่มีกลุ่มบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงต่อการพัฒนาเป็นบริษัทตัวแทนการเดินทางด้านไมซ์ต่อไปในอนาคต ทีเส็บเล็งเห็นว่าการปูพื้นฐานสร้างเครือข่ายกับผู้แทนบริษัทดังกล่าวในเมืองรอง เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจกับชาวอินเดียเป็นอย่างมาก ช่วงที่ 2 พบกับ “ More Fun พัทยาวาไรตี้” เปิดท่องเที่ยวมุมใหม่ สนุกสุดขั้วได้ทุกที่ ทุกอำเภอจากพัทยา นาจอมเทียน สัตหีบ บางละมุง แล้วเกาะติด “8อาหารของวัยเก๋า” กินอย่างไรให้อายุยืน ส่วนข่าวแซ่บ ๆ “แอตต้ายกทีมบุกโร้ดจีน” 3 เมืองรองหวังโกยเพิ่ม 2,800 ล้านบาท “วิทยุการบินเข้มมาตรการบินหน้าฝน” งัดสารพัดกฎสร้างความปลอดภัยทุกสนามบิน “แจ้งเกิดแอพ TAGTHAI” ชิมลางสนามแข่ง OTA และพี่เลี้ยง SMEsท่องเที่ยว ลั่นเปิดตัวกันยายนนี้ More Fun วาไรตี้พัทยาความสนุกสุดขั้วในทะเลไทย วันนี้จะชวนไปเที่ยวอย่างสนุกสนาน More Fun แบบวาไรตี้เมืองทะเลไทย “พัทยา” มีทั้งชายหาด เกาะน้อยใหญ่ แหล่งช้อปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยวมนุษย์สร้างขึ้น สถาปัตยกรรมทางวัฒนธรรม คนที่ชอบสีสันทะเลสวย แนะนำให้ข้ามฟากจากแหลมบาลีฮาย มุ่งหน้าสู่ “เกาะล้าน” รอบ ๆ เกาะมีที่พักราคาประหยัดริมหาดหลายแห่งให้เลือกพักผ่อนอย่าง “หาดตาแหวน” ทิวทัศน์สวยทอดแนวยาว 750 เมตร เป็นจุดดำน้ำดูปะการัง เล่นสกีน้ำ เรือลาก ได้ “หาดสังวาลย์” สงบเหมาะนอนอาบแดด “หาดทองหลาง” ก็ดำน้ำได้อีกแห่ง และสามารถปีนขึ้นไปชมวิวบนเขานมได้ในวิวพาโนรามา การเดินทางข้ามฝั่งทะเลนั่งเรือจากท่าแหลมบาลีฮายไปยังเกาะล้าน มีบริการทุกวัน ค่าเรือคนละ 20 บาท ออกทุก 45 นาที ขาไปเริ่ม 7 โมงเช้า – บ่ายโมง ขากลับเริ่มบ่ายโมง - 4 โมงเย็น ส่วนเรือเร็วสปีดโบ๊ทต้องเช่าเหมา ครั้งละ 1,500-2,000 บาท จุได้ 15-20 คน ใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที ส่วนผู้หลงรักอ่าวพัทยาสามารถพักผ่อนอยู่บนฝั่ง เดินลัดเลาะหาดพัทยาเหนือ-กลาง-ใต้ ซึ่งมีห้างสรรพสินค้าให้แวะช้อปได้ด้วย ถ้าสนใจเล่นกีฬาทางน้ำแบบเอ็กซตรีมต้องไป “หาดจอมเทียน” เพื่อโลดแล่นวินเซิร์ฟ ไคท์เซิร์ฟ พาราชู้ต บานานาโบ๊ท มุมท่องเที่ยวแมนเมดเก๋ ๆ ก็ต้องที่ “พิพิธภัณฑ์ 3 มิติ อาร์ต พาราไดส์” มีวาไรตี้ ตลอดทางมีผลงานภาพ 3 มิตินับร้อยให้ชม กระจายอยู่ทั่วอาณาบริเวณกว่า 6,000 ตารางเมตร มอบให้นักท่องเที่ยวทั้งสนุกครบ ชม แชะ แชร์ ช้อป ดีไซน์ตามคอนเซ็ปต์แตกต่างกันในบรรยากาศแต่ละโซน คือ ใต้มหาสมุทร ป่า ผลงานศิลปะระดับโลก ยุคประวัติศาสตร์ ภาพวาดเหนือจริง ถ้าหลงรักสถาปัตยกรรมศิลปะไม้หนึ่งเดียวในโลกก็ต้องแวะ “ปราสาทสัจจธรรม” อำเภอนาเกลือ สร้างจากไม้แกะสลักอ่อนช้อยงดงามขนาดใหญ่สุดในเมืองไทยอายุเกือบ 40 ปี ภายในนำปรัชญาชีวิตมาร้อยเรียงเล่าเรื่องราวตามความเชื่อหลากชนชาติหลายศาสนาเข้าด้วยกัน ทั้ง พราหมณ์ ฮินดู พุทธ สามารถเดินชม แชร์ ประสบการณ์ ได้ หรือจะนั่งเรือไปยังชายหาดอื่น ๆ ก็ได้ จากพัทยาสามารถขับรถไปยังอำเภอใกล้เคียงอย่าง “สัตหีบ” มีไฮไลต์สถาปัตยกรรม “มิโนซ่า” จำลองเมือง Colmar หมู่บ้านสไตล์ฝรั่งเศส สีสันสดใส มีร้านค้า ร้านอาหาร และโชว์สุดอลังการสนุก ๆ ให้ดูยามค่ำคืน “บางละมุง” ก็มี “พัทยา ชีพ ฟาร์ม” เปิดบริการฟาร์มแกะน่ารัก ๆ อยู่ท่ามกลางกระโจมยักษ์แบบอินเดียนแดง มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวสามารถป้อนนมและอาหารแกะได้ หรือจะแวะ “ตลาดน้ำ 4 ภาค” เดินชีล ในบรรยากาศช้อปปิ้งสินค้า 4 ภาค พายเรือขายในทะเลสาบขนาดใหญ่ สลับกับชมการแสดงวัฒนธรรม เปิดทุกวันตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน More Fun พัทยามุมใหม่...