ททท.ปลุก“นคราธานี”โกยรายได้ทัวร์สายมูอุดร-หนองคาย-บีงกาฬสุดปัง ผนวกขาย BCG+HAPPY MODELถกYECลาวบูมทัวร์รถไฟความเร็วสูงเที่ยวไทย ส.ค.65
ททท.ปลุก“นคราธานี”โกยรายได้ทัวร์สายมูอุดร-หนองคาย-บีงกาฬสุดปัง
ผนวกขาย BCG+HAPPY MODELต้นแบบเทรนด์เที่ยวรักษ์โลกในอีสาน
ผนึกธุรกิจอีสานถกYECลาวบูมทัวร์รถไฟความเร็วสูงเที่ยวไทย ส.ค.65
คิงเพาเวอร์“END OF SEASON SALE”รับ3คุ้ม”ส่วนลด-กิฟโวเชอร์-กะรัต”
สมัครบัตรคิงเพาเวอร์ง่ายนิดเดียวภายใน
3 นาที4สนามบินลดกว่า30%
คิงเพาเวอร์จัดเต็ม “HAPPY SHOPPING FEST”แค่3,000บาทลดแรง45%
“ททท.-ดาราศาสตร์ชาติ” ปลุกกระแสเทรนด์เที่ยว
Dark Sky Tourism
“TCEB”แนะไมซ์ใช้ทะเลสาบสงขลาจัดงานชมพิพิธภัณฑ์คติชน+เกาะยอ
ทัวร์กรีนซีซันทั่วไทยได้ที่”ขุนสถานน่าน-เขาสกสุราษฎร์-เขาใหญ่โคราช”
“7เมนูอาหารใกล้ตัว”ป้องกันสุขภาพได้ชะงัดช่วงเข้าสู่ฤดูฝนกินแล้วชีวิตดี
ครม.ไฟเขียวลดภาษี2เท่าบริษัท/ห้างร้านจัดไมซ์ในไทย15ก.ค.-31ธ.ค.65
“AWC”ดึงดิสนีย์โลกปลุกท่องเที่ยวเอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์ตลอดปี’66
วันเสาร์ที่
12 กรกฎาคม
2565 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0
MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TATอุดรธานี #นคราธานี
#TCEB #บางจาก
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/QFMQualityNewsStation/videos/422606676482582/
ช่วงที่ 1 อีสานเขียวเที่ยวหน้าฝนกับ “ธนภร พูลเพิ่ม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) สำนักงานอุดรธานี เปิด “นคราธานี” 3 จังหวัด
“อุดร-หนองคาย-บึงกาฬ” ผสมผสานลงตัว BCG +HAPPY MODEL บอกรู้ให้โลกรู้อีสานรักสิ่งแวดล้อมตั้งเป้าโกยนักท่องเที่ยว
คนไทย สปป.ลาว เวียดนาม รอรับจีน ระดมสินค้ามู “กลางคืนก็ปัง กลางวันก็เฮง”
ชูขายเที่ยวตามความเชื่อไหว้ 2 พญา
“พญานาค-พญายักษ์เวสสุวรรณ” ถ้ำนาคา หินสามวาฬดังระเบิด กระตุ้นเที่ยวสายกรีน
“ชุมชนคีรีวงกต” อ.นายูง จ.อุดรธานี น้ำตกกินรี บึงกาฬ สกายวอล์ค วัดตากผีเสื้อ
จ.หนองคาย และ 8 ส.ค.นี้ ร่วมคณะนักธุรกิจรุ่นใหม่ในอีสานบุกจับเข่าคุย
YEC สปป.ลาว ขายทัวร์รถไฟความเร็วสูงเข้าไทย
หลังไทยเที่ยวลาวทะลักทุกวันหยุดยาว
นางธนภร พูลเพิ่ม
ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุดรธานี เปิดเผยว่า
ได้ตั้งชื่อเรียก “นคราธานี” ในพื้นที่รับผิดชอบการตลาดท่องเที่ยวอีสาน 3 จังหวัด อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ
กำลังกระตุ้นนักท่องเที่ยวตามฤดู “อีสานเขียว เที่ยวหน้าฝน”
ไฮไลต์การท่องเที่ยวธรรมชาติซึ่งเป็นพื้นที่แหล่งน้ำ เส้นทางไฮไลต์แห่งใหม่ ใน
จ.อุดรธานีคือ “คีรีวงกต” อำเภอนายูง รวมทั้งน้ำตกต่าง ๆ
นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเป็นจำนวนมาก จ.บึงกาฬ ต้องห้ามพลาด 3 แห่ง ได้แก่ “ถ้ำนาคา” อุทยานแห่งชาติภูคา “น้ำตกกินรี” เป็นรูปโลมา 3
ตัว และ“หินสามวาฬ” มหัศจรรย์ธรรมชาติของหินสูงตะหง่านบนยอดเขา ส่วน
จ.หนองคาย มี “สกายวอล์ค วัดผาตากเสื้อ”
สัมผัสความมหัศจรรย์ไอหมอกตอนเช้าหลังหน้าฝนใหม่ ๆ สวยงามมาก
ทุกเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ ๆ ถือเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาสร้างรายได้
กระจายการจ้างงานได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันได้ผสมผสานจุดขายเทรนด์ใหม่ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญเรื่อง“ซอฟท์
เพาเวอร์” วิถีท้องถิ่น ตามกลยุทธ์ 6F (Food/Festival/Fashion/Fight/Film/Friendly + 4M (Music/Museum/Master/Meta)
จุดเด่นการขายคือ
กลยุทธ์ F 1 -Food อาหารถิ่น โดยทางชุมชนได้นำการลดขยะเป็นศูนย์ Zero Waste มาใช้ด้วย ตัวอย่าง ใน”หมู่บ้านคีรีวงกต” อ.นายูง จ.อุดรธานี ออกแบบกิจกรรมนำนักท่องเที่ยวนั่งรถอีแต็กการเดินทางแบบท้องถิ่นรับประทานอาหารระหว่างชมธรรมชาติ เลือกใช้ภาชนะวัสดุธรรมชาติอย่างใบตอง ไม้ไผ่ แล้วยังมีกิจกรรมอื่น ๆ สามารถลดขยะทุกรายละเอียด
นำเสนอความเด่นของ “อาหารชุมชน” ตามคอนเซ็ปต์ธีมการท่องเที่ยวอุดรธานี “กินดี อยู่ดี ออกำลังกายดี แบ่งปันสิ่งดี ๆ” ไม่ว่าจะเป็น ชุมชนบางน้ำมอก ชุมชนบ้านเดื่อ/ปลาแม่น้ำโขง ชุมชนคีรีวงกต/เมนูไก่ย่างหอมอร่อยมาก ข้าวสวย แกงต่าง ๆ หลามปลา/ห่อหมก เสิร์ฟด้วยกระบอกไม้ไผ่ และชุมชนโซ่พิสัย/มีดีไซน์ ล้วนแล้วแต่มีอาหารประจำพื้นถิ่น เป็นวัตถุดิบธรรมชาติปลอดสารเคมี
กลยุทธ์
F 2 -หนองคายมีเทศกาลประเพณีแห่เทียนพรรษา กับเทศกาลทัวร์บุญออกพรรษาชม “บั้งไฟพญานาค”
ทั่วโลกจะต้องมาชมปรากฏการณ์ธรรมชาติ
