ผู้ว่าฯททท.พลิกโฉมติดอาวุธใหม่“ตลาดต่างประเทศ-เที่ยวไทย”ปี65
เข้าเป้า1.9ล้านล้านควงแอร์ไลน์ปั๊มลูกค้า70%-ยอดพักโรงแรมพุ่ง50%
“ITB2022”ไทยผงาดขายNewChaptersชูประสบการณ์ใหม่“BCG+RT”
ช้อปคิงเพาเวอร์บิวตี้เลิฟเวอร์ซูเปอร์ดีลบุฟเฟต์ซื้อ5ชิ้นแค่12,000บาท
คิงเพาเวอร์แจกใหญ่คูปองส่วนลด3,800บาท4วัน20-21,27-28พ.ย.64
คิงเพาเวอร์พาเหรดสินค้าใหม่ช้อปออนไลน์ส่งถึงบ้านลดแรง50+25%
“ททท.”ปลุกเที่ยวอาหารอะเมซิ่งไทยเทสต์อ.กระทู้ภูเก็ต26-28พ.ย.64
บางจากปลื้มนักลงทุนเฮซื้อหุ้นกู้เกลี้ยง7,000ล้านลุยต่อยอดพลังงานดี
“TCEB”เฮครม.ไฟเขียวแข่งชิงสิทธิ์3ไมซ์โลกลุ้นรายได้ก้อนโตแสนล้าน
เช็คอิน!!คลองหรูดพายคายัคUnseen New Seriesทัวร์กระบี่5ไฮไลต์ดัง
ผัก5ชนิดกินดิบหรือสุกกินแบบไหนจึงถูกวิธีเพิ่มคุณค่าได้ประโยชน์ล้ำ
9เดือน”บินไทยกำไร-บางกอกแอร์ขาดทุน-แอร์เอเชียรอกู้1.4หมื่นล้าน”
“แอร์เอเชีย”บิน“พนมเปญ”จัดโปร1,690บ.-มัลดีฟ1,990บาทเริ่มธ.ค.64
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2564 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์”
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
#ยุทธศักดิ์สุภสร #เปิดประเทศ #AmazingNewChapters #บางจาก
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้ https://m.facebook.com/story.
ช่วงที่ 1 ห้ามพลาดฟัง “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) ท่องเที่ยวรับสัญญาณบวกเพียบหลังเปิดประเทศ ครึ่งเดือนแรก พ.ย.นี้ “ต่างชาติ”
ทุบสถิติแห่เข้าไทยครึ่งแสนคน ไตรมาส 1 ทะลุ 1 ล้านคนแน่ ลุยจับมือแอร์ไลน์เพิ่มยอดบรรทุกผู้โดยสารเกิน 70 % ติดอาวุธ Amazing New Chapters งาน ITB 2022 ด้วย 4 ไฮไลต์ “ค้าผ่านดิจิทัล-ชูเที่ยว
BCG+RT-โหมสินค้ารายเซกเมนท์-บูมขายประสบการณ์เที่ยวอย่างประทับใจ”
ด้าน “ในประเทศ” เร่ง ททท.ทั่วไทย 45 แห่ง รวมพลังโรงแรมดันยอดพักเฉลี่ย
OR เกิน 50 % ควบแผน
“ปลดล็อกเงื่อนไขการเดินทาง-เพิ่มวันพัก-จัดมือแอร์ไลน์”
และทุบโจทย์ยากให้แตกด้วยการกระตุ้นธุรกิจเอกชนจัดทัพใหม่ 4 เรื่อง
“เข้มความปลอดภัย-ฟื้นพัฒนาทักษะคน-เพิ่มไฮเทค-หันขายประสบการณ์เที่ยววิถีใหม่
ดร.ยุทธศักดิ์
สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า หลังรัฐบาลเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยโดยไม่กักตัว
(Test & Go)
ผ่านมาแล้ว 3 สัปดาห์
เฉพาะ “ชาวต่างชาติ” มียอดสะสมรวมระหว่าง 1- 17 พฤศจิกายน 2564
ประมาณ 46,060 คน
ผ่านทางสนามบินหลักเรียงตามลำดับ ได้แก่ สุวรรณภูมิ ภูเก็ต ดอนเมือง เชียงใหม่
“ประเทศ” ที่เดินทางเข้ามามากเป็นอันดับต้น ๆ คือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร
ฝรั่งเศส รัสเซีย
เมื่อประเมินสถานการณ์
“จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ” เดินทางเข้ามาเฉลี่ยเกินวันละ 3,000 คน
จากเดิมมีเพียงวันละ 2,000
คน
และภาพรวม 46,060 คน
หากย้อนไปตั้งแต่เริ่มนำร่องโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” 1
กรกฎาคม 2564 ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมต่อเนื่องถึงปัจจุบัน
3-4 เดือน
ทำได้เพียง 60,000 คน
ต่างจากการ “เปิดประเทศ :Reopening Thailand” ช่วง
16
วันเท่านั้นได้มาถึงกว่า 46,000 คน
ขณะที่
“เรื่องความกังวลใจ”
เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทย
สถิติตรวจหาเชื้อโควิด-19
กรมควบคุมโรคตรวจพบจากนักเดินทางจากต่างประเทศเข้ามาจนถึงขณะนี้คิดเป็นเปอร์เซนต์แล้วมีเพียง
0.11 % เท่านั้นเอง
จึงขอให้ทุกคนสบายใจได้
ส่วน
“การกระจายตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ” แบ่งกลุ่มตามรูปการฉีดวัคซีนครบและไม่ครบได้เป็น
3 แบบ
คือ
แบบที่ 1 Test & Go ไม่ต้องกักตัว มาจากพื้นที่เสี่ยงต่ำ 64 ประเทศ ฉีดวัคซีนครบตามมาตรฐาน เข้ามาเสร็จตรวจหาเชื้อเสร็จเรียบร้อยแล้วเป็นลบเดินทางไปยังจังหวัดต่าง ๆ ได้ ตอนนี้กระจายไปยัง ภูเก็ต พังงา สุราษฎร์ธานี กรุงเทพฯ ชลบุรี
แบบที่ 2 Living in the Blue Zone Sandbox ฉีดวัคซีนแล้ว
เดินทางมาจากประเทศอื่นพื้นที่นำร่องสีฟ้า นิยมไปเที่ยวยัง ภูเก็ต กระบี่
สุราษฎร์ธานี กรุงเทพฯ ชลบุรี
แบบที่ 3 Happy Quarantine ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข้ากักตัวในโรงแรมที่ลงทะเบียนร่วมเป็นทางเลือกการกักตัว AQ -Alternative Quarantine นิยมไปเที่ยวยัง กรุงเทพฯ ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี ชลบุรี เช่นกัน
ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า แนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าไทยปลายปีนี้ ตั้งแต่พฤศจิกายน 2564 ต่อเนื่องไปจนถึงกุมภาพันธ์ 2565 ททท.ดูจาก 1.ตัวเลขการยื่นลงทะเบียนผ่าน THAILAND PASS ของกระทรวงการต่างประเทศ ช่วง 11 วันแรก มีมากเกินกว่า 100,000 คน 2.จำนวนเที่ยวบินต่างประเทศเข้าสู่จังหวัดหลัก ได้แก่
“สนามบินภูเก็ต” เพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 40 % จากการเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2564 จนถึงขณะนี้ขออนุญาตบินแล้วรวม 18 สายการบิน
“สนามบินสุวรรณภูมิ”
ตั้งแต่พฤศจิกายน 2564 มีมากถึง
2,008
เที่ยว 60 สายการบิน
56 เมือง
42 ประเทศ
จากนี้เป็นต้นไป จะต้องวางแผนดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยได้มากน้อยขนาดไหน
