ททท.งัดแผนBooster Shotของบพันล้านฟื้นท่องเที่ยวไทย-ทั่วโลก
อัดฉีดเพิ่มที่นั่งแอร์ไลน์1ล้านที่+ที่พัก1ล้านห้อง+รถทัวร์1ล้านคน
ปลุกในประเทศ5ภาคกระหน่ำขายเที่ยวเชื่อมโยงไทย-ต่างชาติ
คิงเพาเวอร์ดึงกุชชี่เปิดLED Boutiqueสุวรรณภูมิแห่งแรกในเอเชีย
ช้อปคิงเพาเวอร์คอลเลคชั่นเก๋MonClerสดใสสไตล์ฟ้าขาวพาสเทล
คิงเพาเวอร์ชู5โปรออนไลน์ลด10%ไทยเที่ยวไทย+ใช้สิทธิ์เที่ยวกัน
ททท.บูมเกาะหมากโมเดลเที่ยวรับผิดชอบ+โลว์คาร์บอน20ส.ค.นี้
บางจากควง KTC เปิดบัตรศิษย์เก่าสวนกุหลาบแจกโปรแรงพลังงาน
เที่ยวเชียงใหม่งานไดโนเสาร์แรพเตอร์-กิน5ร้านตำนานความอร่อย
วิตามินดีกับแคลเซี่ยมคู่ซี้ของผู้สูงวัยช่วยเพิ่มพลังให้ร่างการแข็งแรง
ภูเก็ตเด็ดทั้งเกาะ@อุบลนำทัพบิ๊กโปรบุกโกยตลาดอีสาน8-10ก.ค.65
วันที่ 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์”
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
#TCEB #บางจาก
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...
ช่วงที่
1 ออกตัวแรงก่อนได้เปรียบกับ
“ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สั่งทุกสำนักงานใช้ยุทธศาสตร์ปังสุด
ๆ “Booster Shot”
บู๊สยอดจำนวนและรายได้ท่องเที่ยวในประเทศและทั่วโลกฟื้นทันควันภายใน 6
เดือนนี้ พร้อมชงขอ ครม.อนุมัติงบก้อนใหม่หลักพันล้าน บู๊ส “ที่นั่งเที่ยวบินเพิ่ม
1 ล้านที่+เพิ่มยอดห้องพัก
1
ล้านห้อง+นั่งรถทัวร์ท่องเที่ยว
1 ล้านที่นั่ง”
เดินสายถกผู้ประกอบการท่องเที่ยว 5 ภูมิภาค
“เหนือ” ขอดึงแอร์ไลน์สต่างชาติบินตรงเพิ่ม “อีสาน”
เฟ้นจุดขายท่องเที่ยวเชิงอาหารดึงตลาดข้ามภาค และดึงต่างชาติเที่ยวเชื่อมโยง
ลุ้นไฮซีซันตั้งแต่ ต.ค.นี้ แอร์ไลน์สปลุกทั่วโลกเที่ยวไทยเดือนละ 1.5 ล้านคน
ปี66ยกให้เอเชียเป็นฮีโร่นำเข้าสูงสุด
62 %
ดร.ยุทธศักดิ์
สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ขณะนี้ได้เพิ่มกลยุทธ์เร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาลในการทำ Booster Shot เปิดประเทศอำนวยความสะดวกให้นักเดินทางทั่วโลกตั้งแต่
1 กรกฎาคม
2565 เป็นต้นไป
ทั้งการยกเลิก Thailand
Pass การลงทะเบียนออนไลน์ก่อนเข้าประเทศ ยกเลิก Test & Go ตรวจหาเชื้อโควิด-19 วันแรกเมื่อมาถึงประเทศไทย
และอีกหลายอย่าง เป็นการปรับเป็นปกติเหมือนก่อนโควิด-19
ฉนั้นจึงสอดคล้องกับนโยบายของนายพิพัฒน์
รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะให้
ททท.ทำตามเป้าหมายปี 2565
นำเข้านักท่องเที่ยวต่างประเทศให้ได้
7-10 ล้านคน
และคนไทยเที่ยวในประเทศ 160
ล้านคน-ครั้ง
เปรียบเทียบแล้วการทำ Booster
shot อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศก็คล้ายกับการบู๊สวัคซีนป้องกันโควิด-19
ประเด็นสำคัญคือ
“ททท.”ต้องเร่งทำให้การท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
วิธีปฎิบัติด้วย
Booster Shot
แบ่งเป็น “ตลาดท่องเที่ยวในประเทศ”
ฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว
จึงจะต้องตั้งเป้าให้มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยตามโรงแรมทั่วประเทศให้ได้ไม่น้อยกว่า
55 % เมื่อประมวลตัวเลขตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ดีขึ้นตามลำดับ
แต่ยังไม่เพียงพอที่ในประเทศจะฟื้นขึ้นมาอย่างเพียงพอ นั่นหมายความว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม
2565 ททท.จะต้องเข้าไปกระตุ้นด้วยการเดินทางท่องเที่ยวพร้อมกับต้องพักแรมไม่น้อยกว่าเดือนละ
60 % ของโรงแรมทั่วประเทศที่เปิดบริการเรียบร้อยแล้ว
ส่วน
“ตลาดต่างประเทศ”
สถิติเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยล่าสุดเมื่อ 26 มิถุนายน 2565 ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศเรียบร้อยเกิน
2
ล้านคนแล้ว ดีกว่าปีที่แล้วมีเพียง 4 แสนคนเท่านั้น จึงเป็นเรื่องน่ายินดี
แต่ปัญหาตอนนี้ “สายการบินนานาชาติ” จากทั่วโลกที่บินประจำเข้าเมืองไทยยังไม่ได้ฟื้นอย่างเต็มที่
ตัวอย่าง ปี 2562 มีประมาณ
250,000 เที่ยวบิน
ปัจจุบันปี 2565 มีเที่ยวบินมาไทยเพียงกว่า
75,000
เที่ยวบิน แสดงว่ายังน้อยมาก ขณะเดียวกัน “จำนวนที่นั่งเครื่องบิน”
ก็ยังน้อยอยู่เหมือนกันขึ้นอยู่การใช้ฝูงบินประเภทใด รวม ๆ แล้วมีประมาณ 17 ล้านที่นั่ง
ยังไม่ถึงครึ่งของปี 2562
ดังนั้น
ททท.จึงต้องตั้งเป้าไว้ว่าถ้าจะทำให้เกิดการท่องเที่ยว จะต้อง
“นำจำนวนที่นั่งเครื่องบิน” ของสายการบินระหว่างประเทศกลับมาไทยให้ได้ โดยตั้งเป้าจะต้องกลับมาไม่น้อยกว่า
50 %
ขึ้นไปของปี 2562
ตอนนี้ยังขาดอยู่อีกประมาณกว่า 10 ล้านที่นั่ง
ททท.จะใช้กลยุทธ์ทำโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตร
(Joint Promotion)
ร่วมกับสายการบินใหม่หรือสายการบินเดิมที่กลับมาเปิดบินใหม่
หรือการทำเที่ยวบินเช่าเหมาลำ
ททท.พร้อมทำงานร่วมกับบริษัทตัวแทนขายหรือเอเย่นต์ต่าง ๆ
เพื่อนำจำนวนที่นั่งกลับมาให้ได้ตามเป้าหมาย
ส่วนความคืบหน้าการดีลกับสายการบินที่จะกลับมาไทยอีกครั้งนั้นจะต้องดูตามลักษณะของพื้นที่
เนื่องจากประเทศที่เคยเดินทางมาท่องเที่ยวจำนวนมากยังไม่ได้เปิดให้คนในประเทศเดินทางออกมาอย่างจีน
ส่วนขณะนี้ประเทศซึ่งมีการเดินทางมากที่สุดคือ “อินเดีย” ททท.ก็ต้องเข้าไปดู “จำนวนเที่ยวบินเดิม”
มีเท่าไร หากต้องการนำกลับมาให้ได้ 50 % ต้องใช้ระยะเวลากี่เดือน
แต่ก็ต้องยอมรับการจะกลับมาบินอีกครั้งก็ต้องคำนึงถึง
“ความปลอดภัยของผู้โดยสาร” เช่น รัสเซีย ททท.ตั้งเป้าปี 2565 จะนำเข้าให้ได้
1 ล้านคน
แต่ด้วยสถานการณ์สู้รบต่าง ๆ ก็อาจจะไม่สามารถนำเข้ามาได้หากไม่ทำโครงการ Booster ดังนั้น
ททท.ได้ทำหน้าที่เป็นคนกลางคุยกับผู้ประกอบการรัสเซียรายใหญ่ ๆ
ที่มีฐานอยู่ในประเทศไทย รวมทั้งสายการบินแต่ก่อนอาจบินในบางภูมิภาค
ก็นัดให้เจอกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว แต่ละฝ่ายจะต้องไปทำการบ้าน
สมมุติหากสายการบินใดต้องการกลับมาเปิดบิน จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายมากขนาดไหน
ททท.มีหน้าที่ “เชื่อมประสาน”
ทำให้มีสายการบินและจำนวนที่นั่งเที่ยวบินกลับมาให้เร็วที่สุด
สำหรับโครงการ Booster Shot ต้องมีงบประมาณที่
ททท.เตรียมเสนอราว 1,000 ล้านบาท
ต่อที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 หรือ
“ศบศ.” ซึ่งมี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
และมีรัฐมนตรีจากหลายกระทรวงร่วมอยู่ด้วย
ได้พิจารณาก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ
เนื่องจากงบประมาณที่ใช้อยู่ในปี 2565 อนุมัติเมื่อตุลาคม 2564
แล้วบางหน่วยงานก็ถูกตัดลดทอนลงไป
ดังนั้นในสถานการณ์แบบนี้หากต้องการเห็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นกลไกฟื้นฟูเศรษฐกิจก็จำเป็นจะต้อง
“ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม” ซึ่ง
ททท.ได้ประสานงานเบื้องต้นกับทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(ศสช./สภาพัฒน์) ไว้บ้างแล้วถึงความเป็นไปได้ที่จะให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล
หลังจากเปิดประเทศเต็มรูปแบบแล้วผ่านการประชุมของ
ศบศ.น่าจะนำเสนอเพื่อเดินหน้าทำโครงการ Booster Shot ในเร็ว ๆ นี้
สำหรับ
“วงเงินงบประมาณในโครงการ Booster
Shot ตามนโยบายนายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ ททท.สำรวจความต้องการจริงที่จะใช้กระตุ้นตลาดและจัดกิจกรรมในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก
ซึ่งจะต้องทำในลักษณะบูรณาการร่วมกันหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
ถ้าขอมากก็แสดงถึงความตั้งใจที่ให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาได้เร็วที่สุดด้วย
ดร.ยุทธศักดิ์
ยืนยันว่าเมื่อเร็ว ๆ ตลาดในประเทศ ททท.ได้เชิญผู้ประกอบการท่องเที่ยว
สายการบินต่าง ๆ โรงแรม และเกี่ยวข้อง ได้เสนอแนวคิดร่วมกัน ตัวอย่างเช่น 1.เป้าหมายนำ
“จำนวนที่นั่งเที่ยวบิน” กลับมาให้ได้ 1 ล้านที่นั่ง
แล้วจะกระจายไปตามเมืองท่องเที่ยวหลักและเมือง 2.ที่พักกระตุ้นเพิ่มยอดพักอีก
1 ล้านห้อง
นอกเหนือจากโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ต่อขยาย” 1.5 ล้านสิทธิ์
เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการจึงตั้งเป้า 3.คนเที่ยวกับรถบัสนำเที่ยวหรือรถทัวร์อีกสัก