มีความวาไรตี้ครบทุกรสให้เลือกท่องเที่ยวได้ทุกวัน ทุกเวลา @8 วิธี เลือกอาหารโดนใจ สไตล์วัยเก๋า 8 วิธี เลือกอาหารโดนใจ สไตล์วัยเก๋า เพื่อให้ลูกหลาน และผู้สูงอายุ มีตัวเลือกในการดูแลตัวเอง ดังนี้ 1.กินข้าวกล้อง - ข้าวกล้อง อุดมด้วยสารอาหารที่มากกว่าข้าวขาว มีใยอาหารที่ร่างกายต้องการ ชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่หลอดเลือด 2.กินปลาเป็นประจำ - ปลามีโปรตีนที่มีคุณภาพ ย่อยง่าย ไขมันต่ำ มีโอเมกา 3 ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด มีแคลเซียมและแร่ธาตุที่สำคัญ โดยควรกินปลาสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง 3.กินต้ม - แกง ย่าง ยำ น้ำพริก ลดการกิน ทอดและผัด 4.กินตามสูตร 6 : 6 :1 - น้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา/วัน น้ำมันไม่เกิน 6 ช้อนชา/วัน เกลือไม่เกิน 1 ช้อนชา/วัน 5.กินไข่ - ไข่ อุดมด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุที่มีคุณภาพสูง ราคาถูก ปรุงง่าย เก็บนาน มีเลซิตินและโคลีนที่ร่างกายต้องการ แม้มีคอเลสเตอรอลสูง แต่คุณค่าทางโภชนาการก็สูงด้วย คนปกติกินไข่ได้วันละฟอง โดยเคล็ดลับการกินไข่ให้ได้ประโยชน์ คือ กินไข่สุก ไม่กินไข่ลวก/ดิบ กินไข่กับข้าวที่มีผักผลไม้ เน้นกินไข่ต้ม ตุ๋น มากกว่าไข่เจียว/ดาว กินไข่แล้วเลี่ยงกินอาหารที่มีไขมันสูง 6.ดื่มนมพอดีมีประโยชน์ - นมจากสัตว์ เป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพ อุดมด้วยแคลเซียมที่ร่างกายนำไปใช้ได้ดี เด็กจึงควรดื่มนมรสจืด 2-3 กล่อง/วัน และผู้ใหญ่ 1-2 กล่อง/วัน ถ้าอยู่ในภาวะอ้วนต้องดื่มชนิดพร่องมันเนย สำหรับใครที่ไม่ดื่มนม แนะนำให้กินปลามากขึ้น กินปลาที่กินได้ทั้งกระดูกเป็นประจำ กินผักใบเขียวให้มากขึ้น กินถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ และดื่มนมถั่วเหลืองที่มีแคลเซียมสูง 7.กินถั่วเมล็ดแห้ง - ถั่วเมล็ดแห้งกินร่วมกับข้าวจะได้โปรตีนที่มีคุณภาพ มีเลซิติน ไขมันต่ำ มีวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ และมีใยอาหาร 8.กินผักผลไม้ - ผัก ผลไม้ เป็นอาหารที่มนุษย์ขาดไม่ได้ เป็นแหล่งให้วิตามินแร่ธาตุแก่ร่างกาย อุดมด้วยใยอาหาร มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดเสี่ยงมะเร็ง สร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย ฟังข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “แอตต้างัดโร้ดโชว์รุกจีน3เมืองหวังรายได้2.8พันล้าน” นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า วางแผนจัดโร้ดโชว์เพิ่มรายได้ตลาดจีนเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ATTA Roadshow to China 2019 จัดไปเมื่อ 26-31 พฤษภาคม 2562 จะเริ่มเห็นผลกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ตามเป้าที่ตั้งไว้จะสร้างเงินให้ได้อีก 2,800 ล้านบาท โดยเตรียมนำสมาชิกบริษัทนำเที่ยวเดินสายไปเจรจาการขายเลือกพื้นที่ 3 เมืองรอง ได้แก่ “เซียะเหมิน-หนานชาง-ฉางชา” ซึ่งมีประชากรรวมกว่า 150 ล้านคน พยายามที่จะปลุกกำลังซื้อนักท่องเที่ยวจีนมาไทยตลอดปี 2562 จำนวนมากถึง 11-11.5 ล้านคน ชง multiple visa อายุ 