ตามนโยบายของนายพิพัฒน์
รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งเป้าสร้างรายได้ท่องเที่ยวเข้าประเทศปี
2565 ไว้ 1.9 ล้านล้านบาท
ททท.จึงพยายามร่วมกันดึงนักท่องเที่ยวกลับมาเบื้องต้น หากนำกลับมาให้ได้สักประมาณ 10 % ของสถานการณ์ปกติปี
2562
เฉลี่ยเดือนละ 3 ล้านคน
ปี 2565 ก็ควรจะมีอย่างน้อยเดือนละ
3 แสนคน
สำหรับเป้าหมายรายได้ปี
2565 ททท.จะบริหารความเสี่ยง
โดยกำหนดแนวทางหลักที่จะต้องทำไว้คือ 1.ฟื้นฟูรายได้ภาพรวมกลับมาให้ได้ 50 % ของปี 2562 ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยลงเหลือครึ่งหนึ่ง
จึงได้แบ่งเป็น 3 สถานการณ์
(scenario)
ประกอบด้วย
1.Best Case : สถานการณ์ดีที่สุด รายได้รวม 1.9 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จาก “ต่างประเทศ” 1,056,000 ล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยว 18 ล้านคน และ “ในประเทศ” 882,034 ล้านบาทจากจำนวนนักท่องเที่ยวไทย 160 ล้านคน-ครั้ง
2.Base Case : การท่องเที่ยวฟื้นตัว ณ สถานการณ์ปัจจุบัน รายได้รวม 1.5-1.6 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น “ต่างประเทศ” 818,500 ล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยว 13 ล้านคน “ตลาดในประเทศ” 771,463 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวไทย 140 ล้านคน-ครั้ง
3.Worst Case : สถานการณ์เลวร้าย โควิดระบาดซ้ำ หรือล็อกดาวน์ใหม่ ก็จะส่งผลต่อการท่องเที่ยวอาจฟื้นตัวช้า ดังนั้น “รายได้” การท่องเที่ยวรวม 1.3 ล้านล้านบาท “ตลาดต่างประเทศ” 625,580 ล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยว 10 ล้านคน และ “ตลาดในประเทศ” 680,628 ล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยว 122 ล้านคน-ครั้ง
ดังนั้นจากนี้เป็นต้นไป พฤศจิกายน 2564 -ไตรมาส 1 ปี 2565 ททท.วางเป้าหมายจะนำเข้าต่างชาติเที่ยวไทยให้ได้สัก 1 ล้านคน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพราะตลอดการแพร่ระบาดระยะที่ผ่านมา 19-20 เดือน อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับผลกระทบหนัก หลายแห่งต้องปิดกิจการ หลายแห่งกำลังรอนักท่องเที่ยวกลับมา
ส่วน “การใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2565” ททท.ตั้งเป้าหมายหลังโควิด-19 ประเมินแล้วสถานการณ์การเดินทางอาจจะไม่ได้ง่ายเหมือนที่ผ่านมา จึงเน้นเจาะกลุ่ม “นักท่องเที่ยวคุณภาพสูง” ต้องการนักท่องเที่ยวมีประสิทธิภาพใช้จ่ายเงินสูง
เบื้องต้นปี 2565 “ตั้งเป้าทำรายได้”
จากตลาดต่างประเทศไว้ 50%
ของปี 2562 ทำไว้ 1.5 ล้านล้านบาท
ปี 2565
ก็น่าจะทำได้กว่า 8 แสนล้านบาท จากนั้นปี
2566 ตั้งเป้าจะทำให้ได้ถึง
80 % จากนักท่องเที่ยวรวมครึ่งหนึ่งหรือราว
20 ล้านคน
ตัวอย่างโครงการนำร่อง
“ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาโดยใช้จ่ายเงินเฉลี่ย 61,000 บาท/คน/ทริป
เปรียบเทียบแล้วสูงกว่าสถานการณ์ปกติเฉลี่ยเพียง 47,000 บาท/คน/ทริป
ดังนี้นจะเห็นได้ว่า ททท.กำลังทำตลาดในเชิงเซกเมนเตชั่นมากขึ้น มองการเจาะกลุ่มที่พร้อมใช้เงินมากขึ้น
เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย “การเพิ่มค่าใช้จ่าย”
นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยต่อคนต่อทริป
ทางด้าน
“การให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว”
หลังจากตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงเข้าพื้นที่ สิ่งที่ต้องทำให้ตอบโจทย์ความต้องการนักท่องเที่ยว
4 เรื่องใหญ่
คือ
เรื่องที่
1 “มาตรฐานความปลอดภัย” ททท.ได้เข้าไปช่วยเอกชนโดยจับมือกับสมาคมท่องเที่ยวต่าง
ๆ
สร้างความมั่นใจหันมาปฏิบัติโดยเข้าสู่มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยตราสัญลักษณ์
SHA , SHA PLUS และแนวทางปฏิบัติของมาตรการองค์กรเพื่อลดความเสี่ยงการแพร่โรคหรือ
COVID FREE SETTING
เรื่องที่
2 “สนับสนุนจัดอบรมฟื้นฟูและพัฒนาทักษะ
Up-Re Skill บุคลากรภาคบริการ”
เนื่องจากพนักงานกลับบ้านไปช่วงปิดชั่วคราวเพราะโควิดระบาด 19-20 เดือน
เรื่องที่
3 เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงมากขึ้น
ททท.จึงจับมือกับองค์กรต่าง ๆ
นำทักษะความรู้ทางเทคโนโลยีเข้าไปแนะนำช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้เปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การทำตลาดด้วยเครื่องมือใหม่
เปิดการขาย “ออนไลน์” เพิ่มมากขึ้นคู่ไปกับทางการขายออฟไลน์ปกติ
เรื่องที่
4 รณรงค์ให้ทุกฝ่ายร่วมกันสร้างความประทับแก่นักท่องเที่ยวที่จะกลับมาอีกครั้ง
เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่ทั่วโลกกล่าวขานว่ามีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามติดอันดับโลก
แล้วรอยยิ้มของคนไทยเป็นแรงดึงดูดทั่วโลกให้อยากกลับมาเที่ยวอีกครั้ง
รักษาความเป็นไทยฮอสพิทาลิตี้ไว้ แล้ว
ททท.พร้อมเข้าไปช่วยส่งเสริมการให้บริการที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า
ภารกิจอีกส่วนเรื่องการแนะนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวปรับกลยุทธ์ตามแบบวิถีใหม่เพื่อสร้างโอกาสและประโยชน์ทางการค้าในตลาดสากล
ในการกลับเข้าไปร่วมงานซื้อขายท่องเที่ยวในเวทีระดับโลก เริ่มจากงาน WTM : World Travel Mart 2021 ณ
กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2564 และกำลังจะไปต่องาน
ITB : International
Travel Berlin 2022 ช่วงต้นปี 2565 ณ
กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน
เริ่มจากการกลับเข้าไปขายในงาน
WTM 2021
ททท.นำเอกชนไปพร้อมกับนโยบายของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีเรื่อง “การเปิดประเทศ Reopening Thailand”
ต้อนรับนักเดินทางทั่วโลกโดยไม่กักตัว พร้อมกับประกาศปีท่องเที่ยวไทย Visit Thailand Year โดยใช้คำว่า
“Amazing New Chapters”
สร้างความตื่นเต้นให้ทั่วโลกติดตามว่า
“การพลิกโฉมประเทศไทย” ครั้งนี้มีอะไรบ้าง นั่นก็คือ 1.พลิกโฉมภาพลักษณ์
การสร้างคุณภาพการให้บริการ 2.ทางคู่ค้าต่างประเทศ
คาดหวังถึงคุณภาพบริการที่ดียิ่งขึ้น
ดังนั้นเอกชนที่จะเดินทางไปร่วมการขายในเวทีใหญ่สุดของโลก
ITB 2022 ต้องเตรียมสิ่งที่จะนำไปตอบโจทย์คู่ค้าไม่เฉพาะแค่การนำนักท่องเที่ยวเข้ามาเพียงอย่างเดียว
แต่จะต้องรู้ว่า “ต้องการท่องเที่ยวแบบไหน” ด้วยนวัตกรรมใดบ้าง
รวมทั้ง
ททท.จะสร้างความพิเศษปีท่องเที่ยวไทย Visit Thailand Year 2022 :Amazing New Chapters คือ
1.เน้นจุดขายที่มีนัยสำคัญ คือ
การท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ RT :Responsible Tourism และการท่องเที่ยว
BCG :Bio Circular Green
Economy อันเป็นโยบายหลักของรัฐบาลไทย
หลายคนเองก็หันมาสนใจเรื่องการรักษาความสวยงามของธรรมชาติไว้ให้ยั่งยื่น
2.การเปลี่ยนแปลงทั้งทางดิจิทัล
การท่องเที่ยวเสมือนจริง มาตรการความปลอดภัย ระบบจดจำใบหน้า ที่จะเป็น New Chapters
3.สินค้าท่องเที่ยวจะมองการนำเสนอเป็นเซกเมนต์เตชั่นมากขึ้น
เช่น การท่องเที่ยวเชิงป้องกันดูแลสุขภาพองค์กร หรือ Health & Wellness Tourism เจาะตรงไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวสุขภาพ
กลุ่มผู้สูงวัยที่มีความตื่นตัว (Active senior)
ต้องพัฒนาสินค้าท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว
ไม่เฉพาะแหล่งและสินค้าท่องเที่ยวเท่านั้น
4.พลิกจุดขายความโดดเด่นเรื่อง
“ประสบการณ์ความประทับใจในการเดินทางท่องเที่ยว”
เน้นการนำเสนอการบอกเรื่องราวของแหล่งท่องเที่ยว Story telling
ดร.ยุทธศักดิ์
กล่าวว่า ปี 2565 ตลาดสำคัญในต่างประเทศที่
ททท.จะดึงเข้ามาให้ได้ ตอนนี้ต้องยอมรับเป็นเรื่องยาก
แต่ละประเทศก็มีเงื่อนไขต่างกันไป ถึงแม้จะมีแนวโน้มนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั่วโลกอยากจะกลับมาเดินทางอีกครั้ง
รวมทั้งทุกคนก็จะต้องอยู่โรคโควิด-19 ต่อไปอีกสักระยะ
ดังนั้นผมคิดว่าสิ่งที่จะต้องทำคือ “การสร้างความมั่นใจ” ให้เกิดขึ้น
สิ่งที่
ททท.สามารถทำได้คือ รุกเจาะกลุ่มแรก คือ “ตลาดระยะไกล/ข้ามทวีป” ยุโรป อเมริกา
พร้อมกับแสวงหาตลาดระยะใกล้ที่พร้อมเดินทางเมื่อกลับไปไม่ต้องกักตัว
อย่างนักท่องเที่ยวแถบเพื่อนบ้านในอาเซียน
ส่วนตลาดใหญ่ในเอเชียอย่างสาธารณรัฐประชาชนจีนยังไม่มีท่าทีที่จะรัฐบาลจะอนุญาตให้ประชากรออกเดินทางเมื่อไร
ดร.ยุทธศักดิ์
กล่าวว่า การขับเคลื่อน “ตลาดท่องเที่ยวในประเทศ” ต้องขอบคุณหลังจากนายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรี
(ครม.) ประชุมสัญจรกระบี่ ประกาศนโยบายขยายการลงทุนสนามบิน ท่าเรือ
เครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานฝั่งทะเลอันดามัน 6 จังหวัด
ซึ่งเป็นการสร้างโปรดักซ์ใหม่ ทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมาได้
ททท.วางแผนจะขยายผลต่อเนื่องดังนี้
1.สร้างการรับรู้
2.สร้างการเชื่อมโยง
3.เพิ่มความถี่การเดินทางท่องเที่ยว
เพื่อให้คนไทยเข้าไปเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวมากขึ้น เช่น กระบี่
คนไทยนิยมไปเที่ยวติด 1 ใน 5
ของประเทศ ขณะเดียวกันก็ยังสามารถเดินทางเชื่อมโยงไปยังจังหวัดแถบอันดามันทั้งหมด
จะยิ่งเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้น 4.เพิ่มค่าใช้จ่ายอันเกิดจากนักท่องเที่ยวเดินทางเที่ยวเชื่อมโยงได้มากขึ้น
5.ททท.จะพยายามหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ
มาเสนอขาย ตัวอย่าง คลองหรูด กระบี่ ที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ ขณะนี้เป็น 1 ใน 25 Unseen New Series
ของเมืองไทย เพื่อให้คนไปจับจ่ายใช้เงิน เพิ่มวันพักค้างคืน
ไม่เฉพาะกระบี่แต่จะกระจายไปทั่วอันดามันต่อไป
ส่วนการสร้างกิจกรรมโครงการก็จะต้องสร้างด้วยเช่นกันระหว่างแหล่งท่องเที่ยว
กิจกรรม งานประเพณีของท้องถิ่น
ให้สอดรับกับพฤติกรรมความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม ททท.จะต้องทำงานเพิ่มกับทางสายการบินต่างๆ
และบริษัทขายท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA)
กระตุ้นให้เกิดการเดินทางเข้าพื้นที่ด้วยโปรโมชั่นพิเศษมากมาย
ดร.ยุทธศักดิ์
กล่าวถึง “การตีโจทย์ยากให้แตก” จะต้องมองถึงวิธีทำอย่างไร ? เพื่อ พลิกโฉมดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้ามา
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างประเทศไม่สามารถทำได้ง่ายเหมือนแต่ก่อน
หรืออาจจะยังไม่เห็นว่าจะเข้ามาได้เมื่อไร เพราะต้องทำภายใต้
“การบริหารความเสี่ยง” แล้วเน้นนำเข้าตลาดคุณภาพก่อน
ดังนั้นปี 2565 จะต้องพึ่งพา
“ตลาดไทยเที่ยวไทย” จะต้องเพิ่มความถี่การเดินทางซึ่งทำได้หลายอย่าง และเป็นความท้าทายที่จะต้องร่วมมือกันทำให้ได้
