วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568

ททท.ภูมิภาคยุโรปปลุกไฮซีซั่นปี68-69แอร์ไลน์สบินใหม่เพียบ“แอร์ฟรานซ์-BA-SCAT-นอร์ดิก-อาร์เคีย

 


ททท.ภูมิภาคยุโรปปลุกไฮซีซั่นปี68-69ตลาดไกลเที่ยวไทย2หลัก

เพิ่มไฮไลต์3แนว“ทัวร์สมดุล+Hub&Hook+สินค้าท่องเที่ยวยั่งยืน

แอร์ไลน์สบินใหม่เพียบ“แอร์ฟรานซ์-BA-SCAT-นอร์ดิก-อาร์เคีย

“อัยยวัฒน์”นำคิงเพาเวอร์เปิดธุรกิจใหม่“บริษัท เซี่ยงไฮ้” ในจีน

คิงเพาเวอร์รางน้ำผนึกแบรนด์ดังเมกะเคลียร์แรนซ์เซลลด80%

ช้อปGIORGIO ARMANIคิงเพาเวอร์รางน้ำ/ภูเก็ตลดทุกวัน25%

ททท.ชวนเที่ยวฟรี“Amazing Green Fest2025”ที่สวนสามพราน

บางจากปิดซีซั่นGenwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่#2 เด็กสวนคว้าแชมป์

TCEBหนุนเชียงใหม่12เดือน12เทศกาลขึ้นชั้นเมืองเฟสติวัลโลก

สุขทันทีเที่ยวประเพณีชักพระ4กิจกรรมที่สุราษฎร์ 4-12 ต.ค.68

10 สัญญาณอันตรายชี้คุณกำลังจะเป็น “โรคเบาหวาน”หรือไม่ !?

“ศูนย์สิริกิติ์”นำไทยรับข่าวดีสร้างชื่อกระหึ่มโลกคว้ารางวัล AIPC

“ปวีณา-เอนก-พีรกันต์”ลุ้นสัมภาษณ์15ก.ย.68ชิงเก้าอี้ผู้นำ AOT

 

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก  #ชักพระสุราษฎร์ธานี

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/1FLNqS25Zk/

ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! “สุลัดดา ศรุติลาวัณย์” ผู้อำนวยการภูมิภาคยุโรป การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดแผนไฮซีซั่นปลายปี 68-ต้นปี 69 ปลุกนักท่องเที่ยวระยะไกล Longhaul “ตลาดยุโรป” หลั่งไหลเข้าไทยต่อเนื่อง 8 เดือนแรกปีนี้มาแล้ว 5.3 ล้านคน โต 15% ต.ค.นี้ ลุยเพิ่มจุดขาย 3 แนว “ปรับสมดุลตลาดมูลค่าสูง-หนุนเมืองไทยเที่ยวได้ทั้งปี-ปรับภาพลักษณ์สู่เทรนด์Hub &Hook” ควบคู่การยกระดับซัพพลายไซต์พลิกโฉมสู่ “สินค้าท่องเที่ยวยั่งยืน” ตารางบินฤดูหนาว ต.ค.68-มี.ค.69 ไทยฮ็อตสุดขีด แอร์ไลน์สยุโรป “ฝรั่งเศส-สหราชอาณาจักร-คาซัคสถาน-อิสราเอล” บินเพิ่มเพียบ ทั้งแอร์ฟรานซ์ บริติชแอร์เวย์ส นอร์ดิกแอร์เวย์ส SCAT แอร์เอเชีย อาร์เคียอิสราเอล

 

นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการภูมิภาคยุโรป การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า พร้อมจะขับเคลื่อนท่องเที่ยวตลาดยุโรปต้อนรับปีงบประมาณใหม่ 2569 ต่อเนื่องจาก ช่วง 8 เดือนแรก ระหว่างมกราคม-สิงหาคม 2568 มี “จำนวนนักท่องเที่ยวยุโรป”ทั้งหมด 5.3 ล้านคน เติบโตเพิ่มขึ้น 14.99  % ตั้งแต่กันยายน-ธันวาคม นี้ กำลังเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวของ “ตลาดระยะไกล :Longhaul Market” จะใช้กลยุทธ์ขับเคลื่อน 3 แนวทาง ประกอบด้วย

แนวทางที่ 1 การปรับสมดุลตลาดก้าวไปสู่ตลาดมูลค่าสูง หรือ high Value over Volumn เพราะยุโรปเป็นตลาดที่เดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยแล้วพำนักระยะยาว เฉลี่ยประมาณ 2 สัปดาห์/คน/ทริป และใช้จ่ายเงินค่อนข้างสูง ตลาดใหม่ ๆ อย่าง เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ ในภาพรวมมุ่งเจาะ  1.นักท่องเที่ยวเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพ ทำทรีตเมนท์สปา (Health & Wellness) 2.นักท่องเที่ยวชอบความหรูหรา (Luxury)

แนวทางที่ 2 ส่งเสริมเมืองไทยท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี (All Year Round) เน้นกระตุ้นช่วงโลว์ซีซั่นมากสุด สามารถเติมเต็มด้วยการเดินทางช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนเพื่อเพิ่มจำนวนตลาดศักยภาพที่เติบโตสูงได้จากนักท่องเที่ยวตลาด “ยุโรปตะวันออก” เช่น โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ค โรมาเนีย กับ “ยุโรปใต้” เช่น อิตาลี เยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์

แนวทางที่ 3 การปรับภาพลักษณ์เมืองไทยในส่วนที่มีนักท่องเที่ยวมากเกินพื้นที่ (Over Tourism) จะปรับสมดุลด้วยกลยุทธ์การกระจายตัวทำ Hub & Hook จะผลักดันขายการท่องเที่ยว “เมืองหลักผนวกเมืองน่าเที่ยว” จับมือกับบริษัทตัวแทนนำเที่ยวออนไลน์ (OTA) มีสินค้าท่องเที่ยวไทยขายเพิ่มมากขึ้น จากเมืองรองในประเทศต้นทางมายังเมืองน่าเที่ยวของไทย เช่น