1 ล้านคน
ขณะที่
“ตลาดต่างประเทศ” ททท.จะทำในลักษณะ “โปรโมชั่น”
กับแอร์ไลน์สที่ต้องการกลับมาบินเข้าเมืองไทย หรือเปิดเที่ยวบินใหม่
หรือทำเที่ยวบินเช่าเหมาลำ
ล่าสุดผมได้มีโอกาสลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเชียงใหม่
มีข้อโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เที่ยวบินจากต่างประเทศเข้าเชียงใหม่
เดิมอาจจะมีจากเอเชียตะวันออก คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน เกาหลี ตอนนี้
ททท.เริ่มคุยกับสำนักงานโซล เกาหลีใต้ ถึงความเป็นไปได้ที่
สายการบินโคเรียนท์แอร์ไลน์สจะบินกรุงโซลสู่เชียงใหม่ ตอนนี้มีข่าวดีภายในปี 2565 จะกลับมาบินอีกครั้งอย่างแน่นอน
ทางด้าน
“ภาคอีสาน” มีพื้นที่ท่องเที่ยวมากที่สุดถึง 20 จังหวัด
กำลังจะลงพื้นที่พบผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเร็ว ๆ นี้ อาจจะต้องกระตุ้น
“ท่องเที่ยวเชิงอาหาร” ซึ่งมีความโดดเด่น อาจจะเน้นในประเทศก่อน
เพราะมีสนามบินระหว่างประเทศเพียง 2 แห่ง คือ อุบลราชธานี อุดรธานี
ที่ผ่านมาจะได้นักท่องเที่ยวเพื่อนบ้านจำนวนไม่น้อย
แล้วก็จะผนวกส่งเสริมการท่องเที่ยว 2 รูปแบบ 1.เที่ยวข้ามภาคในประเทศเที่ยวอีสาน
2.การท่องเที่ยวเชื่อมโยง
เมื่อต่างชาติเข้ามาถึงไทยก็จะให้ไปเที่ยวอีสาน หรือเที่ยวเหนือแล้วไปต่อยังอีสาน
ดร.ยุทธศักดิ์
กล่าวว่า สถานการณ์แนวโน้มตลาดต่างประเทศเข้าไทยในช่วงฤดูเดินทางหนาแน่น (High Season)
ตั้งแต่ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป
นับจากการเปิดโครงการ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ต่อด้วยยกเลิก Test & Go มีตัวเลขนักท่องเที่ยวดีขึ้นตามลำดับ
ปัจจุบันมีต่างชาติมาไทย 20,000-30,000
คน
นั่นหมายถึงเฉลี่ยเดือนละ 500,000-600,000
คน
ณ
เดือนมิถุนายน 2565 นำต่างชาติเข้ามาได้เรียบร้อยแล้ว
2 ล้านคน
ถ้าเดือนต่อไปทำได้อีกเดือนละ 500,000-600,000 คน ระหว่างกรกฎาคม-กันยายน นี้
ก็จะได้รวมเกินกว่า 4 ล้านคน
ปลายปีนี้ สามารถนำเที่ยวบินและจำนวนที่นั่งกลับมาได้ตัวเลขน่าจะดีกว่าคาดการณ์คือเฉลี่ยเดือนละ
1.5 ล้านคน
จากเดิม 1 ล้านคน
ดังนั้น “โอกาส” ที่ทางท่านรัฐมนตรีพิพัฒน์ รัชกิจปราการ
ตั้งไว้ตลอดทั้งปีมีความเป็นไปได้สูงจะถึงเป้าด้วยตัวเลขเดียวกันกับที่ทางสภาพัฒน์ทำไว้คือ
7-10
ล้านคน
ไฮไลต์แผนการตลาดท่องเที่ยวของ
ททท.ปี 2566
ให้ได้ความสำคัญกับ “ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกใต้” จึงกำหนดสัดส่วนให้ได้ประมาณ 62 %ของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเมืองไทยปีหน้า
ต้องยอมรับทางเอเชียเปิดประเทศให้คนออกต่างประเทศได้ค่อนข้างช้า
ทันทีที่เปิดคนโดยรวมอาจจะเก็บกดต้องการเดินทางเที่ยวจำนวนมาก ขณะเดียวกัน
“ภาคธุรกิจ” ที่เดินทางเชื่อมโยงกันก็จะทำให้เกิดกระแสการเดินทางเพิ่มมากขึ้น
เรื่องสำคัญที่สุด
ททท.ได้รับข่าวดี เรื่องที่ 1 จากสาธารณรัฐประชาชนจีน
ประกาศผ่อนคลายการกักตัวคนจีนแบบใหม่เหลือแค่ 7+3 นั่นคือกักตัว 7 วัน
แล้วตรวจสุขภาพที่บ้านอีก 3
วัน
ตรงจุดนี้จะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้ตลาดในภูมิภาคเอเชียกลับมาโดยเร็ว เรื่องที่ 2 เห็นกระแสการเดินทางจากประเทศเพื่อนบ้าน
สิงคโปร์ มาเลเซีย สปป.ลาว จึงมั่นใจให้โจทย์ ททท.เอเชีย
ทำภารกิจนำเข้าต่างชาติให้ได้มากที่สุด
โดยมีปัจจัยบวกจากรัฐบาลได้ปลดล็อกอุปสรรคพร้อมกับลดขั้นตอนต่าง
ๆ ในการเดินทางลงมากแล้ว การทำหน้าที่เป็น “เจ้าบ้านที่ดี”
จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญหากหลายประเทศคนจะเดินทางออกมาไทยทันที ซึ่งทาง
ททท.ได้คิดหาวิธีทำให้ต่างชาติกลับมาเที่ยวในช่วงเวลาที่สำคัญ
เพื่อกให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ
หลักสำคัญการเป็น
“เจ้าบ้านที่ดี” นอกจากรอยยิ้ม อัธยาศรัยไมตรีแล้ว ยังต้องเพิ่มเรื่องความสะอาด
ปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การดูแลความเป็นธรรม
ถือเป็นจุดขายของการเป็นเจ้าบ้านที่ดี
ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวตอนท้ายว่า
