"การบินไทย”เปิดแผนฟื้นฟูฉบับศาลล้มละลายกลางอนุมัติ12มิ.ย.64 -หาเงินด่วน5หมื่นล้านสู้ต่อ5ปีหน้าลุย9ปฎิรูป4ยุทธศาสตร์เพิ่ม15%ลด15%

 ถอดรหัส“แผนฟื้นฟูบินไทย”ฉบับศาลล้มละลายกลางอนุมัติ12มิ.ย.64

หาเงินด่วน5หมื่นล้านสู้ต่อ5ปีหน้าลุย9ปฎิรูป4ยุทธศาสตร์เพิ่ม15%ลด15%

เรื่องและภาพโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #ฟื้นฟูการบินไทย 

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร 

รักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นำทีมประธานเจ้าหน้าที่แต่ละสายงานแถลง หลังจากศาลล้มละลายรับแผนฟื้นฟูกิจการการบินไทย” เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2564 กำหนดกรอบเวลาระยะที่ 1 ภายใน 5 ปี แล้วสามารถขอขยายได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ปี

ส่วนสถานการณ์เฉพาะหน้าขณะนี้การบินไทยต้องเผชิญความท้าทายเรื่องเงินสดหมุนเวียนใช้ได้ภายในปี 2564 ต้องการเงินมาเสริมสภาพคล่องอีก 50,000 ล้านบาท จากภาครัฐ 25,000 ล้านบาท และภาคเอกชน 25,000 ล้านบาท

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและบัญชี (DE) กล่าวว่า กำลังเจรจากับสถาบันการเงินทั้งเอกชนและรัฐ แต่ยังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด จะมาในลักษณะเดี่ยว ๆ หรือร่วมกันเป็นกลุ่ม จำนวนเงินก็เป็นไปตามแผน ส่วนที่ 1 จากภาครัฐ 25,000 ล้านบาท ส่วนที่ 2 เอกชน 25,000 ล้านบาท ซึ่งมีความต้องการได้เงินโดยเร็วที่สุด เพราะรายได้ยังไม่ได้กลับสู่ภาวะปกติ จึงมีเงินสดหมุนเวียนใช้ได้ไม่ถึงสิ้นปี 2564

เงินสดที่ต้องการเข้ามาเพิ่มเพื่อนำไปใช้จ่าย 2 เรื่องหลัก 1.เสริมสภาพคล่องเงินทุนหมุนเวียน 2.จ่ายชดเชยให้พนักงานที่เข้าโครงการร่วมใจจากองค์กรตามแผนการปรับโครงสร้างใหม่ของบริษัท จะต้องใช้เงินพอสมควร 

ส่วนมูลหนี้รวมยังไม่สามารถตอบได้ เพราะกระบวนการยังไม่จบ เพราะมีการระบุหนี้มาจริงแต่ทางฝ่ายการเงินการบินไทยโต้ตอบกลับไป ต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ชี้มูล แต่น้อยกว่า 400,000 ล้านบาท แน่นอน

ภายใต้เป้าหมายใหม่ระหว่างจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการคือ “เพิ่มรายได้ปีละ 15 % ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายลงปีละ 15 %”

พร้อมใช้ “4 ยุทธศาสตร์” ฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วย

ยุทธศาสตร์ที่ 1 – เป็นสายการบินที่ลูกค้าเลือกเป็นอันดับแรก สามารถปรับเปลี่ยน ออกแบบผลิตภัณฑ์ตามความต้องการสร้างพึงพอใจ ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า

ยุทธศาสตร์ที่ 2 – เพิ่มศักยภาพด้านการพาณิชย์ มีเป้าหมายชัดเจนในการหารายได้เพิ่มขึ้น มีบริการเสริม มีตัวเลือก ผสมผสานช่องทางจัดจำหน่าย

ยุทธศาสตร์ที่ 3 -การบริหารด้านต้นทุนให้สามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินได้

ยุทธศาสตร์ที่ 4 - เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพสูงด้านการปฏิบัติการและความปลอดภัย

               

เคลื่อนทัพ “9 หลักการในการปฏิรูปการบินไทย” ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จได้ในอนาคต ได้แก่

                1.ปฏิรูปวิสัยทัศน์ใหม่

2.ปฏิรูปภาพรวมและการฟื้นตัวของธุรกิจการบิน

3.การเพิ่มประสิทธิภาพของเส้นทางการบินและฝูงบิน มีเป้าหมายในการหารายได้มากขึ้น พร้อมบริการเสริมที่มีตัวเลือกเต็มรูปแบบ ลงทุนดิจิทัลพัฒนาขีดความสามารถทางการพาณิชย์อย่างเข้มข้น