“แมนเชสเตอร์” อังกฤษ ผนวกการเดินทางมายัง แพร่ น่าน เชียงใหม่ เชียงราย 

“สต็อกโฮม” สวีเดน มีตลาดสแกนดิเนเวีย พร้อมขาย แม่ฮ่องสอน อุทัยธานี ซึ่งก่อนหน้านี้ ททท.นำบริษัทนำเที่ยวยุโรปร่วมสำรวจการเดินทาง Slow Travel ท่องเที่ยวทางรถ/เดินทางด้วยรถไฟ เสนอขาย Blue Jusmin จากกรุงเทพฯ พระนครศรีอยุธยา ไปจนถึงเชียงใหม่ ขากลับแวะ ศรีสัชนาลัย สุโขทัย เป็นการกระจายพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“มอสโก” รัสเซีย ขยายจากภูเก็ตเมืองหลัก เพิ่มพื้นที่ผนวกกระบี่ พังงา

“ปารีส” ฝรั่งเศส นิยมเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม นำเสนออีสาน มีการจัดงานประเพณี แห่เทียนพรรษา อุบลราชธานี อุดรธานี นครราชสีมา หรือ ไหลเรือไฟ แม่น้ำโขง นครพนม

ผอ.สุลัดดา กล่าวว่า ปลายปี 2568 ต่อเนื่องปี 2569 ททท.จะเร่งกระตุ้นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยยกระดับจุดขาย “การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน :Sustainable Tourism” โดดเด่นแต่ละตลาด “สแกนดิเนเวีย สหราชอาณาจักร ซึ่งไทยมีจุดอ่อนเรื่อง “นักท่องเที่ยวมีปริมาณมากเกิน (mass) จนล้นแต่ละพื้นที่เป้าหมาย :Over Tourism” จึงต้องหาวิธีทำให้นักท่องเที่ยวกระจายตัว เปิดพื้นที่ใหม่ ๆ มากขึ้น


“ตลาดสหราชอาณาจักร” ททท.ลอนดอนจับมือผลิตภัณฑ์ครีมทากันแดดชั้นนำที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมโปรโมทสินค้ารักษ์โลกในตลาดดังกล่าว เพื่อดึงนักท่องเที่ยวมาไทย ควบคู่กับทำเส้นทางท่องเที่ยวยั่งยืน ซึ่งเคยจับมือกับ โซเชียล กิฟท์เวอร์ นำกลุ่มนักท่องเที่ยวบำเพ็ญประโยชน์เข้ามาทำกิจกรรมซีเอสอาร์ หรือ Local Alike ของไทยที่นำสินค้าไทยไปเสนอขายตลาดทั่วโลก

“พื้นที่ต้นแบบการท่องเที่ยวยั่งยืน” ได้นำโมเดล “กระบี่ โปโตไทป์” ซึ่งเป็นภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวสีเขียวเสนอขยการท่องเที่ยวยั่งยืน 

“แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัลยั่งยืน” เช่น รางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย (TTA :Thailand Touriam Awards) หรือ CF-Hotel, STGs Star, Green Hotels ต่าง ๆ ททท.จะให้ความสำคัญกับแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวได้เสนอขายเป็นพิเศษอยู่ในลำดับต้น ๆ ททท.จะเน้นความร่วมมือเสนอขายกับบริษัทตัวแทนขายท่องเที่ยวทั่วโลก

ปัจจุบัน “พฤติกรรมความต้องการท่องเที่ยวยั่งยืน” ตลาดยุโรปจะเปลี่ยนเป็นการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบการคู่ค้าประเทศต่าง ๆ จะต้องปรับตัว ยินดีจ่ายเพื่อมีส่วนร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกมากขึ้น นำร่องทั้งในกลุ่มประเทศนอร์ดิก สหราชอาณาจักร ททท.เองได้หันมาเน้นคัดผู้ประกอบการเข้าร่วมเทรดโชว์ โร้ดโชว์ งานส่งเสริมการขายทั่วโลก โดยจะต้องเป็นธุรกิจที่มีมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน จะพิจารณาเป็นพิเศษเพิ่มขึ้น เพราะตอนเมื่อไปนำเสนอกับคู่ค้านานาชาติจะได้มีข้อมูลบ่งชี้ถึงแต่ละมาตรฐานกำกับชัดเจน

 

ผอ.สุลัดดา กล่าวว่า สัญญาณไฮซีซั่นจากตลาดยุโรปปลายปี 2568 -มีนาคม 2569 ตามตารางบินฤดูหนาวที่จะถึงนี้สายการบินเตรียมเพิ่มเส้นทาง ความถี่ เที่ยวบินจำนวนมากจากประเทศต้นทางเข้าสู่เมืองไทย ไฮไลต์ 4 ตลาดสำคัญ ดังนี้

“ตลาดฝรั่งเศส” มี “แอร์ฟรานซ์” เตรียมเปิดบินตรง ไป-กลับ ท่าอากาศยานชาร์ล เดอ โก “ปารีส-ภูเก็ต” จะเริ่มวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 รวม 3 เที่ยว/สัปดาห์ จะช่วยเพิ่มทั้งจำนวนที่นั่งเที่ยวและความถี่เข้ามายังจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยม

“ตลาดสหราชอาณาจักร” มีหลายสายการบิน ได้แก่ 1.นอร์ดิก แอร์เวย์ส เปิดเส้นทางบินใหม่ตรงเข้าภูเก็ต จากเมืองออสโลว์/นอร์เวย์ เริ่ม 8 ธันวาคม นี้ และ สต็อกโฮม/สวีเดน ก็จะเริ่มบินธันวาคมนี้เช่นกัน และเปิดบินจากเมืองรอง “แมนเชสเตอร์/อังกฤษ” ตรงเข้ากรุงเทพฯ 1 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 26 พฤศจิกายน นี้เป็นต้นไป 2.บริติชแอร์เวย์ส จากท่าอากาศยานแกตวิค อังกฤษ บินตรงสู่ กรุงเทพฯ พร้อมปรับแผนการบินใหม่แบบตารางบินประจำตลอดปีเข้าไทย แทนปัจจุบันเปิดบินเฉพาะฤดูหนาวเท่านั้น เส้นทาง ไป-กลับ ลอนดอน-กรุงเทพฯ 3 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 31 มีนาคม 2569 ตอบรับกระแสการเดินทางหลั่งไหลมาไทย ปลายปีนี้สหราชอาณาจักรมีแนวโน้มมาไทยเกินปีละ 1 ล้านค