5-10 ปี ขณะนี้มีเที่ยวบิน ไป-กลับ ระหว่าง ปลายทางเข้าเมืองไทยแต่ละวันกระจายไปยังกระบี่ ภูเก็ต เชียงใหม่ ได้แก่ จาก เซียะเหมิน วันละ 15 เที่ยว หนานชาง 3 เที่ยว ฉางชา 6 เที่ยว และมีเที่ยวบินเช่าแบบเหมาลำพอสมควร ตั้งแต่กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป จะมีสายการบินจีนเปิดบินเพิ่มเข้าเชียงใหม่ และสู่จังหวัดท่องเที่ยวในภูมิภาคต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้แนวโน้มตลาดจีนจะกระเตื้องเติบโตดีขึ้นตามลำดับ ข่าวที่สอง “วิทยุการบินเข้มความปลอดภัยเที่ยวบินหน้าฝน” นายสมนึก รงค์ทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (กอญ.บวท.) เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูฝนของไทยได้กำหนดมาตรการรับมือกรณีมีสภาพอากาศแปรปรวน ฝนตกหนัก ส่งผลต่อทัศนวิสัยทางการบิน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้โดยสารและอากาศยาน หากสภาพอากาศรุนแรงเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศจะบริหารจัดการจราจรทางอากาศ โดยจะใช้มาตรการ ชะลอการวิ่งขึ้นของอากาศยานขาออกโดยให้จอดรอที่หลุมจอด เพื่อลดปริมาณความคับคั่งของปริมาณการจราจรทางอากาศบริเวณรอบสนามบิน และชะลอการทาการบินลงของอากาศยานขาเข้า ให้มีการบริหารจัดการระยะห่างในการขึ้น-ลงของอากาศยานให้เหมาะสมและประสานท่าอากาศยานภูมิภาค ในการจัดระยะต่อสำหรับอากาศยานขาออกของแต่ละสนามบิน รวมถึงการออกประกาศแจ้งเตือนให้ทุกเที่ยวบินขาเข้าของทุกสนามบิน เตรียมการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อรองรับการล่าช้าที่อาจเกิดขึ้น และได้เพิ่มอัตรากาลังของเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศให้พร้อมต่อการให้บริการในช่วงสภาพอากาศแปรปรวน และมีการปรับตำแหน่งการปฏิบัติงานในแต่ละพื้นที่ความรับผิดชอบให้เหมาะสมกับปริมาณการจราจรทางอากาศ ข่าวที่สาม “ทุนไทยผุดแอพท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่TAGTHAIเริ่มก.ย.นี้” นายสมเกียรติ ปานพูนทรัพย์” คณะทำงาน บริษัท ไทย ดิจิทัลแพลตฟอร์ม วิสาหกิจเพื่อสังคมผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นทักทาย (TAGTHAI) กล่าวว่า ภายในกันยายนนี้พร้อมเปิดแอพลิเคชั่นแนวใหม่เต็มรูปแบบในชื่ออย่างเป็น TAGTHAI หรือ “ทักทาย” โดยร่วมมือกันกว่า 49 องค์กร และอยู่ในความดูแลของคณะทำงานโครงการ Digital Tourism Platform หนึ่งในโครงการของคณะทำงานส่งเสริมการท่องเที่ยวและไมซ์ (D3) วางเป้าหมายทำหน้าที่เป็น online travel agent (OTA) ตัวกลางเชื่อมโยงข้อมูลด้านเศรษฐกิจ สินค้า และบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของไทย และเป็นช่องทางช่วยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวแข่งขันและเข้าถึงตลาดทั่วโลกได้ ในแอพลิเคชั่นจะมีฟีเจอร์ 3 ส่วนหลัก คือ 1.ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยว ให้เข้าไปค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร การเดินทาง และข้อมูลอื่น ๆ วิธีวางแผนและบันทึกเส้นทางท่องเที่ยวไว้ได้ 2.เปิดตลาดสินค้าบนโลกออนไลน์ 4-5 ตลาดหลักที่มีระบบชำระเงินร่วมกัน 3.คลังข้อมูลของโรงแรม สายการบินในเมืองไทย บริการทัวร์ ภัตตาคาร สปาและการพักผ่อนหย่อนใจ บริการโลจิสติกส์ ตั๋วรถเช่า รถโดยสารประจำทาง เรือโดยสาร และอื่น ๆ ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น