ผู้นำธุรกิจ“ชูติวุฒิ สุวานิชย์กุล”ชำแหละ5ปมก่อนเปิดภูเก็ต-เปิดประเทศ120วัน
“ใช้ดิจิทัลสากลเช็คเอกสาร-ล้างเฟคนิวส์-สื่อให้ตรงเป้า”นำไทยไปต่อยาวๆ
“คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต”รับSHA Plusลุยให้บริการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เริ่ม1ก.ค.นี้
ช้อป”KING POWER MAKES MY DAY”ทุกวันรับคูปองส่วนลด4,500 บาท
ททท.ลอนดอนลุยจัด”VirtualFram+นำเอเย่นต์”สำรวจภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
ททท.-หอการค้าไทยรุกทำ“ฮักไทย:HUG THAIS”เร่งฟื้นเศรษฐกิจแสนล้าน
TCEBร่วมเสนอแก้“MRAบุคลากรไมซ์ไทย-อาเซียน”ปูพรมทำอาชีพอนาคต
ชวนไปเช็คอินจุดแฮงเอาท์ใหม่“The Harmony Cafe &
Tearoom”แก่งคอย
4อาหารรับประทานเล่น”โยเกิร์ต-ฝรั่ง-ทูน่า-อัลมอน”เมนูของว่างดีต่อสุขภาพ
“ดุสิตลากูน่า”แต่งตัวพร้อมเดินหน้า4บริการรอรับการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
“ICAO”ประกาศพัฒนาระบบVDSให้การบินทั่วโลกใช้ไฮเทคเช็คเอกสารโควิด
ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน 2564 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #ททท #PkuketSandbox
#MajesticTravelInternational
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้
ช่วงที่
1 ส่องมุมคิดนักธุรกิจ
“ชูติวุฒิ สุวานิชย์กุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาเจสติก แทรเวล
อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้คร่ำหวอดในวงการท่องเที่ยวและตั๋วโดยสารทั้งในประเทศมีคู่ค้าสายการบินอยู่ทั่วโลก
ชำแหละ 5
เรื่อง ก่อนเปิด “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์และเปิดประเทศ 120 วัน“
รัฐบาลไทยพร้อมจริงหรือ!?
“สร้างความเชื่อมั่น-มาตรการสาธารณสุข-ระบบตรวจเอกสารเข้าเมือง-เครื่องมือไฮเทคสากลเชื่อมโยงข้อมูลทั้งโลก-สื่อสารสร้างการรับรู้นานาประเทศ”
เปิดไส้ใน “สมุดเหลือง” วัคซีนพาสปอร์ตตอบโจทย์ชาวโลกได้จริงหรือไม่ แนะใช้แอพสากล
IATA TRAVEL PASS,
ICAO, WHO ป้องกันเอกสารกระดาษปลอม ล้าง Fake News ข่าวปลอม
ลดความสูญเสียโอกาส สามารถนำทัพท่องเที่ยวของประเทศไทยทั้งระบบขับเคลื่อนต่อได้แบบยาว
ๆ
นายชูติวุฒิ สุวานิชย์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาเจสติก แทรเวล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการค้าตั๋วโดยสารเครื่องบิน (Ticketing Agents) หลังแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ มีความเห็นเกี่ยวกับโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าพื้นที่นำร่องจังหวัดภูเก็ต มุมสำคัญแต่ละด้าน 5 เรื่องหลัก ประกอบด้วย
เรื่องแรก “การสร้างความเชื่อมั่นด้านความพร้อม” ส่วนใหญ่สะท้อนเป็นเสียงเดียวกันด้วยเงื่อนไขกติกาต่าง ๆ ยังไม่พร้อมเท่าที่ควร
เรื่องที่ 2 “มาตรการสร้างความปลอดภัยด้านสาธารณสุข” โดยเฉพาะการปฏิบติตามมาตรการทางกฎหมายหรือข้อบังคับอย่างเคร่งครัด จะต้องบอก “ต่างชาติให้รับรู้” ตั้งแต่ต้นก่อนเข้าเมืองไทยแม้จะฉีดวัคซีนมาแล้วก็ตาม เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม เพราะการฉีดวัคซีนครบแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถนำเชื้อเข้ามาแพร่ระบาดได้ โดยเฉพาะกฎการเดินทางวิถีใหม่ในการใช้ชีวิตประจำวันต้องเปลี่ยนแปลงไป เช่น การสวมหน้ากากอนามัยตลอดการอยู่นอกที่พักอาศัยอีกทั้งปัจจุบันเชื้อโควิดมีหลายสายพันธุ์ เพื่อป้องกันสุขภาพของนักท่องเที่ยวและคนไทยในทุกพื้นที่
เรื่องที่ 3 “การตรวจสอบเอกสารเข้าประเทศ” ขณะนี้ทั่วโลกกำลังกังวลปัญหา
“การแสดงเอกสารปลอม” ปัจจุบันนานาประเทศยังไม่ได้ทำเอกสารเป็นมาตรฐานเดียวกัน
ไม่ว่าจะใช้ในประเทศหรือเดินทางออกต่างประเทศ ดังนั้นประเทศไทยควรหา “มาตรฐานสากล”
เพื่อบอกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติให้รู้ถึงเอกสารของไทยที่จะใช้ประกอบการตรวจสอบเพื่อเข้า-ออก
เมือง และต้องยืนยันว่าเป็นเอกสารจริงไม่ได้ปลอม ตัวอย่าง
ซึ่งต้องระวังคือเอกสารการฉีดวัคซีนปลอม จะเป็นอันตรายต่อคนในประเทศ
