ททท.ภาคกลางใส่เกียร์เร่งเที่ยวไทย มิ.ย.-ก.ย.68
จัดเต็มYear of Celebration10 แคมเปญ-6อีเวนต์
งัดเทรนด์มาแรง “สงคราม
เที่ยวด่วน” 17จังหวัด
ตั้ง“นิตินัย”CEO คิงเพาเวอร์ คนใหม่ลุยฟื้นธุรกิจ
คิงเพาเวอร์3สนามบินลุยโปรบิวตี้ไอเทมส์ลด30%
The Power Sale คิงเพาเวอร์รางน้ำ/ภูเก็ตลด50%
ผู้ว่าฯ ททท.ผนึกฑูตทั่วโลกชูเที่ยวไทยรุก5กลยุทธ์
บางจากผลิตSAFดันไทยผู้นำบินยั่งยืนปี’69ผสม1%
TCEBปลื้มICCAยกไทยแชมป์อาเซียนจัดประชุม
สุขทันทีที่เที่ยว“บางสะพาน-ปราณ-ทับสะแก/กุยบุรี”
5วิธีช่วยเพิ่มออกซิเจนให้ร่างกายทำง่ายได้ประโยชน์
อู่ตะเภารับไฟลต์แรกไทยไลออนอุดร-พัทยาตั๋ว995บ.
เปิด “ดุสิต เอจี พาร์ค เฉิงตู” ใกล้สวนเกษตรเทียนฟู่
วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...https://www.facebook.com/share/v/18ojpwcP97/
ช่วงที่
1 สัมภาษณ์ !! นางสาววรรณภา
เกียรติพงษา ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ใส่เกียร์เร่งเที่ยวภาคกลาง
ครึ่งปีหลัง 68 อัดฉีดกิจกรรมในโครงการ Year of
Celebration 10 แคมเปญ ชูไฮไลต์ Burn Out Break ดึงคาเฟ่ร่วมกว่า 150 ร้าน ปลุกตลาดเจนวาย
“แซ่บซ่าท้าเที่ยว” เจาะกำลังซื้อสูงวัย “ลั่ลล๊ากับม่ามี๊”
กระตุ้นครอบครัวออกเที่ยว จัดรัว ๆ เที่ยวรายเดือน 6 กิจกรรม
“ไฟดิจิทัลอาร์ตทรงวาด-Ayutthaya Night Run-แห่เทียนทางน้ำคลองลาดชะโด-Thailand
Earth Trail Series สระบุรี-ห่มผ้าหลวงปู่ทวดประจวบคีรีขันธ์-Amazing
Thailand Swing Dance หัวลำโพง” พร้อมเปิดเทรนด์ “สงคราม เที่ยวด่วน
ทั่วภาคกลาง” 17 จังหวัด
นางสาววรรณภา เกียรติพงษา ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ททท.ภูมิภาคภาคกลางวางกลยุทธ์จัดกิจกรรมกระตุ้นการตลาดครึ่งปีหลัง 2568
โดยทำต่อเนื่อง ส่งเสริมเมืองน่าเที่ยวภายใต้โครงการ “Year
of Celebration” โดยได้ขับเคลื่อนให้เกิดพลังไทยเที่ยวไทยอย่างคึกคักตั้งแต่มิถุนายน-กันยายน
2568 ด้วยไฮไลต์ 10 แคมเปญ
แคมเปญที่ 1 “Burn out Break :พักให้สุด
แล้วไปให้สุดทั่วไทย ”
เจาะกลุ่มเจนวายเติมพลังกายใจปลุกไฟและหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้ชีวิต ตอนนี้ได้รวบรวมร้านกาแฟทั่วไทยกว่า
150 ร้าน มอบส่วนลด 50% รวมทั้งร้านค้าออกแบบเมนูสุดพิเศษนำเข้าร่วมรายการอีก
55 ร้าน แล้วนักท่องเที่ยวยังสามารถนำใบเสร็จที่คุณใช้จ่ายในร้านกาแฟที่ร่วมโครงการ
สะสมเพื่อร่วมสนุกรับของรางวัลทุกเดือน ตามกติกากับเพจ “เมืองน่าเที่ยว Year
of Celebration”
แคมเปญ
2 บูส เอนเนอร์จี้ ทริปนี้ไม่มีอ่อม
ปล่อยพลงงานให้เต็มที่ มันส์ให้สุดกับกิจกรรมเที่ยวเชิงผจญภัย หรือ Adventure
Lover
แคมเปญที่
3 แซ่บซ่าส์ท้าเที่ยว สำหรับกลุ่มผู้หญิง
คนสูงวัย มีความพร้อมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ใช้ชีวิตให้สนุกแบบไม่ต้องรอใคร
แคมเปญที่
4 Love Out Loud ชวน LGBTQ+ หาสถานที่สุดพิเศษกับโมเมนต์แสนโรแมนติก
แคมเปญที่
5 Get
Wet Getaway การท่องเที่ยวต้อนรับฤดูฝนในจังหวัดริมแม่น้ำ น้ำตก ซึ่งมีกิจกรรมหลากหลายไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มวัย
แคมเปญ
6 Alone but NOT Lonely คนเดียวก็เที่ยวได้อย่างสนุกสนาน
ไม่ใช่เงียบเหงาโดดเดี่ยว
แคมเปญ
7 เที่ยวนี้มีหมูกะทะ
เสิร์ฟอาหารเมนูยอดนิยม
กำลังเป็นเทรนด์ของนักท่องเที่ยวจำนวนมากชื่นชอบการไปชิมหมูกะทะ
จึงสามารถพ่วงขายการท่องเที่ยวในเมืองได้ด้วย
แคมเปญ
8 ชีเสิร์ฟไม่พัก เลือกจุดเช็คอินเพื่อถ่ายรูปสวย
ๆ เท่ ๆ เก๋ ๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อทำคอนเทนท์
หรือใช้มือถือโพสต์ลงโซเชียลมีเดียส่วนตัว
ลงสตอรี่ได้รับรู้เชิญชวนเครือข่ายมาสนุกด้วยกัน
แคมเปญ
9 ดิจิทัล ดีท็อกซ์ /Digital Detox การพักผ่อนแบบล้างพิษปิดโหมดรบกวนจากการสื่อสารผ่านดิจิทัลต่าง
ๆ ทุกรูปแบบแล้วพักร่างอย่างสงบ
แคมเปญที่
10 ลั่ลล๊ากับม่ามี๊
ต้อนรับเดือนสิงหาพาแม่เที่ยว ชวนคุณแม่ออกไปเที่ยว
ททท.ร่วมกับพันธมิตรมอบส่วนลดมากมาย ทั้งที่พักโรงแรม
ร้านอาหาร กิจกรรมต่าง ๆ ตอบโจทย์เดือนแห่งวันแม่ปีนี้
แคมเปญการตลาดดังกล่าวสามารถตอบโจทย์ภูมิภาคภาคกลางครอบคลุมตามคอนเซ็ปต์
“เที่ยวใกล้ เที่ยวง่าย เที่ยวได้เลย” และ Grand Moment ต่าง ๆ เดินทางได้ทุกเวลาอันประทับใจ
โดยเฉพาะหน้าฝนเที่ยวธรรมชาติป่าเขาเขียวขจี วัฒนธรรม ประเพณี
และการท่องเที่ยวเพื่อคืนประโยชน์สู่สังคม Travel for Gift ชุมชน
สิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น ชลบุรี สมุทรสงคราม
และกรุงเทพมหานครซึ่งมีพื้นที่สร้างสรรค์ Creative City กับสตรีท
