วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2568

“เพ ลา เพลิน บูติก รีสอร์ท”เปิดโมเดลธุรกิจเที่ยวครบวงจร ก.ย.68-ม.ค.69ลุยขายทัวร์



“เพ ลา เพลิน บูติก รีสอร์ท”เปิดโมเดลธุรกิจเที่ยวครบวงจร

จากแคมป์เด็ก/อุทยานไม้เมืองหนาวสู่เมืองแห่งศูนย์เรียนรู้

ก.ย.68-ม.ค.69ลุยขายทัวร์“ธรรมชาติ-ไหว้พระธาตุ-เวลเนส”

“คิงเพาเวอร์ออนไลน์” ชูโปร GOLDEN BOARDING PASS

พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดโปรคู่แต่งงาน Where Love Belongs

ททท.นำภาคใต้ปั๊มตลาดคู่แต่งงานอินเดียปี68หวังแสนล้าน

บางจากร่วมเวที“APPEC 2025”บูมตลาดคาร์บอน-น้ำมันSAF

เที่ยวเมืองพะเยาก้าวหน้าทุกวันพระ 9วัด 9อำเภอ ทำ 9อย่าง

7 วิธีลดเครียดลองลงมือทำด่วนง่ายได้ด้วยตัวเองเพื่อสุขภาพ

บพท.เปิดเวทีถก“สู้ชนะความจน”เฟ้น10เรื่องหนุนรัฐบาลใหม่

SCOOTโลว์คอสต์สิงคโปร์จัดโปรกินบินเที่ยวเริ่ม1,480บาท


วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2568 ต้อเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก  #เที่ยวกว๊านพะเยา

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/17ESDuFth6/

ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! นายประณัย สายชมภู กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพ ลา เพลิน บูติก รีสอร์ท จำกัด ถอดรหัส “เพ ลา เพลิน” 3 ยุค จากแคมป์เด็กสู่การท่องเที่ยวอุทยานไม้ดอกเมืองหนาว ผันมาเป็น “แหล่งท่องเที่ยวเชิงการเรียนรู้” ครบวงจร ในอีสานใต้ ผนวกเทรนด์ให่ “ท่องเที่ยวสุขภาพ” แพทย์แผนไทย ทางเลือก ประยุกต์ ลุยส่งเสริมตลาดการขายครบวงจรด้วยปฏิทินเที่ยวข้ามปี เริ่ม “ก.ย.68” อีสานเขียวเที่ยวหน้าฝนชมดอกกระเจียว วาซิบิเวิลด์ “ต.ค.” ทัวร์บุญออกพรรษาไหว้พระธาตุเขี้ยวแก้วองค์ที่ 9 “พ.ย.”ตื่นตาไม้ดอกเมืองหนาว กับแพกเกจ 2 วัน 1 คืน 999 บาท/ห้อง และ 3 วัน 2 คืน 1,999 บาท/ห้อง “ธ.ค.” ส่งท้ายปีเก่า “ม.ค.69” ต้อนรับวันเด็กไทย ผนึกเครือข่ายราชภัฎ มหาลัย สาธารณสุข หนุน “เพ ลา เพลิน อคาเดมี” อบรมอาชีพนวดไทย

 

นายประณัย สายชมภู กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะผู้บริหารรุ่นใหม่มีแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจ มีจุดเริ่มจากเมื่อ 15 ปีก่อน “ยุคบุกเบิก” ได้เปิดบริการแหล่งท่องเที่ยว “อุทยานไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาว” แดนอีสานใต้ โดยนำไม้ทิวลิป เนเธอร์แลนด์ มาจัดแสดงนิทรรศการให้นักท่องเที่ยวทั่วประเทศได้ชมถึงเรื่องราวที่น่าสนใจหลากหลายมากมาย

 

ยุคที่ 2 แหล่งท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ ตามคอนเซ็ปต์ “เที่ยวอย่างมีความสุข สนุกกับการเรียนรู้” ตามเจตนารมย์ของ “คุณเอ๋ : พรทิพย์ อัษฎาธร”ผู้ก่อตั้ง มุ่งมั่นพัฒนาให้ เพ ลา เพลิน เป็นแหล่งเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน ในภาคอีสานใต้ เพราะแถบนี้ยังไม่เคยมีมาก่อนบริเวณรอบพื้นที่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ กาฬสินธุ์ ในอดีตจะต้องเดินทางไกลมาถึงนครราชสีมา ขอนแก่น เมื่อมี เพ ลา เพลิน เป็นแหล่งเรียนรู้ใหม่เกิดขึ้นทำให้การเข้าถึงได้ง่ายและสะดวกกับเด็กๆ และนักท่องเที่ยวแถบนี้ด้วย



“สิ่งอำนวยความสะดวก” ใน เพ ลา เพลิน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 ห้องพัก 73 ห้อง ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้พื้นที่สีเขียว มีมาตรฐานความสะอาด ปลอดภัย ในการรองรับนักเดินทางศึกษาดูงาน และท่องเที่ยว จาก สถานศึกษา หน่วยงานทั่วไป