เพราะอาจจะเข้ามาแพร่เชื้อเนื่องจากไม่ได้ผ่านการตรวจหาเชื้ออย่างถูกต้อง
เรื่องที่ 4 “เครื่องมือที่ใช้เชื่อมโยงระบบตรวจสอบข้อมูลนักเดินทาง” อย่างแรก คือ “แอพลิเคชั่น”
สากลซึ่งมีอยู่มามมายที่เลือกนำมาใช้ทำ “ใบรับรองดิจิทัล : Digital
Certificate”
ซึ่งเมืองไทยควรจะต้องมี “ตัวรับข้อมูล”
ดังกล่าวได้ตั้งแต่หน้าด่านแรกที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังสนามบิน
เตรียมหาเครื่องมือเหล่านี้ไว้รองรับและบริหารจัดการใช้งาน
ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขเองก็มีฝ่ายที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอยู่เป็นจำนวนมาก
ตอนนี้ทาง “สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ” หรือ IATA : International Air Transport Association ก็มีแอพลิชั่น IATA TRAVEL PASS ให้สายการบินทั่วโลกนำมาใช้งาน แล้วยังมีแอพลิเคชั่นของ “องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ICAO : International Civil Aviation Oganization และองค์การอนามัยโลก (WHO :World Health Oganization) เครื่องมือเหล่านี้รัฐบาลควรพิจารณาคัดเลือกมาใช้งานไปทิศทางเดียวกับมาตรฐานสากล ก่อนจะเปิด ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ และนโยบายเปิดประเทศรับต่างชาติในอีก 120 วันข้างหน้า มากกว่าที่จะไปรับเอกสารกระดาษ เพราะอาจจะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นของจริงหรือปลอม
โดยสรุปคือ
“พิธีการเข้าเมือง” ที่จะต้องนำระบบดิจิทัลตามมาตรฐานสากล
แทนกระดาษซึ่งเป็นรูปแบบที่ไม่ค่อยจะสอดคล้องกับสากล
ตัวอย่างแอพลิเคชั่น IATA TRAVEL PASS ตอนนี้มีสายการบินนำร่องเริ่มนำมาใช้งานแล้ว เช่น การบินไทย สิงคโปร์แอร์ไลน์ส อนาคตทุกสายการบินนานาชาติต้องใช้อย่างแน่นอน รวมถึงในระบบของไออาต้า (IATA) และไอเคโอ (ICAO) เองก็ต้องให้ทุกสนามบินทั่วโลกซึ่งจัดเป็น Contractless Airport หมายถึงภายในสนามบินจะต้องไม่มีระบบสัมผัสกับแผนกใด ๆ ทั้งนั้น ผู้โดยสารจะต้องใช้ระบบอัตโนมัติเป็นส่วนใหญ่
ดังนั้นอนาคตเรื่องการใช้ดิจิทัลแทนกระดาษต่าง ๆ อย่างแน่นอน เมื่อไทยตั้งเป้าหมายจะเปิดประเทศในอีก 120 วันข้างหน้าอยู่แล้ว ก็ควรจะศึกษาแอพลิเคชั่นสากลดังกล่าว แล้วพัฒนาตัวเชื่อมต่อให้สอดรับทำงานเชื่อมกันได้อย่างราบรื่น ทั้งการใส่ข้อมูล 1.การฉีดวัคซีน 2.การตรวจ RT-PCR 3.ข้อมูลการเดินทาง
นายชูติวุฒิกล่าวว่า จากข้อมูลที่ทราบตอนนี้ไทยเลือกใช้ “สมุดเล่มเหลือง” บันทึกการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด มีคิวอาร์โค้ด (QR CODE) ซึ่งด้านในยังเป็น URL ซึ่งไม่สามารถอ่านค่าอื่นได้ เพราะเป็นระบบที่จะต้องไปผ่านเว็บไซต์ แล้วกรอกข้อมูลเพิ่ม จึงจะใช้งานได้ แตกต่างจากแอพลิเคชั่นสามารถจะอ่านค่าวัคซีนพาสปอร์ตได้ถูกต้องมากกว่า ตามหลักความเป็นจริงแล้วแทบจะไม่มีผู้โดยสาร หรือนักท่องเที่ยว คนไหน มานั่งกรอกรายละเอียด ในทางปฏิบัติพอสแกนคิวอาร์โค้ดแล้ว สัญลักษณ์ไฟตรวจสอบข้อมูลควรจะขึ้น “เขียว” หรือ “แดง” ไปเลยเพื่อบอกสถานะของนักเดินทางคนนั้น ๆ ว่าเอกสารหรือวัคซีน พาสปอร์ต ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง
อีกทั้งการใช้คิวอาร์โค้ดที่ใส่แต่
URL
เข้าไปอย่างเดียว เวลาไป “ต่อเครื่องระหว่างสนามบินหรือ Transfer” ก็ไม่สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้
ส่วนแอพลิเคชั่นไม่ว่าจะเป็นขององค์กรการบินสากลใด ๆ ก็สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้
ซึ่งเป็นเรื่องที่หน่วยงานเกี่ยวข้องหรือรัฐบาลไทยควรจะต้องรีบปรับแก้ไขให้สอดคล้องกับการนำมาใช้งานจริงในการเดินทางระหว่างประเทศตาม
New Normal
ส่วน
“คิวอาร์โค้ดด้านสุขภาพ” ทางองค์การอนามัยโลก
ก็ได้จัดทำใส่ไว้ในแอพลิเคชั่นที่เป็นระบบสากล ดังนั้นประเทศไทยก็ควรจะนำมาใช้ด้วย
เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวสแกนเข้าเครื่องแล้วผ่านได้เลย หรือห้ามผ่าน
เนื่องจากปริมาณคนที่จะผ่านเข้า-ออก สนามบิน มีวันละหลักพันถึงหลักหมื่นคน