คือ 1.ลดเงื่อนไขการเดินทางข้ามจังหวัด
ต้องร่วมมือกันอุปสรรค 2.ต้องพร้อมทำงานเพิ่มอัตราการพำนักของนักท่องเที่ยว
หรือเพิ่มอัตราพักเฉลี่ยของโรงแรมทั่วประเทศ หรือ OR -Occupacy Rate
ให้สูงมากขึ้น โดยได้ให้นโยบาย ททท.สำนักงานในประเทศทั้ง 45 แห่ง
ให้ร่วมมือกัน “แก้โจทย์หิน” ปี 2565 อย่างน้อยทำเป้าหมายรายได้เกิน 50 %
3.ทำงานร่วมกับสายการบินเพิ่มอัตราบรรทุกเฉลี่ย
Cabin Factor เฉลี่ยให้ได้ไม่น้อยกว่า
70 % ภายใต้การบริหารความเสี่ยง
อาจจะต้องเจอสถานการณ์โควิดระบาดในบางพื้นที่บ้าง แต่ก็จะต้องอยู่กับเรื่องดังกล่าวให้ได้ต่อไป
สุดท้ายจะขอเชิญชวนคนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวช่วงปลายปีเริ่มเข้าสู่เคาน์ดาวน์
หลังจากต้องอยู่กับโควิด-19
มาระยะหนึ่งแล้ว ประเทศและการท่องเที่ยวก็จะต้องเดินหน้า
แต่จะต้องอยู่ภายใต้ความมั่นใจเรื่องการบริหารความเสี่ยง บนความปลอดภัย
ภายใต้นโยบายของภาครัฐที่แนะนำให้ปฏิบัติตามกติกา DMHTTA ,Covid Free Setting และ Universal Prevention for Covid-19
แต่สิ่งสำคัญสุดคือ การดูแลป้องกันตัวเอง
แล้วออกมาทำกิจกรรมท่องเที่ยวซึ่งจะเป็นยารักษาโรคอย่างหนึ่งที่พวกเราจะห่างไกลจากโควิด-19
ได้ต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 ช้อปคิงเพาเวอร์บิวตี้เลิฟเวอร์ซูเปอร์ดีลบุฟเฟต์ซื้อ5ชิ้นแค่12,000บาท
คิง เพาเวอร์ จัดช้อป พิเศษ “บิวตี้เลิฟเวอร์
กับที่สุดแห่งความคุ้มค่า! 2 โปรโมชั่นสุดเอกซ์คลูซิฟ
ตั้งแต่วันนี้ -30 พฤศจิกายน 2564 “SUPER DEAL BEAUTY BUFFET” ยกขบวนสินค้าบิวตี้ไอเทมแบรนด์ดัง
ให้คุณเลือกช้อปไอเทมที่ใช่ สวยได้สไตล์คุณ เลือกช้อปสินค้า 5 ชิ้นสุดคุ้ม จ่ายเพียง 12,000 บาท*
เช็กรายละเอียดก่อนช้อป คลิก https://bit.ly/3mihklz
“BEAUTY WONDER PRICES” พร้อมเติมเต็มทุกความสวยในแบบของคุณ กับน้ำหอมและเครื่องสำอางราคาพิเศษ* เช็กรายละเอียดก่อนช้อป คลิก https://bit.ly/3kgC5vr
สมัครเลย ฟรี!!“สมาชิก คิง เพาเวอร์W รับส่วนลด 5% ไปช้อปเลยได้ทันที
ช้อปสะดวกผ่าน 2 ช่องทางช้อปออนไลน์! ให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 21.00 น.
1.King Power Chat to Shop (คิง เพาเวอร์ แชททูช้อป) เพียง Add LINE@ : @KP_ChatToShop แล้วกด Add Friend หรือคลิก https://lin.ee/JwNzqUu
2.King Power Call to Shop (คิง เพาเวอร์ คอลทูช้อป)
เพียงโทร. 02-338-7870 หรือ inbox (อินบอกซ์) มาที่ Facebook King Power
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์แจกคูปองส่วนลด3,800บาท4วัน20-21,27-28พ.ย.64
คิง
เพาเวอร์ มอบสิ่งที่ดีด้วย A new journey
begins with a smile, Live a life beyond boundaries
ให้ทุกการช้อปปิ้งที่ คิง เพาเวอร์
ส่งความสุขครั้งใหม่ให้มากกว่าเดิม พบกับสินค้าจากหลากหลายแบรนด์ดังระดับโลกที่เราคัดสรรมาให้คุณช้อปเพลิดเพลิน
พร้อมโปรโมชั่นพิเศษคูปองส่วนลดรวม 3,500 บาท เพื่อให้ทุกการช้อปปิ้งที่ คิง
เพาเวอร์ รางน้ำ พัทยา และภูเก็ต คุ้มค่ามากกว่าเดิม ตั้งแต่วันที่ 1 – 30
พฤศจิกายน 2564
พิเศษ !! เฉพาะ 4 วัน วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 20-21 และ 27-28 พฤศจิกายน 2564 รับ “คูปองส่วนลดเพิ่ม” เป็น 3,800 บาท เพียงแค่ช้อปที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ พัทยา ภูเก็ต ครบ 1,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ รับเพิ่มอีก 300 บาท รวมแล้วจะได้ถึง 3,800 บาท/สิทธิ์ นั่นเอง
สามารถลงทะเบียนก่อนช้อป
รับฟรีคูปองส่วนลดรวม 3,500 บาท
1.คูปองส่วนลด 1,000 บาท สำหรับช้อป 5,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ
2.คูปองส่วนลด 2,500 บาท สำหรับช้อป 10,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ
โดยไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่น
Cash Card
ส่งความสุขทุกการช้อปปิ้งด้วย
Cash Card รับฟรี Gift Card 10,000
บาท เมื่อซื้อ Cash Card 25,000 บาท
ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์พาเหรดสินค้าใหม่ช้อปออนไลน์ส่งถึงบ้านลดแรง50+25%
คิง เพาเวอร์ นำเสนอแคมเปญ “NEW ITEMS ADDED! SUPER BONUS PRICE” สินค้าส่งบ้านราคาดิวตี้ฟรี ลดสูงสุด 30% สินค้าสุดฮิตเข้าใหม่! ช้อปได้ทุกที่ไม่มีสะดุด กับ คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ รอรับของสบายๆ ส่งฟรีให้ถึงหน้าบ้านลูกค้าทุกคน รหัสส่วนลด NOVSPBN ระหว่างวันนี้ – 30 พ.ย. 64 ช้อปเลยที่ - https://bit.ly/3CryRwQ
สำหรับ “HOME & SPACE” เป็นสินค้าแต่งบ้านและไลฟ์สไตล์ ลดสูงสุด 50% ลดเพิ่มสูงสุด 25% สร้างบรรยากาศใหม่ให้บ้านคุณในราคาสุดชิลล์ ไม่มีขั้นต่ำ ช้อปเลย ไม่ต้องรอ!รหัสส่วนลด : 11HNS ระหว่างวันนี้ 19 – 23 พ.ย. 64 ช้อปเลยที่ - https://bit.ly/3CeOjfb
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนออกเดินทางไปสัมผัสการท่องเที่ยวเชิงอาหาร สุดแสนอร่อยในงาน “AMAZING THAI TASTE FESTIVAL : The Great Escape of Andaman Sea” ระหว่างวันที่ 26-28 พฤศจิกายน 2564 เวลา 15.00-21.00 น. ณ หาดป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เพื่อสร้างสีสันการท่องเที่ยวให้คึกคักมากยิ่งขึ้น หลังรัฐบาลมีนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมทั้งคนไทยก็สามารถเที่ยวได้เช่นกัน
