ททท.”โชว์แผนเด็ดปี’65กอดคอแอร์ไลน์ปั๊มเที่ยวไทย9แสนล้าน ชู“3เทศกาล3ธีม”จัดใหญ่เที่ยวเมืองไทยควบเคาน์ดาวน์30ธ.ค.64
“ททท.”โชว์แผนเด็ดปี’65กอดคอแอร์ไลน์ปั๊มเที่ยวไทย9แสนล้าน
ชู“3เทศกาล3ธีม”จัดใหญ่เที่ยวเมืองไทยควบเคาน์ดาวน์30ธ.ค.64
จ่อขาย“เราเที่ยวด้วยกัน-ทัวร์เที่ยวไทย”ปี65ต่อลมหายใจธุรกิจ
ช้อปด่วนๆ!!ที่“คิงเพาเวอร์”ดีลดีเด็ด5โปรโมชั่นใหม่13-31พ.ย.64
อัพเดทก่อนช้อป“คิงเพาเวอร์ออนไลน์”ลงทะเบียนคูปองฟรีสุดคุ้ม
สมัครบัตรคิงเพาเวอร์“SCARLET- ONYX”รับทันทีส่วนลด+คูปอง
ททท.บูมWorkationปี65ผนึกAWCนำ18โรงแรม6จังหวัดขายไม่ยั้ง
บางจากเฮกลับมาทำกำไรแล้ว9เดือน5,868ล้าน/Q3โกย1,820ล้าน
ชวนเที่ยว“ลอยยี่เป็ง เชียงใหม่”ต๋ามส่องฟ้าโคมล้านดวง19พ.ย.นี้
เปลี่ยนด่วน!!เลิกพฤติกรรมกินเร็วเกินไปลดเสี่ยงป่วยหลายโรคได้!
“เพชรบุรี”คว้าแชมป์ยูเนสโก้ด้านอาหารปี’65เจ้าแห่งเมือง3รสชาติ
แทรเวลโลก้าเปิดโพลล์เที่ยวไทย3เดือนหน้าคึกคักทัวร์เมืองมาแรง
รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน
2564 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0
MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
#PhuketSandbox #
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้
https://m.facebook.com/story.
ช่วงที่ 1 เปิดแผนเด็ดท่องเที่ยวไทยปี’65 กับ “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ลุย “3เทศกาล-3ธีมท่องเที่ยว-3กลยุทธ์”
ขานรับหลังเปิดประเทศแอร์ไลน์สแห่บินฤดูหนาวเข้าไทย 23,714 เที่ยว ในประเทศคึกคักสุดถึง 18,000 เที่ยว มั่นใจทำรายได้เข้าเป้า 8.82 แสนล้าน “3 เทศกาลใหญ่” เริ่ม
พ.ย.นี้ อัดฉีดทั่วไทยจัดยิ่งใหญ่ “ลอยกระทง-เคาน์ดาวน์” “ภาคใต้-ภาคเหนือ”
นักท่องเที่ยวจองพักแน่นยาวถึง ม.ค.65 มีเซอร์ไพร์ฟื้นจัด “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย
สวนลุมพินี” ฟื้นเศรษฐกิจ ระดมสินค้าทุกหมวด ทุกชุมชน ร่วมต้อนรับปีใหม่ 30
ธ.ค.64-3ม.ค.64 งัดใช้ 3 ธีม “Experience Tourism-Amazning Premium-Trend Tourism” ผนวก 3
กลยุทธ์ “City
Marketing-เที่ยววันธรรมดา-เที่ยวเมืองสร้างสรรค์”
โชว์หมัดเด็ดด้วยยุทธศาสตร์ “จับคู่สินค้ากับตลาด” ททท.ในประเทศ 49 แห่งคัดสินค้าส่งออกให้“ททท.ทั่วโลก 29 แห่ง
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศภาพรวมเริ่มดีขึ้นตามลำดับ
นับตั้งแต่รัฐบาลนำร่องเริ่มทดลองเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 1 กรกฎาคม 2564 ต่อเนื่องเปิดประเทศจริง 1 พฤศจิกายน 2564 กำหนดให้นักท่องเที่ยวเสี่ยงต่ำเข้ามาได้
64 ประเทศ ใน 17
จังหวัด ซึ่งประกาศพื้นที่ Blue
Zone ด้วย
เห็นแนวโน้มนักเดินทางต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศมียาแรงจากโครงการ
“เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” และ
“ทัวร์เที่ยวไทย” ช่วยให้การเดินทางเริ่มคึกคักมากขึ้น
ททท.ดูจากข้อมูล
“การบิน” ระหว่างพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564 ไตรมาสที่
4 ปีนี้
มีเที่ยวบินรวมมากถึง 23,744 เที่ยว
ถือว่าสูงมาก แบ่งเป็น 1.เที่ยวบินระหว่างประเทศกว่า
5,000 เที่ยว 2.ในประเทศอีกกว่า 18,000 เที่ยว
อาจจะมีเสริมเส้นทางในประเทศเพิ่มเติมเที่ยวบินระหว่างประเทศกระจายจากเมืองหลักไปยังเมืองรอง
เป็นปัจจัยเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวโดยรวมได้ดีมาก
รวมทั้งมีโจทย์ท้าทายบนสมมุติฐานดีที่สุด หรือ Best case เรื่องการหา “รายได้ของตลาดท่องเที่ยวในประเทศ” ปี 2565 จะต้องสร้างเม็ดเงินให้ได้ถึง 882,034 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยว 160 ล้านคน-ครั้ง ตอนนี้จึงได้เร่งขับเคลื่อนกลยุทธ์ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564 ซึ่งน่าจะช่วยได้มาก โดย ททท.ขอเลยว่ามาตรการผ่อนปรนของแต่ละจังหวัดด้านการท่องเที่ยวจะต้องรัดกุม ด้วยการผ่อนคลายบนมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย บวกกับการทำตลาดท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ Experience Tourism จะเพิ่มโมเมนตั้มการตอบโจทย์การท่องเที่ยววิถีใหม่ New Normal ทำให้การเดินหน้าการตลาดไปในทิศทางเดียวกัน
เนื่องจาก ททท.ไม่ได้เน้นเรื่อง “ระยะเวลพำนักของนักท่องเที่ยว” แต่จะเน้น “เพิ่มความถี่การเดินทางท่องเที่ยว” โดยได้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก ส่วนที่ 1 พันธมิตร “สายการบินในประเทศ” ตอบรับโดยเปิดจุดบินและเพิ่มเส้นทางใหม่ ๆ มากขึ้น ส่วนที่ 2 “นโยบายกับมาตรการภาครัฐ” ด้วยโครงการต่าง ๆ ปี 2565 จะได้เห็นภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวออกมาทุกไตรมาสอย่างต่อเนื่อง ร่วมกันทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ “ภาคใต้” เป็นพื้นที่มีสัญญาณนักท่องเที่ยวเติบโตดี ทั้งภูเก็ต กระบี่ สมุย สุราษฎร์ธานี รวมทั้งพื้นที่เปิดประเทศใหม่อีก 17 จังหวัด อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ บุรีรัมย์ อัตราการเติบโตสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามมาด้วย “ภาคเหนือ” เป็นอีกพื้นที่มีอัตราการเข้าพัก (Occupacy rate :OR) สูงขึ้นต้อนรับฤดูหนาวหลายจังหวัดตัวเลขการเข้าพักขยับสูงขึ้นจากเดิมเฉลี่ยไม่ถึง 10 % ตอนนี้เริ่มเป็น 20 % แล้วมีบางจังหวัดช่วงพฤศจิกายนนี้ขึ้นไปถึง 40-50 %