จึงไม่ควรจะให้มานั่งกรอกเอกสารอื่น ๆ เพิ่มอีกแล้ว
เรื่องที่ 5 “การออกนโยบายควรจะต้องมองหลายด้านควบคู่กับมีแผนรองรับชัดเจนด้วยข่าวสารสื่อถึงทุกคนอย่างถูกต้อง” เพื่อทำให้เดินหน้าต่อได้ยาวที่สุด เน้นการสื่อถึงคนไทยและทั่วโลกให้เข้าใจประเด็นตรงกัน เช่นควรจะมีแผน 1-2-3-4 หมายถึงเมื่อเกิดแต่ละเหตุการณ์ไทยยังคงเปิดประเทศได้อยู่ โดยมีนโยบายรองรับปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน
กรณี “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เป็นตัวอย่างที่ประเมินเบื้องต้นได้ว่า เรายังไม่มีนโยบายชัดเจนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ช่วงแรกให้ไปเที่ยวพื้นที่เชื่อมโยงได้ ต่อมาปรับเงื่อนไขให้อยู่ได้เฉพาะในจังหวัด หรือในโรงแรมที่พัก สร้างความสับสน นำไปสู่ “การสร้างความไม่มั่นใจ” รวมถึงนโยบายเตรียมเปิดประเทศในอีก 120 วันข้างหน้า แต่พอเปิดไปได้สัก 1-2 เดือน ประกาศให้”เพิ่มเงื่อนไข” ต่าง ๆ เข้าไปอีก หรือปิดชั่วคราว ก็จะส่งผลให้ “นักท่องเที่ยวไม่กล้าตัดสินใจเดินทางเข้ามา”
เมื่อทำให้มี “ข่าวกระเพื่อม” โดยเปลี่ยนเงื่อนไขกลับไปกลับมา เป็นการเปิดช่องทำให้เกิด “ข่าวปลอมหรือ Fake News” ได้ ผ่านทางระบบโซเชียลมีเดีย หรืออินเตอร์เน็ต ยิ่งไปซ้ำเติมให้นักท่องเที่ยวขาดความมั่นใจ
ดังนั้นนโยบายระดับชาติ “ข่าวสาร” ควรจะออกมาจากแหล่งเดียว ไม่ใช่ “รัฐบาลกลาง” บอกอย่าง แต่ “องค์กรท้องถิ่นในภูเก็ต” บอกอีกอย่าง นำไปสู่ความไม่ถูกต้อง และสับสน เมื่อต่างชาติอ่านแล้วก็อาจจะไม่อยากเดินทางเข้ามาอีก
นายชูวุฒิ กล่าวว่า จากประสบการณ์ทำธุรกิจการค้าตั๋วโดยสารเครื่องบินและบริการท่องเที่ยว ที่จะนำโมเดลความสำเร็จจากต้นแบบอื่น ๆ มาประยุกต์ใช้กับบ้านเรา ก็ต้องย้ำว่า “ประเทศไทย” ทำเรื่องการท่องเที่ยวได้ดีประสบความสำเร็จอยู่แล้ว ตราบเท่าที่ทุกองค์กรสามารถทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวก “ชาวต่างชาติ” ก็พร้อมจะมาเที่ยวเมืองไทยอย่างแน่นอนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ส่วน “คนไทยเที่ยวต่างประเทศ” ก็คงต้องเป็นไปตามกลไกตลาด ช่วงแรกอาจจะเพิ่มได้แต่อาจไม่มากเหมือนอดีตที่ผ่านมา
เนื่องจากช่วงก่อนหน้านี้อาจเพิ่มเพราะสาเหตุไม่มีมาตรการกักตัวปลอดจากต้องพักอยู่ในสถานที่เลือกเอง
Alternative Quarantine หรือรัฐจัดไว้ให้
State Quarantine กาเข้า-ออก ประเทศจึงทำได้ง่ายทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มตลาดระดับบนมีเงินสะสมอยู่พอสมควร
ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิดในช่วงเกือบสองปีนี้
แต่ตอนนี้ “นักท่องเที่ยวคนไทย” ระดับล่างถึงระดับกลาง หากจะเดินทางเที่ยวต่างประเทศคงต้องอาศัยเวลาอีกสัก 2 ปีข้างหน้า จึงจะเริ่มเห็นสัญญาณการเติบโต
ขณะที่ “สายการบิน” ต่าง ๆ พร้อมอยู่แล้วที่จะเดินหน้าขายตั๋วโดยสารบริการเที่ยวบิน “ในประเทศ” และ “ต่างประเทศ” โดยเฉพาะการนำชาวต่างชาติเข้าเมืองไทย ปัจจุบันสายการบินก็พอมีลูกค้าอยู่ในมือเดินทางเข้ามาประมาณวันละ 700-800 คน จำนวนน้อยกว่าในอดีต แต่ก็ยังมี “รายได้” จากการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศหรือ Cargo ทำให้สายการบินยังพอดำเนินงานได้
แต่เมื่อไรก็ตามที่ผู้คนทั้งชาวไทยและต่างชาติ สามารถเดินทางเข้า-ออก ประเทศไทย ได้ ณ วันนั้น สถานการณ์ธุรกิจสายการบินทั้งหลายก็คงจะดีขึ้นตามลำดับ เพราะรายได้หลักจะมาจากผู้โดยสาร
นายชูติวุฒิย้ำว่า ขอให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว บริษัทตัวแทนขายตั๋วโดยสารเครื่องบิน อดทนกันไปอีกสักระยะ เพราะถึงแม้จะเปิดประเทศแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิดจะหยุดลง อาจจะมีรอบ 4-5-6 และรอบต่อไป ตามลักษณะการกลายพันธุ์ของไวรัส ดังนั้นจึงต้องทำธุรกิจกันอย่างมีสติ ไม่ประมาท ทุกอย่างอาจจะยังไม่สามารถกลับมาฟื้นเร็วเหมือนอย่างที่ทุกฝ่ายต้องการได้
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต”รับSHA Plusพร้อมลุยบริการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์1ก.ค.
