วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

“เอมิเรตส์”เปิด"พรีเมี่ยมอีโคA380"โฉมใหม่กรุงเทพ-ดูไบชิงตลาดโลก

 “เอมิเรตส์”เปิดพรีเมี่ยมอีโคA380โฉมใหม่กรุงเทพ-ดูไบ

ลุย 5 บริการเด่นชิงผู้โดยสารเข้าออกไทย-ตลาดทั่วโลก

 

เอมิเรตส์เปิดตัวที่นั่งชั้นโฉมใหม่ Premium Economy A380 บริการผู้โดยสารเส้นทางบิน ไป-กลบ กรุงเทพ-ดูไบ 

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #Emirates #PremiumEconomyA380

ฮือฮา !! เอมิเรตส์เปิดตัวที่นั่งโฉมใหม่ “พรีเมี่ยม อีโคโนมี” แอร์บัส A380 ไป-กลับ “กรุงเทพฯ-ดูไบชูบริการ 5 จุดเด่น ชิงผู้โดยสารบินใกล้ ไกล ปลายปี’68 ปรับโฉมเพิ่มในฝูงบินโบอิ้ง B777s ครองแชมป์ตลาดโลก

            “เอมิเรตส์” สายการบินระหว่างประเทศรายใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศเปิดเที่ยวบินแรกแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไป-กลับ กรุงเทพ-ดูไบ รหัสบิน EK372/373) ด้วยฝูงบินโฉมใหม่แอร์บัส A380 ซึ่งมีห้องโดยสารชั้น “พรีเมี่ยม อีโคโนมี : Premium Economy” ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก เมื่อผู้โดยสารเลือกใช้บริการเที่ยวบินเหล่านี้จะได้สัมผัสประสบการณ์ความหรูหราเหนือระดับด้วยห้องโดยสารที่นั่งชั้นดังกล่าว ล่าสุดเอมิเรตส์ปรับโฉมตกแต่งภายในใหม่คว้ารางวัลมาแล้ว

            “ห้องโดยสารชั้นพรีเมี่ยม อีโคโนมี” เอมิเรตส์ ฝูงบินแอร์บัส A380 มี 5 จุดเด่น ได้แก่ 1.พื้นที่วางขากว้างถึง 40 นิ้ว 2.ปรับเอนที่นั่งได้ถึง 8 นิ้ว 3.จัดวางที่นั่งแบบ 2-4-2 ด้วยเบาะหนังสีครีมพร้อมเบาะพักขานุ่มสบาย 4.เบาะพักศีรษะสามารถปรับระดับได้ตามความต้องการ 5.มีโต๊ะไม้แบบพับเก็บได้ใช้นั่งทำงานหรือรับประทานอาหารได้ อย่างเพลินเพลินกับเมนูอาหารประจำภูมิภาคจะเสิร์ฟมาบนชุดภาชนะกระเบื้องจาก Royal Doulton พร้อมเมนูเครื่องดื่มหลากหลาย เช่น สปาร์กลิงไวน์จาก Chandon ไวน์จากห้องโดยสารชั้นธุรกิจ เหล้าลิเคียวร์ชนิดต่าง ๆ ช็อกโกแลต



“การจัดสัดส่วน” ห้องโดยสารชั้น พรีเมี่ยม อีโคโนมี ดีไซน์ให้อยู่บริเวณด้านหน้าของเครื่องบินแอร์บัส A380 ยกระดับการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่ใช้บริการชั้นนี้ ได้รับสิทธิพิเศษในการลงจากเครื่องบินก่อน รวมทั้งมีอุปกรณ์ความบันเทิงบนเครื่องครบ เช่น หน้าจอแบบมีความละเอียดสูงขนาด 13.3 นิ้ว และระบบเชื่อมต่อผ่านหูฟังบลูทูธ แล้วผู้โดยสารยังสามารถใช้ Wifi ความเร็วสูงในเครื่องเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดการเดินทาง

“เส้นทางบินระยะไกล” ผู้โดยสารจะได้รับชุดของใช้ส่วนตัวแบบรักษ์โลกบรรจุอยู่ในกระเป๋า ทำจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ผู้โดยสารสามารถนำกลับไปใช้ซ้ำได้ด้วย  


