บิ๊กสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวยกเครื่องใหม่ธุรกิจสมาชิก 900 บริษัท เล่นบทมือประสานสถานฑูตทั่วโลก+แอร์ไลน์ปลดทุกล็อกปั๊มตลาดโต ปี’65ไทยทัวร์นอกฟื้น10%แห่เที่ยวลาว/เวียดนาม/สิงคโปร์ราคา1.5หมื่น
บิ๊กสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวยกเครื่องใหม่ธุรกิจสมาชิก 900 บริษัท
เล่นบทมือประสานสถานฑูตทั่วโลก+แอร์ไลน์ปลดทุกล็อกปั๊มตลาดโต
ปี’65ไทยทัวร์นอกฟื้น10%แห่เที่ยวลาว/เวียดนาม/สิงคโปร์ราคา1.5หมื่น
คิง เพาเวอร์อัดโปรThe Standardเปิด29ก.ค.+พูลแมนฯเพิ่มบัตรกำนัล
คิงเพาเวอร์เอาใจแฟนคลับอีทเทอรี่เซ็ต7ร้าน7สไตล์จ่ายแค่2,249 บาท
ททท.ปลุกเที่ยวดอกกระเจียว2อุทยาน“ป่าหินงาม-ไทรทอง”ถึงส.ค.65
“TCEB”ดึงเอกชนร่วมMeet The Magic4มหัศจรรย์ศักยภาพไมซ์ไทย
บางจากผนึกธุรกิจEnterprise Singaporeแชร์นวัตกรรมลดคาร์บอน
ตลุยทัวร์สตรีทอาร์ตงานศิลป์ชุมชนแลนด์มาร์กใหม่ทั่วไทย5จังหวัด
8อย่างที่ควรทำเพื่อการเตรียมตัวเตรียมใจเข้าสู่สูงวัยอย่างมีความสุข
กระทรวงต่างประเทศโชว์ไทยติดแชมป์โลกด้านท่องเที่ยว-สาธารณสุข
“ศักดิ์สยาม”สั่งกพท.คุมลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ใหม่2.3แสนล้านปี’65-70
วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม
2565 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
#TCEB #บางจาก #
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...
ช่วงที่ 1 ยกเครื่องธุรกิจทัวร์กับ “เจริญ วังอนานนท์”
นายกสมาคมไทยบริการการท่องเที่ยว TTAA ดันสมาชิกผ่านวิกฤต 900
บริษัท นำทัพ “สมาคมนักประสานสิบทิศ” โชว์ฝีมือพลิกตลาดครั้งใหญ่ต้อนรับกำลังซื้อปี’65
ฟื้น 10 % เดินสายเคลียร์สถานฑูตนานาชาติในไทยเปิดทางทัวร์นอก
หาโปรดักซ์ใหม่ให้สมาชิก ถก “แอร์ไลน์ส”
ทุกระดับผนึกกำลังโปรโมตตลาดการขายทุกรูปแบบ คนไทยเฮเที่ยวอาเซียน
“สสป.ลาว-เวียดนาม-สิงคโปร์” ขายดีสุดแพกเกจ 4 คืน 3 วัน ราคา 12,000-14,000 บาท ยุโรป อเมริกา
ยังอีกนานอุปสรรคเรื่องวีซ่าเพียบแถมอยากได้เร็วต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่ม
ส่วนในประเทศผนึก แอตต้า-สทน.ลุยสำรวจสินค้ากับ ททท.ทุกทริป
ร่วมโปรเจ็กต์ขายทัวร์เที่ยวไทย
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการการท่องเที่ยว
(TTAA -THAI Travel Agents Asssociation) เปิดเผยว่า วางระบบการบริหารจัดงานฟื้นฟูธุรกิจให้กับสมาชิกสมาคมซึ่งประคองตัวอยู่รอดจากวิกฤตโควิด-19 ได้ประมาณเกือบ 900 บริษัท มีปิดกิจการหายไปราว 10
% ของทั้งหมด สมาคมจึงต้องจัดทำระบบข้อมูลติดตามสถานการณ์ล่าสุดของบริษัทต่าง
ๆ ได้ย้ายที่ตั้งสำนักงาน หรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ติดต่อซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ
พร้อมกับตรวจสอบแนะนำให้สมาชิกจดทะเบียนบริษัทนำเที่ยวเพื่อขอใบอนุญาตอย่างถูกต้องอีกครั้ง
จากการประเมินเบื้องต้นคนไทยจะกลับมาเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศตลอดปี
2565 ไม่เกิน 10 % ของปี 2562
เนื่องจากระบบการเดินทาง เงื่อนไขการเข้าออกหลายประเทศ
ยังไม่ได้เปิดเต็มที่ หลายอย่างยังไม่ได้สะดวกเท่าที่ควร
รวมทั้งยังมีข้อจำกัดอีกมาก และคนไทยกังวลเรื่องการเดินทางด้วย ประมาณปลายปี 2565
น่าจะดีขึ้นกว่านี้
เพราะหลายประเทศอาจจะเปิดเต็มรูปแบบเหมือนประเทศไทยซึ่งได้รับการจับตาจากนานาชาติถึงรูปแบบการเปิดประเทศ
ตัวอย่าง เมื่อไทยยกเลิกการลงทะเบียนก่อนเดินทางเข้าประเทศในระบบ THAILAND
PASS แล้วจะมีอุปสรรคอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพื่อนบ้านกำลังรอดูไทยเป็นโมเดลอยู่เหมือนกัน
หลังเดือนตุลาคม 2565
ตารางบินใหม่ปลายปีนี้มีตัวบ่งชี้ว่าคนไทยจะเดินทางเที่ยวต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
ส่วนภารกิจเร่งด่วนของสมาคมทีทีเอเอ
ขณะนี้จะต้องเข้าไปช่วยสมาชิก ประกอบด้วย เรื่องที่ 1 หาสินค้าท่องเที่ยวหรือโปรดักซ์เพื่อทำให้ธุรกิจของสมาชิกอยู่รอดต่อไปได้
เรื่องที่ 2 เป็นศูนย์กลางการประสานงานกับสถานฑูตต่างประเทศในไทย
เกี่ยวกับกฎระเบียบใหม่เปลี่ยนแปลงไป ต้องคอยอำนวยความสะดวก
หากเกิดปัญหาขลุกขลักก็จะเข้าไปช่วย การยื่นขอเอกสารวีซ่าให้ลูกค้านักท่องเที่ยว
เนื่องจากหลายสถานฑูตก็ลดการจ้างพนักงานลงไปเยอะพอสมควร
จึงทำให้การติดต่อประสานงานหลังเปิดประเทศไม่สะดวกเหมือนเดิม
จึงพยายามเชิญแต่ละสถานฑูตมาให้ข้อมูลจริงกับสมาชิกในทุกมิติ
สำหรับ
“ความต้องการของสมาชิกทีทีเอเอ” คือ “โอกาส” 1.การเข้าถึงทรัพยากรที่จะเป็นเครื่องมือการค้าขาย ทั้งการทำวีซ่ากับสถานฑูตต่างประเทศในไทย
2.การเจรจากับสายการบินต่าง ๆ ถึงการเปิดบินกับจำนวนที่นั่ง
มีเงื่อนไข ข้อจำกัด การเช็คอิน เปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง
เพราะแต่ละสายการบินก็มีข้อปฏิบัติไม่เหมือนกัน 3.เงื่อนไขการเข้าแต่ละประเทศมีข้อตกลงต่างกัน
ซึ่งสมาชิกอาจจะเข้าได้ยากทางสมาคมก็ต้องประสานงานให้ถึงมาตรการเดินทาง 4.ข้อมูลความจริงที่จะต้องนำมาตอบให้ผู้โดยสารหรือลูกค้าได้อย่างถูกต้องกับผู้ที่จะเดินทางกับบริษัทนำเที่ยว
หากประเมินแนวโน้มคนไทยจะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ
เรียงตามลำดับความนิยม จุดหมายปลายทาง กลุ่มแรก “อาเซียน” เดินทางบกและทางเครื่องบิน “สปป.ลาว”
คนไทยต้องการไปสัมผัสโปรดักซ์ใหม่ ๆ อย่างการท่องเที่ยวรถไฟความเร็วสูง
แหล่งท่องเที่ยวใหม่ในวังเวียง และอื่น ต่อด้วย “เวียดนาม” มีสะพานสวยงาม
สะพานแขวน สะพานแก้ว สะพานใส แต่ละพื้นที่ได้รับการพัฒนาไปไกลแล้ว
ซึ่งทั้งสองประเทศค่อนเปิดมากกว่าอื่น ๆ และ “สิงคโปร์”
ก็เป็นพื้นที่คุ้นเคย ราคาประมาณ 14,000 -20,000 บาท/ทริป จะเน้นการขายแพกเกจเหมือนกัน
เป็นการขายห้องพัก หรือโปรแกรมทัวร์ มีเที่ยวบินและการเข้าถึงสะดวก
อีกอย่างคนเผื่อความเสี่ยงไว้ด้วยเลือกประเทศใกล้ เพราะหากติดโควิด-19 สามารถบินกลับประเทศได้ทันที
คนไทยจำนวนกว่า
80 % เดินทางเป็นหมู่คณะ (G.I.T.)
ราคาจับต้องได้ ซื้อแพกเกจท่องเที่ยวยอดนิยมเฉลี่ยครั้งละ 4 วัน
3 คืน ราคาประมาณ 12,000-14,000 บาท/คน/ทริป
เป็นราคาแพกเกจเหมาะสมในยุคข้าวยากหมากแพง
บริษัทนำเที่ยวผลิตโปรแกรมวางขายยอดจองค่อนข้างเต็มทุกช่วงเวลา และมีเพียง 20
% ที่เดินทางอิสระด้วยตนเอง (F.I.T.)
กลุ่มที่สอง “เอเชีย” ญี่ปุ่น
เกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งส่วนใหญ่ยังเปิดแบบค่อยเป็นค่อยไป
แต่การอำนวยความสะดวกมีไม่มากพอ
กลุ่มที่สาม “ยุโรป”
จองเดินทางมากสุด สวิตเซอร์แลนด์ จอร์เจีย ตุรกี ส่วนประเทศที่เหลืออื่น ๆ ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการยื่นขอวีซ่า
เพราะยุโรปมีอุปสรรคหลัก ๆ 1.ใช้เวลายื่นขอวีซ่ากว่าจะตอบกลับนานมาก 2.ค่าใช้จ่ายธรรมเนียมวีซ่าสูงกว่าปกติ
เรียกเก็บเพิ่มค่าพรีเมี่ยมหากต้องการวีซ่ารวดเร็วกว่าขั้นตอนทั่วไป
นายเจริญกล่าวว่า
ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม 2565 บริษัทนำเที่ยวเตรียมออกโปรแกรมทัวร์วางขายเพิ่มขึ้น
เนื่องจากสายการบินเริ่มเปิดเที่ยวบินมากขึ้น เช่น บางกอกแอร์เวย์ส เมื่อเร็ว ๆ
นี้ ก็เปิดบินตรงเวียดนาม รวมทั้งสายการบินอื่น ๆ ก็ทยอยเปิดด้วยเช่นกัน
โดยสมาคมให้ความสำคัญกับทุกสายการบิน พร้อมทั้งร่วมโปรโมต
แล้วก็ช่วยสมาชิกบริษัทนำเที่ยวได้ขายโปรแกรมทัวร์ ทางสมาคมพยายามติดต่อประสานงาน
แก้ไขปัญหาอุปสรรคให้กับทุกสายการบิน
และการบินไทยทุกจุดหมายปลายทางก็ยินดีร่วมทำตลาดให้อย่างเต็มที่
ขณะเดียวกันทางสมาคมทีทีเอเอก็ได้ช่วยสมาชิกขายท่องเที่ยวกับ
“ตลาดในประเทศ” ควบคู่กันไปด้วย เพราะช่วงโควิด-19 กว่า 2 ปีเศษ ไม่สามารถจัดทัวร์ต่างประเทศได้
ก็ได้ตลาดคนไทยจึงทำให้ธุรกิจอยู่ได้มาจนถึงวันนี้ สมาชิกทีทีเอเอประมาณ 90
% สามารถทำตลาดในประเทศเป็นแล้ว
และยังคงร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยทุกโปรแกรม ตอนนี้มีนโยบายขยายโครงการ
“ทัวร์เที่ยวไทย” โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณให้ซื้อรายการนำเที่ยวผ่านบริษัททัวร์
ช่วงกรกฎาคม-ธันวาคม 2565
ก็ให้สมาชิกเข้าร่วมขายให้ได้มากสุดเท่าที่จะทำได้
การแนะนำสมาชิกเข้าร่วม
“ทัวร์เที่ยวไทย”
ส่วนใหญ่เข้าร่วมการขายตั้งแต่เปิดเฟสแรกเมื่อเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2565 เน้นการขายเส้นทางยอดนิยม ภูเก็ต กระบี่ สมุย
อุดรธานี บึงกาฬ (เที่ยวถ้ำนาคา) และพยายามต่อยอดเส้นทางเชื่อมโยง
พร้อมกับแนะนำลูกค้าที่ยังไม่สามารถเที่ยวต่างประเทศได้ก็เลือกเที่ยวเมืองไทยไปก่อน
เป็นกิจกรรมการตลาดที่สมาชิกทำกันอย่างต่อเนื่องตลอด
นอกจากนี้ยังให้สมาชิกทีทีเอเอ
ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับอีก 2 สมาคมหลัก คือ
สมาคมท่องเที่ยวในประเทศ (สทน.) กับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า)
ร่วมมือและถ่ายเทโนฮาวน์ให้กันและกัน
รวมทั้งเมื่อ
ททท.นำเอกชนลงพื้นที่สำรวจแหล่งท่องเที่ยวเพื่อติดตามความคืบหน้าสถานที่ท่องเที่ยวต่าง
ๆ ในเมืองไทย ก็ให้สมาชิกติดตามไปด้วยทุกแห่ง
นายเจริญย้ำว่าภาคเอกชนยังต้องการให้ภาครัฐเพิ่มแรงกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่องต่อไป
อย่างที่ ททท.ทำมาตลอด
เพราะผู้ประกอบการท่องเที่ยวโดยรวมยังอ่อนแอต้องการการสนับสนุน
เป็นส่วนที่ดีและช่วยเหลือต่อเนื่องอย่างเข้มข้น และคงอัดฉีดเพิ่มเติมโดยเฉพาะ “ผู้ประกอบการรถบัสท่องเที่ยว”
หากเป็นไปได้ช่วยกันปลุกตลาดบริษัทห้างร้านหันมาเที่ยวรถบัสโดยรัฐมีเงินสนับสนุนช่วยเหลือค่าใช้จ่าย
จะเป็นตัวกระตุ้นอย่างดี และไม่มีเงื่อนไขมากจุกจิกจนเกินไป เช่น
โปรแกรมนั่งรถบัสท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน ก็ให้เงินเท่าที่ทำได้เข้ามาเสริม
โดยลดข้อจำกัดในทางปฏิบัติลงให้มากที่สุด
เพื่อให้ธุรกิจลุกขึ้นมายืนก้าวเดินไปข้างหน้าได้
แล้วการท่องเที่ยวก็จะกลับสู่ปกติเหมือนเดิมในอนาคตอันใกล้นี้ต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 คิง เพาเวอร์อัดโปรThe Standardเปิด29ก.ค.นี้+พูลแมนฯเพิ่มบัตรกำนัล
คิง เพาเวอร์ เตรียมเปิดโรงแรม “เดอะ
สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร” (The Standard, Bangkok Mahanakhon)
ให้บริการอย่างเป็นทางการเริ่มตั้งแต่ 29 กรกฎาคม 2565 โดยมีไฮไลต์ห้องอาหารและรูฟท็อปบาร์สูงที่สุดในประเทศไทย
ช่วงแนะนำบริการได้จัดโปรโมชั่นด้วยแพ็กเกจ “Bite into Bangkok” เป็นห้องพักและเครดิตใช้บริการภายในโรงแรมสูงสุดถึง
5,000 บาท
ส่วนที่ “คิง เพาเวอร์ พูลแมน รางน้ำ
(กรุงเทพฯ) ” ที่พักผ่อนท่ามกลางสวนธรรมชาติใจกลางกรุงเทพฯ มอบความพิเศษให้ลูกค้าเลือกรับ 1
อย่าง ระหว่าง 1.บัตรกำนัลเงินสดคิงเพาเวอร์มูลค่า
500 บาท หรือ 2.บัตรกำนัลตั๋วเข้าสกายวอล์ค คิง เพาเวอร์
มหานคร
เมื่อจองห้องพักเริ่มต้นเพียง 2,700 ++ บาท/ห้อง/คืน
หรือร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน (ใช้ได้เฉพาะคนไทยที่ไม่มีทะเบียนบ้านอยู่ในกรุงเทพมหานครเท่านั้น) จ่ายเพียง 1,620++ บาท
คลิกจองได้ทันที https://bit.ly/3AFZjVJ
ฟรีเด็กอายุต่ำกว่า 12
ปี ไม่ต้องจ่ายเพิ่มหากไม่ขอเตียงเสริม ชำระเพิ่มเฉพาะค่าอาหารเท่านั้น
เด็กอายุ 6-11 ปี ราคา 350 บาทสุทธิ/คน
โทรสอบถามเพิ่มที่ 02 680 9999
หรือ H6323-RE2@ACCOR.COM
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์เอาใจแฟนคลับอีทเทอรี่เซ็ต7ร้าน7สไตล์จ่ายแค่2,249 บาท
คิง
เพาเวอร์ มอบความพิเศษชวนครอบครัวหรือเพื่อนๆ มาอร่อยกับ “อีทเทอรี่ เซ็ท”
ได้ทุกวัน ชั้น G มหานคร คิวบ์
มีให้เลือกถึง 7 ร้าน 7 สไตล์
อิ่มอร่อยยกแก๊ง ราคาเซ็ทละ 1,999++ บาทเท่านั้น
สามารถรับประทานได้ถึง 4 คน เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 11.00
– 22.00 น.
รวมทั้งยังเอาใจแฟนคลับ
"มหานคร อีทเทอรี่" กับ “Eatery Birthday
Set” สำหรับผู้ที่ต้องการจัดวันเกิด หรือเกิดต้องการกินเค้กอร่อย ๆ
มาลิ้มลองได้ที่ “Fuwa Fuwa Yuzu” จาก ICI กับ "Eatery Birthday set" เพียง 2,249
บาท++ เท่านั้น โดยจะต้องสั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน
ใน 1
เซ็ต ประกอบด้วย 1 เซ็ต จากร้าน Avril Gourmet
& Bordier Selection + 2 เมนู จากร้าน el’mar
+ 1 เซ็ต จากร้าน Meat & Spice by Another Hound Café +1 เซ็ต จากร้าน Isabella Italian Rotisserie by Andrea + เค้ก Fuwa Fuwa Yuzu จากร้าน ICI
สำหรับ
“Fuwa Fuwa” ภาษาญี่ปุ่นแปลว่าเบา ๆ นิ่ม ๆ ส่วน “Yuzu"
เป็นผลไม้ตระกูลส้มชนิดหนึ่งรสชาติเปรี้ยวมีกลิ่นหอมสดชื่นคนญี่ปุ่นนิยมนำมาใช้เป็น
ส่วนประกอบของอาหารหลากหลายชนิด
โทร
02-677-8721 สำรองโต๊ะ ที่ https://mahanakhoncube.com/mahanakhon-eatery-book-online
ข่าวที่ 3 ททท.ปลุกเที่ยวดอกกระเจียว2อุทยาน“ป่าหินงาม-ไทรทอง”ถึงส.ค.65
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา รายงานว่า
ในฐานะผู้ดูแลพื้นที่ส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวชัยภูมิขณะนี้เป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวยอดนิยม
“ทุ่งดอกกระเจียว” ท่ามกลางหมอกสวยที่สุดหน้าฝนปีละ 1 ครั้ง
ช่วงกรกฎาคม-สิงหาคม 2565 ที่จังหวัดชัยภูมิ มีให้เลือกชมได้
2 แห่ง ได้แก่
แห่งแรก “อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม” เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกวัน 06.00-18.00 น. แห่งที่ 2 “อุทยานแห่งชาติไทรทอง” รวมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติภายในอุทยานไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วย
เช่ ผาสุดแผ่นดิน / ลานหินหน่อ / ลานหินงาม แต่ละจุดสามารถนั่งรถรางเที่ยวได้หมด
สะดวกสบาย
ปัจจุบัน
ค่าเข้าอุทยานแต่ละแห่ง ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็กอายุมากกว่า 3 ขวบ 20 บาท ผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีเข้าฟรี เด็กอายุต่ำกว่า
3 ขวบ ฟรี รถยนต์ 30 บาท
และค่าบริการ
“รถราง” นั่งชมรอบอุทยานแบบสบาย ๆ ในราคา ผู้ใหญ่คนละ 30 บาท เด็กอายุมากกว่า 3 ขวบ 20 บาท ฟรีเด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ
พร้อมทั้งมีบริการ
“ลานกางเต็นท์” คิดค่าพื้นที่คนละ 30 บาท/คืน เช่าเต็นท์พักแรม 325 บาท/หลัง
สามารถติดต่อ
อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม โทร.044 056 141 และ 044-890105 อุทยานแห่งชาติไทรทอง โทร. 081-8778485
ข่าวที่ 4 “TCEB”ดึงเอกชนร่วมMeet The Magic4มหัศจรรย์ศักยภาพไมซ์ไทย
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” รายงานว่า ได้นำ 4มหัศจรรย์ศักยภาพไมซ์ไทย มาเสนอเพื่อให้ผู้ที่ต้องการจัดงานไมซ์ได้เป็นทางเลือกอย่างเหมาะสมกับการจัดแต่ละงาน
ประกอบด้วย
ศักยภาพที่ 1 Meet the
Magic of Local Charm : สัมผัสประสบการณ์ชุมชนและภูมิปัญญาท้องถิ่น เสน่ห์อันโดดเด่นทั่วทุกภาคในไทย
ขณะนี้ทีเส็บได้จัดเตรียมเส้นทางสายไมซ์ไว้แล้ว 7 มุมมอง กับ
10 เมืองไมซ์ ผู้จัดงานสามารถเลือกวางแผนจัดกิจกรรมเพื่อมอบประสบการณ์อันแตกต่าง
สร้างความประทับใจกับทุกคน
ศักยภาพที่ 2 Meet the Magic of Sustainability: พบกับการจัดงานอย่างยั่งยืน
ขานรับโมเดลเศรษฐกิจ BCG: Bio Circular Green Ffpพร้อมสนับสนุนทุกกิจกรรมไมซ์เพื่อสร้างความรับผิดชอบต่อสังคม
ในการจัดงานแบบอีเวนต์ที่มีเป้าหมายสร้างสมดุลคาร์บอนหรือ Carbon-Neutral
Event ปูพรมสู่การลดคาร์บอนเป็นศูนย์ Net-Zero Carbon Event ส่งเสริมประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการจัดงานอย่างยั่งยืน
ศักยภาพที่ 3 Meet the
Bleisure Magic : ห้ามพลาดกิจกรรมผสมผสานของธุรกิจบวกการพักผ่อนไปพร้อม
ๆ กันได้ หรือ Bleisure /Business and Leisure นักธุรกิจที่มาร่วมงานหรือทำงานกับองค์กร สามารถใช้เวลาท่องเที่ยวพักผ่อนได้ด้วย
จากหลากหลายเส้นทางทั่วประเทศ
ศักยภาพที่ 4 Meet the
Heartfelt Magic : เปิดประสบการณ์การสัมผัสความเป็นไทย (Thainess)
ที่มีอยู่ในทุกบริการและการทำกิจกรรม ด้วยบริการอย่างจริงใจพร้อมยืดหยุ่นในทุกสถานการณ์
เพื่อให้นักเดินทางไมซ์มั่นใจในทุกการจัดงานในเมืองไทยสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี
ข่าวที่ 5 บางจากผนึกธุรกิจEnterprise Singaporeแชร์นวัตกรรมลดคาร์บอน
นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่
สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธาน Carbon
Markets Club (CMC) ได้ร่วมจัดสัมมนาออนไลน์กับทาง Mr. Chew
Hwee Yong, Global Markets Director Enterprise Singapore เรื่อง DID
YOU KNOW? Webinar
Series ของ Carbon Markets Club ครั้งที่ 2
ในหัวข้อ “Leveraging Regional Collaboration in Carbon Services for
Sustainable Growth”
กิจกรรมครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง
Carbon Markets Club กับ Enterprise Singapore ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลสิงคโปร์ที่มีบทบาทสนับสนุนการพัฒนาองค์กรธุรกิจ
เพื่อส่งเสริมความรู้และความก้าวหน้าในระดับภูมิภาคเกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างทรงพลัง
นางกลอยตากล่าวว่า
ได้มีโอกาสร่วมบรรยายในงานนี้ด้วย หัวข้อ Thailand
Climate Goals and Carbon Markets Club โดยมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมฟังมากกว่า
100 คน ทั้งไทยและสิงคโปร์ โดยบรรยายร่วมกับวิทยากรจากบริษัทชั้นนำทางธุรกิจตลาดคาร์บอนของสิงคโปร์
เช่น Climate Impact X, the South Pole และ Keppel
Infrastructure ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ซื้อขายคาร์บอนเครดิตระดับภูมิภาค
ผ่านระบบซื้อ-ขาย (Exchange Market) ตามภาคบังคับ
ทั้งนี้
สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีตลาดคาร์บอนภาคบังคับ (Mandatory
Carbon Market) หรือการซื้อขายคาร์บอนเครดิตและสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สามารถนำมาชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามที่กฎหมายบังคับ (Legally
Binding Target) หรือตามพันธกรณีระหว่างประเทศนั่นเอง
ช่วงที่ 2 เปิดสตรีทอาร์ตสร้างแลนด์มาร์กชวนไปเที่ยวด้วยกัน
ที่ ตลาดน้อยกรุงเทพฯ ตลาดศาลเจ้าโรงทออ่างทอง เกาะญวนนครสวรรค์
หนองประจักษ์อุดรธานี หาดใหญ่สงขลา แล้วจะรู้ว่าเที่ยวเมืองไทยดีกว่าที่คิด จากนั้น
เคล็ดลับ 8 อย่างเตรียมตัวเตรียมใจสู่สูงวัยอย่างมีความสุข
และข่าวฮ็อต ข่าวแรก กระทรวงการต่างประเทศโชว์ “ไทยแชมป์โลก”
ด้านท่องเที่ยวกับสาธารณสุข ข่าวที่สอง “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”
โยกกทพ.คุมลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ 2.3 แสนล้านปี66-70
ท่องเที่ยว-ตลุยทัวร์สตรีทอาร์ตงานศิลป์ชุมชนแลนด์มาร์กใหม่ทั่วไทย5จังหวัด
ช่วงเวลาดี ๆ
ที่จะชวนออกมาเที่ยวเมืองไทยไปกับ 5 แลนด์มาร์คใหม่ ในโครงการ
“เที่ยวไปด้วยกัน สุขใจกับกับปันสุข” บนเส้นทางแห่ง “สตรีทอาร์ท” สุดชิค ของงานศิลป์ผสมผสานวิถีชีวิตชุมชนอย่างลงตัว
เป็นเสน่ห์ความงดงามที่ต้องห้ามพลาด
ตลอดเดือนกรกฎาคม
2565 นี้ เตรียมออกลุยสตรีทอาร์ตสุดชิค 5 แห่ง
กันได้ตั้งแต่ ตลาดน้อย กรุงเทพมหานคร ตลาดศาลเจ้าโรงทอง
จ.อ่างทอง เกาะญวน จ.นครสวรรค์ หนองประจักษ์ จ.อุดรธานี และหาดใหญ่ จ.สงขลา
เช็คอินจุดที่ 1 เดินชม “ตลาดน้อย” ย่านเก่าแก่ริมเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ
ชาวจีนเรียกว่า "ตะลัคเกียะ" ได้ดีไซน์ศิลปะ
ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกับรถเจ้าถิ่นสีส้มสุดเก๋าจอดประจำอยู่ริมกำแพงอิฐ
มีสถานที่แนะนำ ให้แวะสักการะศาลเจ้าโรงเกือก สัมผัสกลิ่นอายเทศกาลกินเจ
ชิมขนมเต่าแสนอร่อย
เช็คอินจุดที่ 2 “ตลาดศาลเจ้าโรงทอง” จ.อ่างทอง มีอายุกว่า 100 ปี โดยยังคงเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมแบบจีน
สตรีทอาร์ทแห่งนี้มีไฮไลต์เป็นศูนย์รวม “ขนมไทย” หลากชนิด อย่าง ขนมเกสรขนมลำเจียก
ขนมสัมปันนี ขนมลูกเต๋า ขนมขี้ควาย ขนมไข่ปลา ข้าวต้มมัด และกล้วยปิ้ง
ต้องห้ามพลาด สักการะศาลเจ้ากวนอู
ตั้งอยู่ติดกับศาลเจ้าโรงทอง และ "หลวงพ่อใหญ่" วัดม่วง ขนาดองค์พระพุทธรูปใหญ่ที่สุดในโลก
ก่อนกลับต้องแวะหมู่บ้านทำกลองเอกราช ที่มีชื่อเสียงและดีที่สุดในเมืองไทย
เช็คอินจุดที่ 3 หาดใหญ่ จ.สงขลา เมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางประวัติศาสตร์ธรรมชาติทางทะเล
นำเสนอสตรีทอาร์ตที่บ่งบอกถึง “อาหารอร่อย” มีเมนูให้เลือกละลานตา เช่น
ไก่ทอดหาดใหญ่ ติ่มซำ ซาลาเปาทอด ขนมดอกกระโดน พร้อมแหล่งท่องเที่ยวมีเสน่ห์มากมายอย่าง
อาคารชิโนโปรตุกีส เจดีย์สแตนเลส วัดฉื่อฉาง และบริเวณหาดสมิหลา มีสัญลักษณ์รูปปั้นนางเงือก
หอนาฬิกา โชว์ภาพวาดขนาดใหญ่กว่า 200
ตารางเมตร
เช็คอินจุดที่ 4 หนองประจักษ์ จ.อุดรธานี เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจโดยมี “ตุ๊กตาเป็ดสีเหลือง”
ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมหนองน้ำ สตรีทอาร์ตที่นี่คือ รูปล่องเรือท่องเที่ยวชมทะเลบัวแดงที่หนองหานกุมภวาปี
พร้อมถ่ายรูปกับ "คุณทองโบราณ" มาสคอตอุดรธานี มีประวัติเรื่องเล่าน่าสนใจ
ถึงการค้นพบจากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงเป็นโครงกระดูกสุนัขโบราณอายุกว่า 3,000 ปี ชื่อที่ได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
จากนั้นเดินทางต่อไปกราบพระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนียังวัดป่าภูก้อน
แล้วเข้าเมืองมาที่มูลนิธิศาลเจ้าปู่-ย่า คล้ายการยกเมืองจีนมาไว้ใจกลางอุดร ก่อนกลับแวะช้อปของฝาก
อย่าง “ไหบ้านเชียง” มีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ต้นตำรับอายุกว่า 5,600 ปี
เช็คอินจุดที่ 5 เกาะญวน จ.นครสวรรค์ นำเสนอภาพสตรีทอาร์ทของน้องสุขใจกับปันสุขโลดแล่นบนหลังมังกรในเกาะญวน
ต่อด้วยการไปทักทายมังกรสวรรค์ที่ “อุทยานนครสวรรค์” เที่ยววัดศรีอุทุมพรกับวัดคีรีวงศ์
ที่ชาวนครสวรรค์ให้ความเคารพศรัทธา ก่อนจะไปชม “พาสาน” สถาปัตยกรรมสัญลักษณ์ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา
ปิดท้ายต้องขึ้น “หอชมเมืองนครสวรรค์” สูงถึง 10
ชั้น ทิวทัศน์บึงบอระเพ็ดชัดเจน
สุขภาพ - 8อย่างต้องรีบเตรียมตัวเตรียมใจเข้าสู่สูงวัยอย่างมีความสุข
เมื่อเข้าสู่ช่วงสูงอายุอวัยวะต่าง
ๆ จะเริ่ม ถดถอย การมีโรคประจำตัวไม่ใช่เรื่องสนุก เพราะหมายถึง
การทำกิจกรรมบางอย่างไม่ได้เหมือนเดิม ต้องรับประทานยา ตลอด แถมหากไม่มีลูกหลาน
การไปหาหมอก็ไม่สนุกนัก การมีสุขภาพที่แข็งแรงจะทำให้เราพึ่งพาตนเองได้
เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุแล้ว การดูแลตัวเองอย่าง
สม่ำเสมอด้วยการออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น การเดิน การจ็อกกิ้ง หรือ กีฬาที่ชอบ
และทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
เมื่อก้าวเข้าวัยสูงอายุ
จะมีความอ่อนไหวทางจิตใจมากกว่าเดิม ต้องการการเอาใจใส่จากคนรอบข้าง และ
ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ คนเราต่างต้องการ
สังคมที่จะไม่ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวลำาพังเพราะฉะนั้นต้อง มีเพื่อน
ต้องมีกิจกรรมทางสังคมที่ยึดโยงให้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า ความจำดี
ความสัมพันธ์ของผู้คนรอบข้างดี
เคล็ดลับหลับสบายของคนสูงวัย
1.
เข้านอนให้เป็นเวลา จนเคยชิน เวลาที่แนะนำคือ 3-4 ทุ่ม
2.
นอนกลางวันได้ แต่อย่านาน และไม่นอนหลังบ่าย 3 โมง
3.
ดื่มน้ำช่วงค่ำให้น้อยลง จะได้ไม่ตื่นมาปัสสาวะบ่อยๆ ตอนกลางคืน
4.
งดชา กาแฟ เครื่องดื่มมีคาเฟอีน ในช่วงบ่าย
5.
ใช้ผ้าปูที่นอน หรือม่านสีอ่อน เพิ่มบรรยากาศให้หลับสบาย
6.
ปรับสภาพแวดล้อมในห้องนอน ให้มีอากาศถ่ายเท ไม่หนาวหรือร้อนเกินไป
ไม่มีแสงหรือเสียงคอยรบกวน
7.
สวดมนต์ ฟังธรรม หรือทำกิจกรรม ผ่อนคลายก่อนนอน
8.
หากต้องใช้ยานอนหลับ ควรอยู่ภายใต้การดูแล ของแพทย์
การเป็นผู้สูงวัยผ่านประสบการณ์มามากมาย
ซึ่งสามารถจะถ่ายทอดให้คนรุ่นใหม่ หรือ
เป็นส่วนหนึ่งของการทำากิจกรรมเพื่อสังคมได้ การเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร หรือ
เป็นสมาชิกของชมรมใดชมรมหนึ่ง จะช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกถึงความมีคุณค่าของตนเอง
ทำาให้คลายเหงา มีชีวิตชีวามากขึ้น ซึ่งการทำาจิตใจให้ร่าเริงเบิกบาน
อยู่เสมอจะช่วยให้เกิดความสุขขึ้นได้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –กระทรวงต่างประเทศโชว์ไทยติดแชมป์โลกด้านท่องเที่ยว-สาธารณสุข
กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) รวบรวมผลสำรวจทั่วโลกปี 2565 ที่ได้จัดอันดับประเทศไทยไว้รวม
4 ด้าน โดยเฉพาะ ด้านท่องเที่ยว ที่ครองแชมป์โลก คือ
“เกาะพะงัน” เป็นเกาะที่เหมาะสมเรื่อง Workation “กรุงเทพฯ”
เป็นเมืองน่าท่องเที่ยว และด้านสาธารณสุข
แชมป์โลกเรื่องการฟื้นตัวและรับมือกับโควิด-19 ได้ดีที่สุด
สำหรับด้านอื่น ๆ มีดังนี้
ด้านที่ 1 การท่องเที่ยว
อันดับที่ 1 “เกาะพะงัน” เป็นสถานที่เหมาะสมมากที่สุดในโลกเรื่องการทำงานท่องเที่ยวได้ประจำปี
2565
(Workation) (ที่มา : William Russell.com) “กรุงเทพฯ” เมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกชื่นชอบมากที่สุด
(Best
City) ในการท่องเที่ยวเอเชียแปซิฟิก (ที่มา : นิตยสาร DestinAsian)
อันดับ 3
และ 4 ภูเก็ตและเกาะสมุย เป็นเกาะท่องเที่ยวภาคการท่องเที่ยวเอเชียแปซิฟิก
(ที่มา : นิตยสาร DestinAsian) “ประเทศไทย” ติดอันดับ 4
เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวน่ามาเยือนมากที่สุดในโลก
หลังสถานการณ์โควิด-19 (ที่มา : Visa Global Travel
Intentions Study)
อันดับ 8
ประเทศที่มีความปลอดภัยในการเดินทางสูงที่สุด (ที่มา:
Berkshire Hathaway Travel Protection)
อันดับ 14
ไทยประเทศที่มีผู้เข้าชมใน Street View มากที่สุดจากทั่วโลก
(ที่มา: Google Street View)
อันดับ 20
ต้มยำกุ้งคือซุปที่ดีที่สุดในโลกปี 2022 ของ CNN
Travel ปี 2565 (ที่มา : CNN Travel)
ด้านที่ 2 เศรษฐกิจ
อันดับ 9
ไทยเมืองที่นักเดินทางรอบโลกโหวตให้เป็นขวัญใจนักชิม (ที่มา : Tripadvisor)
อันดับ 71
ประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก (ที่มา : CS Global Partners)
อันดับ 35
(อันดับ 2 ในอาเซียน)
ประเทศที่มีความสุขที่สุด ในการใช้ซอฟต์เพาเวอร์สร้างความรับรู้ภายในประเทศ (ที่มา
: Global Soft Power Index 2022)
ด้านที่ 3 คุณภาพชีวิต
อันดับ 16
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยที่มีการดำเนินงานสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable
Development Goals: SDGs) หรือ The Impact Ranking 2022 (ที่มา: The Times Higher Education)
อันดับ 61
(อันดับ 3 ในอาเซียน)
ประเทศที่มีความสุขที่สุด (ที่มา :
เครือข่ายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ รายงานความสุขโลกประจำปี World
Happiness Report 2022)
ด้านที่ 4 สาธารณสุข
อันดับ 1
ประเทศที่ฟื้นตัวและรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดีที่สุด (ที่มา : The Times Higher Education)
อันดับ 30
โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2565 หรือ The
World’s Best Hospitals 2022 (ที่มา :
นิตยสารข่าวรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ Newsweek)
ข่าวที่สอง –“ศักดิ์สยาม”สั่งกพท.คุมลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ใหม่2.3แสนล้านปี’65-70
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อการบูรณาการการพัฒนานวัตกรรมและโครงข่ายทางถนนร่วมกันของ
3 งาน ระหว่าง 1.กรมทางหลวง (ทล.) 2.กรมทางหลวงชนบท (ทช.) 3.การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เดินหน้ากำหนดแนวทางพัฒนา โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
โครงการทางหลวงชนบท และโครงการทางพิเศษ ไม่มีเกิดความซ้ำซ้อนกันเรื่องการลงทุน โดยให้
กทพ. เป็นผู้ลงทุนในโครงการแทน ทล. และ ทช. นำร่องงานแรก กทพ.จะเป็นผู้นำลงทุนและบริหารจัดการเบื้องต้น
5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2.3 แสนล้านบาท จากทั้งหมด 18 โครงการ ตามแผน 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2665-2570
เหตุผลสำคัญในการมอบหมายให้ กทพ. เป็นผู้ทำโครงการของ
ทล. และ ทช. เพราะเห็นว่าบางโครงการจะติดปัญหาเรื่องงบประมาณต้องใช้เม็ดเงินสูง ดังนั้นนโยบายของกระทรวงคมนาคมต่อจากนี้เป็นต้นไปนี้
หากโครงการใดต้องเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างโครงการ
จะต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่ามากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาเชิงพาณิชย์พื้นที่ก่อสร้างตลอดสองข้างทาง
เช่น สถานที่จอดรถ พักรถ หรือ Rest Area เพราะเมือนพัฒนาพื้นที่ก็จะรายได้นำมาใช้ช่วยลดภาระประชาชนเรื่องค่าบริการผ่านทางให้ราคาถูกลงได้
ส่วนรูปแบบการดำเนินโครงการ จะให้ กทพ.พิจารณาตามทางเลือกที่เหมาะสม
ได้แก่ 1.ผ่านการจัดตั้ง
“กองทุน TFF-Thailand Future Fund” หรือ 2.โครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน
หรือ PPP -Public
Privat Partnership
โดย
กทพ.นำร่องบริหารจัดการกระจาอยู่ตามเส้นทางสำคัญทั้งภาคใต้ กรุงเทพฯ รอบปริมาณมลฑล
ปทุมธานี นครนายก สมุทรปราการ สมุทรสาคร 5 โครงการแรก ประกอบด้วย
โครงการที่ 1 ทางพิเศษสายเมืองใหม่ - เกาะแก้ว -
กะทู้ จังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 30
กิโลเมตร เดิมกรมทางหลวง (ทล.) เคยศึกษาออกแบบเป็นทางหลวงแนวใหม่สายเมืองใหม่ -
เกาะแก้ว แล้วให้การทางพิเศษกทพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการเป็นรูปแบบทางพิเศษเชื่อมต่อกับโครงการทางพิเศษสายกะทู้
- ป่าตอง
โครงการที่ 2 ทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 305 (ปทุมธานี - รังสิต - องครักษ์) ระยะทาง
20 กิโลเมตร ทาง ทล. ได้ศึกษาออกแบบไว้ แล้วให้
กทพ. เป็นผู้ดำเนินการเป็นโครงการทางพิเศษสายอุดรรัถยา - ปทุมธานี
โครงการที่ 3 ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายทางยกระดับศรีนครินทร์
- สนามบินสุวรรณภูมิ ระยะทาง 18
กิโลเมตร ทาง ทล. ศึกษาออกแบบไว้แล้ว ให้ กทพ. ดำเนินการเป็นทางพิเศษ
โดยให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
โครงการที่ 4 ทางสนับสนุนการเชื่อมต่อระบบขนส่งหลักของประเทศ
ช่วงจังหวัดสมุทรสาคร - สมุทรปราการ
(สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ
และถนนเชื่อมต่อ) ระยะทาง 72
กิโลเมตร กรมทางหลวงชนบท (ทช.)
ได้ศึกษาและออกแบบไว้แล้ว รวมทั้งได้เสนอรายงาน EIA ให้ทางคณะกรรมการผู้ชำนาญการผ่านความเห็นชอบแล้ว
ขณะนี้เตรียมนำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเห็นชอบอีกทั้ง
โครงการนี้มอบ ให้ กทพ. ทำในเชิงบูรณาการร่วมกับโครงการถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร
รอบที่ 3 ด้านใต้ แล้วให้ ทช.
เป็นผู้ดำเนินโครงการถนนโครงข่ายรองที่เชื่อมต่อช่วงถนน จาก ทล.3 มาบรรจบ ทล.34 ระยะทาง 16 กิโลเมตร
โครงการที่ 5 สะพานเชื่อมเกาะสมุย จากอำเภอเกาะสมุย
จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปยังอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ระยะทาง 17 กิโลเมตร ให้ กทพ. เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการทั้งหมด
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น