พอเกิดเหตุการณ์โควิดแพร่ระบาด จึงได้ปรับตัวเพิ่มบริการใหม่ “อโรคา เวลเนส ศาลา เพ ลา เพลิน” ซึ่งเป็นบริการต้นน้ำเรื่องศักยภาพด้านการเกษตรเป็นทุนอยู่แล้ว จึงได้ปลูกพืชสมุนไพรส่งให้โรงพยาบาล องค์การเภสัชกรรม เพื่อนำไปปรุงทำยาใช้ต่อไป พร้อมกับนำผลิตภัณฑ์มาใช้ครบวงจรกทั้ง ต้นน้-กลางน้ำ-ปลายน้ำ ในเวลเนส

 


ส่วน “ปฏิทินการท่องเที่ยว”  เริ่มเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยวปลายปี 2568 โดยภาพรวมปัจจุบัน “บุรีรัมย์” เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงกีฬา กิจกรรมงานต่าง ๆ ไฮไลต์คือ การแข่งขัน “โมโต จีพี” รถมอเตอร์ไซต์ความเร็วสูงรายการใหญ่ของโลกที่สนามช้าง การแข่งขันมาราธอน รวมถึงความโดดเด่นเรื่องการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวตลาดต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวนน้อย ดังนั้นจึงตั้งเป้าจะกระตุ้น “ต่างชาติ” ในจังหวัดใกล้เคียงเดินทางเข้ามาใช้บริการ โดยมีกิจกรรมการขายเป็นปฏิทินรายเดือนระหว่าง กันยายน-ธันวาคม 2568 ไว้ต้อนรับ ดังนี้


“เดือนกันยายน” นำสู่มหกรรม “อีสานเขียวเที่ยวหน้าฝน” ใน เพ ลา เพลิน นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมดอกกระเจียวบาน และพื้นที่ใหม่โครงการ “วาซาบิ เวิลด์” ทางรีสอร์ตจับมือกับโครงการบ้านไร่ในพระราชดำริ นำชม โรงเรือนปลูกต้นวาซาบิในห้องควบคุมอุณหภูมิ โดยได้นำเสนอการท่องเที่ยวครบวงจร ตั้งแต่ “ต้นน้ำ” ชมวิธีปลูกวาซิบิในโรงเรือน “กลางน้ำ” เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาทำกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องวาซาบิ “ปลายน้ำ” นำผลิตภัณฑ์มาทำเมนูอาหารต่าง ๆ


“ตุลาคม” เที่ยวงานประเพณี “ออกพรรษา” ร่วมกับวัฒนธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ ภายใน เพ ลา เพลิน ได้รับความเมตตาเป็นเกียรติสูงสุดให้นำ “พระธาตุเขี้ยวแก้วจำลอง” จากศรีลังกา องค์ที่ 9 และเป็นองค์สุดท้ายที่ทางศรีลังกามอบให้ประเทศต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ใน เพ ลา เพลิน  รับมาช่วงความสัมพันธ์ไทย-ศรีลังกา พร้อมโอกาสพิเศษในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชย์สมบัติครบ 70 ปี

ปี 2568 ในโอกาสครบรอบ 9 ปี องค์ที่ 9 ของโลก และเป็นองค์สุดท้าย ที่ทางศรีลังกาจะมอบให้ประเทศต่าง ๆ ได้มาประดิษฐานถาวรในศูนย์การเรียนรู้ เพ ลา เพลิน จึงเตรียมเปิด “เข้าชมฟรีพระธาตุเขี้ยวแก้ว” ตลอดทั้งเดือนให้ประชาชน นักท่องเที่ยว พุทธศาสนิกชน ได้มากราบสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ช่วงงานประเพณีทอดกฐิน


พฤศจิกายน” เที่ยวดอกไม้เมืองหนาว จัดทำโปรโมชั่นพิเศษ “แพกเกจห้องพัก” 3 วัน 2 คืน ราคา 1,999 บาท/ห้อง และ 2 วัน 1 คืน ราคา 999 บาท/ห้อง จากราคาปกติ 2,500 บาท/ห้อง/คืน

“ธันวาคม” ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เปิดฟรีให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสฤดูท่องเที่ยว ตั้งแต่ 20 ธันวาคม 2568-วันเด็กสัปดาห์ที่สองเดือนมกราคม 2568 ส่งเสริมการพักผ่อนหย่อนใจและใช้จ่ายสร้างความสุขอย่างคุ้มค่าเงิน


“กิจกรรม” จัดเตรียมไว้รองรับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ไฮไลต์ 

กิจกรรมแรก   การท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ “เวิร์คช้อป” ลองลงมือทำเมนูอาหารจากวาซาบิ ราคา 350 บาท/คอร์ส หรือเลือกเวิร์คช้อปในห้องแลป หรือทำผ้ามัดย้อม เสื้อย้อมคราม เพนท์กระเป๋า วิถีชุมชนต่าง ๆ

กิจกรรมที่ 2 การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ในศูนย์อโรคยา เวลเนส ศาลา มีแพกเกจบริการสุขภาพรวมห้องพัก และสามารถร่วมกิจกรรมหัตถการ รับคำปรึกษาจากแพทย์จะแนะนำให้ทำหัตถการภูมิปัญญาพื้นบ้าน โดยมีอาจารย์ คมสัน ทินกร ณ อยุธยา เป็นที่ปรึกษาโครงการ ฝึกอบรมแพทย์แผนไทยประยุกต์ นำหัตถการประจำตระกูลซึ่งไม่ได้ถ่ายทอดทั่วไปทำให้เฉพาะที่ เพ ลา เพลิน  เพื่อดูแลตามสภาพร่างกายของแต่ละคน โดยใช้ “สมุนไพร” ปลูกเองในพื้นที่ นำมาใช้อย่างถูกต้องตามมาตรฐาน

