เม.ย.65ท่องเที่ยวรีบอนด์ใหม่โรงแรม+แอร์ไลน์แห่ลงทุนคึกคัก “โรงแรม4แบรด์ไทยท้าชน3เชนโลก-6แอร์ไลน์เปิดบินใน-ต่างประเทศ
จับตา!!เม.ย.65ท่องเที่ยวรีบอนด์ใหม่โรงแรม+แอร์ไลน์แห่ลงทุนคึกคัก
“โรงแรม4แบรด์ไทยท้าชน3เชนโลก-6แอร์ไลน์เปิดบินใน-ต่างประเทศ
ช้อปด่วน!!คิงเพาเวอร์ FASCINATING PAYDAYออนไลน์ลดเดือด45%
คิงเพาเวอร์แจกสนามบอลหญ้าเทียมปี’65คัดได้แล้ว11โรงเรียน/ชุมชน
ททท.ดึงทุกแนวร่วมดัน3กิจกรรมมือใหม่หัดกรีนปลุกเที่ยวรับผิดชอบ
บางจากให้สมาชิกบัตรใช้แต้มแลกพอยต์ตั๋วบินแอร์เอเชียถึง31ธ.ค.65
เปิดแล้ว!!ดำน้ำเกาะจาน-เกาะท้ายทรีย์โลกสวยใต้ทะเลที่หาดวนกร
6ของกินผลไม้+เครื่องดื่มไทยๆ
ช่วงหน้าร้อนเติมสารอาหารวิตามิน
“รร.มีเลียเชียงใหม่”เครือAWCจัดโปรชุดใหญ่ฉลองเปิดใหม่10เม.ย.65
บขส.งัดโปรโมชั่นบูมท่องเที่ยว“ซื้อตั๋วเชียงใหม่”แจกส่วนลด20-50%
วันอาทิตย์ที่ 27
มีนาคม 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0
MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
#ท่องเที่ยวรีบอนด์เมษายน65 #มือใหม่หัดกรีน #เปิดดำน้ำแล้วเกาะจานเกาะท้ายทรีย์
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้… https://fb.watch/b-DtdTaMOw/
ช่วงที่
1 เปิดปฏิบัติการรีบอนด์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกับ
“เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” “เมษายน 2565” สองกลุ่มธุรกิจหลัก
“7กลุ่มทุนใหญ่โรงแรมไทยและต่างชาติ
และ “6แอร์ไลน์สไทย”
ลุกทวงคืนรายได้ฟื้นเศรษฐกิจชาติ ดาหน้าลงทุนนับแสนล้าน 3-5
ปีหน้า ปี’65 “โรงแรม”
4แบรนด์ไทย
“AWC-เซ็นทารา-ดิเอราวัณ-รสา”
พร้อมชนยักษ์โลก 3 เชน
“แอคคอร์-น้องใหม่เดอะ สแตนดาร์ด-IHG”ชิงเค้กตลาด
“ไทยแอร์เอเชีย” ผู้นำโลว์คอสต์ลุกขึ้นบินในประเทศ+ทั่วเอเชีย
18
เส้นทาง “บางกอกแอร์” ตั้งธงโกย 8 พันล้าน
“ไทยสมายล์”คัดจุดบินทำเงินใน-นอก “ไทยเวียดเจ็ท” ยึดหัวหาดเมืองใหญ่ “นกแอร์”
เน้นขอสิทธิ์บินข้ามภาค “ไทยไลออนแอร์” โหมภาคใต้ 6 จังหวัด
เมษายน 2565
เป็นเดือนที่จะได้เห็น “รีบอนด์-Rebond” หรือการกลับมาแจ้งเกิดใหม่อีกครั้งใน“อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเมืองไทย”
ของธุรกิจ 2
กลุ่มหลัก คือ “กลุ่มทุนใหญ่โรงแรมคนไทยและเชนโลก” กับ “6สายการบินสัญชาติไทย”
กำลังดาหน้าทยอยประกาศกลับเข้าสู่ตลาด
ขานรับสัญญาณบวกอย่างคึกคักมูลค่าการลงทุนนับแสนล้าน
เป็นผลมาจากการคาดการณ์สถานการณ์ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นตามลำดับ
เพราะมาตรการผ่อนคลายทั้งภายในประเทศและทั่วโลก
จุดประกายความหวังหลังผ่านมรสุมใหญ่โควิด-19 ตอนนี้เป็นจังหวะก้าวเข้าสู่ “ห้วงแห่งโอกาส”
เริ่มต้นโกย “ความร่ำรวย” รอบใหม่ เมื่อ “กำลังซื้อ”
ในประเทศและทั่วโลกปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 24 เดือนข้างหน้า
กลุ่มทุนเงินหนาที่มีสายป่านแข็งแรงซึ่งสามารถฝ่าคลื่นวิกฤตเดินหน้าต่อได้
จะทำหน้าที่เป็น “พลังฟื้นเศรษฐกิจประเทศไทย” ช่วง 5 ปีหน้า
ตั้งแต่ปี 2565-2570
ธุรกิจแรก
“กลุ่มลงทุนโรงแรม/รีสอร์ต”
แบรนด์คนไทยและเชนระดับโลก ไม่ต่ำกว่า 7 ค่ายใหญ่ ประกอบด้วย
“4 แบรนด์คนไทย”
ที่มีผู้นำเป็นทายาทเจ้าสัวแถวหน้าของเมืองไทย ฮ็อตที่สุดแห่งยุค
แบรนด์ที่ 1 “AWC -บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด
(มหาชน)” นำทัพโดยนักธุรกิจหญิงรุ่นใหม่ “วัลลภา ไตรโสรัส”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC ทายาทธุรกิจใหญ่ไทยเบฟ ยืนยันชัดเจนวางแผนจะใช้เงินลงทุนรวมสูงสุด
16,500 ล้านบาท (500 ล้านเหรียญสหรัฐ) จัดตั้งองค์กรการร่วมทุน หรือ
Investment Vehicle เพื่อเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจโรงแรมกระจายตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย
แบรนด์ที่ 2 “เซ็นทารา”
ซึ่งคร่ำหวอดอยู่ในวงการลงทุนโรงแรมมายาวนาน ล่าสุด “วีรยุทธ์ จิราธิวัฒน์”
ซีอีโอ เครือเซนทารา ลูกชายตระกูลดัง “จิราธิวัฒน์” เปิดแผนการลงทุนอีก 5 ปีหน้า พร้อมนำเงินกว่า 10,000
ล้านบาท ขยายโรงแรมเพิ่มอีก 100 แห่ง ปูพรมรับการท่องเที่ยวเมืองไทยมีสัญญาณกลับมาคึกคักปี
2568 เป็นต้นไป ในช่วงจังหวะเดียวกันกับการโรงแรมในเครือให้ครบ 200 แห่ง มีห้องพักทั่วประเทศรวม
38,000
ห้อง
แบรนด์ที่ 3
ERW-บริษัท
ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ของตระกูล “ว่องกุศลกิจ” จ้างมืออาชีพ “เพชร
ไกรนุกูล” กรรมการผู้จัดการใหญ่ มาลุยโมเดลธุรกิจขยายแฟรนไชส์ “แบรนด์ฮ็อปอินน์”
โรงแรมราคาประหยัด (budget Hotels) ปักหมุดภายในปี 2568 เปิดโรงแรมให้ครบ 100
แห่ง ใน 77 จังหวัด ด้วยกลยุทธ์การลงทุนและบริหารเอง 75% และขายแฟรนส์ 25% โดยจะเปิดรับทั้งแบบสร้างใหม่และปรับปรุงอาคารเดิมตามมาตรฐานบริการที่ดี
แบรนด์ที่ 4 บริษัท รสา ฮอสพิทัลลิตี้ จำกัด
ในเครือ รสา กรุ๊ป ผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่กำลังศึกษาเพื่อขยายแนวรุกเข้าสู่การลงทุนโรงแรม
ปี 2565 โดยจ้างมืออาชีพเข้ามาดูแลภายใต้แบรนด์ RASA ปัจจุบันก็มีโรงแรมอยู่บ้างแล้ว ได้แก่ อนันตรา
รสานันดา, บุรี รสา วิลเลจ สมุย, Pai Village Boutique Resort
รวมทั้งเป็นผู้ให้บริการบริหารจัดการภายใต้แบรนด์ Onsen @ Moncham
ขณะที่ “3 เชนโรงแรมโลก”
ก็เคลื่อนทัพการลงทุนอย่างรวดเร็วเข้ามาในประเทศไทยและทั่วเอเชีย
เชนแรก “แอคคอร์กรุ๊ป” ผู้นำเชนโรงแรมอันดับต้น ๆ ของโลก
ประกาศชัดเจนถึงแผนลงทุนขยายโรงแรมปี 2565 พร้อมเดินหน้าเปิดโรงแรมและรีสอร์ตทั่วโลกกว่า
300 แห่ง โดยเฉพาะในไทย ไตรมาส 3 ปีนี้ จะเริ่มเปิดตัวโรงแรม “แบรนด์ไอบิส
สไตล์ แบงคอก ทวิน ทาวเวอร์” ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีห้องพักรวมทั้งหมด 666 ห้อง จากนั้นปี
2567 จะเปิดเต็มรูปแบบ ต่อจาก “เมอร์เคียว ระยอง รีสอร์ต” เปิดตอนต้นปี
ปัจจุบันแอคคอร์มีโรงแรมทั่วโลกใน 110 ประเทศมากกว่า 5,200 แห่ง กว่า 40
แบรนด์โรงแรมหรูและพรีเมียม โรงแรมระดับกลางและประหยัด รวมถึงร้านอาหารและเครื่องดื่ม
10,000
แห่ง
เชนที่
2 สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล : Standard International บริษัทแม่ของเครือนำโรงแรม “เดอะ สแตนดาร์ด- The Standard น้องใหม่ล่าสุดสร้างความฮือฮาเลือก “ไทยเป็นศูนย์กลาง”
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำร่องเปิด 3 โรงแรมใหม่ ได้แก่
1.เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน
รีสอร์ตติดชายหาดแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดแล้วตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2564
2.เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร ในเครือ คิง เพาเวอร์ เป็นโครงการเรือธงหรือ
flagship แห่งเอเชียของแบรนด์ที่จะเปิดอย่างอลังการปี 2565
3.เดอะ สแตนดาร์ด อิบิซ่า เปิดปีนี้ด้วยเช่นกัน
โครงการ 12 แห่งในเมืองท่องเที่ยวตลาดสำคัญทั่วโลก
รวมทั้งสิงคโปร์ เมลเบิร์น ลิสบอน ดับลิน บรัสเซลส์ และลาสเวกัส
เชนที่ 3 กลุ่ม IHG ภายใต้ “แบรนด์ ฮอลิเดย์ อินน์ และ ฮอลิเดย์
อินน์ เอ็กซ์เพรส” จะขยายโรงแรมเชิงรุกในประเทศไทย 3-5 ปีหน้า อีก 16 โครงการ (ปัจจุบันมีอยู่แล้ว19 โรงแรม) ตั้งเป้าเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ล่าสุดได้ปักธงผุดโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่สุดที่หาดกะตะ
จังหวัดภูเก็ต โดยจับมือกับ เค ดับบลิว กรุ๊ป ที่มีประสบการณ์ด้านตลาดโรงแรมในภูเก็ตมายาวนานเปิด
“เดอะ บีช พลาซ่า ภูเก็ต” แบรนด์ฮอลิเดย์อินน์” มีห้องพัก 134 และฮอลิเดย์อินน์เอ็กซ์เพรส 135 ห้อง พร้อมห้องอาหาร ห้องประชุม
รองรับตลาดจัดงานรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งอีก 3 ปีหน้าเตรียมเปิดโครงการมิกซ์ยูสไซมิส
“โรงแรมคราวน์ พลาซ่า กรุงเทพฯ” ภายในปี 2568
ธุรกิจที่สอง
-สายการบินสัญชาติไทย
กำลังแข่งกันกลับมาเปิดบินใหม่อีกครั้ง 6 สายการบิน ได้แก่ 1.ไทยแอร์เอเชีย
2.ไทยสมายล์
3.ไทยเวียดเจ็ท
4.บางกอกแอร์เวย์ส
5.นกแอร์
6.ไทยไลออนแอร์
แอร์ไลน์แรก
-“ไทยแอร์เอเชีย” สายการบินต้นแบบโลว์คอสต์แอร์ไลน์
ยังคงยืนหนึ่งในการกลับมาเปิดบินตรงแบบประจำ
“ภายในประเทศ” มากที่สุดถึง 20 เส้นทาง เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564
เป็นต้นมา ด้วยกลยุทธ์การทำโปรโมชั่นตั๋วโดยสารรายสัปดาห์ผ่านทางแอพลิเคชั่น airasia Super app ใช้ฐานหลัก“สนามบินนานาชาติดอนเมือง”
กระจายไปยัง 3
ภาค ได้แก่
“ภาคเหนือ” 4 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก น่าน
“ภาคใต้” 7 จังหวัด คือ ภูเก็ต หาดใหญ่(สงขลา) นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี
กระบี่ ตรัง นราธิวาส
“ภาคอีสาน” 7 จังหวัด คือ ขอนเเก่น อุดรธานี อุบลราชธานี นครพนม
ร้อยเอ็ด เลย สกลนคร
และ “เส้นทางบินข้ามภาค” อีก 2 จังหวัด โดยใช้ฐานหลักสนามบินนานาชาติเชียงใหม่
บินไป-กลับ หัวหิน และภูเก็ต
เดือนเมษายน 2565 ไทยแอร์เอเชีย
ตัดสินใจตลุยเปิดบินตรง “ระหว่างประเทศ” ตั้งความหวังจะต้องบริการผู้โดยสารตลอดทั้งปี
ตั้งเป้าขนผู้โดยสารทั้งปี 12.3 ล้านคน
เมษายน 2565 เริ่มบินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
18 เส้นทาง
7
ประเทศ ประกอบด้วย
มาเลย์เซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม กัมพูชา มัลดีฟส์ อินเดีย
จากนั้นช่วงครึ่งปีหลัง จะบินเพิ่มในประเทศหลักแถบเอเชียตะวันออกอีก 4 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน
ญี่ปุ่น ฮ่องกง มาเก๊า
นายสันติสุข คล่องใช้ยา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย ยืนยันว่า ตั้งแต่เดือนเมษายน 2565
เป็นต้นไป ไทยแอร์เอเชียพร้อมบินระหว่างประเทศ
กับเพิ่มความถี่เที่ยวบินในประเทศ ด้วย 4 ปัจจัยหลัก
1.คนทั่วไปสามารถปรับตัวอยู่กับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19
ซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้น บวกกับหลายประเทศเริ่มเปิดให้ต่างชาติเข้าออกโดยไม่กักตัวอีกต่อไป
2.สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกจะไม่ขยับราคาสูงไปกว่านี้
รวมทั้งสายการบินสามารถเก็บค่าธรรมเนียมน้ำมัน (fuel surcharge) ในเส้นทางระหว่างประเทศได้
3.ไทยแอร์เอเชียมีศักยภาพและความพร้อมครบทุกด้าน
ทั้งฝูงบิน บุคลากร การเงินมีสภาพคล่องดีขึ้นมาก
4.กลยุทธ์ของไทยแอร์เอเชียมีนโยบายชัดเจนมุ่งพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
ธุรกิจก็ได้ด้วยการให้บริการที่ดีมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล
แอร์ไลน์ที่
2 “บางกอกแอร์เวย์ส”
พรีเมี่ยมแอร์ไลน์ ประกาศปี 2565 เปิดบิน “ในประเทศ” แล้วตั้งแต่ 27 มีนาคม กรุงเทพฯ-กระบี่ “ไตรมาส 3”
ใช้ฐานสนามบินนานาชาติสมุย บินไปยัง เชียงใหม่
ไตรมาส 4บินไป-กลับ สมุย-กระบี่ และใช้ฐานสนามบินหลักเชียงใหม่
บินเที่ยวเดียว สู่กระบี่ และภูเก็ต
เส้นทางบิน “ระหว่างประเทศ”
ตั้งแต่ไตรมาส 3 เริ่มบินจาก
“สมุย” ปลายทาง 2 เมือง
ได้แก่ ฮ่องกง และ เสียมราฐ/นครวัด (กัมพูชา) ไตรมาส 4 จะใช้ฐานสนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ)
ไปยัง 5
เมือง ได้แก่ ดานัง (เวียดนาม) หลวงพระบาง
(สปป.ลาว) ย่างกุ้ง (เมียนมา) และมัลดีฟส์
บางกอกแอร์เวย์ส ประเมินการบินภาพรวมปี 2565
จะฟื้นตัว 40
% จึงตั้งเป้าจะให้บริการผู้โดยสารตลอดปีรวม
2.6 ล้านคน สร้างรายได้จากการขายตั๋ว 8,175 ล้านบาท จากเที่ยวบิน 34,000 เที่ยว ทำอัตราบรรทุกส่งผู้โดยสาร 65%