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงนว่า ได้เตรียมความพร้อมเปิด “คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต” อีกครั้งเพื่อให้บริการและดูแลนักท่องเที่ยวอีกครั้งในโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บอกซ์” เริ่ม 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ล่าสุดได้รับมาตรฐานตราสัญลักษณ์ SHA Plus ตามมาตรฐานการให้บริการของจังหวัดภูเก็ตและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขาธุรกิจรีเทลเพื่อการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก สร้างความมั่นใจตามมาตรการทางสาธารณสุขแบบครบวงจร
โดยเฉพาะ “พนักงาน” ที่จะต้องพบปะให้บริการลูกค้า ขณะนี้ได้รับวัคซีนครบ2 โดส รวมไปถึงกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติด้านสุขอนามัยโดยเคร่งครัดอีกด้วย ส่วน “พื้นที่บริการลูกค้า” จะดูแลด้านสุขอนามัยอย่างเต็มรูปแบบทั้งการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ทำความสะอาดผิวสัมผัส สินค้า และอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่เสมอ
อีกทั้งคิง
เพาเวอร์ ภูเก็ต ยังได้เตรียมมอบความคุ้มค่าให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ
ด้วยแคมเปญพิเศษมากมาย เข้ามาเลือกช้อปสินค้าพร้อมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.kingpower.com
และ King Power Official ได้แก่ Facebook, Instagram,
Twitter และ Line
ข่าวที่ 2 ช้อปKING POWER MAKES MY DAYทุกวันรับคูปองส่วนลด 4,500 บาท
คิง เพาเวอร์ มอบสิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก คิง เพาเวอร์ ให้ช้อปตามใจกับโปรโมชั่น “KING POWER MAKES MY DAY” ได้ทุกวัน ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2564 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ มหานคร พัทยา และภูเก็ต
รับฟรี! คูปองส่วนลดรวม 4,500 บาท เพียงลงทะเบียนก่อนช้อป จะได้ 1.ช้อป 6,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ รับคูปองส่วนลด 1,500 บาท 2.ช้อป 10,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ รับคูปองส่วนลด 3,000 บาท
พิเศษ! เมื่อช้อปที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ครบ 5,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ รับฟรีคูปองรับประทานอาหาร มูลค่า 300 บาท นำไปใช้ที่ ไทย เทสต์ ฮับ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
ทั้งนี้ คิง เพาเวอร์
ปฏิบัติมาตรการดูแลป้องกันตามที่ภาครัฐกำหนดอย่างเข้มงวด
และเน้นย้ำกำกับใช้มาตรการ D-M-H-T-T เป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ King Power
Contact Centre 1631
ข่าวที่ 3 ททท.ลอนดอนลุยจัด”VirtualFram+นำเอเย่นต์อังกฤษ”ร่วมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
นางจิระวดี คุณทรัพย์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) สำนักงานลอนดอน สหราชอาณาจักร ( UK :United Kingdom) เปิดเผยว่า
สถานการณ์ความเคลื่อนไหวในการเดินหน้าทำตลาดท่องเที่ยวของไทยในสหราชอาณาจักรโดยเฉพาะอังกฤษ
ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ฉีดวัคซีน ครบแล้ว 2 เข็ม เกินกว่า 60
% และ 1 เข็มอีกกว่า 70 % สร้างความเชื่อมั่นและความตื่นตัวที่จะเดินทางออกต่างประเทศ
ตามนโยบายของรัฐบาลอังกฤษ สอดคล้องกับรัฐบาลไทยประกาศเปิดโครงการ “ภูเก็ต
แซนด์บ็อกซ์” ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าภูเก็ตโดยไม่กักตัว 14 วัน เริ่ม 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป
และเตรียมเปิดประเทศอีก 120 วันข้างหน้า
ททท.ลอนดอน ตั้งเป้าจะพยายามนำนักท่องเที่ยวตลาดสหราชอาณาจักรเข้าไทยในช่วงเปิดประเทศครึ่งปีหลัง เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากอังกฤษจัดอยู่ในกลุ่ม Amber list ชาวอังกฤษสามารถมาได้โดยตอนเดินทางกลับเข้าอังกฤษ ไม่จำเป็นต้องกักตัว รวมทั้งจะมีประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมเร็วๆ นี้ คาดเริ่มต้นได้ตั้งแต่ช่วงสิ้นฤดูหน้าร้อนปี 2564 เป็นต้นไป
ขณะนี้ ททท.ลอนดอน เดินหน้าทำ 2 กิจกรรมหลัก คือ กิจกรรมที่ 1 “Virtual Famtrip” สร้างความเชื่อมั่นต่อเนื่องในพื้นที่มาตลอด ทำผ่านช่องทางออนไลน์พร้อมคลิปวิดีโอ เชิญชวนบริษัทตัวแทนนำเที่ยว (Agents) บริษัทบริหารจัดการท่องเที่ยว (DMC) มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้ประกอบการโรงแรมในภูเก็ต 40-50 โรงแรม เพื่อนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวที่เหมาะสม ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวอังกฤษได้
