วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568

คิง เพาเวอร์-AOTทางเลือกสู่ทางรอดดิวตี้ฟรี5สนามบิน

 

คิง เพาเวอร์-AOTทางเลือกสู่ทางรอดดิวตี้ฟรี5สนามบิน

36ปีโอกาสความท้าทายธุรกิจไทยสร้างชื่อในตลาดโลก



เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #dutyfree #KingPower

อ่านใน มติชนออนไลน์... https://www.matichon.co.th/publicize/news_5234597 

เมื่อยุครุ่งเรืองของ “ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย” เกิดจุดเปลี่ยนเชิงลบครั้งใหญ่ต่อเนื่องมากว่า 7 ปี หลังปลายปี 2562 เมื่อโรคระบาดใหม่โควิด-19 ช็อกเศรษฐกิจโลก ผนวกกับโครงสร้างเศรษฐกิจโลกยุคใหม่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นำมาสู่ปรากฏการณ์ “ทางเลือกสู่ทางรอด” ระหว่าง “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” ธุรกิจของคนไทยผู้บุกเบิกร้านค้าปลอดอากร (duty free) ในเวทีโลกเป็นปีที่ 36  จำเป็นจะต้องยื่นหนังสือขอเจรจาแนวทางแก้ปัญหาการลงทุนพัฒนาดิวตี้ฟรี ณ ท่าอากาศยาน (Airport duty free) กับ “บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT ใน 5 ท่าอากาศยาน ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่(สงขลา)


โดยมี บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ประมูลชนะได้สิทธิใช้พื้นที่แต่ละท่าอากาศยานจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรี พอทำสัญญา 3 แห่ง ที่ ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ ช่วงกรกฎาคม 2562 ผ่านไป 3 เดือน ก็เกิดโควิด-19 ระบาดขึ้นทำให้คนทั่วโลกต้องหยุดเดินทางทันทีต่อเนื่องมาจนถึงปี 2566

ท่ามกลาง “พายุเศรษฐกิจกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” ทั่วโลกเดินทางมาไทยเป็นช่วง “ขาลงแรง” นับจากปี 2562 เดิมต่างชาติเคยมาไทยปีละเกือบ 41 ล้านคน แล้วก็หดตัวลงอย่างรวดเร็วจนถึงปัจจุบันตามรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่าง  1 มกราคม - 8 มิถุนายน 2568 ต่างชาติมาท่องเที่ยวเมืองไทยเพียง 15 ล้านคน ลดลง 2.87 % ตลาดหลักอย่าง “สาธารณรัฐประชาชนจีน”เคยมากสุดเกือบ 11 ล้านคน/ปี ขณะนี้เหลือเพียง 2.04 ล้านคน หรือแค่ 25% ของยุครุ่งเรือง

แล้ว “กำลังซื้อหลักของดิวตี้ฟรีไทย” คือ “จีน” มากถึง 70 %  มีคนไทยเดินทางต่างประเทศอีก 15-20 % ส่วนที่เหลือเป็นต่างชาติอื่น ๆ 5-10 %

“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้พยายามเจรจากับ AOT และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาตลอดถึงหลายปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ แล้วไปมีผลกระทบกับธุรกิจดิวตี้ฟรีเมืองไทย จนกระทั่งเดือนพฤษภาคม 2568  บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) จำเป็นต้องยื่นหนังสือถึง AOT ขอหารือแนวทางการยกเลิกสัญญาอนุญาตให้ประกอบการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในท่าอากาศยาน 5 แห่ง สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่

อ้างอิงตามเอกสาร AOT เลขที่ 10492/2568 แจ้งถึงกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 เรื่อง บริษัท มีหนังสือขอหารือแนวทางยกเลิกสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ AOT โดยระบุสาเหตุ “ไม่ได้มาจากความผิดของคิง เพาเวอร์” แต่เพราะมีผลกระทบรุนแรงเป็นเหตุสุดวิสัยจาก 7 ปัจจัย ได้แก่

1.สถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดส่งผลให้ต่างชาติเดินทางลดลง 2.ภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยลดลงโดยเฉพาะจีน 3.ภาครัฐขาดมาตรการบริหารจัดการความปลอดภัยส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนลดลง 4.การขอคืนพื้นที่ประกอบกิจการของ AOT 5.รัฐลดภาษีนำเข้าไวน์ส่งผลกระทบกับยอดจำหน่ายในร้านค้าดิวตี้ฟรี 6.สถานการณ์ในประเทศทำให้จำนวนผู้โดยสารลดลง 7.สถานการณ์สงครามและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว


“นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์” รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOTเปิดเผยว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) AOT ได้จัดประชุมนัดพิเศษ ครั้งที่ 8/2568 เมื่อ 16 มิถุนายน 2568  โดยมี “นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย” ประธานกรรมการ และประธานที่ประชุม ได้เร่งรัดให้แต่งตั้ง “คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยาน” ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT และจ้างที่ปรึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เพื่อศึกษาทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT โดยเร็วภายใน 60 วัน

