ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป”นำทัพเวลเนสสปาฟื้น3ตลาดโลกรุกลงทุนในโรงแรมหรูเซนแกรนด์เซนเตอร์พอยต์พัทยา “ยุโรป-อเมริกา-ตะวันออกกลาง”เฮนวดไทย

 “บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป”นำทัพเวลเนสสปาฟื้น3ตลาดโลกทันควัน

รุกลงทุนในโรงแรมหรูนำร่องออนเซนแกรนด์เซนเตอร์พอยต์พัทยา

“ยุโรป-อเมริกา-ตะวันออกกลาง”เฮใช้นวดไทย+ประคบสมุนไพรสด

คิงเพาเวอร์บูมบิวตี้เทรนด์รักษ์โลก“CHANTECAILLE- GIVENCHY”

อิ่มทุกเวลาได้ที่คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิร้านดังจัดเต็มไทย-อินเตอร์

ททท.ผนึกรัฐเอกชนโหมขายฤดูล่องแก่งลำน้ำเข็ก3เดือนส.ค.-ต.ค.65

TCEB”ปลุกคนไมซ์ร่วมมหกรรมCare Asia 2022ที่ไบเทค1-4ก.ย.นี้

บางจาก!!เปิดวาร์ปแจกเงินคืนหลังจ่ายค่าน้ำมันผ่านบัตรกรุงศรี-SCB

ทัวร์ธรรมชาติวิถีคนกับช้างปะกากะญอ“บ้านเพราะช้าง”พบพระจ.ตาก

กินไข่ไก่ปรุงสุกทุกเมนูดีต่อร่างกาย+เคล็บลับเก็บรักษาไว้กินได้นาน

ทอท.ปลุกพลังพนักงานก้าวสู่ปี43-44ลดค่าใช้จ่ายลุ้นทำกำไรปี’66-67

บางกอกแอร์เปิดบินอินเตอร์ใหม่“เสียมเรียบ-ย่างกุ่ง-ดานัง 1ส.ค.65

 

นายณรัล วิวรรธไกร 

กรรมการบริหาร บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “SPA

 วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #TCEB  #บางจาก #SPA #บมจสยามเวลเนสกรุ๊ป #เที่ยวบ้านเพราะช้างพบพระจังหวัดตาก

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/eBKzNIjyyw/

ช่วงที่ 1 เจาะลึกธุรกิจแถวหน้าเวลเนสสปากับ “ณรัล วิวรรธไกร กรรมการบริหาร บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “SPA” รับสัญญาณดีนักท่องเที่ยวทั่วโลกเฮเที่ยวไทย นำ 2 แบรนด์ “ระรินจินดา-Let’s Relax” ชิงขาย 3 ตลาดหลัก “ยุโรป-อเมริกา-ตะวันออกกลาง” เพิ่มโปรดักซ์ยอดนิยม “นวดไทย-ประคบสมุนไพรสด” เปิดแผนขยายลงทุน “สปาโรงแรม” นำร่องที่ “Let’s Relax Onsen & Spa Pattaya ในโรงแรม Grande Centre Point Space Pattaya ออนเซนต้นตำรับญี่ปุ่นวิวทะเลแห่งแรกในไทย ปี’65 ชิมลางเปิดเพิ่มอีก 2-3 สาขา มองปัจจัยบวกค่าเงินบาทอ่อนแม่เหล็กใหญ่เพิ่มต่างชาติ ก.ค.มาไทยทะลุเดือนละ 1 ล้านคน

นายณรัล วิวรรธไกร กรรมการบริหาร บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “SPA เปิดเผยว่า ในฐานะเจ้าของแบรนด์สปาระรินจินดาระดับพรีเมี่ยมและ Let’s Relax ระดับกลาง ขณะนี้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจ หลังรัฐบาลประกาศเปิดประเทศตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2565 มีตลาดต่างประเทศเริ่มเดินทางเข้ามาไทยไ-dกลุ่มหลัก คือ ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง ส่วนนักท่องเที่ยวตลาดเอเชีย ก็มาบ้างแล้วทั้ง มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลี ยกเว้นสาธารณรัฐประชาชนจีน 

จึงวางแผนนำ SPA เจาะกลุ่มกำลังซื้อโดยใช้ 2 แบรนด์ เป็นหัวหอก เริ่มจากแบรนด์แรก “ระรินจินดา” สปาพรีเมี่ยม และ แบรนด์ที่ 2 Let’s Relax ระดับกลาง ขับเคลื่อนตลาดการขายเจาะกลุ่มคุณภาพสูงสอดคล้องกับแผนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี 2565-2566 โดยเฉพาะลูกค้าหลัก 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.นักเดินทางอิสระด้วยตนเองหรือ FIT :Fee Individual Travel  2.กลุ่มครอบครัว 3.กลุ่มคอร์ปอเรต จำนวนขนาดเล็กและขนาดกลาง

โดยวางกลยุทธ์รุกตลาดต่างประเทศตามแนวของ ททท.คือ เน้น 1.ตลาดระยะใกล้ (shorthaul) อย่าง มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลี เน้นปักหมุดในแถบเอเชียตะวันออก ส่วนจีน ไต้หวัน ต้องรอการเปิดประเทศ โดยได้ผลักดันแบรนด์อย่างต่อเนื่องให้จดจำแบรนด์ได้เป็นอย่างดี 2.ตลาดระยะไกล (longhaul)  พุ่งเป้าไปยัง ยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลาง ช่วงสิงหาคมนี้กำลังซื้อเพราะเป็นช่วงปิดเทอมเลือกเดินทางมาไทย นิยมใช้บริการสปาหลากหลาย เช่น ตลาดระดับบนจะเน้นนวดน้ำมัน นวดหน้า ความแตกต่างคือนวดแผนไทย ประคบสมุนไพรสด ที่ลูกค้าว้าวมาก สำหรับผู้หญิงตะวันออกกลางก็นิยมทำสปากับนวดหน้าเป็นหลัก

โดยยังคงมีแผนที่จะเดินทางไปทำตลาดการขายในต่างประเทศ เช่น โร้ดโชว์ จับคู่เจรจาธุรกิจ ประเทศแรก ๆ ที่จะไปได้ก็คงเป็นเอเชีย กับตะวันออกกลาง เป็น 2 ภูมิภาค ที่เดินทางได้ง่าย และนักท่องเที่ยวตัดสินใจด้วยการใช้เวลาสั้น ๆ การทำตลาดจึงมีโอกาสดึงรายได้เร็ว

 