“ตลาดคาซัคสถาน” สายการบินแรก “แอร์ เอเชีย” ประกาศจะเปิดเส้นทางใหม่ ไป-กลับ อัลมาตี้-กรุงเทพฯ เริ่ม 14 พฤศจิกายน นี้เป็นต้นไป 4 เที่ยว/สัปดาห์ คาซัคสถานเป็นหนึ่งในตลาดดาวรุ่งที่มีอุปสรรคเรื่องการเดินทางเข้าถึงเมืองไทย สายการบินที่สอง “SCAT Airlines เปิดตารางบินฤดูหนาวปลายปีนี้จากท่าอากาศยานชิมเคนต์ ไป-กลับ “ชิมเคนต์-กรุงเทพฯ” 1 เที่ยว/ต่อสัปดาห์ และจากพื้นที่ใกล้เคียง สายการบินที่สาม “Centrum Air” เปิดบินตรงเข้าไทยเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 จากอุเบกิสถานสู่กรุงเทพฯ

“ตลาดอิสราเอล” มีความร้อนแรงเช่นกันโดย “อาร์เคีย(Arkia :IZ) อิสราเอล แอร์ไลน์” ประกาศต่อสาธารณะเรียบร้อยแล้วจะเปิดบินตรง “เทลอาวีฟ-กรุงเทพฯ” ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ 2 เที่ยว/สัปดาห์

นอกเหนือจากนี้ยังจะมีสายการบินทยอยเปิดเพิ่มเส้นทางบินและความถี่เที่ยวบินมายังไทย จากยุโรปตะวันออก กลุ่มประเทศ CIS มากขึ้นในแต่ละเดือนช่วงปลายปี 2568 เป็นต้นไป

ผอ.สุลัดดา กล่าวย้ำว่า ตลาดระยะไกล (Longhaul Market) จะเป็นตลาดสำคัญขับเคลื่อน “จำนวนและรายได้” เข้าประเทศปลายปี 2568 เป็นต้นไป โดยมีปัจจัยหลักจากสายการบินนานาชาติเพิ่มเส้นทางการเข้าถึงจังหวัดท่องเที่ยวในไทย โดยวิธีจะกระจายตัวตามพื้นที่เมืองน่าเที่ยวช่วยให้การท่องเที่ยวสนับสนุนเศรษฐกิจพื้นที่ต่าง ๆ เติบโตมากขึ้น ด้วยโปรดักซ์หลากหลายเน้นเป้าหมายการท่องเที่ยวยั่งยืนขยายตัวอย่างมีคุณภาพทุกจังหวัดในเมืองไทย

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1-“อัยยวัฒน์”นำคิงเพาเวอร์เปิดธุรกิจใหม่“บริษัทเซี่ยงไฮ้”ในจีน

 

                    นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ได้นำกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวระดับโลก เดินหน้าก้าวใหม่ครั้งสำคัญโดยนำร่องโครงการจัดตั้งบริษัทใหม่ “บริษัท เซี่ยงไฮ้ คิง เพาเวอร์ คอมเมิร์ซ จำกัด” (Shanghai King Power Commerce Co., Ltd.) ใน “ท่าอากาศยานนานาชาติเซี่ยงไฮ้ผู่ตง”  หนึ่งในสนามบินขนาดใหญ่ที่สุดของโลก มหานครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมกับนำแบรนด์ไทยเปิดตัวก้าวแรกอย่างยิ่งใหญ่ 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่

 

            ธุรกิจแรก TAI HAI TAO” ร้านขนมไทยและอาหารสำเร็จรูปคุณภาพ ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและนักเดินทางตลาดสาธารณรัฐประชาชนจีนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต

 

               ธุรกิจที่สอง “SOMBAT THAI” บริการร้านอาหารไทยแท้ โดยได้คัดสรรวัตถุดิบจากเมืองไทย คุณภาพพรีเมี่ยม นำเสนอเสน่ห์ไทยหนึ่งในพลัง ซอฟท์ พาวเวอร์ ชั้นนำของประเทศ ซึ่งสามารถต่อยอดขยายผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาไทยเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดสาธารณรัฐประชาชนจีน

 

               โดยมีนายหวง เจิ้งหลิน ผู้จัดการทั่วไป ท่าอากาศยานนานาชาติเซี่ยงไฮ้ผู่ตง (Shanghai International Airport Co., Ltd., Shanghai Pudong International Airport) ให้เกียรติแสดงความยินดีและร่วมพิธีเปิด “บริษัท เซี่ยงไฮ้ คิง เพาเวอร์ คอมเมิร์ซ จำกัด” อย่างเป็นทางการ เมื่อต้นเดือนกันยายน 2568

                             

               นายอัยยวัฒน์กล่าวว่า นำกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ การเข้าสู่ตลาดจีนครั้งนี้ถือเป็น “ก้าวแรกและก้าวสำคัญ” ในการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะ “สาธารณรัฐประชาชนจีน” เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและมีความสำคัญอย่างมากต่ออนาคตการเติบโตในเชิงกลยุทธ์ส่งเสริมตลาดการขยายกลุ่มคุณภาพ รวมทั้งเป็นการ “วางรากฐาน” เสริมสร้างธุรกิจเพิ่มความแข็งแกร่งในระยะยาว โดยบริษัทมีความพร้อมจะขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ควบคู่กับการสร้างโอกาสใหม่ในเวทีค้าปลีกสากล อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้พลังธุรกิจของคนไทยสร้างชื่อเสียงในตลาดโลก

           

