การบินไทย!ทำเซอร์ไพรส์9เดือนปี64กำไรแล้ว51,115ล้านบาท
ไปต่อไม่ง้อเงินคลัง2.5หมื่นล้าน-วอนธุรกิจคลังคืนหนี้ด่วนกว่า5พันล้าน
เปิด16คำถามคำต่อคำอนาคตบินไทยพลิกโฉมสสู่โลกใหม่ปี56-66-67
ดร.ปิยะสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นำทีม นายชาย ศิริ กรรมการฟื้นฟูกิจการ และนายสุวรรธนะ สีบุญเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการบินไทย ร่วมกันแถลงผลการดำเนินงานของ บมจ.การบินไทย และบริษัทย่อยฯ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564
ดร.ปิยะสวัสดิ์
เปิดแถลง “ผลการดำเนินงาน บมจ.การบินไทย 9 เดือนแรกปี 2564” พร้อมกับตอบคำถามและคำตอบ
ตามที่ได้ "ถอดคำต่อคำกับ 16 คำถาม
อนาคตการบินไทย"
ดร.ปิยะสวัสดิ์ ยืนยันได้แจ้ง ผลการดำเนินงาน บมจ.การบินไทย และบริษัทย่อย 9 เดือน ปี 2564 ไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว และการดำเนินงานหลายอย่างของผู้บริหารการบินไทย ได้ทำแผนคู่ขนานกันทั้งปรับองค์กรให้มีประสิทธิ์ภาพ ลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลง ก็ทำให้การทำรายการที่ไม่รวมการดำเนินงานที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ตามรายละเอียดดังนี้
1.ทำกำไรได้แล้ว 51,115 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการทำรายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ทำให้มีรายได้ 73,000
ล้านบาท ปัจจัยดังนี้
1.1 การขายหุ้น ขายสินทรัพย์ ปรับโครงสร้างหนี้ และเลื่อนหุ้นกู้พร้อมลดดอกเบี้ยออกไป ดังนี้
-ขายหุ้นกิจการร่วมทุนมาจาก
BAFT 2600 ล้านบาท
-ขายทรัพย์สิน 628
ล้านบาท ขายที่ดินสำนักงานการบินไทยหลักสี่เป็นหลัก
ส่วนการขายสำนักงานการบินไทยหลานหลวง และภูเก็ต จะรับรู้รายได้ไตรมาส 4 ปี 2564
-กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ตามแผนฟื้นฟู
730 ล้านบาท
-หุ้นกู้ เมื่อคำนวณมูลค่าปัจจุบัน
แล้วเลื่อนหุ้นกู้ออกไป 6 ปี พร้อมลดดอกเบี้ยลงไปแล้วได้เงินมา 40,000 ล้านบาท
-เจ้าหนี้การค้ากับสถาบันการเงิน ได้มาอีก จำนวนหนึ่ง แต่รายการนี้จะนับเข้ามาเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งเท่านั้น
สรุปแล้วรวมจากผลการปรับแต่ละส่วนข้างต้นทำให้ได้เงินมาอีกเกือบ 60,000 ล้านบาท
1.2 การปรับปรุง “สินทรัพย์ด้อยค่า” เครื่องบินและสินทรัพย์ อุปกรณ์ต่าง ๆ ในเครื่องบิน รวมเป็นเงิน 18,440 ล้านบาท
-เป็นผลมาจากการเจรจาสัญญาเช่าเครื่องบินใหม่ เปลี่ยนจากเดิมจ่ายค่าเช่าเครื่องรายเดือนมาเป็นตามชั่วโมงการใช้จริง ปี 2563-2564 และหลายลำปี 2565 ด้วยได้มารวม 18,440 ล้านบาท (บันทึกไปแล้วเมื่อไตรมาส 2 )
-การปรับปรับผลโยชน์พนักงาน ลดลง 11,000 ล้านบาท (เพราะตามหลักการบัญชีจะต้องบันทึกการจ่ายผลประโยชน์อนาคตของพนักงานเข้าไปด้วย) เช่น การชดเชยวันหยุด ค่ารักษาพยาบาล ตั๋วเครื่องบิน แต่เมื่อทำรายการลดพนักงานจากปี 2562 จำนวน 29,000 คน ปัจจุบันเหลือ 14,900 คน ลดผลประโยชน์ลงไปด้วย ทำให้มีรายการนี้เข้ามา 8,323 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็มีรายการร่วมใจจากองค์กรอีก 1,936 ล้านบาท บริษัทต้องจ่ายให้พนักงานเพื่อเลิกจ้าง
-ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 11,000 ล้นบาท เพราะหนี้เป็นสกุลต่างประเทศหลายสกุลเงิน
ผลที่ตามมา คือ 1.เกิดกำไร 51,115 ล้านบาท 2.ส่วนของผู้ถือหุ้นปีที่ผ่านมาไตรมาสที่ 3 ปีก่อนเคยติดลบ 120,000 ล้านบาท มาไตรมาส 3 ปีนี้ ติดลบเพียง 80,000 ล้านบาท
ส่วนเรื่องนี้มีความสำคัญต่อ “อนาคตการบินไทย” ถึงการจะออก “หุ้นเพิ่มทุนหรือไม่” ขึ้นอยู่กับปัจจัยนี้เป็นสำคัญ
2.
