"ศักดิ์สยาม"ติวเข้ม กบร.จัดทัพการบินรับ“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ทุ่มใช้ดิจิทัล"สนามบิน-แอร์ไลน์-ลูกเรือ"ตีปีกเที่ยวบินโต10เท่า
"ศักดิ์สยาม"ติวเข้ม กบร.จัดทัพการบินรับ“ภูเก็
ทุ่มใช้ดิจิทัล"สนามบิน-แอร์ ไลน์-ลูกเรือ"ตีปีกเที่ยวบิ นโต10เท่า
เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97 #ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ #คมนาคมฝันเที่ยวบินโต10เท่า
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการการบินพลเรื อน (กบร.) ประชุมคณะกรรมการการบิ นพลเรือน (กบร.) ครั้งที่ 6/2564
ร่วมกันสอบทานมาตรการด้านการบิ น เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการเปิ ดประเทศ นำร่องจังหวัดภูเก็ตในเดื อนกรกฎาคมเป็นพื้นที่แรก ในโครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" หากสำเร็จจะขยายไปอีก 9 จังหวัด และเตรียมเปิดทั้ งประเทศตามนโยบายรั ฐบบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในอีก 120 วันข้างหน้า
ตามคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการบิ นของไทยจะฟื้นฟู และมีจำนวนผู้โดยสารระหว่ างประเทศเดือนธันวาคม 2564 ราว 1,400,000 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2564 ประมาณ 10 เท่า (ข้อมูลจากระบบฐานข้อมูลการบิ นนานาชาติ OAG)
รวมทั้ง กบร. ได้ให้นโยบายเร่งศึ กษาการนำเทคโนโลยีมาช่วยพั ฒนาการจัดการสนามบินภายในประเทศ และให้กระทรวงคมนาคมเชิญหน่ วยงานที่ดูแลสนามบินร่วมหารื อเดินหน้า เพื่อพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมู ลผู้โดยสารและการให้บริการที่ รวดเร็วขึ้น ลดการสัมผัส และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กั บผู้เดินทางจากทั่วโลก
ทาง กบร.ได้เตรียมมาตรการทาวการบิ นไว้นลรองรับ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" ที่จะการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบิ นของไทย โดยกระทรวงคมนาคมจะเป็นหนึ่ งในกระทรวงหลักนำนักท่องเที่ ยวเดินทางเข้าประเทศ ตามที่ประชุมมีมติกำหนดนโยบายที่ สำคัญ ดังนี้
🌷🌷1. ศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารเที่ ยวบินระหว่างประเทศ
สั่งการให้จัดสรรเวลาการบิน (Slot) อย่างเหมาะสม ขณะนี้มีเที่ยวบินทั้ งในและระหว่างประเทศอยู่ ในกำหนดการบินประจำฤดูร้อน 2564 คือ 1 กรกฎาคม - 30 ตุลาคม 2654 และในกำหนดการบินประจำฤดูหนาว 2564/2565 31 ตุลาคม 2564 – 26 มีนาคม 2565 เรียบร้อยแล้ว
เบื้องต้น "สนามบินภูเก็ต" เตรียมตารางบินประจำฤดูร้อน 2564 แล้ว 134 เที่ยว/วัน จากขีดความสามารถรองรับ 480 เที่ยว/วันวัน คิดเป็น28 %
คาดจะขออนุญาตเพิ่มขึ้นเมื่อเริ่ มเปิดประเทศช่วงตารางบิ นประจำฤดูหนาว 2564/2565 มีจำนวนเที่ยวบินที่จัดสรรไปยั งสนามบินภูเก็ตแล้ว 320 เที่ยว/วัน จากขีดความสามารถรองรับ 360 เที่ยว/วัน คิดเป็น 89 %
ทั้งนี้ เที่ยวบินระหว่างประเทศที่ได้รั บการจัดสรรขณะนี้ส่วนใหญ่ มาจากประเทศแถบเอเชีย-แปซิฟิ กและยุโรป ข้อมูล Slot ณ วันที่ 11 มิ.ย. 2564 อาจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังได้
สำหรับ "เดือนกรกฎาคม 2564" คาดทั้งประเทศ จะมี
- จำนวนเที่ยวบิน ระหว่างประเทศจะเพิ่มจาก 5,698 เที่ยว (พ.ค. 2564) เป็น 13,354 เที่ยว