อีกทั้งการจัดมหกรรม เทศกาลอาหารภูเก็ตครั้งนี้ ยังจะได้ช่วยเศรษฐกิจในพื้นที่ ทั้งผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ห้องพัก ชุมชน ที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากแพร่ระบาดของโควิด-19
ประการสำคัญ ททท.มุ่งหวังสนับสนุนให้กิจกรรมการจัดงาน
“AMAZING THAI TASTE
FESTIVAL : The Great Escape of Andaman Sea” ปี 2564 เป็นต้นแบบการดำเนินงานจัดกิจกรรมและการบริหารจัดการเรื่องความปลอดภัยตามมาตรการสาธารณสุข
และมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยภายใต้ตราสัญลักษณ์ SHA+
ข่าวที่ 5 บางจากปลื้มนักลงทุนเฮซื้อหุ้นกู้เกลี้ยง7,000ล้านลุยต่อยอดพลังงานดี
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากประสบความสำเร็จในการออกเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ
ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัทฯ ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน
และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ (Institutional
Investors and/or High Net Worth Investors) มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท รวม 4 รุ่น ระหว่าง 2-4 พฤศจิกายน 2564
โดยมีนักลงทุนแสดงความจำนงในการลงทุนมากกว่า 3 เท่า ของหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ระดับ A- จากทริสเรทติ้ง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ผู้ลงทุนมีต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน กระแสการตอบรับจากผู้ลงทุนครั้งนี้มีอย่างล้นหลาม ทำให้บางจากฯ สามารถออกหุ้นกู้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ อีกทั้งยังสะท้อนถึงความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ จากผู้ลงทุนทุกกลุ่ม
ตามที่บางจากฯ เสนอขายหุ้นกู้ 4
รุ่น มูลค่าเสนอขายรวมทั้งสิ้น 7,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.หุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 1.45% ต่อปี มูลค่า 2,000 ล้านบาท
2.หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.29% ต่อปี มูลค่า 1,000 ล้านบาท
3.หุ้นกู้อายุ 8 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.11% ต่อปี มูลค่า 1,400 ล้านบาท
4.หุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.43% ต่อปี มูลค่า 2,600 ล้านบาท
หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นอย่างมาก
ครอบคลุมทุกประเภท อาทิ กองทุนภายใต้การบริหารของ บริษัทหลักทรัพย์
บริษัทประกันชีวิต กลุ่มสหกรณ์ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทและนิติบุคคล
รวมถึงผู้ลงทุนรายใหญ่
เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้การสนับสนุนการระดมทุนของบริษัทฯ
โดยบางจากฯ จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปชำระคืนหนี้
และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนธุรกิจต่อไป
ข่าวที่ 6 “TCEB”เฮรับครม.ไฟเขียวแข่งชิงสิทธิ์3ไมซ์โลกลุ้นรายได้ก้อนโตแสนล้าน
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร จังหวัดกระบี่ อนุมัติหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานสำคัญใหญ่ระดับโลก 3 งาน คือ 1.งานเอ็กซ์โป 2028-ภูเก็ต 2.งานมหกรรมพืชสวนโลกประเภท B ปี 2569-อุดรธานี และพืชสวนโลกประเภท A1 ปี 2572-นครราชสีมา โดยทีเส็บจะร่วมกับ 2 กระทรวง คือกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอีก 3 เมืองไมซ์ ได้แก่ ภูเก็ต อุดรธานี และนครราชสีมา รวมทั้งมีหน่วยงานสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
หากไทยได้รับสิทธิดึงงานมากระจายจัดในแต่ละจังหวัด จะส่งผลทางเศรษฐกิจรวมกว่า 100,173 ล้านบาท สร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศมูลค่า (GDP) 68,520 ล้านบาท สร้างรายได้จากการจัดเก็บภาษีภาครัฐ 20,641 ล้านบาท และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน 230,442 ตำแหน่ง
งานแรก “เอ็กซ์โป 2028 จังหวัดภูเก็ต” ทางกระทรวงสาธารณสุขและจังหวัดภูเก็ต จะเป็นหน่วยงานหลักในการเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมระดับโลกภายใต้ลิขสิทธิ์ของ Bureau International des Expositions (BIE) ซึ่งประเทศเจ้าภาพจะได้รับประโยชน์ทุกมิติทั้งเศรษฐกิจ สังคม นวัตกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว
โดยประเทศไทยเสนอให้จัดงานขึ้นภายใต้ชื่อ “เอ็กซ์โป 2028 - ภูเก็ต ประเทศไทย : EXPO 2028 - Phuket, Thailand” ภายใต้แนวคิดหลัก Future of Life-Living in harmony, sharing prosperity บนพื้นที่ 141 ไร่ บริเวณตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ตามโครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ต สู่เมืองท่องเที่ยวสุขภาพระดับโลก โดยโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
จะใช้เวลาจัดงาน 3 เดือน ระหว่าง 20 มีนาคม – 17 มิถุนายน 2571 คาดจะมีผู้เข้าชมงาน 4.9 ล้านคน แบ่งเป็นคนไทย 54% ชาวต่างชาติ 46% จากทั่วโลก 106 ประเทศ ก่อให้เกิดเงินสะพัดระหว่างการจัดงาน 49,231 ล้านบาท สร้างการจ้างงาน 113,439 อัตรา เพิ่มมูลค่าการสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมกว่า (GDP) 39,357 ล้านบาท เกิดรายได้จากการจัดเก็บภาษี 9,512 ล้านบาท