ผลขาดทุนรวมจากการไม่ได้รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 21,491
ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 12,465 ล้านบาท
นับว่าไม่เลว เพราะเมื่อ 3 เดือนปีที่ผ่านมา
ธุรกิจการบินยังไม่ฟื้นตัวจากโควิดอย่างเต็มที่
3.มีรายได้รวมทั้งสิ้น 14.,990 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 29,230
ล้านบาท คิดเป็น 66.1 %
4.มีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 36,481 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 41,695
ล้านบาท คิดเป็น 53.3 %
5.บริษัทย่อย มีรายการเกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิเป็นรายได้ 73,084 ล้านบาท
สำหรับข้อมูล บมจ.การบินไทย และบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 กันยายน 2564
1.มีสินทรัพย์รวมจำนวน 163,703 ล้านบาท ลดลงจาก วันที่ 31 ธันวาคม 2563 จำนวน 45,594 ล้านบาท คิดเป็น 21.8 %
2.หนี้สินรวมมีจำนวน 240,196 ล้านบาท ลดลงจาก วันที่ 31 ธันวาคม 2563 จำนวน 97,766 ล้านบาท คิดเป็น 28.9 %
3.ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท และบริษัทย่อย
ติดลบจำนวน 76,493 ล้านบาท
ติดลบลดลงจาก วันที่ 31 ธันวาคม 2563
จำนวน 52,712 ล้านบาท
คำถาม-คำตอบ ระหว่าง “ผู้บริหารแผน กับ สื่อมวลชน” มีประมาณ 16 คำถาม ดังนี้
1.คำถาม - สัดส่วนผู้ถือหุ้นที่ยังขาดทุนอยู่ มีแผนอย่างไรที่จะทำให้กลับมาเป็นบวก
2.คำถาม - ขั้นตอนเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังในการบินไทย
จะให้แนวทางที่ควรเป็น หรือจะบังคับให้แปลงหนี้เป็นทุน ?
ดร.ปิยะสวัสดิ์ – เรื่องที่ 1.การขาดทุนของในสัดส่วนของผู้ถือหุ้นก็หวังว่าจะลดลง จากการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟู ปรับโครงสร้างหนี้ ผมจึงขอให้ดูการดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายปี 2564 ซึ่งประกาศเป็นอย่างการปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565
เรื่องที่ 2 สัดส่วนของหุ้นเพิ่มทุน ทางกระทรวงการคลังจะเอาหรือไม่เอา จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไข หาก”กระทรวงการคลังไม่นำเงิน” ไม่นำเงินใส่เข้ามาตามเงื่อนไข 25,000 ล้านบาท การบินไทยก็จะต้องแก้ไขแผนอยู่แล้ว คราวนี้จะแก้อย่างไร จะมีการ “ออกหุ้นกู้ใหม่” ให้ “ผู้ถือหุ้นเดิม” แปลงหนี้เป็นทุน ของกระทรวงการคลัง อันนี้เป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังต้องไปพิจารณาแล้วบอกพวกเรามาว่า “อยากจะเห็นอะไร?”