“นายโมฮัมเหม็ด อัล วาเฮดิ” ผู้จัดการสายการบินเอมิเรตส์ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า เอมิเรตส์ภูมิใจในการเปิดตัวชั้นโดยสารระดับพรีเมี่ยม อีโคโนมี ให้บริการในเส้นทางกรุงเทพฯ - ดูไบ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รองรับนักเดินทางเข้าออกไทยเป็นตลาดสำคัญ และการเปิดตัวยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์ในการเดินทางต่อเนื่องของลูกค้าเข้าออกเมืองไทยได้เป็นอย่างดี ด้วยการออกแบบภายในหรูหรามาพร้อมความสะดวกสบายอันปราณีต ชั้นโดยสารใหม่ของเอมิเรตส์ จึงเป็นตัวเลือกเติมเต็มความต้องการการบริการระหว่างห้องโดยสารชั้นประหยัดและชั้นธุรกิจได้อย่างลงตัว เหมาะกับการเดินทางระยะกลางและระยะไกล เป็นการเปลี่ยนแปลงวงการบิน ที่ช่วยให้ผู้โดยสารที่เดินทางจากไทยมีตัวเลือกสะดวกสบายมากกว่า
ที่เคยมีมาก่อนนั่นเอง



การเปิดตัวในไทย” ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการเร่งขยายบริการเครื่องบินรุ่นแอร์บัส A380 และโบอิ้ง B777s โดยเอมิเรตส์ได้ปรับโฉมภายในใหม่ทั้งหมด คาดมีเกือบ 50% ที่ให้บริการเครือข่ายเส้นทางการบินทั่วโลกที่จะให้บริการด้วยเครื่องบินที่ระดับการตกแต่งภายในใหม่ภายในสิ้นปี 2568 พร้อมมอบประสบการณ์บริการ “พรีเมี่ยม อีโคโนมี” อันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยบรรยากาศภายในห้องโดยสารรูปแบบใหม่

“เอมิเรตส์” วางแผนจะเปิดตัวเครื่องบิน A380 โฉมใหม่ เส้นทางบินสู่ ฮ่องกง เมืองนีซ และเมืองเพิร์ท (ออสเตรเลีย) พร้อมเปิดตัวเครื่องบินโบอิ้ง B777s โฉมใหม่ เส้นทางบินสู่ กรุงมาดริด กัวลาลัมเปอร์ จังหวัดภูเก็ต และเมืองแฟรงก์เฟิร์ต แล้วสิ้นปี 2568 ฝูงบินโฉมใหม่นี้ยังอยู่ในแผนเส้นทางบินสู่กรุงดับลินด้วย

ผู้โดยสารจองเที่ยวบินที่บริการโฉมใหม่ด้วยเครื่อง A380 เลือกชั้นโดยสารพรีเมี่ยม อีโคโนมี
ได้ทางเว็บไซต์ emirates.com หรือผ่านบริษัทตัวแทนการขายตั๋วโดยสารของเอมิเรตส์ทุกแห่ง

 

 

ททท.นำภูฎานออนทัวร์ไทยถอดโมเดล“เที่ยวยั่งยืน”แลกเปลี่ยนตลาดคุณภาพโลก

ททท.นำภูฎานออนทัวร์ไทยถอดโมเดล “เที่ยวยั่งยืน”

ผนึก2ประเทศรุกแลกเปลี่ยนดึงตลาดคุณภาพทั่วโลก

ททท.ต้อนรับคณะตัวแทนการท่องเที่ยว “ภูฏาน”ลงพื้นที่ดูโมเดลทำการท่องเที่ยวยั่งยืน

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #ภูฎาน #ท่องเที่ยวยั่งยืน

ททท.นำทีมต้อนรับท่องเที่ยว “ภูฏาน” ถอดโมเดล “ท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืน” ขับเคลื่อน “ไทย-ภูฎาน”ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพในตลาดโลก พาเดินสายดูเอกชนเจ้าของรางวัลเที่ยวยั่งยืน กับ “น่าน”ต้นแบบเมืองสร้างสรรค์เจ้าของรางวัล Green Destinations Gold Award 2024 