ขณะที่ “อัตราการเติบโตของธุรกิจสปา” หลังเปิดประเทศ ถึงแม้ครึ่งปีแรกจะมีต่างชาติเข้าไทย มกราคม-มิถุนายน 2565 เพียง 2 ล้านคน และกรกฎาคมนี้เป็นต้นไปสามารถทำได้ถึงเดือนละ 1 ล้านคน สอดคล้องกับยอดขายสปาเติบโตขึ้น เห็นสัญญาณนักท่องเที่ยวกลับมาอุดหนุนตั้งแต่พฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา ดังนั้นทาง SPA จึงคาดจะมียอดขายเติบโตเป็นดับเบิลดิจิก หรือ 2 หลัก

ส่วนกิจกรรมทำสปายอดนิยมคือ “นวดไทย” ครองใจตลาดต่างประเทศเป็นอันดับต้น ๆ ส่วนข้อดีของ Let’s Relax ได้ลงทุนเปิดบริการตามหัวเมืองท่องเที่ยวหลักทั้งหมด ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ หัวหิน ภูเก็ต กระบี่ ตรัง ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงบริการ Let’s Relax ได้ครอบคลุมทั่วประเทศ

แบรนด์ Let’s Relax มี “นวดไทย” เป็นบริการอันดับ 1 หลังจากห่างหายกันไปกว่า 2 ปี นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่คิดถึงบริการแบบไทยในมิติต่าง ๆ

แบรนด์ “ระรินจินดา” ได้รับความนิยมเพิ่ม “นวดประคบสดด้วยสมุนไพร” ซึ่งสอดแทรกไว้ในทุกเมนูทรีตเมนท์ ผสมผสานระหว่างสมุนไพรกับน้ำมันหอมระเหย ทำให้ผู้ใช้บริการรู้สึกสบายมากยิ่งขึ้น

ขณะนี้ทั้ง 2 แบรนด์ ได้รับความนิยมกระแสตอบรับค่อนข้างดี 2 พื้นที่ คือ กรุงเทพฯ กับภูเก็ต จากปัจจัยบวก มีเที่ยวบินตรงไป-กลับ จากประเทศต้นทางทั่วโลกเข้ามาอย่างสะดวก ทั้งจากยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะ “ภูเก็ต” เป็นต้นแบบเปิดภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ปี 2564 มีเที่ยวบินตรงขอเพิ่มความถี่เข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เป็นผลดีกับสปาด้วย ส่วนพื้นที่เชื่อมโยงจากกรุงเทพฯ อย่างหัวหิน พัทยา ก็ได้อานิสงนักท่องเที่ยวต่างประเทศบินมาลงสุวรรณภูมินั่งรถต่อไปอีกประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง ก็ถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งทางภาครัฐก็พยายามกระจายนักท่องเที่ยวไปยังพื้นที่ทั่วประเทศ

นายณรัล กล่าวว่า ทางฝ่ายบริหาร SPA มีแผนต่อยอดขยายการลงทุนหลังเปิดประเทศและโควิด-19 ผ่อนคลายลง โดยจะเข้าบริหาร “สปาในโรงแรม” เพราะหลายโรงแรมที่กลับมาเปิดบริการต้องการนำจุดขายเรื่อง เวลเนส สปา มาเป็นไฮไลต์ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ



ช่วงครึ่งปีหลัง 2565 น่าจะมีเปิดอีก 2-3 สาขา เริ่มตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2565 นี้เป็นต้นไป จะเปิด Let’s Relax Onsen & Spa Pattaya ในโรงแรม Grande Centre Point Space Pattaya ถือเป็นออนเซนวิวทะเลแห่งแรกในประเทศไทย ขนาดพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร ซึ่งพร้อมจะมอบประสบการณ์ที่สุดของความผ่อนคลายที่คุณจะไม่มีวันลืม รายล้อมด้วยบรรยากาศของพื้นที่ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 7 และ ชั้น 8 ทำให้คุณสามารถมองเห็นวิวของท้องทะเลอันสวยงามได้อย่างลงตัว   น่าจะเป็นประสบการณ์ออนเซนแนวใหม่ที่นำวัฒนธรรมญี่ปุ่นเหมือนเดิมโดยจะเพิ่มวิว 360 องศา มองเห็นหาดพัทยา กับแหลมบาลีฮาย ชัดเจน รวมทั้งจะเพิ่ม interactive ห้อง Whirlpool ห้องหินร้อน



โดยมีออนเซนมากถึง 5 บ่อ ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยประโยชน์มากมาย ได้แก่

1.บ่อน้ำแร่เกโระ -Gero Hot Springs Bath ช่วยต่อต้านแบคทีเรีย ลดอาการคัน

2.บ่อซิลค์บาธ -Silk Bath ช่วยเติมออกซิเจนให้ผิวช่วยให้ผิวชุ่มชื้น

3.บ่อโซดา -Soda Bath ช่วยขับสารพิษ ความอุ่นของน้ำจะช่วยส่งเสริมการ หมุนเวียนของเลือดให้ดียิ่งขึ้น

4.บ่อน้ำวน Whirlpool Bath  จะมีกระแสจากแรงดันน้ำช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลายทำให้ร่างกายหายปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดี

5.บ่อน้ำเย็น (Cold Bath) ช่วยกระชับรูขุมขนตามร่างกาย ช่วยเพิ่มความสดชื่น กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ผิวพรรณ ดูสดใสชุ่มชื้นอีกด้วย

รวมทั้งมีอีกหนึ่งบริการเสริมมาอย่างเช่น Akasuri Scrub อีกไฮไลท์ที่จะมีเทอราปิสต์ให้บริการสครับร่างกายแก่ผู้ที่เข้าใช้บริการให้มีผิวพรรณที่ดีขึ้นอีกด้วย


พร้อมทั้งมีห้องอำนวยความสะดวกสบายที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของการพักผ่อน  ได้แก่ ห้องเย็นมัลติมีเดีย (Interactive Cold Room) ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ใช้งาน ห้องหินร้อน (Hot Stonebed Bath) ประกอบด้วย ไม้ฮิโนกิ (Hinoki) หินภูเขาไฟ เสาเกลือหิมาลายัน ในการผ่อนคลายและได้รับประโยชน์จากแร่ธาตุถึง 48 ชนิด

ปิดท้ายเป็นพื้นที่ออนเซน ได้แก่ ห้องพักผ่อน สำหรับนั่งพักผ่อนและอิ่มเอมกับกลิ่นจากธรรมชาติอย่างเสื่อตาตามิตามแบบวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม

นายณรัล ย้ำว่า “ไฮไลต์เมนูสปา” ที่จะช่วยเติมเต็มให้คนที่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นได้สัมผัสกลิ่นอายญี่ปุ่นในไทยที่ออนเซนสปาแห่งใหม่ ซึ่งมีการแช่หินร้อนช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อแต่ละชั้นสบายตัวสดชื่นมากขึ้น ส่วน “สนนราคา” แบรนด์ Let’s Ralax คุ้มค่าเงินที่จ่ายเฉลี่ย 700 -1,200 บาท/ชั่วโมง ส่วนออนเซนเฉลี่ย 750 บาท/ชั่วโมง  แบรนด์ระรินจินดา เริ่มต้น 1,000-7,000 บาท ตั้งแต่ 1 ชั่วโมง ยาวไปถึง 4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละคนมากน้อยขนาดไหน

