ททท.พลิกโฉมอุตฯท่องเที่ยวสู่Digital Tourismโกยไทย-เทศ ดึงธุรกิจใช้เว็บ/เฟซบุ๊ค/ไลน์ททท.คนตาม8ล้านขายทุกรูปแบบ ปี’66ปลุกพันธมิตรขายกระหึ่มMetaverse+Virtualท่องเที่ยว
ททท.พลิกโฉมอุตฯท่องเที่ยวสู่Digital Tourismโกยไทย-เทศ
ดึงธุรกิจใช้เว็บ/เฟซบุ๊ค/ไลน์ททท.คนตาม8ล้านขายทุกรูปแบบ
ปี’66ปลุกพันธมิตรขายกระหึ่มMetaverse+Virtualท่องเที่ยว
คิงเพาเวอร์เปิดช่องทาง4สนามบินช้อปจัดเต็ม2โปรลดแรงจริง
ช้อปคิงเพาเวอร์ครบทุกองศารับเลย3คุ้มลดสูงสุด7พันบาท/วัน
คิงเพาเวอร์ผนึกเจแปนแอร์ไลน์ให้ผู้โดยสารซื้อดิวตี้ฟรีลด15%
ททท.ผนึกตำรวจฯผุดแผนเร่งฟื้นด่วนมั่นคงปลอดภัยท่องเที่ยว
“TCEB”ใส่เกียร์ลุยหาเสียงชิงรอบ2-3“Specialised
Expo 2028”
บางจากปิ๊งดึงแฟรนไชส์ซับเวย์ปั๊มยอดNonOilทั่วไทย50สาขา
แหล่งใต้ไปชุมชนธรรมชาติ“โหยหา
บาโหย”สันกาลาคีรีสงขลา
5 โรควิตกกังวลต้องรีบเช็คให้ชัวร์จากภัยเงียบไม่ควรมองข้าม
ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์จัดเต็มลุยบินใหม่ไทยสู่ญี่ปุ่นก.ค.-ต.ค.65
สิงคโปร์แอร์ชิงเปิดบินโกยตลาด“ญี่ปุ่น-อินเดีย-อเมริกา-ยุโรป”
รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
วันเสาร์ที่
9
กรกฎาคม 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0
MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
#TCEB #บางจาก #
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/
ช่วงที่ 1 มาร่วมไขรหัสใหม่ท่องเที่ยวกับ “นิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล
วิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดตลาดยุคใหม่นำท่องเที่ยวเมืองไทยก้าวสู่เทรนด์ Digital Tourism เครื่องมือสุดไฮเทคคัดข้อมูลกับเทคโนโลยีใหม่เข้าด้วยกันแล้ว
“ใช้ผลวิจัย” สแกนหาลูกค้ากลุ่มคุณภาพได้ตรงเป้าด้วยการตลาดดิจิทัล Digital
Marketing บุกทะลวง 4 ตลาดมาแรง “Digital
Nomad+Remode Worker+SilverAge+Wedding&Honeymoon”
ลุยเปิดอบรมติดอาวุธไฮเทคให้เอกชนพร้อมกลับมาเปิดใหม่หลังโควิด-19 พาเหรด เว็บไซต์ เฟสบุ๊ค ไลน์ ททท. มีคนเข้าถึงรวมกว่า 8 ล้านคน และเจรจาT-Verse ออนไลน์ดัง Lazada เปิดพื้นที่ให้ธุรกิจทั่วไทยใช้โปรโมตขายสินค้าเต็มเหนี่ยว ปี’66 ต่อยอด Metaverse กับ Virtual นำทัพท่องเที่ยวขายผ่านทุกช่องทางโลกเสมือนจริง
แนะผู้ประกอบการปรับกรอบวิธีคิดก้าวสู่ยุคดิจิทัล
นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า แผนนำดิจิทัล วิจัยและพัฒนามาเป็นเครื่องมือพัฒนาตลาดการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ ในจังหวะที่ไทยกำลังอยู่ในช่วงเริ่มเปิดประเทศ หลายหน่วยงานเตรียมความพร้อมร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ททท.เองก็จะใช้ เรื่องที่ 1 ข้อมูลต่าง ๆ ทางด้านดีมานต์คือจำนวนนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม มีพฤติกรรมความต้องการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวประเภทใด กลุ่มไหนมีศักยภาพพร้อมจะส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว เรื่องที่ 2 ดึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาสนับสนุน ทั้งที่มีอยู่ต้องอัพเกรดให้มีความพร้อมใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเทคโนโลยีใหม่กำลังพัฒนาได้รับความสนใจเข้ามาสนับสนุน
ภารกิจที่ 1 การทำ “วิจัย” ค้นหาตลาดนักท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ ได้แก่ กลุ่มแรก Digital Nomad +กลุ่มที่ Remote Worker นักเดินทางสายดิจิทัลที่ใช้เมืองท่องเที่ยวเป็นสถานที่ทำงานไปด้วย ตอนนี้มีการแชร์กันว่า “ไทย” เป็นประเทศจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ของกลุ่มนี้ นิยมในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นหมู่เกาะทางใต้ พะงัน สมุย ภูเก็ต หรือทางเหนือ เชียงใหม่ พักต่อเนื่องเป็นเวลานานจึงเกิดการใช้จ่ายเงินค่อนข้างสูง พร้อมกับช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทยควบคู่ไปด้วย
กลุ่มที่สอง Wedding & Honeymoon คู่รักและแต่งงาน ตลาดมาแรงคือ “อินเดีย” กำลังทยอยเดินทางเข้ามาใช้สถานที่แต่งงานในไทยเป็นจำนวนมาก
กลุ่มที่สาม Silver Age ผู้สูงวัย จะเป็นผู้เกษียนจากต่างประเทศ อยากมาใช้ชีวิต หรือหนีหนาวมาพักผ่อนในไทย
ภารกิจที่ 2 ฝึกอบรมบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หลังจากหยุดกิจการช่วงสถานการณ์โควิดเป็นเวลา พอกลับมาเปิดบริการอีกครั้งผู้ประกอบการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องการอัพเดทแนวโน้มใหม่ทางด้าน ดิจิทัล ท่องเที่ยว มีปัจจัยเอื้อและสนับสนุน กับอุปสรรคต่าง ๆ รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ต้องการฝึกและเรียนรู้งาน ไม่ว่าจะเป็น “โซเชียล มีเดีย” ซึ่งเดิมอาจมองเป็นคอมมูนิเคชั่นแต่ความจริงแล้วสามารถช่วยสนับสนุนและการขายเชิงธุรกิจเพิ่มรายได้ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างทั่วถึง เช่น facebook , Instagram TikTok Line
อีกเรื่องคือ
เทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง เมตาเวอร์ส NFT Web 3.0 และประยุกต์ไปถึงเมืองท่องเที่ยวแบบ Smart City ตอนนี้หลายพื้นที่พยายามขับเคลื่อนไป
ททท.จึงต้องการให้ผู้ประกอบการได้เลือกใช้อย่างเหมาะสม
เครื่องมือเป็นรูปธรรมที่
ททท.นำมาใช้แล้วคือ Website สมัยก่อนอาจจะใช้เป็นช่องทางแนะนำข้อมูลต่าง
ๆ ต่างจากตอนนี้เปิดให้เอกชนท่องเที่ยวได้ใช้เป็นพื้นที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์
นำเสนอขายสินค้าท่องเที่ยวได้ด้วย เช่น โปรโมชั่นแพกเกจท่องเที่ยว
ททท.จะรวบรวมทำเป็นแคมเปญ แทนแพลตฟอร์มออนไลน์
โดยไม่ได้เรียกเก็บค่าส่วนต่างการตลาดซึ่งค่อนข้างแพง
ช่วงนี้เข้าใจผู้ประกอบการเพิ่งฟื้นตัวรายได้อาจจะไม่มาก หากได้เอื้อให้ใช้เครื่องมือของ
ททท.ฟรีจะช่วยได้อีกช่องทางทั้งWebsite ททท.มีผู้ติดตามกว่า 2
ล้านคน Line อีก 6 ล้านคน
ดังนั้นเปิดช่องทางสื่อเหล่านี้ช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวทำแคมเปญขายแพกเกจ
ทำให้สามารถเข้าถึงตลาดเป้าหมายได้ทั่วถึงมากขึ้น
ขณะเดียวกัน
ททท.ยังมีแพลตฟอร์มออนไลน์เครือข่ายพันธมิตร เช่น Lazada
ซึ่งมีเซกชั่นด้านการท่องเที่ยวขายด้วย
จึงได้เปิดอบรมให้ความรู้ผู้ประกอบการขายทางออนไลน์ ทาง Lazada ได้เปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวใช้บริการฟรี
พร้อมกับช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายให้ประสบความสำเร็จมากขึ้น
เพราะช่วงแรกการส่งเสริมการขายผ่านเครื่องมือของ ททท.ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก
นายนิธีกล่าวว่า
ททท.ยังมีพันธมิตรในเครือข่าย Metaverse การสร้างโลกเสมือนจริงส่งเสริมการท่องเที่ยว อาจจะเตรียมพร้อมกลุ่ม Virtual
Influencer สร้างผู้มีอิทธิพลในโลกเสมือนจริงขึ้นมา และ
กำลังคุยกับทางแพลตฟอร์ม T-Verse ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
จะให้พื้นที่ฟรีกับ ททท.นำไปจัดแคมเปญ เปิดบูธให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว รวมทั้งนำ
Virtual Tour, Virtual Guide เพื่อให้โรงแรม บริษัท
ทั่วประเทศ ได้ใช้กล้อง 360 องศา
นำโลกเสมือนจริงไปใช้ประกอบการขาย ซึ่งอาจจะเริ่มได้ตั้งกลางเดือนตุลาคม
หรือพฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป
ลักษณะของการให้บริการผ่าน
Virtual ในระบบ Metaverse
ก็เพื่อเปิดช่องทางให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ยังเดินทางมาไทยไม่ได้เข้าไปใช้โลกเสมือนจริงสำรวจห้องพักตามโรงแรมต่าง
ๆ หรือ เส้นทางท่องเที่ยวของบริษัททัวร์
อาจจะเป็นการข้อมูลที่สนใจเบื้องต้นในพื้นที่ต่าง ๆ แล้ว
ททท.กับผู้ประกอบการก็ช่วยกันทำ “โปรโมชั่น” ดึงความสนใจให้คนมาเที่ยว โดยอาจจะมี E-Vochure
,E-Gift, Token เหรียญดิจิทัล
แม้กระทั่งคูปองอิเลคทรอนิกส์ที่สามารถดาวโหลดมาใช้จริงได้
นายนิธี
กล่าวต่อถึงปี 2566 ทางฝ่ายดิจิทัล
วิจัยและพัฒนา ได้ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยว รายได้ จะต้องเพิ่มสูงกว่าปี 2565 โดยจะเน้น “ส่งมอบประสบการณ์ใหม่ให้นักท่องเที่ยว
ในฝ่ายดิจิทัลก็จะต้องนำเครื่องมือเข้ามาเพิ่มแรงส่งการตลาดดิจิทัล
และนำข้อมูลมาประมวลส่งเสริมตลาดและการขาย พุ่งเป้าไปยัง 1.กลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ
2.กลุ่มท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม RT
-Responsible Tourism 3.กลุ่มท่องเที่ยวตระหนักรู้เกี่ยวกับสุขภาพ Health
Conciousness
ส่วนโครงการในส่วนของ
Metaverse จะต่อยอดเพิ่มด้วย
โดยจะมีพื้นที่เปิดกว้างให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย
ทั้งการเปิดเป็นพื้นที่กลางให้เอกชนใช้ทำการเจรจาธุรกิจในลักษณะ B to B
-Business to Business และการขายท่องเที่ยวให้กับผู้บริโภคทั่วไป B to C -Business
to Consumer และ ผู้ขายพบผู้ซื้อกับต่างประเทศในแบบ Virtual
Travel Mart รวมทั้งจะช่วยผู้ประกอบการในชุมชนด้วยการเปิดกว้างโดยใช้โลกเสมือนจริงเข้ามาใช้ให้ได้มากที่สุด
นายนิธีกล่าวว่า
ปัญหาและอุปสรรคในการนำ Metaverse มาใช้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว
เรื่องแรก คือ Mindset หรือกรอบความคิด
เพราะปัจจุบันเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จริงมีมากมายหรือ Big
Data ททท.เป็นหน่วยงานการตลาดต้องพยายามเข้าใจลูกค้าด้วย
โดยการดึงข้อมูลดิจิทัลเข้ามา หากผู้ประกอบการพร้อมปรับตัว
ททท.ก็พร้อมอำนวยความสะดวก
เรื่องที่
2 การเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม
เพราะดิจิทัลเน้นเรื่องความเร็ว การสื่อสาร ทำงานต่าง ๆ
เรื่องที่
3 เพิ่มความรู้เพื่อดึงข้อมูลต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์
และเพิ่มความล้ำการแข่งขันทางการตลาด จะมีเครื่องมือที่มีความพร้อมกับคู่ต่อสู้ได้มากขึ้น
ลดความสิ้นเปลืองของ cashless และลดเอกสารกระดาษได้มากมาย
ลดความผิดพลาดได้น้อยลงด้วย
ส่วนการใช้เครื่องมือต่าง
ๆ ภาคเอกชนท่องเที่ยวน่าจะพร้อมร่วมมืออยู่แล้ว เรื่อยไปจนถึง “งบประมาณ”
อาจจะไม่ได้ต้องใช้มากนัก เพราะเครื่องมือดิจิทัลตอนนี้ในตลาดมีให้เลือกเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว
และ ททท.ก็พร้อมจะช่วยเอกชนทุกกลุ่ม
นายนิธีกล่าวตอนท้ายว่า
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่จะเข้าสู่ยุคดิจิทัล วิจัยและพัฒนา
ควรมาร่วมกันถอดบทเรียนจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้การตลาดปัจจุบันก้าวสู่ดิจิทัลมากขึ้น
เพราะฉนั้นไม่ช้าก็เร็วต้องทำหากผู้ประกอบการไม่เร่งปรับตัวอาจจะตกขบวนหรือเสียโอกาสทางการตลาดโดยไม่รู้ตัวได้
จึงขอให้ปรับตัวเข้าเทรนด์ใหม่แล้วก้าวไปสู่ Digital Tourism ด้วยกันกับ ททท.ทั้งปัจจุบันและอนาคตอย่างมั่นคงต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 คิงเพาเวอร์เปิดช่องทาง4สนามบินช้อปจัดเต็ม2โปรลดแรงจริง
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเดือนแห่งการช้อปสวยครบทุกองศา
คุ้มกว่าทุกแห่ง ตลอดเดือนกรกฎาคม 2565 เลือกสินค้าที่ชอบ ที่โดนได้กับ 2 โปรโมชั่นพิเศษ เมื่อไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิและอีก
3 สนามบิน
โปรโมชั่นที่ 1 ช้อป 360 องศา ที่ “คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ” ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2565 มอบสิทธิพิเศษให้ผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศไทยจ่ายเพียง
6,500 บาท เมื่อซื้อสินค้าในแผนกน้ำหอมและเครื่องสำอาง
ตั้งแต่ 9,000 บาท ขึ้นไป / ใบเสร็จ รับส่วนลดไปเลยทันที 2,500
บาท
โปรโมชั่นที่ 2 คุ้มกว่า! สมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ ที่สนามบินทั่วประเทศ
4 แห่ง สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต สมัครง่ายภายใน 3 นาที ระหว่างวันนี้–
31 กรกฎาคม 2565 พร้อมรับคูปองส่วนลดพิเศษ
ใช้ได้ทันทีหลังสมัคร ดังนี้
1.บัตร ONYX 60,000 บาท รับคูปองส่วนลด 30% ใช้ซื้อสินค้าได้ 1 ชิ้นบวกกับส่วนลด 15 % กับสิทธิประโยชน์ตามจริงของสมาชิก
2.บัตร SCARLET 6,000 บาท รับคูปองส่วนลด 30% ใช้ซื้อสินค้าได้ 1 ชิ้น บวกส่วนลด10% กับสิทธิประโยชน์ตามจริงของสมาชิก
3.บัตร NAVY 1,000 บาท รับคูปองส่วนลด 500 บาท ใช้ซื้อสินค้า 3,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ พร้อมรับส่วนลด 5% กับสิทธิประโยชน์ของสมาชิก
ข่าวที่ 2 ช้อปคิงเพาเวอร์ครบทุกองศารับ3คุ้มลดสูงสุด7พันบาท/วัน
คุ้มค่าทุกองศาการช้อป ช้อปครบ ลดทันที! สูงสุดถึง 7,000 บาท ที่ “คิง
เพาเวอร์” มีสินค้าหลากหลายเข้าร่วมรายการ ยกเว้นแผนกแฟชั่น นาฬิกา สุรา
และบุหรี่ ช้อปง่าย ๆ 3 แบบ 1.ช้อปครบ 6,000
บาท / ใบเสร็จ รับส่วนลดทันที 1,200 บาท
2.ช้อปครบ 15,000 บาท / ใบเสร็จ
รับส่วนลดทันที 3,200 บาท 3.ช้อปครบ 30,000
บาท / ใบเสร็จ รับส่วนลดทันที 7,000 บาท
พบกับ END OF SEASON SALE คุ้มค่าทุกองศาเมื่อช้อปสินค้าแฟชั่น รับทันที 3
ความคุ้มค่า
คุ้มที่ 1 ส่วนลดสูงสุด 50% สินค้าแฟชั่น
และสินค้าที่ร่วมรายการ
คุ้มที่ 2 รับ Gift Voucher สูงสุด 3,000
บาท เมื่อซื้อสินค้าแฟชั่น
และนาฬิกา รับคนละ 1 สิทธิ์/ วัน ตามยอดซื้อคือ 1.ช้อปครบ 15,000 บาทสุทธิ รับ Gift Voucher
1,000 บาท 2.ช้อปครบ 30,000 บาทสุทธิ รับ Gift Voucher 3,000 บาท
คุ้มที่ 3: รับกะรัตรีวอร์ด 2,000 กะรัต เมื่อสะสมยอดช้อปครบ 50,000
บาท (สุทธิ) เฉพาะสินค้าแฟชั่น และนาฬิกา รับคนละ 1 สิทธิ์/วัน สิทธิการรับคะแนนสะสม “กะรัตรีวอร์ด” คนละ 1 สิทธิ์/ วัน หรือรับกะรัตส่วนเพิ่มเต็มที่ได้คนละ 2,000 กะรัต /วัน กะรัตส่วนเพิ่มจะหมดอายุภายในวันที่ 5 สิงหาคม
2565
วิธีรับ Gift Voucher เมื่อซื้อสินค้า คิง เพาเวอร์
ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด รับได้คนละ 1 สิทธิ์ /วัน ที่แผนกแฟชั่น และนาฬิกาแบรนด์ที่เข้าร่วมรายการ
สอบถามตรวจสอบสินค้าที่สามารถใช้สิทธิ์ ณ จุดขายทุกแห่ง
ส่วนการใช้ Gift Voucher ใช้ได้ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต จะหมดอายุภายในวันที่ 5 สิงหาคม 2565 โดยนำไปชำระค่าสินค้าได้เมื่อมียอดชำระมากกว่ามูลค่ารวมของ
Gift Voucher ใช้กับสินค้าดิวตี้ฟรี ป้ายฟ้า โฮมเดลิเวอรี่ ไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดสมาชิก คิง เพาเวอร์
และส่วนลดสินค้า Home Delivery ได้
โปรโมชั่นที่
4 ALL ABOUT FOOD
& SOUVENIR ลดสูงสุด 25% ระหว่างวันนี้ -31 กรกฎาคม 2565
รับสิทธิ์บริการส่งฟรี! เมื่อช้อปครบ 299 บาท เมื่อกรอกรหัสส่วนลด
FREEJUL สำหรับผู้ที่ชื่นชอบช้อปของที่ระลึก
ขนม และสินค้าต่าง ๆ ในราคาสบายกระเป๋า
ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์ผนึกเจแปนแอร์ไลน์ให้ผู้โดยสารซื้อดิวตี้ฟรีลด15%
โปรโมชั่นที่ 5 สิทธิพิเศษ! ผู้โดยสารสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ส รับส่วนลด 15% ต่อเนื่องถึง 2 เดือน คนละ 1 สิทธิ์/วัน
ในการช้อปสินค้าดิวตี้ฟรียกเว้นเหลhา บุหรี่
เพียงแค่แสดงยืนยันการสำรองที่นั่งตั๋วโดยสารเครื่องบิน ตั้งแต่วันนี้– 31 สิงหาคม 2565 ที่ คิง เพาเวอร์ สาขารางน้ำ ศรีวารี
พัทยา ภูเก็ต และ คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ ใช้สิทธิ์ได้
ผู้ใช้บริการช้อปสินค้า คิง เพาเวอร์
ทั้งสาขาในเมือง ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี (เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์) พัทยา
ภูเก็ต และสนามบินสุวรรณภูมิ รับสิทธิพิเศษส่วนอื่น ๆ
ได้ตามเงื่อนไขค่าใช้จ่ายเมื่อซื้อสินค้าครบตามมูลค่าที่กำหนด คือ
1.แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน 2.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,000 บาท 3.รับของสมนาคุณฟรีจากแบรนด์ดังช้อปก่อนได้ก่อนเพราะมีจำนวนจำกัดและอาจเปลียนแปลงได้ตามสถานการณ์จริง
4.รับส่วนลด 200 บาทเมื่อสมัครสมาชิกคิงเพาเวอร์ผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมรับสิทธิ์สมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ แบบอัตโนมัติเมื่อช้อปขั้นต่ำ
1,000 บาทสุทธิ
ข่าวที่ 4 ททท.ผนึกตำรวจฯผุดแผนฟื้นมั่นคงปลอดภัยท่องเที่ยว
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ททท.ร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้ร่วมกันจัดทำแผนบูรณาการทำงานเร่งเพิ่มอันดับความสามารถทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย
“ด้านความมั่นคงและปลอดภัย”(Safety & Security) ส่งเสริมให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของตลาดต่างชาติ (Preferred
Destination) ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เนื่องทางสภาเศรษฐกิจโลก
หรือ : WEF -World Economic Forum นำเสนอรายงานเรื่อง Travel
& Tourism Competitiveness Report 2019 โดยได้จัดอันดับ “ขีดความสามารถทางในแข่งขันด้านการท่องเที่ยว”
ซึ่งเป็นดัชนีที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของประเทศต่าง ๆ (T&TCI) พิจารณาจากดัชนี 14 รายการ พบว่า “ประเทศไทย”
เปรียบเทียบกับทั่วโลก อยู่อันดับที่ 31 จาก 140 ประเทศ และอาเซียนอยู่ในอันดับที่
3 จาก 9 ประเทศ โดยมีทั้งมิติโดดเด่นสูงสุดและน้อยที่สุด คือ
ดัชนีที่ไทยมีอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว
“สูงที่สุด” 3 มิติแรก ได้แก่ ดัชนีที่
1 ทรัพยากรธรรมชาติ ลำดับที่ 10 ดัชนีที่ 2
โครงสร้างพื้นฐานบริการด้านการท่องเที่ยว อยู่ลำดับที่ 14 ดัชนีที่
3 การแข่งขันด้านราคา ลำดับที่ 25
ขณะที่ดัชนีที่ไทยมีอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว
“น้อยที่สุด” 3 มิติแรก ได้แก่ ดัชนีที่ 1 ความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ลำดับที่ 130 ดัชนีที่ 2 ความมั่นคงปลอดภัย
อยู่ลำดับที่ 111 ดัชนีที่ 3 ด้านสุขภาพและอนามัย ลำดับที่
88
จากการจัดอันดับข้างต้น
“มิติด้านความมั่นคงปลอดภัย -Safety and Security ของไทยน่าเป็นห่วงและต้องจับตามองมากที่สุด
ดังนั้นนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงเป็นนโยบายเร่งด่วนมิติความมั่นคงปลอดภัยซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศ
โดยได้กำหนดมาตรการสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่นักท่องเที่ยว ก่อน 3
เรื่อง ได้แก่ 1.การจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว
(Tourist Assistance Center : TAC) 2.
กองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 3.การจัดตั้งศาลแผนกคดีนักท่องเที่ยวในศาลสถิตยุติธรรม
4.จัดกิจกรรมการฝึกอบรมอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทางทะเล
(Life Guard) และ 5.จัดกิจกรรมรณรงค์นักท่องเที่ยวขับขี่ปลอดภัยในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว
รวมทั้งหน่วยงานเกี่ยวข้องต้องเร่งเดินหน้า “พัฒนาด้านความมั่นคงปลอดภัย”
ของไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ททท.กับทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจึงต้องทำแผนเร่งด่วนในการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยในมิติความมั่นคงและปลอดภัย
(Safety & Security) มุ่งเน้นวางแนวทางการให้สอดคล้องกับการจัดกิจกรรมของ
ททท. และแผนงานหรือโครงการของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวที่อาจบูรณาการร่วมกันได้ในอนาคต
ตลอดปี
2565 ททท.และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้ทำแผนบูรณาการร่วมกันเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยด้านความมั่นคงและปลอดภัยอย่างเป็นรูปธรรม
โดยกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้จัดกองกำลังตำรวจเพื่อตรวจตรา ดูแลความปลอดภัย
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของ ททท.ตลอดเดือนมิถุนายน 2565 เข้าร่วมดูแลกิจกรรมแข่งขันจักรยานทางไกล
Amazing Thailand Bike Ride กิจกรรม Multi Surf
Festival การแข่งขันไตรกีฬา Amazing Race Festival & Triathlon, กิจกรรม Amazing
Thailand City Run มันส์ ฟัน เวอร์ ยิ่งกว่าเดิม, Village Tourism Festival และ Amazing
Thai Taste
ขณะที่
ททท.
ได้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวในการเข้าร่วมกิจกรรมผ่านช่องทางสื่อต่าง
ๆ ควบคู่กับแอปพลิเคชัน Tourist Police I Lert U ของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว
ที่ใช้รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน เปิดให้นักท่องเที่ยวขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา
ททท.
เชื่อมั่นว่าความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้ประเทศไทย และสร้างความเชื่อมั่นด้านความมั่นคงและปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว
ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนต่อไป
ข่าวที่
5 “TCEB”ใส่เกียร์ลุยชิงหาเสียงรอบ2-3“Specialised Expo 2028”
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
“TCEB” เปิดเผยว่า แผนการชิงงาน Specialised Expo
2028 เข้ามาจัดในประเทศไทยให้ได้อีก 6 ปีข้างหน้าที่จังหวัดภูเก็ตปี
2571 หลังผ่านพ้นการเสนอข้อมูลรอบแรกที่กรุงปารีส ต่อคณะกรรมการ
BIE : Bureau International des Expositions ขั้นตอนต่อไป ในวันที่ 25-29 กรกฎาคม 2565 ตัวแทนคณะกรรมการจากทั้ง 7 ประเทศ
ผู้รับผิดชอบคัดเลือกเจ้าภาพ
เตรียมเดินทางมาประเทศไทยโดยจะเข้าพบ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”
นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
กำกับดูแลทีเส็บ
และรัฐมนตรีของไทยเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมสนับสนุนการจัดงานดังกล่าว
แล้วคณะกรรมการ
BIE ชุดดังกล่าว มีกำหนดการเดินทางต่อไปยังภูเก็ตเพื่อสำรวจพื้นที่ก่อสร้างสถานที่จัดงาน
รวมทั้งโรงแรมที่จะรองรับผู้เข้าร่วมงาน
ซึ่งไทยมีที่พักอย่างหลากหลายให้เลือกได้ตามต้องการทุกระดับ
ขณะที่จังหวัดภูเก็ตตั้งเป้าจะใช้งานนี้แปลงโฉมจุดขายใหม่ทำให้ภูเก็ต
เป็น World Medical Hub พร้อมกับพัฒนากระบี่ พังงา
เชื่อมโยงทำเป็น “Andaman Wellness Medical Hub” พร้อม ๆ
กับจะใช้งานระดับโลกรายการนี้ดึงเม็ดเงินจากการเลือกจัดนอกฤดูท่องเที่ยวกระจายทั่วพื้นที่
ตามแผนหากไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจะจัดงานระหว่างวันที่
20 มีนาคม -17 มิถุนายน 2571
สร้างเม็ดเงินตรงเข้าระบบเศรษฐกิจประเทศรวมกว่า 49,000 ล้านบาท ดึงดูดผู้เข้าร่วมงานได้กว่า 9 ล้านคน-ครั้ง
เนื่องจากสถิติปัจจุบันไทยที่ได้รับการจัดให้เป็นประเทศเมดิคัลอันดับ
5 ของโลก
เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้การเดินหน้าสร้างสุขภาพอย่างยั่งยืนได้อย่างราบรื่น
รวมทั้งยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ SDGs : Sustainable
Development Goals ขององค์การสหประชาชาติ รวมทั้งในช่วงจัดงาน Specialised
Expo 2028
ไทยจะได้รณรงค์และแสดงให้ทุกประเทศที่ลงทะเบียนร่วมเปิดพาวิลเลี่ยน
ได้เห็นถึงอนาคตการดูแลสุขภาพอย่างสมดุลด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และอื่น ๆ
ที่จะเกิดขึ้นพร้อมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ของภูมิภาคเอเชียด้วย
นายจิรุตถ์กล่าวว่า
การนำเสนอแผนประมูลงาน Specialised
Expo 2028 “รอบสอง” จะเกิดขึ้นช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 ไทยและคู่แข่งทุกประเทศจะต้องลงลึกในรายละเอียดถึงโครงสร้างสถานที่จัดงาน
รูปแบบการใช้งานแต่ละส่วนในอาคาร
และรูปแบบการจัดงานอย่างสมบูรณ์แบบให้ได้มากที่สุด เพื่อติดตามผล “รอบสาม”
ในเดือนกันยายน 2566 ทางคณะกรรมการ BIE จึงจะประกาศผลการตัดสินว่าประเทศใดจะได้รับการคัดเลือกเป็นเจ้าภาพต่อไป
ไฮไลต์การชิงงานมาจัดในไทยให้ได้เรื่องสำคัญที่สุด
ทีมไทยแลนด์จะต้องต้องเร่งทำงานอย่างหนักต่อไปคือ “ล็อบบี้หรือหาเสียง”
กับสมาชิกกว่า 171 ประเทศ
เฉพาะในทวีปแอฟริกามี 54 ประเทศ
ทางสาธารณรัฐประชาชนจีนสนับสนุนไทย
โดยมีกระทรวงการต่างประเทศกับทางเอกอัครฑูตไทยกรุงปารีส ฑูตพาณิชย์ไทยในฝรั่งเศส
เข้ามาช่วยอย่างเต็มที่ โดยได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมารับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากในรอบแรกประเมินผลแล้วประเทศไทยนำเสนอธีม
“Future of Life- living in harmony,
sharing prosperity” มีโอกาสที่ดีไม่เป็นรองประเทศคู่แข่งทั้ง อเมริกา เซอร์เบีย สเปน
อาร์เจนตินา เพราะเนื้อหาสามารถตอบโจทย์องค์การสหประชาชาติเรื่อง SDGs และ Human Capility
รวมถึง
“ไทย” ยังเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่นำเสนอธีม “Future of Life- living in harmony, sharing
prosperity” เน้นวางแผนการใช้ชีวิตของมนุษย์บนโลกอนาคตอาจจะต้องเผชิญปัญหาทั้งสงคราม
ความขัดแย้ง โรคภัยต่าง ๆ ดังนั้นจึงเน้นเรื่อง “ชีวิตสมดุล” เน้นการสร้างสุขภาพที่ดีหรือWell being สอดคล้องกับในปี คศ.2030 หรือ พ.ศ.2573 ทางองค์การสหประชาชาติ (United
Nation) ตั้งเป้าให้เป็นปีแห่งการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน หรือ
SDGs : Sustainable Development Goals
ตอบโจทย์คณะกรรมการ
BIE : Bureau International des Expositions ได้กำหนดโจทย์หลักเพื่อใช้เป็นเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกประเทศที่เหมาะสมจะได้เป็นเจ้าภาพ
Specialised Expo 2028 หลังเสร็จสิ้นการจัดงานแล้ว
ประเทศที่ได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพ
มีแผนบริหารจัดการพื้นที่จัดงานขนาดใหญ่เพื่อใช้ประโยชน์อย่างไรต่อไป นั้น “ประเทศไทย” ได้นำเสนอจุดแข็ง 2 ปัจจัยบวก
ได้แก่
ปัจจัยที่ 1 -เลือกใช้พื้นที่ที่จะลงทุนพัฒนาเป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพองค์รวม : Wellness Center อยู่แล้ว
เป็นของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กระทรวงสาธารณสุข
ขณะนี้อยู่ระหว่างเลือกแนวทางจะร่วมทุนกับเอกชนรายอื่นหรือลงทุนเองทั้งหมด
เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอนาคตต่อไป
ปัจจัยที่ 2 ทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม (สศช./สภาพัฒน์)
ประกาศสนับสนุนภูเก็ตเป็นเมืองสุขภาพยั่งยืนเป็นศูนย์กลางสุขภาพโลก : World Medical Hub
ข่าวที่
6 บางจากปิ๊งดึงแฟรนไชส์ซับเวย์ปั๊มยอดNonOilทั่วไทย50สาขา
นายสมชัย เตชะวณิช
ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากฯ จับมือกับ บริษัท อะเบาท์ แพสชั่น
จํากัด รุกพัฒนาขยายธุรกิจสินค้าและบริการหรือ Non-Oil
Offering ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก เพิ่มความหลากหลายพร้อมตอบโจทย์ผู้ใช้บริการมากขึ้น
โดยใช้จุดแข็งของ
บริษัท อะเบาท์ แพสชั่น จำกัด เจ้าของสิทธิ์การขายสินค้าแบรนด์ “ซับเวย์” แซนวิชสายสุขภาพแถวหน้าของประเทศรายเดียวในเมืองไทยหรือ
Master Franchise ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจอาหารบริการด่วน
(QSR)“
ตั้งเป้าปี
2566 จะขยายสาขาซับเวย์ตามสถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศให้ได้กว่า
50 สาขา สอดคล้องตามแนวคิด Greenovative
Destination ในการสร้างแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าทุกวัย
ทำให้ปั๊มบางจากกลายเป็นจุดหมายปลายทางบริการครบวงจร กระจายทั่วประเทศนำร่อง 50
สาขา ควบคู่กับเพิ่มฐานลูกค้าในกรุงเทพฯ พื้นที่รอบปริมณฑล และจังหวัดเด่น
ๆ ทางท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี ภูเก็ต
โดยเลือกทำเลทองในสถานีบริการน้ำมันบางจากตามเมืองหลักและเมืองท่องเที่ยวทำให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย
มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมอยู่แล้ว เช่น ร้านกาแฟอินทนิล ลานจอดรถ ห้องน้ำ สะอาด จุดชาร์ต
EV charger สร้างแรงจูงใจให้พันธมิตรสนใจเข้ามาลงทุนธุรกิจด้วย
เช่น สตรีตฟู้ดร้านดังรสเด็ด อาหารแกร็ป แอนด์ โก และอาหารสไตล์ QSR ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วิถีชีวิตใหม่ของคนส่วนใหญ่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว
ใส่ใจสุขภาพ เพิ่มมากขึ้นทุกปี
ช่วงที่ 2
ล่องใต้ไปเที่ยวธรรมชาติงานเทศกาล “โหยหา บาโหย” อ.สะบ้าย้อย ดินแดนอัญมณีสีเขียว อุทยานแห่งชาติสันกาลาคีรี สัมผัสวิถีชีวิตและกิจกรรมอันหลากหลาย
เล่นน้ำใส ชมธรรมชาติ เที่ยวสวนผลไม้ แล้วมาฟัง “5โรควิตกกังวล”
ภัยเงียบที่ต้องระวัง และข่าวฮ็อต ข่าวแรก “ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์”
เปิดบินญ่ปุ่นเต็มรูปแบบ ก.ค.นี้ ข่าวที่สอง “สิงคโปร์แอร์ไลน์ส” รุกบินโกยตลาด
ญี่ปุ่น-อินเดีย-อเมริกา-ฝรั่งเศส
ท่องเที่ยว
-แหล่งใต้ไปชุมชนธรรมชาติ“โหยหา บาโหย”สันกาลาคีรีสงขลา
หน้าฝนกรกฎาคมนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนเที่ยวสงขลาช่วงวันหยุดยาวสัมผัสวิถีความมหัศจรรย์
“โหยหา บาโหย” อุทยานแห่งชาติสันกาลาคีรีและชุมชนท่องเที่ยวบาโหย
อำเภอสะบ้าย้อย เตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวในโอกาสพิเศษตลอดงาน 12 – 17 กรกฎาคม 2565
นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปจะต้องตื่นตาตื่นใจกับวิถีแห่งชุมชน “บาโหย”
ที่ได้เปิดแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและเกษตรซึ่งได้ชื่อว่าเป็น
“อัญมณีสีเขียวแห่งเทือกเขาสันกาลาคีรี” โอบล้อมด้วยลำธารต้นน้ำแหล่งอาหารจานเด็ดกับสวนผลไม้นานาชนิด
“บาโหย” เป็นชุมชนตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาสันกาลาคีรีรอยต่อพรมแดนไทย
- มาเลเซีย มีลำธารต้นน้ำของคลองเทพา น้ำใสคล้ายน้ำตกมีสีเขียวแกมฟ้า
แนะนำให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำได้อย่างสบายใจ
ในชุมชนกับ อบต.บาโหยรังสรร “กิจกรรม” โดยเริ่มทำแคมเปญ
“โหยหาบาโหย” ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้สนุกสนานกับกิจกรรมมากมาย ทั้งการลงเล่นน้ำในลำธาร
ชวนกันไปปิกนิกริมน้ำ พายเรือ เดินป่า ดูนก เที่ยวสวนผลไม้
หากไปเที่ยวงานวันแรก จะได้ชมการประกวดทุเรียนต้นน้ำ
แข่งขันพายเรือคยัค มวยทะเล การแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น
นิทรรศการเส้นทางท่องเที่ยวและวิถีบาโหย การออกร้านจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร
ผลิตภัณฑ์ชุมชน และอาหารพื้นบ้านภายในอุทยานแห่งชาติสันกาลาคีรี
ส่วนนักท่องเที่ยวพักค้างแรมสามารถเล่นน้ำได้คือ “สบายดีริมคลอง” มีที่พักใหม่
ๆ ช่วยให้ชาวบ้านที่ทำอาชีพเกษตรเป็นหลัก
หันมาเปิดจุดเล่นน้ำพร้อมที่พักมากขึ้นเรื่อย ๆ ในบริเวณที่ดินติดริมน้ำ
บนเนินเขาซึ่งมีภูมิทัศน์สวยงาม
รวมทั้งสวนผลไม้พอมีนักท่องเที่ยวก็ขายได้ราคาดีขึ้น
ตอนนี้จึงนำร่องจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนตลาดคลองเต่าเพื่อดูแลรับผิดชอบทำอาหารบริการนักท่องเที่ยวเพิ่มอีกช่องทาง
ควบคู่การทำผลิตภัณฑ์ชุมชนของที่ระลึกขายมีรายได้มากขึ้นด้วย
ทางอุทยานแห่งชาติสันกาลาคีรี
ได้เตรียมกิจกรรมสุดปังรอรับนักท่องเที่ยวช่วง 16 – 17 กรกฎาคม 2565
ทำค่ายเยาวชนดูนกกับสื่ออาสาโหยหาบาโหย โดยจะปรับปรุง ภูมิทัศน์
ป้ายชี้ทาง จุดเช็คอิน
อบรมแนะนำเรื่องการใช้สื่อออนไลน์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวให้เยาวชน
ผู้ประกอบการ และผู้สนใจ และจัดประกวดภาพถ่าย ข่าว บทความท่องเที่ยวบาโหย
วันหยุดนี้มีโอกาสต้องห้ามพลาดเที่ยวเทศกาล
“โหยหา บาโหย” อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา สนุกและมีความสุข เมืองไทย ยิ่งเที่ยว
ยิ่งให้ ยิ่งได้ ประโยชน์ทุกฝ่าย ออกมาเที่ยวกันเถอะ
สุขภาพ - 5 โรควิตกกังวลเช็คให้ชัวร์ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
ใครกำลังรู้สึกเครียด
ไม่สบายใจ หรือ กลัวเกินเหตุ ลองสังเกตตัวเองดูจากอาการที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น
เหงื่อตก ใจสั่น หรือ เป็นคนชอบย้ำคิดย้ำทำ เพราะหากมีอาการเหล่านี้
ลองมาเช็กให้ชัวร์ว่าคุณกำลังเข่าข่ายเสี่ยงเป็นโรควิตกกังวลหรือเปล่า? กลุ่มโรควิตกกังวลที่พบบ่อยมักจะเห็นได้จาก 5 อย่างนี้
คือ
1.
กังวลทั่วไป หรือโรคคิดมาก (Generalized Anxiety Disorder : GAD) ลักษณะอาการคือ คิดมากไปแทบทุกเรื่อง แม้พยายามจะห้ามไม่ให้คิดก็ทำไม่ได้ และมีอาการอ่อนเพลีย
ไม่มีสมาธิ นอนไม่หลับ อย่างน้อย 6 เดือน
2.
กลัว (Phobias) มีความกลัวอย่างมากต่อสิ่งๆหนึ่ง
แม้ความกลัวนั้นจะไม่มีเหตุผล เช่น กลัวที่แคบ กลัวลิฟท์ กลัวการขึ้นเครื่องบิน
เป็นต้น
3.
ตื่นตระหนก (Panic Disorder) มีอาการตื่นตระหนก ตกใจ ใจสั่น
หัวใจเต้นเร็ว แน่นหน้าอก มึนงง เหงื่อออก หายใจไม่อิ่ม
และมีความกังวลว่าอาการเหล่านี้จะกลับมาอีก
4.
กลัวสังคม (Social Anxiety Disorder) หลายคนมีอาการกลัวอย่างมากในการเข้าสังคม
พูดในที่ประชุม คุยกับกลุ่มคนแปลกหน้า จะเริ่มมีอาการเครียด วิตกทันที เมื่อมีกิจกรรมทางสังคม
และจะพยายามหลีกเลี่ยง
5.
กลัวการแยกจาก (Separation Anxiety Disorder) เป็นความวิตกกังวลที่เกินควรเกี่ยวกับการแยกจากบุคคลหรือสถานที่
ความวิตกกังวลเช่นนี้เป็นเรื่องปกติในพัฒนาการของทารกหรือเด็ก
เมื่อความรู้สึกนี้เกิดเกินควรจึงจะจัดว่าเป็นโรค โรคเกิดนี้เกิดกับผู้ใหญ่ประมาณ
7% และเด็ก 4% แต่ว่ากรณีเด็กมักจะรุนแรงกว่า ยกตัวอย่างเช่น การจากกันอย่างสั้นๆ
ทำให้เกิดความตื่นตระหนกได้
อาจดูเหมือนโรคนี้น่ากลัว
แต่คุณป้องกันได้ ง่ายๆ แค่ใช้ชีวิตอย่างมีสุข กินอาหารให้ครบ 5 หมู่
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ
หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย
นอกจากนี้ควรฝึกสติเพื่อรู้ทันอารมณ์ของตัวเองว่าความเครียดว่ามีมากเกินไปหรือไม่
รวมถึงการทำสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบอยู่กับปัจจุบันและให้สมองได้ผ่อนคลาย
รับรองสุขภาพดีทั้งกายใจห่างไกลโรคแน่นอน
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก-
ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์จัดเต็มบินใหม่ไทยสู่ญี่ปุ่นก.ค.-ต.ค.65
นายปฏิมา
จีระเเพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เปิดเผยว่า ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เริ่มกลับมาให้บริการเส้นทางบินตรง
ไป-กลับ ไทยกับญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่กรกฎาคม 2565 เริ่มจากการบิน
2 เที่ยว/สัปดาห์ จากนั้นจะเพิ่มความในเดือนสิงหาคม -กันยายน นี้ จะเพิ่มเป็น 4
เที่ยว/สัปดาห์ และเดือนตุลาคมนี้จะบินตรงทุกวันหรือ daily flight 7
เที่ยว/สัปดาห์
การทยอยเพิ่มความถี่เที่ยวบินได้ปฏิบัติตามนโยบายการเปิดรับนักท่องเที่ยวตามประกาศของรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นสไทยแอร์เอเชีย
เอ็กซ์ จึงได้เปิดบินตรงเดือนตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ด้วยเที่ยวบิน ไป-กลับ ระหว่าง กรุงเทพ
(สุวรรณภูมิ) สู่เมืองโอซาก้า และเมืองซัปโปโร พร้อมให้บริการอย่างเต็มที่ด้วยมาตรการด้านสุขอนามัย
ทั้งนี้
การเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ใหม่ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2565 รหัสเที่ยวบินแรก XJ600
สุวรรณภูมิ-โตเกียว
มีผู้โดยสารกลุ่มเดินทางเป็นหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนเที่ยวบินขาเข้าไทย XJ 601
โตเกียว-สุวรรณภูมิ ร่วมกับสนามบินสุวรรณภูมิจัดพิธีต้อนรับผู้โดยสารขาเข้าอย่างอบอุ่นรวม
126 คน
ข่าวที่สอง-สิงคโปร์แอร์ชิงเปิดบินโกยตลาด“ญี่ปุ่น-อินเดีย-อเมริกา-ยุโรป”
นายโจแอน ตัน (JoAnn Tan) รองประธานอาวุโส ฝ่ายวางแผนการตลาด สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส (SIA) เปิดเผยว่า
เดินหน้ากลับมาเพิ่มบริการเปิดบินตรงอีกครั้งตอบสนองความต้องการเดินทางอากาศที่เพิ่มมากขึ้น
โดยเล็งไปยังตลาดสำคัญ ด้วยเที่ยวบิน ไป-กลับ สนามบินนานาชาติ ชางยี สิงคโปร์
สู่หลายเมืองในประเทศปลายทางหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น อินเดีย ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และปารีส ฝรั่งเศส
พร้อมกับเพิ่มทางเลือกและยืดหยุ่นให้บริการช่วง Northern Winter ระหว่าง 30 ตุลาคม 2565-25 มีนาคม 2566 ควบคู่กับการเปลี่ยนแปลงส่วนอื่น ๆ
ในเครือข่ายสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส และสกู๊ตแอร์ไลน์ ตั้งเป้าภายในเดือนธันวาคม 2565
จะทำอัตราการบรรทุกผู้โดยสารกลับมาให้ได้รวมประมาณ 81% ของช่วงเดียวกันกันปีก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
ซึ่งทางกลุ่ม SIA เน้น
“ตลาดญี่ปุ่น” โดยการทำงานใกล้ชิดกับพันธมิตรเพื่อตอบสนองความต้องการในการเดินทางทางอากาศด้วยข้อกำหนดมาตรการผ่อนคลายเข้าประเทศ
เช่นเดียวกับ “ตลาดอินเดีย” ออกเดินทางเข้าและออกไปยังเมืองต่ าง ๆ ภายในเครือข่ายจึงได้หันมาสนับสนุนการบริการเพิ่มขึ้นด้วย
ตามแผนการบินช่วง Northern Winter ทางกลุ่ม SIA ได้เพิ่
มทางเลือกเที่ยวบินมากขึ้นให้ลูกค้าที่กำลังวางแผนการเดินทางอีกอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ไป-กลับ เริ่มตั้งแต่ 24 กรกฎาคม นี้ 1.ญี่ปุ่น ด้วยเที่ยวบิน SQ634 สู่ โตเกียว (สนามบินฮาเนดะ) และ SQ638 โตเกียว
(สนาบินนาริตะ) เที่ยวบิน SQ636 บินทุกวันสู่โตเกียว
(ฮาเนดะ) จะกลับมาบินอีกครั้งเริ่ม 30 ตุลาคม 2565 ทำให้โตเกียวมีบริการสูงถึง 28
เที่ยว/สัปดาห์
เที่ยวบิน SQ618 จากสิงคโปร์ สู่ โอซาก้า
(ญี่ปุ่น) จะกลับมาบินเริ่ม 30 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ทำให้การบริการ
ระหว่างสิงคโปร์-โอซาก้าเป็น 2 เที่ยว/วัน
เที่ยวบิน SQ656 สู่เมืองฟูกูโอกะจะเพิ่มขึ้นเป็น
3 เที่ยว/สัปดาห์ และเมืองนาโกย่า 3
เที่ยว/สัปดาห์ SIA จะให้บริการถึง 62%
ของกำลังทางการบินจากระดับ ก่อนโควิดไปยังญี่ปุ่นภายในวันที่30 ตุลาคม 2565
“อินเดีย”
เตรียมบินสู่เมืองต่าง ๆ ให้ครบเกือบ 100 % ภายใน 30 ตุลาคม 2565
เตรียมบินสู่เมืองเชนไน จะเพิ่มขึ้นจาก
10 เที่ยว/สัปดาห์ เมืองโคชิเพิ่มเป็น 14 เที่ยว/สัปดาห์ จากปัจจุบันมี 7 เที่ยว/สัปดาห์
เมืองเบงกาลูรูจะเพิ่มเป็น 16 เที่ยว/สัปดาห์ จากปัจจุบัน 7 เที่ยว/สัปดาห์
“สหรัฐอเมริกา” เริ่มตั้งแต่ 30 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป
SQ36 เที่ยวบินเพิ่มเติมบินตรงทุกวันไปยัง
เมืองลอสแอนเจลิส จากปกติมีเที่ยวบิน SQ38 บริการ 21 เที่ยว/สัปดาห์
รวมเที่ยวบินแวะพักผ่านโตเกียว (นาริตะ)
ทุกวัน เพิ่มจากปัจจุบันมี 17 เที่ยว/สัปดาห์
สำหรับ เมืองแวนคูเวอร์ (แคนาดา) ให้บริการใน Northern Winter ด้วยรหัสเที่ยวบินSQ48 ให้บริการ 3 เที่ยว/สัปดาห์
“ฝรั่งเศส” เริ่มตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป SQ332 สิงคโปร์สู่เมืองปารีส
จะให้บริการ 5 เที่ยว/สัปดาห์ เพิ่มจากปัจจุบัน 3 เที่ยว/สัปดาห์ เสริมกับ SQ336 จะเพิ่มเป็น 12 เที่ยว/สัปดาห์ จากปัจจุบัน 7 เที่ยว/สัปดาห์
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น