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า นำ ททท.ต้อนรับคณะผู้แทนจากภูฎานทั้งหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยว และสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเดินทางเยือนไทยเมื่อเร็ว ๆ นี้ พร้อมเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และลงพื้นที่เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวและสถานประกอบการที่ได้การรับรองมาตรฐานความยั่งยืน ที่จังหวัดน่านเมื่อ 21 – 23 มิถุนายน 2568 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนทุกมิติ เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลก

          ตามที่ ททท.กับภูฏานได้ทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวร่วมกันภายใต้นโยบาย “Two Kingdoms, One Destination” ตั้งแต่ 26 มิถุนายน 2567 โดยมีเป้าหมายหลักมุ่งส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จับมือกันส่งเสริมสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานความยั่งยืนระดับสากล ตามแนวทางGlobal Sustainable Tourism Council (GSTC) ดึงดูดตลาดท่องเที่ยวคุณภาพมาไทยเติบโตเพิ่มขึ้น


ในโอกาสที่คณะผู้แทนภูฏามาไทยครั้งนี้ ททท.มีทีมต้อนรับร่วมด้วยคือ นางพัฒน์สี เพิ่มวงศ์เสนีย์ ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ นางสาวเอิบลาภ ศรีภิรมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว และนายสันติ แสวงเจริญ รองผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการ  โดยได้จัดบรรยายนำเสนอแนวทางพัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย เน้นยกระดับมาตรฐานความยั่งยืนให้สอดคล้องกับเกณฑ์ระดับสากล ถ่ายทอดกรณีศึกษาผู้ประกอบการที่ความสำเร็จได้รับรางวัลด้านการท่องเที่ยวยั่งยืน แนะนำโรงแรมที่ได้การรับรองมาตรฐานภายใต้ GSTC เช่นโรงแรม เดอะ เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท ได้รางวัลมาตรฐานโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน หรือGreen Hotel Plus Standard ประจำปี 2024–2027 ต่อเนื่องด้วย


ส่วนการพาคณะผู้แทนจากภูฏานลงพื้นที่จังหวัดน่าน เดินทางไปเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวและสถานประกอบการในพื้นที่ผ่านเกณฑ์ ททท.ตามมาตรฐานความยั่งยืน มีทั้ง 1.รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) 2.โครงการยกระดับผู้ประกอบการสู่มาตรฐานการท่องเที่ยวยั่งยืน (STAR) เช่น น่านบูติคโฮเทลน่านบูติครีสอร์ท โคโค วัลเล่ย์ แสงทองรีสอร์ท ปู๋ป๋าคันนาปัว

ทางคณะผู้แทนภูฏานมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับผู้ประกอบการด้านการบริหารจัดการธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม การมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น ได้เข้าพบ นางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เพื่อหารือความร่วมมือแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศสู่ความยั่งยืน และร่วมกิจกรรมนั่งรถรางชมเมืองเก่าน่าน  ในฐานะเมืองเก่าน่านคว้ารางวัลระดับโกลด์ Green Destinations Gold Award 2024  เป็นต้นแบบการพัฒนาเมืองและแหล่งท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ไปพัฒนาต่อยอดยกระดับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวยั่งยืนต่อไป 



            สำหรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ททท.กับภูฎานทำภายใต้ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ สามารถนำองค์ความรู้ด้านการพัฒนาพร้อมทั้งถอดบทเรียนต้นแบบแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ไปพัฒนาสินค้าบริการและกิจกรรมทางการท่องเที่ยวให้ตอบโจทย์กลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพได้ในอนาคต นำ 2 ประเทศผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโตในระยะยาวต่อไป

 

AOT ครบ46ปีเร่งบริการเลิศระดับโลกดันไทยฮับบิน ปี’69หวังผู้โดยสาร130ล้านคน

 

AOT ครบ46ปีเร่งบริการเลิศระดับโลกดันไทยฮับบิน

8เดือนแรกปี’68รับ88ล้านคน-ปี’69หวังถึง130ล้านคน


AOT ครบ 46 ปี 1 ก.ค.2568 ลั่นนำ“สนามบินไทยสู่ความเป็นเลิศระดับโลก”5 สนามบินลงทุนเพียบปี69-7