อาร์ต ต่าง ๆ
การท่องเที่ยว แกรนด์ โมเมนท์ความสุข Memory of Love เหมาะกับกลุ่มสูงวัยหรือ
Senior Active มีสถานที่พร้อมต้อนรับอย่าง ประจวบคีรีขันธ์
เพชรบุรี พระนครศรีอยุธยา ต่อเนื่องถึงโมเมนท์เสริมพลังใจ
สายมูและเวลเนสการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพองค์กร
หรือทริปตัวอย่าง Grand Moment Exclusive Escape ชวนคุณและคนสำคัญออกเดินทางไปสัมผัส
The Kissing Cave – ถ้ำแห่งความรักที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาถ่ายภาพคู่ใต้เงา
“เขาจูบกัน” กับแสงพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติก สำรวจถ้ำพระยานคร สัมผัส Unseen
Moment หาดูได้เพียงไม่กี่แห่งในโลก ดินเนอร์ด้วยเมนูพื้นบ้านคัดพิเศษ
ริมทะเลใต้แสงดาว ในที่พักสุดเงียบสงบ “เทวัญดารา บีช วิลล่า – กุยบุรี” 2 คืน 1 วัน ราคาเพียงคนละ 9,900
บาท เปิดจองทาง LINE @SILVERVOYAGE
ตอนนี้มีคอนเซ็ปต์ “สงคราม
เที่ยวด่วน ทั่วภาคกลาง” เปิดให้นักท่องเที่ยวที่ร่วมกิจกรรม Grand Moment ท่องเที่ยวในภาคกลางทั้ง
17 จังหวัด โดยถ่ายภาพ อัดคลิปวีดีโอ แชร์ประสบการณ์
โพสต์ลงโชเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกจาก ททท.ได้ตลอดโครงการ
การนำจุดขาย “สงคราม เที่ยวด่วน”
มาใช้เพื่อลดความเครียดให้คนไทย เติมความสุข ในเส้นทาง เที่ยวใกล้ เที่ยวสะดวก
สามารถทำกิจกรรมแบบง่าย ๆ เดินพาครอบครัวไปเดินในบรรยากาศยามค่ำคืนย่าน ทรงวาด
ถนนบรรทัดทอง หรือตลาดกลางคืนตามจังหวัดต่าง ๆ จึงกระตุ้นด้วยกลยุทธ์ให้คนออกเดินทางในกลุ่มครอบครัว
เพื่อนฝูง ให้ได้มากที่สุด
ผอ.วรรณภา กล่าวว่า
การท่องเที่ยวกรีนซีซั่น ระหว่างมิถุนายน-กันยายน 2568 ภูมิภาคภาคกลางมีเส้นทางและกิจกรรมการท่องเที่ยวต้องห้ามพลาด
6 กิจกรรม ดังนี้
กิจกรรมที่ 1 เทศกาลไฟดิจิทัลอาร์ต
:Awakening Somwat วันนี้-15 มิถุนายน ย่านทรงวาด ชมไฟสวยงามยามค่ำคืน
นักท่องเที่ยวตอบรับดี ตั้งแต่ชุมชนทรงวาดท่าเรือราชวงศ์
สัมผัสสตรีทฟู้ดต่อไปถึงถนนเยาวราช
กิจกรรมที่
2 Ayutthaya Run
2025 FUN FIN FEAR วันที่ 5 กรกฎาคม
บริเวณลานหลังวัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
ชวนนักท่องเที่ยวสมัครฟรี มีเหรียญ ร่วมกันแต่งแฟนซี ชุดไทย ชุดผี ชุดโขน
ชุดที่ชื่นชอบ ออกไปวิ่งอย่างสนุกสนานกลางเมืองระยะทาง 5
กม.วิ่งฝ่า 4 ด่าน 1.ด่านบันเทิงเริงใจ
ทักทายหนุมานยักษ์กลางอยุธยา 2.ด่านจักวาลผีไทยวิ่งไปกรี๊ดไป
3.ด่านหาญหักสนามรบยุคกรุงศรี 4.ด่านคุณคือยอดมนุษย์นักวิ่ง
กิจกรรมที่
3 แห่เทียนพรรษาทางน้ำคลองลาดชะโด
ครั้งที่ 14 วันที่ 14 กรกฎาคม 2568
ที่คลองลาดชะโด อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เป็นงานบุญใหญ่กับขบวนเรือแห่เทียนทางน้ำตกแต่งสวยงาม ล่องไปตามคลองลาดชะโด
มีเรือเข้าร่วมกว่า 200 ลำ ปลายทางจะนำเทียนไปถวายวัด
เป็นหนึ่งในประเพณีที่อนุรักษ์ไว้ ให้ได้ชมกิจกรรม วิถีชีวิตริมสองฝั่งคลอง
วัฒนธรรมท้องิ่น ชิม ช้อป แชะ อาหารพื้นบ้านที่ตลาดลาดชะโด
กิจกรรมที่
4 Thailand Earth Trail Series 2025 วันที่ 25-27 กรกฎาคม ที่ลานรักแคม์ ตำบลเขาชะอม
จังหวัดสระบุรี เป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวตอบรับดีต่อเนื่อง
ในการวิ่งเชิงอนุรักษ์ผสมผสานการกีฬา การท่องเที่ยว ความยั่งยืน โดยมีทั้ง
วิ่งเทรล แคมปิ้ง มิวสิค ฟู้ด ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ระยะทางวิ่งมีตั้งแต่ 8,16,28,42 และ 52 กม. ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นคึกคักตลอดงาน
กิจกรรมที่
5 ห่มผ้าหลวงปู่ทวด วันที่
8-9 สิงหาคม ที่วัดห้วยมงคล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ชวนสายศรัทธามาร่วมงานบุญ เริ่มด้วย วันที่ 8 สิงหาคม
ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา วันที่ 9 สิงหาคม
จะห่มผ้าหลวงปู่ทวดด้วยผ้ากว้าง 3 เมตร ยาวกว่า 200 เมตร เดินทักษิณาขึ้นหลวงปู่ทวด
เป็นอีกประสบการณ์ยามค่ำคืนประดับตกแต่งแสงสีเสียงเพิ่มความขลังและความสวยงาม
โดยจะแจกพระเครื่องเป็นที่ระลึกด้วย
กิจกรรมที่
6 Amazing Thailand Swing Dance Hua Lamphong วันที่ 17 สิงหาคม บริเวณหัวลำโพง กรุงเทพฯ
จะจัดกิจกรรมการเต้นสวิงปีที่ 2 โดย
ททท.ร่วมกับสมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ นักดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ทั้งคนไทยและต่างชาติกลุ่มวัยเก๋า วัยโจ๋ มารวมตัวกันสร้างความสุขร่วมกัน
ผอ.วรรณภา
กล่าวว่า ททท.ภูมิภาคภาคกลาง มีพันธมิตรมากมายเข้ามาร่วมทำโปรโมชั่น ทั้งโครงการ Year