นางสาวฐาปนีย์กล่าวว่า การวางกลยุทธ์จัดเทศกาลส่งเสริมการท่องเที่ยวปลายปีนี้ เทศกาลแรก “ลอยกระทง” จะต้องให้แต่ละจังหวัดพิจารณาพื้นที่ส่วนสีฟ้าหรือ Blue Zone ซึ่งปลอดภัยเรื่องการท่องเที่ยวสามารถจัดได้ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ช่วงพฤศจิกายน-ธันวาคม นี้ ททท.จะเข้าไปสนับสนุน โดยมีกิจกรรมหลักคือ “การประดับตกแต่งไฟสวยงาม” บวกการแสดงศิลปะวัฒนธรรม ดนตรีจากศิลปินพื้นบ้าน ซึ่งเป็นนโยบายหลักของนายกรัฐมนตรี
สำหรับ “ลอยกระทงในกรุงเทพมหานคร” ลักษณะการตกแต่งประดับจะปกติ แต่มาตรการจัดกิจกรรม ต้องบริหารความเสี่ยงบนความไม่เสี่ยง เพราะไม่ต้องการให้เทศกาลลอยกระทงไปเพิ่มการแพร่ระบาดหรือกลายเป็นคลัสเตอร์โควิด ดังนั้นการจัดงานจะเน้นตามประเพณี ตามความเหมาะสม
จากเดิม
ททท.เคยสนับสนุนและร่วมจังหวัดลอยกระทงทั่วประเทศ 13 พื้นที่นั้น ช่วงวันที่ 19 พฤศจิกายน
2564 จะแตกต่างจากทุกครั้งนั่นคือ
“ต้องยึดความปลอดภัยจากโควิด” เป็นหลัก เพื่อดูแลนักท่องเที่ยวให้ปลอดภัยมากที่สุด
เรื่อยไปจนถึงอีก
3-4 กิจกรรมที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวในประเทศปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า
เช่น การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวเชิงอาหาร
เทศกาลที่ 2 “เคาน์ดาวน์ 5 ภาค” ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 5 ภาค ได้แก่ กรุงเทพฯ พระนครศรีอยุธยา ภูเก็ต เชียงใหม่ นครราชสีมา และพื้นที่ในจังหวัดเขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลตะวันออก (EEC) กำลังคัดเลือกจังหวัดที่เหมาะสม
โดยเฉพาะ “เคาน์ดาวน์ในกรุงเทพฯ” ปลายปีนี้พื้นที่หลักจะตกแต่งประดับไฟ
ไฮไลต์ก็จะมี “ไอคอนสยาม” ที่จะใช้คุ้งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจุดขายท่องเที่ยว
“ถนนราชประสงค์” อยู่ระหว่างหารือกับเอกชน
นางสาวฐาปนีย์กล่าวว่า สิ่งที่จะได้เห็นการกลับมาอีกครั้งโดยเป็นแม่เหล็กดึงดูดเคาน์ดาวน์ข้ามปีด้วย คือ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2564” กำหนดจะจัด 30 ธันวาคม 2564 – 3 มกราคม 2565 แต่ตอนนี้ ททท.ต้องหารือกับทางกรุงเทพมหานคร เพื่อใช้พื้นที่บริเวณ “สวนลุมพินี” ต้อนรับศักราชใหม่การท่องเที่ยวอย่างยิ่งใหญ่ ส่วนรายละเอียดจะต้องรอหลังสรุปร่วมกับ กทม.และนำเสนอที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.) เรียบร้อยแล้ว
กิจกรรมไฮไลต์ของ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ที่ทำให้คนอยากมาเดินเป็นจำนวนมากคือ โซนที่ 1 โซน “ของดี 5 ภาค” ททท.จะยังคงไว้ในงาน โซนที่ 2 จะเพิ่มเติมในส่วนการนำ “เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเสริมเพื่อให้สอดคล้องกับการท่องเที่ยววิถีใหม่ New Normal” ซึ่งเป็นระบบไร้สัมผัส (touchless) โซนที่ 3 สนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนทั่วประเทศ จะคัดสรรชุมชนที่พร้อมขายสินค้าของดีของเด่น โซนที่ 4 โซน อาหารถิ่น จาก กทม.50 เขต และอาหารอัตลักษณ์เฉพาะของแต่ละภูมิภาค โซนที่ 5 การแสดงวัฒนธรรม ประเพณี ของแต่ละภาค โซนที่ 6 เปิดศูนย์บริการ SHA CLINIC :Safety and Health Administration ให้คำแนะนำ ตราสัญลักษณ์ความปลอดภัยด้านสุขอนามัยแก่ธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวข้องทั้ง 10 ประเภท
เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2564 ไฮไลต์เรื่องด้วยโครงการ S.O.S :Safe of
Steakholder เชิญผู้ประกอบการมาส่งเสริมการขายเป็นครั้งแรกตลอดงานที่มีทั้งออฟไลน์และออนไลน์อยู่ในงานเดียวกัน
สำหรับการเดินหน้ากลยุทธ์การตลาดท่องเที่ยว 5 ภาค ปี 2565 พุ่งเป้าเน้นด้วย 3 ธีมเด่น (thematic) 3 กลยุทธ์ กับ “ตัวเลขเป้าหมาย” กว่า 8 แสนล้านบาท ได้เริ่มดำเนินการแล้วภายใต้ธีมและกลยุทธ์ดังนี้
ธีมแรก - Experience Tourism : การขายประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ประกอบด้วย
กลยุทธ์แรก “City Marketing :ขายความเป็นเมืองท่องเที่ยว” เริ่มไปแล้วปลายปีนี้เป็นต้นไป หลัก ๆ ก็มี ภูเก็ต กระบี่ พังงา กรุงเทพฯ และทยอยทำในพื้นที่สีน้ำเงิน Blue Zone 17 จังหวัด
กลยุทธ์ที่ 2 “วันธรรมดา น่าเที่ยว” จะเริ่มต้นปี 2565 เพราะการเดินทางท่องเที่ยววันธรรมดาต่อไปอาจจะขายได้น้อยลง ททท.จึงต้องเน้นการจับมือกับพันธมิตรท่องเที่ยว จัดแพกเกจเด่น ๆ เพื่อปิดจุดอ่อนของการเที่ยววันธรรมดาให้ได้มากที่สุด
กลยุทธ์ที่ 3 กระตุ้นการเดินทางสู่เมืองสร้างสรรค์ เมืองหลัก
เมืองรอง
ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ เรื่องการลงพื้นที่
การให้ท่องเที่ยวสร้างประโยชน์แก่รากหญ้าถึงชุมชน ดังนั้นก็จะเห็นการขยายตัวของ
“แหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์” เพิ่มมากขึ้นปี 2565
ธีมที่สอง : Amazing Premium - นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวพรีเมี่ยม ที่จะนำมาตอบโจทย์ตลาด Luxury /หรูหรา เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดใช้จ่ายสูง จึงต้องทำให้เห็นถึงสินค้าท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์กลุ่มนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Health and Wellness กิจกรรมทางน้ำ มารีน หรือยอร์ช