หลังจาก บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ส่งเอกสารขอยกเลิกประกอบกิจการด้วยเหตุและปัจจัยตั้งแต่สถานการณ์โควิดระบาด ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจโลก มีผลกระทบทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจีน เดินทางมาไทยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่กระทบกับการจ่ายค่าตอบแทนที่ “คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี” ค้างชำระอยู่ เพราะยังไม่เกินวงเงินค้ำประกัน (Bank Guarantee) ที่วางไว้เป็นหลักประกันตามหลักเกณฑ์ในสัญญา ถือเป็นหลักประกันทางการเงินของคู่สัญญากรณีเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น

ขณะนี้ AOT ยังมีสถานะทางการเงินมั่นคงแข็งแรงและยังมีแผนหารายได้เพิ่มจากแหล่งอื่น ๆ อีกอย่างน้อย 4 กิจกรรม เช่น 1.รายได้จากค่าใช้บริการระบบไฟฟ้า 400 Hz ระบบปรับอากาศ PC AIR 2.โครงการผู้ให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น 3.การให้บริการผู้โดยสารภาคพื้นและกิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของผู้ประกอบการรายที่สาม 4.การพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์รอบท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non-Aeronautical Revenue)

ทางด้าน “ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “CEO” คนใหม่ บริษัท คิง เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า คิง เพาเวอร์ พร้อมปฏิบัติตามกรอบข้อสรุปของ AOT เนื่องจากเอกชนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต่อรองใด ๆ ทางออกที่ดีคือรอกรอบเงื่อนไขที่พึงปฏิบัติร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ



สำหรับสัญญาประกอบกิจการของ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี กับ AOT เบื้องต้น ใน 3 ท่าอากาศยาน ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ ล่าสุดจะหมดสัญญา 31 มีนาคม 2576 เช่นเดียวกับ สุวรรณภูมิ และดอนเมือง อยู่ในช่วงปีใกล้เคียงกัน

“กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” เป็นธุรกิจของคนไทยได้ยืนหนึ่งบุกเบิกการลงทุนดิวตี้ฟรีเมืองไทยให้ทั่วโลกรู้จักชื่อเสียง สร้างภาพลักษณ์ที่ดีในตลาดโลก รวมถึงได้จัดทำโครงการยกระดับ “ย่านรางน้ำ” ที่ตั้งธุรกิจเรือธงเป็นย่านท่องเที่ยวแห่งใหม่ของไทยหรือ FESTIVALISATION เดินหน้าสร้างเศรษฐกิจชุมชนในพื้นที่และประเทศ ล่าสุดเดือนพฤศจิกายน 2567 นำย่านรางน้ำ คว้ารางวัลนานาชาติ RETAILER CAMPAIGN OF THE YEAR ภายใต้แคมเปญ “FESTIVALISATION RANGNAM

ตลอด 36 ปี คิงเพาเวอร์ ได้จ้างงาน สร้างอาชีพ ดูแลพนักงานและครอบครัวจำนวนหลายหมื่นชีวิตทั่วประเทศให้มีรายได้เลี้ยงชีพ พร้อมทั้งจ่ายภาษีธุรกิจทางตรงและทางอ้อม ร่วมสร้างเศรษฐกิจประเทศ และทุ่มเทคืนประโยชน์สู่สังคมทำโครงการต่อเนื่อง King Power Thai Power : พลังคิง เพาเวอร์ พลังคนไทย” ต่อเนื่องมากว่า 8 ปี เดินหน้าปั้น “แบรนด์สินค้าชุมชนไทย” เกรดพรีเมี่ยม นำไปวางขายในตลาดนานาชาติ



กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ใช้ธุรกิจดิวตี้ฟรีเป็นสายใย “เชื่อมโยงเศรษฐกิจชาติ” เติบโตในเวทีโลก เคียงข้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมายาวนานถึง 3 ทศวรรษ วันนี้เมื่อผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญปัญหาท้าทาย ทุกฝ่ายควรจะหันหน้าหาทางออกให้องคาพยพอาชีพของคนตัวเล็ก ๆ ตั้งแต่เศรษฐกิจแบรนด์ชุมชนฐานราก ไปจนถึงสินค้านานาชาติ มีโอกาสได้อยู่กับคนไทยเป็น “ทางเลือก สู่ทางรอด” ไม่เฉพาะแต่ คิง เพาเวอร์ เท่านั้น หากยังรวมถึงคนไทยจำนวนมาก ต่างก็พร้อมสร้างประโยชน์ที่ดีให้ประเทศไทยต่อไป

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข่าวดี!!ททท.ดันตลาดไกล4ทวีปทั้งปี’68โตแรง 2 หลัก-ยอดจองตั๋วSummer+Winterพุ่ง8-14%

  จิระวดี คุณทรัพย์  รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา  ททท. ข่าวดี !! ททท.ดันตลาดระยะไกล 4 ทวีปทั้งปี ’68 โตแรง 2 ...