ขณะเดียวกันก็ต้องที่จะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและพันธมิตร ปัจจุบันภาครัฐได้เน้นเป้าหมาย “ตลาดคุณภาพ” อยู่แล้ว ขณะที่ “สปาไทย” ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก้ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม เมื่อปลายปี 2562  ต่อจากโขน แล้วเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง บาหลี (อินโดนีเซีย) เวียดนาม  ของไทยมีเอกลักษณ์ต่างกันประเทศอื่น ๆ จึงต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนเรื่อง Soft Power ช่วยต่อยอดการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีในอนาคต

สำหรับการประเมินสถานการณ์สปาจะกลับสู่ภาวะปกติได้ เบื้องต้นตอนนี้ภาคธุรกิจะต้องมุ่งดึงพนักงานกลับเข้าสู่ภาคบริการสปาให้ได้มากที่สุดก่อน ต่อจากนั้นก็จะกระจายการตลาดให้หลากหลายไม่พึ่งตลาดใดตลาดหนึ่งเพียงอย่างเดียว พร้อมกับต้องดูทิศทางภาครัฐด้วย เช่น จีน หรือรัสเซียยังอยู่ในภาวะสงครามกับยูเครน

 


โดยภาพรวมมี “ปัจจัยภายนอก” ทำให้ธุรกิจได้อานิสงจากเงินบาทอ่อนค่า ทำให้เงินสกุลต่างชาติอย่างดอลลาร์แลกได้เพิ่มขึ้นเป็น 36-37 บาท/ดอลลาร์ มากกว่าก่อนได้ 31-32 บาท/ดอลลาร์ ปัจจัยนี้จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวมาไทยเพิ่มขึ้น

ดังนั้นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ททท.สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมถึงสมาคมท่องเที่ยวแถวหน้าของประเทศ น่าจะได้ร่วมมือกันผลักดันให้ไทยเป็น Top of Mind ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลือกมาเที่ยวเมืองไทยเป็นอันดับต้น ๆ อีกครั้ง

 ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 


ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ชูบิวตี้เทรนด์รักษ์โลกCHANTECAILLE- GIVENCHY

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำพันธมิตรแบรนด์ดัง มาเสิร์ฟความสวยอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการแบ่งปันความรักษ์โลก เนรมิตรลุค ให้ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ สะท้อนความเป็นตัวของตัวเองได้อย่างน่าค้นหา

แบรนด์แรก “CHANTECAILLEแบรนด์สุดหรูจากมหานครนิวยอร์ก มาพร้อมการสร้างสรรค์ในคอนเซปต์เพื่อการดูแลผิวพรรณจากหลักพฤกษศาสตร์ ตอบโจทย์ผู้มีปัญหาผิวแพ้ง่าย โดยใช้ดอกไม้เป็นส่วนผสมหลัก เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติผสานเทคโนโลยีการผลิตสุดล้ำ รวมไปถึงดีไซน์แพ็กเกจจิงให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ด้วย รณรงค์ให้ทุกคนหันมาร่วมโลกอย่างสัตว์ป่า สัตว์คุ้มครองต่าง ๆ ผ่านองค์กรเพื่อสังคมและมูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์

 

 

ทั้งผลิตภัณฑื “บลัชออน” เนื้อละเอียดผสมชิมเมอร์ ช่วยแต่งแต้มเพิ่มมิติดูโดดเด่น เป็นประกาย สีสันสวยงาม ติดทนนาน พร้อมดีไซน์ลิมิเต็ด เอดิชั่น รูปสัตว์ต่างๆ นำรายได้ส่วนหนึ่งไปบริจาคช่วยเหลือมูลนิธิอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ต่าง ๆ

CHANTECAILLE REAL SKIN+ EYE AND FACE STICK คอนซีลเลอร์เนื้อครีมในรูปแบบแท่ง ช่วยให้ผิวดูสวยอย่างไร้ที่ติ ปกปิดเฉพาะจุดหรือบริเวณใต้ดวงตา ให้เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ ผสานสารสกัด RASPBERRY STEM CELL และ HIBICUS ที่มีคุณสมบัติชะลอวัยคงคอนเซปต์ของการรักษ์โลกโดยไม่ใช้การทดลองในสัตว์​ ปราศจากน้ำหอมและ​พาทาเลต แพ็กเกจจิง​นำไปรีไซเคิล​ได้อีกด้วย

 

ต่อด้วย “อายแชโดว์” ประกายไข่มุกที่จับแสงได้ดี ปราศจากพาราเบนและน้ำหอม คอลเลคชั่นนี้ผลิตขึ้นมาเพื่อตอบแทนการกุศล โดยแสดงถึงสัตว์ต่างๆ ได้แก่ เสือชีตาห์ ช้าง ยีราฟ ลิ่น แรด และสิงโต ร่วมมือกันสร้าง “SMART FENCES” หรือรั้วอัจฉริยะ ในประเทศ KENYA, GABON, UGANDA และ BOTSWANA  เพื่อปกป้องและให้ความปลอดภัยอนุรักษ์กับเหล่าสัตว์ต่าง ๆ แบรนด์ CHANTECAILLE เป็นเอกสิทธิ์ของ MECCA

ที่ขึ้นชื่อว่ามาพร้อมกับความสร้างสรรค์อย่างไม่สิ้นสุดในทุกไลน์โปรดักต์ กับแบรนด์ GIVENCHY เรียกได้ว่าครบครันจริงๆ โดยในส่วนของบิวตี้ ไม่ว่าจะน้ำหอม หรือเครื่องสำอาง ทางแบรนด์ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ยังคงสรรค์สร้างความสวยหรูที่มาพร้อมฟังก์ชันอันมีคุณสมบัติชั้นเลิศ เพื่อตอบสนองความงามในยุคใหม่ได้อย่างชาญฉลาด

แบรนด์ที่ 2 GIVENCHY”  PRISME LIBRE LOOSE POWDER แป้งฝุ่นที่ทำยอดขายดีอันดับหนึ่งจาก GIVENCHY เนื้อละเอียดบางเบาที่รวม 4 เฉดสีไว้ในตลับเดียว สร้างลุคแมตต์ และมิติบนใบหน้าให้ดูโดดเด่นสะดุดตา สดใส เปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ ในแพ็กเกจจิงสวยหรู ออกแบบให้พกพาสะดวก และง่ายต่อการใช้งาน

 

GIVENCHY PRISME LIBRE TRAVEL MATTE FINISH & ENHANCED RADIANCE LOOSE POWDER แป้งฝุ่นเนื้อละเอียดชนิดพิเศษสูตรแมตต์ 4 เฉดสี ช่วยปรับโทนสีผิวให้สว่างขึ้น พร้อมสร้างแสงบนใบหน้าเพื่อความเปล่งประกายอย่างสมบูรณ์แบบ ปกปิดสัญญาณแห่งวัยที่ไม่พึงประสงค์ได้ในขั้นตอนเดียว เพียงเขย่าตัวผลิตภัณฑ์เพื่อผสมเฉดสีในกระปุกให้เข้ากัน ขนาดพกพา เล็กกะทัดรัด พกพาขณะเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย

 


ข่าวที่ 2  อิ่มทุกเวลาที่“คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิร้านดังจัดเต็มไทย-อินเตอร์

“คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ” เพื่อให้ทุกการเดินทางของทุกคนสมบูรณ์แบบ จึงได้รวบรวมร้านอร่อยดัง ๆ มาให้อิ่มท้องก่อนเดินทางกับอาหารและเครื่องดื่มเมนูโปรด ทั้งอาหารไทย นานาชาติ ฟาสต์ฟู้ด คาเฟ่ และเครื่องดื่มนานาชนิด

เริ่มต้นที่อาหารไทยต้นตำรับโซน “ไทย สตรีท ฟู้ด” กับเมนูเด็ดอย่าง ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก ส้มตำ คอหมูย่าง ข้าวมันไก่ หรือ อาหารญ่ปุ่นที่ KOSUKE Japanese Restaurant กับเมนูราเมงเนื้อวากิว ข้าวหน้าปลาแซลมอน ชุดนิกิริเดอลุกซ์ และสายชิลแวะจิบกาแฟรองท้องด้วยเมนูเบา ๆ ได้ที่ Coffee World และอีกหลายร้านพร้อมเสิร์ฟความอร่อยก่อนบิน ไม่ว่าจะเป็น Kin Japanese Restaurant & Ramen, S&P, Kanom, The Villa Halal, Upper Crust, McDonald’s, Camden Food co., Burger King, Dairy Queen, One Minute Gourmet, Taco Bell, Top Ten, Rees หรือ Subway

ระหว่างรอจะบินไปที่ไหนก็อิ่มอร่อยได้ที่ “คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ” มีร้านอาหารและเครื่องดื่มบริการครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้งโถงภายในและภายนอกอาคารผู้โดยสาร

รวมทั้ง คิง เพาเวอร์ มอบความสะดวกสบายให้นักเดินทางด้วยบริการใหม่ KING POWER CLICK & COLLECT ตอบโจทย์การท่องเที่ยวและการช้อปปิ้งยุคใหม่ อย่างสะดวก รวดเร็ว จากที่ไหนก็ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เลือกช้อปสินค้า ดิวตี้ ฟรี www.kingpower.com  ในระบบออนไลน์ สามารถรับของง่ายขึ้นที่สนามบินทั้งขาเข้า-ขาออก ช้อปปิ้งได้จนถึง 2 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนออกเดินทาง

 


ข่าวที่  3 ททท.ผนึกรัฐเอกชนเปิดฤดูล่องแก่งลำน้ำเข็ก3เดือนส.ค.-ต.ค.65

นางสาวญาติกา แก้วบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพิษณุโลก เปิดเผยว่า ในฐานะที่ดูแลรับผิดชอบการส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว 2 จังหวัด คือพิษณุโลกและเพชรบูรณ์ ได้ร่วมกับจังหวัดพิษณุโลก ชมรมล่องแก่งพิษณุโลก ทรัพย์ไพรวัลย์รีสอร์ท และศูนย์เรียนรู้ช้างวนธารา รีสอร์ท และเรนฟอเรสท์ รีสอร์ท จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและคืนประโยชน์สู่สังคม “ฤดูล่องแก่งลำน้ำเข็ก” อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เร่งกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง 3 เดือน ตั้งแต่วันนี้ -ตุลาคม 2565 เพิ่มความสนุกสนาน ท้าทาย สัมผัสธรรมชาติ เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย

กิจกรรมล่องแก่งลำน้ำเข็กมีความท้าทายทั้งมือใหม่และผู้ที่เชี่ยวชาญเลือกได้ตั้งแต่ระดับ 1 ถึงระดับ 5 สนุกกับแก่งต่าง ๆ ทั้งหมด 17 แก่ง ระยะทาง 7-8 กิโลเมตร เริ่มจากกิโลเมตรที่ 52-44 ใช้เวลาในการล่องขึ้นอยู่กับกระแสน้ำจะประมาณ 2-3 ชั่วโมง

            ตลอด "ฤดูกาลล่องแก่งลำน้ำเข็ก 2565”  และ“ล่องแก่งเก็บขยะ” ททท. สำนักงานพิษณุโลก ยังได้จัดกิจกรรม "ล่องแก่งเก็บขยะ" โดยมีหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนสนับสนุนเต็มที่ พร้อมกับมีกิจกรรมคืนประโยชน์ต่อสังคม แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ให้ได้เลือกทำดังนี้

แพ็กเกจท่องเที่ยวล่องแก่งลำน้ำเข็ก ราคาพิเศษ วันนี้-กันยายน 2565 โดยมีไฮไลต์ 1.ล่องแก่งลำน้ำเข็ก Eco Print หรือ Terrarium จำกัดจำนวน 100 คนเท่านั้น  1.แพกเกจ 2 วัน 1 คืน  ลดเหลือ 1,300 บาท จากปกติ 1,650 บาท/คน   2.แพ็กเกจ  3 วัน 2 คืน   ลดเหลือ 2,600 บาท จากปกติ 2,950 บาท/คน

            สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มได้ที่ ททท. พิษณุโลก  โทรศัพท์ 0 5525 2742-3 และจองแพกเกจได้ที่พันธมิตรที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ เรนฟอเรสท์ รีสอร์ท โทร 08 1395 9575, 08 4165 6453 วนธารา รีสอร์ท โทร  08 7318 1800, 08 9856 3232  มาเดอเออ โทร  09 3056 1233

 


ข่าวที่ 4 TCEB” ปลุกคนไมซ์ร่วมมหกรรม Care Asia 2022ที่ไบเทค1-4ก.ย.นี้

 

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEBรายงานว่า ได้สนับสนุนการจัดงาน "Care Asia 2022 " ระหว่าง 1-4 กันยายน 2565 จึงเชิญชวนเข้าร่วมสร้างประสบการณ์ธุรกิจและเยี่ยมชมงานได้ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ EH 101 ซึ่งจัดคู่กับงานไทยเที่ยวไทย งาน Care Asia เป็นงานแสดงสินค้านวัตกรรมตอบโจทย์ความต้องการด้านการดูเลสุขภาพและความเป็นอยู่ ครบวงจรแห่งเอเซีย

           

ก่อนเดินทางต้องเข้าไปลงทะเบียนล่วงหน้า ลงทะเบียนได้ที่ที่  https://bit.ly/3zGylMY เพื่อรับฟรีของที่ระลึก ซึ่งมีจำกัดให้คนละ 1 สิทธิ์ และสิทธิพเศษอีกมากมายในงาน

ภายในงาน Care Asia จะได้พบกับ 4 ไฮไลต์ ประกอบด้วย

1.นวัตกรรมสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับสุขภาพ รวมถึงอุตสาหกรรมครบวงจรด้านสุขภาพเพื่อคนรักสุขภาพและ Smart Senior ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ จาก 200 บริษัท

2.พบกับผู้เข้าร่วมงานทั้งในและต่างประเทศร่วมแสดงสินค้าด้านนวัตกรรมด้านสุขภาพโดยเฉพาะ สามารถต่อยอดธุรกิจร่วมกันได้ 

3.พร้อมอัปเดตความรู้กับกูรูด้านสุขภาพและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหลากหลายแขนงในที่เดียว

4.มีกิจกรรมพร้อมจับรางวัลตลอดงาน และสิทธิพิเศษจากบริษัทชั้นนำด้านสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ

 


ข่าวที่ 5 บางจากเปิดวาร์ปคืนเงินหลังจ่ายค่าน้ำมันผ่านบัตรกรุงศรี-SCB

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดมหกรรม CASHBACK 4 ALL เปิดวาร์ป! ไปเที่ยวเลี้ยวเติมบางจาก ได้คืนทุกบิล ได้ฟินทุกเดือน ตั้งแต่วันนี้- 30 กันยายน 2565 เชิญชวนผู้ถือ “บัตรเครดิต กรุงศรี” ฉลองจัดใหญ่CASHBACK4ALL วาร์ป!ทุกที่ คืนทุกบิล ฟินทุกเดือนรับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 6,000 บาท* โดยไม่ต้องใช้พอยต์แลก

เพียงสะสมยอดใช้จ่ายเติมน้ำมันบางจาก หรือ ซื้อสินค้าและบริการในเครือบางจาก และกว่า 20 หมวดที่ร่วมรายการ  ที่ปั๊มบางจากทั่วประเทศที่รับบัตรเครติต 1.สะสมง่าย ได้ทุกที่ 2.ไม่มีขั้นต่ำต่อสลิป 3.รับคืนไว ได้ทุกเดือน วันนี้ จนถึง 30 ก.ย. 65

 

สามารถใช้สิทธิ์ดังกล่าวได้โดยเข้าไปลงทะเบียนภายในวันที่ทำรายการครั้งเดียวรับสิทธิ์ตลอดรายการผ่านแอป UCHOOSE หรือติดต่อศูนย์บริการบัตรเครดิต 02-646-3555

หรือจะเติมน้ำมันบางจาก เติมมากคุ้มมากทุกเส้นทาง แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12% กับบัตรเครดิต SCB วันนี้- 31 ส.ค. 65 เติมมากคุ้มมากทุกเส้นทาง แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12% ลูกค้าบัตรเครดิต SCB เมื่อเติมบางจากตั้งแต่ 800 บาทขึ้นไป/เซลล์สลิป + ใช้คะแนนสะสม SCB REWARDS หรือ M Point 800 คะแนน ที่ปั๊มบางจากทั่วประเทศที่รับบัตรเครดิต

วิธีแลกรับเครดิตเงินคืน ลงทะเบียนส่ง SMS พิมพ์ BC วรรค ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งไปที่ 4545333  ลงทะเบียนทุกประเภทบัตร เพียงครั้งเดียวตลอดรายการ

 

ภายใต้กติกา 1.จำกัดการใช้คะแนนสะสม SCB Rewards/ M Point 800 คะแนน/เซลล์สลิป 2.จำกัดการใช้คะแนนสะสม SCB Rewards/ M Point 3,200 คะแนน/ท่าน/ตลอดระยะเวลาส่งเสริมการขาย ตั้งแต่วันนี้ 31 สิงหาคม 2565

            ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยได้ทำประโยชน์กับทริปดี ๆ สัมผัสวิถีคนเลี้ยงช้างของชาวปะกากะญอมากว่า 100 ปีที่ “บ้านเพราะช้าง” บ้านพะยอ อ.พบพระ จ.ตาก มีแพกเกจทำอาหาร ทำวิตามิน พาช้างกลับบ้าน แล้วลองนอนท้ายทุ่งดื่มด่ำธรรมชาติ เรื่องราวการเดินทางที่ต้องลองมาสักครั้ง สำหรับสุขภาพต้องเรื่อง “กินไข่ด้วยเมนูปรุงสุกดีต่อร่างกาย” พร้อมเคล็บลับเก็บรักษาไข่แบบยาว ๆ พร้อมข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “ทอท.ปลุกพนักงานรวมพลังก้าวสู่ปี43-44” ลดค่าใช้จ่ายลุ้นกำไรปี’66-67 ข่าวที่สอง บางกอกแอร์ชิงบินเพิ่มเส้นทางฮ็อต นครวัด ย่างกุ้ง ดานัง เริ่ม 1 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป

 


ท่องเที่ยว -ทัวร์ธรรมชาติวิถีปะกากะญอ“บ้านเพราะช้าง” อ.พบพระ จ.ตาก

เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน ทริปนี้ตาม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตาก แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวธรรมชาติและวิถี “บ้านเพราะช้าง” บ้านยะพอ ตำบลวาเลย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก

            “บ้านเพราะช้าง” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สร้างสรรค์และเชิงวัฒนธรรม ว่ากันว่าเป็นแหล่งเพราะช้างที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยตั้งอยู่สุดขอบชายแดนไทย-เมียนมา ท่ามกลางธรรมชาติป่าเขียวขจี มีเพียงแม่น้ำเมยกั้นพรมแดนเท่านั้น  



เมื่อไปถึง “บ้านยะพอ” นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวชุมชนชาติพันธุ์ปกากะญอ เลี้ยงช้างสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ  ผู้คนเลี้ยงช้างกันมากว่า 100 ปี ตามวิถีควาญและศาสตร์เฉพาะของการเลี้ยงช้างตามวิถีปะกากะญอ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้ใกล้ชิดช้างมากที่สุด แม้วิถีโลกจะเปลี่ยนไป ทำให้บทบาทการใช้งานช้างลดน้อยลง แต่ความผูกพันธ์เสมือนสมาชิกในครอบครัวระหว่างคนกับช้างยังเหนียวแน่น ทำให้คนรุ่นใหม่ในชุมชนแห่งนี้ยังคงอนุรักษ์วิถีดั้งเดิมไว้ โดยปรับการดำเนินชีวิตให้เข้ายุคสมัยและความอยู่รอดของคนและช้าง นำการท่องเที่ยวมาดึงรายได้เข้าพื้นที่