แต่ก็อย่างที่ผมเคยเรียนแล้วว่า
“ถ้าไม่ตัดสินใจอะไรเลย..ไม่ตัดสินใจจะให้คำตอบ”
ในที่สุดแล้วเราก็จำเป็นจะต้องเดินหน้าต่อไป ซึ่งก็หมายความว่า “เมื่อผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามา”
จากการที่เขามีสิทธิ์ซื้อหุ้นในราคา 2.54
บาท/หุ้น นำเงินซื้อหุ้นใหม่ใส่เข้าไป
สัดส่วนการถือหุ้นของ “กระทรวงการคลัง” ใน บมจ.การบินไทย ก็จะลดลงโดยอัตโนมัติ กลายเป็นหุ้นของคลังจะเหลือ 8 % เท่านั้น จากปัจจุบัน 48 %
ดังนั้นกระทรวงการคลังจะ
1.แปลงหนี้เป็นทุน
2.ออกหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม
กระทรวงการคลังจะมีสิทธิ์จะซื้อหุ้นเพิ่มทุน ในราคาที่ บมจ.การบินไทย
ขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม แต่จะเป็น “ราคาเดียวกัน” หรือ “ราคาใหม่”
จะต้องดูในรายละเอียดอีกครั้ง เพราะไม่ได้บอกไว้ในแผน ส่วนใน RO ไม่ได้มีเรื่องนี้อยู่ในแผน มีเฉพาะ
“การแปลงหนี้เป็นทุน” เท่านั้น
เรื่องนี้
“กระทรวงการคลัง” ต้องนำไปพิจารณา แล้วบอกทางเรามาก็แล้วกัน
เพราะการบินไทยจะต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้
คำถามย่อย- ก่อนหน้านี้ ดร.ศิริ เคยบอกว่า
สัดส่วนผู้ถือหุ้นของการบินไทย หากกระทรวงการคลัง ทำตามแผนของการบินไทย
กระทรวงการคลังก็จะถือหุ้นไม่เกิน 40 % แล้วครั้งนี้เหตุใดจึงเป็นบอกว่าคลังถือหุ้นเดิม
48 %
ดร.ปิยะสวัสดิ์
– เอาเป็นว่าตามแผนเดิม “กระทรวงการคลัง” จะถือหุ้นไม่เกิน “ครึ่งหนึ่ง”
ในการบินไทย
นายชาย ศิริ – ตามแผนเดิมคลังก็จะได้สิทธิ์ตามปกติ แต่แผนใหม่หากไม่เพิ่มทุนก็ขึ้นอยู่กับคลังว่าจะเลือกใช้สิทธิ์อย่างไร โดยได้คุยกับทาง ศคร.พร้อมให้ข้อมูลไปหมดแล้วตามตัวเลขปรับตามการบินไทยเสนอไป
3.คำถาม – กรณีที่คลังไม่เพิ่มทุน 25,000 ล้านบาท แล้วสัดส่วนการถือหุ้นลดลงเหลือ 8 % การบินไทยจะยังเป็นสายการบินแห่งชาติอยู่หรือไม่
ดร.ปิยะสวัสดิ์- กระทรวงการคลังตอบมาตลอดว่า
เงินที่ภาครัฐจะสนับสนุนเงินกู้เพิ่มใหม่ให้การบินไทย 25,000 ล้านบาท นั้นไม่สามารถใส่เงินเข้ามาได้
ชัดเจนแล้วว่า “กระทรวงการคลัง” จะไม่เข้าตามแผนเดิม
ถ้าเผื่อสัดส่วนการถือหุ้นของรัฐมีอยู่สูงพอสมควร คือ 1.แปลงหนี้เป็นทุน และ/หรือ 2.ซื้อหุ้นเพิ่มทุนใหม่
แต่ท่าน
“นายกรัฐมนตรี” บอกว่าการบินไทยยังต้องเป็น “สายการบินแห่งชาติ” ต่อไป
ก็น่าจะหมายความว่า “กระทรวงการคลัง” ยังต้อง “มีหุ้นเพิ่มขึ้น” ในการบินไทย
จากการ แปลงหนี้เป็นทุน และ/หรือซื้อหุ้นเพิ่มทุนใหม่ แต่ “ไม่ให้เงินกู้เพิ่ม”
นายชาย
ศิริ – เรื่องนี้ บมจ.การบินไทย
ยังเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงตอบได้เพียงว่า
การเสนอออปชั่นให้กระทรวงการคลัง สัดส่วนการถือหุ้นแต่ละแบบของรัฐจะเป็นอย่างไร
ชุดที่ ศคร.มีอยู่เป็นไปตามข้อเสนอได้มอดิฟลายตัวเลข
เพื่อให้ตัวเลขหนี้เป็นตามไปที่กำหนดหรือไม่ !