ขายตั๋วโดยสารราคาเฉลี่ย 3,100 บาท/เที่ยว
แอร์ไลน์ที่ 3 – ไทยสมายล์ การบินไทยถือหุ้น 100
% ปี
2565 มีเที่ยวบิน “ในประเทศ” จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไป-กลับ “ภาคอีสาน”
จ.ร้อยเอ็ด ตั้งแต่ 28 มกราคม วันละ 1 เที่ยว “ภาคใต้” จ.ตรัง วัน 1 เที่ยว เริ่ม 25 กุมภาพันธ์ ราคารวมทุกอย่างเริ่มต้นที่
1,000 บาท/เที่ยว รวมทั้งหันมาใช้สนามบิน “ดอนเมือง” ไป-กลับ
เชียงใหม่ เริ่ม 25 กุมภาพันธ์ 2565
วันละ 2 เที่ยว ทำโปรโมชั่นตั๋ว 900
บาท/เที่ยว
ส่วนเที่ยวบิน “ระหว่างประเทศ” นำร่อง 2 ประเทศ ได้แก่ 1.สุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ) สู่ โฮจิมินห์ (สนามบินเตินเซินเญิ้ต
เวียดนาม) เริ่ม 1 กุมภาพันธ์ 3 เที่ยว/สัปดาห์ ทุกวันอังคาร, พุธ และอาทิตย์
มีโปรโมชั่นตั๋ว
เริ่มต้น 3,620 บาท/เที่ยว ซื้อผ่านทางwww.thaismileair.com และ 2.ภูเก็ต – มุมไบ (สนามบินนานาชาติ ฉัตรปตีศิวาจีมหาราช อินเดีย) เริ่ม 19 มีนาคม 3 เที่ยว/สัปดาห์ ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี
และเสาร์
แอร์ไลน์ที่ 4 “ไทยเวียดเจ็ท”
กลับมาบิน “ในประเทศ”
โดยใช้สนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ) แต่ละสัปดาห์ มีบริการบิน ไป-กลับ 6 เส้นทาง เชียงใหม่ 12 เที่ยว ภูเก็ต 8 เที่ยว นครศรีธรรมราช 3 เที่ยว อุดรธานี 12 เที่ยว ขอนแก่น 4 เที่ยว และบินข้ามภาค ภูเก็ต – เชียงใหม่ 1 เที่ยว
รวมทั้งบิน “ระหว่างประเทศ” เปิดบินปฐมฤกษ์แล้วเมื่อ 21 มีนาคม 2565 ไป-กลับ สุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ)-พนมเปญ
(กัมพูชา) 3 เที่ยว/สัปดาห์ และ กรุงเทพฯ สู่เวียดนาม 2 เมือง คือ โฮจิมินห์สิ้นปีนี้จะบินมากสุด
5
เที่ยว/สัปดาห์ กับเมืองดานัง
แอร์ไลน์ที่ 5 -นกแอร์ เริ่มบิน “ในประเทศ” เน้นเปิดบินข้ามภูมิภาค
ประกอบด้วย 1.ภูเก็ต-อุบลราชธานี เริ่ม
8 เมษายน 2565 ทุกวันศุกร์ (ออกจากอุบล
08.45 น.) และวันอาทิตย์ (ออกจากภูเก็ต 15.45 น.) ด้วยเครื่อง Boeing 737-800 ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ขายตั๋วเริ่มที่ 1,599 บาท
ล่าสุดสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
(สบพ.) อนุมัติให้นกแอร์เปิดข้ามภาค
โดยใช้สนามบินนครราสีมาได้ตั้งแต่ปลายเมษายนนี้เป็นต้นไป เบื้องต้น 3 เส้นทาง
วันละ 1 เที่ยว
หรือ 7
เที่ยว/สัปดาห์ ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่
แอร์ไลน์ที่ 6-ไทย ไลอ้อน แอร์ บิน “ในประเทศ” รวม 15 เส้นทาง โดยใช้สนามบินดอนเมือง (กรุงเทพฯ)
ไป-กลับ จ. น่าน เริ่ม 25 มีนาคม เป็นต้นไป เป็นเที่ยวบินตรงรวม 13 เส้นทาง ได้แก่ “ภาคเหนือ” 4 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย
พิษณุโลก น่าน “ภาคอีสาน”
3
จังหวัด คือ อุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น “ภาคใต้”
6 จังหวัด
คือ สุราษฎร์ธานี กระบี่ ภูเก็ต หาดใหญ่(สงขลา) ตรัง นครศรีธรรมราช และ บินข้ามภาคอีก 2 เส้นทาง คือ อุดรธานี - หาดใหญ่ และ อู่ตะเภา –
เชียงใหม่
“เมษายน
2565”
จึงจะเป็นเดือนแห่งการพลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเมืองไทย
กลับมาผงาดอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในเร็ววันนี้
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 ช้อปด่วน!!คิงเพาเวอร์ FASCINATING PAYDAYออนไลน์ลดเดือด45%
ห้ามพลาด !!ช้อปออนไลน์ “คิง
เพาเวอร์” กับ FASCINATING PAYDAY 7 วันช้อปสนุกทุกสิ้นเดือน
ลดสูงสุด 45% โดยกดเข้าไปรับรหัสส่วนลด
แล้วใช้ได้ที่ www.kingpower.com และ แอปพลิเคชัน KING
POWER เท่านั้น วันนี้-31 มีนาคม 2565 เท่านั้น เมื่อช้อปครบ 3,000 บาทขึ้นไป ก็รับส่วนลดสูงสุดสบาย ๆ ถึง 45%
ก่อนใช้สิทธิช้อป
!! ลูกค้าจะต้อง “สมัครสมาชิก” ทางเว็บไซต์ kingpower.com
แล้วทำการล็อคอินก่อนการใช้รหัสส่วนลดกับสินค้าที่ต้องการจะซื้อได้ตามเงื่อนไขในแต่ละหมวด
ซึ่งเข้าร่วมส่งเสริมการขายรายการนี้ เฉพาะสั่งซื้อสินค้าที่ร่วมแคมเปญนี้
แนะนำให้ “สมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์”
รับวงเงินช้อปเพิ่มสูงสุด 18,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ - 30 เมษายน 2565
1.สมัครสมาชิก SCARLET เติมเงินเข้าบัญชีสมาชิกฯ 6,000 บาท
รับวงเงินช้อปได้จริง 7,500 บาท เป็นวงเงินเพิ่ม 1,500 บาท
2.สมัครสมาชิก ONYX เติมเงินเข้าบัญชีสมาชิก 60,000 บาท
รับวงเงินช้อปได้จริง 78,000 บาท เป็นวงเงินเพิ่ม 18,000 บาท
(งดทำรายการส่งเสริมการขายระหว่าง 6-17 เมษายน 2565) ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี
(เปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์) พัทยา และภูเก็ต
ข่าวที่ 2
คิงเพาเวอร์แจกสนามบอลหญ้าเทียมปี’65คัดได้แล้ว11โรงเรียน/ชุมชน
คิง
เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย
ขอแสดงความยินดีกับโรงเรียนและชุมชนที่ได้รับคัดเลือกสนามฟุตบอลหญ้าเทียมโครงการ ‘100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย’ ประจำปี 2565 คัดเลือกแบ่งเป็น ประเภทโรงเรียนและชุมชนที่เหมาะสมได้เรียบร้อยแล้ว 11 แห่ง ประกอบด้วย
ประเภทโรงเรียน 7
แห่ง คือ 1.โรงเรียนบ้านตากไประชาวิทยาคาร จ.ตาก 2.โรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม
จ.บุรีรัมย์ 3.โรงเรียนศรีธรรมวิทยา จ.ยโสธร 4.โรงเรียนบ้านประพาส จ.ปราจีนบุรี 5.โรงเรียนอัมพวันวิทยาลัย
จ.สมุทสงคราม 6.โรงเรียนวิเศษไชยชาญตันติวิทยาภูมิ จ.อ่างทอง
7.โรงเรียนเกาะพะงันศึกษา จ.สุราษฎร์ธานี
ประเภทชุมชน 4 แห่ง คือ 1.ชุมชนเทศบาลตำบลธรรมามูล จ.ชัยนาท 2.ชุมชนโรงเรียนบ้นแซววิทยาคม จ.เชียงราย 3.องค์การบริหารส่วนตำบลอาจสามารถ
จ.นครพนม 4.โรงเรียนบ้านก้านเหลืองดง จ.มุกดาหาร 5.โรงเรียนบ้านก
การคัดเลือกครั้งนี้ทางทีม
คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ลงพื้นที่สำรวจโรงเรียนและชุมชนทั่วประเทศที่ส่งใบสมัครเพื่อขอรับสนามฟุตบอลหญ้าเทียมมาตรฐานสากล
ปี 2565 โรงเรียนหรือชุมชนที่พลาดโอกาสแรก
ยังสามารถติดตามรายละเอียดการเปิดรับสมัครโครงการ ‘100 สนามฟุตบอล
สร้างพลังเยาวชนไทย’ ได้อีกครั้งเร็ว ๆ นี้ ทางโซเชียลมีเดีย Facebook Fan
Page : King Power Thai Power พลังคนไทย, Instagram :
kingpowerthaipower และ Twitter
: King Power Thai Power
โครงการนี้
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เดินหน้าพัฒนาต่อเนื่องตลอดตั้งแต่ปี 2561-2564
ภายใต้โครงการเพื่อสังคม คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย
โดยได้สนับสนุนการก่อสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมขนาด 7 คนเล่น
พร้อมส่งมอบให้แก่โรงเรียนและชุมชนทั่วทุกภูมิภาคไปแล้ว 78
แห่ง
ข่าวที่
3 ททท.ดึงทุกแนวร่วมดัน3กิจกรรมมือใหม่หัดกรีนปลุกเที่ยวรับผิดชอบ
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ร่วมกับหน่วยงานองค์กรพันธมิตร
รณรงค์จัดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ หรือ Responsible Tourism ภายใต้แคมเปญ "มือใหม่หัดกรีน-ใคร ๆ ก็กรีนได้ ง่ายนิดเดียว"
เพื่อดึงคนรุ่นใหม่เข้าร่วม 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่
กิจกรรมที่
1
"มือใหม่หัดกรีน Challenge" ผนึกกับรถเช่า AVIS
CANON Element 72 Stanley KEEN และ Rubber Killer Ecotopia
at Siam Discovery ชวนบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวมาร่วมชาเลนจ์ท่องเที่ยวสไตล์กรีน
ด้วยการเปิดให้แข่งขันกันสร้างคอนเทนต์ให้คนรุ่นใหม่เข้าใจแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ
ชิงรางวัล 200,000 บาท สมัครได้แล้ววันนี้ที่ www.มือใหม่หัดกรีน.com/challenge
กิจกรรมที่
2
"มือใหม่หัดกรีน 1,000 บาท Challenge" จับมือกับสถาบันการศึกษาต่าง
ๆ เชิญชวนนักศึกษา สมัครแข่งขันร่วมท่องเที่ยวตามโจทย์ตามเส้นทางสายกรีน ด้วยงบ 1,000
บาท ชิงรางวัล 100,000 บาท ติดตามกติกาได้ที่ Facebook
มือใหม่หัดกรีน
กิจกรรมที่ 3 "มือใหม่ หัดกรีน Quiz" เกมทดสอบที่นักท่องเที่ยวสามารถวัดระดับความกรีนในการท่องเที่ยวของตนเอง
เพื่อประเมินคะแนนหลังจบทริปเที่ยว พร้อมลุ้น Lucky Draw มูลค่ารวม
100,000 บาท
นางสาวฐาปนีย์
กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา ททท. ทำสำรวจความคิดเห็นนักท่องเที่ยว พบว่า
ส่วนใหญ่เต็มใจจะท่องเที่ยวด้วยความรับผิดชอบ เพียงแต่ยังขาดแนวทางการเริ่มต้นที่จะควรปฏิบัติตัวอย่าง
และกังวลใจอาจจะทำให้ยุ่งยาก ดังนั้น ททท. จึงร่วมกับเว็บไซต์ Sanook Travel จัดทำชุดข้อมูล
"มือใหม่หัดกรีน How To" นำเสนอคอนเทนต์ไอเดีย
เที่ยวสไตล์รักษ์โลกแบบง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด
เช่น การจัดกระเป๋าให้น้ำหนักเบาที่สุด
การพกถุงผ้า การใช้กระบอกน้ำส่วนตัว
ลดการใช้ผลิตภัณฑ์จากพลาสติก รับประทานอาหารหมดแบบไม่เหลือทิ้ง
การใช้ครีมกันแดดที่เป็นมิตรกับปะการัง การไม่รบกวนหรือทำร้ายสัตว์ป่า
เลือกเข้าพักในโรงแรม รีสอร์ต ECO
แนวรักษ์โลก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
อีกทั้ง
“การท่องเที่ยวทางน้ำ” มีบริษัทเรือนำเที่ยว Love
Andaman กับลมพระยา
ร่วมรณรงค์เผยแพร่ข้อมูลเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้วยชุดข้อมูล "มือใหม่
หัดกรีน How To รักษ์ทะเล"
เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รู้แนวทางการเที่ยวทะเลอย่างรับผิดชอบ พร้อมกับให้จองซื้อดีลเที่ยวแบบกรีน
ๆ ทาง www.มือใหม่หัดกรีน.com
ขณะเดียวกันในแคมเปญต่าง
ๆ ยังได้นำเสนอสินค้ารักษ์โลกอย่างหลากหลาย
เพื่อให้ลองท่องเที่ยวสไตล์กรีน
1.สินค้าการท่องเที่ยวด้านที่พัก ร้านอาหาร ในรูปแบบ Green Hotel,
Home stay, Home lodge, Farm stay, Green restaurant, Green cafe
2.จัดทริปท่องเที่ยวชุมชน มอบสิทธิประโยชน์ ส่วนลด โปรโมชั่น เมื่อซื้อแพกเกจทัวร์
25 เส้นทาง สายกรีน 25 จังหวัด
โดยจับมือกับพันธมิตร เช่น แอร์บีแอนด์บี โรบินฮู้ด ทราเวล ทราเวลไอโกดอทคอม
รถเช่า AVIS บริษัทนครชัยแอร์ จำกัด บริษัททัวร์รักษ์โลก
เริ่มเปิดให้จองซื้อได้ตั้งแต่ 25 มีนาคม 2565 ทางเว็บไซต์ www.มือใหม่หัดกรีน.com
ข่าวที่ 4
บางจากให้สมาชิกบัตรใช้แต้มแลกพอยต์ตั๋วบินแอร์เอเชียถึง31ธ.ค.65
บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้จับมือกับสายการบินไทยแอร์ เอเชีย
มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกบัตรบางจาก สามารถ โอนแต้มบางจากเพื่อเปลี่ยนเป็น Air Asia BIG Points ได้ถึง 2
สิทธิพิเศษ เพื่อเดินทางเที่ยวทั่วไทย ระหว่างวันนี้ – 31 ธันวาคม 2565
สิทธิพิเศษแรก -สมาชิกบัตรบางจาก
โอน 300 คะแนน เป็น 250 AirAsia BIG
Point ได้ทันที! นำคะแนนสะสมไปแลกบัตรโดยสาร AirAsia ได้ทุกเส้นทาง รับสิทธิ์ได้ตั้งวันนี้
- 31 ธันวาคม 2565
สิทธิพิเศษที่ 2 -โอนแต้มบางจาก 550 คะแนน เพื่อเปลี่ยนเป็น 500 AirAsia BIG
Points
สิทธิพิเศษสำหรับสำหรับสมาชิกบัตรบางจาก
โอน 550 คะแนน เป็น 500 AirAsia BIG Point ได้ทันที!
นำคะแนนสะสมไปแลกบัตรโดยสาร AirAsia ได้ทุกเส้นทาง
การโอนคะแนนบัตรบางจากแลกตั๋วโดยสาร
แอร์ เอเชีย บินทั่วไทย มีขั้นตอนการรับสิทธิ์ ดังนี้
1.
กด รับสิทธิ์ ผ่าน Bangchak Mobile Application หรือ เว็บไซต์
2.
หลังจากกดยืนยันการแลกคะแนน กรอก Big Shot ID และกด Log in
3.
กด Confirm เพื่อยืนยันการโอนคะแนน
4.
ระบบแจ้ง โอนคะแนนสำเร็จ จากนั้นกด OK
5.