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #AOT  

AOT ลั่นครบ 46 ปี เร่งนำ “สนามบินไทยสู่ความเป็นเลิศระดับโลก” ลุยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเสริมแกร่ง “ท่องเที่ยว-ขนส่งทางอากาศ” สู่ฮับการบินภูมิภาค 8 เดือนแรกปี68 บริการผู้โดยสารแล้ว 88 ล้านคน โต 9.2 % ปี’69 ทำยอด 130 ล้านคน ย้ำแผนลงทุนใหม่ 5 สนามบิน ลุยปั๊มรายได้เพิ่มทุกช่องทาง

นางสาวปวีณา จริยธิติพงศ์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT/ทอท.” เปิดเผยว่า วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ได้ฉลองครบรอบ 46 ปี ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะยกระดับ “ท่าอากาศยานให้เป็นเลิศระดับโลก” มุ่งมั่นมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้โดยสาร เร่งพัฒนาท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานทั้ง 6 แห่ง ทำโครงสร้างพื้นฐานขนส่งทางอากาศของไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยเน้นบทบาทสำคัญควบคู่กันไปครอบคลุมทั้ง 3 ส่วน ได้แก่

ส่วนที่ 1 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งทางอากาศและระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ยกระดับท่าอากาศยานทันสมัยและมีประสิทธิภาพให้เป็นประตูต้อนรับคนทั่วโลก มุ่งมั่นทำให้เป็น “ศูนย์กลางการบินของภูมิภาค”

ส่วนที่ 2 สนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญเศรษฐกิจไทย

ส่วนที่ 3 ส่งเสริมธุรกิจทั้งด้านการบินและไม่ใช่การบิน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ

ขณะนี้ AOT บริหารท่าอากาศยานหลักในไทย 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ (BKK) ดอนเมือง (DMK) เชียงใหม่ (CNX) แม่ฟ้าหลวง เชียงราย (CEI) ภูเก็ต (HKT) และหาดใหญ่ (HDY) ตามปีงบประมาณช่วง 8 เดือนแรก 2568 (ตุลาคม 2567 – พฤษภาคม 2568) เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน

“บริการผู้โดยสาร” รวม 88.53 ล้านคน เพิ่มขึ้น 9.2% แบ่งเป็น ระหว่างประเทศ 54.24 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.8% ผู้โดยสารในประเทศ 34.29 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.9%

“บริการเที่ยวบิน” รวม 544,590 เที่ยวบิน เติบโตขึ้น 10.9% แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ308,777 เที่ยว เพิ่มขึ้น 12.5% เที่ยวบินภายในประเทศ 235,813 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 8.9%

“คาดการณ์ปีงบประมาณ 2569 (ตุลาคม 2568 – กันยายน 2569) จะบริการ 1.“ผู้โดยสาร” จำนวนรวมเกิน 130 ล้านคน 2.เที่ยวบินรวมกว่า 859,000 เที่ยว 3.ปริมาณสินค้าและไปรษณีย์ประมาณ 1.64 ล้านตัน

ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึง “การเติบโตต่อเนื่อง” ในอุตสาหกรรมการบินและการขนส่งทางอากาศ AOT ในฐานะผู้ประกอบการสนามบินชั้นนำมุ่งมั่นจะปรับปรุงคุณภาพบริการและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้ราบรื่น รวดเร็ว น่าประทับใจ ตอบสนองความต้องการผู้โดยสารในอนาคต ด้วยการเน้นแนวคิด “การต้อนรับระดับโลก” ให้ความสำคัญกับบริการที่เป็นเลิศ ความเอาใจใส่ และการต้อนรับแบบไทยแท้



พร้อมทั้ง “รับประกันความปลอดภัยสูงสุด” ให้ผู้โดยสารตลอดการเดินทาง AOT ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ “เวลาการประมวลผลเฉลี่ย” ในสนามบินทั้ง 6 แห่ง ตอกย้ำถึงประสิทธิภาพอันแข็งแกร่ง เกินเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ เช่น “สนามบินสุวรรณภูมิ” ระหว่างประเทศเฉลี่ย 21 นาที เวลาออกเดินทางระหว่างประเทศ 27 นาที “ภายในประเทศ”  14 นาที เวลาออกเดินทางภายในประเทศ 15 นาที “สนามบินดอนเมือง” เวลามาถึงระหว่างประเทศเฉลี่ย 21 นาที เวลาออกเดินทางระหว่างประเทศ 22 นาที เวลามาถึงภายในประเทศ8 นาที และเวลาออกเดินทางภายในประเทศ 10 นาที