กิจกรรมที่ 3 ชมอุทยานไม้ดอกไม้ประดับ จะเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ดอกไม้ทุก 6 เดือน สามารถมาท่องเที่ยวซ้ำ ๆ ได้ตลอดทั้งปี

“กลุ่มตลาดเป้าหมาย” เพ ลา  เพลิน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเหมาะกับทุกกลุ่มวัยหลัก ๆ ประกอบด้วย 4 กลุ่ม ได้แก่


กลุ่มแรก “มัลติ เจน” หรือ “ครอบครัว” พ่อ แม่ ลูก มีกิจกรรมสามารถรองรับได้ทุกวัย รวมทั้ง “อาหาร” รสชาติอร่อยเป็นเอกลักษณ์จากการนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาปรุง แล้วก็มีแหล่งช้อปปิ้ง “Joy Marketplace” เป็นคอมมิวนิตี้มอลล์ จำหน่ายสินค้าชุมชนมีทั้งสมุนไพร ปลูกเอง ผลิตเอง แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์วางขายในร้าน ทุกคนมาช้อปปิ้งของฝากกลับบ้านไป ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ถึงมือเครือข่ายชุมชนด้วยเพราะเป็นเครือข่ายปลูกพืชสมุนไพรต่าง ๆ มาผลิตสินค้าคุณภาพดี แล้ว เพ ลา เพลิน ก็เป็นสถานที่จุดหมายปลายทางเหมาะกับการพักผ่อนตลอดทั้งปี

กลุ่มที่ 2 นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการขับรถเที่ยวด้วยตนเอง แวะมาได้ตลอดทุกวัน

กลุ่มที่ 3 ประชุม/สัมมนา ต้องการเชิญชวนมาใช้บริการ เพ ลา เพลิน ให้มาก ๆ เพราะภายในได้สร้างฐานการเรียนรู้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นสารตั้งต้นให้ทุกหน่วยงานมาศึกษาได้ ซึ่งมี “สมุนไพร” มีแพกเกจ ทำอาชีพ ไทยเฮอริเทจ ทำเวลเนส ทำวาซาบิ มีระบบลดขยะจากอาหาร ลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์

 


กลุ่มที่ 4 ศึกษาดูงาน โรงเรียนทั่วประเทศ สามารถนำเยาวชนมาเรียนรู้โปรแกรม จูเนียร์ เวลเนส และมีโครงการตั้งต้นโดยออกแบบตามต้องการให้ด้วย พร้อมทั้งบอกถึงประโยชน์ที่จะได้รับกลับไป

 

ขณะเดียวกันกำลังเตรียมขยายบริการ “อบรมอาชีพแพทย์ทางเลือก” โดยร่วมกับสถาบันแพทย์ทางเลือก แพทย์แผนไทย สามารถมาศึกษาดูงาน และมาอบรมคอร์สได้

 

“ความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตร” เดินหน้าทำโครงการ “เพ ลา เพลิน อคาเดมี” กำลังจัดตั้งเป็นโรงเรียน กำลังหารือกับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อจะเปิด “นวดไทย” 150 ชั่วโมงขึ้นไป หรือหลักสูตร แพทย์แผนไทย และหลักสูตรอื่น ๆ ขณะนี้มีทำร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขอยู่บ้างแล้วเกี่ยวกับแพทย์แผนไทย และจับมือกับสถาบันราชภัฎบุรีรัมย์ สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ กรมการแพทย์แผนไทยได้ทำเอ็มโอยูไว้แล้ว ล่าสุดทำความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา มุ่งองค์ความรู้ของบุคลากรมาพัฒนาความรู้ส่งต่อให้ผู้เข้ามาศึกษาดูงานนำไปใช้ได้จริง

 

            รวมทั้งมีผู้ประกอบการเอกชน เพื่อรับซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และความร่วมมือพัฒนาโปรดักซ์กับทางกลุ่มซี พี ออลล์ ดูแลการนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายใน 7-11 แต่จะต้องคัดเลือกและผ่านกระบวนการตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง เปิดโอกาสให้ลิงค์กับเครือข่ายเอกชนที่มาใช้บริการ “เพ ลา เพลิน” และราชภัฎบุรีรัมย์เป็นพันธมิตรสำคัญร่วมกันทำสาโทเป็นผลิตภัณฑ์จากข้าวพื้นถิ่นอีสาน โดยร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ทำวิจัยลูกแป้งจากสาโทเพื่อนำไปแปรรูปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีประโยชน์ควบคู่กันไปด้วย

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 

ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์ออนไลน์ลุยโปรGOLDEN BOARDING PASS

 

คิง เพาเวอร์ จัให้ กับ Your Journey, Your Statement ทั้งลด ทั้งแถม ตลอด 7 วัน! ด้วยไอเทมขายดีจากแบรนด์ SHISEIDO, CLINIQUE , TOM FORD BEAUTY, SULWHASOO , GUCCI, POLO RALPH LAUREN, SK-II, LACOSTE , ESTÉE LAUDER, KIEHL'S, FERRAGAMO, MCM, NARCISO RODRIGUEZและอื่นๆอีกมาก เข้าชมสินค้าพร้อมช้อปและรับดีลพิเศษ >> https://bit.ly/45Bpgou