of Celebration 10 แคมเปญ กับ Grand Moment แล้วยังมีการจัดโครงการ
Family Happy Trip เริ่มมาตั้งแต่มีนาคม -30 มิถุนายน 2568 เน้นกระตุ้นนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว
โดยมีเสริมอีก 3 กิจกรรม ได้แก่
กิจกรรมที่
1 จัดประกวดภาพวาดเยาวชน มัธยมศึกษาตอนต้น ตอนปลาย
กิจกรรมที่ 2 ประชาชนทั่วไป ร่วมประกวดภาพถ่าย
บันทึกความประทับใจแหล่งท่องเที่ยว โดยมีโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร 17 จังหวัด ทำโปรโมชั่นราคาพิเศษมากมาย
กิจกรรมที่
3 Hua Hin Healthcation x TAT : หัวหินเติมพลังใจริมทะเล
ทาง ททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ จับมือกับไทย แอร์ เอเชีย
บินตรงจากเชียงใหม่สู่หัวหินพร้อมโปรโมชั่นตั๋วโดยสารราคาพิเศษมาเที่ยวทะเลหน้าฝน
สร้างการรับรู้และส่งเสริมการเที่ยวข้ามภาคเหนือสู่ภาคกลาง
คาดจะมีนักท่องเที่ยวตอบรับไม่ต่ำกว่า 1,000 คน
สนับสนุนโรงแรม ร้านอาหาร
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวท้องถิ่นมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นช่วงวันธรรมดาทั้งกระจายไปยังพื้นที่หัวหิน
เพชรบุรี ราชบุรี และอื่น ๆ
ผอ.วรรณภากล่าวว่า อยากเชิญชวนให้ออกมาเดินทาง สุขทันทีที่เที่ยวภาคกลาง และเที่ยวเมืองไทย เดินทางง่าย สะดวก ทางรถ ทางราง รถไฟ ทางน้ำ แล้วยังมีความหลากหลายด้วยกิจกรรมมากมาย แม้แต่ในกรุงเทพฯ ก็มีสตรีท ฟู้ด สตรีท อาร์ต ชุมชน หลากหลาย พร้อมรอต้อนรับที่จะช่วยฮีลใจเติมเต็มเศรษฐกิจท้องถิ่นทุกภาคส่วน ใช้พลัง “ไทยเที่ยวไทย” เป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนประเทศเติบโตอย่างเข้มแข็งต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-ตั้ง“นิตินัย”CEOคิงเพาเวอร์คนใหม่ลุยฟื้นธุรกิจ
บริษัท คิง เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประกาศ แต่งตั้ง “นายนิตินัย ศิริสมรรถการ” นั่งเก้าอี้ Chief Executive Officer - CEO ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป สอดคล้องกับนโยบายปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของทีมผู้บริหาร โดยมุ่งหวังที่จะนำพาองค์กรไปสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมขับเคลื่อนให้ก้าวทันโลกยุคดิจิทัล การเปลี่ยนโครงสร้างสายงานการบริหารใหม่ครั้งนี้ทุกตำแหน่งมีผลตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป
โดย “นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” CEO คนปัจจุบัน ขยับขึ้นไปดำรงตำแหน่ง Executive Chairman, King Power Group - ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ โดยมีบทบาทหน้าที่สำคัญด้านการกำหนดทิศทาง และวางกรอบนโยบายในการดำเนินธุรกิจ ส่วนซีอีโอคนใหม่จะเข้ามาเสริมทัพวางกลยุทธ์บริหารงาน บริษัท คิง เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อให้การดำเนินงานขององค์กรก้าวไปข้างหน้าตามทิศทางที่ได้วางกรอบไว้เป็นอย่างดี
ขณะที่ “นางเอมอร ศรีวัฒนประภา” ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง Group Chairman - ประธานกรรมการ จะขึ้นดำรงตำแหน่ง Senior Chairman, King Power Group - ประธานกรรมการอาวุโส กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
“นายนิตินัย ศิริสมรรถการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ คนใหม่ มีประสบการณ์การบริหารงานในองค์กรขนาดใหญ่ โดยเคยดำรงตำแหน่ง “กรรมการผู้อำนวยการใหญ่” บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท./AOT” ถึง 2 วาระ รวมเวลา 8 ปี ทำให้มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางท่องเที่ยว ตอนนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่เชื่อมโยงกับธุรกิจหลักของ คิง เพาเวอร์
รวมทั้งยังมีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ การเงิน การวางแผนกลยุทธ์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนอีกด้วย การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้ จะช่วยเสริมทัพทีมผู้บริหารเพื่อพัฒนาองค์กร รวมทั้งการสร้างพันธมิตรทางการค้าใหม่ ๆ พร้อมขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคตอย่างแข็งแกร่ง
ข่าวที่ 2 -คิงเพาเวอร์3สนามบินลุยโปรบิวตี้ไอเทมส์ลด 30%
คิง
เพาเวอร์ ชวนสายบิวตี้ เตรียมตัวให้พร้อม ถึงเวลาช้อปผลิตภัณฑ์ที่โดน ๆ ต้อนรับกลางปีกับ
“บิวตี้ ไอเทมส์” สุดปัง ต้อนรับหน้าฝน น้ำหอม และเครื่องสำอางแบรนด์ชั้นนำ
ลดสูงสุด 30%ไม่มีขั้นต่ำในการช้อป!
เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ
ชวนกันมาเพิ่มประสบการณ์ดี
ๆ กับมหกรรม “All Day Super Save” สนามบิน ลดแรงดี
ไม่มีแผ่ว วันนี้ - 13 กรกฎาคม 2568
ที่คิง เพาเวอร์ 3 ท่าอากาศยานนานาชาติ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง
และภูเก็ต
ข่าวที่ 3-The Power
Sale คิงเพาเวอร์รางน้ำ/ภูเก็ตลด 50%
KING
POWER THE POWER SALE ลดสูงสุด 50% วันนี้
30 มิถุนายน 2568 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
และภูเก็ต
มา
“คิง เพาเวอร์” ลดให้สุด ให้คุณช้อปได้สุด ที่ รางน้ำ และ ภูเก็ต
กับสินค้าแฟชั่นแบรนด์ดัง ลดสูงสุด 50% (เฉพาะสินค้าแฟชั่นที่ร่วมรายการ)
สินค้าน้ำหอมและเครื่องสำอาง
ลดสูงสุด 30%* (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ) + สมาชิกลดเพิ่ม 5%*
(เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)
รับเงินเพิ่ม
30% เพียงซื้อ CASH CARD 5,000
บาท ใช้ช้อปจริงได้ 6,500 บาท! (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)
ช้อปผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
แบ่งชำระ 0% นานสูงสุด 6 เดือน
รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18,500 บาท
สมัครสมาชิกฟรี
! รับสถานะสมาชิก คิง เพาเวอร์ NAVY (ปกติเติมเงิน 1,000 บาท) + รับทันทีส่วนลด 5%* ทุกการช้อป
พร้อมสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย
มีไฟลต์ช้อปล่วงหน้าก่อนบินได้
60 วัน! หรือหากไม่มีไฟลต์ช้อปป้ายฟ้ารับกลับทันที
ข่าวที่ 4-ผู้ว่าฯ
ททท.ผนึกฑูตทั่วโลกชูเที่ยวไทย5กลยุทธ์
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก
ตนได้รับเกียรติบรรยายพิเศษ หัวข้อ
“แนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในบริบทภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน”
แก่ 98 เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก
โดยมีผู้บริหารกระทรวงฯ สมาชิกทีมประเทศไทย
พร้อมทั้งมีผู้ร่วมรับฟังผ่านออนไลน์จาก 29 ผู้อำนวยการสำนักงานต่างประเทศ
เพื่อร่วมมือกันนำรายได้จากตลาดต่างประเทศปี 2568 เข้าเมืองไทยไม่ต่ำกว่า
1.72 ล้านล้านบาท เติบโตเพิ่มอีก 5 %
โดยได้ขอบคุณเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก
98 คน พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศ
ที่ได้สนับสนุน ททท.และช่วยเหลือการดำเนินงานท่องเที่ยวทุกด้านด้วยดีตลอดมา
ครอบคลุมภารกิจสำคัญ 4 เรื่อง ได้แก่ 1.การผลักดันเส้นทางบินระหว่างประเทศ 2.จัดกิจกรรม Thai
Festival 3.ทำประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทย 4.สื่อสารประเด็นข่าวตามข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีและถูกต้องของไทยในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ผู้ว่าฯ
ฐาปนีย์ กล่าวว่า ระหว่างบรรยายพิเศษ
ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญทูตและกงสุลใหญ่ทุกคนที่มีคุณูปการ
ในฐานะนักขายประสบการณ์ท่องเที่ยวไทยบนระเบียบโลกใหม่และบริบทแห่งความท้าทายภาคการท่องเที่ยวปัจจุบันและอนาคตต่อไป
พร้อมกับขอความร่วมมือสนับสนุน
ททท.เดินหน้าภารกิจสำคัญต่อเนื่องอีก 5 กลยุทธ์ ได้แก่
• กลยุทธ์ที่
1 Airline Focus Strategy ทั้งการเพิ่มความถี่
อัตราการโดยสาร และการขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศ
• กลยุทธ์ที่
2 World Event Strategy ด้วยการเสนอแนะการจัดกิจกรรมระดับนานาชาติ
เพื่อกระตุ้นการเดินทางตามนโยบายรัฐบาล
• กลยุทธ์ที่
3 International Branding Collab Strategy เพื่อนำเสนอสินค้ากลุ่ม
5 Must Do in Thailand ในการสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยกระตุ้นการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวคุณภาพ
• กลยุทธ์ที่
4 Information Operation Strategy ด้วยการสื่อสารข้อเท็จจริง
เน้นการสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นการเดินทาง
• กลยุทธ์ที่ 5 Thai
Festival Collaboration การบูรณาการความร่วมมือระหว่าง กต. กับ ททท.
ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์และกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยว
ข่าวที่ 5-บางจากลั่นผลิตSAFดันไทยผู้นำบินยั่งยืนปี’69ผสม 1%
กลุ่มบางจากย้ำในเวที
ASAFA IPS Thailand 2025
ตอกย้ำไทยพร้อมผลิต “SAF” ผงาดขึ้นผู้นำการผลิตน้ำมันการบินยั่งยืนแห่งภูมิภาค
ปี69 นำร่องผสม 1 % มีระบบมาตรฐานท่อส่งเข้าสุวรรณภูมิ
ดอนเมือง
นางกลอยตา
ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นำกลุ่มบริษัทบางจากตอกย้ำความมางมั่นด้วยการขับเคลื่อนระบบนิเวศ
“น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน -Sustainable Aviation Fuel: SAF” ของประเทศไทย
ในเวทีการเสวนาหัวข้อ “Scaling
Advanced SAF in Thailand: From Biomass to Global Markets” งาน ASAFA Innovation & Policy Summit (IPS)
Thailand 2025
โดยมีโอกาสนำกลุ่มบริษัทบางจากร่วมสนับสนุนข้อเสนอมาตรการกำหนดสัดส่วนผสม SAF (SAF Blending Mandate) ในไทย ปี 2569 เริ่มนำร่องผสมขั้นต้น 1 % แม้มาตรการนี้ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการ
แต่เชื่อจะช่วยสร้างความชัดเจนให้ “ผู้ผลิตและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง”
พร้อมแสดงความเห็นร่วมกันได้ แม้ปัจจุบันต้นทุนการผลิต SAF ยังสูงกว่าน้ำมันเครื่องบินทั่วไป
แล้วการผสมในสัดส่วน 1 % ดังกล่าว จึงจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญกับ “ค่าโดยสารการบิน”
อีกทั้งการลงทุน SAF ยังถือเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนระยะยาว
“กลุ่มบริษัทบางจาก”
เป็นผู้บุกเบิกการผลิต SAF ชนิด Neat SAF (100%)
จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว (Used Cooking
Oil: UCO) รวมถึงวัตถุดิบทางเลือกอื่น ๆ เช่น ของเหลือทิ้งจากภาคอุตสาหกรรมและบริการ
โดยมีกระบวนการผลิตอยู่ภายใต้การรับรองมาตรฐานระดับสากลจาก International Sustainability and Carbon
Certification (ISCC)
รวมถึงยังมี
“โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ” คือ “ระบบท่อส่ง SAF” เชื่อมต่อโดยตรงจากหน่วยผลิต SAF ที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก
พระโขนง ไปสู่ท่าอากาศยาน “สุวรรณภูมิและดอนเมือง”
ช่วยสนับสนุนการกระจายเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมการนำระบบ Book & Claim กับตลาดคาร์บอนมาใช้เพื่อสะท้อนผลการลดการปล่อยคาร์บอนจากการบินอย่างแท้จริง
สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สายการบินและลูกค้า
นางกลอยตากล่าวว่า
หน่วยผลิต SAF ของกลุ่มบริษัทบางจากได้ใช้
“วัตถุดิบ” คือน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต SAF แต่ยังมองเห็นโอกาสทางเลือกในการนำน้ำมันปาล์มดิบ
(CPO) มาใช้เชิงกลยุทธ์เพิ่มเติม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของโลก
และมีทรัพยากรอยู่มากเพียงพอ ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อผลิต SAF ได้อย่างมีศักยภาพ
แม้การนำน้ำมันปาล์มดิบหรือ
CPO จะยังไม่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน EU RED II หรือ ICAO CORSIA แต่ไทยมีความพร้อมจะพัฒนาระบบรับรองอย่างเข้มงวดและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ซึ่งจะช่วยสร้างสมดุลระหว่างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม กับการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน
รวมถึงส่งเสริมเศรษฐกิจการเกษตรของประเทศ
นางกลอยตาได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ควบคู่กับการจัดทำกรอบปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อขับเคลื่อนให้ไทยก้าวสู่การเป็น “ศูนย์กลาง SAF ของภูมิภาค”
อย่างชัดเจน
ข่าวที่
6- TCEBปลื้มICCAยกไทยแชมป์อาเซียนจัดประชุม
TCEB ปลื้ม ICCA
เปิดรายงานปี’67 “ไทย” แชมป์อาเซียน
ด้านจัดประชุมนานาชาติ พร้อมจัดอันดับให้ทั้งประเทศมากสุดเป็นประวัติการณ์ 13
เมืองไมซ์ “กรุงเทพฯ” ปังสุด เลื่อนอันดับแบบก้าวกระโดดขึ้นที่ 7
จากปีก่อนรั้งอันดับ 15
นายภูริพันธ์
บุนนาค รองผู้อำนวยการ และรักษาการแทน
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ไทยได้รับการจัดอันดับ 1 ของภูมิภาคอาเซียนให้เป็นประเทศจุดหมายการจัดประชุมนานาชาติ
จากสมาคมการจัดประชุมนานาชาติ (International Congress and Convention
Association: ICCA) โดยมีกรุงเทพฯ ติดอันดับ 7
ของโลก เมื่อปี 2567 เลื่อนจากปี 2566 ติดอันดับ
15 ส่วนภาพรวมไทยติดอันดับจำนวนสูงสุดรวม 13 เมือง
ทางสมาคมการจัดประชุมนานาชาติ หรือ ICCA
เปิดเผยรายงาน GlobeWatch Business Analytics – Country
& City Rankings ประจำปี 2567 ในงาน IMEX
Frankfurt 2025 ที่เยอรมนี
มีผลวิเคราะห์ข้อมูลการจัดประชุมทั่วโลกตลอดปี 2567 รวมกว่า 11,000 รายการ โดยมี “ภูมิภาคเอเชีย”
ครองสถิติจัดงานประชุมนานาชาติโดดเด่นยอดนิยมติดอันดับ 2
รองจากทวีปยุโรป
สำหรับ
“ไทย” พบว่า ปี 2567 เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติรวม 158 งาน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 เจ้าภาพจัด 143 งาน ส่งผลให้ปีที่ผ่านมาไทยขยับมาอยู่ในอันดับ 25
ของโลกจากปี 2566 อยู่อันดับที่ 26 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไทยครองอันดับ ใน “อาเซียน” ไทยครองอันดับ 1
“กรุงเทพฯ”
เป็นเมืองยอดนิยมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติรวม 115 งาน ติดอันดับ 7 ของโลก ในฐานะเมืองจุดหมายปลายทางการประชุมระดับโลก ดีดตัวจากปี 2566
เคยติดอันดับ 15 ส่วนในเอเชีย แปซิฟิก
ก็ติดอันดับ 3 ในอาเซียนติดอันดับ 2
“Cvent” บริษัทผู้ให้บริการทางเทคโนโลยีการจัดประชุมไมซ์ ได้ประกาศรายชื่อ 2025
Top Meeting Destinations ในงาน IMEX Frankfurt 2025 ยกให้ กรุงเทพฯ ติดเมืองอันดับ 2
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รองจากสิงคโปร์
โดยอิงจากจำนวนการกิจกรรมของผู้วางแผนและผู้จัดงานในการจัดหาและการขอข้อเสนอ (RFP)
เพื่อเลือกเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก มีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Cvent
ระบุปี 2567 มีกิจกรรมทำผ่านแพลตฟอร์มการจัดหาสถานที่จัดงานจากทั่วโลก
โดยเฉพาะการดำเนินงานผ่าน Cvent Supplier Network มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง
16,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายขนาดใหญ่ที่สุดในโลกของการจัดหาสถานที่จัดงานจากทั่วโลก
ปี 2567 ประเทศไทยยังประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกคือ มีจำนวนเมืองติดอันดับมากถึง
13 เมือง ตามรายงานของ ICCA นอกจากกรุงเทพฯ แล้ว ยังมีอีก 12 เมือง ได้แก่ “เชียงใหม่” เจ้าภาพจัดการประชุม 12
งาน “พัทยา” 10 งาน
ภูเก็ต 8 งาน ชลบุรี
3 งาน เชียงราย
2 งาน ปทุมธานี 2 งาน หัวหิน 1 งาน ขอนแก่น 1 งาน สมุย/สุราษฎร์ธานี 1 งาน นครราชสีมา 1 งาน นนทบุรี 1 งาน และปัตตานี 1 งาน
นายภูริพันธ์
กล่าวว่า ทีเส็บยินดีเป็นอย่างยิ่งกับผลการดำเนินงานโดยรวมของไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ
สร้างผลงานไต่อันดับโลกโดดเด่น
จึงขอใช้โอกาสนี้ขอขอบคุณสมาคมวิชาชีพนานาชาติที่ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นกรุงเทพฯ
ซึ่งจะเป็นแรงบันดาลใจธุรกิจทั้งเมืองและอุตสาหกรรมไมซ์โดยรวมของไทยมุ่งมั่นพัฒนามาตรฐานการดำเนินงานเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
แล้วทีเส็บภูมิใจที่
ICCA จัดอันดับให้ไทยติดอันดับจุดหมายปลายทางจัดการประชุมนานาชาติถึง
13 เมืองสะท้อนถึงความหลากหลายเมืองในไทยล้วนมีขีดความสามารถรองรับการจัดประชุมนานาชาติระดับสูงสุด
เป็นสัญญาณชัดเจนถึงการเพิ่มขึ้นด้านขีดความสามารถของไทยพร้อมจัดการประชุมของสมาคมนานาชาติและองค์กรระหว่างประเทศ
มีทางเลือกคือสถานที่จัดงานหลากหลายมากขึ้น แต่ละเมืองมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเฉพาะตัว
สามารถสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายและน่าจดจำให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้
ช่วงที่ 2 เช็คอินเที่ยวประจวบคีรีขันธ์
สุขทันที่ “บางสะพาน ปราณบุรี ทับสะแก และอุทยานแห่งชาติกุยบุรี 3 วัน มีพิกัดธรรมชาติสวย ๆ มาแนะนำเพียบ แล้วฟัง “5
วิธีเพิ่มออกซิเจน” ช่วยร่างกายแข็งแรง เกาะติดข่าวฮ็อต ข่าวแรก
“อู่ตะเภารับไฟลต์ปฐมฤกษ์” ไทยไลออนแอร์ อุดร-พัทยา คึกคัก ข่าวที่สอง “เปิด ดุสิต
เอจี พาร์ค เฉิงตู” แห่งแรกใกล้สวนเกษตรเทียนฟู่
ท่องเที่ยว –สุขทันทีที่เที่ยว“บางสะพาน-ปราณ-ทับสะแก/กุยบุรี”
เที่ยวเมืองไทย
ต้องไปแล้ว ฟินทุกแนวที่ “ประจวบคีรีขันธ์” ตามรอยเส้นทาง “สุขท้าลอง 72 สไตล์
ภาคกลาง” กับกิจกรรมหลากหลายครบทุกสาย เที่ยวครบทุกอารมณ์ ธรรมชาติ ศิลปะ วัฒนธรรม
และวิถีชีวิต 3 วัน 2 คืน ที่บางสะพาน
ปราณ-ทับสะแก/กุยบุรี สนุกทุกที่ ทุกเวลา
วันแรก-
เช็คอินที่ “บางสะพาน” ตลุย 3 พิกัด เสริมพลังบุญ พิกัดที่
1 “ไหว้พระบนยอดเขาธงชัย”
ที่วัดทางสาย พระสักการะพระพุทธกิติสิริชัย
นักท่องเที่ยวสายแสวงบุญส่วนใหญ่นิยมขึ้นมาที่นี่
พร้อมชมวิวที่สวยงามของชายหาดบ้านกรูด
พิกัดที่
2 ไปนั่งชิล “ชายหาดบ้านกรูด”
ตำบลธงชัย เป็นชายหาดกว้างสวยงามมีถนนเลียบทะเลยาว 12 กิโลเมตร
บรรยากาศสงบและเป็นธรรมชาติ ที่หาดบ้านกรูดเหนือจะอยู่ทางทิศเหนือของยอดเขาธงชัย
เป็นหาดส่วนตัวที่ไม่มีถนนกั้น กับ หาดบ้านกรูดใต้ เป็นชายหาดเลียบทะเล
มีรีสอร์ตและร้านอาหารซีฟู้ด
พิกัดที่
3 ดำน้ำดูเต่าที่อ่าวบ่อทองหลาง
ที่ตำบลแม่รำพึง ชายหาดโค้งเกือบเป็นรูปวงกลม