            “ความสำเร็จ” ครั้งในการเปิดธุรกิจใหม่ได้ตอกย้ำถึงศักยภาพของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มีความเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง สามารถสะท้อนวิสัยทัศน์ด้านความมุ่งมั่นค้นหาและมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ผู้คนทั่วโลก เคียงข้างการส่งเสริมเศรษฐกิจไทยผ่านการยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการ สร้างแบรนด์ไทยให้ตลาดต่างประเทศทั่วโลกเกิดความเชื่อมั่นต่อเนื่อง ช่วยต่อยอดสินค้าและเครือข่ายผลิตภัณฑ์ไทย และมีพันธมิตรผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มเติบโตไปด้วยกันในระยะยาวอย่างยั่งยืน

 

 ข่าวที่ 2 -คิงเพาเวอร์รางน้ำผนึกแบรนด์ดังเมกะเคลียร์แรนซ์เซลลด80%

 

คิง เพาเวอร์ กระตุ้นต่อมนักช้อปว่า “What’s in your bag ส่องของดี” ได้ในงาน KING POWER RANGNAM MEGA CLEARANCE SALE วันนี้ -21 กันยายน 2568 มหกรรมเซลยิ่งใหญ่แห่งปี “ลดแรงกว่า” ที่เคยจาก “แบรนด์ดัง” พร้อมกระหน่ำลดสูงสุด 80% ดังนี้

1.แฟชั่น ลดสูงสุด 80%

2.นาฬิกา ลดสูงสุด 70%

3.น้ำหอม–เครื่องสำอาง & แว่นตา ลดสูงสุด 50%

4.สินค้าไทย ลดสูงสุด 80%

 

ข่าวที่ 3-ช้อปGIORGIO ARMANIคิงเพาเวอร์รางน้ำ/ภูเก็ตลดทุกวัน25%

 

“คิง เพาเวอร์” ย้ำชัด จะช้อปไอเทมไหน ก็น่าช้อปเกินต้านกับแบรนด์ “GIORGIO ARMANI” ช้อปได้ทุกวัน ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และภูเก็ต วันนี้-30 กันยายน 2568 ช้อปได้มากกว่ากับดีลลดสูงสุด 25%

 

1.ได้รับส่วนลด สูงสุด 25% เมื่อช้อปครบ 1,500 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ(เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)

พิเศษ! สมาชิก POWER PASS รับส่วนลด ON - TOP 5%(เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)

 

2.สมัครสมาชิก POWER PASS ฟรี! รับทันที 400 CARAT (ใช้เป็นส่วนลดแทนเงินสด 100 บาท) สมาชิกไม่มีวันหมดอายุ สมัครฟรี คลิก! : https://kp.group/m8i2Qj

มีไฟลต์หรือไม่มีไฟลต์ก็ช้อปได้!

ไม่มีไฟลต์ช้อปป้ายฟ้ารับกลับทันที

มีไฟลต์ช้อปล่วงหน้าก่อนบินได้ 60 วัน!

 

ข่าวที่ 4-ททท.ชวนเที่ยวฟรี“Amazing Green Fest 2025”ที่สวนสามพราน

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.จัดใหญ่งาน Amazing Green Fest 2025 เทศกาลด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนปีที่ 2 ตอกย้ำภาพลักษณ์อีเวนต์สีเขียว เปิดเข้าฟรี ระหว่างวันที่ 11-14 กันยายน 2568 เวลา 09:00-17:00 น. ที่สวนสามพราน จังหวัดนครปฐม พิธีเปิดวันแรกเมื่อ 11 กันยายน 2568 มีนางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กับผู้ว่าการ ททท.ร่วมเป็นประธานนพิธีเปิด ได้เชิญชวนคนออกท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ สร้างความเป็นธรรมทางการค้า ผลักดันให้เกิดเครือข่ายหน้าใหม่ด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจสีเขียว เปิดพื้นที่การพบปะการซื้อขายระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค

 

ปี 2568 มุ่งสานต่อความสำเร็จ Amazing Green Fest 2024 เดินหน้ายกระดับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนให้เป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้ เลิกเป็นเพียงเทรนด์ชั่วคราว แต่พัฒนาเป็น “ภูมิคุ้มกัน” อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยระยะยาว โดยทำคู่ขนานทั้งดีมานต์และซัพพลาย ด้วยเวทีสร้างความตระหนักรู้และแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยว ได้ขยายเครือข่าย รวมถึงผู้ประกอบการเองก็ได้แลกเปลี่ยนความรู้และศักยภาพร่วมกัน

 

ททท.จึงเดินหน้าผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ การดำเนินธุรกิจสีเขียวโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และชุมชนท้องถิ่น ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต และสามารถใช้งานนี้เป็นต้นแบเทศกาลงานท่องเที่ยวโดยคำนึงถึงผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

 

งาน Amazing Green Fest 2025 เปิดให้นักท่องเที่ยวชมฟรี การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนหลากหลายมิติ ครอบคลุมเนื้อหา 8 โซนหลัก ได้แก่

 

โซนที่ 1  Amazing Green Tourism : นำเสนอผลงานและโครงการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของ ททท. เน้นยกระดับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวก้าวสู่แห่งความยั่งยืน เช่น โครงการ Thailand Tourism Awards , Organic Tourism , STGs และ STGs STAR

 

โซนที่ 2 Amazing Green Market & Business Matching : ตลาดจำหน่ายสินค้าอินทรีย์และงานคราฟต์ นำผู้ผลิตมาพบผู้บริโภคโดยตรง และจัดพื้นที่ “จับคู่ธุรกิจ” รุกขยายเครือข่ายสังคมอินทรีย์และธุรกิจยั่งยืน มีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 70 บูท เช่น ลีซู ลอร์ด , MORE LOOP อยู่ลำพูน, ชุมชนแม่ทา จังหวัดเชียงใหม่, เดอะมนต์รัก แม่กลอง

 