 

9.9 GOLDEN BOARDING PASS ปลดล็อกตั๋วทองกับดีลพิเศษ เดือนนี้มีแต่คุ้ม! พร้อมมอบความสุขให้ด้วยดีลสุดพิเศษจากแบรนด์โปรด! มาสัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งคุ้มค่าที่สุดในเดือนกันยายนนี้ ห้ามพลาดที่คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ ให้คุณช้อปแบบจัดเต็มความคุ้มค่า พร้อมรอรับของที่สนามบินขาออกประเทศ

 

ลดสูงสุด 25% ช้อปครบ 1,500 บาท รหัสส่วนลด SPSAVE

พิเศษ! Member Online (POWER PASS)ลดเพิ่มทันที 5% รหัสส่วนลด MBSAVE (เฉพาะสินค้าแบรนด์และแผนกที่ร่วมรายการ)

Online Special Offer! FREE! แผ่นทองเสริมศิริมงคลจำกัด 99 ชิ้นเท่านั้น เมื่อช้อปครบ 4,999 บาท(สุทธิ) วันนี้ - 14 ก.ย. 68

           

สนุกกับการช้อป ที่ คิง เพาเวอร์ พร้อมรับให้ครบทั้ง 6 สิทธิ ดังนี้

 

1.สินค้า Duty-Free สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย! รับสินค้าที่สนามบิน 2.แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 6 เดือน 3.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4,600 บาท 4.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ (ของแถมมีจำนวนจำกัดและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า) 5.รับเลย! ส่วนลด 800.- เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์  6.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท(สุทธิ)

 

ข่าวที่ 2 -พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดโปรคู่แต่งงาน“Where Love Belongs

 

โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ นำงาน “Where Love Belongs Wedding Festival” กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่เพื่อมอบให้ทุกคู่รักที่มีแพลนแต่งงานห้ามพลาด!​ ที่ห้องอีเทอร์นิตี้ เดจาวู และดอว์น โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ฯ วันที่ 4-5 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 - 20.00 น.

 

รับโปรโมชั่นสุดพิเศษราคาเริ่มต้นเพียง 289,000 บาท พร้อมพันธมิตรมากมาย ครบ จบ ในงาน จัดเต็มมาให้ ไม่ว่าจะเป็นชุดบ่าวสาว การ์ดและของชำร่วย ทีมช่างภาพและทีมวีดีโอชื่อดัง รองเท้า จิลเวอรี่เครื่องประดับ วงดนตรี โฟโต้บูธ และเวดดิ้งแพลนเนอร์มากประสบการณ์​จัดขึ้น  

 

ลงทะเบียนวันนี้เข้าร่วมงานรับทันทีบัตรพิเศษเพื่อนำไปใช้ได้ที่  Mahanakorn Skywalk ที่ bit.ly/WhereLoveBelongsWedding​

 

 

ข่าวที่ 3-ททท.นำภาคใต้ปั๊มตลาด“คู่แต่งงาน”อินเดียปี’68หวังแสนล้าน

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.นำทีมเอกชนไทยร่วมงาน The Celebration with Care Wedding Planners Fam Trip & Trade Meet รุกเจาะกลุ่มตลาดอินเดียจัดแต่งงานและฮันนีมูน เมื่อ 3-8 กันยายน 2568 ที่โรงแรมแมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา ในยางบีช ภูเก็ต โดยเปิดพื้นที่ให้ผู้นำเวดดิ้ง แพลนเนอร์  และออร์แกไนเซอร์ ของอินเดีย พบปะเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยภาคใต้ได้โปรโมทสถานที่แต่งงานและจัดเฉลิมฉลองในภูเก็ต เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และกรุงเทพฯ ช่วยกระตุ้นอินเดียมาเที่ยวเมืองไทยปี 2568 เป็นไปตามเป้าหมาย 2 ล้านคน สร้างรายได้ 1 แสนล้านบาท

 

สถิติปี 2566-2567 ททท. คาดมีอินเดียเดินทางมาจัดงานแต่งงานในไทยกว่า 1,200 คู่ ใช้จ่ายเงินจัดแต่งงานมูลค่า 10-20 ล้านบาท/งาน ตามประมาณการณ์รายได้เข้าไทย 17,000 ล้านบาท/ปี และมีแนวโน้มจะเติบโตต่อเนื่องสูงขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทย สามารถใช้ขยายตลาดคู่แต่งงานและจัดงานเฉลิมฉลองเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป

 

สำหรับ “อินเดีย” กลุ่มเวดดิ้งและฮันนีมูนเป็นตลาดความสนใจพิเศษที่มีศักยภาพสูงเติบโตโดดเด่น เพราะชาวอินเดียให้ความสำคัญเรื่องจัดงานแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ ใช้เวลาจัดต่อเนื่องกันหลายวัน แต่ละครั้งเชิญแขกร่วมงานจำนวนมาก 200-400 คน ใช้จ่ายเงินจัดงานแต่งงานเต็มที่ เมืองไทยมีความพร้อมเป็นจุดหมายปลายทางที่ดี ทั้งความสวยงามและสถานที่จัดงานแต่งงานมีหลากหลาย โรงแรมระดับ 4-5 ดาว มีความพร้อมบริการครบวงจร ตกแต่ง พิธีการ จัดเตรียมอาหาร ทีมงานโรงแรมกับออร์แกไนเซอร์มีความเชี่ยวชาญจัดแต่งแบบอินเดีย และการเดินทางความสะดวกสบาย จากมาตรการยกเว้นวีซ่า ความคุ้มค่าในการจัดงานในไทยที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าอินเดียประมาณ 20-40%