มีหินล้อมรอบทำให้คลื่นทะเลซัดเข้ามาได้เพียงเล็กน้อย เหมาะเล่นน้ำทะเล เดินเล่น
ริมชายหาด
วันที่สอง
- ทับสะแก / กุยบุรี ปักหมุด ที่ “ผาฝั่งแดง”
สุดอันซีนอยู่แถวบางสะพานน้อย มีผาหินสีแดงสูงราว 5 เมตร ยาวเลียบทะเลกว่า 4
กิโลเมตร
ธรรมชาติสวยงามเพราะโดนคลื่นทะเลกัดเซาะหินเป็นผาสีแดงเข้มตัดกับสีฟ้าน้ำทะเล สงบ
ๆ เหมาะเดินเล่นยามเย็น ไปพร้อมกับสูดอากาศในป่าสนบ้านเหมืองแร่ ชิมมะพร้าวสดที่สวนลุงบูรณ์
และเพิ่มประสบการณ์ส่องช้างป่าที่ “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี”
หรือจะเดินเล่นถนนคนเดินริมอ่าวก็ได้อีกความรู้สึกสดชื่นสบาย ๆ
วันที่สาม-
ปราณบุรี ต้องห้ามพลาด “ล่องเรือบึงสามร้อยยอด” ชมบึงบัว”
บานสะพรั่งช่วงเช้าและเย็น
ตอนฤดูปลายฝนต้นหนาวแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด
ครอบคลุมอำเภอสามร้อยยอดกับกุยบุรี ได้รับประกาศให้เป็นหนึ่งในพื้นที่ชุ่มน้ำโลก
มีเทือกเขา ระบบนิเวศ เป็นแหล่งดูนกที่สำคัญของนกอพยพ และนกประจำถิ่น
ชาวบ้านชุมชนสามร้อยยอดมีบริการนั่งได้ลำละ
6 คน ค่าบริการ 500 บาท/ลำ สำหรับ 6 ท่าน
หรือนักท่องเที่ยวจะเดินเล่นบนสะพานไม้ ชมระบบนิเวศ ถ่ายรูป รับลมเย็นๆ ก็ได้
ค่าเข้าผู้ใหญ่40 บาท เด็ก 20
เที่ยวปราณบุรี
ยังมีสถานที่แนะนำต้องไปสักครั้งคือพระที่นั่งใน “ถ้ำพระยานคร”
หรือจะถ่ายรูปกับต้นตาลริมทะเล เดินสะพานไม้ในป่าชายเลนสิรินาถราชินี
ได้สัมผัสอีกบรรยากาศเช่นกัน
สุขภาพ –5วิธีช่วยเพิ่มออกซิเจนให้ร่างกายทำง่ายได้ประโยชน์
มีหลายวิธีสามารถช่วย
“เพิ่มออกซิเจนในร่างกาย” ได้ง่าย ๆ รวมถึงการดื่มน้ำ
การออกกำลังกาย การอบความร้อน การนวด และการสูดหายใจลึกๆ การกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
เช่น ผักใบเขียวเข้มและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ.
ด้วย 5 วิธีเพิ่มออกซิเจนในร่างกาย:
1. ดื่มน้ำ : ให้เพียงพอช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น และช่วยให้ร่างกายนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
2. ออกกำลังกาย :
อย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มความจุของปอดและทำให้ร่างกายนำออกซิเจนไปใช้ได้มากขึ้น.
3. อบความร้อน : เช่น
การแช่น้ำอุ่นหรือการใช้ห้องซาวน่า จะช่วยให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้น และส่งออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ง่ายขึ้น.
4.นวด : การนวดกล้ามเนื้อที่ตึงหรือปวด จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และส่งออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อได้.
5. สูดหายใจลึกๆ : การสูดหายใจลึกๆ ช่วยให้ปอดสามารถรับออกซิเจนได้มากขึ้น.
อาหารช่วยเพิ่มออกซิเจนในร่างกาย:
- ผักใบเขียวเข้ม
: เช่น คะน้าและผักโขม มีไนโตรเจนที่ช่วยลำเลียงออกซิเจน.
- อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง
: เช่น ถั่วขาว เต้าหู้ และช็อกโกแลตดำ ช่วยเพิ่มการผลิตเลือด
- ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
: เช่น บลูเบอร์รี่และแครนเบอร์รี่ ช่วยส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต
เคล็ดลับเพิ่มเติม
: 1.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
2.ฝึกหายใจลึกๆ เป็นประจำ 3.พักผ่อนให้เพียงพอ
4.หากมีปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–อู่ตะเภารับไฟลต์แรกไทยไลออนแอร์“อุดร-พัทยา”ตั๋ว995บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
สายการบิน “ไทย ไลอ้อน แอร์” ได้เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ SL588 บริการไป-กลับ ระหว่าง อากาศยานนานาชาติอุดรธานี
(UTH) มายังอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา (UTP) พัทยา ระยอง เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไปโดยได้การต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพันธมิตรในพื้นที่
พร้อมจะร่วมมือกันส่งเสริมเปิดเส้นทางบินสู่เมืองน่าเที่ยว
และการบินข้ามภาคระหว่างอีสานมายังภาคตะวันออก
สัปดาห์ละ 4 วัน
ทุกวันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ และวันอาทิตย์ ประกอบด้วย
เที่ยวบิน “ขาออกหรือขาไปจากอู่ตะเภา
เวลา 13.30 น. ถึงอุดรธานี 14.50 น. และเที่ยวบินขาเข้าหรือขากลับจากอุดรธานี
11.20 น. มาถึงอู่ตะเภา 12.40 น. ใช้เวลาบินเพียง 1 ชั่วโมง 20 นาที ขณะนี้นำเสนอขายตั๋วโดยสารราคาพิเศษ
เริ่มต้นที่ 995 บาท/เที่ยว และมอบส่วนลดพิเศษสำหรับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
ในพื้นที่ชลบุรีและระยอง ด้วย
ผู้โดยสารที่เดินทางมากับไทย ไลออน
แอร์ ในเที่ยวบินปฐมฤกษ์ ได้การต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทุกฝ่าย นำโดย พล.ร.ท.เกียรติกูล