4.เพิ่มศักยภาพการหารายได้

5.การบริหารจัดการต้นทุนและพัฒนาระบบการจัดการ จัดซื้อจัดจ้าง

6.การบริหารจัดการบริษัทลูกและบริษัทในเครือ

7.ปรับโครงสร้างองค์กรและผลตอบแทน

8.ขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูกิจการ

9.การสนับสนุนจากทุกภาคส่วน

 

กลยุทธ์การสร้างรายได้ 2 ส่วน ได้แก่

                ส่วนที่ 1 สายงานพาณิชย์ จากเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ ประกอบด้วย 4 แท่งหลัก คือ 1.บริหารจัดการราคาตั๋วโดยสาร (Pricing Revenue Management) ขยับราคาตั๋วแต่ละประเภทให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 2.รายได้เสริม (Ancillaries) จากบริการขนสัมภาระน้ำหนักกระเป๋าบรรทุกใต้ท้องเครื่องบิน อัพเกรดที่นั่งโดยสาร 3.ช่องทางการขาย (sale distribution) นำระบบดิจิทัลมาใช้เต็มรูปแบบด้านบริหารจัดการต้นทุน 4.การขนส่งสินค้าทางอากาศ (cargo) นำดิจิทัลเข้ามาใช้ด้วยเช่นกัน

               

“นายนนท์ กลินทะ” ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ (DN)  ระบุ วางแผนเปิดเที่ยวบินแบบประจำระหว่างประเทศ จะนำร่องตั้งแต่ไตรมาส 3 บริการเที่ยวบิน ไป-กลับ ยุโรป 5 เมือง เข้าสู่ภูเก็ต ตามนโยบายการเปิดเมือง “ภูเก็ต แซนด์ บ็อกซ์” เริ่ม 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ไตรมาส 4 เปิดบิน ไป-กลับ เอเชียเหนือ-ใต้-ตะวันออก เพิ่มอีก 11 เมือง เข้าเมืองไทย

โดยใช้วิธีคัดเลือกเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศจาก 5 ปัจจัย ได้แก่ 1.เที่ยวบินที่มีความเป็นไปได้ในการสร้างรายได้ 2.เส้นทางมีแนวโน้มเชิงบวกและสามารถลดต้นทุนได้ 3.มีสัญญาณเชิงบวกทางการแข่งขันในเชิงพาณิชย์ 4.มีประสิทธิภาพสูงที่จะใช้เป็นเที่ยวบินเชื่อมต่อไปยังเส้นทางอื่น ๆ และ 5.เส้นทางใหม่ที่สามารถขับเคลื่อนเครือข่ายที่มีความเฉพาะการบินไทยเท่านั้นที่สามารถทำได้

                ช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถบินได้เต็ม 100 % สถานการณ์ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 (2025) ก็จะมีเที่ยวบินได้ประมาณ 85 % เปรียบเทียบกับปี 2562 ช่วงกลับมาเริ่มตารางบิน ปี2564 ไตรมาส 3 จะเปิดบินได้ประมาณ 35 % ไตรมาส 4 ขยับเป็นมากกว่า 40 % ขึ้นไป เพราะฉนั้น “รายได้” ยังไม่ได้เต็มที่เหมือนปี 2562 เพียงแค่มีรายได้เข้ามาเสริมสภาพคล่องซึ่งมากกว่าไตรมาส 1-2 แน่นอน

 

ส่วนที่ 2 สายงานหน่วยธุรกิจการบิน “ครัวการบิน”  การซ่อมบำรุงเครื่องยนต์และเครื่องบิน (Aircrafe Maintenanae) บริการห้องพักผู้โดยสารสนามบิน (Lounge) บริการภาคพื้นดิน (Ground Handing) และการขนส่งสินค้าทางอากาศ (Cargo) วางแผนจะยกระดับให้เป็นโลจิสติกส์ขนส่งสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ

 

“นางวรางคณา ลือโรจน์วงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่หน่วยธุรกิจการบิน (DV) ยืนยันว่าตามที่ศาลอนุมัติวันที่ 12 มิถุนายน 2564 ตั้งเป้าต้องหารายได้เพิ่ม โดยจะตั้งบริษัทใหม่ เพื่อหาธุรกิจที่มีอนาคต ศักยภาพ สร้างตลาด กลับมาสู่การบินไทย ล่าสุดลงทุนทำ “อร่อยล้นฟ้า ไม่ต้องบิน ก็บินได้” เปิดร้านอาหารไทยสไตล์โลคอลไลท์ ใช้วิธีปรับปรุงอาคารขายตั๋วเดิมนำมาทำภัตตาคาร เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม  2564

ตามแผนจะพัฒนาต่อยอดรายได้ที่ไม่ได้รวมอยู่ในเชิงพาณิชย์ เช่น บริการเลาจน์ สปา กำลังมองหาผู้ร่วมทุน เพื่อสร้างต่อยอดธุรกิจ รวมทั้งคาร์โก้ พัฒนาเป็นโลจิสติกส์ แบบครบวงจร