 

ปัจจุบันชาวอินเดียจึงเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมจัดงานแต่งงานและเฉลิมฉลองวาระต่าง ๆ ททท. จึงเร่งส่งเสริมตลาดเวดดิ้งและฮันนีมูนเต็มที่ ลงทุนจัดงานส่งเสริมการขายพร้อมจับคู่ทางธุรกิจระหว่าง “ผู้ให้บริการในไทย” มีทั้ง โรงแรม เวดดิ้ง แพลนเนอร์ ผู้จัดตกแต่งสถานที่ ผู้ประกอบการการเดินทาง กับ “เวดดิ้ง แพลนเนอร์ อินเดีย” จากเมืองสำคัญ อาทิ นิวเดลี มุมไบ อาเมดาบัด ไฮเดอราบัด ผนวกส่งเสริมการจัด “งานแสดงสินค้าและบริการ” ที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานแต่งงานของชาวอินเดียในไทย คาดจะทำให้ตลาดเวดดิ้งและฮันนีมูนเติบโตเพิ่มขึ้น

 

ททท.จัดงาน The Celebration with Care Wedding Planners Fam Trip & Trade Meet เมื่อ 4 กันยายน 2568 ที่โรงแรมแมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา ในยางบีช ภูเก็ต โดยได้เชิญเวดดิ้ง แพลนเนอร์ กับ ออร์แกไนเซอร์ ชั้นนำ ในอินเดีย 20 ราย เดินทางมาร่วมเจรจาธุรกิจกับเอกชนท่องเที่ยวไทยในภาคใต้ จากภูเก็ต พังงา กระบี่ และเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี 31 ราย แบ่งเป็น โรงแรมที่พัก 24 ราย เรือท่องเที่ยว 3 ราย แหล่งท่องเที่ยว 2 ราย สายการบิน 1 ราย และผู้แทนสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต 1 ราย

 

วันที่ 3-8 กันยายน 2568 จัดทริปเดินทางสำรวจโรงแรมที่พักที่มีความพร้อมรองรับจัดแต่งงานและงานเฉลิมฉลอง กับสินค้าบริการทางการท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ บริการสปาและเวลเนส กิจกรรมชายหาด ชอปปิง ครอบคลุมทั้ง ภูเก็ต เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี และกรุงเทพฯ  เช่น บาบา บีชคลับ, เลอเมอริเดียน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช รีสอร์ต, อินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท, ริทซ์ คาร์ลตัน เกาะสมุย, เคปฟาน เกาะสมุย, ไฮแอท รีเจนซี เกาะสมุย, อนันตรา ลาวาณา เกาะสมุย, วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ

 

ตั้งแต่ 1 มกราคม –9 กันยายน 2568 มีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้าไทย 1,627,414 คน เติบโต 15 %เเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ทำสถิติเที่ยวเมืองไทยติดอันดับที่ 3 รองจากจีน และมาเลเซีย ททท.จึงมุ่ง “เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ” จากตลาดอินเดีย เน้นเพิ่มค่าใช้จ่ายและขยายวันพัก โดยเฉพาะ กลุ่มครอบครัว อินเซ็นทีฟ คู่แต่งงานและจัดงานเฉลิมฉลอง นักเดินทางผู้หญิง นักเดิทางสูงวัย คนรุ่นใหม่ กลุ่มพักผ่อนหรูหรา นักท่องเที่ยวกอล์ฟ พร้อมกับ “ขยายฐานกลุ่มใหม่” ที่มีศักยภาพ  ได้แก่ ดำน้ำ ฟื้นฟูสุขภาพ ผจญภัย และกระตุ้น “นักเดินทางครั้งแรก”  (First Visitor) สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่ดีน่าประทับใจเลือกมาไทยซ้ำ ๆ ต่อเนื่องทุกปี

 

ข่าวที่ 4-บางจากร่วมเวที“APPEC 2025”บูมตลาดคาร์บอน-น้ำมันSAF

           

นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รับเชิญร่วมเสวนาการประชุม Asia Pacific Petroleum Conference (APPEC) 2025 จัดโดย S&P Global Commodity Insights ภายใต้แนวคิด “Navigating Trade, Technology and Transition” ระหว่าง 8-11 กันยายน 2568 ที่สิงคโปร์ เป็นเวทีประชุมพลังงานระดับภูมิภาคทรงอิทธิพลที่สุดงานหนึ่งของปี รวบรวมผู้กำหนดนโยบาย ผู้บริหารระดับสูง และผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนแนวโน้ม ความท้าทาย และโอกาสใหม่ในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

 