โซนที่ 3  Amazing Green Stories : บอกเล่าเรื่องราวธุรกิจและกิจกรรมท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างแรงบันดาลใจ บนเวทีความยั่งยืน 8 เสวนา เช่น หัวข้อแรก “Gone Green เรื่องสีเขียวไม่เก่าที่เราต้องรู้โดย ททท. และเพจท่องเที่ยวสายกรีน TrekkingThai, Go Green Girls, the geen หัวข้อสอง “Sustainable Matching ธุรกิจคิดกรีน โดย Central Tham, ธรรมธุรกิจ สวนสามพราน Little Tree, Thai Smile Group และเรือไฟฟ้าสุขสำราญ

 

โซนที่ 4  Amazing Green Taste : รวบรวมร้านอาหารกว่า 30 ร้าน นำเสนอวัฒนธรรมอาหารอย่างยั่งยืน เน้นวัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาลและอินทรีย์มาให้ได้เลือกชิมช้อป เช่น แมวกินปลา, สกูล คอฟฟี่ , ตามมี, โอมากาเห็ด ควบคู่ “คอร์สอาหารเที่ยง” กลางสวนที่ชวนเชฟชื่อดังมารังสรรค์เมนูแบบใหม่ โดยใช้วัตถุดิบอินทรีย์และสมุนไพรตำรับโบราณ ปรุงแบบร่วมสมัย

 

แบ่งปันความรู้การกินเพื่อดูแลกายใจ เช่น “Wellness Voyage กินเป็นยา พบกับ ลุงรีย์- Uncleree Farm, “Gastro Journey เที่ยวผ่านอาหารท้องถิ่น อาหารชนเผ่า เมนูพิเศษจากวัตถุดิบชุมชน Gastro Journey” พบกับ เชฟแบล็ค - Blackitch Artisan Kitchen เชียงใหม่

 

โซนที่  5 Amazing Green Playground : เปิดพื้นที่เรียนรู้เด็กและเยาวชน ชวนทำเวิร์กชอปและกิจกรรมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ

 

โซนที่ 6  Amazing Green Innovation : จัดแสดงนวัตกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีผู้ประกอบการด้านนวัตกรรมกว่า 10 บูท เช่น ไทย สมาย บัส , TOCA, ION ENERGY

 

โซนที่ 7 Amazing Green Workshop : เวิร์กชอปงานฝีมือสะท้อนภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยใช้วัสดุจากธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

โซนที่ 8  Amazing Sharing Space : พื้นที่แบ่งปันเรื่องราวความยั่งยืน สนับสนุนแนวคิดและมุมมองที่หลากหลาย กระตุ้นให้ผู้คนออกเดินทางท่องเที่ยวหลังจัดงาน ล้อมวงพูดคุยแบบสบาย ๆ  เช่น หัวข้อ “Homestay จะเปิดโฮมสเตย์จำเป็นต้องมีอะไรบ้าง หัวข้อ Low Carbon มาเรียนรู้การคำนวณคาร์บอนแบบง่าย ๆ เพื่อจัดทำเส้นทาง ไร้ค่า (คาร์บอน)”

 

ข่าวที่ 5-บางจากปิดซีซั่นGenwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่#2 เด็กสวนคว้าแชมป์

 

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมปิดซีซั่น 2 ของรายการ "Genwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่ Presented by Bangchak Group" ควิซโชว์แข่งขันตอบปัญหาเชิงวิชาการตามแนวทางสะเต็มศึกษาของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

 

โดยมีทีมคว้าแชมป์เรียบร้อยแล้วคือ “SK Squad จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย” รับถ้วยพระราชทานฯ และทุนการศึกษา 1,000,000 บาท จากกลุ่มบริษัทบางจาก กับทีมรองชนะเลิศ “ANSwers” จากโรงเรียนอำนวยศิลป์ ได้รับทุนการศึกษา 500,000 บาท  นายปัญญา นิรันดร์กุล ประธานบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติร่วมแสดงความยินดีกับทั้ง 2 โรงเรียน

 

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่าได้มอบทุนการศึกษาและกล่าวแสดงความยินดีกับเยาวชนอัจฉริยะพันธุ์ใหม่ ว่า “ขอแสดงความยินดีกับน้อง ๆ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ผู้ชนะเลิศ และโรงเรียนอำนวยศิลป์ รองชนะเลิศ ที่ได้ใช้ทักษะความรู้ด้านสะเต็มศึกษา (STEM Education) รวมทั้งไหวพริบ ความคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงวิเคราะห์ การทำงานและการสื่อสารระหว่างกัน รวมทั้งการบริหารเวลา เพื่อไขปริศนาที่มีความท้าทายในทุกการแข่งขัน และหวังว่าในอนาคตจะได้เห็นคนไทยประสบความสำเร็จถึงระดับคว้ารางวัลโนเบล ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับสะเต็มศึกษา เช่น ฟิสิกส์ และเคมี

 

“ความสำเร็จ” จากรายการนี้ วัดผลได้จากผลตอบรับอันอบอุ่นจากผู้ชมรายการทุกช่วงวัยแล้ว ยังมีรางวัลการันตีคุณภาพจากหลากหลายเวที อาทิ 1.รางวัลนาฏราช ครั้งที่ 16 ประจำปี 2567 ประเภทเกมโชว์และการแข่งขันยอดเยี่ยม จากสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ 2.รางวัล MORAL AWARDS 2024 สื่อสร้างสรรค์ที่ควรค่าแก่การยกย่อง ประเภทรางวัลชมเชย สาขารายการโทรทัศน์ โดยศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และเป็น 1 ใน 5 ผู้เข้ารอบสุดท้ายรางวัลระดับเอเชีย Content Asia Awards ครั้งที่ 6 ประจำปี 2025 สาขา Best Original Game Show Made in Asia กรุงไทเป ไต้หวัน

 

รายการ Genwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่ Presented by Bangchak Group เริ่มจัดครั้งแรกปี 2567 จากความร่วมมือระหว่าง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด และเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเยาวชนด้าน “สะเต็มศึกษา” ชิงถ้วยพระราชทานกรมสมเด็จพระกนิษฐา ธิราชเจ้า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

 