ธีมที่สาม : Tourism Trends – เที่ยวไทยไม่ตกเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็น 1.การท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา
“ศรัทธานำทางเส้นทางท่องเที่ยว” การท่องเที่ยวแบบ Solo Travellers การท่องเที่ยวแบบเส้นทางคนโสด
ตอบโจทย์คนที่อยากจะมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเดินทางที่ชอบเหมือน ๆ กัน
เบื้องต้นแผนงานการขับเคลื่อนตลาดในประเทศเชิงรุกทั้ง 3 ธีม 3 กลยุทธ์ จะได้เห็นอย่างแน่นอนในปี 2565
ปี 2565
อาจจะเสนอขยายหรือต่ออายุ 2 โครงการของรัฐบาล ได้แก่ โครงการแรก
“เราเที่ยวด้วยกัน”
ซึ่งตอนนี้เข้าสู่เฟส 3 ยอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศดีมากมุ่งตรงใช้จ่ายทุกประเภทได้เม็ดเงินหมุนเวียนเกิดขึ้นแล้วกว่า
3,800 ล้านบาท
ถ้าหากสิทธิยังไม่หมด 2 ล้านคืนพัก
ช่วงมกราคม 2565 ก็น่าจะพิจารณาทำต่อได้
โครงการที่ 2 “ทัวร์เที่ยวไทย” ถึงแม้ตัวเลขจะยังไม่มาก ด้วยบริบทที่แท้จริงของนักท่องเที่ยวตอนนี้ไม่นิยมใช้บริการซื้อโปรแกรมจากตัวแทนบริษัทนำเที่ยวน้อย ฉนั้นจะต้องหาวิธีทำทัวร์แบบเทเลเมดตอบโจทย์นักท่องเที่ยวให้ได้ ขณะนี้ ททท.ในประเทศทั้ง 45 สำนักงาน กำลังหาทางช่วยเหลือกระตุ้นยอดทัวร์เที่ยวไทย แต่ถ้ายังมีงบประมาณเหลือในกรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท ตามนโยบายของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะให้ขยายด้วยวิธีเพิ่มสิทธิ์โครงการนี้ต่อไป เพื่อให้เงินทุกบาททุกสตางค์ไปถึงมือผู้ประกอบการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวต่อถึงเรื่องการวางกลยุทธ์ “จับคู่บูรณาการทำงานของ ททท.ในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก” ปี 2565 เริ่มจาก “ตลาดต่างประเทศระยะใกล้ :SHORT HAUL ” เห็นมิติต่าง ๆ ทั้งสายการบินและพื้นที่ ซึ่งดูตลาดหลักได้แก่ เกาหลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินเดีย เรียกว่าเป็นตลาด Unlock Thailand ประกอบด้วย “เกาหลี” ได้หารือกันถึงเซกเมนท์หลักคือ นักท่องเที่ยวกอล์ฟ ล่าสุดเดินทางเข้ามาแล้ว นักกอล์ฟเกาหลีมาเชียงใหม่ เดินทางต่อไปยัง ลำพูน ททท.ตั้งเป้าหมายจะทำให้ได้ถึง 20,000 คน ตั้งแต่พฤศจิกายน-ต้นปี 2565 ต่อด้วย ญี่ปุ่น แม้กระทั่ง ออสเตรเลีย ตอนนี้เที่ยวบิน จากซิดนีย์ กำลังจะเริ่มเปิดมาไทยวันที่ 1 ธันวาคม 2564
ทั้งหมดนี้ได้คุยกันระหว่าง ททท.สำนักงานในประเทศกับต่างประเทศ เพื่อวางกลยุทธ์เป้าหมาย เพื่อให้มีสายการบินนานาชาติเข้าสู่ประเทศไทย แม้กระทั่ง “อินเดีย” การทำความร่วมมือตามรูปแบบจับคู่การเดินทางทางอากาศเข้าประเทศ หรือ AIR TRAVEL BUBBLE เจาะกลุ่มแต่งงานและคู่รักฮันนีมูน
สำหรับ
“ตลาดต่างประเทศระยะไกล : LONG HAUL”
ตอนนี้เดินทางมาไทยเติบโตสูงมาก
นักท่องเที่ยวข้ามทวีปหลายประเทศปลดล็อกการกักตัวออกและกลับเข้าประเทศไม่ต้องกักตัวอีกแล้ว
เช่น อังกฤษ เยอรมัน และยุโรปอีกหลายประเทศ
นักท่องเที่ยวแต่ละประเทศยืนยันชัดเจนหาก Is of travelling หรือข้อกำหนดต่าง ๆ น้อยลงเมื่อไร นักท่องเที่ยว
สายการบิน ต่างก็พร้อมจะมาเมืองไทย
ซึ่งทางรัฐบาลไทยให้การสนับสนุน ททท.เป็นอย่างดี ทยอยปลดล็อกมาตรการเข้าประเทศหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น TEST & GO ผ่านระบบตรวจหาเชื้อแล้วเดินทางเที่ยวได้ทันทีที่มาถึงเมืองไทย บวก BLUE ZONE กำหนดพื้นที่สีฟ้าท่องเที่ยวปลอดภัย และ HAPPY PARADISE มาแล้วยังต้องกักตัว 7 วัน
ททท.ได้หารือกันถึงอนาคตเมื่อประเทศต่าง
ๆ เปิดและปลดล็อกมาตรการมากขึ้น
ก็จะนำเอกชนเข้าร่วมการขายงานเทรดรายการใหญ่สำคัญระดับนานาชาติมากขึ้น ซึ่งทาง
ททท.สำนักงานในประเทศกับต่างประเทศทั่วโลก จะคุยและทำงานร่วมกันเพื่อจับคู่นำเสนอสินค้าขานรับตลาดต่างประเทศที่จะเข้ามาใช้จ่ายเงิน
สอดคล้องการประกาศปีท่องเที่ยว Visit Thailand Year 2022 :Amazing New
Chapters และ Even
More Amazing Thailand ตอบโจทย์การท่องเที่ยวบริบทใหม่ทุกมิติการเดินทางท่องเที่ยวและประสบการณ์ที่แท้จริง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 ช้อปด่วนๆ!!ที่“คิงเพาเวอร์”ดีลดีเด็ด5โปรโมชั่นใหม่13-31พ.ย.64
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดทัพสินค้าให้ช้อปด่วน ๆ กับแคมเปญพิเศษ 11.11 S.O.S “SIGN OF SALE” ส่งสัญญาณแจ้งโปรโมชั่นพิเศษต้อนรับเดือนพฤศจิกายน 2564 ผ่านช่องทาง “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์”ด้วย 5 ดีลดีเด็ด ลดสูงสุดถึง 90 % กระหน่ำช้อปได้เลยมีสินค้าแบรนด์เนมมากมายหมวดโดนใจพาเหรดกันมาคืนกำไรอย่างเต็มที่ ทั้ง น้ำหอม เครื่องสำอาง สินค้าแฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน สินค้าทุกแบรนด์สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์นักช้อปทุกวัย