“เป้าหมายหลักของบางจาก” ในการมีส่วนร่วมเวที APPEC 2025 เพื่อตอกย้ำองค์กรที่มีความมุ่งมั่นสู่เป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ปี 2593 (ค.ศ.2050) ตามแผน BCP 316 NET เดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมพลังงานสะอาด ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ พัฒนาตลาดคาร์บอนในภูมิภาค มุ่งเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนทั้งระดับเอเชียและโลก

             

วันแรก กันยายน ก่อนการประชุมนางกลอยตาได้รับเชิญเข้าร่วมในฐานะ VIP Meet & Greet  ในงาน APPEC 2025 ได้พบกับผู้นำในอุตสาหกรรม พร้อมแขกรับเชิญจากหน่วยงานต่างๆ และผู้บริหารระดับสูงของ S&P Global มีผู้ทรงเกียรติคือ Ms. Low Yen Ling, Senior Minister of State, Ministry of Trade and Industry and Ministry of Culture, Community and Youth สิงคโปร์ ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เปิดงาน         

 

วันที่สอง กันยายน เริ่มการประชุม Carbon Markets Conference นางกลอยตาได้ร่วมสนทนา Fireside Chat ในหัวข้อ “Designing Carbon Mechanisms for Developing Economies” สะท้อนมุมมองเกี่ยวกับตลาดคาร์บอนของไทยและร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจากการซื้อขายคาร์บอนภาคสมัครใจ ไปสู่ระบบกำกับดูแลที่เข้มแข็งมากขึ้น

 

เช่น ระบบซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS) การจัดเก็บภาษีคาร์บอน และข้อบังคับในอนาคต โดยย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือในอาเซียน เพื่อเสริมสร้างภูมิภาคที่เข้มแข็ง ควบคู่การสร้างกลไกที่น่าเชื่อถือในระดับสากลและมีความเป็นธรรมภายในประเทศ

 

โดยมีผู้ร่วมเสวนาจาก Verra ได้แลกเปลี่ยนแนวคิดเรื่องการออกแบบกลไกคาร์บอนที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศกำลังพัฒนา สร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสอดคล้องกับทิศทางตลาดโลก

 

วันที่ 10 กันยายน ร่วมการประชุม Biofuels Conference นางกลอยตาเข้าร่วมเสวนาหัวข้อ “Sustainable Aviation Fuel (SAF) – Taking Flight in Asia” แลกเปลี่ยนมุมมองสำคัญหลายเรื่องทั้ง 1.แนวโน้มความต้องการ SAF ที่เพิ่มสูงขึ้นในอุตสาหกรรมการบิน จำเป็นต้องพัฒนานวัตกรรมเชื้อเพลิงใหม่ เช่น Alcohol to Jet (AtJ) และ e-Fuels 2.กรอบนโยบายและแรงจูงใจภาครัฐ 3.การแก้ไขข้อท้าทายด้านวัตถุดิบเร่งการผลิตและการใช้ SAF ในวงกว้าง

 

โดยมีผู้แทนร่วมเสวนาจาก Petronas Airbus และ Qantas อภิปรายสะท้อนถึง 4 เรื่องหลัก ได้แก่

 

1.ความท้าทายขยายการใช้ SAF ที่ยังมีต้นทุนสูงกว่าน้ำมันเครื่องบินแบบดั้งเดิม

 

2.ปริมาณวัตถุดิบ เช่น น้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว (UCO) ยังมีจำกัดและแข่งขันสูง

 

3.บทบาทของหน่วยงานกำกับดูแลมีความสำคัญในการสนับสนุนด้วยข้อมูล มาตรฐานการรับรอง และกรอบนโยบายที่ชัดเจนและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ทั้งผู้ผลิต สายการบิน และผู้โดยสาร และช่วยผลักดันให้การใช้ SAF ขยายตัวได้จริงในอนาคต

 

4.เน้นการสื่อสารกับผู้โดยสารและภาคประชาสังคมในภาพรวม เพื่อสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วม โดยเฉพาะการทำให้เห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ถึงการใช้ SAF มีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ รวมถึงการรณรงค์โครงการ “Fry to Fly” ของกลุ่มบริษัทบางจาก เชื่อมโยงประชาชนกับการเดินทางที่สะอาดและยั่งยืนด้วยการรับซื้อ UCO เพื่อนำไปผลิต SAF

 

ช่วงที่ 2 มีปฏิทินเที่ยวต่อเนื่องยาว ๆ แบบข้ามปีกับทัวร์บุญทุกวันพระ “ที่วัดติโลกอาราม” กลางกว๊านพะเยา สักการะหลวงพ่อศิลา ศักดิ์สิทธิ์ ที่จังหวัดพะเยา สามารถเที่ยวได้ทั้ง 9 อำเภอ 9 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และทำ 9 อย่าง แล้วมาฟัง “7วิธีลดความเครียด” ด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ เกาะติดข่าวฮ็อต ข่าวแรก “บพท.เปิดเวทีถกสู้ชนะจน” กับเครือข่ายชุมชน มหาลัย เฟ้น 10 เรื่องหนุนรัฐบาลใหม่ ข่าวที่สอง SCOOTโลว์คอสต์สิงคโปร์” จัดโปรกินบินเที่ยวเริ่ม1,480บาท

 

 

 

ท่องเที่ยว-เที่ยวเมืองพะเยาก้าวหน้าทุกวันพระ9วัด 9อำเภอ9อย่าง

 