รวมทั้ง AOT ยังให้ความสำคัญมากกับ “คุณภาพบริการของสนามบิน” (ASQ) ทั้ง 6 แห่ง มีโครงการสำคัญหลัก ๆ ดังนี้

1.ปรับปรุงพื้นที่สนามบินแบบเปิดโล่ง สว่าง สะอาด ผ่อนคลาย ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ผู้โดยสาร เช่น ปรับปรุงผังเมืองในอาคารผู้โดยสารใหม่

2.พื้นที่นันทนาการ โซนเด็กเล่น พื้นที่รอรับผู้โดยสารสะดวกสบาย สถานีชาร์จไฟฟ้าเพิ่มเติม

3.การจัดแสดงศิลปะและวัฒนธรรมไทยและนานาชาติ



โดยเฉพาะ “สุวรรณภูมิ” ซึ่งเป็นสนามบินที่มีปริมาณผู้โดยสารสูงสุดมีแผนจะผลักดันเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค เพิ่มประสบการณ์และความพึงพอใจให้ผู้โดยสารอย่างมีนัยสำคัญผ่านโครงการ “Suvarnabhumi Airport Experience Enhancement” ปัจจุบัน กำลังพัฒนาอาคารเทียบเครื่องบิน C โดยปรับปรุงใหม่เพื่อรวมสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่รองรับทุกกลุ่มอายุ เช่น โซนเด็กและเกมบริการกลุ่มครอบครัว โซนพักผ่อน พื้นที่ทำงานร่วมกัน ปี 2569 จะเปิดพื้นที่ “ดิจิทัล พาร์ค” รองรับนักเดินทางเพื่อธุรกิจ และภายในปี 2571 จะห้องน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ภายในสุวรรณภูมิทั้งหมด

“การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน” ตั้งเป้าขยายขีดความสามารถท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง รองรับผู้โดยสารเติบโตต่อเนื่อง ดังนี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (BKK) จะเร่งก่อสร้างโครงการ “ขยายด้านตะวันออก” ตั้งเป้าแล้วเสร็จภายในปี 2573 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารเป็นปีละ 80 ล้านคน จากปัจจุบัน 65 ล้านคน ขณะนี้ “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” อยู่ระหว่างศึกษาแผนแม่บทคาดจะแล้วเสร็จภายในปี 2568 แล้วจะเริ่มพัฒนาอาคารผู้โดยสารด้านใต้ และรันเวย์ที่ 4

ท่าอากาศยานดอนเมือง (DMK) จะเริ่มก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 ปี 2569 เพื่อเปิดใช้อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 ปี 2573 รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ จากนั้นปี 2575 มีแผนจะปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 รองรับผู้โดยสารในประเทศ

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (CNX) จะปรับปรุงใหม่ให้แล้วเสร็จปี 2576 มีศักยภาพรองรับผู้โดยสารได้ ปีละ 20 ล้านคน

ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต (HKT) จะก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ คาดจะแล้วเสร็จภายในปี 2573 รองรับผู้โดยสารได้ปีละ 18 ล้านคน

ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีแผนเพิ่มศักยภาพรองรับผู้โดยสารให้แล้วเสร็จภายในปี 2576 เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับผู้โดยสารให้ได้ปีละ 6 ล้านคน จากปัจจุบัน 3 ล้านคน



นางสาวปวีณา ย้ำว่า AOT ยังคงเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและบริการผู้โดยสาร เพื่อสนับสนุนเป้าหมายนำไทยเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคและเพิ่มรายได้จากการบิน โดยแสวงหารายได้หลากหลายช่องทาง เพิ่มความมั่นคงทางการเงินและความยั่งยืนในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AOT ตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบิน (Non Aero) โดยใช้ประโยชน์ที่ดินรอบสนามบิน 6 แห่ง ซึ่งมีศักยภาพเชิงพาณิชย์ เมื่อ 29 เมษายน 2568 ได้จัดงาน “AOT Property Showcase” นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจอย่างมาก ด้วยการเสนอทั้งหมด 28 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่ธุรกิจหลากหลาย เช่น โรงแรม ศูนย์ MRO (Maintenance, Repair, and Overhaul) อาคารผู้โดยสารเครื่องบินส่วนตัว ศูนย์ฝึกอบรมโลจิสติกส์ฮับ ศูนย์ซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า โชว์รูมรถยนต์ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และโครงการ Attractions in Terminal ปัจจุบัน ทอท. กำลังรับข้อเสนอโครงการเพื่อประเมินและปรับแนวทางให้สอดคล้องกับทิศทางกลยุทธ์ระยะยาว