ดร.ปิยะสวัสดิ์ – ตอนนี้ไทม์ไลน์ของแผนฟื้นฟูกิจการตอบได้คือต้องเดินต่อไป คือ ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ หรือต้นปี 2565 ที่จะรอคำตอบจากกระทรวงการคลังเรื่องการแปลงหุ้นหรือซื้อหุ้นเพิ่มทุนใหม่ ซึ่งจะต้องใช้เวลา
3.1 คำถามย่อย-
คำตอบของคลังจะโยงกับเรื่องที่เอกชนจะใส่เงินกู้เพิ่มทุนใหม่ 25,000 ล้านบาท ด้วยใช่ไหม
ดร.ปิยะสวัสดิ์
– ในส่วนการขอกู้เงินจากภาคเอกชน 25,000 ล้านบาท
ก็น่าจะเดินหน้าไปได้ด้วยตัวเอง เพราะการบินไทย มีหลักทรัพย์
และทรัพย์สินอยู่พอสมควร ส่วนผลประกอบการ ก็ดีขึ้น แล้วก็มี “แรงจูงใจมาก”
หากผู้ที่ใส่เงินเข้ามาจะได้ซื้อหุ้นการบินไทยราคาเพียง 2.54 บาท/หุ้น
3.2 คำถามย่อย
-จะนำหลักทรัพย์ค้ำประกันจากที่ไหนไปขอกู้เงินเอกชน 25,000 ล้านบาท
ดร.ปิยะสวัสดิ์
– (ใช้หลักทรัพย์ที่นี่) ที่ดินและทรัพย์สินสำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดี พื้นที่กว่า 30 ไร่ ทั้งทรัพย์สินที่มีตรงสำนักงานกับ ฮ่องกง
และต่างประเทศ ก็ยังมีแต่ไม่น่าสนใจเท่ากับทรัพย์สินตรงสำนักงานใหญ่
นายชาย
ศิริ - ตอนนี้เราไม่ได้รอคำตอบจากกระทรวงการคลังว่าเมื่อไร แต่ต้องเดินหน้าตามเงื่อนไขต่าง
ๆ ของเงินกู้ โดยมีไทม์ไลน์เงินกู้ แต่ยังตอบไม่ได้ว่าเมื่อไร เพียงแต่ต้องการ
“เงินกู้ใหม่” ภายในต้นปีหน้าหรือไตรมาสแรก 2565
4.คำถาม -หากคลังใช้สิทธิเพิ่มทุนไม่ถึง 25,000 ล้านบาท
จะปรับลดประมาณการณ์ผู้ถือหุ้นเหลืออยู่เท่าไร
5.คำถาม-กรณีการบินไทยไม่ได้เงินกู้จากรัฐบาลทิศทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
ดร.ปิยะสวัสดิ์ - เราไม่ได้บอกว่าจะขอเงินกู้จากรัฐบาล เราไม่ได้ขอมาหลายเดือนแล้ว และรัฐบาลก็บอกว่า “ไม่ให้เงินแล้ว” เรื่องนี้ชัดเจนนะครับ แล้วเราก็ไปได้ถ้าไม่มีเงินกู้จากรัฐบาล
เราหวังเพียงแต่ว่าถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ไม่ตัดสินใจอะไรเลย แล้วเรากู้เงินจากเอกชนอย่างเดียว 25,000 ล้านบาท เอกชนใดที่ใส่เงินทุนเข้ามาสัดส่วนการถือหุ้นในการบินไทย หากต้องการที่กระทรวงการจะให้เหลือ 8 % ก็ไม่เป็นไร การบินไทยก็เดินหน้าทำตามแผนต่อไป
5.1 คำถามย่อย – หมายถึงว่ากระทรวงการคลังต้องตอบคำถามเรื่องนี้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้หรือไม่
ดร.ปิยะสวัสดิ์
– ถ้าเป็นไปได้เร็วที่สุด ถ้าไม่มีข้อสรูปก็ไม่เป็นไร ก็จะเดินหน้าต่อไป ไม่ได้รอกระทรวงการคลัง
เรารอไม่ได้ เพราะถ้าไม่ตัดสินใจ สัดส่วนหุ้นของกระทรวงการคลังอาจจะลงไปเหลือแค่ 8
%
ตอนนี้ไม่ได้หวังเงินเพิ่มทุนใหม่
และไม่ได้ขอเงินจากกระทรวงการคลังแล้วตอนนี้ แล้ววันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
นายกรัฐมนตรีพูดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน
2564 ก็ไม่มีเรื่องนี้คือเรื่อง
“ขอเงินกู้จากรัฐ”
ดร.ปิยะสวัสดิ์ – ย้ำคำตอบว่าสิ่งที่เราขอจากรัฐคืออะไร
?