ได้เน้นย้ำทุกครั้งเมื่อเปิดประเทศคนไทยก็เดินทางไปต่างประเทศได้
แต่ก็ขอให้ลองพิจารณาการเที่ยวในประเทศก่อน เพราะเมืองไทยยังมีสิ่งที่สวยงามตามที่
ททท.ทำแคมเปญรณรงค์ท่องเที่ยว “เมืองไทย อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม”
ยิ่งไปก็ยิ่งจะรู้จัก ยิ่งจะรัก จึงขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งฟื้นเศรษฐกิจประเทศด้วยการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ดึงกุชชี่เปิดLED Boutiqueสุวรรณภูมิแห่งแรกในเอเชีย
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
รายงานว่า ขณะนี้ คิง เพาเวอร์ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ จับมือกับกุชชี่ (GUCCI) แบรนด์แฟชั่นระดับตำนานสัญชาติอิตาลี
กระตุ้นนักเดินทางร่วมสัมผัสบริการใหม่ ‘ดิวตี้ ฟรี เวิล์ดคลาส ช้อปปิ้ง
เดสติเนชั่น’ โดยได้เปิด GUCCI LED
Boutique สนามบินสุวรรณภูมิเป็นครั้งแรกในเอเชีย ช่วยเพิ่มจุดขายแฟล็กชิพสโตร์แบรนด์เนมระดับโลกที่นักช้อปทุกคนสามารถเลือกได้ก่อนประเทศอื่น
ๆ
ตามที่
“คิง เพาเวอร์” ในฐานะผู้บริหารร้านค้าดิวตี้ ฟรี และพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิปรับปรุงตกแต่งร้านค้าต้อนรับการเปิดประเทศตามนโยบายรัฐบาล
โดยได้ออกแบบแนวคิดสร้างจุดขายใหม่นักเดินทางได้รับความสะดวกสบายภายใต้คอนเซ็ปต์ World Junction ซึ่งได้ปรับโฉมใหม่มาตั้งแต่เดือนเมษายน
2565 ประกอบด้วย 3
โซนหลัก ได้แก่ World Fashion, World Beauty และ World Duty Free
ล่าสุดได้รับเกียรติจากแบรนด์กุชชี่-GUCCI ลงทุนเปิด GUCCI LED Boutique เข้ามาเพิ่มแรงดึงดูดนักเดินทางหันความสนใจมาช้อปมากขึ้น
ภายในเดือนกรกฎาคม
2565 จะมีสินค้าระดับโลกมาเสริมทัพอีก 2 แบรนด์ ได้แก่ คริสเตียนดิออร์-Christian Dior กับ
พาราด้า-Prada
นอกเหนือจากแบรนด์กุชชี่
ที่เปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว ทาง “คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี”
ยังมีแบรนด์ระดับเวิล์ดคลาสเปิดบริการด้วยเช่นกัน ตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 เป็นต้นมา อยู่ในโซน World Fashion ได้แก่ Balenciaga, Bottega Veneta, Cartier, Chanel, CELINE,
Ferragamo, Hermes, Saint Laurent , LOEWE และ Rimowa
รวมทั้งแบรนด์รโซน
World Beauty มีแฟล็กชิพสโตร์เครื่องสำอางและน้ำหอมชั้นนำร่วมจำหน่ายแล้วเหมือนกันอีก
5 แบรนด์ ได้แก่ ชาแนล เอสเคทู ลังโคม เอสเต้ ลอเดอร์ และ ดิออร์
ทุก
ๆ การเดินทางเข้าออก สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
ห้ามพลาดไปเพิ่มประสบการณ์ช้อปสินค้าแบรนด์ระดับโลกได้ที่ World Junction ที่มีให้เลือกเดินชมและช้อปถึง 3
โซนหลักด้วยกัน ในพื้นที่ World Fashion, World Beauty และ World Duty Free
ข่าวที่ 2 ช้อปคิงเพาเวอร์คอลเลคชั่นเก๋MonClerสดใสสไตล์ฟ้าขาวพาสเทล
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ จัดแคมเปญ “A SUMMER OF LIGHTNESS”
เพิ่มความสดใสด้วยคอลเลคชั่น Spring/Summer 2022 จาก “Moncler” ที่ได้แรงบันดาลใจจากความสว่างไสวของท้องฟ้าแห่งการเปลี่ยนผ่านจากฤดูผ่านเทรนด์สีประจำซีซันอย่าง
สีขาว สีฟ้า และสีเขียว ในโทนพาสเทลที่ไม่เน้นความจัดจ้านจนเกินไป
เกิดเป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ทำมาจากวัสดุที่มีคุณภาพสูง ซิลลูเอทที่ทันสมัย
ตามแบบฉบับของ Moncler แบรนด์เสื้อผ้าระดับไอเอนด์จากอิตาลี
สัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซิฟจาก Moncler ที่เดียวในเมืองไทยได้แล้วที่ คิง
เพาเวอร์ รางน้ำ และ คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ
ตามด้วยเครื่องประดับสุดคลาสสิก
“In Vogue Accessories” จากหลากหลายแบรนด์ดัง ไม่ว่าจะเป็น Salvatore Ferragamo, Versace, Bottega Veneta, Gucci และ Sirivannavari
Bangkok รวมไว้ให้สายแฟได้เลือกช้อปในสไตล์ที่เป็นคุณ
มีไว้ไม่ตกเทรนด์ ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ณ จุดขาย หรือที่ King Power Contact Centre 1631
ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์ชู5โปรออนไลน์ลด10%ไทยเที่ยวไทย+ใช้สิทธิ์เที่ยวกัน
สมาชิกคิง เพาเวอร์ ลดเพิ่ม 10% ซื้อออนไลน์ #ไทยเที่ยวไทยครั้งที่ 62 คูปองราคาพิเศษวันนี้ – 3 ก.ค.65 คูปองหมดอายุ 30 พ.ย. 65 ใช้สิทธิ์ #เราเที่ยวด้วยกัน เฉพาะห้องพัก คลิกซื้อ https://bit.ly/3u8kWd8 เลือกช้อปได้แบบไม่ยั้ง 5
โปรโมชั่นดังนี้
1.STATCATION ห้องพักซูพีเรียรวมอาหารเช้า
2,899 บาทสุทธิ ใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกัน เพียง 1,739.40
บาทสุทธิ จองตรงแผนกสำรองห้องพัก 02 680 9999
2.รับประทาน SEAFOOD
DINNER BUFFET บุฟเฟต์มื้อค่ำ ซื้อ 10 แถม 1
ที่ห้องอาหารควิซีน อันปลั๊ก วันจันทร์ - พุธ 900 บาทสุทธิ วันพฤหัสบดี – อาทิตย์ 1,200 บาทสุทธิ รวมน้ำดื่ม 1 ขวด เด็กอายุ
0-5 ปีรับประทานอาหารฟรี เด็กอายุ 6-11 ปี รับส่วนลด
50% จากราคาเต็ม
3.SUNDAY BRUNCH BUFFET บุฟเฟต์มื้อสายวันอาทิตย์ ซื้อ 10 แถม 1 ที่ห้องอาหารควิซีน อันปลั๊กราคา 1,500 บาทสุทธิ รวมเครื่องดื่มน้ำอัดลมและน้ำผลไม้เติมได้ตลอด
ฟรีเด็ก 1 คน อายุต่ำกว่า 12 ปี
4. SPA ซื้อ 5 แถม 1 นวดตัว 60 นาที ราคา 990 บาทสุทธิ
เลือกระหว่าง นวดน้ำมันอโรมา ขัดผิวกาย หรือนวดไทย
5.JAPANESE SET MENU ซื้อ 5 แถม 1 ชุดอาหารญี่ปุ่นมื้อค่ำ
3 คอร์ส ราคา 800 บาทสุทธิ ที่ห้องอาหารเท็นชิโนะ
เปิดบริการเฉพาะวันพุธ – วันเสาร์
สอบถามเพิ่มเติม โทร 02 680 9999
ข่าวที่ 4 ททท.บูมเกาะหมากโมเดลเที่ยวรับผิดชอบ+โลว์คาร์บอน20ส.ค.
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์
รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
วางกลยุทธ์จัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ หรือ RT
-Responsible Tourism โดยร่วมกับพันธมิตรเตรียมจัดกิจกรรม “Sexy
Run @Koh Mak” วันเสาร์ที่
20
สิงหาคม 2565 09.00 - 21.00 น. ด้วยการคัดสรรเส้นทางท่องเที่ยวเป็นเส้นทางวิ่งระยะทางจากอ่าวสวนใหญ่
บริเวณเกาะหมาก รีสอร์ท ลัดเลาะไปถึงสะพานอ่าวนิด แบ่งการวิ่งเป็น 2 ระยะ คือ 5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตร
ททท.เปิดให้นักวิ่ง
และนักท่องเที่ยวทุกคนที่ชื่นชอบกิจกรรม Save the Date ไปร่วมกิจกรรม Sexy
Run @Koh Mak จังหวัดตราด
โดยสมัครร่วมกิจกรรมได้ที่ https://race.thai.run/sexyrun ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ตลอดงานยังได้จัดกิจกรรมเพิ่มประสบการณ์ความสุขทั้งดนตรี
สันทนาการ อาหารทะเลท้องถิ่น และกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ ส่งเสริมแนวคิด Sexy
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
รูปร่างสวยงามได้สัดส่วน รวมถึงท่องเที่ยวที่สื่อถึงสัญลักษณ์ SEXY
ด้วย 4
แนวคิดหลัก
ได้แก่ S แรก : Safety-ความปลอดภัย 2. Eตัวที่สอง
: Environment Quality-มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม
Xตัวที่สาม
: X-TRA-การท่องเที่ยวตอบโจทย์ประสบการณ์ความคุ้มค่าแก่นักท่องเที่ยวทุกคน
และ Y ตัวที่สี่ : Yield- ทำน้อยได้มาก ด้วยวิธีเพิ่มคุณค่ามุ่งเน้นเพิ่มรายได้มากกว่าเพิ่มจำนวนคนท่องเที่ยว
สำหรับการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ หรือ RT
ขณะนี้กลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ
ทั้งคนไทยและต่างชาติ กำลังให้ความนิยมสูงขึ้นตามลำดับ อีกทั้งยังเป็นกลยุทธ์การให้น้ำหนักความสำคัญกับเศรษฐกิจตามแหล่งท่องเที่ยว
สังคมความเป็นอยู่ในชุมชนเจ้าของพื้นที่ ตลอดทั้งการรักษาสิ่งแวดล้อมสู่ความยั่งยืน
โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว “เกาะหมาก” จังหวัดตราด
เป็นพื้นที่เส้นทางท่องเที่ยวต้นแบบด้านการบริหารจัดการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์หรือ
Low Carbon Destination เกิดจากความร่วมมือของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ภายใต้ความรับผิดชอบของ 3 หน่วยงาน ททท. องค์การบริหารเพื่อการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(อพท.) และ สำนักงานการท่องเที่ยวจังหวัด (ทกจ.)
ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะหมาก จับมือกันจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวปลุกกระแสให้กลุ่มนักเดินทางที่รักและใส่ใจสิ่งแวดล้อม
หลังสถานการณ์โควิด-19 มีจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
ข่าวที่ 5 บางจากควงKTCเปิดบัตรศิษย์เก่าสวนกุหลาบแจกโปรแรงพลังงาน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทบางจากฯ ในฐานะนายกสมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ได้นำสมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งใจจะใช้โอกาสพิเศษครบ 140 ปี
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยและครบรอบ 90 ปีการก่อตั้งสมาคม ร่วมมือกับ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ออกบัตรเครดิต “เคทีซี - บางจากฯ - สวนกุหลาบ วีซ่า แพลทินัม” เพื่อให้ศิษย์เก่าปัจจุบันซึ่งมีถึง
146 รุ่นได้ใช้ประโยชน์และสิทธิต่าง ๆ อย่างคุ้มค่า
ดีไซน์บัตรเป็นภาพ
"ตึกยาวสวนกุหลาบ" หรือที่ชาวชมพู-ฟ้า เรียกกันว่า "ตึกยาว"
ที่สุดในประเทศไทย ในโทนสีชมพู - ฟ้า
บนบัตรเพื่อสื่อความหมายถึงผู้พระราชทานกำเนิดโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยและพระบรมราชินีนาถ
ศูนย์รวมความรัก ความสามัคคีของผู้ที่มีความดีงาม มีความนึกคิดที่สูงส่ง พร้อมทั้งได้เตรียมสิทธิประโยชน์มากมายไว้มอบให้ชาวชมพู-ฟ้า
ได้แก่
1.รับเครดิตเงินคืน
1% ที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก
2.ส่วนลดสิทธิพิเศษจากร้านค้าพันธมิตรของเคทีซีและร้านค้าในเครือศิษย์เก่าสวนกุหลาบฯ
3.รับคะแนน
KTC FOREVER 1 คะแนนเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตทุก 25 บาท และทุกๆ
100 คะแนน สามารถเปลี่ยนเป็นเงินบริจาค 12 บาท เข้าสมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบ
4.บริการผู้ช่วยส่วนตัว
เช่น ให้ข้อมูลและคำแนะนำในการจองตั๋วเครื่องบิน ร้านอาหาร
บริการจัดส่งของขวัญและดอกไม้ แจ้งเตือนล่วงหน้าในโอกาสพิเศษต่างๆ
บริการดูแลเรื่องบ้าน และการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์
อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบาย
ด้วย Visa Contactless แตะจ่ายง่าย ปลอดภัย รวดเร็ว
5.มอบประกันอุบัติเหตุการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ
ด้วยวงเงินประกันคุ้มครองสูงสุด 8,000,000 บาท และประกันกระเป๋าเดินทางสูญเสียหรือสูญหายจากการเดินทาง
วงเงินสูงสุด 40,000 บาท/ครั้ง ในกรณีจ่ายค่าตั๋วโดยสารสายการบินด้วยบัตรเครดิตเคทีซี
- บางจากฯ - สวนกุหลาบ วีซ่า แพลทินัม
นายสมชัย เตชะวณิช
ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บัตรเครดิตร่วม
“เคทีซี - บางจากฯ - สวนกุหลาบ วีซ่า แพลทินัม”
จะช่วยอำนวยความสะดวกและมอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ถือบัตรเครดิต
“เคทีซี - บางจากฯ - สวนกุหลาบ วีซ่า แพลทินัม” จะตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกศิษย์เก่าสวนกุหลาบ
146 รุ่น กว่า 50,000 คน และคาดสิ้นปี 2565 จะมีสมาชิกบัตรถึง 10,000 ใบ
พิเศษ!! ผู้ที่ต้องสมัครบัตรเครดิต “เคทีซี - บางจากฯ –
สวนกุหลาบ วีซ่า แพลทินัม” ตั้งแต่วันนี้-
31 ธันวาคม 2565 รับคูปองอิเล็กทรอนิกส์
(e-coupon) ส่วนลดน้ำมันสูงสุด
600 บาท ส่วนลดเครื่องดื่มทุกเมนูที่ร้านอินทนิล 10 บาท ส่วนลดสูงสุด 30%
น้ำมันหล่อลื่นฟิวริโอ้ (FURiO) ที่ศูนย์ ฟิวริโอ้ แคร์
(FURiO Care) และส่วนลด 20%
เพื่อบริการล้างรถและเคลือบแก้ว ที่วอช โปร (Wash Pro) และ กรีน วอช (Green Wash)
สนใจสมัครบัตรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือติดตามโปรโมชันอื่นๆ ของเคทีซีได้ที่ www.ktc.co.th/promotion คลิกดูรายละเอียดได้ที่ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก
“เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ
ช่วงที่ 2
ท่องเที่ยว -เที่ยวเชียงใหม่งานไดโนเสาร์แรพเตอร์-กิน5ร้านในตำนานสุดปัง
เที่ยวเมืองไทย อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม เดือนกรกฎาคม 256 ชวนกันชวนขึ้นภาคเหนือ เที่ยวย้อนวันวาน “เชียงใหม่” เทศกาล “ไดโนแรพเตอร์
แอนด์เดอะแก๊งค์ ตะลุยพืชโบราณถิ่นล้านนา” ได้ตั้งแต่ 3
กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2565 ในสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
สนุกกับกิจกรรมมากมายให้ความรู้คู่ความเพลิดเพลิน ผ่านการเรียนรู้
ได้ปฏิบัติจริง เสมือนเป็นนักธรณีวิทยาและนักพฤกษศาสตร์รุ่นเยาว์
รู้จักไดโนเสาร์แรพเตอร์ไทยชนิดใหม่สกุลใหม่ของโลก 3
สายพันธุ์ ลองค้นกระดูกไดโนเสาร์ ชมพาเหรด ไดโนแรพเตอร์และผองเพื่อน
เกมส์ไดโนเสาร์ซ่อนแอบ ท้าประลองเต๋าแรพเตอร์ แต้มสีสร้างฝันพืชในจินตนาการ เพลิดเพลินกับการเรียนรู้เรื่องพืชโบราณยุคดึกดำบรรพ์
วิวัฒนาการไม้กลายเป็นหิน วิวัฒนาการของพืชจากอดีตสู่ปัจจุบัน
ค้นหาพืชโบราณที่อยู่คู่โลกเรามาหลายล้านปีที่นำมาจัดแสดงไว้ในป่าธรรมชาติสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้
เช่น ปรง เฟิน สน หวายทะนอย หญ้าถอดปล้อง
นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมอาคารพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ พิพิธภัณฑ์มีชีวิต
ที่จัดแสดงนิทรรศการถาวรและหมุนเวียนให้ความรู้ทางด้านพืช ธรรมชาติวิทยา นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับโลก
ธรรมชาติวิทยา ธรณีวิทยา สิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะพืชและสิ่งแวดล้อม
ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงห้อง Museum 4D ที่ให้ประสบการณ์แปลกใหม่
ตื่นตาตื่นใจและความประทับใจที่ได้เข้าชม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page: สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
ต้องห้ามพลาด !!