- จำนวนผู้โดยสาร" คาดจะเพิ่มขึ้นจาก 79,226 คน (พ.ค. 2564) เป็น 146,448 คน
ส่วนเดือนธันวาคม 2564 ประเทศไทยจะมีผู้โดยสารเที่ยวบิ นระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 1,469,805 คน หรือเพิ่มขึ้น 10 เท่า จากเดือนกรกฎาคม 2564
กบร. จึงได้เน้นย้ำให้สำนักงานการบิ นพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ตรวจสอบความพร้อมด้านการบินให้ ครอบคลุมทุกมิติก่อนเปิ ดประเทศเพื่อเตรียมการให้เป็ นไปอย่างราบรื่น หลังจากที่ผ่านมาจำนวนเที่ยวบิ นอยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ เป้าหมายการฟื้นฟูระยะยาวของอุ ตสาหกรรมการบินไทย สถิติเดิมก่อนโควิดระบาด เมื่อปี 2562 ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 89 ล้านคน แต่ปี 2563 ลดลงเหลือเพียงราว 16 ล้านคน ลดลง 81.7 % หากการเปิดประเทศเป็นไปตามเป้ าหมายและอุตสาหกรรมการบินมี การฟื้นตัว ในระยะยาวคาดไทยจะกลับมามีผู้ โดยสารระหว่างประเทศจำนวนที่ ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิ ดสถานการณ์การระบาดได้ ก่อนปี 2568
🌷🌷 2. การเตรียมความพร้อมด้ านความปลอดภัยของสนามบิน สายการบิน เครื่องบินและนักบิน
ตามปกติแล้ว CAAT มีแผนตรวจสอบด้านความปลอดภั ยตามวงรอบในทุกประเภทของผู้ให้ บริการอย่างต่อเนื่อง แต่เพื่อการตรวจสอบเป็นกรณีพิ เศษ รองรับการกลับมาเปิดประเทศอี กครั้งตามแนวทางที่
กบร. ได้ให้ไว้ CAAT จึงมีทั้งวิธีการออกตรวจแบบเดิม (Onsite audit) และปรับวิธีการตรวจเป็ นแบบระยะไกล (Remote audit) ให้เหมาะสมตามสถานการณ์ การระบาดของโควิด-19
🍓 "ด้านการจัดการส่วนของสนามบิน" จะมี กรมท่าอากาศยาน บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) การท่าอากาศยานอู่ตะเภาและบริษั ท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ต้องส่งรายการตรวจสอบและหลั กฐานการดำเนินงานของสนามบิ นภายในเดือนมิถุนายน 2564 เพื่อประเมินความพร้อมด้ านมาตรฐานความปลอดภัยก่อนเปิ ดให้บริการ ซึ่งเป็นรายงานฉบับปรับปรุ งโดยเฉพาะเพื่อรองรับสถานการณ์ โควิด-19
โดย CAAT จะตรวจสอบรายงานและหลักฐานที่ส่ งมาให้หากพบประเด็นความไม่พร้ อมจากสนามบินนั้น ๆ สนามบินจะต้องเร่งแก้ไขก่อนที่ จะสามารถเริ่มกลับมาให้บริ การระหว่างประเทศได้อย่างเต็มรู ปแบบ
🍓 "ด้านสายการบินของไทยและเครื่ องบิน " ต้องได้รับการตรวจสอบการปฏิบัติ งานในฐานะผู้ได้รับใบรับรองผู้ ดำเนินการเดินอากาศ ตรวจสอบแผนการบำรุงรั กษาและสภาพเครื่องบิน ที่ผ่านมา CAAT ตรวจตามแผนและวงรอบที่กำหนดอย่ างต่อเนื่องทั้งวิธีการตรวจแบบ Onsite และ Remote แต่เพื่อทดสอบความพร้อมเป็นกรณี พิเศษ
โดยสายการบินจะต้องได้รั บการตรวจสอบการปฏิบัติ งานตามแบบฟอร์มที่จัดทำขึ้ นโดยเฉพาะสำหรับสถานการณ์โควิด- 19 และในส่วนของเครื่องบิ นหากจอดเป็นระยะเวลานานต้ องตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้พร้อมนำกลับมาให้บริ การผู้โดยสารอย่างปลอดภัย
เช่น เครื่องบินของการบินไทยจะต้ องได้รับการตรวจสอบก่อนนำกลั บไปให้บริการระหว่างประเทศในเดื อนกรกฎาคมนี้เป็นสายการบินแรก ส่วนเครื่องบินของสายการบินอื่น ๆ หากมีความพร้อมสามารถขอเข้ารั บการตรวจได้เช่นกัน