“ซีซั่นแรก” มีโรงเรียนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมแข่งขัน 16 แห่ง “ซีซั่นที่ 2มีโรงเรียนสมัครเข้าร่วมมากกว่า 80 แห่ง และได้รับคัดเลือกเข้าร่วมแข่งขัน 16 แห่ง ออกอากาศระหว่างวันที่ 4 มิถุนายนถึง 10 กันยายน 2568

 

ข่าวที่ 6-TCEBหนุนเชียงใหม่12เดือน12เทศกาลขึ้นชั้นเมืองเฟสติวัลโลก

 

นางนิชาภา ยศวีร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เป็นตัวแทนทีเส็บร่วมเวทีงานสนับสนุนโครงการ “เชียงใหม่ 12 เดือน 12 เทศกาล” ที่ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน ร่วมมือกันใช้ “เทศกาล” เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยกระดับการท่องเที่ยว และส่งต่อความสุขให้ผู้มาเยือนทั่วโลก สอดคล้องตามแผนของทีเส็บที่ได้ริเริ่มนำนโยบาย เฟสติวัล อีโคโนมี/Festival Economy นำงานเทศกาลร่วมพัฒนาเมืองครบ 3 ด้าน คือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมจะนำเชียงใหม่ก้าวสู่อนาคตอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายเมืองเทศกาลโลกหรือ World Festival & MICE Destination

 

โดยใช้จุดแข็งบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงาน เอกชนด้วยการ “นำอัตลักษณ์ของเมือง” (City DNA) มาออกแบบประสบการณ์ (Experience Design) ก่อให้เกิดระบบนิเวศใหม่ (New Ecosystem) อำนวยความสะดวกในพื้นที่ทุกจุดทำให้งานเทศกาลให้ดึงดูดกลุ่มนักเดินทางคุณภาพ

 

“เชียงใหม่” เป็นพื้นที่แซนด์บ็อกซ์นำร่องสร้าง “เฟสติวัล อีโคโนมี” จากเทศกาลเชียงใหม่บลูมส์เป็นเรือธงยกระดับงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับประจำเมือง แล้วทำต่อเนื่องยกระดับงานประเพณี “ยี่เป็ง” เป็นเทศกาลพัฒนาสินค้าและบริการเพิ่มประสบการณ์ใหม่เป็นสากลโดยยังคงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมไว้อย่างงดงาม

 

แผนงานขยายผลต่อยอด “เฟสติวัล อีโคโนมี” มีไฮไลต์เรื่องการออกแบบและพัฒนาโครงการ “เชียงใหม่ 12 เดือน 12 เทศกาล” ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการส่งเสริมและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์จังหวัดเชียงใหม่ โดยทุกภาคส่วนบูรณาการนำจุดเด่นที่มีหลากหลายของเมืองมาสร้างปฏิทิน 12 เดือน 12 เทศกาล เป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ทำประชาสัมพันธ์และการตลาดเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์เชียงใหม่ในฐานะ World Festival & MICE Destination

 

ผสานการทำอีเวนต์เชิงธุรกิจเข้าไปในงานเทศกาลได้ด้วย ช่วยส่งเสริมให้เกิดการค้าการลงทุนในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจมูลค่าสูงขึ้น ควบคู่ส่งเสริมกิจกรรมไมซ์แต่ละเดือนได้อย่างสร้างสรรค์ ทั้งงานสัมมนา ประชุมองค์กร กิจกรรมพนักงานสัมพันธ์ หรือการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (incentive) โดยทีเส็บสามารถสร้าง “ซิตี้ แบรนดดิ้ง” เชียงใหม่ในเวทีระดับสากล ด้วยการส่งเทศกาลต่าง ๆ ชิงรางวัลระดับนานาชาติ

 

ตัวอย่างเทศกาล “เชียงใหม่บลูมส์และเทศกาลยี่เป็ง” คว้ารางวัลระดับโลกและเอเชียในประเภทต่าง ๆ ปี 2566 เชียงใหม่เองก็ได้รับรางวัลเมืองเทศกาลโลกด้วย ตอกย้ำภาพลักษณ์เมืองให้น่าเชื่อถือ ดึงดูดนักเดินทางและผู้จัดงานไมซ์นานาชาติสร้างมูลค่าเพิ่มงานเทศกาลเติบโตเพิ่มขึ้น แล้วทีเส็บยังส่งเสริมการสร้าง MICE IP เป็นเครื่องมือการปกป้องสิทธิ์ด้านนวัตกรรมใหม่ ๆ และความคิดสร้างสรรค์ของผู้จัดงานเทศกาล พัฒนารูปแบบการดำเนินงาน สร้างโอกาสทางรายได้ในระดับประเทศและสากล พร้อมกับจัดงานต่าง ๆ โดยคำนึงถึงแนวทางที่ยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งทีเส็บมีแนวปฏิบัติ มีเครื่องมือวัดการชดเชยคาร์บอนเครดิตอย่างเป็นรูปธรรมด้วย

 

          ช่วงที่ 2 สายบุญเตรียมเก็บกระเป๋าไปเที่ยวช่วงออกพรรษา งานประเพณี “ชักพระ” ที่จังหวัดสุราษฎร์ด้วยกัน ปีนี้จัดยาว 4-12 ตุลาคม 2568 เปิดให้ชมเสน่ห์วิถีใต้ 4 กิจกรรม แล้วฟัง “10สัญญาณเตือน” คุณกำลังจะเป็นเบาหวานหรือยัง!? เกาะติดข่าวปัง ๆ ข่าวแรก “ศูนย์สิริกิติ์” มีข่าวดีนำไมซ์ไทยคว้ารางวัลโลก AIPC ข่าวที่สอง จับตา “ปวีณา-เอนก-พีรกันต์” ลุ้น 15 ก.ย.68 ชิงเก้าอี้ผู้นำ AOT

 

ท่องเที่ยว –สุขทันทีเที่ยวประเพณีชักพระ4กิจกรรมที่สุราษฎร์4-12 ต.ค.นี้

 