กลยุทธ์ M1 -Merit -บูมขายสินค้าท่องเที่ยว “ศรัทธานำทาง เส้นทางท่องเที่ยว” เจาะตลาดหลักสายมูเตลูที่มีความเชื่อและศรัทธาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ในอีสานอย่างหลากหลาย ททท.จะต่อยอดจากเดิมสายศรัทธา “ไหว้พญานาคา พญายักษ์ แล้วจะหลงรัก นคราธานี” เป็นรายการนำเที่ยวปังมาก เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวพักค้างคืนสร้างยอดรายได้มากขึ้น
การท่องเที่ยวสายศรัทธา
นำร่องจากในอุดรธานีโปรโมทการท่องเที่ยวด้วยแคมเปญ “มูกลางคืนก็ปัง
มูกลางวันก็เฮง”
ตอนนี้กิจกรรมการท่องเที่ยวดังและปังมากได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
4 เรื่อง 4 สถานที่ ได้แก่ 1.ไหว้ท้าวเวสสุวรรณ ศาลหลักเมืองอุดรธานี 2.สักการะองค์ศรีสุขคเณศ
ตรงด้านหน้าวิทยาลัยอาชีวะศึกษาอุดรธานี 3.อนุสาวรีย์กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
4.ศาลเทพารักษ์
บรรดาสายมูผู้ชื่นชอบกิจกรรม “ศรัทธานำทาง เส้นทางท่องเที่ยว” ตอนนี้ ททท.ได้เชื่อมการขายเส้นทางเชื่อมโยง 3 จังหวัด อุดรธานี-หนองคาย-บึงกาฬ” ตลอดเส้นทางรอบพื้นที่ตอนนี้ แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ ๆ เปิดการลงทุนใหม่เป็นจำนวนมาก คึกคักพอสมควร ททท.จะขายควบคู่กันไป
“การเตรียมตัว” ของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 1.การไปเที่ยวถ้ำนาคา อุทยานแห่งชาติภูลังกา จ.บึงกาฬ นักท่องเที่ยวจะต้องลงทะเบียนผ่านระบบ QueQ ก่อนเดินทางมาเที่ยว ซึ่งเป็นกฎข้อบังคับของอุทยานแห่งชาติ แล้วกำหนดให้เข้าชมได้ไม่เกินวันละ 700 คน 2.ท่องเที่ยวคำชะโนด” อุดรธานี ไหว้พญานาคศรีสุทโธ ขอพรปู่-ย่า และพระใส นักท่องเที่ยวจะต้องแสดงผลตรวจ ATK หรือการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบตามสาธารณสุขกำหนด แล้วไปรับคิวเพื่อเข้าชมได้ทันที
ผอ.ธนภรกล่าวว่า หลัง สปป.ลาว เปิดบริการใหม่รถไฟความเร็วสูง จากเวียงจันทน์มายัง จ.หนองคาย เบื้องต้นจะเป็นกลุ่มคนไทยเดินทางไปเที่ยว สสป.ลาว มากกว่าทางเพื่อนบ้านจะมาเที่ยวอีสานบ้านเรา เนื่องจากอั้นจากโควิด-19 ทำให้เดินทางไม่ได้มานานกว่า 2 ปี พอเดินด่านบกตรงหนองคาย คนไทยจึงเดินทางออกไปมากกว่าเพราะเข้าออกง่าย เป็นการนั่งรถไฟความเร็วสูงไปทดสอบชมเส้นทางในประเทศเพื่อนบ้าน
ดังนั้น ททท.อุดรธานี ได้หารือกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ และทางกลุ่มหอการค้ารุ่นใหม่ YEC อีสานไปเจรจากับ YEC สปป.ลาว วันที่ 7 สิงหาคม 2565 นี้ เตรียมนำคณะเดินทางไปพูดคุยกับตัวแทนบริษัทผู้ขายท่องเที่ยวฝั่ง สปป.ลาว โดยจะทำแผนจัดกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งจะต้องเป็นแม่เหล็กดึงนักท่องเที่ยว สสป.ลาว เข้ามาเที่ยวให้ได้มากที่สุด
“สินค้าท่องเที่ยว”
ที่จะชูขายบุกเจาะตลาดจากฝั่ง สปป.ลาว หลัก ๆ คือ “เส้นทางสายมู บูชาพญานาค”
ตอนนี้นำเสนอเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 2 พญา คือ พญานาค/หลวงปู่ศรีสุทโธ กับ พญายักษ์ คือ ท้าวเวสสุวรรณ
ตอนนี้อีสานก็ยังรอความหวังจาก
“ตลาดต่างประเทศ” 3 กลุ่มหลัก คือ
สาธารณรัฐประชาชนจีน สปป.ลาว เวียดนาม
เพราะนิยมเที่ยวสายมูชื่นชอบเส้นทางสายศรัทธาโดยมาขอพรทางธุรกิจ โชคลาภ
ตอนนี้เตรียมพร้อมไว้แล้ว
สำหรับ
“สินค้ารองรับตลาดคุณภาพ” ททท.ได้คัดกรองนักท่องเที่ยวหลังเปิดด่านบก
ทางผู้ประกอบการเตรียมแล้วคือ 1.แพกเกจนำเที่ยว 2.อาหาร 3.แหล่งช้อปปิ้ง
4.โปรแกรมดูแลสุขภาพ
จัดหมวดสินค้าให้สอดคล้องกับพฤติกรรมความต้องการของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางผ่านด่านชายแดนมากับรถไฟความเร็วสูงของ
สปป.ลาว เข้าหนองคาย ต่อมายุงอุดรธานี
ผอ.ธนภร
กล่าวถึงแผนการตลาดท่องเที่ยวปี 2566 จะยึดหลักการขายสินค้าท่องเที่ยวภายใต้คอนเซ็ปต์ “BCG+HAPPY MODEL” เจาะกลุ่มตลาดหลัก “นักท่องเที่ยวคุณภาพ”
ดังนั้นจึงได้เตรียมออกแบบแนะนำรายการการท่องเที่ยวเชิงอาหาร กิจกรรมออกกำลังกาย
อีเวนต์ท่องเที่ยวต่าง ๆ เน้นเรื่องมาตรฐานป้องกันความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
แต่ละกิจกรรมต้องระมัดระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19
สำหรับพื้นที่อยู่ในความดูแลของ
ททท.อุดรธานี นคราธานี 3 จังหวัด โรงแรม
ร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ ๆ และธุรกิจเกี่ยวข้อง เช่น
อาชีพมัคคุเทศก์เริ่มมีงานทำกันถ้วนหน้า เปิดบริการครบแล้ว 100 % อีกทั้งมีรายได้จากนักท่องเที่ยวค่อนข้างคึกคัก
เอกชนมีกำลังใจฟื้นฟูธุรกิจกันอย่างเต็มที่
ททท.อุดรธานี
ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนเข้าสู่ “นคราธานี” ตอนนี้ต้องห้ามพลาด “มูกลางคืนก็ปัง