ชิมอาหารสตรีทฟู้ดในตำนานเมืองเชียงใหม่ มีให้เลือกปักหมุดหยุดชิม 10 ร้าน
ร้านที่ 1 โรตีป้าเด หน้าวัดมหาวัน โรตีป้าเด ร้านที่อยู่กว่า
40 ปี มีให้เลือกกว่า 20 รส ยามเย็นริมถนนท่าแพ กับภาพที่ผู้คนมายืนต่อคิวเพื่อซื้อโรตีที่หน้าวัดมหาวัน
เป็นบรรยากาศที่เราเห็นกันจนชินตา เพราะถ้ามาก่อนได้อร่อยก่อน
เรียงตามหมายเลขบัตรคิวที่ได้รับแจก
ระหว่างที่รอ
เราจะเห็นป้าเดหญิงไทยเชื้อสายปากีสถานยืนทอดโรตีอยู่หน้ากระทะอย่างคล่องแคล่ว
เบื้องหลังโรตีที่ส่งกลิ่นหอมฉุย ก็คือแป้งโรตีที่ใช้น้ำเกลือเป็นส่วนผสม
ผ่านการพัดแป้ง ก่อนลงทอดในน้ำมันมะพร้าวในกำลังไฟที่พอเหมาะ
ใช้เวลาไม่นานก็ได้ทานโรตีแป้งหอมกรอบ สดใหม่ชิ้นต่อชิ้น
ร้านที่ 2
สุกี้ช้างเผือก วัดโลกโมฬี อยากกินสุกี้ ต้องมาลองสุกี้ช้างเผือก อร่อยเด็ด
กับรสชาติยืนหนึ่งในเชียงใหม่ ตั้งแต่ พ.ศ. 2535 ร้าน
ที่นักชิมมากหน้าหลายตาทั้งคนพื้นถิ่นและนักท่องเที่ยว
แวะเวียนมาลองลิ้มชิมรสอย่างไม่ขาดสาย
ด้วยเสียงลือเสียงเล่าอ้างในเรื่องรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์
ร้านที่ 3 ข้าวเกรียบปากหม้อ ลุงขจรวัดเกตุ ลุงขจรวัดเกตุ ถึงข้าวเกรียบปากหม้อจะเป็นเมนูที่หาทานได้ทั่วไป
ทว่ารสชาติของข้าวเกรียบปากหม้อลุงขจรยังครองใจหลายต่อหลายคน
ด้วยความยาวนานยืนหนึ่งในย่านวัดเกตุกว่า 30 ปี กับคุณภาพที่การันตีด้วยรางวัลบิบ กูร์มองด์ จากมิชลิน ไกด์
ร้านอาหารที่ 4
ร้านตือคาโค หน้าโรงเรียนปริ้นท์
เป็นหนึ่งในร้านลายแทงที่ขอบอกว่าไม่ควรพลาด กับตำนานความอร่อยอันลือเลื่อง
ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นมากว่า 20 ปี และการันตีโดยมิชลิน ไกด์ เป็นขนมแป้งทอด หั่นเป็นชิ้นกลมๆ พอดีคำ
กับเนื้อสัมผัสที่กรอบนอกนุ่มใน ยกขึ้นร้อนๆ จากกระทะ พร้อมเสิร์ฟวันต่อวัน ดูเผินๆ
อาจเป็นแค่ของทานเล่น ทว่าตือคาโค หน้าโรงเรียนปริ้นท์ รอยแยลส์
เป็นอีกของดีคู่เมืองเชียงใหม่
ร้านที่ 5 ข้าวซอย ลุงประกิจกาดก้อม ลุงประกิจกาดก้อม ร้านเล็กๆ แต่เสียงลือเสียงดังไปทั่วโลกในชื่อ
‘ข้าวซอยเน็ตฟลิกซ์’ กับชื่อเสียงเรียงนามที่เคยไปโผล่ในรายการ Somebody Feed Phil ที่ออกฉายทาง Netflix
ในฐานะร้านโปรดของ เชฟเอียน-พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย เชฟมากฝีมือ
และกรรมการตัดสินรายการ MasterChef Thailand ที่พา ฟิล
โรเซนธาล ผู้กำกับซีรีส์ชื่อดังของอเมริกามาลองของดีประจำถิ่น
เมนูเด็ดของทางร้านก็คือข้าวซอยเนื้อ
กับรสชาติระดับตำนานกว่า 40 ปี ด้วยซุปที่เข้มข้น หอม มัน ถึงเครื่องพริกแกง
เนื้อตุ๋นที่รสสัมผัสนุ่มละลายในปาก โรยหน้าด้วยหมี่กรอบ
เพิ่มมิติให้กับรสชาติด้วยเครื่องเคียงที่เสิร์ฟมาคู่กัน อย่างหอมซอย ผักกาดดอง
และมะนาวเสริมรสและกลิ่น นอกจากนี้ยังมีเมนูข้าวมันไก่ และก๋วยเตี๋ยว
ที่รับประกันความอร่อยทุกเมนู
ดูได้จากจำนวนลูกค้าที่แน่นร้านแทบจะตลอดเวลาคงไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ
เชฟใหญ่ยกให้เป็นร้านโปรดยังไม่พอ ยังได้มิชลินเป็นเครื่องการันตี
สุขภาพ -วิตามินดีกับแคลเซี่ยมคู่ซี้ของผู้สูงวัยช่วยให้ร่างการแข็งแรง
แม้ว่าเมืองไทยจะเป็นเมืองร้อนที่มีโอกาสได้รับแสงแดดทั้งวัน
เพื่อให้ร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้ก็ตาม จากผลสำรวจคนไทยส่วนใหญ่ขาดวิตามินดีจำนวนมาก
โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัยพบว่ามีภาวะขาดวิตามินดีมากถึง 1
ใน 3 หรือ
31.8 เปอร์เซ็นต์ และในกลุ่มสตรีวัยทอง พบมากถึง
93 เปอร์เซ็นต์ จะเกิดอะไรขึ้น
เมื่อร่างกายขาดวิตามินดีและแคลเซียม
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อร่างกายขาดวิตามินดีและแคลเซียม