นางสาวปวีณายืนยัน AOT มุ่งมั่นพัฒนาทุกส่วนอย่างต่อเนื่องส่งเสริมการเดินทางระดับโลกผ่านความเป็นเลิศด้านโครงสร้างพื้นฐาน การบริการ นวัตกรรม ทำให้การเดินทางทางอากาศในเมืองไทยสะดวกสบาย ปลอดภัย ทันสมัย ​​เป็นมิตรต่อผู้โดยสาร และผลักดัน AOT เป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการท่าอากาศยาน โดยใช้บทบาทผู้นำระบบขนส่งทางอากาศของชาติ สนับสนุนเศรษฐกิจประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน

 

Cloud 36 !!เปิดแล้วรูฟท็อปบาร์ใหม่รร.ชาเทรียมต้อนรับPride Month

 

Cloud 36 !!เปิดแล้วรูฟท็อปบาร์ใหม่รร.ชาเทรียม

ลุยจัด White Night Premiere”ต้อนรับPride Month


Cloud 36” รูฟ ท็อป บาร์ แห่งใหม่โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพเปิดแล้วบนชั้น 36 

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #Cloud36 #โรงแรมชาเทรียมริเวอร์ไซด์กรุงเทพ

โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ เปิดแล้ว “Cloud 36” รูฟ ท็อป บาร์ ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยามุมสูงชั้น 36 ใช้โอกาสพิเศษงาน “White Night Premiere” ต้อนรับ Pride Month สร้างสีสันพร้อมโชว์อลังการ พร้อมเครื่องดื่มวัฒนธรรมเอเชีย “สมุนไพรกับเครื่องเทศ” ท้องถิ่น



โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ เปิดตัว รูฟ ท็อป บาร์ “Cloud 36” บนชั้น 36 อย่างเป็นทางการ ด้วยงาน “White Night Premiere” ฉลองเดือนแห่งความหลากหลายทางเพศ “Pride Month” พร้อมจัดโชว์สุดพิเศษ กับค็อกเทลซิกเนเจอร์ผสานกลิ่นอายเครื่องเทศเอเชีย กับบรรยากาศวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาแบบ 360 องศา

ภายในงานทุกคนได้ร่วมดื่มเฉลิมฉลองพร้อมชมโชว์ Drag สุดอลังการจาก Natalia Pliacam ผู้ชนะ Drag Race Thailand Season 1 โดยมีดีเจสุดมันส์กับแขกรับเชิญสุดพิเศษอย่าง คุณติ๊นา ศุภนาฎ จิตตลีลา ได้มาร่วมสร้างสีสันและแรงบันดาลใจให้กับค่ำคืนแห่งความภาคภูมิใจ



Cloud 36 “โดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์ “Spirits of the Orient” บนชั้น 36 โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ เปิดบริการทุกวัน เวลา 16.00 – 01.00 น.โดยได้รังสรรค์ค็อกเทลสะท้อนถึง “วัฒนธรรมเอเชีย” ผ่าน “สมุนไพรและเครื่องเทศ” ท้องถิ่น ผสานกับวิวพระอาทิตย์ตกและแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างลงตัว เหมาะใช้เป็นสถานที่สังสรรค์หรือดื่มด่ำบรรยากาศพิเศษไม่เหมือนใคร

ส่วนงาน White Night Premiere คือ จุดเริ่มต้นการเดินทางสุดพิเศษของ Cloud 36 พร้อมจะเติมเต็มสีสันใหม่ให้ย่านริมแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยกิจกรรมสุดพิเศษอีกมากมายรอทุกคนมาพับกันที่ “รูฟ ท็อป บาร์” แห่งใหม่โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ บนชั้น 36