สุวรรณ รองผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา พลตำรวจตรี ภูมินทร์ สิงหสุต
ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดระยอง นางอำไพ ศักดานุกูลจิต สไลวินสกี้
ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชลบุรี นางปาณรดา อัตโตหิ รองปลัดเมืองพัทยา ร่วมต้อนรับและมอบพวงมาลัยดอกไม้
ให้ผู้โดยสารเที่ยวบินแรก รวมทั้งมีผู้บริหารท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ผู้บริหารสายการบินไทย
ไลอ้อน แอร์ ผู้แทนภาครัฐ ผู้แทนภาคท่องเที่ยวของจังหวัดชลบุรีและระยอง
โดยท่าอากาศยานอู่ตะเภา ได้จัดพิธีต้อนรับ Airplane welcome หรือทำอุโมงค์น้ำ
สร้างความประทับใจให้ผู้โดยสาร ซึ่งนั่งอยู่ในเครื่องบินเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน
ข่าวที่สอง –เปิดดุสิต
เอจี พาร์ค เฉิงตูใกล้สวนเกษตรเทียนฟู่
กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทในเครือ ดุสิต
อินเตอร์เนชั่นแนล
หนึ่งในบริษัทผู้นำด้านโรงแรมและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย รายงานว่าได้ขยายธุรกิจล่าสุดเปิดตัว
“โรงแรมดุสิต เอจี พาร์ค เมืองเฉิงตู” ในสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นรีสอร์ท สุดหรูแห่งใหม่ท่ามกลางทัศนียภาพงดงามของสวนนิทรรศการเกษตรเทียนฟู่ ซินจิน
เมืองเฉิงตู
“ดุสิตธานี”
เป็นโรงแรมแห่งที่ 8 ในจีน และแห่งแรกในมณฑลเสฉวน โดยโรงแรมแห่งนี้เน้นนำเสนอความสง่างามต้อนรับแบบไทยอันอบอุ่น
มายังจุดหมายปลายทางงดงามที่สุดแห่งหนึ่งและอุดมไปด้วยระบบนิเวศน์
ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างธรรมชาติ วัฒนธรรม ความสะดวกสบายร่วมสมัย
มี “ห้องพัก”
ออกแบบพิถีพิถัน 241 ห้อง และวิลล่าส่วนตัวสุดหรู 7 หลัง รายล้อมด้วยสวนชาเขียวขจีและฟาร์มออร์แกนิก ห่างจากใจกลางเมืองเฉิงตู
และสนามบินนานาชาติเฉิงตูซวงหลิวเพียง 30 นาที
และห่างจากสถานีรถไฟความเร็วสูงซินจินเพียง 20 นาที
พื้นที่แต่ละแห่งได้ออกแบบมาให้เป็นสถานที่เงียบสงบเน้นการพักผ่อน
ความเป็นอยู่ที่ดี และการดื่มด่ำกับวัฒนธรรม
“สิ่งอำนวยความสะดวก”
ระดับพรีเมียมของโรงแรม ได้แก่ “Harvest” เป็นห้องอาหารตลอดทั้งวัน
เน้นวัตถุดิบจากฟาร์มสู่โต๊ะ “The View” เป็นห้องอาหารบาร์บีคิวพิเศษ
“ห้องอาหารจีน” สุดหรู พร้อมห้องรับประทานอาหารส่วนตัว 8 ห้อง
“ล็อบบี้เลาจน์”
อันทันสมัย “สระว่ายน้ำ” ในร่ม “ห้องออกกำลังกาย” พร้อมอุปกรณ์ครบครัน
ห้องเล่นไพ่นกกระจอก คลับเด็กโดยเฉพาะ “ห้องประชุมอเนกประสงค์” ไร้เสาพร้อมห้องประชุมอเนกประสงค์
3 ห้อง
ผู้เข้าพักยังสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์อันคุ้มค่ามากมาย
เช่น การเดินชมธรรมชาติพร้อมไกด์ เวิร์กช็อปหัตถกรรมแบบลงมือทำ
การเยี่ยมชมเชิงวิชาการที่ศาลาหลักของงานนิทรรศการเกษตรกรรมเทียนฟู่และโซนสาธิตการฟื้นฟูชนบท
ทั้งหมดนี้ทำให้รีสอร์ตแห่งนี้มีเสน่ห์ดึงดูดใจในฐานะจุดหมายปลายทางเหมาะรองรับตลาด
คู่รัก ครอบครัว
นักเดินทางเพื่อธุรกิจและพักผ่อนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนที่มีความหมาย
นายลุค
ลู่ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมดุสิต เอจี พาร์ค เมืองเฉิงตู กล่าวว่า
โรงแรมใหม่แห่งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของดุสิตพร้อมต้อนรับแขกตามแบบฉบับไทย มีความอุดมสมบูรณ์ทางวัฒนธรรมและความงามตามธรรมชาติของเสฉวน
ได้สร้างสถานที่พักผ่อนเป็นเอกลักษณ์ที่สามารถสัมผัสกับธรรมชาติ ประเพณีท้องถิ่น
และเพลิดเพลินกับช่วงเวลาอันมีค่าร่วมกับครอบครัว
ในบรรยากาศเงียบสงบและสร้างแรงบันดาลใจ จึงหวังจะได้ต้อนรับแขกทุกคน พร้อมช่วยสร้างความทรงจำอันยาวนานตลอดการเข้าพัก
โรงแรมดุสิต
เอจี พาร์ค เฉิงตู จะจัดฉลองเปิดตัวโรงแรมด้วย “เทศกาลอาหารไทย” ตั้งแต่วันนี้-วันที่
30 มิถุนายน 2568 มีเมนูเด็ดปรุงโดยเชฟชาวไทย
ได้แก่ เชฟวรพจน์ “คริสเตียน” คาลูวาร์ต ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายอาหาร ดุสิต
อินเตอร์เนชั่นแนล และเชฟวัชรพล “จา” ยงบรรทม
หัวหน้าเชฟจากห้องอาหารเบญจรงค์ ดุสิตธานี มะนิลา
ไฮไลท์เทศกาล
ได้แก่ ไก่แกงเขียวหวานต้มยำกุ้งผัดไทยข้าวเหนียวมะม่วง และอื่น ๆ อีกมากมาย
แขกผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินกับอาหารไทยจานโปรดแบบตามสั่งได้ตั้งแต่วันอาทิตย์-วันศุกร์
หรือลิ้มลองบุฟเฟต์อาหารไทยในวันเสาร์ในราคาคนละ 188 หยวน
โรงแรมยังได้เปิดตัวแพ็คเกจ " Dusit
Experience" ให้จองและเข้าพักได้ตั้งแต่วันนี้-31
สิงหาคม 2568ราคาเริ่มต้น 799 หยวน ประกอบด้วย ห้องพักดีลักซ์ 1 คืน อาหารเช้าทุกวัน 2 คน เครื่องดื่มและของว่างฟรีคืนแรกในห้องพัก
ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์เกษตรกรรมเทียนฟู่ ผู้ใหญ่ 2 คน และเด็ก 1 คน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น