มูกลางวันก็เฮง”
มาเที่ยวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยชาติฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศให้กลับมาเข้มแข็งยั่งยืนอีกครั้ง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ “END OF SEASON SALE”รับ3คุ้ม”ส่วนลด-กิฟโวเชอร์-กะรัต”
คิง เพาเวอร์ จัดเต็ม “END OF SEASON SALE” คุ้มค่าทุกองศาเมื่อช้อปสินค้าแฟชั่น
และนาฬิกา ระหว่างวันนี้
- 31 กรกฎาคม 2565 ที่
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ พัทยา ภูเก็ต คิง
เพาเวอร์ ศรีวารี ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ พลาดไม่ได้อีกแล้วกับ ส่วนลด กิฟโวเชอร์
และกะรัตรีวอร์ด ช้อปปุ๊บรับปั๊บ 3
คุ้ม ดังต่อไปนี้
คุ้มที่ 1: ส่วนลดสูงสุด
50%* (เฉพาะสินค้าแฟชั่น และสินค้าที่ร่วมรายการ)
คุ้มที่ 2 : รับ Gift Voucher สูงสุด
3,000 บาท* เมื่อช้อปครบ 15,000
บาท (สุทธิ) รับ Gift Voucher 1,000 บาท
หรือ ช้อปครบ
30,000 บาท (สุทธิ) รับ Gift Voucher 3,000
บาท เฉพาะสินค้าแฟชั่น
และนาฬิกา ให้ได้คนละ 1
สิทธิ์ / วัน
คุ้มที่ 3 : รับกะรัตรีวอร์ด 2,000
กะรัต* เมื่อสะสมยอดช้อปครบ 50,000 บาท (สุทธิ) เฉพาะสินค้าแฟชั่น และนาฬิกา ให้คน 1
สิทธิ์/วัน)
ข่าวที่ 2 สมัครบัตรคิงเพาเวอร์ง่ายภายใน 3 นาที4สนามบินลดกว่า30%
สมัครง่ายทันใจ เพียง 3 นาที! สมาชิก คิง เพาเวอร์ วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2565 สะดวกที่ไหนทำได้เลยใน 4 สนามบิน คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต เพียงเติมเงินเข้าบัญชีบัตรNAVY แค่ 1,000 บาท รับทันทีคูปองส่วนลดพิเศษ 500 บาท เพื่อช้อป 3,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ พร้อมรับส่วนลด 5% และสิทธิประโยชน์อีกมากมาย
1.คิง เพาเวอร์ NAVY 1,000 บาท รับคูปองส่วนลด 500 บาท นำไปใช้ซื้อสินค้า 3,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จรับเงิน ไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดทุกประเภท / หมดอายุภายในวันที่สมัคร พร้อมรับคูปองส่วนลด 30% นำไปซื้อสินค้า 1 ชิ้น (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)
2.SCARLET
6,000 บาท และ 3.สมาชิก คิง เพาเวอร์ ONYX
60,000 บาท ช้อปสนุก
สุขด้วยส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการสูงสุด 20% พร้อมรับสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกคิง เพาเวอร์มากมาย
สมัครได้ที่จุดขายและจุดบริการสมาชิก คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต
กติกาการรับสิทธิประโยชน์จากร้านค้าที่ร่วมรายการ
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และภูเก็ต 1.แสดงสถานะสมาชิก คิง เพาเวอร์ เพื่อรับสิทธิ์ใช้บริการ รับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้
- 31 ธันวาคม 2565 โทร.สอบถามได้ที่
คิง เพาเวอร์ คอล เซนเตอร์ 1631
ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม“HAPPY SHOPPING FEST”แค่3,000บาทลด45%
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ จัดเต็ม “HAPPY SHOPPING FEST” ดีลดีสุดฮอตช้อปแบบเซฟ
ๆ ลดสูงสุด 45% เมื่อช้อปครบ 3,000.-เอาใจนักช้อปกับไอเทมสุดฮอต
แบรนด์ชั้นนำลดยิ่งกว่า ช้อปเลย! รหัสส่วนลด HSFEST วันนี้ - 18 กรกฎาคม 2565
สิทธิประโยชน์ร่วมอีกหลายอย่างคือ
1.ส่งฟรี! ทั่วประเทศ เมื่อช้อปครบ 699.- (สุทธิ) 2.แบ่งชำระ 0%นานสูงสุดถึง
10 เดือน 3.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,000 บาท 4.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง
(ของแถมมีจำนวนจำกัดและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า)
5.รับเลย! ส่วนลด 200 บาท เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์
> http://bit.ly/2S4uJyi และรับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาทสุทธิ https://bit.ly/3lyQbrs
ข่าวที่ 4 “ททท.-ดาราศาสตร์ชาติ”ปลุกกระแสเทรนด์เที่ยวDark Sky Tourism
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.จับมือกับ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ
(องค์การมหาชน) ส่งมอบประสบการณ์ใหม่ด้วยโครงการท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์
หรือ “Dark Sky Tourism” ตั้งแต่ฤดูหนาวปลายปี 2565 เป็นต้นไป โดได้แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวดูดาวทั่วไทย ภายใต้แนวคิด “Amazing
Dark Sky in Thailand” พร้อมกับประกาศพื้นที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในประเทศไทย
12 แห่ง และเปิดตัวคู่มือท่องเที่ยว “ชวนเธอ ไปชมดาว” ต้อนรับปีท่องเที่ยวไทย 2565 - 2566 -Visit Thailand Year 2022 - 2023 : Amazing New Chapters”
กิจกรรมท่องเที่ยวดูดาวทั่วไทย
ททท.มุ่งขยายฐานกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจพิเศษ (Hyper Personalization) ที่ชื่นชอบการดูดาว
สนใจในด้านดาราศาสตร์ ชมปรากฏการณ์ดาราศาสตร์สำคัญที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้ง เช่น
สุริยุปราคา จันทรุปราคา ฝนดาวตก หรือชมความสวยงามของดวงดาวต่าง ๆ
และกลุ่มดาวจักรราศีที่ปรากฏในท้องฟ้าแต่ละเดือน
ดร.ศรัณย์
โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า โครงการ Dark Sky in Thailand หรือ
เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในประเทศไทยที่ได้ร่วมกับ ททท.ทำกิจกรรมมาตั้งแต่ปี 2563
รณรงค์ให้สังคมตระหนักรู้ถึงผลกระทบจากมลภาวะทางแสงและอนุรักษ์ความมืดของท้องฟ้ายามค่ำคืนผ่านการจัดตั้งเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด
ขณะนี้มีสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแต่ละประเภท
ซึ่งท้องฟ้ามีความมืดอย่างเหมาะสม พร้อมวิธีบริหารจัดการแสงสว่างอย่างมีประสิทธิภาพปราศจากแสงรบกวน
เป็นพื้นที่เปิดโล่งซึ่งสามารถสังเกตท้องฟ้าได้โดยรอบ มองเห็นดาวเหนือ
และวัตถุท้องฟ้าเด่น ๆ ได้ด้วยตาเปล่า
รวมถึงมีบุคลากรในพื้นที่ที่สามารถให้ความรู้ทางดาราศาสตร์เบื้องต้นแก่นักท่องเที่ยวได้
พร้อมมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ แก่ผู้มาใช้บริการ เช่น เส้นทางคมนาคม ห้องน้ำ
ที่พัก ร้านอาหาร เป็นต้น
ปี 2565
ได้จัดพิธีมอบโล่และขึ้นทะเบียนเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในประเทศไทยขึ้นเป็นปีแรกภายใต้แคมเปญ
“Amazing Dark Sky in Thailand” ขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในประเทศไทย
12 แห่ง มีระยะเวลาการขึ้นทะเบียนรวม 3
ปี ดึงดูดทั้งคนไทยและต่างชาติใช้เป็นสถานที่ถ่ายรูปของกลุ่มนักดาราศาสตร์สมัครเล่นด้วย
สำหรับ
12 พื้นที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณมีทั้งอุทยานท้องฟ้ามืด
หลัก ๆ จะมี 4 โซน คือ
โซนที่ 1 เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด กระจายอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ
โซนที่ 2 ชุมชนอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด (Dark Sky
Communities) คือ เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในพื้นที่ชุมชน หมู่บ้าน
เทศบาล ตำบล
โซนที่ 3 เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดส่วนบุคคล (Dark
Sky Properties) คือ เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในพื้นที่ส่วนบุคคล เช่น
รีสอร์ท โรงแรม ฟาร์ม ศูนย์การเรียนรู้
โซนที่ 4 เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในพื้นที่ชานเมือง
ขณะนี้ที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเรียบร้อยแล้ว 12 พื้นที่ แบ่งเป็น 2 ประเภท
ได้แก่ ประเภทที่ 1 ท้องฟ้ามืด 6 พื้นที่ คือ 1.อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จ.เชียงใหม 2.อุทยานแห่งชาติผาแต้ม
จ.อุบลราชบุรี ใน จ.ชัยภูมิมี 3 แห่งคือ 3.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-ทุ่งกระมัง 4.อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม
5.อุทยานแห่งชาติภูแลนคา 6.ชุมชนออนใต้
อำเภอสันกำแพง จ.เชียงใหม่
ประเภทที่ 2 เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดส่วนบุคคล อีก 6 พื้นที่ ซึ่งมีมากที่สุดในอำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา
ถึง 4 แห่ง ได้แก่ 1.ไร่องุ่นไวน์
อัลซิดินี่ 2.ไร่องุ่นไวน์กราน-มอนเต้ 3. เดอะเปียโน รีสอร์ท 4.โรงแรมเรนทรี เรซิเดนซ์ เขาใหญ่ และใน อำเภอมวกเหล็ก จ.สระบุรี อีก 2
แห่ง คือ 5.สนามมวกเหล็ก เอทีวี 6.บ้านไร่ยายชะพลู
ทางองค์กรได้เปิดให้พื้นที่ที่สนใจสมัครขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในประเทศไทยได้ที่
https://darksky.narit.or.th/
ข่าวที่
5 “TCEB”แนะไมซ์ใช้ทะเลสาบสงขลาจัดงานชมพิพิธภัณฑ์คติชน+เกาะยอ
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB”
ชวนเปิดประสบการณ์กิจกรรมไมซ์รูปแบบใหม่ให้กับนักเดินทางไมซ์ กับ
“ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา” ได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่พิเศษการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จุดเด่นของพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาสไตล์ลากูนขนาดใหญ่ติดทะเล