กิจกรรมที่ 2 เตรียมนำกลุ่มผู้จัดการสินค้าท่องเที่ยวจากอังกฤษ กลุ่มแรกเดินทางมาร่วมในโครงการ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ระหว่างวันที่ 17-25 กรกฎาคม 2564 เพื่อสำรวจพื้นที่จริง และศึกษาเรียนรู้การใช้ชีวิตท่องเที่ยววิถีใหม่ควบคู่กันไป เพื่อจะได้นำไปเสนอเป็นโปรแกรมท่องเที่ยวเจาะกลุ่มคุณภาพในอนาคตเข้ามายังภูเก็ตและประเทศไทยตามพื้นที่ที่รัฐบาลกำหนด
ผอ.จิระวดี กล่าวว่า ล่าสุดทางสำนักข่าวใหญ่ บีบีซี รายงานว่า รัฐบาลอังกฤษประกาศเพิ่มประเทศเข้า Green & Red list โดยมีผลบังคับใช้ วันพุธที่ 30 มิ.ย. 64 ตามเวลาท้องถิ่นตั้งแต่ 4:00 น.เป็นต้นไป ประกอบด้วย
1.ประเทศที่ได้รับการขึ้นบัญชีเพิ่มเป็นสีเขียว หรือ Green List 🟢 ได้แก่ AnguillaAntigua and BarbudaThe Balearic Islands (which include Ibiza, Menorca, Majorca and Formentera) BarbadosBermudaBritish Antarctic TerritoryBritish Indian Ocean TerritoryBritish Virgin IslandsCayman IslandsDominicaGrenadaMadeiraMaltaMontserratPitcairn IslandsTurks and Caicos Islands
2.ประเทศใหม่ที่เพิ่มรายชื่ออยู่ในเกณฑ์สีแดง
หรือ Red List 🔴
ได้แก่ สาธารณรัฐโดมินิกัน ตูนิเซีย และ อูกันดา
ข่าวที่ 4 ททท.-หอการค้าไทยเร่งดัน“ฮักไทย:HUG THAIS”ฟื้นเศรษฐกิจแสนล้าน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการสนับสนุนและขับเคลื่อนโครงการ “ฮักไทย (HUG THAIS)”รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน ระหว่างภาครัฐกับเอกชน นำโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จะผลักดันโดยใช้แนวคิด ภายใต้แนวคิด “ฮักกิน ฮักเที่ยว ฮักใช้”สนับสนุนเศรษฐกิจประเทศ ด้วยการกระตุ้นคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเร่งใช้จ่ายเงิน เริ่มเดือนกรกฎาคม 2564 คาดจะปลุกเม็ดเงินหมุนเวียนได้หลักแสนล้านบาท นำร่องใช้ในโครงการต้นแบบ “ฮักไทย ฮักภูเก็ต : HUG THAIS HUG PHUKET”
ซึ่งทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กำหนดนโยบายเพื่อแก้ปัญหาและช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็น มาตรการเยียวยา แนวทางจัดสรรวัคซีนให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว รวมถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติตามนโยบายการเปิดประเทศ หรือ Phuket Sandbox เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ซึ่งอนุญาตให้นักท่องเที่ยวได้รับวัคซีนครบแล้วสามารถเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่ต้องพำนักในที่พักหรือโรงแรมที่ได้รับรองเครื่องหมายSHA+ (SHA Plus) หรือสัญลักษณ์มาตรฐานท่องเที่ยวปลอดภัยด้านสุขอนามัย โดย ททท. และ สธ. เพื่อยืนยันมาตรการด้านความปลอดภัย
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. ยืนยันว่า ททท. พร้อมร่วมสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยสู้กับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
จึงร่วมกับหอการค้าไทยเดินหน้าโครงการ “ฮักไทย : HUG THAIS) ” รวมใจ
ไทยไม่ทิ้งกัน กระตุ้นให้คนออกมาใช้จ่ายเงินเพื่อกิน ท่องเที่ยว และจับจ่ายใช้สอย
ผลิตภัณฑ์ของไทย วัตถุดิบไทย ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยจ้างงานคนไทย
ผ่านความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ภายใต้แนวคิด “ฮักกิน ฮักเที่ยว
ฮักใช้” 2 ส่วนหลัก ประกอบด้วย
ส่วนที่ 1 Eat More ได้แก่
1.1 ฮักกิน ชูอัตลักษณ์ของอาหารถิ่น กระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงอาหารหรือGastronomy Tourism Travel More
1.2 ฮักเที่ยว กระตุ้นการท่องเที่ยวตามจังหวัดต่าง ๆ ด้วยรูปแบบการท่องเที่ยวอันหลากหลาย ร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ แตกต่างอย่างน่าประทับใจ และ
ส่วนที่ 2. Shop More ได้แก่
2.1 ฮักใช้ สนับสนุนอุดหนุนสินค้าท้องถิ่น ส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าของคนไทยในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ที่ได้รับตราสัญลักษณ์ HUG THAIS
2.2 จัดโปรโมชันพิเศษ โดย ททท. จะสนับสนุนด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ วางแผนจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับแบรนด์ Amazing Thailand เพื่อสร้างความมั่นใจและกระตุ้นการใช้จ่ายทั้งของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