นักท่องเที่ยวสายศรัทธา สายบุญ ชาวไทยและต่างชาติ เตรียมตัวให้พร้อม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนเช็คอินความสุขร่วมบุญใหญ่เที่ยวงาน “ประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่า และแข่งเรือยาว” ประจำปี 2568 ระหว่าง 4 – 12 ตุลาคม 2568 ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ “ความศรัทธาและวัฒนธรรมท้องถิ่น” อันทรงคุณค่า งานบุญประเพณีที่สืบทอดมานานนับร้อยปีมีความยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคใต้

ตามคติทางพุทธศาสนามีความเชื่อว่า “ช่วงวันออกพรรษา” พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ คนในชุมชนจึงร่วมแรงกายใจจัดกิจกรรมหลากหลายสะท้อวิถีชีวิต ความเชื่อ และภูมิปัญญาท้องถิ่น ไฮไลต์ 4 กิจกรรม

กิจกรรมที่ 1 การจัดทำพุ่มผ้าป่าหน้าบ้าน

 

ค่ำคืนวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ชาวบ้านทั่วเมืองพร้อมใจกันจัดตั้งพุ่มผ้าป่ากว่า 1,000 พุ่ม ร้อยเรียงเรื่องราวจากพุทธชาดกและสัญลักษณ์ทางธรรมะ ด้วยความศรัทธาและสามัคคีทั่วทั้งชุมชน

 

กิจกรรมที่ 2 ขบวนแห่ชักพระทางบกและทางน้ำ

 

เช้าวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 เตรียมจัดขบวนแห่ “เรือพนมพระ” ทางบกกว่า 100 ลำ ตกแต่งวิจิตรอลังการ พร้อมขบวนนางรำ ขบวนนางลาก ส่วนวัดตั้งอยู่ติดแม่น้ำตาปีจะชักพระทางน้ำ เป็นภาพงดงามเหนือสายน้ำให้ผู้ชมได้ร่วมทำบุญและชื่นชมไปพร้อม ๆ กัน

 

กิจกรรมที่  3 การแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯ

 

วันที่ 7 และ 8 ตุลาคม 2568 ทั่วบริเวณริมเขื่อนแม่น้ำตาปี จะเต็มไปด้วยสีสันความสนุกสนาน                     ทั่วลำน้ำตาปี จุดกำเนิดเรือยาวที่มีชื่อเสียง ที่นักท่องเที่ยวคนไทยและต่าชาติจะได้ตื่นตากับเรือเจ้าแม่ตาปี                               และเรือเจ้าแม่ธารทิพย์อันทรงพลัง

 

กิจกรรมที่  4 การแสดงแสง สี เสียง และโดรนแปรอักษร

 

วันที่ 9 – 11 ตุลาคม 2568 ตรงบริเวณหน้าวัดกลางเก่า จะถ่ายทอดเรื่องราว “ตำนานชักพระ” ผ่านเทคนิคแสงสีเสียงสุดอลังการ ชมการแสดงโดรนแปรอักษรทันสมัย ตื่นตาตื่นใจ

 

ตลอดงานนักท่องเที่ยวยังจะได้ชมกิจกรรมอื่นอีกหลากหลายที่น่าสนใจ เช่น นิทรรศการประวัติความเป็นมางานประเพณี การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน ทำบุญเรือพนมพระทางบกและทางน้ำตามประเพณี              บริเวณสะพานนริศ

 

สายบุญ สายศรัทธา ห้ามพลาด !! เที่ยวงานประเพณี “ชักพระ” สุราษฎร์ธานี เสน่ห์วิถีความเป็นไทย

 

สุขภาพ –10 สัญญาณอันตรายชี้เรากำลังจะเป็นโรคเบาหวานหรือไม่

 

เบาหวาน เป็นโรคที่ใครๆ ก็รู้จัก สาเหตุมาจากพฤติกรรม “การกินอาหารที่มีรสหวาน” หรือ “รสจัด”มากเกินไป รวมไปถึงแป้งต่าง ๆ มีความเสี่ยงมากขึ้นหากครอบครัวมีประวัติเคยเป็นโรคเบาหวานมาก่อนด้วย

แต่สิ่งที่อีกหลาย ๆ คนไม่ทราบ คือ “สัญญาณอันตราย” ที่จะเตือนภัยกับเรากำลังอาจจะใกล้เป็นโรคเบาหวานแล้ว อาการเป็นอย่างไร มีวิธีสังเกตได้ จาก 10 สัญญาณ ดังนี้

 

1.      อ่อนเพลียง่าย ทั้งๆ ที่พักผ่อนเพียงพอ และไม่ได้ป่วยไข้

2.      ผอมลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ

3.      ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ

4.      หิวน้ำมากกว่าปกติ (เพราะร่างกายสูญเสียน้ำจากการปัสสาวะบ่อย)

5.      ตาพร่ามัวลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ

 

6.      ปวดขา ปวดเข่า

7.      ผิวหนังแห้ง และมีอาการคัน อาจจะคันตามตัว หรือคันบริเวณปากช่องคลอด

8.      เป็นฝีตามตัวบ่อยๆ

9.      อารมณ์แปรปรวน โมโหง่าย

10.   แผลหายช้า ไม่แห้งสนิท หรือขึ้นสะเก็ดเสียที

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก –“ศูนย์สิริกิติ์”นำไมซ์ไทยสร้างชื่อกระหึ่มโลกคว้ารางวัล AIPC

 

นายสุรพล อุทินทุ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดเผยว่า ล่าสุดศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ได้สร้างชื่อในเวทีโลกคว้ารางวัล AIPC Innovation Award 2025–Winner Delegate’s Choice ในฐานะความเป็นผู้นำ “ด้านความยั่งยืนของศูนย์ประชุมไทย” จากโครงการ  “ไม่เหลือทิ้ง อิ่มใจกว่า :Waste Not, Delight More” ยกระดับสู่ศูนย์ประชุมลดขยะอาหารเป็นศูนย์หรือ Zero Food Waste ได้อย่างสมบูรณ์

 

โดยได้รับคะแนนโหวตจากศูนย์ประชุมทั่วโลกที่เป็นสมาชิกสมาคมศูนย์ประชุมระหว่างประเทศ (AIPC- International Association of Convention Centres) ไว้วางใจโหวตให้ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริริกิติ์ชนะผ่านเข้ารอบสุดท้ายรางวัล UFI Operations  & Services Award 2025 ของสมาคมอุตสาหกรรมการจัดนิทรรศการระดับโลก (UFI- The Global Association of the Exhibition Industry)   