งานที่ 2 “มหกรรมพืชสวนโลกประเภท B ปี 2569 จะจัดที่อุดรธานี และงานที่ 3 พืชสวนโลก ประเภท A1 ปี 2572 จะจัดที่ นครราชสีมา ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับทั้งสองจังหวัด จัดงานแสดงด้านพืชสวนรายการยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ภายใต้สมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (The International Association of Horticultural Producers – AIHP) สำหรับงานพืชสวนโลก เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2503 ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์ จากนั้นก็หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดงานอย่างต่อเนื่องภายในภาคีสมาชิก 65 ประเทศ
สำหรับ “มหกรรมพืชสวนโลกอุดรธานี ปี 2569 : Udon Thani International Horticultural Expo 2026” จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก Diversity of Life: People, Water and Plants วิถีชีวิต สายน้ำ และพืชพรรณ บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำหนองแด ตำบลกุดสระ อำเมือง จังหวัดอุดรธานี บนเนื้อที่ 1,030 ไร่ แบ่งเป็นพื้นน้ำ 400 ไร่ และพื้นดิน 630 ไร่ กำหนดจัดงานระหว่าง 1 พฤศจิกายน 2569 – 14 มีนาคม 2570
คาดจะมีผู้เข้าชมงาน 3.6 ล้านคน แบ่งเป็นชาวไทย 70% ชาวต่างชาติ 30% มีองค์กร สมาคมต่าง ๆ เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 20 ประเทศ เพิ่มเงินสะพัดระหว่างการจัดงาน 32,000 ล้านบาท สร้างการจ้างงาน 81,000 อัตรา เพิ่มมูลค่าการสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมกว่า (GDP) 20,000 ล้านบาท และเกิดรายได้จากการจัดเก็บภาษี 7,700 ล้านบาท
ส่วน “มหกรรมพืชสวนโลกนครราชสีมา ปี 2572 : Nakhon Ratchasima International Horticultural Expo 2029” จะจัดตามแนวคิดหลัก Nature & Greenery: Envisioning the Green Future ธรรมชาติและพรรณพืชเขียวขจีอนาคตแห่งโลกสีเขียว บนพื้นที่สาธารณประโยชน์โคกหนองรังกา ตำบลเทพาลัย อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ 678 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่จัดแสดง 523 ไร่ และพื้นที่จอดรถ 155 ไร่ กำหนดจัดงานระหว่าง 10 พฤศจิกายน 2572 - 28 กุมภาพันธ์ 2573
คาดจะมีผู้เข้าชมงาน 2.6-4 ล้านคน แบ่งเป็นชาวไทย 85% ชาวต่างชาติ 15% มีประเทศที่เข้าร่วมงานกว่า 30 ประเทศ จะเพิ่มเงินสะพัดระหว่างการจัดงาน 18,942.64 ล้านบาท สร้างการจ้างงาน 36,003 อัตรา เพิ่มมูลค่าการสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมกว่า (GDP) 9,163 ล้านบาท และเกิดรายได้จากการจัดเก็บภาษี 3,429 ล้านบาท
ช่วงที่ 2 ทริปเที่ยวเมืองไทยปักหมุดจอง Unseen
New Series เพิ่มประสบการณ์แปลกใหม่พายคะยัค
แคนู ชมป่าพรุ ที่ “คลองหรูด/คลองน้ำใสหนองทะเล” จังหวัดกระบี่ พอถึงเวลากินต้องรู้
“ผัก 5 ชนิดกินดิบหรือสุก”
ได้ประโยชน์มากกว่า และ ข่าวฮือฮาประจำสัปดาห์ “9 เดือนปี 64” 3 สายการบินของไทย “การบินไทย” เซอร์ไพรส์แจ้งกำไร
51,115 ล้าน “บางกอกแอร์” รับสภาพยังขาดทุนอ่วมกว่า
6,700 ล้าน “แอร์เอเชีย” ลุ้นออกหุ้นกู้ 14,000 ล้าน และ “ไทยแอร์เอเชีย” เร่งเปิดบินอินเตอร์พร้อมโปรโมชั่นดุเส้นทางโกยเงิน
2 จุด “พนมเปญ” 1,690 บาท กับ “มัลดีฟ” 1,990 บาท
พาเที่ยว - เช็คอิน!!คลองหรูดพายคายัคUnseen New Seriesทัวร์กระบี่5ไฮไลต์ดัง
ออกเที่ยวกันเถอะเรา...ทริปนี้แนะนำ Unseen New Series ท่องเที่ยว
“คลองหรูด” หรือ คลองหนองทะเล" ตั้งอยู่ที่เขตรอยต่อบ้านแหลมสอม ระหว่างหมู่ 1
กับ หมู่4 ตำบลหนองทะเล อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ลำคลองเล็กในแอ่งน้ำขนาดใหญ่ราว
100 ไร่
กว้าง 200 เมตร
ลึก 5 เมตร
เป็นที่มาให้ชาวบ้านเรียกคลองแห่งนี้ว่าหนองทะเล ซึ่งตอนนี้กลายเป็นแหล่ง “พายคายัค”
ชมป่าพรุ ที่นักท่องเที่ยวนิยมเป็นอย่างมาก
คำว่า “หรูด” เป็นภาษาถิ่นปักษ์ใต้ ซึ่งความหมายมาจากอาการลื่นไถลหรือสไลด์ลงไปบนทางลาดนั่นเอง
การเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวคลองหรูด
Unseen New Series จะอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองกระบี่
ประมาณกว่า 10 กม. พอไปถึงจะได้เห็นสระน้ำธรรมชาติ น้ำเย็นฉ่ำให้ได้ลงไปแช่ดับร้อน
ตามปกติในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้าไปนับพันคน
จุดเริ่มต้นพายพายัค/แคนู จะเริ่มจาก “ต้นน้ำ” คลองหนองทะเล พายลงมาตามเส้นทางเพื่อชมโขดหินน้อยใหญ่ คล้ายกับภูเขาเล็ก ๆ โผล่พ้นผิวน้ำสลับเรียงราย กับตอไม้
ปัจจุบัน “คลองหรูด” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศแห่งใหม่ ของกระบี่ โดยมี “องค์การบริหารส่วนตำบลหนองทะเล” ร่วมกับองค์กรปกครองท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงชาวบ้านช่วยกันพัฒนา “เส้นทาง” พายคายัคหรือแคนูลัดเลาะชมความงดงาม
เมื่อครั้งอดีตคลองหรูด-คลองหนองทะเล แห่งนี้เป็นคลองน้ำจืดขนาดเล็ก
ๆ คล้ายป่าพรุ มีพืชพันธุ์ไม้ต้นเล็กใหญ่ขึ้นอยู่เต็มไปหมด
ต่อมาอีก 10 ปีที่ผ่านมา
สร้างเป็นฝายน้ำล้นขึ้นตรงบริเวณกลางลำคลอง เพื่อเก็บรักษาน้ำไว้ใช้ช่วงหน้าแล้ง
และนำน้ำดิบมาผลิตน้ำประปาแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ส่งผลให้ด้านบนของฝาย
จากลำคลองเล็กๆ และป่าพรุ ก็กลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่