โดยมีกิจกรรมเปิดให้นักท่องเที่ยวมีส่วนร่วมทำได้ มีทั้ง 1. ไปให้อาหารและไปถ่ายรูปกับช้าง 2. ทำวิตามินและตัดหญ้ามาทำอาหารช้างกิน 3.ชวนกันไปอาบน้ำทำสปาร่วมกันระหว่างคนกับช้าง 4.ชมและพาช้างกลับบ้านช่วงเย็น  5.พักค้างแรมนอนค้างยังบริเวณกระท่อมชายทุ่ง ที่มีชาวบ้านคอยดูแลความปลอดภัย

หากต้องการจะไปเที่ยวชมวิถีชีวิตปะกากะญอ สัมผัสแหล่งเพาะช้างในเมืองรอยต่อชายไทยในอำเภอพบพระแห่งนี้ โทร.สอบถามได้ที่ 093-520-0579 และ 063-181-5281



สุขภาพ -กินไข่ไก่ปรุงสุกทุกเมนูดีต่อร่างกายเคล็บลับเก็บรักษาไว้กินได้นาน

ครอบครัวคนไทยคุ้นชินกับการกิน “ไข่ไก่” ที่นำมาประกอบอาหารช้านาน ปรุงได้ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน เมนูไข่แบบง่าย ๆ ยามยากและเป็นวัฒนธรรมอยู่กับการกินของคนไทยโดยตลอด

ตามหลักโภชนาการแนะนำการทำ “เมนูไข่”  ปรุงได้ไม่ยากโดยให้ได้สารอาหารเป็นประโยชน์ต่อการบริโภคมากที่สุด แนะนำให้ปรุงไข่ให้สุกโดยใช้ความร้อนอย่างเหมาะสม เช่น ไข่ต้ม ไข่ดาว ไข่เจียว  

เตือน!! ไม่ควรกินเมนูไข่โดยไม่ผ่านความร้อน เช่น  ไข่ดิบ ไข่ดองน้ำปลา เพราะการกินแบบนี้ความจริงแล้วค่อนข้างเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาทางสุขภาพในระยะยาวมากกว่าทำเมนูปรุงสุกนั่นเอง

โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากการติดเชื้อเนื่องจากบริโภคอาหารไม่สุกจากการปรุงร้อนได้ เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันและผู้ที่เจ็บป่วยหรือมีโรคประจำตัว

ข้อควรรู้สำหรับไข่ไก่

1.สารอาหารหลักในไข่ไก่และการปรุง -เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี ให้กรดอะมิโนครบถ้วน ในไข่ไก่ 1 ฟองขนาดเบอร์ 2 จะมีสารอาหารโดยประมาณคือ โปรตีน 7 กรัม  ไขมัน 5 กรัม โดยมีทั้งกรดไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัวอยู่รวมกันซึ่งไม่มีคาร์โบไฮเดรต มีวิตามินเอ ดี บี 12 และลูทีน ไข่ 1 ฟองจึงจัดเป็นอาหารครบถ้วนได้

 

2.อายุการเก็บรักษาไข่ไก่ เก็บไข่ไว้ในตู้เย็นได้นานที่สุดประมาณ 2-3 สัปดาห์ และพื้นที่ในตู้เย็นที่เหมาะแก่การเก็บรักษาไข่ที่สุด คือด้านในของชั้นวาง เพราะมีอุณหภูมิที่เย็นคงที่ เก็บได้ทั้งถาดไข่ที่ซื้อมาได้เลย แม้บริเวณประตูจะออกแบบให้มีช่องวางไข่ก็ตาม แต่บริเวณประตูจะมีอุณหภูมิที่ไม่คงที่เนื่องจากมีการเปิด-ปิดอยู่เสมอ ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ไข่เสียได้ คือ อุณหภูมิที่เปลี่ยนไปมา เร่งให้ไข่เสียไวขึ้น

โดยเฉพาะสาเหตุจากเชื้อ Salmonella ที่อาจพบได้บนเปลือกไข่ จึงไม่ควรเก็บไข่ไว้นอกตู้เย็น และไม่ควรเก็บไข่ไว้ตรงประตูของตู้เย็น หากต้องการเก็บไข่ให้มากกว่าหนึ่งสัปดาห์ นอกจากนี้เมื่อไข่ถูกเก็บในตู้เย็นแล้วเมื่อนำออกมาข้างนอก ไม่ควรวางทิ้งไว้นอกตู้เย็นเกิน 2 ชั่วโมง เพราะหยดน้ำที่เกิดขึ้นรอบเปลือกไข่หลังจากนำมาวางไว้ในอุณหภูมิห้องจะเป็นปัจจัยให้ไข่เสียได้

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก-ทอท.ถกพนักงานก้าวสู่ปี43-44ลดค่าใช้จ่ายลุ้นกำไรปี’66-67

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT/ทอท.” เปิดเผยว่า ได้เปิดเวทีพบพนักงาน ทอท.ทั้งหมดผ่านการ“คุยให้คิด” โดยได้ลำดับเหตุการณ์ที่ได้รับผลกระทบจากช่วงโควิด-19 เกิดขึ้นในโลกเริ่มตั้งแต่พฤศจิกายน-ธันวาคม  2562 จนถึงปี 2565 ขณะนี้ ทอท.กำลังเพิ่งเริ่มฟื้นตัวปี 2566 และคาดจะกลับสู่ภาวะปกติได้ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป

ตามแผนปี 2566 จะเป็นปีที่ ทอท.ครบ 43 ปี แต่ยังต้องเผชิญความท้าทายการนำธุรกิจสนามบินก้าวข้ามวิกฤตกลับสู่ปกติให้สำเร็จ หลังจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA : International Air Transport Association) องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO : International Civil Aviation Organization) ทุกสำนักฟันธงเป็นเสียงเดียวกันถึงสถานการณ์ระยะยาวปี 2567 ผู้โดยสารจะกลับมาเดินทางเข้าเมืองไทยเป็นปกติปีละ 142 ล้านคน  

นายนิตินัยกล่าวว่าปี 2567 ผู้โดยสารจะกลับมาในเชิงปริมาณ แต่ใน “บริบท” เรื่องการบริการของ ทอท.และการท่องเที่ยวของไทยจะไม่กลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไป ดังนั้นจึงจะขอโฟกัสการบริหารจัดการธุรกิจสนามบินทั้งหมดซึ่งเป็นช่วง ทอท.ก้าวสู่ปีที่ 43 เพิ่งฟื้นจากโควิด-19 หรือ “ปีเปลี่ยนผ่าน” แต่ได้เตรียมความพร้อมลงทุนขยายอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ อุปกรณ์ เครื่องเอ็กซเรย์ รวมทั้งบุคลากรบริการเรื่องคุณภาพและใบรับรองพนักงานตรวจค้น ไม่เคยให้หมดอายุ ได้ทำตามมาตรฐานปฏิบัติการอย่างเข้มข้นมาตลอด