เราขอให้
“รัฐจ่ายหนี้ของรัฐ” มาให้หมด เช่น 1.หนี้ของตำรวจ
1,800 ล้านบาท และขอให้รัฐช่วยดูแลหน่วยงานของรัฐด้วย
เช่น 2.ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ที่หักกลบลบหนี้ไป
จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อ้อเป็นกองทุนบำเหน็ด
2,000 กว่าล้านบาท ตอนนี้เรื่องอยู่ที่พนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หากมีคำวินิจฉัยว่าอย่างไรก็ขอให้เป็นไปตามนั้นไม่อุทรณ์
นั่นคือหากวินิจฉัยให้ธนาคารกรุงไทยและธนาคารออมสินต้องคืนเงินบำเหน็ดการบินไทย
ก็ต้องคืนมา 2,000 ล้านบาท
เพราะสุดท้ายหากเราอุทรณ์ไปที่ศาล ศาลก็จะอยู่ข้างเรา เราจึงไม่มีปัญหาเรื่องการหาเงินเพิ่มทุนเข้ามา
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เรา
“ขอจากรัฐ” ไม่ใช่ขอเรื่อง “เงินกู้รัฐ” และไม่ขอ “แฮร์คัท” ไม่ได้ขอ “ความเห็นชอบ”
เรื่องการปรับแผน เพียงแต่รายงาน “จะต้องปรับแผน”
เพื่อรายงานให้ทราบว่าต้องปรับแผน
แล้วแผนธุรกิจยังเป็นไปตามเดิม
เพียงแต่รายละเอียดย่อย จะต้องหารือกับคณะกรรมการ แล้วหากจะแยก “ธุรกิจย่อย”
จะต้องนำเสนอเจ้าหน้าที่ กลต.
นายชาย
ศิริ - หลักการที่จะไปขอเงินกู้ใหม่ ทางผู้ให้กู้จะต้องดู 1.Cash Flow 2.ความสามารถในการหาเงิน ความสามารถในการหารายได้
ของการบินไทย ทางเราก็จะนำ Scenario (สถานการณ์)
เหล่านี้ไปโครงการเป้าหมายอนาคตไปคุยกับ “ผู้ให้กู้” ที่มีศักยภาพ เรื่อง
“เงื่อนไข”มีลำดับขั้นตอนที่ผู้ให้กู้ต้องการ
เหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องสร้างขึ้นใหม่
ตามแผน
“เงินกู้ใหม่” จะให้สิทธิแก่ 1.ผู้ถือหุ้นรายเดิมก็ได้
2.มีสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้
6.คำถาม - เงินจาก “หนี้ภาครัฐ” รวมแล้วประมาณเท่าไร
และวงเงินกู้จากเอกชน 25,000 ล้านบาท
ที่ไม่ต้องพึ่งรัฐ ในสถานการณ์ที่โควิดยังคงอยู่
แล้วการบินยังเปิดให้บริการได้ไม่เต็มที่
การบินไทยจะรับมือสถานการณ์แบบนี้ได้นานขนาดไหน
นายชาย
ศิริ - เงินกู้ใหม่จากเอกชน 25,000 ล้านบาท
จะทำให้ 1.การบินไทยกู้ครั้งเดียว
/One Time แล้วไม่กู้เพิ่ม
อยู่ได้จนกกว่าการบินไทยจะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ 2.การบินไทยกับการตั้งรับโควิดรอบใหม่กลับมาแต่ไม่ได้แย่เหมือนที่ผ่านมา
แต่โควิดมาใหม่ความรุนแรงในระดับหนึ่ง การบินไทยก็ยังอยู่ได้ด้วยการหาเงินใส่ให้ครบ
7.คำถาม – คำประกาศของนายกรัฐมนตรีให้คง “การบินไทย” เป็น
“สายการบินแห่งชาติ” ต่อไป นั้น นายกรัฐมนตรีได้ขอให้การบินไทยร่วมมืออย่างไร
เพื่อให้สถานะความเป็นสายการบินแห่งชาติยังคงดำรงอยู่ต่อไป
ดร.ปิยะสวัสดิ์ -นายกรัฐมนตรีได้บอกอะไร แต่ในการเดินทางไปยัง
“เมืองกลาสโกรว์” ยังคงใช้เจ้าหน้าที่ของการบินไทย
8.คำถาม -สิทธิการบินระหว่างประเทศ (Traffic