2.3 ให้คำแนะนำการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวแก่ผู้ประกอบการ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวให้มากที่สุด
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยในฐานะสถาบันหลักทางการค้าและบริการของประเทศ พร้อมช่วยเหลือผู้ประกอบอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจ Connect the Dots อีกทั้งยังได้ร่วมกับ ททท. เร่งเดินหน้าโครงการ “ฮักไทย (HUG THAIS)” รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน ปลุกกระแสผู้บริโภคควบคู่การอุดหนุนใช้สินค้าของคนไทยด้วยกัน สร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศ
ตั้งเป้าจะช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยหลักแสนล้านบาท ภายใน 6 เดือน ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างงานและจ้างแรงงาน ถือเป็นอีกกลยุทธ์พลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการของไทยกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็วที่สุด พร้อมขับเคลื่อนประเทศให้เป็น “จุดหมายปลายทางแห่งความสุข” เพื่อคืนรอยยิ้มกลับสู่คนไทยอีกครั้ง
รูปแบบการขับเคลื่อนโครงการ “ฮักไทย ฮักภูเก็ต : HUG THAIS HUG PHUKET” จ.ภูเก็ต เดือนกรกฎาคม 2564 ต้อนรับนโยบยเปิดประเทศ จะเน้นกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ผ่านกิจกรรมแคมเปญ Phuket’s Reopening มอบส่วนลดสูงสุด 10% เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท จากภาคค้าปลีกในภูเก็ต และมอบคูปองเงินสด 100 บาท ใช้เป็นส่วนลดซื้อสินค้าและบริการตามร้านค้ารายย่อย จ.ภูเก็ต ครั้งถัดไป
ตามแผนทางหอการค้าไทยจะประสานงานกับสมาชิกผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร ศูนย์การค้า สายการบิน บริษัทขนส่ง และอื่น ๆ เข้าร่วมกิจกรรม อีกทั้งสนับสนุนสถานที่จัดแสดง จัดจำหน่ายสินค้า และจัดกิจกรรมทางการตลาดแก่ผู้ประกอบการไทย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างบรรยากาศเชิงบวก ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน
เน้น “เพิ่มช่องทาง” การจำหน่ายสินค้าและบริการให้ผู้ประกอบการไทยในรูปแบบที่หลากหลายทั้งทาง
ออฟไลน์ ออนไลน์ และออมนิชาแนล รวมถึงเปิดเวทีจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์ของภาครัฐและเอกชน เต็มรูปแบบต่อไป
ข่าวที่ 5 TCEBร่วมเสอนแก้MRAบุคลากรไมซ์ไทย-อาเซียนปูพรมอาชีพอนาคต
นางอรชร ว่องพรรณงาม ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมให้ข้อมูลเรื่อง “พิธีสารแก้ไขข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติบุคลากรด้านการท่องเที่ยวอาเซียน : Protocol to Amend the ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Tourism Professional : MRA on TP”
ในการแก้ไขข้อตกลงร่วม MRA on TP จะมีประโยชน์ต่อภาพรวมในตลาดการจ้างงานบุคลากรช่วยอำนวยความสะดวกบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของไทยและอาเซียน สามารถจะประกอบอาชีพ และแลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ระหว่างกันภายในภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต ทั้งทางด้านจัดการเรียนการสอน ฝึกอบรมบุคลากร เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการ โดยเฉพาะการเพิ่มตำแหน่งงานและบรรจุมาตรฐานสมรรถนะขั้นพื้นฐานของบุคลากรด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ในสาขาไมซ์และการจัดกิจกรรม
ทั้งนี้ทีมงานของทีเส็บได้ร่วมตอบข้อซักถามจากคณะกรรมการวิปฝ่ายค้าน และติดตามสนับสนุนด้านข้อมูลแก่ฝ่ายรัฐบาล โดยกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้เสนอ และนายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์ อธิบดี กรมการท่องเที่ยว เป็นผู้ชี้แจง
ตามผลการลงมติของประชุมรัฐสภาลงมติ 604 ราย ลงคะแนนเห็นด้วย 598 ราย ไม่เห็นด้วย 0 ราย งดออกเสียง 2 ราย ไม่ลงคะแนนเสียง 4 ราย
ช่วงที่ 2 ระหว่างเดินทางก่อนขึ้นเขาใหญ่ ลองแวะไปเช็คอินจุดแฮงเอาท์แห่งใหม่ ““The Harmony Cafe & Tearoom” อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี อยู่ในโรงแรม “เดอะ โซล รีสอร์ต” มองหามุมโปรดเก็บภาพสวย ๆ แล้วลองสั่งเมนูน้ำชายามบ่าย มาเพิ่มสีสันถ่ายภาพงาม ๆ โพสต์บอกเพื่อน ๆ รับรองต้องชอบทั้งบรรยากาศ เครื่องดื่ม อาหาร อย่างแน่นอน มีเรื่องสุขภาพมาบอก “4 อาหารทานเล่นดีต่อสุขภาพ” ทั้งโยเกิร์ต ทูน่า ฝรั่ง อัลมอนด์ กินของอร่อยแถมได้ประโยชน์ด้วย และเสิร์ฟข่าวฮ็อตด้วย “โรงแรมดุสิตลากูน่า ภูเก็ต” พร้อมแล้วรับต่างชาติจากภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ พนักงานฉีดวัคซีนครบ100% ได้ตรา SHA Plus และยึด 4 บริการมัดใจลูกค้า
ชวนไปเช็คอินจุดแฮงเอาท์ใหม่ “The Harmony Cafe & Tearoom”แก่งคอย
จุดหมายปลายทางการพักผ่อนในบริเวณ “เขาใหญ่” ตอนนี้มีจุดแฮงเอาท์เปิดบริการใหม่ มาแนะนำ“The Harmony Cafe & Tearoom” ร้าน Cafe อยู่ในโรงแรม “เดอะ โซล รีสอร์ต : The Soul Resort” ติดริมเขาขับรถไปทางสระบุรี ก่อนจะถึงเขาใหญ่ ตั้งอยู่ที่ 99/9 หมู่ 10 ตำบล สองคอน อำเภอแก่งคอย เปิดทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร เวลา10.00 - 19.00 น. รายล้อมด้วยธรรมชาติ เป็นแหล่งแฮงเอาท์ใหม่สุด ๆ
โซนห้องพักกำลังจะเปิดบริการปลายปีนี้ เป็นสถานที่พักเชิงดูแลสุขภาพหรือ Luxury Wellness เหมาะกับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่ มาหาความสงบบำบัดใจ หรือ Mind Retreat
ส่วนไฮไลต์ตอนนี้เปิดให้บริการแล้วคือ ร้านนั่งชีล เก๋ ๆ “Harmony Cafe & TeaRoom” คาเฟ่สไตล์ Oriental ถ่ายรูปสวยแบบอลังการ ด้วยการจัดเสิร์ฟเซ็ตชายามบ่าย ที่แนะนำให้สั่งมาลองชิม “Afternoon Tea Set ส่วนพวกเมนูน้ำก็สีสันสวยงามสารพัดให้เลือกทดสอบความอร่อย
ภายในรีสอร์ตแห่งนี้ ยังมีร้านอาหารจัดเต็มชื่อ “พิมพิมาน : Pim-piman” อันหมายถึง “จำลองมาจากสวรรค์” พร้อมเสิร์ฟทั้งอาหารไทย อาหารนานาชาติ ที่เชฟรังสรรความอร่อยไว้แบบเต็มที่ทุกจาน
บริเวณภายในรีสอร์ต
และคาเฟ่ ได้ดีไซน์มุมถ่ายรูปสวย ๆ ไวให้เลือกเยอะมาก บ่งบอกถึง คาเฟ่สไตล์
อลังการ เต็มไปด้วยพลังแห่งสีช่วยเติมเต็มชีวิตได้อย่างมีความสุขในทุก ๆ โมเมนท์
สำรองที่นั่งหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 099-782-1777 Line : https://lin.ee/ru9bIMw (@the_harmony) และFacebook: The Harmony Cafe & Tearoom พิกัด Google Map: bit.ly/3c3b8rA
4 อาหารทานเล่น”โยเกิร์ต-ฝรั่ง-ทูน่า-อัลมอน”เมนูของว่างดีต่อสุขภาพ
ช่วงเวลาที่ได้อยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวแบบนี้ อาหารและขนมนับเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เรามีไอเดียของกินเล่น 4 อย่างที่ควรมีติดบ้านไว้ เพราะนอกจากจะหาได้ง่าย ซื้อเก็บไว้ได้เรื่อย ๆ ทั้งมีประโยชน์และยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงได้อีก หรือหากรู้สึกเบื่อกับการกินแบบเดิมๆ เราก็มีไอเดียเปลี่ยนของกินเล่นเหล่านี้ให้เป็นของว่างที่พิเศษขึ้นได้ ถือเป็นการเพิ่มช่วงเวลาคุณภาพร่วมกันในครอบครัวเพราะสามารถให้ทุกคนในบ้านช่วยกันทำได้ง่าย ๆ ได้ที่บ้าน ดังนี้
1.โยเกิร์ต หรือนมเสริมโพรไบโอติกส์ (Probiotics)
หรือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์
ช่วยฟื้นฟูและปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้และระบบย่อยอาหาร
เพราะส่วนใหญ่ของเซลล์ที่สร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย อยู่ในระบบทางเดินอาหารถึง 70%
นั่นเอง การกินอาหารที่มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์เป็นประจำ
จะช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ระบบทางเดินอาหารสมดุลแข็งแรง
ช่วยกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพออกจากร่างกายได้ดีขึ้น
หรือจะลองสร้างสรรค์แปลงร่างโยเกิร์ตเป็นเมนูต่าง ๆ ก็ได้ เช่น ไอศกรีมโยเกิร์ตผลไม้แฟนซี พุดดิ้งโยเกิร์ตผลไม้สด, ไอศกรีมโยเกิร์ตเจลลี่, น้ำสลัดสูตรโยเกิร์ต
“ผู้ใหญ่” ควรเลือกโยเกิร์ตสูตรไขมันต่ำและมีน้ำตาลน้อย “เด็ก” ที่น้ำหนักตัวไม่เกินเกณฑ์ เลือกสูตรปกติหรือเลือกนมที่มีส่วนผสมของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ได้
2. ฝรั่ง หรือผลไม้รสเปรี้ยว รับความสดชื่นที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ที่สำคัญคือหากรับประทานวิตามินซีเป็นประจำทุกวัน จะสามารถช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาของโรคหวัดได้ ร่างกายจะใช้วิตามินซีเป็นตัวช่วยในการสร้างคอลลาเจนที่มีหน้าที่ซ่อมแซมส่วนต่างให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นอีกด้วย