แวะมาแฮงเอาท์ได้ที่ Cloud 36 มีดีเจ และอีเวนต์สนุกๆ ท่ามกลางแสงดาววิวแม่น้ำเจ้าพระยามุมสูงวิวชั้น 36 ติดตามกิจกรรมต่างๆ ได้ทาง Facebook: https://www.facebook.com/Cloud36Bar  Instagram: https://www.instagram.com/cloud36bar และสำรองที่นั่งโทร +66 (0) 2307 8888 หรือ LINE : https://lin.ee/X4GIqbY

 

 

เพ ลา เพลินยกแบรนด์ไทย“AKAYA-AROKAYA” ร่วมมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ2-6 ก.ค.ที่อิมแพ็ค

ปังมาก!!เพ ลา เพลินยกแบรนด์ไทย“AKAYA-AROKAYA

ร่วมมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ2-6 ก.ค.68เมืองทองธานี


เพ ลา เพลิน ชวนชมผลิตภัณฑ์งานสมุนไพรแห่งชาติ 2-6 ก.ค.68ที่บูธ WN 1 ฮอลล์ 11-12 อิมแพคเมืองทอง

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #เพลาเพลินบุรีรัมย์ #AKAYA

“เพ ลา เพลิน” บุรีรัมย์ นำแบรนด์ “AKAYA-AROKAYA WELLNESS SALA” ผลิตภัณฑ์สมุนไพรภูมิปัญญาไทยแดนอีสานลุยร่วมมหกรรมงานแห่งปี Thailand Herbal Expo 2025” มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ เจอกันที่บูธ WN1 วันที่ 2-6 ก.ค. 68 ฮอลล์ 11-12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

 


“เพ ลา เพลิน” จังหวัดบุรีรัมย์ นำทีมคัดสรผลิตภัณฑ์คุณภาพดี มาชวนทุกคนร่วม “กิจกรรมและผลิตภัณฑ์”สมุนไพรคุณภาพจากแบรนด์คนไทยปังสุด ๆ “AKAYA และ AROKAYA WELLNESS SALA ที่ทุกคนรอคอย

ห้ามพลาด !! มาพบกับสุดยอดผลิตภัณฑ์สมุนไพร “เพ ลา เพลิน” จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ในงาน “Thailand Herbal Expo 2025” มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22

“งานปัง” ระหว่างวันที่ 2-6 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00-20.00 น.บริเวณโซนเวลเนส บูธ WN1 ฮอลล์ 11-12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี


“เดินเล่นสุดเพลิน” เมื่อมาถึงงานแล้วแวะชมแบรนด์ “AKAYA ที่คัดสรรมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ! ได้ที่ บูธ ละลานตากับผลงานคนไทย 1.นวัตกรรมสมุนไพรเพื่อสุขภาพที่ดี 2.กิจกรรมเวิร์คช็อปสุดพิเศษ 3ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพจากแบรนด์ไทยมาแรงแห่งปี

มาด่วน !!  2-6 กรกฎาคม 2568 ตั้งแต่ 10.00 - 20.00 . ที่บูธ: โซนเวลเนส บูธ WN1 ณ Hall 11-12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

“เพ ลา เพลิน” จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวจุดหมายปลายทางยอดนิยม สไตล์ “อุทยานการเรียนรู้ธรรมชาติ” ปัจจุบันกำลังขยายสู่อาณาจักรสมุนไพรไทย ในแดนดีสาน ที่ได้ร่วมมือกับองค์กรรัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย ทำวิจัยผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาไทย นำเสนอสู่ตลาดระดับประเทศ และนานาชาติ สร้างรายได้กระจายไปยังเครือข่ายชุมชนต่าง ๆ มากมาย

#Playlaploen #เพลาเพลิน #ThailandHerbalExpo2025 #มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ #AROKAYAWellsnessSALA #อโรคายาเวลเนสศ


“เอมิเรตส์”เปิด"พรีเมี่ยมอีโคA380"โฉมใหม่กรุงเทพ-ดูไบชิงตลาดโลก

  “เอมิเรตส์”เปิดพรีเมี่ยมอีโค A380 โฉมใหม่กรุงเทพ-ดูไบ ลุย 5 บริการเด่นชิงผู้โดยสารเข้าออกไทย-ตลาดทั่วโลก   เ เอมิเรตส์เปิดตัวที่นั่งช...