การขาดวิตามินดีก็อาจเป็นสาเหตุที่ให้เกิดการขาดแคลเซียม
ร่างกายจึงต้องสลายมวลกระดูกเพื่อปลดปล่อยแคลเซียมออกมาในกระแสเลือด
และเมื่อเป็นเช่นนี้ในระยะยาวทำให้กระดูกเปราะบาง
เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนได้
แต่ถ้าหากร่างกายมีวิตามินดีเพียงพอ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมแคลเซียมได้ถึง
30
- 40 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว
และช่วยให้ร่างกายนำแคลเซียมไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ
ที่จำเป็นต้องได้รับวิตามินและแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสม
ประโยชน์ดีๆ ที่ได้รับจากวิตามินดีและแคลเซียม
ผู้สูงอายุจำเป็นต้องได้รับวิตามินดีและแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอ
เพราะแคลเซียมมีส่วนในการซ่อมแซม เสริมสร้างกระดูกและมวลกล้ามเนื้อ
รวมถึงช่วยป้องกันภาวะกระดูกบาง กระดูกพรุน
และกระดูกเสื่อมหรือหักง่ายที่มีโอกาสเกิดขึ้้นได้มากในผู้สูงอายุ เนื่องจาก 20% ของแคลเซียมในกระดูกของคนที่อายุมากจะถูกย่อยสลายและสร้างใหม่ทุกปี
ขณะเดียวกันวิตามินดี ยังมีส่วนสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ทั้งควบคุมการทำงานและกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
และที่สำคัญคือช่วยพัฒนาสมองและเซลล์ประสาท
กระตุ้นเอนไซม์ที่ใช้ในการสังเคราะห์สารสื่อประสาท
ช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย
แหล่งอาหารที่ให้วิตามินดีและแคลเซียม
- วิตามินดี
แต่แหล่งอาหารที่มีวิตามินดีสูงค่อนข้างหายาก พบได้ในอาหารเพียงไม่กี่ชนิด ได้แก่
ตับ เนย ไข่แดงปลาแซลมอน ปลาทับทิม ปลาทูน่า ปลาทู และเห็ดบางชนิด เช่น เห็ดนางฟ้า
เห็ดหอมสด
- ส่วนแหล่งของแคลเซียม สามารถหาได้ง่ายกว่า
ไม่ว่าจะเป็น นม เต้าหู้ ถั่วชนิดต่างๆ ผักคะน้า บร็อคโคลี่ และปลาตัวเล็กเป็นที่น่าสนใจว่า
โดยทั่วไปนมและผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งเป็นแหล่งของแคลเซียมไม่ใช่แหล่งอาหารที่มีวิตามินดีสูง
ปัจจุบันเริ่มมีผู้ผลิตบางรายให้ความสำคัญและเติมวิตามินดีในนมกันมากขึ้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมงข่าว
ข่าวแรก -ภูเก็ตเด็ดทั้งเกาะ@อุบลบุกโกยตลาดอีสาน8-10ก.ค.65
สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต
รายงานว่า จับมือกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นำสมาชิกบุกเจาะนักท่องเที่ยวข้ามภาคในอีสานด้วยการจัดงาน
"ภูเก็ตเด็ดทั้งเกาะ@อุบลราชธานี"
ระหว่างวันที่ 8-10 กรกฎาคม 2565
ทุกวันเริ่ม
10.30-21.00 น.
บริเวณลานลูกยางลิ่วลม ชั้น 1
ศูนย์การค้าเซ็นทรัล จังหวัดอุบลราชธานี งานนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
ส่วนนักท่องเที่ยวแดนอีสานที่ชื่นชอบเที่ยวภาคใต้
กับโปรโมชั่นสุดปัง
เริ่มต้นแค่คนละ 599
บาทเท่านั้น ผู้ประกอบการภูเก็ตหอบโปรสุดคุ้มทั้งจังหวัดข้ามไปให้เลือกช้อปถึงถิ่น
มีทั้งห้องพักสุดหรูราคาสบายกระเป๋า แพกเกจล่องเรือยอร์ช และโปรแกรมเด็ด ๆ ยกทั้งเกาะให้เลือกแบบโดนใจทุกวัย
ช้อปมีลุ้นรับฟรี
!! ตลอดงานนักท่องเที่ยวที่ซื้อห้องพัก
แพกเกจท่องเที่ยว ทุกยอดจอง 1,000 บาท
ลุ้นรับได้เลย ตั๋วเครื่องบินของนกแอร์ ไป-กลับ
อุบลราชธานี-ภูเก็ต พร้อมรางวัลอื่น ๆ อีกเพียบ
ห้ามพลาด!! ใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกัน
หรือโปรไม่ง้อรัฐ แพกเกจฟินสุด ๆ ในราคาสบายกระเป๋า ชาวภูเก็ตการันตีราคาคุ้มกว่านี้ไม่มีแล้ว
มีขายงานเดียว
"ภูเก็ตเด็ดทั้งเกาะ@อุบลราชธานี"
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น