 เพราะทอท.ตระหนักดีถึงการกลับมาอีกครั้งจะต้องทำงานร่วมกับอีกหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตรวจคนเมือง (ตม.) ศุลกากร สายการบินนานาชาติ พนักงานบริการภาคพื้นดิน (ground service) การขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ (cargo)

“ผมยังไม่ค่อยแน่ใจว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับซึ่งเป็นผู้ประกอบการในสนามบินจะมีความพร้อมเหมือน ทอท.หรือไม่ เพราะเมื่อเข้าสู่วิกฤตเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา คงไม่มีธุรกิจใดคงสภาพเดิมอยู่ได้ แต่ละธุรกิจก็มีเทคนิคสร้างความอยู่รอดของตนเอง ลดไขมัน กระชับต้นทุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลงให้มากที่สุด”

 

จากการประเมินสถานการณ์ปี 2566 ทอท.ครบ 43 ปี แต่ธุรกิจสนามบินจะเจอกับปัญหา “ระเบิดเวลา” ซึ่งเกิดเป็นหย่อม ๆ จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีปัญหาเชิงโครงสร้างต่างกันไป ฉนั้นสถานการณ์เพิ่งฟื้นตัวปีหน้า จากนั้นปี 2567 ทอท.ครบ 44 ปี ก็ต้องเตรียมตัวรับสถานการณ์ผู้โดยสารกลับสู่ปกติปีละ 142 ล้านคน จึงต้องกระตุ้นให้พนักงานทั้งหมด “ร่วมมือร่วมใจกัน” นำองคาพายพการท่องเที่ยวของประเทศไทยทั้งหมดผ่านวิกฤตไปให้ได้ โดยที่ทุกฝ่ายยังมีเรื่องต้องทำกันอีกหลายอย่าง

 

เรื่องสำคัญคือ “การประหยัดค่าใช้จ่าย” เนื่องจากสถานการณ์ปี 2565 ทอท.ยังขาดทุนอยู่ แต่พนักงานเองก็ยังคงมีคำถามว่าจะมีโบนัสหรือไม่ ปี 2566 จากการประมาณการณ์ตามที่ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว ระบุจะมีผู้โดยสารกลับมาได้ประมาณ 77 % เป็นผู้โดยสารในประเทศและระหว่างประเทศสัดส่วนใกล้เคียงกันคือ 50-50 ปีหน้าถ้าสามารถผู้โดยสารกลับมาได้สัก 60 % ขึ้นไป ก็จะพอมีกำไรบ้าง แต่จะมีตัวแปรที่ต้องคำนวณคือผู้โดยสารหลักตลาดจีน รัฐบาลจะเปิดประเทศให้คนเดินทางออกได้ตามปกติหรือไม่ด้วย

 

ฉนั้นปี 2566 จึงอาจจะหมิ่นเหม่การทำกำไรหรือขาดทุน ตัวแปรสำคัญจะทำให้ ทอท.”กำไร” คือความร่วมมือกัน “ควบคุมค่าใช้จ่ายขององค์กร” เพื่อรอลุ้นเที่ยวบินและผู้โดยสารระหว่างประเทศซึ่งสามารถสร้างรายได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน (PSC :Passenger Service Charge ) ได้คนละ 700 บาท

 

โดยสรุปความหวังจากภายนอกนั้นต้องแล้วแต่ “ดวง” โดยเฉพาะการลุ้นให้จีนเปิดประเทศ กับมีเที่ยวบินนานาชาติทั่วโลกบินเข้าไทยเพิ่มขึ้น แต่ “ฝีมือ” ของ ทอท.คือการแสดงพลังตัดลดค่าใช้จ่ายลงให้ได้มากที่สุด ร่วมมือร่วมใจกันสู้ด้วยกันต่อหลังจากสู้กันมาเกินกว่า 2 ปี ก็ขอให้พนักงานทั้งหมดช่วยกันอย่างเต็มที่เพื่ออนาคตของทุกคน

 

นายนิตินัยย้ำว่า ความท้าทายตอนนี้มีเวลา 10 เดือนเศษ จะเข้าสู่ปีงบประมาณ 2567 ลุ้นให้การบินกลับสู่ภาวะปกติ แต่หลายธุรกิจจะสามารถเรียกศักยภาพของตัวเองกลับมาได้หรือไม่ยังต้องรอดู ส่วนของ “ทอท.” ซึ่งเป็นศูนย์กลางหรือไข่แดงเรียกว่าเป็นTier 1 สามารถไปต่อได้ กำลังเป็นห่วงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ร่วมทำธุรกิจอยู่ด้วยหรือ Tier 2 เปรียบเทียบก็เหมือน “ปะการัง” เป็นวัตถุแข็ง ๆ ที่มีรูพรุนเต็มไปหมด ทอท.เองก็ไม่รู้ว่ารูพรุนของผู้ประกอบการอยู่ตรงจุดไหนกันบ้าง ประกอบด้วย

 

กลุ่มที่ 1 “สายการบินนานาชาติ” หลายแห่งต้องลดฝูงบินเหลือ 40-50 % ซึ่งไม่แน่ใจว่าเมื่อฝูงบินหายไปถึงครึ่งหนึ่งแต่ละสายการบินจะตัดเส้นทางบินใดออกไปบ้าง ทอท.ก็ไม่แน่ใจมากนัก

 

กลุ่มที่ 2 บริการภาคพื้นดิน การให้บริการขนกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารเกิดความล่าช้าเป็นชั่วโมง เช่นปรากฏการณ์ที่คนทั่วโลกเห็นจากสนามบินฮีทโธรว์ในอังกฤษมีกระเป๋าผู้โดยสารกองอยู่ในลานบินนานกว่า 2 วัน กว่าจะเคลียร์ได้ ยุโรปยิ่งแย่กว่าไทย เพราะรัฐบาลจ้างให้คนออกจากงาน จึงไม่แน่ใจคนจะกลับเข้าสู่ภาคบริการอีกหรือไม่ เพราะไม่จำเป็นต้องกลับเพราะรัฐบาลจ่ายเงินดูแลประชาชน

 