ห้ามพลาด !! เปิดประสบการณ์ช้อปออนไลน์กับ คิง เพาเวอร์ แบบไม่ต้องมีไฟลต์บิน แม้จะอยู่บ้านก็สนุกกับการช้อปสินค้าราคาดิวตี้ฟรี ได้ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถคลิกเข้ามาได้ทุกเวลาแล้วเลือกช้อปตามชอบที่เว็บไซต์ www.kingpower.com และ King Power Application เช็คสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับเพิ่มมากมาย เช่น 1.บริการ Home Delivery หรือจัดส่งฟรีถึงบ้านทั่วประเทศ เมื่อมียอดช้อปขั้นต่ำ 699 บาท 2.แบ่งชำระ 0%นานสูงสุดถึง 10 เดือน 3.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 100% 4.รับเลย! ส่วนลด 200.- เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ > http://bit.ly/2S4uJyi 5.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000.- (สุทธิ) > https://bit.ly/3lyQbrs
ขณะนี้ “คิง เพาเวอร์” ได้รวมสินค้าราคาสุดคุ้มมากมายมาให้ช้อปถึง
5 โปรโมชั่น ในมหกรรม 11 เดือน 11 ช้อปสินค้าแบรนด์ดัง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ในราคาดี ๆ ช้อปก่อนมีสิทธิ์ก่อน ดังต่อไปนี้
โปรโมชั่นแรก 11.11 S.O.S SIGN OF SALE ช้อปดีลดีเด็ด ระหว่างวันนี้ 1-18 พฤศจิกายน นี้
ลดสูงสุด 40% เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท รหัสส่วนลด : 11SOS ช้อปเลยที่ - https://bit.ly/3k21jyi
โปรโมชั่นที่ 2 SUPER SPECIAL ITEMS ช้อปได้ทันที ไม่มีขั้นต่ำ แล้วรับส่วนลดสูงสุด 30% + ลดเพิ่มทันที 11% ระหว่างวันนี้ -12 พฤศจิกายน นี้ พบกับไอเทมสุดพิเศษ ราคาโดนใจ พร้อมส่วนลด ON-TOP ไม่มีขั้นต่ำ ให้คุณได้ช้อปอย่างเพลิดเพลินไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สินค้าพร้อมส่งให้ถึงหน้าบ้านคุณ รหัสส่วนลด 11SUPER ช้อปเลยที่ - https://bit.ly/3jZev6U
โปรโมชั่นที่ 3 POWER DEAL ห้ามพลาดดีลสุดคุ้มราพิเศษ ทุกวันพฤหัสบดี โดยใส่CODE ALERT! 11.11 S.O.S SIGN OF SALE ลดเพิ่มทันที 5% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท ติดตามช้อปที่ https://bit.ly/3ECNGgU
โปรโมชั่นที่ 4 พบกับ 11.11 SUNGLASSES BRAND FESTIVAL เสริมลุคให้ปัง! ด้วยแว่นตาแบรนด์ดัง ระหว่างวันนี้ - 18 พฤศจิกายนนี้ ในราคาโดนใจลดสูงสุด 50% แล้วยยังลดเพิ่มสูงสุดอีก 40% รีบใส่รหัสส่วนลด 11SOS แล้วช้อปแว่นตาในสไตล์ของแต่ละคน ช้อปเลยที่ - https://bit.ly/3wjbfbx
หรือเลือกช้อปนาฬิกา 3 โทนสีสุดฮิตตลอดกาล ลดสูงสุด 30% ระหว่างวันนี้ -30 พฤศจิกายน 2564 นาฬิกาแบรนด์ดังที่จะช่วยเพิ่มความทันสมัยเสริมบุคลิกให้ดูดียิ่งขึ้น ก่อนช้อปใส่รหัสส่วนลด NOVSPBN ช้อปเลยที่ - https://bit.ly/3BlRuAX
โปรโมชั่นที่ 5 SUPER BONUS
PRICE ช้อปสนุกกับดีลเด็ดระหว่างวันนี้ -30
พฤศจิกายน 2564 เลือกซื้อสินค้าส่งบ้านราคาดิวตี้ฟรี
ลดสูงสุด 30% ได้สินค้าถูกใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ซื้อได้ราคาดิวตี้ฟรี
ก่อนช้อปใส่รหัสส่วนลด NOVSPBN แล้วช้อปเลยที่ - https://bit.ly/3CryRwQ
ข่าวที่ 2 อัพเดทก่อนช้อป“คิงเพาเวอร์ออนไลน์”ลงทะเบียนรับคูปองฟรีได้คุ้ม
ก่อนช้อป “คิงเพาเวอร์ ออนไลน์” ทุกครั้ง แนะนำให้ “อัพเดทดีลดีโปรเด็ด” โดยลงทะเบียนก่อนทางออนไลน์หรือแอพลิเคชั่น เพื่อ “รับฟรีคูปองส่วนลด” 2 ใบ รวมมูลค่า 3,500 บาท ทำให้ทุกการช้อปปิ้งที่ คิง เพาเวอร์ ส่งความสุขครั้งใหม่ให้มากกว่าเดิม รับเลย
1.คูปองส่วนลด 1,000 บาท สำหรับช้อป 5,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
2.คูปองส่วนลด 2,500 บาท สำหรับช้อป 10,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ 3.หรือจะเลือกซื้อบัตรแทนเงินสด (Cash Card) มูลค่า 25,000 บาท รับฟรีบัตรกำนัล (GIFT CARD) เพิ่มสูงสุดถึง 10,000 บาท
หากต้องการส่วนลดต่อเนื่องแบบยั่งยืนรีบสมัคร
“สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์” ทั้งประเภท SCARLET และ ONYX จะได้แล้วได้อีกคือ 1.สมัครสมาชิก SCARLET ตลอดอายุสมาชิกรับส่วนลด
10% และรับเพิ่มคูปองส่วนลดอีก 1,000 บาท 2.สมัครสมาชิก Onyx ตลอดอายุสมาชิกรับส่วนลด 15%
และรับเพิ่มคูปองส่วนลด 2,500 บาท
ข่าวที่ 3สมัครบัตรคิงเพาเวอร์SCARLET- ONYXรับทันทีส่วนลด+คูปอง
คิง เพาเวอร์ ชวนสมัครสมาชิกใหม่ SCARLET และ ONYX เพื่อรับสิทธิ์ใหญ่ส่งท้ายปี “ได้แล้ว ได้อีก”รับประโยชน์เกินคุ้ม เพื่อให้ทุกการช้อปปิ้งที่ คิง เพาเวอร์ ส่งความสุขครั้งใหม่ให้มากกว่าเดิม ระหว่างวันนี้ 1-30 พฤศจิกายน 2564 เพื่อช้อปอย่างปลอดภัยได้ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ พัทยา และภูเก็ต
1.สมัครสมาชิก SCARLET รับส่วนลด 10% ตลอดอายุสมาชิก และรับเพิ่มคูปองส่วนลด 1,000 บาท เมื่อช้อป 5,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
2.สมัครสมาชิก ONYX รับส่วนลด 15% ตลอดอายุสมาชิก และรับเพิ่มคูปองส่วนลด 1,000 บาท g,njvช้อป 5,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ และ คูปองส่วนลด 2,500 บาท* สำหรับช้อป 10,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
พร้อมรับฟรีคูปองสิทธิประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย จากโรงแรมพูลแมน คิง
เพาเวอร์ และมหานครสกายวอล์ค รายละเอียดเพิ่มเติม : https://bit.ly/2ZyNQXy
ข่าวที่ 4 ททท.บูมWorkationปี65ผนึกAWCนำ18โรงแรม6จังหวัดขายไม่ยั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน
2564 นางวัลลภา
ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์
คอร์ป จำกัด (มหาชน) “AWC” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร
ใช้โอกาสวันเปิดบริการใหม่ โรงแรมคอร์ดยาร์ท บาย แมริออต ภูเก็ต ทาวน์” นำโรงแรมเชนอินเตอร์ในพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก
6
จังหวัด รวม 18 โรงแรม
จับมือกับ “นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้าขานรับนโยบายเปิดประเทศ
กระตุ้นเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ประกาศพร้อมต้อนรับนักเดินทางทั่วโลกภายใต้มาตรฐานตราสัญลักษณ์
SHA+ :Amazing Thailand Safety and Health Administration Plus และนำเครือโรงแรมใหญ่เข้าร่วมโครงการ Workation
Thailand : ทำงาน
เที่ยวได้ ทุกที่ ทุกเวลา
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปี 2565 ททท.ได้ตั้งเป้าบนสมมุติฐานสถานการณ์ดีที่สุด (BEST CASE) นำประเทศไทยสร้างรายได้ท่องเที่ยวรวมตลอดทั้งปีกว่า 1,938,034 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ มูลค่า 1,056,000 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยว 18 ล้านคน และ“นักท่องเที่ยวในประเทศ” มูลค่า 882,034 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยว 160 ล้านคน-ครั้ง
ปี 2565 จะชูคอนเซ็ปต์ท่องเที่ยวแบบ SEXY : Safety-Experience-Yield โดยเน้นการท่องเที่ยว “ปลอดภัย-สร้างประสบการณ์-สร้างมูลค่าสูง” โดยได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่จาก บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) “AWC” ในการนำห้องพักที่มีในพื้นที่ท่องเที่ยวหลักทั่วประเทศ 6 จังหวัด 18 โรงแรม เข้าร่วมกับ ททท.ในโครงการ “Workation Thailand : ทำงาน เที่ยวได้ ทุกที่ ทุกเวลา ” โดยให้ราคาพิเศษห้องพักที่นำมาขายให้ลูกค้ากลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ (corporate) ส่งผลให้ภาพรวมของโครงการนี้ล็อตแรกมียอดขายทั้งหมดมูลค่ารวมหลายร้อยล้านบาท
รวมทั้ง ททท.จะทำโครงการ “Workation Thailand : ทำงาน เที่ยวได้ ทุกที่ ทุกเวลา” ปี 2565 ต่อเนื่องทั้งร่วมกับเครือ AWC และโรงแรมทั่วประเทศ เพื่อขานรับเทรนด์พฤติกรรมใหม่ของนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและทั่วโลกที่เน้นเจาะกลุ่ม “งานทำงาน เที่ยวได้ ทุกที่ ทุกเวลา” หรือที่เรียกว่ากลุ่ม Digital Nomad
ส่วน ททท.ตั้งเป้าหมายรายได้ปีหน้าไว้ถึง 1.9 ล้านล้านบาท เป็นผลมาจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศ ด้วยโครงการแรก “นำร่องเปิดการท่องเที่ยว Pre-Launch ผ่านโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เริ่ม 1 กรกฎาคม 2564 จนถึงขณะนี้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มจากวันละหลัก 100 คน ขยับเป็นวันละ 1,000 คน ตามมาด้วย โครงการ “เปิดประเทศอย่างเป็นทางการ : Re-Opening” เริ่มตั้งแต่ 1พฤศจิกายน 2564 ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกจากพื้นที่เสี่ยงต่ำ 64 ประเทศ ส่งผลให้ 2 เดือนนี้ ระหว่างพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564 จำนวนรวม 600,000 คน
ทางด้าน “นางวัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) “AWC” เปิดเผยว่ามั่นใจสถานการณ์ท่องเที่ยวภาพรวมของประเทศ จะดีขึ้นตามลำดับตั้งแต่ปลายปี 2564 ต่อเนื่องถึงปี 2565 ทางเครือ AWC จึงได้ใช้โอกาสนี้นำปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้วมาเปิดตัวบริการใหม่ ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป คือ “คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท ภูเก็ต ทาวน์” โรงแรมคุณภาพตั้งอยู่ใจกลางเมืองภูเก็ตที่ได้ชื่อว่า “ไข่มุกเม็ดงามแห่งอันดามัน”
พร้อมกับมีข่าวดีจากการเปิดบริการวันแรกมียอดจองจากลูกเรือสายการบิน (air crew) เกิดขึ้น 1 สัญญา จองใช้ห้องพักรวมถึง 2,000 คืนพัก (roomnight) ผนวกกับสถานการณ์โดยรวมเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2564 จะอัตราการเข้าพักเฉลี่ยได้ 30-40 % ขณะที่ภาพรวมอัตราเข้าพักจากตลาดต่างประเทศตั้งแต่พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป มียอดจองห้องพักจากต่างประเทศเข้ามาประมาณ 70 % ทาง AWC จะจัดการขายผนวกไว้ในโปรแกรมโดยเน้นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รองรับตลาดจากประเทศที่มีความพร้อมสามารถเดินทางเข้าเมืองไทยได้ก่อน
ส่วนโรงแรมในเครือ AWC ยังมีที่พักให้เลือกหลากหลายแบบมีทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯ กระจายอยู่ตามย่านธุรกิจรมถึง 11 แห่ง สามารถรับได้ทั้งตลาดกลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุน นักท่องเที่ยว และโรงแรมในเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต ก็เป็นจุดหมายปลายทางการพักผ่อนที่มีชื่อเสียงนักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องการมาใช้บริการ
นางวัลภากล่าวว่า ปี 2565 เครือ
AWC จะเน้นกลยุทธ์การสร้างความเชื่อมั่นรวมพลังกับ
ททท.และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวพร้อมตอบโจทย์นักท่องเที่ยวคนไทยและทั่วโลก
ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่จะบูรณาการร่วมมือกับ ททท.เดินหน้าทำอย่างเข้มแข็ง ได้แก่ 1.การท่องเที่ยว
BCG :Bio-Circular-Green
Economy เพื่อสร้างเศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว 2.การท่องเที่ยวไร้คาร์บอน
ต้อนรับกระแสโลก ที่จะทำ Carbon
Neutralให้บรรลุผลในปี คศ.2030 3.