            “สุขทันที ที่เที่ยวไทย” “สุขทันที ฤดูนี้ ฤดูเหนือ ชวนให้นักท่องเที่ยวออกไปหาประสบการณ์ดี ๆ  “เที่ยวเมืองพะเยาก้าวหน้า“ 9 อำเภอ ไหว้พระขอพร 9 วัด(ดัง) ทุกเดือนต้องห้าม…พลาดกับ 9 สิ่งต้องทำ ที่วัดติโลกอาราม  กลางทะเลสาบกว๊านพะเยา ร่วมประเพณีเวียนเทียนทางน้ำกลางกว๊านพะเยา “หนึ่งเดียวในโลก” ปีละ 3 ครั้ง ทุกวันพระใหญ่ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา

 

“ทุกวันพระ 15 ค่ำ” ทุกเดือน 17.00 -19.00 น.นักท่องเที่ยวสามารถมาร่วมสร้างประสบการณ์แห่งความทรงจำ “ครั้งหนึ่งในชีวิต” ที่ได้มาไหว้พระขอพร “หลวงพ่อศิลา” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ อายุเกือบ 1,000 ปี สง่างามและเลื่องชื่อด้านความศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้ที่ “วัดติโลกอาราม” เกาะกลางกว๊านพะเยา-ทะเลสาบน้ำจืด  ได้ตลอดปี 2568 และปี 2569 (ยกเว้นเดือนที่มีการจัดงานเวียนเทียนทางน้ำกลางกว๊านพะเยา)

 

ชวนนักท่องเที่ยวมาเช็คอินเที่ยวทางบุญได้ทุกเดือน ในวันพระขึ้น 15 ค่ำ และเดือนตุลาคม 2568  ทาง อบต.แม่ใส เป็นเจ้าภาพร่วมกับ ททท.สำนักงานเชียงราย และ ททท.ศูนย์ฯจังหวัดพะเยา ชวนพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศมาร่วมทำบุญไหว้พระขอพร “หลวงพ่อศิลา” เสริมศิริมงคลต่อชีวิต มาขอพร “หลวงพ่อศิลา”  ติดต่อ ททท.ศูนย์ฯพะเยา โทร.054 430 400 

 

ปี2569 เที่ยวเมืองพะเยาก้าวหน้า นำเสนอแหล่งท่องเที่ยว

 

9 อำเภอจังหวัดพะเยา” ต้องห้ามพลาด ตลอดทั้งปี 2569 ได้ที่ อ.เมือง : วัดติโลกอาราม อ.เชียงคำ : วัดนันตาราม อ.จุน : โบราณสถานเวียงลอ อ.ดอกคำใต้ : วัดศรีชุม อ.เชียงม่วน : วัดท่าฟ้าใต้ อ.ภูกามยาว : วัดป่าพุทธชินวงศาราม(ม่อนพญานาค) อ.ภูซาง : น้ำตกภูซาง-น้ำตกอุ่นภูซาง อ.ปง : ภูลังกา-ผาช้างน้ย อ.แม่ใจ : อุทยานแห่งชาติแม่ปืม

 

“ไหว้พระ9วัดดังจังหวัดพะเยา” 1.วัดติโลกอาราม 2.วัดศรีโคมคำ 3.วัดพระธาตุจอมทอง 4.วัดห้วยผาเกี๋ยง 5.วัดอนาลโยทิพยาราม 6.วัดนันตาราม 7.วัดแสนเมืองมา 8.วัดม่อนพญานาค 9.วัดศรีชุม

 

9กิจกรรมต้องทำที่วัดติโลกอาราม” ดังนี้ 1.บูชาพญานาคีณีศรีปทุมมา 2.บวชต้นไม้  3.สรงน้ำหลวงพ่อศิลา4.เติมน้ำบ่อน้ำทิพย์ และเติมน้ำลงสู่ทะเลสาบน้ำจืดกว๊านพะเยา  5.ลอยเทียนประจำวันเกิด 6.เติมน้ำมันตะเกียง-เติมพลัง 7.ปล่อยปลา(สัตว์น้ำ)ลงสู่ทะเลสาบน้ำจืดกว๊านพะเยา 8.ตักบาตรข้าวสาร 9.บูชาชุดดอกไม้ธูปเทียน

 

สุขภาพ - 7 วิธีลดเครียดลองลงมือทำด่วนด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ

 

ลองสังเกตุตัวเองหากมีอาการต่อเนื่องหลายวัน คือ  หัวใจเต้นเร็วขึ้น เหงื่อออกมือ หายใจถี่ขึ้นกระสับกระส่าย อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิ รู้สึกหมดไฟ เหนื่อยล้าแม้นั่งเฉย ๆ ปวดหัว หรือไมเกรนบ่อยขึ้น นอนไม่หลับ หลับยาก หรือฝันร้าย รู้สึกเศร้า ไม่อยากคุยกับใคร

 

นั่นคือสัญญาณที่ร่างกายกำลังบอกว่า “คุณกำลังเครียด” ถึงเวลาแล้วที่จะหันมาใส่ใจตัวเองก่อนที่ปัญหาจะสะสมจนส่งผลต่อสุขภาพกายและใจในระยะยาว มาดูวิธีแก้ความเครียดด้วยตัวเอง 7 วิธี ดังนี้

         