บริเวณ
“ด้านหน้าฝาย” ก่อสร้างเป็นพนังกั้นน้ำ
เทคอนกรีตแนวลาดเอียงลงมาสู่แอ่งน้ำขนาดเล็ก พอมีตะไคร่น้ำเกาะตรงพนังลาดเอียง
เด็ก ๆ ในหมู่บ้านพากันมาเล่นน้ำในแอ่งลงสู่แอ่งน้ำด้านล่างเหมือนการลื่นไหลสไลเดอร์ กระทั่งกลายยเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของชุมชนอีกแห่งและกลายเป็น
Unseen New Series ตั้งแต่ปี
2564 เป็นต้นไป
ใน “กระบี่” มีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมต้องห้ามพลาดอีก
5 จุด
ดังนี้
จุดที่
1 เขาขนาบน้ำ -แลนด์มาร์ค
วิวสวยหน้าอำเภอเมือง สัญลักษณ์เขาสองลูกสูง 100 เมตร อยู่ไม่ไกลจากฝั่ง นั่งเรือไปชมป่าชายเลนได้
จุดที่ 2 ทะเลแหวก – ความมหัศจรรย์ดึงดูดนักท่องเที่ยวต้องไปสักครั้งของ 3 เกาะ เมื่อน้ำลงมากสุดจนกลายเป็นสันทรายขาวเนียนละเอียดให้เดินเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างเกาะได้ในช่วงข้างขึ้น ข้างแรม บริเวณ 3 เกาะ เกะไก่ เกาะทับ เกาะหม้อ
จุดที่ 3 หมู่เกาะลันตา -เป็นแหล่งดำน้ำชมความสวยงามใต้ท้องทะเลอันดามันขึ้นชื่อโด่งดังไปทั่วโลก บริเวณรอบ ๆ จะมีเกาะท่องเที่ยว เกาะรอก เกาะไหง เกาะห้า เกาะลันตา
จุดที่ 4 เกาะห้อง – โถงถ้ำขนาดใหญ่กลางทะเล ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ที่มีภาพเขียนอยู่ภายในด้วย
จุดที่
5 หาดไร่เลย์
-ผาหินปูนสูงที่อยู่ในความทรงจำอันประทับใจของนักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์
และจุดชมพระอาทิตย์ตกทะเลสวยสุดอีกแห่งของเมืองไทย
สุขภาพ - ผัก5ชนิดกินดิบหรือสุกกินแบบไหนจึงถูกวิธีเพิ่มคุณค่าได้ประโยชน์ล้ำ
มีคำถามและความเห็นกันเป็นประจำถึง
“วิธีกินผักบางชนิด” ควรกิน “แบบดิบหรือปรุงสุก” กินแบบไหนจะได้สารอาหารและให้ประโยชน์ต่อร่างกาย“มาก”
หรือ “น้อย” กว่ากัน ในทางโภชนาการแล้ว มีข้อสรุปเกี่ยวกับผักในชีวิตประจำวัน 5 ชนิด ควรกินดิบหรือกินสุกดังนี้
ผักที่ควรจะกินแบบปรุงสุก
ได้แก่
1.ถั่วงอก หากกินแบบดิบ จะมีสารไฟเตต ซึ่งจะทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้น้อยและอาจมีแบคทีเรียนส่งผลเสียต่อสุขภาพ
2.ผักตระกูลกะหล่ำ การกินดิบจะทำให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาระบบย่อยอาหาร และต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ดังนั้นจึงไม่ควรกินกะหล่ำดิบ
3.แครอท ต้มหรือนึ่งรับประทาน จะให้สารอาหารต้นอนุมูลอิสระ ทำให้การดูดซึมเบต้าแคโรทีนมากกว่าแครอทดิบ แถมมีรสชาติอร่อยกว่าด้วย
ผัก 2 ชนิด ที่ควรกินแบบดิบ แล้วร่างกายเราจะได้รับประโยชน์มากกว่า ได้แก่
1.กระเทียมดิบ มีสารอัลลิซิน ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่ากระเทียมสุก กินได้วันละ 1-2 กลีบ
2.หัวหอม ควรกินแบบดิบ เพราะหากโดนความร้อนจะสูญเสียวิตามินบีและซี ที่มีประโยชน์ต่อการต้านอนุมูลอิสระ และการเปลี่ยนสารอาหารให้ร่างกายเป็นพลังงานน้อยลง
“ผัก” เป็นสิ่งที่จำต่อร่างกายอย่างมาก ทาง “องค์การอนามัยโลก”
จึงได้แนะนำให้คนหันมากินผักประมาณวันละ 400 กรัม หรือวันละ 4-6 ทัพพี ควบคู่กับการดูแลร่างกายในด้านอื่นๆ
เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนจะได้ปลอดภัยห่างไกลโรค อายุยืน
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก 9เดือน”บินไทยกำไร-บางกอกแอร์ขาดทุน-แอร์เอเชียรอกู้1.4หมื่นล้าน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ขณะนี้ 3 สายการบินแถวหน้าของไทย ได้ทยอยประกาศ
ผลการดำเนินงานธุรกิจการบินปี 2564 ช่วง 9 เดือนแรก และไตรมาสที่ 3 รวมทั้งแผนธุรกิจสอดรับกับสถานการณ์เปิดประเทศใหม่อีกครั้ง
เพื่อให้ไปต่อได้ในการฟื้นฟูธุรกิจกลับเข้าสู่อุตสาหกรรมในช่วงฤดูเดินทางตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
2564 เป็นต้นไป ประกอบด้วย
1.“การบินไทย” สายการบินแห่งชาติ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
2.“บางกอกแอร์เวย์ส” บูติกแอร์ไลน์ของ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
3.ไทยแอร์เอเชีย“ สายการบินต้นทุนต่ำโลว์คอสต์แอร์ไลน์ส ของบริษัท เอเชีย
เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน)
@บางกอกแอร์ไตรมาส
3 ขาดทุน 6,987ล้าน
นายพุฒิพงศ์
ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เจ้าของสายการบินบางกอกแอร์
แอร์เวย์ส (BA) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า
“สำหรับผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีรายละเอียดดังนี้
1.รายได้ 3,472.4 ล้านบาท
ลดลงจากช่วงเดียวกันกับปี 2563 คิดเป็น 57.5 % เป็นผลมาจาก
1.1 รายได้ลดลงดจาก ตั๋วโดยสาร 88.3 % และธุรกิจสนามบิน ลดลง 85.0 %
1.2 จำนวนเที่ยวบินลดลงจากปีก่อน 75.9 % โดยมีอัตราการขนส่งผู้โดยสาร 55.2 %
2.มีค่าใช้จ่ายรวม 6,083.2
ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 51.8 %
3.มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 2,587.4
ล้านบาท
4.มีส่วนแบ่งกำไรเงินลงทุนในบริษัทร่วม 413.4 ล้านบาท
ส่วนใหญ่มาจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจี คาร์โก้ จำกัด
เฉพาะไตรมาส 3 ปี 2564 ผลการดำเนินงานของบางกอกแอร์เวย์ส
มีดังนี้
1.ขาดทุนทางบัญชีจากการยกเลิกสัญญาเช่ากองทุนสนามบินสมุย
5,434.7 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (one-off
transaction)
2.ขาดทุนจากการดำเนินงาน 1,243.8
ล้านบาท
3.ขาดทุนสุทธิ 6,987.3 ล้านบาท
4.มีรายได้รวม 672.3 ล้านบาท ลดลง 25.3 % จากช่วงเดียวกันของปี
2563 เป็นผลจากหยุดบินชั่วคราวตามประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
(กพท.) ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2564 จากนั้นได้กลับมาบินอีกครั้งเมื่อกันยายน
2564 เป็นต้นมา เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ ปลายทาง 5 จุดบิน
ได้แก่ 1.สมุย 2.เชียงใหม่ 3.สุโขทัย 4.ลำปาง และ 5.ภูเก็ต
@ไทยแอร์เอเชียลุ้นเงินกู้1.4หมื่นล้านQ1ปี65หวังฟื้นทำกำไรปี’66
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย
เอวิเอชั่น เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝ่ายบริหารได้พิจารณาการระดมเงินใหม่จากการออกหุ้นกู้
14,000 ล้านบาท
เพื่อนำใช้ดำเนินธุรกิจการบินช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 ตามที่นายธรรศพล แบเลเวลด์ ประธานกรรมการบริหาร ชี้แจงไว้เมื่อช่วงเดือนตุลาคม
2564 โดยจะใช้การแปลงหุ้นเป็นทุนแทน
เปลี่ยนวิธีจากเดิมที่เคยบอกจะนำบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาด ซึ่งมีความยุ่งยากซับซ้อน
โดยย้ำว่ากลับมาบินอีกครั้งก็ยัง “ไม่สามารถทำกำไร” ได้
คาดสถานการณ์ธุรกิจการบินจะเริ่มมีกำไรอีกครั้ง เมื่อเปิดบินได้ครบ 100 % ทั้งเส้นทางในประเทศและต่างประเทศ
ซึ่งคงจะต้องรอปี 2566
ส่วนแผนธุรกิจการบิน
ไทย แอร์ เอเชีย ตั้งเป้าเปิดบริการบินต้อนรับการเปิดประเทศปลายปี 2564 โดยจะพุ่งเป้าเปิดบิน เส้นทาง “ในประเทศ” ไตรมาส 4
ปีนี้ บินเฉลี่ย 70 %
ของเส้นทางบินที่มีอยู่ทั้งหมด ตั้งแต่ “พฤศจิกายน” จะบิน 40 % “ธันวาคม” จะบิน 70-80 % และมกราคม 2565 จึงจะบินครบ 100 % และเส้นทางบิน “ระหว่างประเทศ” จะเริ่มบินได้ตั้งแต่ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป เส้นทางใกล้ รัศมี 4 ชั่วโมง
@การบินไทย9เดือนกำไร51,115ล้านขาดทุนดำเนินการ21,491ล้าน
นายปิยะสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการ
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แถลงเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 ระบุว่า ผลการดำเนินงานของการบินไทย
9 เดือนแรกปี 2564 บมจ.การบินไทย
และบริษัทย่อย มีดังนี้
1.มีกำไรสุทธิ 51,115 ล้านบาท
จากการปรับโครงสร้างองค์กร ลดบุคลากร ลดหนี้ ขายสินทรัพย์
2.ขาดทุน 21,491 ล้านบาท
จากการดำเนินงานไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว
3.มีรายได้รวมทั้งสิ้น 14,990 ล้านบาท
ต่ำกว่าปีก่อน 29,230 ล้านบาท หรืด 66.1
%
4.มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 36,481 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 41,695 ล้านบาท หรือ 53.3
%
5.มีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวเป็นรายได้ 73,084 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลจากการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ การขายทรัพย์ และเงินลงทุน การปรับโครงสร้างองค์กร
ข่าวที่สอง “แอร์เอเชีย”ลุยบิน“พนมเปญ”จัดโปร1,690บ.-มัลดีฟ1,990บาทเริ่มธ.ค.64
นายสันติสุข คล่องใช้ยา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า แอร์เอเชีย
เดินหน้าเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศ ไป -กลับ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-กรุงพนมเปญ
กัมพูชา ด้วยโปรโมชั่น 1,690
บาท/เที่ยว สำหรับสมาชิก BIG จองได้ตั้งแต่วันนี้-
28 พฤศจิกายน 2564 เดินทางได้ตั้งแต่ 22 ธันวาคม 2564 -25 มีนาคม 2565
สำหรับผู้โดยสารทั่วไปจองที่ airasia
Super App ภายในวันที่ 1 ธ.ค. 2564 ภายใน 15 มี.ค. 2565
จะได้รับสิทธิ์เปลี่ยนเที่ยวบินไม่จำกัดครั้ง ไม่มีค่าธรรมเนียม แต่อาจมีส่วนต่างค่าตั๋วเครื่องบิน
โดยวันเดินทางใหม่ต้องไม่เกิน 31 มี.ค. 2565 อีกด้วย
เป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด
เที่ยวบินแรกเริ่มวันที่ 22 ธันวาคม
2564 จำนวน 3 เที่ยว/สัปดาห์ (พุธ ศุกร์ อาทิตย์) ขณะนี้รัฐบาลกัมพูชาเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัว
สำรองที่นั่งราคาสุดคุ้มได้เลย รวมภาษีสนามบิน
เป็นส่วนหนึ่งในเปิดประเทศ
แอร์เอเชียมองหาโอกาสที่จะเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง
หากมีประเทศที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเช่นเดียวกับประเทศไทย
แอร์เอเชียก็พร้อมเสมอที่จะเชื่อมโยงการเดินทางของสองประเทศเข้าด้วยกัน
โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
และการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวขึ้นภายในภูมิภาค
รวมทั้งการกลับมาบิน
ไป-กลับ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) - มัลดีฟส์ ดินแดนแห่งหมู่เกาะ ทะเลสวยน้ำสีฟ้าใส
โปรโมชั่นสุดพิเศษ ราคารวมภาษีสนามบิน สำหรับสมาชิก BIG เริ่มต้นที่
1,990
บาทต่อเที่ยวบิน ตั้งแต่วันนี้- 28 พฤศจิกายน 2564 เพื่อใช้เดินทางได้ตั้งแต่ 22
ธันวาคม 2564 -26 มีนาคม 2565 โดยเส้นทางบินดังกล่าวจะเริ่มให้บริการเที่ยวบินแรก
22 ธันวาคม 2564 พร้อมให้บริการ 2 เที่ยว/สัปดาห์ ทุกวันพุธ และ อาทิตย์
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น