White Tourism การท่องเที่ยวสีขาว สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
เป็นธรรม 4.การดูแลชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว CBD : Community Base Tourism
ข่าวที่ 5 ททท.เริ่มแล้ว“Cryptourism”ดึงบล็อกเชนปั้นเงินท่องเที่ยวดิจิทัล
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำทีมผู้บริหาร ททท. เปิดเวทีจัดกิจกรรมเสวนา “เตรียมความพร้อมก้าวสู่โลกอนาคตกับ Cryptourism” กับพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ในวันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน เวลา 08.30-16.00 น. จัดในรูปแบบHybrid – Onsite: ห้องประชุมจารุวัสตร์ ชั้น 10 /Online: Zoom Webinar
หัวข้อการเสวนาหลัก มีดังนี้ ☑️Blockchain จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก ☑️อนาคตของสกุลเงินดิจิทัลต่อภาคการท่องเที่ยวไทย ☑️สินทรัพย์ดิจิทัลกับการพลิกโฉมการท่องเที่ยว
ททท.เปิดให้ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถลงทะเบียนตั้งแต่วันนี้ – 17 พฤศจิกายน 2564 ผู้จัดกิจกรรมจะรวบรวมรายชื่อเพื่อขออนุมัติรายชื่อผู้เข้าร่วมกิจกรรมเสวนาผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
สามารถ scan QR code หรือ คลิกที่ลิงก์ผ่าน 2 ช่องทางดังนี้ 1.https://bit.ly/3F0tRjM (ห้องประชุมจารวัสตร์ ชั้น 10) 2.https://bit.ly/3EWrKNU (zoom webinar) เมื่อดำเนินการเสร็จระบบจะส่งข้อความยืนยันการสมัครและแนบลิงก์เข้าร่วมกิจกรรมผ่านทางอีเมลของทุกคน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทบางจากฯ 9 เดือนแรก ปี 2564 มีกำไร 5,868 ล้านบาท เฉพาะไตรมาส 3 มีกำไรเช่นกัน 1,820 ล้านบาท จากปัจจัยหนุนทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและราคาน้ำมันโลก รับรู้รายได้จากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม OKEA ที่นอร์เวย์ วางแผนก้าวสู่องค์กรยั่งยืน 100 ปี พร้อมเดินหน้าเร่งรัดการลงทุนที่เป็นมิตรกับโลก สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน จากการซื้อขายคาร์บอนเครดิตผ่าน Carbon Markets Club ตั้งเป้าเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutral) ใน คศ. 2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (net zero GHG emissions) ใน คศ. 2050
พร้อมพัฒนารูปแบบธุรกิจ non-oil ตอบโจทย์การใช้ชีวิตผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่คงดำเนินอยู่
สำหรับรายละเอียดผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท บางจากฯ งวด 9 เดือนแรกปี 2564 บริษัทฯ และบริษัทย่อย
โดยมี “รายได้จากการขายและการให้บริการ” รวม 132,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28 % มีกำไรก่อนหักภาษีต่าง ๆ (EBITDA) 16,537 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 1,121% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (จากการเปลี่ยนวิธีการบันทึกเงินลงทุนใน OKEA จากบริษัทร่วมเป็นบริษัทย่อย)
รวมถึงได้รับปัจจัยหนุนด้านการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมัน
หลังจากมีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั่วโลก
ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบและราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 9 เดือนแรกปี 2564 อยู่ที่ 66.36 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
เพิ่มขึ้น 24.91 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
หรือ 60 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มี Inventory Gain 5,159 ล้านบาท
ส่วน “ธุรกิจโรงกลั่น” มีค่าการกลั่นพื้นฐานทรงตัวในทิศทางปรับตัวดีขึ้น และปรับเพิ่มกำลังการกลั่นและเพิ่มสัดส่วนการผลิต UCO (Unconverted Oil) อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยหนุนค่าการกลั่นกลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้ามีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้น โดยหลักมาจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว ธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดนีเซีย และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศไทย ขณะที่ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจการตลาดและกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปรับลดลงอย่างมาก
อีกทั้งค่าการตลาดรวมสุทธิยังอยู่ในระดับต่ำ จากการที่บริษัทฯ ไม่สามารถปรับราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการให้เหมาะสมกับต้นทุนน้ำมันสำเร็จรูปและราคาผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล (B100) ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามภาวะตลาด
ขณะที่ “ผลการดำเนินงานได้รวม” ผลจากการเปลี่ยนวิธีการบันทึกเงินลงทุนใน OKEA จากบริษัทร่วมเป็นบริษัทย่อย ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 โดย EBITDA ของ OKEA ที่รวมอยู่ในงบการเงินรวมประมาณ 3,000 ล้านบาท อีกทั้งมีผลจากการกลับรายการด้อยค่าเงินลงทุนใน OKEA 400 ล้านบาท และมีกำไรจากการปรับปรุงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในบริษัท อุบลไบโอเอทานอล จำกัด (มหาชน) (UBE) 616 ล้านบาท เนื่องจาก UBE เสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO)
ส่งผลให้งวด 9 เดือนแรกปี 2564 มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่
5,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 181 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 4.05 บาท
สำหรับ “ไตรมาส
3 ปี 2564” บางจาก
และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 47,649 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
9 % และมี EBITDA 7,531 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเปลี่ยนวิธีการบันทึกเงินลงทุนใน OKEA และมี Inventory
Gain 1,386 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานได้รับผลกระทบจากกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันที่มีค่าการกลั่นพื้นฐานปรับลดลง
จาก Crude Premium อ้างอิงกับน้ำมันดิบเดทเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น
อีกทั้งกลุ่มธุรกิจการตลาดมีค่าการตลาดรวมสุทธิและปริมาณการจำหน่ายที่ปรับลดลง
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสาม
ช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ มีการบันทึกกำไรจากการปรับปรุงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน UBE ส่งผลให้ไตรมาสนี้มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 1,820 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.25 บาท
ช่วงที่
2 ลมหนาวพัดมาชวนคนออกท่องเที่ยวแล้ว “ลอยกระทง”
ปีนี้เที่ยวได้ เที่ยวปลอดภัย กับ “ยี่เป็ง เชียงใหม่” ไปชมโคมล้านนานับล้านดวง
เรียนรู้เรื่องเล่า “โคมล้านนา” จากรุ่นสู่รุ่น กับ “ผางประทีป” แสงสว่างนำทางชีวิตจากพระพุทธเจ้า
5 พระองค์ ดินเนอร์หรูที่ภัตตาคารเลอดอร์ แล้วรอเที่ยวงานคราฟท์เก๋ ๆ
ปลายเดือน ส่วน “คนกินอาหารเร็ว” ต้องฟังเลยกับวิธีเลิกพฤติกรรมลดเสี่ยงสารพัดโรคได้
และ ข่าวดีของประเทศไทย “เพชรบุรี” คว้าแชมป์ยูเนสโก้เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารปี64 ด้วยจุดขายเมือง 3 รสชาติ “ตาล-เกลือ-มะนาว” และ “แทรเวลโลก้า”