กินฝรั่งไม่ปลอกเปลือก 1 ผล จะได้วิตามินซีเทียบเท่ากับส้ม 20 ผล ซึ่งเป็นปริมาณที่มากเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน หรืออาจเพิ่มความสดชื่นให้การทานฝรั่งเป็นเมนู สมูตตี้ฝรั่งเม็ดแมงลัก, น้ำฝรั่งปั่น
3. ทูน่า อาหารว่างโดยเฉพาะทูน่ากระป๋องหาได้ง่ายให้ประโยชน์ทั้งโปรตีนและธาตุเหล็ก ซึ่งโปรตีนมีส่วนสำคัญซ่อมแซมร่างกาย และยังใช้สร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันต่าง ๆ หากร่างกายขาดโปรตีนจะส่งผลกระทบต่อการผลิตภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดการติดเชื้อง่าย ส่วนธาตุเหล็กก็ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง แถมทูน่ายังมีโอเมก้า-3 กรดไขมันที่ดีต่อการทำงานของสมองและหัวใจอีกด้วย
ลองดัดแปลงทูน่าเป็นของว่างช่วยให้อิ่มท้องช่วงบ่ายได้ เช่น ทูน่าสลัดแครกเกอร์ ปอเปี๊ยะทูน่า
4. อัลมอนด์ เสริมวิตามินอี สังกะสีและช่วยเพิ่มพลังงานให้ตื่นตัวตลอดวัน อัลมอนด์อัดแน่นไปด้วยวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องร่างกายจากติดเชื้อต่าง ๆ เป็นแหล่งที่อุดมด้วยสารอาหารสำคัญอื่น ๆ เช่น ไฟเบอร์ แมงกานีส แมกนีเซียม โครเมียม และมีกรดไขมันดี เช่น กรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง จึงช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงการเจ็บป่วยอื่น ๆ ได้อีกด้วย
ลองใช้เวลาว่างกับการเตรียมอาหารแบบง่าย ๆ ทำ
อัลมอนด์เอนเนอร์จี้บอล อัลมอนด์เคลือบชอกโกแลต
อาหารว่างทั้ง 4 อย่าง
มีประโยชน์อย่างมากต่อการสร้างภูมิคุ้มกันและดูแลสุขภาพของทุกคน
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ดุสิตลากูน่า”แต่งตัวพร้อมเท4บริการรับการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
นางศุภจี
สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า ดุสิตธานีพร้อมเปิดต้อนรับ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์”
โดยได้ปรับปรุงพื้นที่และกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต
ทั้งในส่วนที่พักและบุคลากร รวมทั้งได้รับ SHA Plus Certificate เป็นสถานประกอบการที่มีสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัย
SHA ส่วนพนักงานก็ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ครบ
100% เช่นเดียวกับพนักงานใน อีลิธ เฮเวนส์ (Elite Havens) ที่ภูเก็ต สมุย และพังงา
ก็ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 100 %
ทางกลุ่มดุสิตธานี
ยังได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ และสร้างสรรกิจกรรมใหม่ๆ ในโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า
ภูเก็ต โดยยึดแนวคิดของ Dusit
Graciousness เป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มเน้นให้ความสำคัญการบริการ
4 แกนหลัก คือ
1.มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า (Service) 2.ตอบสนองการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาวะที่ดีทั้งกายและใจ
(Well-being) 3.เข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับชุมชนและคนรอบข้าง
(Locality) และ 4.คำนึงถึงสังคม เศรษฐกิจ
และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (Sustainability)
ข่าวที่สอง “ICAO”ประกาศพัฒนาระบบVDSให้การบินทั่วโลกใช้เช็คเอกสารโควิด
องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
หรือ ICAO : International Civil
Aviation Organization ประกาศว่า ล่าสุดได้นำระบบ Visible
Digital Seal (VDS) เตรียมพร้อมให้ทั่วโลกได้ใช้ เพื่อเป็นมาตรฐานแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนของผู้โดยสารและนักเดินทางที่ขึ้นเครื่องบินและผ่านเข้าออกสนามบินต่าง
ๆ โดยมีลักษณะ เป็น 2D QR Code ที่สามารถจัดเก็บข้อมูลการตรวจและการฉีดวัคซีน
COVID-19 ได้อย่างสมบูรณ์
สำหรับเทคโนโลยี
VDS ดังกล่าว จะช่วยลดระยะเวลาในการตรวจสอบเอกสารที่สนามบิน ยากต่อการปลอมแปลงเอกสาร
การทำหน้าที่ของ VDS barcode จะใช้หลักการ Public key
crytographic เดียวกันกับที่ใช้กับ
E-Passport ที่่มีอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันทั่วโลกมีระบบรองรับอยู่แล้วกว่า
145 ประเทศ ช่วยทำให้ประหยัดเงินลงทุนและไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ
เพื่อดำเนินงานบริการคนเข้าออกเมืองเมื่อต้องเปิดประเทศ
ทั้งนี้ ICAO จะจัด regional
webinars เรื่อง VDS อย่างต่อเนื่องในเวลาอันใกล้นี้
เพื่อให้แต่ละประเทศมีความเข้าใจและนำไปใช้จริงต่อไป
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น