Right) ของการบินไทย
จะต้องปรับด้วยหรือไม่อย่างไร
ดร.ปิยะสวัสดิ์
-เรื่องสิทธิการบินระหว่างประเทศ ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่บางประเทศที่เราอาจจะมีน้อยเกินไป
เราก็ได้เพิ่มเที่ยวบินแล้วตั้งแต่พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป แต่ที่ “การบินไทย”
จะเสียสิทธิการบินไปไม่ได้คือ “ลอนดอน” กับ “แฟรงเฟิร์ต”
เส้นทางอื่น ๆ
หากเราเสียสิทธิการบินไป ก็สามารถขอคืนได้
9.คำถาม -หากกระทรวงการคลังไม่ทำอะไรเลย
การบินไทยจะทำอย่างไร
ดร.ปิยะสวัสดิ์
-การบินไทยก็ต้องแก้ไขเดินหน้าต่อไป
10.ถ้าการบินไทยสนใจซื้อหุ้นเพิ่มทุน
สัดส่วนหุ้คลังจะมีเท่าไร
ดร.ปิยะสวัสดิ์ - หุ้นคลัง 8
% บวกหุ้นกองทุนวายุภักดิ์อีกประมาณ 30
% ภาครัฐอาจจะมีเหลือ 30-35 % เพราะฉนั้นหุ้นส่วนใหญ่จะกลายเป็น “เอกชน”
10.1 คำถามย่อย -กรณีภาครัฐแปลงหุ้นเป็นทุน
สัดส่วนหุ้นจะเหลืออยู่ในการบินไทยเท่าไร
นายชาย ศิริ – น่าจะอยู่ระหว่าง 48 % กับ 8 %
ดร.ปิยะสวัสดิ์ – ยังไม่ได้คำนวณมา ก็ลองคูณเอง 3,000
หารด้วย 25,000 เหลือเท่าไร แต่ถ้าหากใส่เงินเข้ามาใหม่ 25,000
ล้านบาท ตัวเลขก็จะเปลี่ยนไป
10.2 ทิศทางของการบินไทยในอนาคตหากไม่ได้เงินจากคลัง 25,000
ล้านบาท จะเดินไปอย่างไร
ดร.ปิยะสวัสดิ์
-ตอนนี้เปิดประเทศแล้ว สถานการณ์การบินไทยมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รายได้
“เดือนตุลาคม 2564” หลายคนบอก
“คาร์โก้” ทำได้ 1,200 ล้านบาท
เดือนพฤศจิกายน ตั้งแต่เปิดประเทศมาจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นพอสมควร 10 วันแรกเดือนพฤศจิกายน มีผู้โดยสารวันละ 750
คน ก่อนหน้านั้นวันละแค่ 300 คน
10.3 จะต้องขนส่งผู้โดยสารเท่าไรถึงจะคุ้มทุน
ดร.ปิยะสวัสดิ์ -ตอนนี้รายรับ ลบ
ค่าใช้จ่ายผันแปร อย่างไรก็ “เป็นบวก” อยู่แล้ว อยู่ที่ “รายได้หลัก” มาจากคาร์โก้
90 % ฉนั้นต่อไป
“กำไรสุทธิ” เป็นบวก รายได้ต่อปีน่าจะกลับไปสู่ “ปีละ 120,000 ล้านบาท”
นายชาย ศิริ -ดูจากเริ่มต้นตอนนี้การบินไทยเริ่มมีรายได้เป็น
“หลักหมื่นล้านบาท” ก็อยู่ได้ แต่ถ้าถามว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไหม คงตอบไม่ได้
ก็หวังจะกลับมาได้ช่วงกลางหรือปลาย ถึงแม้จำนวนผู้โดยสารขึ้นมาไม่ถึงเป้าหมาย
แต่รายได้คาร์โก้เข้ามาก็ยังถัวกันไปได้
เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะไปเหมือนเดิม
จากเครื่องบินที่มี 103 ลำ ตอนนี้เหลือ
50 กว่าลำ
ดร.ปิยะสวัสดิ์ –
ได้ประมาณการณ์รายได้การบินไทยจะกลับมาปี 2566-2567 ได้ถึงปีละกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งสมัยก่อนโควิดการบินไทยมีรายได้ปีละ 180,000
ล้านบาท ปี 2566 ผลประกอบการจะเป็นบวกแน่นอน
โดยมีรายละเอียดทางการบินตามสถานการณ์จริง แปรผันตามจำนวนเที่ยวบิน
ผู้โดยสารใช้บริการ
นายชาย ศิริ -ก่อนหน้ามีเครื่องบินบริการกว่า
80 ลำ
ส่วนรายได้ที่มาจากเครื่องมือทำมาหากิน มีเท่าไร
เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลยก็จะแป้กอยู่อย่างนี้
ดร.ปิยะสวัสดิ์
-ตามแผนฟื้นฟูอาจจะพิจารณาเช่าเครื่องบินเพิ่มเติมตามความจำเป็น ปี 2566-2567
12.คำถาม -การขายเครื่องบินที่เสนอไปยังกระทรวงคมนาคม
อนุมัติบ้างหรือยัง
ดร.ปิยะสวัสดิ์ -เครื่องบินวางแผนขายสัญญาขายเพิ่มเติม
โบอิ้ง 747 จำนวน 11
ลำ A300-600 อีก 1 ลำ ส่งให้คมนาคมเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
ฉนั้นขั้นตอนการพิจารณาก็ใช้ระยะเวลาสักพักหนึ่ง
ยังอยู่ในกรอบการพิจารณาของกระทรวงคมนาคม ไม่ได้ช้าเลย
ไตรมาส 4 ปีนี้ กับไตรมาส 1 ปีหน้า เวลาที่จะอนุมัติขอสัญญาซื้อขายแต่ละครั้ง
12.1 คำถาม -เห็นทางกระทรวงคมนาคม
มีคอมเมนท์เรื่องแผนขายเครื่องบินการบินไทย คือ “ซื้อแพงขายถูก”
ดร.ปิยะสวัสดิ์ - ไม่เห็นบอกพวกเราแบบนี้
แต่โดยทั่วไปถ้าซื้อเครื่องบินใหม่ “ราคาต้องแพง”
12.2 คำถาม – เครื่องบินที่ส่งให้กระทรวงคมนาคม 11
ลำ ไม่ใช่ที่ขาย 1 ลำ นั้นได้รับอนุมัติหรือยัง
ดร.ปิยะสวัสดิ์ – 1 ลำนั้นคือ โบอิ้ง 737 เสนอไปก่อนหน้าแล้วให้กระทรวงคมนาคม
ตอนนี้ยังไม่ได้เซ็นต์อนุมัติกลับมา
12.3 เครื่องลำนี้ขายไปเป็นปีแล้วไม่ใช่เหรอ ?
ดร.ปิยะสวัสดิ์ -
มันอาจจะเป็นความบกพร่องของเราเอง ส่วนราคาขายจำไม่ได้
เพราะน่าจะทำกันก่อนที่คณะกรรมการฟื้นฟูกิจการจะเข้ามา แต่ที่สำคัญคือเสนอใหม่ไป 11
ลำ ต้องรอขายก่อนถึงจะ
“บอกราคาหรือมูลค่า” ได้
ส่วนเครื่องบินที่ต้องดำเนินการตาม
“สัญญาเช่าดำเนินการ” เป็น โบอิ้ง 777-200ER 4 ลำ
เครื่องบินเก่าที่อาจจะเก็บเอาไว้ เพราะสมรรถนะใช้งานขนส่งคาร์โก้ได้ดี
ส่วนที่จะไว้ใช้อีก 54 ลำ
เป็นเครื่องบินใหม่สมรรถนะสูง มี A350-400 กับ B777-300ER
ส่วน A320 รวม 21 ลำ
การบินไทยให้ “ไทยสมายล์” เช่าช่วงต่อเพราะจำเป็นกับการบินเส้นทาง “ในประเทศ” และ
“ภูมิภาคเอเชีย”
12.4 เครื่องบิน 54 ลำที่พูดถึง หมายความว่าจะเก็บเอาไว้หรืออะไร
ดร.ปิยะสวัสดิ์
– หลายลำเปลี่ยนไปทำสัญญาเช่าเรียบร้อยแล้ว ลำที่ไม่ได้เก็บหรือคืนผู้ให้เช่ามี 16
ลำ เพราะเงื่อนไขการเจรจาไม่เพียงพอ
ทางผู้ให้เช่าทำเงื่อนไขไม่ดีพอ เราจึงคืน เช่น A380 , A330 และมีเครื่องของการบินไทยขาย โบอิ้ง 747 และ A340 ที่ไม่ได้นำมาบินอยู่แล้ว
13.คำถาม -แนวทางปี 2565 ธุรกิจจะดำเนินการต่ออย่างไร
ดร.ปิยะสวัสดิ์
- เป็นช่วงเริ่มต้นฟื้นตัว ตั้งแต่พฤศจิกายน 2564 เริ่มมีทิศทางที่ดี เปิดบินยุโรป อเมริกา
ออสเตรเลีย ทางด้านจีนยังไม่ได้เปิด แต่ยังเปิดบินระหว่างประเทศได้ไม่เต็มที่
ช่วงตารางบินฤดูหนาวปลายตุลาคม 2564 เริ่มเป็นบวกแล้ว
ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นตามการคาดการณ์ก่อน One time ปีหน้า ค่าต่าง ๆ ก็จะลดลงไปมาก เป็น One
time จากการจ่ายเงินชดเชยพนักงาน
และอื่น ๆ
14.คำถาม - พอจะบอกตัวเลขรายได้ปีหน้า 2565 ได้หรือไม่
นายชาย
ศิริ – ยังคงบอกไม่ได้ เพราะการบินไทยยังจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์
14.1 คำถามย่อย - ประเมินคร่าว ๆ จะถึง 100,000 ล้านบาท หรือจะทะลุ 50,000 ล้านบาท หรือไม่
นายชาย
ศิริ - รายได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เพราะถ้าตอบไปแล้ว ผมก็ต้องระวัง
แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด เบื้องต้นอาจจะเป็น 50,000 ล้านบาท
14.2 คำถามย่อย - พอบอกสถานการณ์ที่จะทำให้การบินไทยปี
65 มีรายได้ถึง 50,000
ล้านบาท ได้หรือไม่
นายชาย
ศิริ - หากสถานการณ์การบินกลับมาดี ไม่มีโควิด อย่าว่าแต่ 50,000 ล้านบาท เกินกว่า 50,000 ล้านบาท ก็อาจจะได้
แต่ถ้าสถานการณ์ไม่ดีก็อาจจะลงต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทได้
15.คำถาม –แผนธุรกิจของการบินไทยปี 2565 และแนวทางหารายได้ใหม่จะมาจากไหนบ้าง
นายสุวรรธนะ
สีบุญเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร/CEO -ตอนนี้สถานการณ์บริการบินของการบินไทย
เริ่มที่จะดีขึ้นแล้ว จะเห็นว่าได้เปิด “เส้นทางบินสำคัญ” จะเห็นว่า “คนไทย”
เดินทางออกต่างประเทศ เช่น ไปฮ่องกง เมื่อกลับเข้ามาต้องกักตัว 14 วัน เช่น แต่ตามปกติคนต้องการโดนกักตัวน้อยที่สุด
สำหรับธุรกิจของเรายังมี “เครือข่ายเที่ยวบิน” เป็นปัจจัยสำคัญอีกเรื่อง
คาดว่าจะดีขึ้น
แต่หลายครั้งพอบอกว่าจะดีขึ้น ก็ต้องกลับไปตั้งต้นใหม่ อย่างที่การบินไทยเคยบอก
“บินเพิ่ม” ตามจุดต่าง ๆ แต่พอโควิดกลับมารอบที่ 2-3 ก็ยากที่จะทำ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มผ่อนคลาย
การเดินทางเข้าประเทศของต่างชาติ ไม่ต้องกักตัว
การเดินทางออกของคนไทยไปต่างประเทศก็สะดวกขึ้น
16.คำถาม -เงินที่ได้ 25,000 ล้านบาท
ภายใต้สถานการณ์ที่ประเมินไว้หากแย่ที่สุดจะอยู่ได้นานแค่ไหน
นายชาย
ศิริ – ประมาณการณ์ล่าสุดที่ยื่นเสนอแผนไปคือ ได้เงิน 25,000 ล้านบาท
จะอยู่ได้จนกว่าการบินไทยจะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ
ซึ่งเป็นไปตามข้อมูลที่ยื่นไปเมื่อปีที่ผ่านมา ตอนนั้นทำภายใต้ปัจจ
ดร.ปิยะสวัสดิ์
–เงิน 25,000 ล้านบาท
เป็นเงินที่การบินไทยต้องการเข้ามาต้นปี 2565 คือ
การบินอาจจะมีผลกระทบจากโควิดไประดับหนึ่งแล้ว
แต่ถ้าเผื่อธุรกิจการบินดีขึ้นทุกอย่างก็น่าจะดี
จบการแถลงข่าว
“ผลการดำเนนินงาน” บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 9 เดือนแรก ปี 2564
เมื่อวันที่
15 พฤศจิกายน 2564
ระหว่างเวลา 11.00 -12.10 น. ณ อาคารการบินไทย ชั้น 3 ห้อง 305
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น