 

Waste Not, Delight More” เป็นโครงการนวัตกรรมการบริหารจัดการขยะเศษอาหารอย่างยั่งยืน ที่ทางศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ริเริ่มเมื่อปี 2566 มุ่งเน้น “การจัดการขยะอาหารให้เป็นศูนย์” ด้วยองค์ประกอบครบวงจร ได้แก่ 1.ใช้เทคโนโลยีในการสั่งอาหารล่วงหน้า 2.ออกแบบเมนูด้วยวิธีเน้นใช้วัตถุดิบท้องถิ่นอย่างคุ้มค่า 3.สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในการกำจัดขยะอาหารให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

โครงการดังกล่าวจึงทำมากกว่าการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เข้าร่วมแต่ละงาน เรื่องรสชาติ คุณภาพ ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทว่าสามารถ “สร้างความภูมิใจ” เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ “ช่วยรักษ์โลก” เพราะอาหารทุกจานนอกจากสร้างความสุขแล้ว ทุกคน “ไม่ได้ทิ้งขยะ” ไว้เบื้องหลัง จึงมีส่วนช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมร่วมกันด้วย

 

Waste Not, Delight More” ส่งโครงการเข้าประกวดในเวทีโลก กระทั่งล่าสุดสามารถพิชิตตำแหน่ง AIPC Innovation Award 2025 เป็นรางวัลระดับโลกที่ยกย่องศูนย์ประชุมที่มีนวัตกรรม และแนวทางบริหารจัดการอย่างสร้างสรรค์ ครอบคลุมการดำเนินงาน การตลาด การบริการ

 

สำหรับรางวัลประเภท Winner Delegate’s Choice มาจากการโหวตของศูนย์ประชุมทั่วโลกที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ เพื่อยกย่องผลงานที่โดดเด่น  และน่าประทับใจที่สุด

 

“ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” ยังได้ผ่านการชนะเข้ารอบ 4 หน่วยงานสุดท้าย (Finalist) จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ “ธุรกิจการจัดแสดงสินค้าทั่วโลก” ในเวทีการประกวดรางวัล UFI Operations & Services Award 2025 จากสมาคม UFI – The Global Association of the Exhibition Industry                                                           ภายใต้หัวข้อ “Revolutionising the F&B Experience in Exhibitions: Sustainable, Engaging, and Adaptive Solutions” เป็นรางวัลยกย่องแนวปฏิบัติ  ด้านการบริหารจัดการ  การให้บริการด้านอาหารที่โดดเด่นเรื่องความยั่งยืน

 

ในฐานะที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ผู้นำด้านความยั่งยืนของศูนย์ประชุมไทย พร้อมเดินหน้าเป็นแรงบันดาลใจให้องค์กรอื่น ๆ ควบคู่กับร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ไทยสู่มาตรฐานสากลอย่างยั่งยืน สะท้อนให้เห็นจากการที่ผู้จัดงานชั้นนำเลือกมาจัดงานด้านความยั่งยืนมาตลอด ตอกย้ำความเชื่อมั่นในมาตรฐาน ศักยภาพอย่างชัดเจน โดยจะมีงานไฮไลต์ทยอยจัดตั้งแต่กันยายน-พฤศจิกายน 2568 ดังนี้

 

งาน Mae Fah Luang Foundation Sustainability Forum 2025 วันที่ 22 กันยายน 2568

งาน Sustainability Expo 2025 วันที่ 26 กันยายน – 5 ตุลาคม 2568

งาน Thailand Smart City Expo 2025 วันที่ 5-7 พฤศจิกายน 2568

งานประชุมวิชาการนานาชาติ International Conference on Biodiversity: IBD2025 วันที่ 5 – 7 พฤศจิกายน 2568

 

ข่าวที่สอง “ปวีณา-เอนก-พีรกันต์”ลุ้นสัมภาษณ์15ก.ย.ชิงเก้าอี้ผู้นำ AOT

 

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT รายงานว่า คณะกรรมการสรรหาได้คัดเลือกผู้มีสิทธิ์เข้ารับการสัมภาษณ์เพื่อดำรงตำแหน่ง “ผู้อำนวยการใหญ่ AOT ที่มี พลเรือเอก สุวิน แจ้งยอดสุข เป็นประธาน ได้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครขั้นต้นเรียบร้อยแล้ว มีรายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์มีสิทธิ์เข้ารับการสัมภาษณ์ AOT  ราย ดังนี้

 

นายเอนก  ธีระวิวัฒน์ชัย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานยุทธศาสตร์ AOT

 

  นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง)ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่

 

นายพีรกันต์  แก้ววงศ์วัฒนา อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. 

 

 

ในวันที่ 15 กันยายน 2568 ตั้งแต่ 9.30 น.เป็นต้นไป ผู้สมัครที่มีรายชื่อดังกล่าว จะต้องเข้ารับการสัมภาษณ์และนำเสนอวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมการสรรหาชุดดังกล่าว ที่ห้องประชุมคณะกรรมการ AOT ชั้น 7 อาคารสำนักงานใหญ่

 

“ผู้ที่ผ่านการคัดเลือก” จะต้องได้รับคะแนนเฉลี่ยจากคณะกรรมการสรรหาฯ ไม่ต่ำกว่า 80 % จึงจะผ่านเกณฑ์การพิจารณา จากนั้นก็จะนำรายชื่อเสนอคณะกรรมการ บมจ.ท่าอากาศยานไทย พิจารณาต่อไป

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

TCEBนำไทยเจ้าภาพ3งานไมซ์โลกปี69-72 โกยรายได้เกือบแสนล้าน

  ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผอ. TCEB นำไทยรับธงเจ้าภาพ3งานโลก มหกรรมพืชสวนโลก อุดร โคราช Gastech  ผู้นำ TCEB โชว์พลังไมซ์ชูไทยเจ้าภาพ 3 งานโลก โ...