🍓"ด้านลูกเรือ ทั้งนักบินและพนักงาน" ควบคุมการจราจรทางอากาศ แม้เที่ยวบินระหว่ างประเทศจะลดลง แต่ที่ผ่านมาได้กำหนดให้ปฏิบัติ งานในห้องจำลองอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาชั่วโมงและเตรียมพร้ อมการกลับมาปฏิบัติหน้าที่อยู่ เสมอ
🌷🌷3. การป้องกันการแพร่ ระบาดของโรคของผู้โดยสารและบุ คลากรทางการบิน
ได้จัดให้บุคลากรด้านการบินที่ ปฏิบัติหน้าที่ในด่านหน้า ฉีดวัคซีนเข็มแรกเสร็จสิ้นไปแล้ วตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2564 ส่วนบุคลากรในอุตสาหกรรมการบิ นโดยรวม ขณะนี้ฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้ วประมาณ 48,351 คน (13 มิ.ย. 2564) และกำลังทยอยเข้ารับวัคซีนเข็ มที่ 2 อย่างต่อเนื่อง
"การกลับมาเปิดให้บริการเที่ ยวบินระหว่างประเทศ" ผู้ให้บริการต้องปฏิบัติ ตามกรอบการดำเนินงานระหว่ างสถานการณ์โควิด-19 ขององค์การการบินพลเรือนระหว่ างประเทศ (ICAO) Guidance for Air Travel through the COVID-19 Public Health Crisis และคำแนะนำจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งกำหนดไว้เป็ นมาตรฐานสากลรวมถึงต้องปฏิบัติ ตามประกาศของ CAAT ที่ปรับปรุงเป็นระยะให้ทันต่ อสถานการณ์อย่างเคร่งครัด และประกาศแต่ละจังหวัด เพื่อให้สามารถป้องกันโรคอย่ างรัดกุม ถูกต้อง และส่งเสริมให้บรรลุตามเป้ าหมายที่ประเทศไทยได้วางไว้
🌷 🌷4. เร่งศึกษาแนวทางการนำเทคโนโลยี มาช่วยพัฒนาการจัดการสนามบิ นภายในประเทศ
กบร. ได้ให้นโยบายเร่งศึ กษาการนำเทคโนโลยีการจั ดการระบบข้อมูลผู้โดยสารและบริ การมาใช้สำหรับสนามบิ นภายในประเทศ และให้กระทรวงคมนาคมเชิญหน่ วยงานที่ดูแลสนามบินร่วมหารื อเดินหน้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ โดยสารจากทั่วโลกที่คาดว่าจะเดิ นทางมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้ นจากการเปิดประเทศภายในสิ้นปีนี้ และมีการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเทคโนโลยีที่พิจารณาให้ นำมาใช้ มีดังนี้
🌐1. ระบบรายงานข้อมูลผู้โดยสารล่ วงหน้าสำหรับผู้ โดยสารภายในประเทศ (Domestic API) สายการบินจะสามารถส่งรายงานข้ อมูลส่วนบุคคลแบบอิเล็กทรอนิกส์ ของผู้โดยสารภายในประเทศให้กั บสนามบินต้นทาง ปลายทาง และสนามบินที่มีเที่ยวบินแวะผ่ าน (Transit/Transfer) เพื่อใช้สำหรับการเช็คอินขึ้ นเครื่องบิน (Check-in) ได้ ทำให้ขยายขีดความสามารถการเชื่ อมโยงและติดตามข้อมูลของผู้ โดยสารภายในประเทศและระหว่ างประเทศ รวมถึงเตรียมรองรับการใช้งานหนั งสือเดินทางสุขภาพ (Health Passport) ในอนาคต
🌐 2. ระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง CUPPS (Common Use Passenger Processing System) หรือระบบเช็คอินด้วยตนเองอั ตโนมัติ ผู้โดยสารจะสามารถเช็คอินด้ วยตนเองโดยกรอก Booking Number จากนั้นระบบจะพิมพ์บั ตรโดยสารและป้ายติดสัมภาระ (Baggage Tag) โดยอัตโนมัติ รวมถึงมีระบบพิสูจน์อัตลักษณ์ที่ แม่นยำ
ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิ ภาพการจัดการผู้โดยสารในสนามบิ นภายในประเทศให้เป็นมาตรฐานทั ดเทียมสนามบินนานาชาติ และช่วยลดจำนวนเจ้าหน้าที่ ลดขั้นตอนการตรวจสอบเอกสาร ลดการสัมผัสและลดความแออั ดภายในสนามบิน เพื่อรองรับการเดิ นทางทางอากาศในรูปแบบใหม่ ในอนาคต
ปัจจุบันสนามบินนานาชาติ ของประเทศไทย มีการใช้งานทั้ง 2 ระบบอยู่แล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น