เปิดโพลล์เที่ยวไทย 3 เดือนหน้า
ภาคธุรกิจเตรียมรับมือนักท่องเที่ยวจะแห่ใช้บริการโซนในเมืองคึกคักสุด ๆ
พาเที่ยว- ชวนไป“ลอยยี่เป็ง เชียงใหม่”ต๋ามส่องฟ้าโคมล้านดวง19พ.ย.นี้
เที่ยวงานประเพณี “ลอยกระทง” ปีนี้ หลายพื้นที่ท่องเที่ยวเริ่มกลับสู่วิถีชีวิตใหม่อีกครั้ง ทริปนี้จะแนะนำ “ลอยยี่เป็ง เชียงใหม่” กับ โคมล้านนา ต๋ามส่องฟ้าเดือนยี่เป็ง... คืนเพ็ญสิบสอง 19 พฤศจิกายน นี้
ปีนี้
นักท่องเที่ยวจะได้กลับมาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของไฟระยิบระยับจากโคมสวย ๆ นับล้านดวง
เมื่อเข้าสู่เทศกาลยี่เป็งทุกปี “แสงส่องสว่าง” ที่ยังคงเป็นวิถีภาพจำของนักท่องเที่ยว
คือ “ผางประทีป” กับ "โคมล้านนา" อยู่คู่กับเดือนยี่เป็งเมืองเหนือ
รวมทั้งมีความเชื่อว่า การจุดโคมไฟ จะนำความเจริญรุ่งเรืองและความสุขมาให้กับตัวเองและครอบครัวทุกคน
โคมงานหัถตกรรมพื้นบ้านจากรุ่นสู่รุ่น ชาวล้านนาจะใช้บูชาประเพณียี่เป็ง เพื่อสักการะบูชาพระพุทธเจ้าในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง (เดือนยี่เป็ง) โดยเชื่อว่าแสงประทีปจากโคมจะช่วยส่องประกายให้ดำเนินชีวิตเจริญรุ่งเรืองอยู่เย็นเป็นสุข
เมื่อครั้งอดีตชาวล้านนาจะใช้โคมจุดไฟให้สว่าง
รวมทั้งเครื่องใช้ในครัวเรือน และเครื่องใช้ในพิธีกรรมเท่านั้น ต่างจากปัจจุบันนำมาใช้อย่างหลากหลาย
พร้อมกับพัฒนา ประยุกต์ตกแต่งอย่างเหมาะสมตามอาคารบ้านเรือนเพื่อความสวยงาม เป็นศิริมงคล
ส่วน “ผางประทีป” เป็นอีกส่วนสำคัญที่นิยมในคืนวันยี่เป็ง “ผาง” คือเครื่องจุดต๋ามไฟเพื่อเป็นพุทธบูชาหรือจุดบูชาเพื่อสืบชาตาอายุ สมัยก่อนคือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของชาวบ้านนาใช้จุดแทนเทียนตอนกลางคืน
ชาวล้านนามีความเชื่อมาแต่โบราณว่า “การจุดผางประทีป” เพื่อบูชาพระพุทธเจ้า 5 พระองค์” ถือเป็นพี่น้องกันและกำเนิดจากแม่กาเผือก ตามตำนาน ได้แก่ พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ พระโคตม (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) และ พระศรีอริยะเมตไตร (พระพุทธเจ้าที่เชื่อกันว่าจะเสด็จลงมาตรัสรู้บนโลกมนุษย์ในอนาคต)
ข้อมูลจาก ศูนย์สนเทศภาคเหนือ
สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่พ่อหนานดุสิต ชวชาติ ผู้รู้ด้านประเพณีล้านนา
เล่าเรื่องไว้อย่างสนใจว่า
วันหนึ่งขณะที่แม่กาบินออกไปหาอาหาร เกิดพายุฝนฟ้าคะนองทำให้ไข่ทั้งห้าฟองถูกพัดตกจากรังไหลไปตามแม่น้ำ ได้แก่ แม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โค และแม่ราชสีห์ เก็บไปเลี้ยง เมื่อไข่ทั้งห้าฟองฟักออกมาเป็นมนุษย์เป็นเพศชายได้บวชเป็นฤๅษีทั้ง 5 องค์ แล้วเมื่อฤาษีทั้งหมดได้พบกัน จึงไต่ถามถึงมารดาของแต่ละองค์และเกิดสงสัยถึงแม่ที่แท้จริงของตนเป็นใคร
ฤๅษีทั้ง 5 จึงพากันอธิษฐานขอให้ได้พบแม่ และด้วยแรงอธิษฐานทำให้พกาพรหมผู้เป็นแม่ได้แปลงกายเป็นกาเผือกบินลงมาเล่าเรื่องในอดีตให้ฤๅษีฟัง และได้บอกว่าหากคิดถึงแม่ ให้นำด้ายดิบมาฟั่นเป็นตีนกาและจุดเป็นประทีปบูชาในวันยี่เป็ง ด้วยอานิสงส์แห่งการถวายประทีป จึงทำให้ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์
ชาวล้านนาจุดผางประทีป
เพื่อเป็นพุทธบูชาพระเจ้าทั้ง 5 พระองค์ และเพื่อสักการะต่อสิ่งต่าง ๆ
ที่ได้ใช้ประโยชน์ เช่น ประตูบ้าน ประตูเมือง บ่อน้ำ ยุ้งข้าว รั่วบ้าน บันได
เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นการบูชาแสงสว่าง เชื่อว่าจะทำให้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด
มีแสงสว่างนำทางชีวิตให้สว่างดั่งแสงจากผางประทีปนั่นเอง
ไฮไลต์ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 “เลอค็อกดอร์ : Le Coq d'Or” ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ จัดงาน "ลอยกระทง 2564" ในค่ำคืนพิเศษท่ามกลางบรรยากาศ ในสวนติดริมน้ำปิง ดินเนอร์จะเริ่มตั้งแต่ 18.00 น. ขายบัตรราคา 2,800 บาท/ที่นั่ง โดยจัดให้ชมการแสดง ศิลปวัฒนธรรมมากมาย ระหว่างทานอาหารมื้อค่ำแบบ International Buffet ตามด้วยเพลงสากล จากวงในตำนานของร้านอาหารแห่งนี้
นักท่องเที่ยวที่ซื้อบัตรดินเนอร์ลอยกระทงกับทางร้าน
จะได้ร่วมสนุกกับการประกวดแต่งกาย Costume
contest & win the prize!
รางวัล
ชนะเลิศ: บัตรรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารฝรั่งเศส Le Coq d’Or มูลค่า 3,000 บาท รางวัลที่ 2 : บัตรรับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านThe Consul’s Garden มูลค่า 1,000 บาท รางวัลที่ 3 : บัตรรับประทาน Afternoon Tea
Set ที่ร้าน The Consul’s Garden มูลค่า 899 บาท
นอกจากเที่ยวงานยี่เป็ง แล้ว “เชียงใหม่” ยังมีกิจกรรมชวนเที่ยวช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ แฟนคลับ งานคราฟขั้นเทพ แนะนำไปชม งานคราฟต์ระดับพรีเมียมของจังหวัดเชียงใหม่ ในงาน The Living room Project ระหว่างวันที่ 28 พ.ย. 64 - 5 มกราคm 65 ณ Weave Artisan Cociety
เที่ยวเมืองไทย อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม มาเที่ยว “ชาร์มมิ่ง เชียงใหม่” อะเมซิ่ง วิถีใหม่ ตื่นตา ตื่นใจ มากกว่าเดิม
สุขภาพ - เปลี่ยนด่วน!!เลิกพฤติกรรมกินเร็วเกินไปลดเสี่ยงป่วยหลายโรคได้!
ตามปกติแล้วสมองจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที เพื่อรับรู้ว่าเรื่องการกินระหว่างมื้อว่าเราอิ่มแล้ว แต่เมื่อกินเร็วเกินไป สมองจะประมวลผลไม่ทันว่าอิ่มหรือยัง !? คนก็เลยกินได้อีกเรื่อย ๆ จนเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ เป็นสาเหตุทำให้น้ำหนักขึ้นหรืออ้วนง่าย
จากผลการศึกษาในเด็กเผยให้เห็นว่า จากกลุ่มตัวอย่างกว่า 60% ที่กินเร็วเกินไปก็จะกินอาหารมากเกินไปด้วย ซึ่งนิสัยการกินแบบนี้จะทำให้อ้วนกว่าปกติได้มากถึง 3 เท่า
“โรคอ้วน” ถือเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้ทั่วโลก เราอาจจะเข้าใจเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการกิน การไม่ชอบออกกำลังกาย หรือการตามใจปาก แต่จริง ๆ แล้วมีสาเหตุมากกว่านั้น คือ “พฤติกรรมการใช้ชีวิต” หรือสิ่งแวดล้อมรอบตัว และ “การกินเร็ว” ก็เป็นสาเหตุสำคัญของโรคอ้วนเหมือนกัน
แถมยังมี “โรคอื่น” ที่แถมมาพร้อมกับโรคอ้วนเข้าคิวรอด้วย ตัวอย่างเช่น
1.ภาวะดื้ออินซูลิน -เมื่อกินเร็ว อินซูลินก็มีโอกาสทำงานผิดปกติเพราะร่างกายได้รับน้ำตาลจากอาหารมากเกินไป ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดและระดับอินซูลินเพิ่มขึ้น จึงเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินและท้ายที่สุดระบบเผาผลาญทำงานแย่ลงได้
2.เบาหวานชนิดที่ 2 - การกินเร็วจะทำให้เสี่ยงเป็นเบาหวานได้มากถึง 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่กินช้า
3. เมตาบอลิกซินโดรม -เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบเผาผลาญ และเมื่อเป็นเมตาบอลิกซินโดรมแล้ว ก็เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานและโรคหัวใจตามมาได้ด้วย
4.ระบบย่อยอาหารทำงานได้แย่ลง สิ่งที่เกิดขึ้นเสมอในการกินเร็วก็คือการเคี้ยวไม่ละเอียดและการกินคำใหญ่ เมื่อกินแบบนี้ อาหารที่ลงสู่กระเพาะก็จะย่อยยากกว่าการกินปกติ ทำให้กระบวนการย่อยอาหารทำงานลำบากขึ้น
แล้วจะทำยังไงดีให้กินได้ช้าลง? -ถึงแม้บางคนก็ไม่ได้อยากกินเร็ว แต่มันเป็นนิสัยที่ทำไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นควรเปลี่ยนนิสัยเพื่อสุขภาพเราเอง โดยอาจจะเริ่มจากวิธีดังนี้
1.