 

นายเชิดพันธุ์ โชติคุณ ประธานเจ้าหน้าที่สายช่าง (DT) กล่าวว่า แผนพัฒนารายได้จากธุรกิจสนับสนุนและธุรกิจต่อเนื่องในฝ่ายช่าง นอกเหนือจากการลดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงให้ต่ำสุดแล้ว การเตรียมความพร้อมใช้ “ฝูงบิน” เพื่อตอบสนองแผนการบินของการบินไทย เลือกฝูงบินใหม่กับการซ่อมบำรุงมีประสิทธิภาพ จึงขอให้มั่นใจได้

สถิติก่อนเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ฝ่ายช่างได้ให้บริการซ่อมเครื่องของสายการบินอื่น ๆ ประกอบด้วย “ในประเทศ” 1.ภาวะปกติมีรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท บริการซ่อมแบบสั้น ๆ เป็นรายได้เสริม 2.ซ่อมบำรุงสถานีอื่น ๆ อย่าง ภูเก็ต เชียงใหม่ ก็ให้บริการสายการบินต่างชาติด้วย  “ต่างประเทศ” มีบริการซ่อมให้สายการบินแถบภาคพื้นเอเชียใต้ ปีละ 200-300 ล้านบาท  เมื่อกลับมาฟื้นฟูก็จะขยายบริการซ่อมบำรุง

“ลดค่าใช้จ่าย” ต้องลดคน-คนค่าเช่าฝูงบิน

ระหว่างเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางนั้น การบินไทยเดินหน้าลดค่าใช้จ่ายลงไปได้แล้ว 30,000 ล้านบาท ส่วนวิธีลดค่าใช้จ่ายตามแผนจะเกิดขึ้นได้จาก 1.การปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ บางส่วนทำเรียบร้อยแล้ว 2.เน้นการทำงานเป็นทีม และ 3.เจรจาลดภาระฝูงบินเช่าลง

กัปตันชวาล รัตนวราหะ ประธานเจ้าหน้าที่สายฝ่ายขับเคลื่อนองค์กร (D6) กล่าวว่า ตามแผนฟื้นฟูต้องลดค่าใช้จ่ายมูลค่า 56,000 ล้านบาท ตอนทีมบริหารแผนเข้ามาได้เดินหน้าลดไปแล้ว 25,700 ล้านบาท หรือคิดเป็น 45 % เปรียบเทียบกับปี 2562 (การบินไทยขาดทุนประมาณ 12,000 ล้านบาท) พอลดต้นทุนไปแล้วก็เท่ากับจะกำไรได้กว่าหมื่นล้าน ตามเป้าหมายจะเพิ่มรายได้ 15 % ลดต้นทุน 15 %

 

ทรัพย์สินฝูงบินการบินไทย

                ขณะนี้การบินไทยมีฝูงบินรวมทั้งหมด 60 ลำ เป็นเครื่องบินที่เช่าทางการเงิน (wetlist) กับเช่าดำเนินการ (dry list) รวม 54 ลำ กำลังยกเลิกเจรจาเช่าเพื่อลดค่าใช้จ่ายรวม 16 ลำ และมีเครื่องที่การบินไทยเป็นเจ้าของ 6 ลำ

 

ทั้งนี้ “การบินไทย” อดีตคือสายการบินแห่งชาติมีสถานะเป็น “รัฐวิสาหกิจ” ปัจจุบันเป็น “เอกชน” ทำสถิติเมื่อปี 2562 ทำรายได้หมุนเวียนในระบบผลผลิตมวลรวมของประเทศ (GDP) 7.2 % เคยสร้างเงินเข้าประเทศ 1.22 ล้านล้านบาท สร้างงานสร้างอาชีพในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 1.3 ล้านคน

 

                แต่ผลสุดท้ายก็ต้องเข้าสู่กระบวนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 พร้อมทั้งแต่งตั้งผู้จัดทำแผน ประกอบด้วย 1.พลอากาศเอกชัยพฤกษ์ ดิษยรินทร์ 2.นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล 3.นายพีระพันธ์ สารีรัถวิภาค 4.นายบุญทักษ์ หวังเจริญ 5.นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ 6.นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร 7.บริษัท อีวาน คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด

 

ลำดับเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 การบินไทยจัดการประชุมเจ้าหนี้รายใหญ่ วันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นำผลการประชุมเจ้าหนี้ไปยื่นต่อศาลล้มละลายกลาง วันที่ 12 มิถุนายน 2564 ศาลล้มละลายกลางอนุมัติแผนและรายชื่อผู้บริหารที่แก้ไขชุดใหม่เรียบร้อยแล้วมีเพียง 5 คน ได้แก่ 1.นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ 2.นายพรชัย ฐีระเวช 3.okpศิริ จิระพงษ์พันธ์ 4.นายไกรสร บารมีอวยชัย 5.นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร