“สุวรรณภูมิ”จัดทัพใหม่ผู้โดยสารพุ่ง3หมื่นคน/วันต้อนรับ5สัญญาณดี เที่ยวบินพุ่งวันละ222เที่ยว3หมื่นคนระดมทุกหน่วยรับมือวันหยุดยาว ร้านค้าช้อปปิ้ง-ร้านอาหาร/เครื่องดื่มเปิด100%ดันเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็ว
“สุวรรณภูมิ”จัดทัพใหม่ผู้โดยสารพุ่ง3หมื่นคน/วันต้อนรับ5สัญญาณดี
เที่ยวบินพุ่งวันละ222เที่ยว3หมื่นคนระดมทุกหน่วยรับมือวันหยุดยาว
ร้านค้าช้อปปิ้ง-ร้านอาหาร/เครื่องดื่มเปิด100%ดันเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็ว
คิงเพาเวอร์เปิดห้องอาหารโอโฮแม็กซิกันรร.เดอะสแตนดาร์ดแบงค็อก
“คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ” จัดเต็มอิ่มอร่อยกับร้านดังก่อนบินได้ทุกเวลา
ททท.ปลุกธุรกิจหัวหิน-ชะอำรุกปั้นแบรนด์&ฮับโกยตลาดเที่ยวสุขภาพ
“TCEB”สร้างชื่อเข้าไทยนำMICE Winnovationคว้าแชมป์โลกงานUFI
บางจากฯทำเกาะหมากโลว์คาร์บอนโมเดลชวนดูแลโลกยั่งยืนได้ง่ายๆ
เที่ยวญี่ปุ่นเมืองไทยในอยุธยาขอพรจากดวงดาวเทศกาลTANABATA
4 อาหารบำรุงกระดูก หารับประทานได้ง่ายและทำกินเองได้ที่บ้าน
โรงแรมอลอฟท์สุขุมวิทจัดโปรSavor + Staycationคืนละ3,399บาท
เอ็มเจ็ทไทยร่วมทุนเซอร์ซอลมาเลย์นำไพรเวทเจ็ทผงาดขึ้นฮับเอเชีย
วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม
2565 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
#TCEB #บางจาก #
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...
ช่วงที่
1 เปิดประตูประเทศครั้งใหม่กับ
“กิตติพงศ์ กิตติขจร” ผู้อำนวยการสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท./AOT เปิด 5 สัญญาณดี
“ผู้โดยสาร” พุ่งเกือบวันละ 30,000 คน
เที่ยวบินอินเตอร์วันละ 222 เที่ยว ทุกหน่วยยกเครื่องบริการใหม่
บรรยากาศธุรกิจคึกคัก เพิ่มสตาฟเคาน์เตอร์เช็คอิน+คีออสต์เช็คตั๋ว/พาสปอร์ต/โหลดกระเป๋าอัตโนมัตกว่า80เครื่อง
โซนแอร์ไซด์ “ร้านค้า-ร้านอาหาร/เครื่องดื่ม” เปิดพรึบ 100 % ใส่สีสันใหม่เลาจน์
Common Use ใคร ๆ
ก็ใช้ได้ 4 จุด
เตรียมเปิด ส.ค.65
ในลานบินกำกับการบินไทย BFS
ห้ามพลาดเรื่องขนถ่ายกระเป๋าขึ้นลงเครื่องห้ามตกค้าง และก.ค.นี้
มีวันหยุดเพียบแนะเตรียมพร้อม 3 เรื่อง
“เอกสารตามเงื่อนไขประเทศปลายทาง-เผื่อเวลา-สวมมาสต์ในสนามบิน”
นายกิตติพงศ์
กิตติขจร ผู้อำนวยการสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ บริษัท
ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท./AOT” เปิดเผยว่า
การเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกหลังจากรัฐบาลให้เปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบเริ่มตั้งแต่
1 กรกฎาคม
2565
เป็นต้นมา ขณะนี้สนามบินสุวรรณกลับสู่สภาพปกติแล้วเสมือนก่อนจะเกิดโควิด-19 อย่างเห็นได้ชัด
พร้อม ๆ กับได้วางกลยุทธ์บริการนักเดินทางทั้งในประเทศและระหว่างประเทศให้ได้รับความสะดวกอย่างเต็มที่
5 ส่วนสำคัญด้วยกัน
คือ
ส่วนที่
1 “จำนวนผู้โดยสาร”
เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ผู้โดยสารขาเข้าประเทศมีวันละ 21,000-28,000 คน
สูงกว่าเดือนมิถุนายนมีประมาณวันละ 19,000-20,000 คน นับเป็นตัวเลขที่ส่งสัญญาณดีมากกับประเทศไทย
ขณะที่ “ปริมาณเที่ยวบิน”
ในสุวรรณภูมิ ภาพรวมหลัง 1
กรกฎาคม
2565
เป็นต้นมา มี “เที่ยวบินในประเทศ” เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 512 เที่ยว
จากเดิมมีประมาณ 200 เที่ยว
“เที่ยวบินระหว่างประเทศ” มีวันละ 222 เที่ยว เป็น “เที่ยวบินขาเข้าประเทศ 50 % ขาออก 50 %
จากการพูดคุยกับประธานสมาคมปฏิบัติการสายการบินนานาชาติประจำประเทศไทย
AOC :Airlines Operation
Committee ได้รับเสียงตอบรับได้ดี
การจองตั๋วเครื่องบินช่วงตารางบินหน้าหนาวฤดูเดินทางท่องเที่ยวของต่างชาติ
มียอดจองที่นั่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเริ่มตั้งแต่ 3 ตุลาคม
2565
เป็นต้นไป เป็นสัญญาณดีถึงการท่องเที่ยวของประเทศจะเริ่มขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับเรื่องค่าธรรมเนียมที่สุวรรณภูมิจะจัดเก็บจากผู้ประกอบการนั้น
ยังคงตรึงไว้เพื่อช่วยผู้ประกอบการในสุวรรณภูมิตามมติของคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท
ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
ส่วนที่
2 “หน่วยงานหลักทั้งหมด” ได้ปรับโฉมบริการใหม่
โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ด่านศุลกากร
ให้เพียงพอกับปริมาณผู้โดยสารที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนที่
3 “บรรยากาศของผู้ใช้บริการจับจ่ายใช้เงิน”
คึกคักมากขึ้น เป็นภาพที่ทุกฝ่ายต้องการเห็นมานานแล้ว
ส่วนที่
4 บริการเช็คอิน
เคาน์เตอร์ สายการบินทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริเวณชั้น
4 ของผู้โดยสารขาออก
เปิดให้บริการใช้แล้ว 100
% ต่างจากเดิมเปิดทีละครึ่งเท่านั้น
ประเด็นที่อาจจะกังวลกันอยู่บ้างคือเรื่อง “บุคลากรเคาน์เตอร์”
หลายสายการบินปรับกลยุทธ์เพิ่มจำนวนคนอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะกรกฎาคม 2565 ได้จัดประชุมกันเรียบร้อยเพื่อรับมือกับผู้โดยสารเดินทางวันหยุดที่มีจำนวนมากเป็นพิเศษ
ภายในสนามบินสุวรรณภูมิได้ติดตั้งตู้คีออสต์ (Kiosk) เช็คอินตั๋วเครื่องบินด้วยตนเองแบบอัตโนมัติ เพียงพอในช่วงอุตสาหกรรมการบินกำลังฟื้นตัวมีอยู่กว่า 80 เครื่อง เป็นบริการด้วยตนเองจัดตั้งไว้ตรงกลางอาคารผู้โดยสาร เพียงแค่ผู้โดยสารนำพาสปอร์ตไปแกนบาร์โค้ดที่ตู้ดังกล่าว ข้อมูลทั้งหมดก็จะบันทึกแล้วพิมพ์ “บัตรโดยสารขึ้นเครื่องบิน-Broading Pass” ทั้งเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ ออกมาโดยอัตโนมัติได้
ช่วงแรก ๆ ในการใช้คีออสต์เช็คอิน ทางสุวรรณภูมิจะจัดเจ้าหน้าที่ไว้คอยให้คำแนะนำ จากนั้นมั่นใจผู้โดยสารจะใช้เองได้เหมือนกับการใช้บริการระบบแบงกิ้งปัจจุบัน รวมทั้งยังสามารถโหลดกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติได้ด้วย
ขณะนี้ผู้โดยสารเริ่มนิยมใช้เครื่องคีออสต์เช็คอินพาสปอร์ตเดินทาง
กระเป๋าสัมภาระ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ตอบโจทย์เรื่องมาตรการความปลอดภัยด้านการรักษาระยะห่าง Social Distancing ได้เป็นอย่างดีด้วย
ส่วนที่ 5 บริการขนสัมภาระกระเป๋า ด้านในอาคารติดทางขึ้นเครื่องบิน (Airside) ตรงลานบินได้กำชับเรื่องเจ้าหน้าที่ขนถ่ายสัมภาระกระเป๋าผู้โดยสารขึ้นลงเครื่องแต่ละเที่ยวบิน หรือ GHS-Ground Handling Service มีผู้ให้บริการอยู่ 2 ราย ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท BFS -Bangkok Flight Services ได้เชิญมาพูดคุยกันเพื่อป้องกันเที่ยวบินล่าช้าแล้วห้ามทำให้กระเป๋าผู้โดยสารตกค้างโดยเด็ดขาด
นายกิตติพงศ์
กล่าวว่า “ร้านอาหารและเครื่องดื่ม” ในสนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 3 บริเวณด้านนอกแอร์ไซด์กลับมาเปิดบริการแล้วเกือบ
90 % ขณะนี้มีบางส่วนกำลังตกแต่งใหม่
และก่อนตารางบินฤดูหนาวเดือนตุลาคม 2565 นี้จะสามารถกลับมาให้บริการได้ครบ 100 %
ขณะที่
“พื้นที่แอร์ไซต์” บริเวณด้านในหลังตรวจหนังสือเดินทางเข้าไปข้างในแล้ว
บรรดาร้านค้าต่าง ๆ ทั้งร้านอาหาร ร้านช้อปปิ้ง เปิดครบแล้ว 100 %
โดยมีแบรนด์ระดับโลกสนใจมาสร้างสีสันใหม่ ๆ จำนวนเยอะมาก
ซึ่งทางผู้ได้รับสัมปทานได้เชิญชวนพันธมิตรเข้ามาสร้างภาพลักษณ์ใหม่ดีขึ้นหลังไทยเปิดประเทศต้อนรับนักเดินทางทั่วโลก
ในส่วนบริการเลาจน์ผู้โดยสารสุวรรณภูมิ แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทแรก-เลาจน์สายการบินนานาชาติ ทยอยเปิดตามปริมาณผู้โดยสารของตนเอง ประเภทที่สอง-เลาจน์บริการร่วมหรือ Common Use Louge ได้นำพื้นที่ของบางสายการบินคืนพื้นที่ให้ ทอท. เชิญชวนมีเอกชนรายใหม่ประมูลได้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังปรับและตกแต่งติดตั้งอุปกรณ์พร้อมจะเปิดบริการได้ประมาณเดือนสิงหาคม 2565 นักเดินทางทั่วไปสามารถจ่ายค่าบริการแล้วเข้าไปนั่งได้ ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันที่จะได้เห็นสุวรรณภูมิพัฒนาบริการในทางที่ดีขึ้น ขนาดพื้นที่รองรับได้ครั้งละร้อยคน เพราะมีกระจายอยู่ทั้งหมด 4 จุดด้วยกัน
นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า เดือนกรกฎาคม นี้ มีวันหยุดต่อเนื่องมากเป็นพิเศษ จึงขอให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางมาสนามบินสุวรรณภูมิ ปฏิบัติดังนี้ 1.เตรียมเอกสารปลายทางที่จะเดินทางไปจะต้องใช้เอกสารตามที่แต่ละประเทศกำหนดไว้ ประกอบด้วยอะไรบ้าง เมื่อมาถึงสนามบินพนักงานเคาน์เตอร์เช็คอินจะได้บริการอย่างสะดวกรวดเร็ว 2.เผื่อเวลาการเดินทางล่วงหน้าโดยเฉพาะวันหยุดยาวเพราะคิวเช็คอินจะค่อนข้างแน่นพอสมควร 3.ขอให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่เข้ามาอยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากมีผู้โดยสารอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก
เปิดบริการครบ100%แล้วตั้งแต่กรกฎาคม 2565เป็นต้นไป
-------------------------
อีกทั้งเมื่อเร็ว
ๆ นี้ กระทรวงคมนาคมมีโครงการ Moving All Together ซึ่งมีสนามบินสุวรรณภูมิเป็นประตูด่านแรกการเข้า-ออก
ประเทศ ผมในฐานะของผู้บริหารสนามบินสุวรรณภูมิมีนโยบายให้พนักงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องปฏิบัติหน้าที่ให้บริการเป็นอย่างดีที่สุด
เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัยให้ผู้โดยสารที่มาใช้พื้นที่สนามบิน
และจะต้องเกิดความประทับใจกับทุกคน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์เปิดห้องอาหารโอโฮแม็กซิกันรร.เดอะสแตนดาร์ดแบงค็อก
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เตรียมตัวนับถอยหลัง! เปิดบริการโรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร ในคิง เพาเวอร์ มหานคร อย่างเป็นทางการวันที่ 29 กรกฎาคม 2565 ด้วยแม่เหล็กดึงผู้ใช้บริการหลากหลายทั้งห้องอาหารและรูฟท็อปบาร์สูงที่สุดในประเทศไทย พร้อมโปรโมชั่นเปิดตัวสุดปังกับแพ็กเกจ Bite into Bangkok รวมทั้งห้องพักและเครดิตการใช้ภายในโรงแรมสูงสุดถึง 5,000 บาท จองได้แล้ววันนี้ที่ https://bit.ly/3AsHQQa หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มผ่านทาง LINE OA ได้ที่ @thestandardbangkok
เดือนกรกฎาคม 2565 นี้ ได้เปิดห้องอาหารเม็กซิกัน “โอโฮ/Ojo” โดยจับมือกับสุดยอดเชฟมากรางวัลจากดินแดนต้นตำรับ “นายฟรานซิสโก ปาโก รูอาโน” (Francisco “Paco” Ruano ) มารังสรรค์อาหารเม็กซิกันต้นตำรับ บนชั้น 76 ของโรงแรมเปิดทุกวัน 2 มื้อ กลางวัน 11.30 – 14.30 น. และค่ำ 17.30-24.00 น.
เมนูแนะนำเริ่มจาก “อาหารทานเล่น” อย่าง Ojo Guacamole with Corn Tostadas แผ่นตอร์ติยาโฮมเมดบางกรอบ รับประทานคู่กัวคาโมเลฉบับโอโฮ Aguachile with Fresh Tiger Prawns อากวาชิเลหรือน้ำพริกแบบเม็กซิกันแท้ ๆ ใช้กุ้งลายเสือท็อปด้วยแตงกวาฝาน และพริกเขียว Coconut Ceviche มะพร้าวอ่อนนำมาปรุงสไตล์เซวิชเช่ เสิร์ฟคู่ถั่วเหลืองหมัก นมมะพร้าวและพริกเหลือง
ต่อด้วย “เมนูหลัก” Chicken and Green Mole หรือไก่เสิร์ฟพร้อมซอส Mole สูตรลับฉบับเม็กซิกัน Fish Zarandeado ปลาย่างเตาไม้พิเศษ รับประทานกับเลมอนนำไปกริลล์ช่วยชูรสให้เข้ากัน และ Slow-cooked Short Rib Birria ซี่โครงย่างรสชาติกลมกล่อมที่เชฟนำไปสโลว์คุกจนเนื้อนุ่มละลาย ไม่เพียงเท่านี้ เมนูของหวานอย่าง เค้กสามนม (Tres Leches Sponge Cake) เค้กดั้งเดิมสไตล์เม็กซิกัน เนื้อนุ่มหนึบหนับ และ Dark Chocolate Tamal ดาร์กช็อกโกแลตทามาล จะช่วยเติมเต็มมื้อแสนพิเศษได้อย่างดีเยี่ยม
ด้วยเชฟปาโกที่มอบความใส่ใจในทุกรายละเอียดในการสร้างสรรค์เมนูอาหารเม็กซิกัน หลากหลายโปรแกรมเครื่องดื่ม บวกกับการตกแต่งห้องอาหารอันยอดเยี่ยมจากคุณอู้ ตลอดจนสถาปัตยกรรมและวิวเมืองอันตระการตาของ คิง เพาเวอร์ มหานคร จึงมั่นใจได้ว่า ห้องอาหารโอโฮให้ความสำคัญกับทุกองค์ประกอบอย่างแท้จริง และถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ควรค่าแก่การมาเยือนเทียบเคียง Boom Boom Room อันโด่งดังที่ The Standard, High Line มหานครนิวยอร์ก และอีกหนึ่งสุดยอดฮอตสปอตที่ถูกให้เป็นหนึ่งในรูฟท็อปที่ดีที่สุดในโลกอย่าง Decimo ที่กรุงลอนดอน
อีกทั้งยังมี “เชฟ เดอ คูซีน - อลอนโซ ลูนา ซาเรท/Alonso Luna Zarate มาต่อยอดความคิดสร้างสรรค์คัดเลือกวัตถุดิบดีที่สุด
ทำงานใกล้ชิดกับเกษตรกร ชาวประมง หรือซัปพลายเออร์ในไทย ดูแลทีมที่ห้องอาหารโอโฮสร้างความมั่นใจให้ทุกคนได้ลิ้มรสมื้ออร่อยนี้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดในห้องอาหารของโรงแรม
เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก
ข่าวที่ 2 “คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ” จัดเต็มอิ่มอร่อยกับร้านดังก่อนบินได้ทุกเวลา
“คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ” เพื่อให้ทุกการเดินทางของทุกคนสมบูรณ์แบบ จึงได้รวบรวมร้านอร่อยดัง ๆ มาให้อิ่มท้องก่อนเดินทางกับอาหารและเครื่องดื่มเมนูโปรด ทั้งอาหารไทย นานาชาติ ฟาสต์ฟู้ด คาเฟ่ และเครื่องดื่มนานาชนิด
เริ่มต้นที่อาหารไทยต้นตำรับโซน “ไทย สตรีท ฟู้ด” กับเมนูเด็ดอย่าง ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก ส้มตำ คอหมูย่าง ข้าวมันไก่ หรือ อาหารญ่ปุ่นที่ KOSUKE Japanese Restaurant กับเมนูราเมงเนื้อวากิว ข้าวหน้าปลาแซลมอน ชุดนิกิริเดอลุกซ์ และสายชิลแวะจิบกาแฟรองท้องด้วยเมนูเบา ๆ ได้ที่ Coffee World และอีกหลายร้านพร้อมเสิร์ฟความอร่อยก่อนบิน ไม่ว่าจะเป็น Kin Japanese Restaurant & Ramen, S&P, Kanom, The Villa Halal, Upper Crust, McDonald’s, Camden Food co., Burger King, Dairy Queen, One Minute Gourmet, Taco Bell, Top Ten, Rees หรือ Subway
ระหว่างรอจะบินไปที่ไหนก็อิ่มอร่อยได้ที่ “คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ” มีร้านอาหารและเครื่องดื่มบริการครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้งโถงภายในและภายนอกอาคารผู้โดยสาร
รวมทั้ง
คิง เพาเวอร์ มอบความสะดวกสบายให้นักเดินทางด้วยบริการใหม่ KING POWER
CLICK & COLLECT ตอบโจทย์การท่องเที่ยวและการช้อปปิ้งยุคใหม่ อย่างสะดวก
รวดเร็ว จากที่ไหนก็ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เลือกช้อปสินค้า
ดิวตี้ ฟรี www.kingpower.com ในระบบออนไลน์ สามารถรับของง่ายขึ้นที่สนามบินทั้งขาเข้า-ขาออก
ช้อปปิ้งได้จนถึง 2 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนออกเดินทาง
ข่าวที่ 3
ททท.ปลุกเอกชนหัวหิน-ชะอำรุกปั้นแบรนด์&ฮับโกยตลาดเที่ยวสุขภาพ
นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ได้จัดโครงการอบรม “Amazing
Thailand Wellness City @ Cha-am & HuaHin” ให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพใน
2 จังหวัด
คือ เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Thailand Wellness Sandbox) ในพื้นที่นำร่องอำเภอหัวหิน
ประจวบคีรีขันธ์ และอำเภอชะอำ เพชรบุรี รวมถึงปรับภาพลักษณ์และสร้างแบรนด์สินค้าแหล่งสู่การเป็นจุดหมายปลายทางศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
(Health & Wellness
Destination) ให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากล
ตามที่คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป
ภาคธุรกิจจะหันมาพัฒนาสินค้าเชิงสุขภาพแห่งใหม่
พลิกฟื้นการท่องเที่ยวด้วยกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพจากการนำเสนอสินค้าและบริการที่มีมาตรฐาน
ททท. เชื่อมั่นการทำนำร่องโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพนี้
จะเป็นจุดเริ่มสำคัญในการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ ๆ
เพื่อให้แต่ละภาคส่วนนำไปประยุกต์ใช้ พิจารณาพื้นที่ต่างๆ เพิ่มเติมในอนาคต ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ส่งเสริมการพัฒนาจากแนวคิด ความต้องการของประชาชนและท้องถิ่น เพิ่มโอกาสการกระจายความเจริญต่อไป
นายนิธีกล่าวว่า การจัดอบรมครั้งนี้ ทางศูนย์พัฒนาวิชาการด้านตลาดการท่องเที่ยว
ททท. หรือ TAT Academy สนับสนุนการเพิ่มขีดความความสามารถให้บุคลากรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพรวม
86 คน
เพื่อสร้างความเข้าใจและ เตรียมความพร้อมของสถานประกอบการร่วมกันยกระดับความสามารถแข่งขันในระดับโลก
โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของเมืองไทยมาร่วมให้ความรู้ ได้แก่ คุณปรมา
ทิพย์ธนทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเทรนด์และการออกแบบ Baramizi Lab มาแบ่งปันข้อมูลเทรนด์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยุคหลังโควิด-19 คุณอภิชัย เจียรอดิศักดิ์
ที่ปรึกษาสมาพันธ์สปาไทย ร่วมให้ความรู้และแนวทางการพัฒนามาตรฐานคุณภาพและบริการเพื่อรองรับตลาดคนไทยและต่างชาติ
รวมถึงผู้บริหารจากธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเข้าร่วมแบ่งปันประสบการณ์ทำธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้นการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดเมื่อเกิดภาวะวิกฤตและแผนการตลาดในอนาคตที่จะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในเร็ววันนี้
ข่าวที่ 4“TCEB”สร้างชื่อเข้าไทยนำMICE Winnovationคว้าแชมป์โลกงานUFI
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บ นำโครงการ MICE Winnovation ที่สามารถช่วยผู้ประกอบการธุรกิจยกระดับการจัดงานฝ่าวิกฤตสถานการณ์โควิด
19 ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี
คว้ารางวัลชนะเลิศด้านการตลาดระดับโลก UFI Marketing Awards 2022 จากสมาคมการแสดงสินค้าโลก ในงาน UFI Awards and Competitionsโดยได้ส่งผลงานเข้าแข่งขันจนเข้ารอบสุดท้ายการจัดประกวดงานประชุม
UFI European Conference
2022 ณ
เมืองพอซนัน ประเทศโปแลนด์ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 มีผู้ส่งผลงานประกวดจากทั่วโลกรวมทั้งมีผู้ผ่านเข้ารอบ 3 ทีมสุดท้าย ได้แก่ ประเทศไทย สเปน และ
สาธารณรัฐประชาชนจีน
ทีเส็บได้ริเริ่มทำโครงการ MICE Winnovation โดยเน้นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันระดับประเทศและนานาชาติ
กระทั่งปี 2565
สร้างผลงานคว้ารางวัลชนะเลิศสาขาการตลาดดังกล่าว
แสดงศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยในเวทีโลกของไทยที่มีทั้งความสง่างามและความสำเร็จเกิดขึ้น
การได้รับรางวัล UFI 2022 Marketing Awards จะยิ่งเป็นพลังผลักดันให้ทีเส็บมุ่งมั่นจะสนับสนุนการพัฒนาและส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้จัดงาน
ทำให้อุตสาหกรรมไมซ์เติบโต ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้จริง
พร้อม ๆ กับช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นกลับมาโดยเร็วที่สุด
นายจิรุตถ์ยืนยันว่าในสถานการณ์โรคโควิด-19
โครงการ MICE
Winnovation ได้ทำหน้าที่สำคัญในการเป็น
“แพลตฟอร์มธุรกิจ” ระหว่างผู้พัฒนานวัตกรรมกับเทคโนโลยี และผู้ใช้งานภาคธุรกิจ กระทั่งนำผลงานที่พัฒนาขึ้นมาไปใช้แก้ปัญหาการจัดงานได้จริงเป็นรูปธรรม
ถือเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ประสบความสำเร็จในการช่วยให้ผู้ประกอบการไมซ์ได้พัฒนาแนวคิดเชิงนวัตกรรมได้อย่างลึกซึ้งเพิ่มขึ้น
ขณะที่โครงการ MICE Winnovation ของทีเส็บได้นำเสนอกลยุทธ์การยกระดับอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีแบบบูรณาการ
และได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรภาครัฐ และสมาคมในอุตสาหกรรมไมซ์ 6 หน่วยงาน ได้แก่
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
(สนช.) สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) (TEA) สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) (TICA) สมาคมการค้าส่งเสริมการจัดมหกรรมและเทศกาลนานาชาติไทย
(TIEFA)
รายละเอียดในโครงการเน้นให้องค์ความรู้ด้านนวัตกรรม
และสร้างโอกาสการจับคู่ธุรกิจ กระตุ้นตลาดการจัดงานแสดงสินค้าในยุควิกฤตโควิด 19 ด้วยการสร้างเทคโนโลยีเสมือนจริง
หรือไฮบริดและเทคโนโลยีบริหารจัดการกลุ่มคนในงานเพื่อความปลอดภัยด้านสุขอนามัยและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
โดยมีผลลัพธ์เป็นปรากฏเป็นรูปธรรมตลอดที่ผ่านมา 2 ปี
โดยเฉพาะปี 2564 MICE Winnovation ได้รับคำขอรับการสนับสนุนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีการจัดงานจากธุรกิจไมซ์
รวมทั้งสิ้น 26 งาน
โดยทีเส็บได้เก็บข้อมูลผลกระทบทางเศรษฐกิจ 10 งาน
พบสิ่งที่น่าสนใจเรื่องการใช้เทคโนโลยีสนับสนุนจัดงานช่วยสร้างมูลค่ารวมได้สูงถึง 63,540,000 ยูโร หรือประมาณ 2,384 ล้านบาทเปรียบเทียบกับงบประมาณ 190,000 ยูโร หรือ 7.12 ล้านบาท บาท
สำหรับรางวัล UFI Awards and Competitions เป็นกิจกรรมmujจัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสทางธุรกิจและการแสดงความสามารถของ
812 สมาชิก จากทั่วโลก 84 ประเทศ
ได้นำเสนอผลงานอันโดดเด่นจากอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้า โดยมีคณะกรรมการพิจารณาผลการคัดเลือกประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขา
ข่าวที่ 5 บางจากทำเกาะหมากโมเดลชวนดูแลโลกให้ยั่งยืนได้ง่ายๆ
นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากฯ ได้จัดทริปไร้คาร์บอนด้วยการเดินทางไปลงนาม MOU สนับสนุนหมู่เกาะหมากพื้นที่ต้นแบบสังคมคาร์บอนต่ำ รวมทั้งต่อยอดการศึกษา Blue Carbon จากหญ้าทะเล
ตลอดระยะทางราว 25 กิโลเมตร จากชายฝั่งจังหวัดตราดมีหมู่เกาะเรียงรายกันขนาดใหญ่คือ “เกาะหมาก” และเกาะกระดาด ก่อนเกิดโควิด-19 นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาตินิยมมาเยือนเกาะหมาก 60,000-80,000 คน เป็นต่างชาติ 75% ชื่นชอบความสงบ สวยงาม เป็นธรรมชาติ แล้วก็มีคนไทยอีก 25 % มาดื่มด่ำกน้ำทะเลใส ๆ และอากาศสดชื่นบริสุทธิ์
“เกาะหมาก” เป็น Dream Destination ที่บางจากฯ ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานมุ่งมั่นร่วมขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำแล้ว ถือเป็นพื้นที่ต้นแบบของประเทศที่จะร่วมบรรเทาภาวะวิกฤติโลกด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเกาะหมากเป็นแหล่งหญ้าทะเลในแนวปะการังผืนใหญ่ภาคตะวันออก เดิมเคยมีหญ้าทะเลจำนวนมากเสื่อมโทรม ต้องใช้เวลาฟื้นฟูตามธรรมชาติให้กลับมาอีกครั้ง แต่การเข้าไปช่วยเหลือฟื้นฟูจะช่วยให้แหล่งหญ้าทะเลในแนวปะการังกลับมาสมบูรณ์เร็วขึ้นได้
ตอนนี้เกาะหมากเป็นพื้นที่เป้าหมายแห่งแรกในโครงการแหล่งท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำของประเทศไทยที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) “อพท.” ริเริ่มการขับเคลื่อนโดยมี บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำการศึกษา Blue Carbon ด้วยการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ของแหล่งหญ้าทะเลในแนวปะการังภาคตะวันออกเป็นครั้งแรกของไทย ซึ่งการดูดซับคาร์บอนด้วยวิถีธรรมชาติจากหญ้าทะเลนี้ กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากทั่วโลก
ข้อมูลของ IUCN (International Union for Conservation of Nature) เมื่อปี 2564 รายงานว่าหญ้าทะเลเป็นพืชกลุ่มเดียวที่อยู่ในทะเลเต็มตัวจึงมีความสามารถเฉพาะตัวในการดูดซับและกักเก็บคาร์บอนได้มากกว่าป่าบนบกถึง 7-10 เท่า
นางกลอยตาอธิบายว่า บางจากนำทีมมาเกาะหมากในครั้งนี้ ไม่เพียงเพื่อศึกษาแนวทางการปลูกหญ้าทะเล หรือ Blue Carbon ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการดูดซับและกักเก็บคาร์บอนตามวิถีธรรมชาติ หนึ่งในพันธกิจสำคัญตามเป้าหมายของบางจาก ตั้งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ปี 2050 โดยมีเป้าหมายแรกการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ให้ได้ในปี 2030 ครอบคลุมโอกาสการร่วมพัฒนาพื้นที่เกาะหมากสู่เป้าหมายการเป็นจุดหมายปลายทางคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Destination) พื้นที่ต้นแบบของสังคมคาร์บอนต่ำเมืองไทย
โดยยังคงความสวยงามทางธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ถูกรบกวนจากปัจจัยภายนอกน้อย วิถีชีวิตของผู้คนบนเกาะ ใส่ใจดูแลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังจากชุมชนท้องถิ่นและต่างยึดถือในข้อตกลงธรรมนูญเกาะหมากร่วมกันเพื่อเน้นย้ำความเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น งดส่งเสียงดังหรือกระทำการรบกวนทุกวันช่วง 22.00 น. – 07.00 น. ไม่สนับสนุนใช้วัสดุจากโฟม หรือวัสดุที่เกิดมลพิษเพื่อบรรจุอาหาร จักรยานยนต์ให้เช่าต้องไม่เกิน 70 % ของจำนวนห้องพัก
บางจากได้ทำทริปนี้โดยไม่มีรอยเท้าคาร์บอน ด้วยการเดินทางแบบรบกวนโลกให้น้อยที่สุด แบบ Low Carbon ให้มากที่สุด เช่น การใช้กระบอกน้ำส่วนตัว ใช้รถไฟฟ้าเดินทางบนเกาะ และกลุ่มบางจากฯ ชดเชยเป็น Carbon Neutral ภายหลังจบทริป 3 วัน 2 คืน ด้วยการชดเชยคาร์บอนเครดิตที่ประเมินจากครั้งนี้ได้ 10 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่มบางจากฯ ซึ่งดำเนินธุรกิจพลังงานหมุนเวียนระดับแนวหน้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
บางจากกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนรวมแล้วกว่า 75 คน สร้างความเป็นมิตรต่อโลกและไม่เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อม
สอดรับกับแนวทางการร่วมบรรเทาวิกฤตโลกร้อน และต่อยอดโครงการ Bangchak 100X Climate
Action ได้ริเริ่มขึ้นปีนี้เพื่อรณรงค์เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและเชิญชวนให้ทุกคนมีส่วนช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อน
บางจากจึงขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมกัน ‘ลด’ การสร้างรอยเท้าคาร์บอนให้แก่โลกจากกิจกรรมประจำวัน ‘ละ’ เว้นการสร้างภาระให้โลก และ ‘เริ่ม’ ลงมือทันทีเพื่อส่งผลดีสิ่งแวดล้อม
เพราะอย่างที่รู้กันว่าปัญหาโลกร้อนไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง
แต่เป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วม ลด ละ และ เริ่ม ได้เลยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ช่วงที่
2
ท่องเที่ยว-เที่ยวญี่ปุ่นเมืองไทยในอยุธยาขอพรจากดวงดาวเทศกาลTANABATA
เที่ยวใกล้
เที่ยวง่าย ไปเที่ยวญี่ปุ่นในเมืองมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา ทริปนี้ต้องห้ามพลาด!! ชวนกันมาเที่ยวเทศกาลขอพรจาก..ดวงดาว เทศกาล TANABATA Festival 2022 ช่วงพิเศษระหว่าง 16-17
กรกฎาคม 2565 ในหมู่บ้านญี่ปุ่น ตั้งแต่ 10.00-18.00 น. มาร่วมเขียนขอพรผูกบนกิ่งไผ่
แต่งชุดยูกาตะถ่ายรูปเก๋
ๆ และพับกระดาษ Origami
ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นในคืนเทศกาลทานาบาตะ
มนุษย์อย่างเรา ๆ จะมองเห็นดาว 2 ดวงส่องประกายระยิบระยับ บอกเล่าเรื่องราวของ “ดาวเจ้าหญิงทอผ้า”
กับ “ดาวชายเลี้ยงวัว” มีทางช้างเผือกกั้นอยู่ระหว่างกลาง จึงจัดเทศกาลทานาบาตะขึ้นสื่อความหมายถึง
“วันแห่งความรักอันโรแมนติก” ของเจ้าหญิงทอผ้ากับชายเลี้ยงวัว จะมาพบกันเพียงปีละครั้งบนทางช้างเผือกแห่งนี้
ภายในหมู่บ้านญี่ปุ่น
มีแหล่งท่องเที่ยวจำลองแบบมาให้นักท่องเที่ยวได้ชม ศาลเจ้าญี่ปุ่น สัญลักษณ์ “เสาโทริอิ” ตั้งตระหง่านอยู่ในสวนญี่ปุ่นร่มรื่นเขียวขจี พร้อมทั้งมี “อาคารแสดงนิทรรศการ” เล่าเรื่องความสัมพันธ์อันรุ่งเรืองของกรุงศรีอยุธยากับเส้นทางเดินเรือ
การติดต่อค้าขาย พร้อม ๆ กับมี อาคารแสดงนิทรรศการยามาดะ นางามาซะ
(ออกญาเสนาภิมุข) และท้าวทองกีบม้า ในประวัติศาสตร์ที่ดีงาม
นักท่องเที่ยวที่เข้าไปเที่ยวหมู่บ้านญี่ปุ่น
สามารถเช่า “ชุดกิโมโน Kimono” ผู้ใหญ่ 200 บาท/ชั่วโมง เด็ก 100 บาท/ชั่วโมง “ชุดยูกาตะ/
Yukata” ราคาสำหรับผู้ใหญ่ 100 บาท/ชั่วโมง เด็ก 50
บาท/ชั่วโมง
ส่วนความแตกต่างระหว่าง
“ชุดกิโมโน” กับ “ชุดยูกาตะ” ทั้งสองชุดต่างก็เป็นชุดประจำชาติของญี่ปุ่น
ที่มีทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย ใช้สวมใส่เวลามีงานเทศกาลต่าง ๆ
หรือใส่เดินเที่ยวย่านวัฒนธรรมเก่าแก่ อย่างวัดหรือศาลเจ้า เช่น ตอนไปเที่ยวเมืองเก่าเกียวโตในญี่ปุ่น
“ชุดกิโมโน”
จะยิ่งใหญ่อลังการมักจะใส่ออกงานต่าง ๆ ดีไซน์และการสวมใส่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก
เช่น ต้องตัดเย็ยจากผ้าไหม ราคาสูง ต้องมีคนช่วยใส่เพราะมีจำนวนชิ้นมากกว่า เช่น
คลุม 3 ชั้น มีถุงเท้า หรือ มีผ้าคาดเอว 3 ชิ้น ต้องใส่กับรองเท้าแบบโซริหรือกีตะ
เย็บลายด้วยมือ มีความปราณีตลายมากกว่า มีผ้าคาดเอวหรือโอบิใหญ่
“ชุดยูกะตะ”
สมัยก่อนอาจจะคล้ายชุดใส่อยู่บ้าน หรือเน้นใส่แบบลำรองกว่า ราคาไม่สูงมาก ตัดจากผ้าฝ้าย
มีปกแค่ชั้นเดียวต่างจากกิโมโนจะมีอย่างน้อย 2 ชั้น มักใส่ช่วงหน้าร้อน
หรือใส่ไปแช่ออนเซนก็ได้
นักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวหมู่บ้านญี่ปุ่น
จ.พระนครศรีอยุธยา ต้องจ่ายค่าบัตรเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปี
และเด็กอายุ 7 - 12 ปี 20 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี เข้าชมฟรี
มาเที่ยวญี่ปุ่นในเมืองไทยในหมู่บ้านญี่ปุ่น
ร่วมเทศกาลสัมผัสวัฒนธรรมอันงดงาม กันสักครั้งกับ TANABATA
Festival 2022
สุขภาพ -4 อาหารบำรุงกระดูก หาทานง่าย
และทำกินเองได้ที่บ้าน
บ่อยครั้ง
เราสามารถรับรู้ได้ว่าสุขภาพของเราเริ่มแย่ลงก็ตอนที่ร่างกายของเราแสดงอาการอะไรบางอย่าง
เช่น เจ็บปวดตามร่างกาย หรือเมื่ออวัยวะระบบรับรู้ต่าง ๆ เช่น หู ตา จมูก
ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่เคย
และบ่อยครั้งที่เราเผลอปล่อยให้ร่างกายของเราค่อย ๆ เสื่อมโทรมลง เนื่องจากละเลยการดูแลรักษาอย่างใส่ใจ
นอกจากกล้ามเนื้อและอวัยวะระบบรับรู้ต่าง
ๆ กระดูก ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของร่างกายที่ควรได้รับการดูแลรักษา
การเสริมสร้างกระดูกให้มีความแข็งแรงอยู่ตลอดเวลาจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ
โดยสามารถประกอบอาหารทานที่บ้านได้
1.
ผลิตภัณฑ์จากนม -ทุกคนล้วนคุ้นชินกับการดื่มนมมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นนมแม่
นมวัว หรือนมตัวเลือกต่าง ๆ ในปัจจุบัน เช่น นมถั่วเหลือง หรือ นมอัลมอนด์ โดยนม
หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีนมเป็นส่วนประกอบมักอุดมไปด้วยสารอาหารประเภท แคลเซียม
โปรตีน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการบำรุงสุขภาพกระดูก
2.
ไข่ -เป็นตัวเลือกอาหารที่มีราคาค่อนข้างย่อมเยา มีคุณค่าโภชนาการค่อนข้างสูง
ไข่หนึ่งฟองเต็มไปด้วยคุณค่าของสารอาหารมากมาย ไข่แดงเพียงหนึ่งฟองมีวิตามินดีช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายสูงถึงประมาณ
40 IU และไข่ขาวก็อุดมไปด้วยโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกาย
ดังนั้น การรับประทานไข่วันละหนึ่งฟองร่วมกับอาหารชนิดอื่น
เป็นอีกหนึ่งวิธีส่งเสริมสุขภาพกระดูกและร่างกายที่ดีเลยทีเดียว
3.
ปลาทะเล – หนึ่งตัวเลือกเป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่ายและได้รับความนิยมอย่างมาก
ประกอบไปด้วยสารอาหารมากมาย เช่น กรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย โปรตีน
รวมถึงมีวิตามินดีช่วยเสริมสร้างกระดูกและป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกอีกด้วย
โดยปลาทะเลที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นที่นิยม ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า
ปลาทู และปลาซาร์ดีน
4.
ผักใบเขียว -นอกจากนม และเนื้อสัตว์ต่าง ๆ แล้ว หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า
ผักใบเขียว มีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกเช่นกัน ในผักชนิดต่าง ๆ
ที่มีใบเขียวเข้ม เช่น ผักกะเฉด คะน้า ใบชะพลู หรือบร็อคโคลี่ ล้วนอุดมไปด้วยวิตามินเคและแคลเซียม
ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุนได้
เราไม่ควรบริโภคผักใบเขียวบางชนิด เช่น ใบยอ หรือใบชะพลู มากเกินไป
เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไตหรือกระเพาะปัสสาวะได้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก - โรงแรมอลอฟท์สุขุมวิทจัดโปรSavor + Staycationคืนละ3,399บาท
โรงแรม อลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท หนึ่งในแบรนด์ในเครือ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล จัดโปรโมชั่น
“สเตเคชั่น Savor + Staycation” ลูกค้าจะได้ดื่มฟรี 1 ชั่วโมง พร้อมเครดิตโรงแรม 500 บาท ส่วนลดอีก
20% ใช้ลดค่าอาหาร
เครื่องดื่ม และซักรีด และอีกมากมาย ลูกค้าสามารถใช้สิทธิ์ ’เราเที่ยวด้วยกัน’
ได้
โปรโมชั่นสเตเคชั่นสามารถเข้าพักได้ระหว่างวันพฤหัสบดี
– วันจันทร์ ตั้งแต่วันนี้ - 30 กันยายน 2565 ราคาเริ่มต้นที่ 3,399++ บาท รวมทั้งสามารถรับเครดิตอาหารรายวันมูลค่า 500
บาท เครื่องดื่มไม่จำกัด 1 ชั่วโมง ที่ W XYZ บาร์ ช่วง 16.00 น. จนถึงช่วงดึก
ทางโรงแรมให้บริการห้องพักและห้องสวีทที่ได้รับแรงบันดาลใจจากห้องใต้หลังคาพร้อมฟีเจอร์ที่ชาญฉลาด
ฟรีอินเทอร์เน็ต เตียงแบบยกพื้น และทัศนียภาพมุมกว้างของเมืองกรุงเทพ บริการรถตุ๊กตุ๊กรับส่งฟรีจาก
โรงแรมฟรีไปยังสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสนานาและสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที
เพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วกรุงเทพฯ ได้อย่างง่ายดาย สอบถามข้อมูลโรงแรมเพิ่ม โทร. 02
207 7000
ข่าวที่สอง
–เอ็มเจ็ทไทยร่วมทุนเซอร์ซอลมาเลย์นำไพรเวทเจ็ทผงาดขึ้นฮับเอเชีย
นายณัฏฐภัทร สีบุญเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด เปิดเผยว่า
เมื่อเร็ว ๆ นี้ เอ็มเจ็ท ในฐานะบริษัทผู้นำการลงทุนธุรกิจเครื่องบินเจ็ทส่วนบุคคล
(Private Jet) และผู้บุกเบิกศูนย์บริการอากาศยานส่วนบุคคลครบวงจร
(Fixed-Base Operation:
FBO) แห่งแรกในประเทศไทย
ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (Heads
of Agreement: HOA) กับ ดาตุ๊ก วิรา จัสติน ลิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซอร์ซอล
เบอร์นาร์ด มาเลเซีย ผู้นำธุรกิจเทคโนโลยีรายใหญ่ในมาเลเซีย จับมือเป็นพันธมิตรทางการค้าและการร่วมทุนหรือ
JV -Joint
Venture ในสัดส่วน 50:50 ทั้งการลงเงินสดและสินทรัพย์อื่น ๆ ในพิธีได้รับเกียรติจาก
ฯพณฯ ตุน เสรี เซเตีย ฮาจิ โมห์ด. อาลี บิน โมห์ด. รัสตัม
ประมุขคนที่เจ็ดแห่งรัฐมะละการ่วมเป็นพยานด้วย
ทางเอ็มเจ็ทวางกลยุทธ์เชิงรุกหลังการร่วมทุนครั้งนี้
มุ่งเดินหน้า 1.ขยายฐานให้บริการเครื่องบินส่วนตัว 2.บริหารการจัดการเครื่องบินส่วนบุคคล 3.บริการภาคพื้นแบบครบวงจรและการบริการที่เกี่ยวข้องในมาเลเซียและอินโดนีเซีย
รวมทั้งเน้นผลักดัน “ธุรกิจการบินส่วนบุคคลก้าวสู่ผู้นำเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ขยายศูนย์บริการอากาศยานส่วนบุคคลไปยังมาเลเซียและอินโดนีเซีย
ไปพร้อม ๆ กัน
ควบคู่กับการตั้งเป้าจะทำผลประกอบการของผู้ร่วมทุนทั้ง
2 บริษัท เติบโตทางการตลาดเชิงบวกด้วยสามารถจะขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ตามแนวโน้มของธุรกิจท่องเที่ยวและสายการบินทั้งเส้นทางในประเทศและระหว่างประเทศกำลังกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
นายณัฏฐภัทร ย้ำว่า ภายใต้การลงนามข้อตกลงเบื้องต้นครั้งนี้
ถือเป็นกลยุทธ์พันธมิตรทางธุรกิจการร่วมผสานความชำนาญและประสบการณ์ธุรกิจของบุคลากรทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกัน
เพื่อนำเสนอบริการการเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวที่มีมาตราฐานระดับโลก
การบริหารการจัดการเครื่องบินส่วนบุคคล บริการภาคพื้นแบบครบวงจร และการนำเสนอฝูงบินที่ทันสมัยและกิจการการบินส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องบุกสู่ตลาด
มาเลเซียและอินโดนีเซียซึ่งมีศักยภาพและความต้องการเดินทางเติบโตสูงขึ้นตลอด
แล้วเอ็มเจ็ทก็จะใช้ประสบการณ์ที่อยู่ในวงการธุรกิจมากว่า
15 ปี ผนึกความร่วมมือกับเซอร์ซอล
หนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีของมาเลเซีย เป็นกุญแจสำคัญขับเคลื่อนความสำเร็จทางธุรกิจ
พัฒนาศักยภาพและสร้างความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมการบินดด้วยเครื่องบินส่วนบุคคล
เปิดตลาดสู่ทั่วทุกมุมโลก ก้าวสู่ผู้นำธุรกิจการบินส่วนบุคคลแห่งเอเชียและเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับโลกต่อไป
“ดาตุ๊ก วิรา จัสติน ลิม” กรรมการผู้จัดการ กลุ่มเซอร์ซอล กล่าวว่า
เซอร์ซอล ได้ขับเคลื่อนการเติบโตและขยายธุรกิจต่อเนื่องรูปแบบใหม่ เช่น การบิน
เทคโนโลยีและพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ การโทรคมนาคม และธุรกิจเพื่อสุขภาพ
โดยมีความเชื่อมั่นเรื่องธุรกิจให้บริการเครื่องบินส่วนตัวยังมีพื้นที่ว่างในตลาดมาเลเซียกับอินโดนีเซียการแข่งขันยังไม่สูง
(blue ocean opportunity)
และมีแนวโน้มเติบโตดี โดยมีกลุ่มลูกค้าต้องการเดินทางอย่างความปลอดภัยด้วยความเป็นส่วนตัวสูง
ทำให้บริษัทเล็งเห็นถึงความสำคัญการทำพันธมิตรทางธุรกิจกับเอ็มเจ็ท ซึ่งเป็นผู้นำบริการเครื่องบินเจ็ทแบบเช่าเหมาลำที่มีมาตราฐานระดับนานาชาติ
จะสร้างโอกาสต่อยอดธุรกิจระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
อีกทั้งยังมีความเชื่อมั่นสูงถึงความสำเร็จในการร่วมทุนครั้งนี้
เพราะบริการเครื่องบินส่วนตัวสามารถตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าผู้มีรายได้สูง
อีกทั้ง นับตั้งแต่โควิด-19แพร่ระบาด ผู้โดยสารทั่วโลกต่างมองหาวิธีเดินทางอย่างปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการสัมผัสยิ่งขึ้น
ลูกค้าที่เลือกใช้เครื่องบินส่วนตัวมีโอกาสน้อยที่จะสัมผัสติดต่อกับผู้อื่นระหว่างการเดินทาง
แถมยังเดินทางสู่จุดหมายปลายทางได้เร็วยิ่งขึ้นด้วย
ทั้งนี้จากรายงาน Newswires เมื่อเดือนมีนาคม 2565 ประเมินสถานการณ์ตลาดการเติบโตของธุจกิจให้บริการเครื่องบินส่วนตัวทั่วโลกมีแนวโน้มทะยานสูงขึ้น
ระหว่างปี 2565-2566 ผู้ใช้บริการในแถบทวีปเอเชีย-แปซิฟิก จะยังคงเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ที่สุดในโลกนั่นเอง
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น