รอรับคะแนน AirAsia BIG ภายใน 4
วันทำการ
ช่วงที่ 2 สาวกที่รักโลกใต้ทะเล
เตรียมออกเดินทางไป “เกาะจานกับเกาะท้ายทรีย์” ดำน้ำดูทุ่งปะการังใต้น้ำกันให้ชุ่มปอดไปเลย
ตอนนี้ “อุทยานแห่งชาติหาดวนกร” จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดให้ไปดำน้ำทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกได้แล้ว
ส่วนกลุ่มรักสุขภาพต้องเกาะติด “6ผลไม้และเครื่องดื่มไทย”
ช่วยดับร้อนได้สารอาหารเพียบ และข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “มีเลียเชียงใหม่เครือAWC” จัดโปรใหญ่ห้องพักต้อนรับเปิดโรงแรมใหม่ ข่าวที่สอง “บขส.หนุนท่องเที่ยว”
ซื้อตั๋วไปเชียงใหม่แจกส่วนลด 20-50%
พาเที่ยว
-เปิดแล้ว!!ดำน้ำเกาะจาน-เกาะท้ายทรีย์โลกสวยใต้ทะเลที่หาดวนกร
สายท่องโลกใต้ทะเล
เตรียมตัวออกเดินทางกันเถอะ ตอนนี้ อุทยานแห่งชาติหาดวนกร หมู่ 7 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77130 ตอนนี้เปิดให้นักท่องเที่ยว “ดำน้ำ” ดูปะการัง ทั้งผิวน้ำ snorkeling และใต้น้ำ (scuba) ได้แล้ว เพื่อชมแหล่งที่สวยสุด ๆ
ใกล้กรุงเทพฯ ที่ “เกาะจาน-เกาะท้ายทรีย์” ทั้ง 2
เกาะนี้ ถือเป็นจุดดำน้ำชมปะการังฝั่งอ่าวไทยที่สวยไม่แพ้ทะเลอันดามันภาคใต้
ใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพฯ
เพียง 4 ชั่วโมง
และห่างจากตัวเมืองหัวหินเพียงชั่วโมงเศษ
ช่วงเวลาที่เหมาะดำดิ่งลงสู่ใต้น้ำเพื่อชมความสวยงามจะอยู่ในช่วงเวลา
10.00 น. – 12.00 น. ความงดงามของโลกใต้ทะเลต้องบอกว่าสมบูรณ์มาก คล้ายกับทุ่ง
“ปะการัง” หลากชนิด มีทั้งปะการังเขากวาง ปะการังถ้วยสีส้ม ปะการังดอกกระหล่ำ
ปะการังโขด กลุ่มปะการังพุ่มดอกไม้ ปะการังโต๊ะ ปะการังผักกาดใบใหญ่
จึงกลายเป็น
“บ้านของกลุ่มปลาทะเล” ได้แหวกว่ายอาศัยแนวปะการัง อย่าง ปลานกแก้ว
ปลาผีเสื้อปากยาว หอยมือเสือ ปลาการ์ตูนอินเดียแดง ปลากระเบนจุดฟ้า
เมื่อได้ลงไปเห็นแล้วจะหลงไหลจนลืมโลกบนดินกันเลยทีเดียว
“การเดินทางจากฝั่ง” ต้องนั่งข้ามเรือ
15 นาที ไปหยุดอยู่ตรงบริเวณหาดทรายขาว
แหล่งเตรียมตัวลงไปดำดูปะการังสีสันสวยงามกระจายอยู่ทั่วเกาะ
เกาะจาน-เกาะท้ายทรีย์
ตั้งอยู่พื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดวนกร อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์
เป็นชายหาดแนวยาวบรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบเต็มไปด้วยทิวต้นสนทะเลและสนประดิพัทธ์ทอดยาวไปไกลกว่าร้อยเมตรภายในพื้นที่อุทยานยังมีบริการลานกางเต็นท์และบ้านพักริมทะเลให้บริการหลากลหลายรูปแบบ
สำหรับการเดินทางไปเกาะจาน
ต้องจองเรือจากอุทยานไว้ล่วงหน้าเท่านั้น
จัดให้นักท่องเที่ยวขึ้นเรือได้บริเวณหน้าหาดวนกร มีบริการเรือ 2 แบบ คือ เรือยาว หรือเรือสปีดโบ๊ท
ใช้เวลาเดินทางเทียวละ 15 – 20 นาที
ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางอุทยานแห่งชาติหาดวนกร
ของดบริการเช่าเต็นท์และเครื่องนอน เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกท่าน
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/hatwanakorn หรือ โทร 081-9449956
สำหรับข้อมูลท่องเที่ยวทำกิจกรรมดำน้ำเกาะจาน-เกาะท้ายทรีย์
มีดังนี้
1.ช่วงเวลาแนะนำคือรอบเช้า ( 10.00 – 12.00 น. )
แนะนำให้จองล่วงหน้ากับทางอุทยานฯ
2.ค่าดำน้ำ คนไทย ผู้ใหญ่ คนละ 600 บาท
เด็กคนละ 500 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 800 บาท เด็ก 700 บาท เป็นราคานี้รวมอุปกรณ์ดำน้ำ (
เสื้อชูชีพ – หน้ากาก – สน็อกเกิ้ล ) ฟรีน้ำดื่มท่านละ 1 ขวด
จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยทางน้ำอย่างใกล้ชิด
สุขภาพ -6ของกินผลไม้+เครื่องดื่มไทยๆ
ช่วงหน้าร้อนเติมสารอาหารวิตามิน
อากาศร้อนแบบนี้ การเลือกกินอาหารให้ถูกต้องนั้นสำคัญมาก
เพราะอาหารแต่ละชนิดมีคุณสมบัติทำให้ร่างกายร้อนและเย็นต่างกัน
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่เชื่อว่า you are what you eat หรือ
“คุณกินอะไรก็เป็นแบบนั้น” แล้วละก็ ต้องหมั่นระวังอาหารที่กินให้ดีไม่เช่นนั้นหน้าร้อนนี้อาจรู้สึกร้อนยิ่งไปกว่าเดิม
มาดูอาหารที่คุณควรกินเพื่อสุขภาพที่ดีในหน้าร้อนกัน
1.
น้ำมะพร้าว -คือน้ำผลไม้ที่ให้ทั้งความหอมสดชื่น
ช่วยดับกระหายและลดอุณหภูมิภายในร่างกายลง เพราะ มะพร้าวเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็น
อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด เช่นวิตามินซี วิตามินบี
กรดอะมิโน แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก
ที่ช่วยลดอาการปวดศีรษะจากอากาศร้อนลงได้ ดื่มบ่อยๆ ผิวพรรณจะดูสดใสขึ้นอีกด้วย
2.
มะม่วง - ผลไม้ที่ชุ่มน้ำนี้นอกจากช่วยลดอาการกระหาย ช่วยละลายเสมหะ
แก้อาการคลื่นไส้อาเจียนแล้ว ยังมีไขมันอิ่มตัวดี โซเดียมต่ำ
และเป็นแหล่งอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ วิตามินบี 6 วิตามินเอ
และวิตามินซี รวมทั้งโพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี สามารถลดระดับความดันโลหิต ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
ลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ในร่างกาย
และสร้างเสริมการทำงานของสมอง
3.
แตงโม -ผลไม้ประจำหน้าร้อนของใครหลายๆ
คนที่ช่วยดับกระหายคลายร้อนในทันทีได้ ยิ่งถ้ากินแบบแช่เย็นๆ
จะดับร้อนได้ดีมากเพราะในแตงโมนั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 95% แถมยังมีสาร Citrulline
(ซิทรูไลน์) ที่ช่วยขยายเส้นเลือด ดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน
และปลอดภัยสำหรับคนเป็นโรคเบาหวานเพราะมีแคลอรีต่ำมาก
4.