ไม่ดูทีวีหรือเล่นโทรศัพท์ระหว่างกินข้าว -
จะทำให้ไม่โฟกัสกับการกิน จึงกินได้เรื่อยๆ เพลินๆ กินเยอะไม่รู้ตัว
2.
เอาอาหารเข้าปากแล้วก็วางช้อนส้อมก่อน - เพื่อโฟกัสในปากเคี้ยวละเอียดก่อนค่อยตักคำต่อไป
3.
อย่าปล่อยให้ตัวเองหิวจัด - ยิ่งหิวจัดก็ยิ่งกินอาหารเยอะและกินเร็ว
4.
จิบน้ำบ่อยๆ -
การดื่มน้ำจะช่วยให้ไม่หิวเกินไปและยังกินได้น้อยลงด้วย
5.
ตั้งสติในการเคี้ยว - ถ้าไม่อยากกินเร็วก็ต้องตั้งสติ
ปกติแล้วคนเราจะเคี้ยวประมาณ 20-30 ครั้ง อาหารจึงจะละเอียด
ช่วงแรกอาจจะลองนับการเคี้ยวให้ชินก่อนก็ได้
6.
กินอาหารไฟเบอร์สูง - อาหารที่มีไฟเบอร์สูงอย่างผักผลไม้จะช่วยให้เคี้ยวได้นานขึ้น
7.
กินคำเล็กๆ - จะช่วยให้ไม่กินเยอะมากเกินไปและนับการเคี้ยวได้ง่ายขึ้นด้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวที่ 1 เพชรบุรีคว้าแชมป์ยูเนสโก้ด้านอาหารปี’65เจ้าแห่งเมือง3รสชาติ
นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี
ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
หรือ อพท. เปิดเผยว่า องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ
ยูเนสโก ได้ประกาศให้เพชรบุรีเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร ประจำปี
2564 (City of Gastronomy) หรือ
UNESCO Creative Cities Network - UCCN ติด 1 ใน 49 เมืองจากทั่วโลก
ที่ได้รับประกาศเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ประจำปี 2564 ทำให้เพชรบุรีเป็นเมืองที่
5 ของประเทศไทยที่ได้รับการประกาศเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์
ต่อจากก่อนหน้านี้มี 4 เมือง ได้แก่ ภูเก็ต ปี 2558 เชียงใหม่ ปี 2560 ส่วนสุโขทัย และกรุงเทพมหานคร ได้พร้อมกันปี 2562
นับเป็นการเดินหน้ายกระดับมาตรฐานของเมืองให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลถือเป็นนโยบายและแผนงานที่
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบให้ อพท. เดินหน้าภารกิจสำคัญช่วยให้เกิดการพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับเมืองและแหล่งท่องเที่ยวให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลต่อไป
ทาง อพท. เร่งจัดทำแผน 5 ปี และเตรียมศึกษาประกาศเป็นพื้นที่พิเศษ
อันเป็นมจากผลสำเร็จด้านความร่วมมือของทุกภาคส่วน
และนโยบายการกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตัวอย่าง “สุโขทัย”
เป็นพื้นที่พิเศษได้รับเลือกเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านเมื่อปี
2562 อพท. ตั้งเป้าหมายการพัฒนาท่องเที่ยวระหว่างปี 2566 -2570 จะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ให้ได้กว่า
8.3 ล้านคน สร้างรายได้รวมปีละ 1.9
หมื่นล้านบาท
ส่วน “เพชรบุรี”
อยู่ระหว่างการจัดทำแผนงาน (Roadmap) ขับเคลื่อนเมืองระยะ 5 ปี (2565-2570)
ภายใต้แนวทางการเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก ให้สอดคล้องกับการสนับสนุนการพัฒนาและกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนเมือง
โดยจะต่อยอดจากอัตลักษณ์เมือง 3 รส โดยมีไฮไลต์เป็นแหล่งผลิตใหญ่ที่สุดของประเทศ ได้แก่
1.การผลิตเกลือ
2.พื้นที่ปลูกและผลิตน้ำตาลจากตาลโตนด
3.เป็นแหล่งปลูกมะนาวรสชาติที่ดีสุด
ทั้งเกลือ ตาล และมะนาว คือ วัตถุดิบประกอบอาหารผสมภูมิปัญญาท้องถิ่น
ที่นำเอาผลผลิตทางการเกษตรที่ขึ้นชื่อในท้องถิ่นมาต่อยอดเป็นเมนูอาหารที่หลากหลายทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน
อีกทั้งเพชรบุรียังโดดเด่นเรื่อง ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วิถีชีวิต
ตามแผน อพท.จะเน้นเปิดให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมขับเคลื่อน
ทั้งกิจกรรมระดับท้องถิ่นและนานาชาติ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและผลักดันเมือง
รวมถึงสนับสนุนให้เกิดการริเริ่มกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์จากต่างประเทศ
ร่วมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้การขับเคลื่อนเพชรบุรี
ให้มีความพร้อมต่อการจัดทำรายงานเพื่อติดตาม (Monitoring Report) ระยะ
4 ปี
และนำประโยชน์จากโมเดลการพัฒนานี้ไปใช้เป็นทางเลือกหนึ่งพัฒนาเมืองในพื้นที่พิเศษเพื่อความยั่งยืนต่อไป
แทรเวลโลก้าเปิดโพลล์เที่ยวไทย3เดือนหน้าคึกคักทัวร์เมืองมาแรง
ทราเวลโลก้า (Traveloka) ผู้ให้บริการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักออนไลน์ชั้นนำ (Online
Travel Agent หรือ OTA) เปิดผลการสำรวจ “เทรนด์การท่องเที่ยวในประเทศไทย”
ที่ได้จัดทำไว้เมื่อเดือนกันยายน 2564 พบสัญญาณการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวปี
2564 ที่น่าสนใจคือ 1.คนไทยฉีดวัคซีนแล้ว1
เข็ม มีมากกว่า 60% 2.คนไทยวางแผนออกท่องเที่ยวในประเทศกว่า
66% ในอีก 3 เดือนหน้า 3.ประเทศไทยได้โดยผลสำรวจแต่ละเรื่องมีดังนี้
1.เลือกทำกิจกรรมการท่องเที่ยวยอดนิยม ได้แก่ เลือกไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยว 30% เลือกเข้าพักโรงแรม 26% และเลือกเดินทางโดยเครื่องบิน 22%
2.เลือกสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เลือกท่องเที่ยวในเมือง
74% เลือกท่องเที่ยวทะเล
15%เลือกท่องเที่ยวภูเขา 12 %
3.ลักษณะการท่องเที่ยว เลือกเดินทางในประเทศ
90 % เลือกจองที่พักภายใน
7 วัน 52% เลือกเข้าพักโรงแรม หรือ
รีสอร์ท 90%
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น