คาบเกี่ยว 3 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง สงขลา และนครศรีธรรมราช เป็นศูนย์รวม 3 น้ำ คือ
น้ำจืด น้ำกร่อย
และน้ำเค็ม เป็นหนึ่งเดียวในไทยและ 117 แห่งทั่วโลก มีสถานที่สำคัญเป็นที่ตั้งของเกาะยอซึ่งมีสถานที่ทำกิจกรรมไมซ์ไม่ควรพลาด
ได้แก่
1.พิพิธภัณฑ์คติชน สถาบันทักษิณคดีศึกษา นักเดินทางไมซ์สามารถเรียนรู้วิถีชีวิตภาคใต้
วัฒนธรรมท้องถิ่นอันมีเอกลักษณ์เฉพาะ รวมทั้งจุดชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของเกาะยอ
และมองเห็นสะพานติณสูลานนท์ ที่สวยงามเชื่อมต่อเกาะยอกับฝั่งแผ่นดิน
2.วัดท้ายยอ
วัดเก่าแก่ของเกาะยอ ที่มีโบราณสถานเป็นสถาปัตยกรรมอันล้ำค่าคือ
"กุฏิเรือนไทยปั้นหยา" อายุกว่า 200 ปี 3 หลัง ภายในวัดยังมีบ่อน้ำโบราณ
สระน้ำโบราณ โรงเรือพระ สถูปหอระฆังงดงาม
ที่นักเดินทางไมซ์สามารถเดินทางไปเยี่ยมชม โดยทำกิจกรรมซีเอสอาร์ให้กับวัดท้ายยอได้อีกด้วย
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักเดินทางไมซ์ไม่ควรพลาด
3.ผ้าทอเกาะยอ กลุ่มราชวัตถ์ แสงส่องหล้า ร่วมทำกิจกรรมทอผ้ากับกลุ่มชาวบ้านที่รวมตัวกันทำงานหัตถกรรมทอผ้าสืบทอดจากบรรพบุรุษมาอย่างยาวนาน
โดยมีลายผ้าทอเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่นชื่อว่า “ราชวัตร” ซึ่งเป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานนามจากรัชกาลที่
5 และลายอื่น ๆ อาทิ ลายลูกแก้ว ลายดอกพิกุล ลายดอกพะยอม
ที่เหล่านักเดินทางไมซ์สามารถเลือกซื้อเป็นของฝากติดมือกลับบ้านเป็นของที่ระลึกได้อีกด้วย
ช่วงที่ 2 สายผจญภัยเที่ยวไทยหน้าฝนพร้อมแล้วที่จะออกเดินทาง
“กรีนซีซัน” เสพไอดิน กินป่าเขียวขจี ทั่วไทย ปักหมุดไปสนุกกันยัง 3 อุทยานแห่งชาติ “ขุนสถาน” จ.น่าน “เขาสก” จ.สุราษฎร์ธานี “เขาใหญ่”
จ.นครราชสีมา แล้วมาดูแลสุขภาพ “7เมนูสุขภาพ”
ป้องกันโรคที่มากับฝน และข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “ครม.ใจป้ำไฟเขียวลดภาษีไมซ์ 2 เท่า” ให้บริษัท/ห้างร้านจัดประชุม แสดงสินค้า ตั้งแต่ 15 ก.ค.-31 ธ.ค.นี้ ข่าวที่สอง “AWC”ดึงดิสนีย์โลกปลุกเที่ยวเอเชียทีค ริเวอร์ฟร้อนท์” เริ่มปลายปี65-66
ท่องเที่ยว
-ทัวร์กรีนซีซันทั่วไทยได้ที่”ขุนสถานน่าน-เขาสกสุราษฎร์-เขาใหญ่โคราช”
สายฝนเย็นฉ่ำ
เป็นบรรยากาศชวนเที่ยวเมืองไทยต้อนรับ “กรีนซีซัน”
สัมผัสธรรมชาติเย็นสบายท่ามกลางป่าเขียวขจีตามพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามภาคต่าง ๆ
ที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป
จุดแรก
“อุทยานแห่งชาติขุนสถาน” จังหวัดน่าน อยู่ตอนใต้ของน่านติดกับแพร่ จัดเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ซึ่งมีวิวทิวทัศน์ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เทือกเขาสูงชันสลับซับซ้อน ปกคลุมด้วยป่าไม้ชนิดต่าง ๆ ทั้งป่าเบญจพรรณ
ป่าเต็งรัง ป่าสนเขา ป่าดิบเขา และป่าดิบแล้ง สามารถเดินทางเข้าไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
หน้าฝนช่วงกรกฎาคม – ตุลาคม ของทุกปี
เมื่อเดินทางไปเที่ยวจะได้ภาพจำประสบการณ์ต้องไม่พลาดของ “ดอยแม่จอก” เต็มไปด้วยทะเลหมอกยามเช้ากับแสงอาทิตย์สีส้มสวยงาม
พร้อม ๆ กับแหล่งท่องเที่ยวรอบพื้นที่สวย
ๆ อีกหลายอย่าง ดอยธง ดอยผาผึ้ง น้ำตกขุนลี และน้ำตกน้ำลีหลวง
จุดที่สอง
“อุทยานแห่งชาติเขาสก” จังหวัดสุราษฎร์ธานี สัมผัสไอภูเขาดินและหินปูนสลับซับซ้อน
ภาพหน้าผาสูง พร้อมกลิ่นป่าผืนใหญ่ในภาคใต้ ทิศเหนือติด “เขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน”
ได้ชื่อว่าเป็นกุ้ยหลินเมืองไทย เที่ยวหน้าฝนที่เขาสกจะได้สนุกกับการเล่นน้ำ
พายเรือคายัก ตรงบริเวณหน้าที่พักได้เลย
แลนด์มาร์กเขาสกที่นักท่องเที่ยวไปทำกิจกรรม
คือ จุดชมวิว เขาสก เขาไกรสร ถ้ำปะการัง ถ้ำน้ำทะลุ
ล่องเรือแคนู ล่องแพชมสายนํ้าคลองศก ขี่ช้างล่องไพรเขาสก แล้วลองไปตามหา “บัวผุด”
ดอกไม้ขนาดใหญ่เป็นเอกลักษณ์ของเขาสกมีแห่งเดียวในเมืองไทย
จุดที่สาม
“อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” จังหวัดนครราชสีมา หน้าฝนผืนป่าใหญ่อันดับต้น
ๆ ของประเทศจะเขียวขจี คายออกซิเจนให้ผู้คนสูดเต็มปอด แนะนำไปยัง “ผาตรอมใจ”
ที่มีฝนตกชุกและอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ปกคลุมด้วยป่าดงดิบและพันธุ์ไม้หลายชนิดทนต่อสภาพหนาวเย็นได้เป็นอย่างดี
ไฮไลต์อีกแห่งคือ “น้ำตกเหวสุวัต” มีชื่อเสียงได้รับความนิยมมีสายน้ำตกจากหน้าผาสูงราว
20 เมตร ด้านล่างเป็นแอ่งน้ำและลำธาร
สามารถลงเล่นน้ำได้เย็นชุ่มฉ่ำกายใจ
ถ้าหากน้ำมากนักท่องเที่ยวควรจะต้องสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อความปลอดภัย ภายในพื้นที่เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ
ชมพรรณไม้ ดูนก ดูผีเสื้อ ส่องสัตว์ ดูดาว ขี่จัรยาน และล่องแก่ง
เที่ยวหน้าฝนปีนี้สามารถเที่ยวเมืองไทยใน 3
อุทยานแห่งชาติ
เหนือ ใต้ อีสาน ได้อย่างสบายใจ เติมประสบการณ์ชีวิตชาร์จพลังให้ชีวิตวิถีใหม่มีความสุขกายสุขใจกันเถอะเรา
สุขภาพ –“7เมนูอาหารใกล้ตัว”ป้องกันสุขภาพได้ชะงัดช่วงเข้าสู่ฤดูฝน
ฤดูฝนอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงจนอาจทำให้คนเจ็บป่วยได้ง่าย
หลายคนเป็นหวัด ไอ จาม กัน ดังนั้น ถ้าใครไม่อยากป่วยหน้าฝน
ก็ควรต้องดูแลสุขภาพตัวเอง ทำได้หลากหลายวิธีอย่างกลมกลืนอยู่ในวิถีชีวิตเรา
ก็คือการดูแลเรื่องอาหารการกินให้เป็นนิสัย เพื่อให้ “อาหารเป็นยา” ด้วยการเลือก “เมนูช่วยรักษาสมดุลของธาตุ”
สร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย บำรุงร่างกายเพื่อรับมือกับโรคต่าง ๆ ได้
ชนิดที่ 1 อาหารรสเผ็ดทุกชนิด ที่มีพริก รสเผ็ดนำอย่าง แกงส้มมะละกอ
จะมีเครื่องแกงที่ช่วยทำให้หายใจโล่ง ไม่คัดจมูก เช่น หอมแดง กระเทียม
มะละกอก็มีประโยชน์ช่วยต้านไวรัส เป็นตัวช่วยสำคัญให้ถ่ายคล่อง
และยิ่งถ่ายคล่องจะยิ่งทำให้หายป่วยง่าย
ชนิดที่ 2 ซุปไก่ อุดมด้วยสารอาหารเข้มข้น จึงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี หากใครมีอาการไอ
เป็นหวัด ปอดอักเสบ พอซดซุปไก่ร้อน ๆ จะช่วยทำให้อาการดีขึ้น
ชนิดที่ 3 ซุปขิง น้ำขิง
บัวลอยน้ำขิง ขิงช่วยล้างสารพิษ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
ช่วยย่อยอาหารได้ดี ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของซุปขิงหรือน้ำขิงร้อน ๆ ก็ตาม ใครเป็นหวัด
น้ำขิงร้อน ๆ จะช่วยขับเหงื่อและขับสารพิษออกมาทางผิวหนัง แล้วช่วยให้ปรับอุณหภูมิร่างกายให้อุ่นขึ้น
ชนิดที่ 4 ผัดผักบุ้งใส่กระเทียม นอกจากช่วยเรื่องสายตาแล้ว มีสรรพคุณอีกหลายอย่างเป็นไฟเบอร์จากผัก ยิ่งกินกระเทียมด้วย
จะช่วยให้หายไข้หวัด เพราะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
และกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวให้ทำงานได้ดีขึ้น
ชนิดที่ 5 ชาร้อน ในตัวชาจะมีสารช่วยลดอาการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจได้คล่อง
ไม่เวียนศีรษะ แก้อาการไอแห้ง อีกทั้งสามารถยับยั้งการเกิดมะเร็งได้อีกด้วย
ถ้าหากดื่มชาแต่พอดี
ชนิดที่ 6 น้ำผัก ผลไม้ – ผัก มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น แครอท ผักใบเขียวจัด
และผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว องุ่น สรตอว์เบอรี่ เสาวรส
ช่วยสร้างภูมิต้านทานหวัด และกำจัดเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย เราสามารถเลือกซื้อและเก็บไว้ในตู้เย็นได้
แล้วนำมาปั่นเป็นน้ำปั่นดื่มให้ชื่นใจ
ชนิดที่ 7 โยเกิร์ต ช่วยให้หายหวัดได้เร็ว ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้
เนื่องจากโยเกิร์ตช่วยเพิ่มการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว
และสร้างสารแอนติบอดีในร่างกายเพิ่มขึ้น
ข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก -ครม.ไฟเขียวลดภาษี2เท่าบริษัท/ห้างร้านจัดไมซ์ในไทย15ก.ค.-31ธ.ค.65
ผู้สื่อข่าวรายงาน เว็บไซต์ https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/56842
ประกาศมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 12 กรกฎาคม 2565 เห็นชอบมาตรการภาษี ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 2 เท่า
สนับสนุนการจัดสัมมนา นิทรรศการ งานแสดงสินค้า ภายในประเทศ เริ่มตั้งแต่ 15
กรกฎาคม -31 ธันวาคม 2565 โดยคาดรัฐจะสูญเสียรายได้นิติบุคคลรวม 455 ล้านบาท
ส่วนบริษัทห้างร้านจะใช้สิทธิ์ลดภาษีรวมตลอดโครงการประมาณ 2,275 ล้านบาท ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
เรื่อง
มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง
ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1.
เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศและร่างพระราชกฤษฎีกา
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร จำนวน 1
ฉบับ
2.
เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดนิทรรศการ
งานแสดงสินค้าภายในประเทศ และร่างพระราชกฤษฎีกา ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร จำนวน 1 ฉบับ
โดยมีสาระสำคัญ ประกอบด้วย
1.
มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ
1.1
วัตถุประสงค์ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภายในประเทศ
และสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานด้านการท่องเที่ยว
อีกทั้งสนับสนุนการบริโภคและส่งเสริมการจ้างงาน
1.2
กลุ่มเป้าหมาย บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
1.3
ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2565
ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565
1.4
วิธีการดำเนินงาน แบ่งเป็น
1)สิทธิประโยชน์ทางภาษี
ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่ายค่าห้องสัมมนา
ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง
หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องในการอบรมสัมมนาภายในประเทศที่จัดขึ้นให้แก่ลูกจ้าง
หรือค่าบริการของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์เพื่อการอบรมสัมมนาดังกล่าวที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่
15
กรกฎาคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ได้ดังนี้
1.1) ลดได้ 2 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง
สำหรับการอบรมสัมมนาที่จัดในจังหวัดท่องเที่ยวรองหรือในเขตพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นใดที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
1.2)
1.5 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง
สำหรับการอบรมสัมมนาที่จัดในท้องที่อื่นนอกจากท้องที่ตามข้อ 1.1)
1.3)
ในกรณีที่การจัดอบรมสัมมนาครั้งหนึ่ง ๆ เกิดขึ้นในท้องที่ตามข้อ 1.1)
และข้อ 1.2) ต่อเนื่องกัน
ให้หักรายจ่ายที่สามารถแยกได้ว่าเกิดขึ้นในท้องที่ใดตามข้อ 1.1) หรือข้อ 1.2) แล้วแต่กรณี
และให้หักรายจ่ายที่ไม่สามารถแยกได้ว่าเกิดขึ้นในท้องที่ใดได้ 1.5 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง
ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
2)
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข
2.1)
เป็นไปในทำนองเดียวกันกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 405) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าอบรมสัมมนาของลูกจ้างภายในประเทศ
2.2)
พื้นที่
2.2.1)
จังหวัดท่องเที่ยวรอง
(อ้างอิงจากพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 656) พ.ศ. 2561 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่ท่องเที่ยวสำหรับการอบรมสัมมนา
และการเดินทางท่องเที่ยวและที่พักเพิ่มเติมจากจังหวัดท่องเที่ยวรอง)
โดยแบ่งเป็นพื้นที่ทั้งจังหวัด 55 จังหวัด
และพื้นที่บางอำเภอในจังหวัด 15 จังหวัด
2.2.2)
เขตพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
โดยคำแนะนำของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
2.2.3)
ท้องที่อื่นนอกจากข้อ 2.2.1) และข้อ 2.2.2)
ทั้งนี้
การดำเนินการดังกล่าวจะต้องตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน 1 ฉบับ
1.5
สูญเสียรายได้ ประมาณการสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 334
ล้านบาท
โดยคาดว่าจะมีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจำนวนประมาณ 1,700
ราย เป็นจำนวนเงินประมาณ 1,670 ล้านบาท
2. มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดนิทรรศการ
งานแสดงสินค้าภายในประเทศ
2.1
วัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการสนับสนุนการจัดนิทรรศการและงานแสดงสินค้าภายในประเทศ
อีกทั้งสนับสนุนการจ้างงาน
2.2
กลุ่มเป้าหมาย บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
2.3
ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2565
ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565
2.4
วิธีการดำเนินงาน
1)
สิทธิประโยชน์ทางภาษี
ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่ายค่าเช่าพื้นที่หรือค่าบริการในการเข้าร่วมงานออกร้าน
งานนิทรรศการ หรืองานแสดงสินค้าภายในประเทศ ที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม
2565 ได้ 2 เท่าของรายจ่ายที่จ่ายจริง
ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
2)
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข
2.1)
งานออกร้าน งานนิทรรศการ
หรืองานแสดงสินค้าภายในประเทศต้องเริ่มจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม
2565 (เริ่มจัดภายในช่วงเวลาดังกล่าวและอาจจัดถึงภายหลังวันที่
31 ธันวาคม 2565 ก็ได้)
2.2)
ต้องมีหนังสือรับรองจากผู้จัดงานว่าได้เข้าร่วมจัดงานจริง
2.3)
ต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่หรือค่าบริการตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม
2565
ทั้งนี้
การดำเนินการดังกล่าวจะต้องตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน 1 ฉบับ
2.5
สูญเสียรายได้ ประมาณการสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 121
ล้านบาท
โดยคาดว่าจะมีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจำนวนประมาณ 6,050
บูธ เป็นจำนวนเงินประมาณ 605 ล้านบาท
ข่าวที่สอง -“AWC”ดึงดิสนีย์โลกปลุกท่องเที่ยวเอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์ตลอดปี’66
นางวัลลภา ไตรโสรัส
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า วางแผนจับมือกับ
บริษัท เดอะ วอลต์ ดิสนีย์ ผู้นำด้านสื่อและความบันเทิงระดับโลกการแสดงอันมหัศจรรย์จากดิสนีย์มาจัดในไทยตั้งแต่ปลายปี
2565 ต่อเนื่องตลอดปี 2566 ที่ “เอเชียทีค
เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” กรุงเทพฯ เพื่อยกระดับศูนย์กลางการท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา
จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ยอดนิยมตลาดในประเทศและนานาชาติ
ในโอกาสที่ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” จะฉลองครบรอบ 10 ปี ซึ่งเริ่มพัฒนาการลงทุนมาตั้งแต่ปี 2555 ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ จนถึงขณะนี้
AWC ยังคงมุ่งมั่นมองหาโอกาสเสริมศักยภาพต่อยอดขยายการลงทุนตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป
เช่น พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวรองรับกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยง
แหล่งรวมร้านอาหารทุกไลฟ์สไตล์ คัดสรรร้านอาหารชื่อดัง ร้านระดับตำนานจากทั่วกรุงเทพฯ
และร้านสตรีทฟู้ดจากทั่วประเทศ
อีกทั้งยังได้เปิดโซน “Living Museum & Arts
Festival” สร้างบรรยากาศผสมกลมกลืนย่างลงตัวสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ทางศิลปะวัฒนธรรม
วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนโดยรอบพื้นที่ ด้วยการนำเสนองานศิลปะทั้งภาพวาดสตรีทอาร์ตหรือศิลปะบนพื้นที่สาธารณะ
งานประติมากรรมตั้งอยู่ทั่วบริเวณ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ดึงดูดกลุ่มคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ
และสร้างเสน่ห์ให้ผู้คนได้เข้ามาสัมผัสการท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
การเก็บภาพมุมสูงของกรุงเทพฯ ผ่าน “เอเชียทีค สกาย" ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่สุดในเมืองไทยระดับความสูง 60 เมตร
สำหรับคนชื่นชอบประวัติศาสตร์ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับสถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแห่งแรกของไทย
ก่อตั้งขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 รอบบริเวณมีร้านอาหารและร้านค้าหลากหลายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติเข้ามาพักผ่อนได้อย่างมีความสุขทุกวัน
โดยภาพรวม “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” เป็นแลนด์มาร์คริมน้ำเจ้าพระยาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามรูปแบบพิพิธภัณฑ์
และการเฉลิมฉลองเทศกาล หรือ
Living Museum and Festival Market มุ่งเน้นการนำเสนอทัศนียภาพอันงดงามของคุ้งน้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ
ส่งเสริมให้จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ บนทำเลตั้งในพื้นที่ประวัติศาสตร์ริมแม่น้ำในสไตล์โคโลเนียล
ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างสถาปัตยกรรมของตะวันตกและศิลปะท้องถิ่นเอาไว้ด้วยกัน
เอเชีย ทีค ริเวอร์ฟรอนท์ คือการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจค้าปลีกของไทยสมัยก่อนให้เข้ากับเทรนด์ท่องเที่ยวพักผ่อนขานรับกับยุคใหม่
เมื่อปี 2563 ได้สร้าง 3
ปรากฏการณ์ใหม่ ภายใต้แนวคิด “Heritage
Alive” พร้อมเรือสิริมหรรณพ
เรือใบสามเสาแห่งประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นจากต้นแบบเรือทูลกระหม่อม เรือใบสามเสาอันทรงคุณค่าแห่งประวัติศาสตร์ของเมืองสยามได้มาเทียบท่าถาวร
ณ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ “Living Museum & Arts Festival” แหล่งเรียนรู้ทางศิลปะวัฒนธรรมในรูปแบบสร้างสรรค์
และ “New Mega Riverside F&B Destination” สวรรค์นักชิมที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบ
ซึ่งสามารถสร้างอาชีพ สร้างงาน
สร้างจุดขายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญในการช่วยสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กันไปได้ด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น