เฉาก๊วย ขนมวุ้นสีดำทำมาจากต้นเฉาก๊วยตากแห้ง
เวลาได้กินพร้อมน้ำเแข็งและน้ำเชื่อมหวานอ่อนๆ แล้วละก็จะช่วยคลายร้อน แก้ร้อนใน
ดับกระหาย แก้อาการเบื่ออาหาร และแก้โรคหวัดได้เป็นอย่างดี
นับเป็นสุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ และเมนูของหวานสุดโปรดของคนไทยหลายๆ คนในหน้าร้อน
5.
น้ำเก๊กฮวย -เครื่องดื่มที่มีสรรพคุณแก้ร้อนใน
ทำจากดอกไม้ตระกูลเดียวกับดอกทานตะวันและดอกดาวเรืองที่ช่วยดับกระหายได้ดี
ดื่มแล้วจะคืนความสดชื่นให้ร่างกายเพราะดอกเก๊กฮวยมีฤทธิ์เย็น แก้อาการร้อนใน
ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารได้ดี โดยเฉพาะดื่มชาเก๊กฮวยร้อนๆ
จะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องจากอาหารไม่ย่อยได้
แถมเป็นสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพหัวใจและช่วยลดระดับความดันโลหิต
6.
น้ำเปล่า -เครื่องดื่มแสนธรรมดาที่ดับกระหายได้ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นน้ำเปล่า
เพราะเวลาอากาศร้อน ร่างกายของเราจะสูญเสียน้ำตลอดเวลา
การดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายรักษาอุณหภูมิได้ดี
และช่วยให้ไตซึ่งเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ขับสารพิษออกจากร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
โดยจะถูกขับออกมาในรูปแบบต่างๆ เช่น เหงื่อ และปัสสาวะ
ส่วนอาหารที่ควรเลี่ยงคือ
“อาหารรสเผ็ด” จะยิ่งทำให้ร่างกายร้อนมากขึ้น เช่น
อาหารและเครื่องเทศที่มีฤทธิ์ร้อนโดยเฉพาะอาหารประเภทมัน ๆ ทอด ๆ
ที่ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานที่สูงขึ้นและเสี่ยงต่อการเป็นร้อนใน เจ็บคอ
และควรเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีฤทธิ์เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย
กินแล้วทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบเพราะหลอดเลือดถูกขยายตัวอย่างรวดเร็ว
การกินอาหารเหล่านี้อาจจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียได้ง่ายขึ้น
ข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “โรงแรมมีเลียเชียงใหม่”เครือAWCจัดโปรชุดใหญ่ฉลองเปิดใหม่10เม.ย.นี้
โรงแรม มีเลีย เชียงใหม่ ขนาด 260 ห้อง ประกาศพร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 10
เมษายน 2565 เป็นต้นไป เป็นหนึ่งในโรงแรมของ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC
(Asset World Corp Public Company Limited)
บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร บริหารโดย
มีเลีย โฮเทลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Meliá Hotels International)
โดยได้จัดโปรโมชั่นแนะนำเปิดโรงแรมใหม่ ด้วยห้องพักราคาพิเศษ ตั้งแต่วันนี้
-30 เมษายน 2565 เพื่อเข้าพักและออกเดินทางค้นหาเสน่ห์ของเมืองเก่าอย่างเชียงใหม่ได้ตั้งแต่10 เมษายน-วันที่ 31 ตุลาคม 2565
เลือกจองพักได้ดังนี้
1.ห้องพักแบบมีเลีย ราคาสุทธิเริ่มต้นเพียง 2,499
บาท/ห้อง/คืน ราคารวมอาหารเช้า 2 คน ส่วนลด
ค่าอาหารและเครื่องดื่มระหว่างที่เข้าพัก 20% ส่วนลดทรีทเมนท์ 20%
จากเมนู Exclusive Wellbeing ที่ YHI Spa ที่ใช้ผลิตภัณฑ์สปาคุณภาพจากแบรนด์ HARNN
2.เมื่อสำรองห้องพัก 2 คืน รับฟรี 1.รถรับส่งจากสนามบินเชียงใหม่ 2.เครื่องดื่มค็อกเทล
3.ทาปาส 1 ชุด ต่อการเข้าพัก
3.เมื่อสำรองห้องพัก 4 คืน
จะได้อัพเกรดห้องพักเป็นห้องพักแบบที่สูงขึ้นด้วย
สำรองห้องพักติดต่อแผนกสำรองห้องพัก อีเมล์ reservation.chiangmai@melia.com โทร. 052 090 699 หรือ
เวปไซด์ www.melia.com ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 เมษายน 2565
ข่าวที่สอง –บขส.งัดโปรโมชั่นบูมท่องเที่ยว“ซื้อตั๋วเชียงใหม่”แจกส่วนลด20-50%
ดร.สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า บขส. ร่วมกับ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ภายใต้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) และกิจการน้ำพุร้อนสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ จัด “โปรโมชั่นพิเศษ” เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวเชียงใหม่ มอบส่วนลดค่าเข้าเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และน้ำพุร้อนสันกำแพง ทันที 20 - 50 % ตั้งแต่ 1 เมษายน – 30 กันยายน 2565
โปรโมชั่นพิเศษนี้ ใช้ได้กับ “เฉพาะผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสารของ บขส.” ที่มีจุดหมายปลายทางสู่เชียงใหม่เท่านั้น ลูกค้า บขส. จะได้รับสิทธิพิเศษด้วยการเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น เช่น ส่วนลดค่าบัตรเข้าเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี 20% ส่วนลดค่าเข้าน้ำพุร้อนสันกำแพง ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ 50% ส่วนลดค่าแช่อาบน้ำแร่ หรือส่วนลดค่าบ้านพัก 300 บาท
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง
สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น