กลุ่มที่ 3 คนขับแท็กซี่รับผู้โดยสารเข้าออกสนามบิน ก็เป็นเพื่อนร่วมงานของ ทอท.ที่ส่งผลต่อคุณภาพบริการของสนามบินว่าจะดีหรือไม่ได้ดีด้วยเช่นกัน ช่วงสถานการณ์โควิด-19 มีแท็กซี่สีต่าง ๆ จอดว่างร้างเต็มไปหมด คนขับก็อาจจะกลับบ้านเกิดไปทำอาชีพใหม่แล้ว ส่วนสหกรณ์เจ้าของแท็กซี่ได้ซื้อรถใหม่หรือเปล่า กรณี สนามบินดอนเมือง มีแท็กซี่ลงทะเบียนกับสนามบิน 2,400-2,700 คัน ตอนนี้เหลือลงทะเบียนเหลือแค่ 400 คัน ปัญหารถแท็กซี่สนามบินดอนเมืองเหลือน้อย ลำพังรถที่มีอยู่ปกติก็แทบจะไม่เพียงพอ โดยเฉพาะช่วงปลายเดือน วันศุกร์ ฝนตก รถติด แท็กซี่กลับเข้าสนามบินไม่ทันไม่เพียงพอใช้งานอยู่แล้ว

 

ดร.นิตินัย ยืนยันว่า สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาโครงสร้างของอุตสาหกรรมการบินที่เกิดขึ้นทั้งระบบ สาเหตุจากวิกฤตระยะยาวของโควิด-19 ได้ทำลายซัพพลายเชนหรือห่วงโซ่อุปทานลงไป ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดจาก ทอท.ที่เดียว แต่เกิดจากความร่วมมือ และความพร้อมทั้งหลาย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ การกลับคืนสู่ภาวะปกติไม่ได้สามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่เฉพาะไทยประเทศเดียวแต่เป็นปัญหาซึ่งเกิดกับทั่วโลก

 

ทั้งนี้ ทอท.และทั่วโลกได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เริ่มตั้งแต่พฤศจิกายน-ธันวาคม 2562 จากนั้นเมื่อ 23 มกราคม 2563 รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น ขณะนั้นอุตสาหกรรมการบินกำลังเติบโตพนักงานทุ่มเททำงานเต็มที่พูดคุยกันถึงเรื่องการทำสถิติผลประกอบการและจ่ายโบนัสสูงสุดหรือไม่ แต่ ทอท.ก็ต้องเจอฝันร้ายจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 บวกกับปิดเมืองอู่ฮั่น

 

ทำให้ ทอท.ต้องเผชิญความท้าทาย เรื่องที่ 1 ขาดทุนเป็นครั้งแรก 15,000 ล้านบาท เรื่องที่ 2 ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นมา ผู้ประกอบการพันธมิตรในสนามบินกว่า 1,000 ราย มีเพียง 12-14 ราย สามารถจ่ายผลตอบแทนให้ ทอท.สูงกว่าราคาการันตีขั้นต่ำ ต่อมาในเดือนมีนาคม 2563 เหลือแค่ 4 ราย แล้วเดือนเมษายน 2563 ก็ไม่มีผู้ประกอบการแม้แต่รายเดียวสามารถจ่ายผลตอบแทนดังกล่าวได้

 

สำหรับปีงบประมาณ 2565 คาดหวังผู้โดยสารที่ใช้บริการสนามบินของ ทอท.จะฟื้นกลับมาได้ประมาณ 45 ล้านคน/ปี เปรียเทียบกับก่อนโควิด-19 มีถึง 142 ล้านคน/ปี อีกทั้งยังเคยลงไปต่ำสุดเหลือ 20 ล้านคน/ปี สถานการณ์ปีนี้ฟื้นกลับมาได้เพียง 1 ใน 3 หรือแค่ 33 % ของปี 2562

 

ข่าวที่สอง -บางกอกแอร์บินอินเตอร์ใหม่“เสียมเรียบ-ย่างกุ่ง-ดานัง 1ส.ค.65

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า พร้อมกลับมาเปิดบินประจำระหว่างประเทศใหม่ ตอบสนองความต้องการของนักเดินทางดีขึ้นตามลำดับ จึงได้เปิดบินไป-กลับอีก 3 เส้นทาง เริ่มตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป ได้แก่ กรุงเทพฯ – เสียมเรียบ (กัมพูชา) กรุงเทพฯ - ย่างกุ้ง (เมียนมาร์) และ กรุงเทพฯ - ดานัง (เวียดนาม) มุ่งให้บริการเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่ต้องการเดินทางในภูมิภาคฯทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยและประเทศเพื่อนบ้านที่จะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจภูมิภาคอินโดจีน โดยมีรายละเอียดเที่ยวบินดังนี้

 

เส้นทางที่ 1 กรุงเทพฯ – เสียมเรียบหรือนครวัด (กัมพูชา)  1 เที่ยว/วัน (ไป-กลับ) เริ่ม 1 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไปด้วยฝูงบินเอทีอาร์รุ่น 72-600 รองรับผู้โดยสาร 70 ที่นั่ง รหัสเที่ยวบินขาไป PG905 ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ 10.30 น. ถึงสนามบินนานาชาติเสียมเรียบ 11:45 น.  และเที่ยวบินขากลับ PG906 ออกจากสนามบินนานาชาติเสียมเรียบ 12.15 น. ถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ 13.55 น.

 

เส้นทางที่ 2 กรุงเทพฯ - ย่างกุ้ง (เมียนมาร์)  1 เที่ยว/วัน เริ่ม 1 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป  ด้วยฝูงบินแอร์บัส A320 รหัสเที่ยวบินขาไป PG703 ออกจากสนามบินนานานชาติสุวรรณภูมิ 16.45 น. ถึงสนามบินนานาชาติย่างกุ้ง 17.35 น. และเที่ยวบินขากลับ PG704 ออกจากสนามบินนานาชาติย่างกุ้ง  18.20 น. และถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ 20.20 น.

 

เส้นทางที่ 3 กรุงเทพฯ – ดานัง (เวียดนาม)  1 เที่ยว/วัน เริ่ม 1 กันยายน 2565 เป็นต้นไป ด้วยฝูงบินแอร์บัส A320 รหัสเที่ยวบินขาไป PG947 ออกจากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ 10:55 น. ถึงสนามบินนานาชาติดานัง 12:45 น. และเที่ยวบินขากลับ PG948 ออกจากสนามบินนานาชาติดานัง 13:55 น. ถึงสุวรรณภูมิ 15:25 น.

 

ทั้งนี้เมื่อปี 2564 บางกอกแอร์เวย์ ได้เปิดบินแบบประจำระหว่างประเทศแล้วเช่นกัน ไป-กลับ 3 เส้นทาง ได้แก่ 1.กรุงเทพฯ-มัลดีฟส์ เมื่อกรกฎาคม 2.สมุย – สิงคโปร์ เมื่อสิงหาคม 3.กรุงเทพฯ – พนมเปญ เมื่อธันวาคม 2564

 

ตรวจสอบรายละเอียดเที่ยวบินได้ที่ https://www.bangkokair.com/flight/flightSchedule  หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า (Call Center) โทร 1771 หรือ โทร 02-270-6699  ตั้งแต่  08.00 น. – 20.00 น.

                ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง