ททท.ใส่เกียร์เร่งเที่ยวชุมพร-ระนองกรีนซีซั่น6บิ๊กอีเวนต์
เสิร์ฟ5Grand Moment“โลกใต้ทะเลชุมพร-มหานครน้ำแร่”
กระหน่ำโปรทัวร์ดำน้ำชุมพร-เที่ยวระนองแช่น้ำแร่ลด50%
คิงเพาเวอร์สานฝันเด็กไทยปี’68แจกฟุตบอลใกล้1ล้านลูก
THE POWER BAND คิงเพาเวอร์รับสมัคร 3 สนามใหญ่
ททท.จัดTTM+2025
เชียงใหม่4-6มิ.ย.หวังโกย4.2พันล้าน
บางจากนำมูลนิธิใบไม้เขียวลุยปั้นเด็กจิ๋วสู่เด็กแจ๋วปีที่8
สุขทันทีที่เที่ยวกาญจน์รถไฟ-พระพุทธเจติยคีรี-สังขละ
4 วิธีแก้ปวดหัวจากแดดได้กับ4 วิธีช่วยทนแดดได้ดีขึ้น
นายกฯ“อิ๊งค์”นำท่องเที่ยววาระแห่งชาติรับ4สัญญาณโลก
Siba Japan สื่อออนไลน์บุกตลาดคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่น
วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #ทททชุมพร
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...
ช่วงที่
1 สัมภาษณ์ !! กฤชสร ทรายแก้ว ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) สำนักงานชุมพร ใส่เกียร์แรงกระตุ้นท่องเที่ยวทะเลหน้าฝน 2 จังหวัด มาแรง 6 งาน/อีเวนต์ “ชุมพร” จัดถี่ยิบ 13
งาน ไฮไลต์ 4 งานใหญ่
“เที่ยวทุ่งตะโก-มหกรรมท่องเที่ยวโดยชุมชน-วิ่งทะเลแหวกสู่เกาะพิทักษ์-หลังสวนฟิชชิ่ง”
ด้าน “ระนอง” ชูจุดขาย 2 งาน
“มหานครน้ำแร่-วิ่งเก็บตะวันเกาะพยาม” แล้วห้ามพลาด 5 Grand
Moment เที่ยวโลกใต้ทะเลชุมพร /แพลงตอนเรืองแสง/ปากน้ำหลังสวน
/มหานครน้ำแร่ระนอง/สกายวอล์คเขานิเวศน์ 1 มิ.ย.68 จูงใจคนเที่ยวด้วย 2 โปรโมชั่น
ดำน้ำชุมพรรับของที่ระลึกฉลามวาฬ ทัวร์ระนองแช่น้ำแร่ลด 50%
นางสาวกฤชสร ทรายแก้ว ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานชุมพร เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์ส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวเมืองทะเลช่วงฤดูฝนในชุมพรและระนอง ซึ่งมีความโดดเด่นพร้อมจะสร้างประสบการณ์เดินทางแห่งความประทับใจได้ต่อเนื่องระหว่างมิถุนายน-กันยายน 2568 โดยจะใช้การท่องเที่ยวกระตุ้นรายได้เข้าพื้นที่ สร้างงาน สร้างอาชีพ ให้ทั้งผู้ประกอบการ ชุมชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง นำเสน่ห์การท่องเที่ยวที่เสิร์ฟให้ทุกคนได้สุขทันทีที่ได้เที่ยว “จังหวัดชุมพร” ได้ทยอยจัดการท่องเที่ยวในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 13 กิจกรรม เชิญชวนเดินทางมาสัมผัสไฮไลต์สีสันความสนุกกับ 4 กิจกรรม คือ
กิจกรรมแรก
งานเที่ยวทุ่งตะโก วันที่ 14-15 มิถุนายน 2568 บริเวณหาดลับหัวหิน และอ่าวมะม่วง
อำเภอทุ่งตะโก ภายใต้ความร่วมมือของ ททท.องค์กรพัฒนาท้องถิ่น
ภาคีเครือข่ายการท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร
ผลักดันเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ให้เป็นพื้นที่พัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน การสร้างและมีส่วนร่วมของชาวทุ่งตะโกเดินหน้าเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ภายในงานจะรวมผลงานศิลปะท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ร้านค้าชุมชนมาจัดแสดง
เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาอุดหนุน จุดเช็คอินสวย ๆ อย่างเพลิดเพลิน
กิจกรรมที่
2 งานมหกรรมท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดชุมพร
โดยชาวปากน้ำหลังสวน ททท.ชุมพร และองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร
เครือข่ายการท่องเที่ยวชุมพร ร่วมกันจัดขึ้นวันที่ 20-22 มิถุนายน
2568 ทำให้ทั้ง 8 อำเภอ มีความเข้มแข็ง
นำเสนอสินค้าการท่องเที่ยวโดยชุมชน สร้างเครือข่ายขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
แล้วก็เชิญเครือข่ายจากสุราษฎร์ธานี และชุมชนทั่วประเทศ มาเยี่ยมชมงาน
กิจกรรมที่ 3 งานวิ่งแหวกทะเลสู่เกาะพิทักษ์ หลังสวนมินิมาราธอน วันที่ 22 มิถุนายน 2568 จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 29 แล้วโดยมีไฮไลต์ไปชมเรือหลวงจักรีนฤเบศร โดยมีภาครัฐและเอกชนร่วมมือกัน ทุกปีจะมีนักวิ่งมารวมกันตั้งแต่ 1,000 -5,000 คน
กิจกรรมที่
4 งาน หลังสวน ฟิชชิ่ง วันที่ 6-7 กันยายน 2568 ที่ ททท.เครือข่ายการท่องเที่ยว
กับสมาคมตกปลา ร่วมกันจัดขึ้นที่บริเวณปากน้ำหลังสวน
ชวนนักท่องเที่ยวมาร่วมแข่งขันตกปลา
เพื่อผลักดันอำเภอหลังสวนเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม จัดมาเป็นปีที่ 3 แล้ว
ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวภาคใต้ด้วยกันเดินทางร่วมงานจากสุราษฎร์ธานี ภูเก็ต
กลุ่มชื่นชอบกีฬาตกปลามีกำลังซื้อสูง
ททท.เล็งเห็นถึงประโยชน์จากการส่งเสริมท่องเที่ยวแล้วได้สร้างอาชีพด้วย
“จังหวัดระนอง” เป็นอีกพื้นที่การท่องเที่ยวหน้าฝนมีกิจกรรมความหลากหลาย พร้อมจะนำมากระตุ้นตลอดมิถุนายน-กันยายน 2568 ได้แก่
กิจกรรมที่
1 วิ่งเก็บตะวัน Ranong Sunset Run 2025 วันที่ 7 มิถุนายน 2568
ที่เกาะพยาม จังหวัดระนอง ขณะนี้มีผู้สนใจสมัครแล้วกว่า 1,000 คน
ร่วมการการแข่งขันวิ่งทั้งระยะทาง Fun Run 5.5 กม. และมินิมาราธอน 11.5 กม.จัดทำเป็นโมเดลการท่องเที่ยวเชิงกีฬา
หรือ Sport Tourism รอบเกาะพยามแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ยั่งยืนกลางอันดามัน วิ่งชมตะวัน
ฟังเสียงคลื่น จบด้วยการแช่น้ำแร่ร้อนเมืองระนอง
เพราะหลังจากวิ่งเสร็จทุกคนจะได้รับบัตรกำนัลส่วนลดจาก ททท.
นำไปใช้แช่น้ำแร่ตามสถานที่ต่าง ๆ ผ่อนคลายเติมเต็มความฟิน
เพิ่มประสบการณ์ความสุขทันทีที่เที่ยวระนองได้ด้วย
กิจกรรมที่ 2 ระนองมหานครน้ำแร่ เดือนกรกฎาคม 2568 ทุกภาคส่วนจะร่วมกับ ททท.ผลักดันให้เป็นจุดหมายปลายทางเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Health and Wellness สร้างรายได้เข้าพื้นที่ตลอดฤดูฝน พร้อมกับประชาสัมพันธ์ให้คนไทยและนานาชาติรู้จักเพิ่มมากขึ้น
ผอ.กฤชสร กล่าวว่า ยังได้เตรียมขับเคลื่อน Grand Moment สอดรับตามกลยุทธ์ของตลาดในประเทศ นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวที่จะสร้างประสบการณ์ความประทับใจ ในความหลากหลายและแตกต่างจากทั่วไป เริ่มจาก “จังหวัดชุมพร” มีจุดขายเด่น ๆ 3 กิจกรรม ได้แก่
1.สัมผัสมหัศจรรย์โลกใต้ทะเลชุมพร เชิญชวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาดำน้ำตื้นและน้ำลึก ในสถานที่ใต้ทะเลอันอุดมสมบูรณ์ ทักทายสัตว์ทะเลซึ่งเป็นเอกลักษณ์ท้องทะเลแห่งนี้ เช่น “ปลาผีเสื้อ” นักดำน้ำตื้นน้ำลึกจะได้เห็นปลาชนิดนี้ว่ายน้ำเคียงคู่กันมาตลอดเป็นปลารักเดียวใจเดียว มีอยู่เกือบทุกเกาะในชุมพร ต่อด้วย “ฉลามวาฬ” จะแวะเวียนมาหาแพลงตอนเป็นอาหาร แล้วนักท่องเที่ยวจะได้ว่ายน้ำเคียงข้างฉลามวาฬอย่างปลอดภัย
2.ปรากฏการณ์ธรรมชาติแพลงตอนเรืองแสง เป็นความมหัศจรรย์ของสิ่งมีชีวิตที่จะทำให้น้ำทะเลกลายเป็นสีฟ้าสดใส ใต้แสงดาว เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์ส่วนตัวในคืนเดือนมืด โดยเฉพาะหน้าฝนจะชมได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น
3.เที่ยวทะเลปากน้ำชุมพร
เกิดจากความของปราชญ์ชาวบ้าน ชวนนักท่องเที่ยวมาสนุกสนานกับ Street Art 12 สไตล์ เดินชมกันอย่างเพลิดเพลิน ตอนนี้
ททท.จัดกิจกรรมกระตุ้นนักท่องเที่ยวเดินทางมาเช็คอินสตรีท อาร์ต ปากน้ำชุมพร
มีของที่ระลึกมอบให้เริ่มตั้งแต่มิถุนายนนี้เป็นต้นไป
“จังหวัดระนอง” นำเสนอ Grand Moment 1.วิถีชีวิตนกเงือกเกาะพยาม” ได้รับฉายาว่าเป็น “มัลดีฟส์เมืองไทย” มีความเงียบสงบ ธรรมชาติสวยงาม แล้วก็มี “นกเงือก” เป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ทางธรรมชาติซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ “ความรักเดียวใจเดียว” มีคู่เพียงตัวเดียวเท่านั้น เชื่อกันว่าหากคู่รักได้มาเกาะพยามแล้วพบนกเงือกก็จะทำให้ความรักมั่นคงยืนยาวตลอดไป
2.ประสบการณ์มหานครน้ำแร่ระนอง ซึ่งมีบ่อน้ำแร่ร้อนคุณภาพสูงไร้กำมะถันให้แช่ถึง 13 แห่ง แล้วก็มีแร่ธาตุที่ช่วยให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ปัจจุบันโรงพยาบาลนำมาให้บริการรักษาโรคด้วย
3.สกาย วอล์ค ระนอง
หรือเขานิเวศน์สกายวอล์ค เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ชมวิวพาโนรามา 360 องศา ทิวทัศน์สวยงามทั้งธรรมชาติและประวัติศาสตร์เมืองเก่าแก่ได้พร้อม ๆ
กัน พร้อมทั้งมีจุดเช็คอิน พระราชวังรัตนรังสรรค์จำลอง ในช่วงหน้าฝนเมืองระนองอากาศสดชื่นมาก
ผอ.กฤชสร กล่าวว่า ททท.ชุมพร
ได้จัดทำโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ
ที่จะสร้างสีสันและแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพื้นที่ในหลากหลายช่องทาง
ด้วย 2 โปรโมชั่น
โปรโมชั่นที่ 1 ส่วนลดแช่น้ำแร่ร้อนเมืองระนองลด
50 % ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน- 31
สิงหาคม 2568 เพียงแค่นักท่องเที่ยวแสดงหลักฐานการเดินทาง
เป็นบัตรโดยสารขึ้นเครื่องบิน (boardingpass) ตั๋วรถทัวร์
หรือหลักฐานการเข้าพักโรงแรมต่าง ๆ ในระนอง
กับผู้ประกอบการบ่อน้ำแร่ก็จะได้ส่วนลดทันที
โปรโมชั่นที่ 2 ซื้อทัวร์ดำน้ำจากบริษัทนำเที่ยวโดยไม่ต้องมียอดขั้นต่ำ
ททท.กับเอกชนจะให้นักท่องเที่ยวเพิ่มประสบการณ์ทักทายฉลามวาฬ หากดำลงไปแล้วไม่เจอ
ก็ยังคงจะได้รับตุ๊กตาฉลามวาฬแสนน่ารักเป็นที่ระลึก เริ่มตั้งแต่มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป
แล้ว ททท.ชุมพร
ยังได้วางแผนการตลาดต่อเนื่องปี 2569 ซึ่งกำลังประชุม TATAP 2026 โดยจะต่อยอดโครงการที่
1 “มหัศจรรย์โลกใต้ทะเลชุมพร”
ส่งเสริมกิจกรรมดำน้ำทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก
เพื่อจะเติมจำนวนและรายได้จากตลาดคุณภาพสูง โครงการที่ 2 เชื่อมโยงการท่องเที่ยวทะเลระนอง-เมียนมา
ซึ่งได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง แล้วก็มาพักค้างคืนบนฝั่งระนอง
ตลอดกรีน ซีซั่น 2568 มาเติมความสดชื่นทางธรรมชาติในเมืองทะเลที่สวยงามของเมืองไทยในชุมพร
และระนอง ท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีได้ทั้ง 365 วัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์สานฝันเด็กไทยปี’68แจกฟุตบอลใกล้1ล้านลูก
บริษัท
คิง เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เดินหน้า “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” ขับเคลื่อนโครงการ
“ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย” ส่งลูกฟุตบอล คิง เพาเวอร์
เดินทางถึงมือของเยาวชนแล้วกว่า 980,000 ลูก ใกล้ถึงเป้าหมายลูกที่ 1 ล้าน
ด้วยความมุ่งมั่นทำต่อเนื่องมาถึงปีที่ 8 เพื่อสร้าง “ความเป็นไปได้” ให้เกิดขึ้นจริง
สานฝันเด็กไทยทั่วประเทศได้รับโอกาสนำลูกฟุตบอลที่ได้รับไปฝึกฝน พัฒนาฝีเท้า
ปูพื้นฐาน สู่นักเตะมืออาชีพในอนาคต
ล่าสุด
#เฟรนด์บอลเลสเตอร์
เดินทางนำคาราวานลูกฟุตบอลคิง เพาเวอร์ ไปมอบให้
“โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์”
จังหวัดนครราชสีมา ได้การต้อนรับอย่างคึกคักจากน้อง ๆ
และผู้เกี่ยวข้องที่มีใจรักในกีฬา ได้สัมผัสประสบการณ์ครั้งสำคัญพบปะพูดคุยกับ
“ไอดอล” ที่เป็นแรงบันดาลใจด้วย
พร้อมไฮไลต์สุดพิเศษ!
คือ “ฟุตบอลคลินิก”
ที่เหล่าแฟนคลับรอคอยร่วมฝึกทักษะฟุตบอลแบบใกล้ชิดกับตำนานกองหน้าทีมชาติไทย
“ลีซอ-ธีรเทพ วิโนทัย” นำทีมถ่ายทอดทักษะการเล่นฟุตบอลอย่างมืออาชีพ
ใช้ฝึกฝนตนเองได้ทุกสถานที่ทั้งที่บ้านหรือโรงเรียน
ข่าวที่ 2 -THE POWER BAND คิงเพาเวอร์
รับสมัคร 3 สนามใหญ่
คิง
เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ใส่เกียร์เร่งคืนประโยชน์สู่สังคมกับโครงการซีเอสอาร์ทางด้าน
“ดนตรี : MUSIC” ขณะนี้กำลังเปิดรับสมัครทั่วประเทศเข้าร่วมประกวด
“THE POWER BAND 2025 SEASON 5 MUSIC CREATES MORE POSSIBILITIES “ พลังดนตรี เป็นไปได้ ไม่สิ้นสุด
เชิญชวนแต่ละทีมที่มีเพลงโปรดเป็นของตัวเอง
ตัดสินใจคว้าโอกาสการไล่ตามความฝันบนเส้นทางดนตรี โดยเลือกเพลงที่ทางมหิดลจัดเตรียมไว้ให้มีถึง
100 บทเพลง
ดูลิสต์เพลงอื่น
ๆ ได้ที่ : https://www.music.mahidol.ac.th/thepow.../pdf/attachment.jpg
ขณะนี้ทยอยเปิดรับสมัครนักดนตรีทั่วประเทศ
ที่มีความพร้อมขึ้นเวทีประชันความสามารถ พร้อมแล้ว ไม่ต้องรอสมัครได้เลย 3 สนาม 3 ช่วงเวลา ดังนี้
สนามที่
1 จังหวัดเชียงใหม่ เปิดรับสมัคร: วันนี้ - 13 มิถุนายน 2568
สนามที่
2 ภูเก็ต เปิดรับสมัคร : เริ่มวันที่ 1 มิถุนายน - 11 กรกฎาคม 2568
สนามที่
3 กรุงเทพฯ เปิดรับสมัคร : เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม - 15 สิงหาคม 2568
คุณสมบัติหลัก ๆ
ของนักดนตรีที่จะร่วมประชันความสามารถโครงการ “THE
POWER BAND 2025 SEASON 5 MUSIC CREATES MORE POSSIBILITIES “
เป็นวงดนตรี : 1.สมาชิกครบตามกำหนด 2.พร้อมเลือกเพลงจากลิสต์ที่กำหนด 3.ไม่มีประสบการณ์ แต่อยากลองของ 4.อยากพัฒนาตัวเอง 5.มีความฝันอยากเป็นศิลปิน 6.มีใจและเวลา เมื่อเช็คคุณสมบัติแล้วมีเกิน 3 ข้อ = สมัครได้เลย
ข่าวที่
3-ททท.จัดTTM+2025 เชียงใหม่4-6มิ.ย.หวังโกย4.2พันล้าน
นางจิระวดี คุณทรัพย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป
อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่
พร้อมด้วยพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชนจัดงาน Thailand Travel Mart Plus
(TTM+) 2025 ระหว่างวันที่ 4-6
มิถุนายน 2568 ที่อุทยานราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมจะใช้เป็นโอกาสและเวทีเจรจาธุรกิจทางการท่องเที่ยวกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวไทย
เสริมภาพลักษณ์สร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวและใส่ใจในคุณค่าแห่งความยั่งยืน คาดการจัดงานครั้งนี้จะก่อให้เกิดการเจรจาธุรกิจกว่า
13,000 นัดหมาย และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 4,296 ล้านบาท
จะมีผู้เข้าร่วมงานเกือบ 1,000 คน ได้แก่
บริษัทนำเที่ยวต่างชาติทั่วโลก (Buyer) 400 ราย จาก 51 ประเทศ และภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทย (Seller) ทั่วประเทศ
450 หน่วยงาน สื่อมวลชนในและต่างประเทศ (Media) กว่า 100 ราย องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติ (NTO) จากกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
(GMS) ได้แก่ กัมพูชา เมียนมา และประเทศในเอเชียใต้ ได้แก่
ราชอาณาจักรภูฏาน เข้าร่วมด้วย
งาน TTM+2025 เป็นเวทีสำคัญการจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยกับบริษัทนำเที่ยวจากทั่วโลก จะมีโอกาสสร้างพันธมิตรรายใหม่และเครือข่ายทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง
นำไปสู่การเสนอขายแพ็กเกจท่องเที่ยวและสินค้าการท่องเที่ยวไทยในตลาดทั่วโลก
ปีนี้มีผู้ประกอบการเมืองน่าเที่ยวเข้าร่วมด้วย 14 จังหวัดที่
ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพ ยกระดับมาตรฐาน
พัฒนาการตลาดและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นของไทยก้าวสู่สากลและตลาดโลก
ปี 2568 จะเพิ่มพิเศษกว่าทุกครั้ง
1.มีผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่ทำธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ได้สิทธิ์เขาร่วม 185 ราย จากทั้งหมด 450 ราย เป็นกลุ่มที่ได้รับรางวัล Thailand Tourism Award และที่ได้มาตรฐาน STAR ของ ททท.
ภายใต้เป้าหมายการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism Goals:
STGs) ผู้เข้าร่วมโครงการ CF Hotels (Carbon Free Hotels) ของ ททท.
2.วางรูปแบบการจัดงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมุ่งสู่การเป็น
Carbon Neutral Event โดยร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจัดเก็บข้อมูลการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดขึ้นจากงาน
TTM+ 2025 ในพื้นที่อุทยานราชพฤกษ์
และชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ตงานทั้งหมด คัดแยกขยะในงานนำไปรีไซเคิลและกำจัดอย่างถูกวิธี
ลดปัญหาเรื่องการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์
นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า
จังหวัดเชียงใหม่ได้รับเกียรติให้เป็นพื้นที่ในการจัดงาน TTM+ 2025
อีกครั้ง ถือเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย
โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของภาคเหนือที่เปี่ยมด้วยวัฒนธรรม
ประเพณีอันงดงาม และทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลายสู่สายตาชาวโลก
โดยการจัดงานในครั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ได้เตรียมความพร้อมในทุกมิติ
ทั้งในด้านสถานที่จัดงาน การอำนวยความสะดวกด้านคมนาคม ความปลอดภัย
และการต้อนรับผู้ร่วมงานจากทั้งในและต่างประเทศอย่างอบอุ่นและประทับใจ
โดยเชื่อมั่นว่างาน TTM+ 2025 จะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ
รวมถึงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นพ. ธีรพัฒน์ ตันพิริยะกุล รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่
(อบจ.)กล่าวว่า อบจ.เชียงใหม่ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรหลักในการสนับสนุนการจัดงาน
TTM+ 2025 โดยเฉพาะการจัดงาน “Chiang Mai Night” งานเลี้ยงต้อนรับผู้เข้าร่วมงานจากนานาประเทศ
ซึ่งจะจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนา อาหารพื้นเมือง และบรรยากาศที่สะท้อนความงดงาม
อัธยาศัยไมตรี และเอกลักษณ์ของชาวเชียงใหม่อย่างแท้จริง
เพื่อสร้างความประทับใจและส่งต่อภาพจำที่ดีเกี่ยวกับเชียงใหม่ในฐานะเมืองท่องเที่ยวระดับโลก
ภายในงาน TTM+ 2025 ยังประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ อีกมากมาย
ได้แก่ กิจกรรม Thailand Product Update นำเสนอข้อมูลสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยและสินค้าบริการทางการท่องเที่ยวที่หลากหลาย, TTM+ Talk นำ
Speaker ที่มีชื่อเสียงมาร่วมเสวนาภายใต้แนวคิด “The
Soul of Thailand: 3F Essentials” มุ่งเน้นการนำเสนอ“เสน่ห์ไทย”
สู่สายตาชาวโลก, กิจกรรมสาธิต Product Showcase ต่าง ๆ ภายใต้แนวคิด The
Wisdom and Wellness Experience ผสานการดูแลสุขภาพกับ Thai
Wisdom ภูมิปัญญาล้านนา
โดยผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในพื้นที่ภาคเหนือ,
การนำเสนอโชว์เคสนวัตกรรมการท่องเที่ยว Travel Tech
ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI ในรูปแบบต่าง ๆ
อีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลต์
ได้แก่ รายการนำเที่ยว Pre Tour ซึ่งจะนำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวไทยที่แตกต่างและน่าประทับใจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว Wellness และ Sustainability ในจังหวัดเชียงใหม่ และ Post Tour
ที่นอกจากจะนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวในภาคเหนือ ทั้งเชียงใหม่ ลำปาง แพร่ และน่าน
แล้วยังนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงขยายไปยังภูมิภาคอื่น
ๆ ของไทย อาทิ เพชรบุรี ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์
ให้เกิดการกระจายการเดินทางไปยังพื้นที่อื่น ๆ
โดยจะเน้นการนำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่น Soft Power ไทยควบคู่ไปกับการสอดแทรกแนวคิดความยั่งยืน
การจัดงานครั้งนี้มีพันธมิตรสนับสนุน
อาทิ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) บริษัท
คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด สายการบิน ไทย ไลอ้อน แอร์ บริษัท เฟรเซอร์ส
พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ข่าวที่ 4-บางจากนำมูลนิธิใบไม้เขียวลุยปั้นเด็กจิ๋วเป็นเด็กแจ๋วปีที่
8
นางกลอยตา
ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร
บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และกรรมการมูลนิธิใบไม้ปันสุข เปิดเผยว่า ทางมูลนิธิใบไม้ปันสุข
ของกลุ่มบริษัทบางจาก กับ “ศูนย์การเรียนรู้ทุ่งสักอาศรม”
จัดอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการ “อ่านเขียนเรียนสนุก ปั้นเด็กจิ๋วเป็นเด็กแจ๋ว”
ประจำปี 2568 เมื่อเร็ว ๆ นี้ จำนวน 3 รุ่น
ให้กับผู้บริหารสถานศึกษาและคุณครูผู้สอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ทั่วประเทศ
จำนวนกว่า 260 คน
พร้อมทั้งได้กล่าวเปิดการ
“อบรมออนไลน์” ให้โรงเรียนเป้าหมาย 57 แห่ง จาก 30 จังหวัด โดยมี นางสาวสุมินตรา
ปิ่นทอง รองผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอนเขต 1
และนายสุรพล ศรีศิลป์ ผู้อำนวยการกลุ่มนิเทศติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 2
ร่วมเปิดการอบรมในพื้นที่ให้กับโรงเรียนในจังหวัดแม่ฮ่องสอน 34 แห่ง
เพื่อสานต่อภารกิจร่วมส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนให้อ่านออกเขียนได้
แล้วก็มี
“ครูก้อย -นางสาวในดวงตา ปทุมสูติ” จากทุ่งสักอาศรมเป็นวิทยากรหลัก
ร่วมกับทีมงานมูลนิธิฯ ถ่ายทอดองค์ความรู้ในการสอนภาษาไทยผ่าน “ทักษะบันได 4 ขั้น”
เพื่อเสริมศักยภาพครูผู้สอนให้เข้าใจเทคนิคการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนภาษาไทยของนักเรียนได้ถูกต้อง
และวัดผลได้ในทุกชั่วโมงเรียน
โครงการนี้ทำต่อเนื่องมาเป็นปีที่
8 มีโรงเรียนในเครือข่าย 330 แห่ง จาก 61 จังหวัด ดูแลนักเรียนครอบคลุมทั่วประเทศแล้วกว่า
11,000 คน เมื่อปี 2567 พบมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว
ทำค่าเฉลี่ยผลทดสอบระดับชาติด้านการอ่าน (Reading test: RT) สูงขึ้น 6 % สะท้อนถึงความสำเร็จของมูลนิธิใบไม้เขียวที่ได้มีส่วนร่วมยกระดับการอ่านออกเขียนได้
สร้างการศึกษาของไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
ส่งเสริมเยาวชนเป็นพลังที่แข็งแกร่งของประเทศต่อไป
ช่วงที่ 2 ตะโกนชวนกันออกไปเที่ยว
“กาญจนบุรี” กรีนซีซั่นนี้ เช็คอินด่วน ๆ 3 พิกัด
“เส้นทางรถไฟสายมรณะ” ย้อนดูประวัติศาสตร์กลางธรรมชาติงดงาม
ลัดเลาะผืนป่าสู่ยอดเขาที่ตั้ง “พระพุทธเจติยคีรี”
ชมทิวทัศน์ และ “สังขละบุรี” กับเรื่องราววิถีแห่งแม่น้ำสำคัญ 3 สาย
แล้วฟัง “4 วิธีแก้ปวดหัวจากแดด” แล้วห้ามพลาดฟังข่าวดี ๆ
ข่าวแรก “นายกฯอิ๊งค์” นำท่องเที่ยววาระแห่งชาติรับ4สัญญาณโลก
ข่าวที่สอง “Siba Japan”
เปิดสื่อออนไลน์บุกตลาดคนไทยเที่ยวญี่ปุ่น
ท่องเที่ยว
–สุขทันทีที่เที่ยวกาญจน์รถไฟ-พระพุทธเจติยคีรี-สังขละ
สายฝนเย็นฉ่ำ
ชวนให้นึกถึงผืนป่าเขียวขจี ที่จะชวนนักเดินทางที่ชอบประสบการณ์เที่ยว “กาญจนบุรี”
กรีนซีซั่นนี้ จะมาชวนไปตามรอยเส้นทางรถไฟสายมรณะ
ลัดเลาะผืนป่าขึ้นไปสักการะพระพุทธเจติยคีรี และ
พิกัดที่ 1 เที่ยวตามรอย "เส้นทางรถไฟสายมรณะ" เพิ่มประสบการณ์ Grand Moment กับการได้นั่งรถไฟไปบนสะพานไม้ เลาะเลียบหน้าผา มองเห็นวิวแม่น้ำแควน้อย
ทางรถไฟสายนี้กองทัพญี่ปุ่นสร้างขึ้นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
เพื่อเชื่อมต่อกับเมียนมา มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ ถ้ำกระแซ
สะพานข้ามแม่น้ำแคว สุสานทหารสัมพันธมิตร พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเชลยศึก พิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทย-พม่า
และจุดชมวิวอื่น ๆ
พิกัดที่ 2 "พระพุทธเจติยคีรี" บนยอดเขาวัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ ช่วงฤดูฝนฉ่ำจะได้เห็นไอหมอกหนา
เป็นซีนภาพจำของบรรดาคนชอบถ่ายภาพ เมื่อขึ้นไปถึงยอดผืนป่ามองลงมาด้านล่างจะเห็นทัศนียภาพทองผาภูมิกว้างไกล
แล้วยังสามารถดื่มด่ำศิลปะรามัญอันงดงาม พระพุทธเจติยคีรี ตั้งโดดเด่นบนยอดเขา
ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในบรรยากาศแสนสงบ ทิวทัศน์สวยงาม
พิกัดที่ 3 สังขละบุรี ปักหมุดหลักที่
“พุทธอุทยานพระใหญ่” วัดวังก์วิเวการาม มีพลังแห่งความศักดิสิทธิ์ของ “เจดีย์พุทธคยาจำลอง”
แล้วนักท่องเที่ยวสามารถเห็นร่องรอยแห่งแม่น้ำสำคัญ 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำรันตี แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ ไหลมาบรรจบกัน ตรงบริเวณสามประสบ
เกิดเป็นต้นน้ำของแม่น้ำแควน้อยสายหลักในกาญจนบุรี
บริเวณที่แม่น้ำทั้ง
3 สายไหลมาบรรจบกันนี้ เมื่อครั้งอดีตคือที่ตั้ง
“วัดวังก์วิเวการามเก่า” ปัจจุบันจมน้ำจากการสร้างเขื่อนเขาแหลม
เรื่องราวของแม่น้ำ
3 สาย ที่ไหลมาบรรจบกัน มีต้นกำเนิดจากแต่ละผืนป่ามารวมกัน
นั่นคือ “แม่น้ำรันตี” ไหลมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านทิศตะวันตก
“แม่น้ำซองกาเลีย”
มีต้นน้ำมาจากลำห้วยหลายสายในแนวเขตเทือกเขาตะนาวศรี ใกล้ชายแดนไทย-เมียนมา
รวมถึงลำห้วยโรคี่ กับห้วยสะละวะ เป็นลำห้วยสาขาสำคัญในเขตบ้านไล่โว่ กับเกาะสะเดิ่ง
อำเภอสังขละบุรี
“แม่น้ำบีคลี่”
ไหลมาจากลำห้วยหลายสาย ด้านทิศตะวันออกของอำเภอสังขละบุรี
ซึ่งไหลมาจากเทือกเขาตะนาวศรี
ออกมาเที่ยวเมืองไทยในผืนป่าเขียวสดชื่น “กาญจนบุรี”
เติมพลังความสุขทั้งการเรียนรู้ทางประวัติศาส สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
และธรรมชาติแห่งสายน้ำอันร่มเย็น มาเที่ยวได้ทุกวัน
สุขภาพ
–4วิธีช่วยแก้ปวดหัวจากแดด - 4วิธีช่วยทนแดดได้ดีขึ้น
หลายคนคงเคยเจอปัญหา “ตากแดดแล้วปวดหัว” โดยเฉพาะช่วงเที่ยงหรือบ่ายตอนแดดร้อนแรงสุด พอเจอแดดก็รู้สึกวิงเวียน หนักหัว อ่อนแรง บางรายถึงขั้นคลื่นไส้หรือเป็นลม
มาดูสาเหตุ วิธีรับมือ และวิธีทำให้ร่างกายทนแดดได้มากขึ้นกันดีกว่า
4 วิธีแก้เมื่อตากแดดแล้วปวดหัว
1. หาที่ร่มหรือที่เย็นโดยด่วน -เข้าไปในอาคารเปิดแอร์ หรือย้ายไปอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เพื่อลดการสะสมของความร้อนในร่างกาย
2. ดื่มน้ำทันที -เลือกน้ำเปล่าเย็นเล็กน้อยหรือเครื่องดื่มเกลือแร่
เพื่อชดเชยเหงื่อที่เสียไป
ควรหลีกเลี่ยงน้ำเย็นจัดหรือกาแฟที่อาจทำให้ร่างกายเสียสมดุล
3. ประคบเย็นบริเวณท้ายทอย หน้าผาก หรือข้อมือ -ช่วยลดอุณหภูมิร่างกายและบรรเทาอาการปวดหัวได้เร็วขึ้น
4. นอนพัก -หากอาการยังไม่ดีขึ้น
ให้เอนตัวนอนในท่าศีรษะสูง หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวแรงๆ เพราะอาจทำให้อาการแย่ลง
4 วิธีทำให้ร่างกายทนแดดได้ดีขึ้น
1. ฝึกออกแดดวันละนิด-เริ่มจากการอยู่กลางแดดอ่อนๆ
ช่วงเช้า 7.00-8.00 น. ทีละ 10–15
นาที ให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัว
2. ดื่มน้ำให้เพียงพอทุกวัน -ร่างกายที่ขาดน้ำจะต้านทานความร้อนได้น้อยลง ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ
2 ลิตร โดยเฉพาะในวันที่มีแดดแรง
3. กินอาหารช่วยต้านแดด -อาหารที่มีวิตามินซีสูง
เช่น ส้ม ฝรั่ง มะเขือเทศ หรืออาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
จะช่วยให้ร่างกายรับมือกับความร้อนได้ดีขึ้น
4. สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศดี -ควรเลือกเสื้อผ้าโทนสว่าง เนื้อผ้าบางเบา ไม่รัดแน่น
และมีหมวกหรือร่มติดตัวไว้เสมอ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–นายกฯ“อิ๊งค์”นำท่องเที่ยววาระแห่งชาติรับ4สัญญาณโลก
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานด้านการท่องเที่ยว วันศุกร์ที่
30 พฤษภาคม 2568 ที่ห้องสีเขียว
ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ประกาศพร้อมจะนำท่องเที่ยวไทยเป็นวาระแห่งชาติ โดยชี้ให้เห็นถึง
“ความท้าทายภาคการท่องเที่ยว” ที่ไทยกำลังเผชิญรอบด้านแล้วภาครัฐตระหนักดีถึงผลกระทบกับผู้ประกอบการและประชาชนจำนวนมาก
จากความท้าทาย 4 สัญญาณ คือ 1.ปัญหาจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าไทยเริ่มลดลง
2.นักท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม 3.ภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย
4.การท่องเที่ยวเข้าสู่ช่วงนอกฤดูเดินทางหรือ low
season
นายกรัฐมนตรี
กล่าวในที่ประชุมโดยให้ทุกฝ่ายรับมือกับปัญหาและปูรากฐานสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการของไทย
โดยรัฐบาลจะเร่งผลักดันมาตรการป้องกันปัญหา
และกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวให้ครอบคลุมทั้ง 5 ด้านได้แก่
• ด้านที่
1 ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และการสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทย
ให้เป็นที่รู้จักและดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น เร่งจัดทำโครงการประชาสัมพันธ์กระตุ้นการท่องเที่ยวไทยได้จริง
โดยมีตัววัดผลชัดเจน
รวมถึงตรวจสอบและให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของประเทศในโซเชียลมีเดีย
• ด้านที่ 2 ยกระดับความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว ต้องเร่งติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกพื้นที่ท่องเที่ยวให้แล้วเสร็จ
กวดขันการปฏิบัติติงานของตำรวจท่องเที่ยวเน้นรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น
ตลอดจนเร่งปราบปรามผู้ใช้อิทธิพลซึ่งผูกขาดการบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในเมืองไทย
• ด้านที่ 3 แก้ไขปัญหาเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว
ตั้งแต่การบริการตรวจคนเข้าเมืองให้รวดเร็ว
จัดระเบียบการใช้บริการขนส่งสาธารณะในพื้นที่สนามบิน เร่งสร้างพื้นที่การสูบบุหรี่ระหว่างเปลี่ยนเครื่อง
(Transit) เน้นย้ำให้ตั้ง “คณะทำงานเฉพาะกิจ”
เพื่อสำรวจและแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวในพื้นที่ด่วน
• ด้านที่ 4 เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว
โดยเฉพาะการบังคับใช้มาตรการกำหนด “เพดานค่าโดยสาร” สายการบินราคาประหยัดอย่างมีประสิทธิภาพ
และเร่งแก้ปัญหาการจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งสาธารณะ เร่งเตรียมเชื่อมโยง
3 สนามบิน “กระบี่-พังงา-ภูเก็ต”
• ด้านที่ 5 สร้างกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวปัจจุบันและอนาคต
เพื่อให้ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยวางรากฐานการพัฒนาข้อมูลและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว
นำมาใช้เป็นแหล่งข้อมูลวางแผนให้บริการสอดคล้องกับความต้องการนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง
มาตรการทั้ง
5 ด้าน จะผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ
และประเด็นเร่งด่วนที่ทุกหน่วยงานต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะ “การบังคับใช้กฎหมาย”
และขอให้มีกรอบระยะเวลาดำเนินการทุกเรื่องชัดเจน แล้วนำมารายงานผลความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเป็นระยะ
ๆ กับรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี
กล่าวตอนท้าย เน้นความสำคัญเรื่องแนวทางร่วมมือกันแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยขอให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยเหลือและเดินหน้าทำเคียงข้างผู้ประกอบการและประชาชน
ให้ภาคการท่องเที่ยวกลับมาเติบโตขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งอีกครั้ง
ข่าวที่สอง
–Siba Japanสื่อออนไลน์บุกตลาดคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่น
บริษัท Biz Asia
Group Co., Ltd. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ ประกาศเปิดตัวบริการใหม่ “Siba
Japan : ชิบะ เจแปน” เดินหน้าเผยแพร่ข้อมูลอัพเดททุกวันเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
วัฒนธรรม และเทรนด์ของญี่ปุ่นในตลาดนักเดินทางไทย
โดยได้จัดทำวิดีโอและบทความผ่านทางเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย
ด้วยการร่วมมือกันระหว่าง “ฟ้า ครีเอเตอร์” ชาวไทย กับ “จุนเป/Jumpei” โปรดิวเซอร์ชาวญี่ปุ่น
Siba Japan ที่นำเสนอในตลาดการท่องเที่ยวไทย ประกอบด้วย
1.การเผยแพร่วิดีโอสั้นบนโซเชียลมีเดีย ผ่านช่องทาง Instagram TikTok
หรือ YouTube ทั้งหมด 5
คลิป/สัปดาห์ ภายในคลิปได้นำเสนอข้อมูลเป็นภาษาไทยอย่างสนุกสนานมุมต่างๆ ในญี่ปุ่น
พร้อมคำบรรยาย 2 ภาษาไทยและญี่ปุ่น
ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าใจได้ทันที
2.ทำเว็บไซต์เผยแพร่บทความทุกวัน เดือนแรก จะนำเสนอแพร่บทความ การท่องเที่ยว
อาหาร วัฒนธรรม และอื่น ๆ กว่า 100 บทความ
เขียนโดยทีมบรรณาธิการคนไทยและญี่ปุ่นผ่านมุมมองของคนในท้องถิ่น
3.มีแคมเปญผสมผสานอยู่ในคอนเทนท์ทั้งสนุก ตลก มีสาระแล้ว ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2568 ทาง Siba Japan ยังมีแคมเปญให้ทุกคนได้มาร่วมสนุก
ลุ้นรับรางวัลด้วย
เว็บไซต์ Siba Japan รวบรวมข้อมูลในทุกแง่มุมของญี่ปุ่น ครอบคลุมตั้งแต่การท่องเที่ยว
ร้านอาหาร แผนการเดินทางไปจนถึงเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับญี่ปุ่น ตอบโจทย์ความสนใจหลายด้าน
สามารถอัพเดทเรื่องราวใหม่ๆ เกี่ยวกับญี่ปุ่นทางเว็บไซต์ https://sibajapan.com/
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น