1.ขยับร่างกายตลอด : การออกกำลังกายไม่ได้ช่วยร่างกายแข็งแรงมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้จิตใจแข็งแรงมากขึ้นด้วย เหตุผลหนึ่งคือเพิ่มสมาธิจดจ่อกับการออกกำลัง ทำให้เราลืมความเครียดไปได้ รวมถึงได้ปลดปล่อยออกแรงอย่างเต็มที่ด้วย ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเซโรโทนินช่วยให้หลับง่ายขึ้น ถ้ามีเวลาไม่มากหรือสถานที่ไม่พร้อม ออกกำลังกายง่าย ๆ ที่บ้านโดยการเล่นโยคะก็ได้

 

2.นอนให้พอ : นอนหลับตามเวลาปกติในตอนกลางคืนส่งผลต่อระดับความเครียดอย่างมาก ควรรีบนอนตั้งแต่ที่ยังรู้สึกง่วง ไม่ควรฝืนถ่างตาตอนกลางคืนบ่อยๆ หยุดใช้โทรศัพท์ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ และโทรทัศน์ งดดื่มกาแฟ และอาหารมื้อหนักก่อนเข้านอน ปรับแสงห้องนอนไม่ให้สว่างจ้าจนเกินไป ปรับอากาศในห้องนอนให้ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป และนอนให้ได้อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน

 

3.นั่งสมาธิ : ช่วยผ่อนคลาย และลดความตึงเครียดของสมองได้เป็นอย่างดี เพราะจะทำให้สมองของเราจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องอื่นๆ ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เราเครียด การนั่งสมาธิวันละ 30 นาทีช่วยให้หายเครียดได้อย่างชัดเจน หากไม่อยากนั่งเฉยๆ ก็สามารถเดินสมาธิไปรอบๆ ห้องได้เช่นกัน

 

4.กินอาหารให้สมดุล : เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อระดับความเครียดของเราได้เช่นกัน หากคุณอยู่ในภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ขาดน้ำ และได้รับสารปรุงแต่งจากอาหารแปรรูปมากเกินไป รวมถึงอาหารที่มีน้ำตาลสูงมากเกินไป อาจส่งผลให้ระดับความเครียดของเราสูงขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรควบคุมประเภทของอาหารที่เรารับประทานในแต่ละวันให้สมดุล ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ลดการบริโภคอาหารแปรรูป กินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต) ผลไม้ ผัก และโปรตีนไขมันต่ำให้มากขึ้น

 

5.ฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ : ทุกวันนี้ เรามักหายใจกันสั้นๆ เร็วๆ และส่งผลให้อัตราการเต้นหัวใจเร็ว อาจทำให้มึน วิงเวียนศีรษะ หรือเกิดภาวะวิตกกังวลได้ การฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ ช้าๆ ช่วยให้การหายใจกลับมาอยู่ในรูปแบบปกติ และช่วยผ่อนคลายความเครียดได้

 

6.ลองใช้อโรมาเธอราพี : หรือการบำบัดจิตด้วยกลิ่น เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ ลองจัดโต๊ะทำงาน ห้องนอน ที่มีเทียนหอม หรือก้านธูปหอมที่มีกลิ่นที่ช่วยผ่อนคลายอารมณ์อย่าง มะกรูด ลาเวนเดอร์ คลารี่ เสจ เกรปฟรุต กระดังงา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีน้ำมันที่สามารถนำมาทาผิว หรือนวดตัวก่อนนอนได้อีกด้วย

 

7.ดื่มชาคาโมมายด์ : มีฤทธิ์ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ ช่วยให้หลับได้ดีขึ้น งานวิจัยถึงขั้นบอกว่า ชาคาโมมายด์ มีฤทธิ์คล้ายยานอนหลับ ช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น ใครที่เครียดจนมีปัญหาในการนอนหลับ สามารถดื่มชาคาโมมายด์อุ่นๆ ก่อนนอนได้

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก–บพท.เปิดเวทีถก“สู้ชนะความจน”เฟ้น10เรื่องหนุนรัฐบาลใหม่

 

ดร.กิตติ  สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปิดเผยว่า บพท.เปิดสัมมนา “สู้ชนะความจนครั้งที่ 2 พลังปัญญาชนะจน พ้นหนี้ เพิ่มรายได้ บนฐานบูรณาการข้อมูล เทคโนโลยี ภาคี ความสัมพันธ์” เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 ที่โรงแรม โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอทเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว เดินหน้าแก้ไขสถานการณ์ความยากจนควบคู่กับสร้างโอกาสยกระดับสถานะทางสังคม โดยใช้พลังปัญญาชนะจน พ้นหนี้ เพิ่มรายได้ บนฐานบูรณาการข้อมูล เทคโนโลยี ภาคี ความสัมพันธ์ บพท. จึงจัดเวทีระดมสมองภาคีเครือข่ายนักวิจัยมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ

 

เพื่อตอบโจทย์รัฐบาลใหม่ “อนุทิน วีรกุล” นายกรัฐมนตรี ด้วยการมุ่งแสวงหาคำตอบ  แก้ปัญหา 4 นโยบายหลัก ได้แก่ “เศรษฐกิจ-ภัยธรรมชาติ-ภัยความมั่นคงชายแดน-ภัยสังคม” รวมทั้งมีชุมนุมภาคีเครือข่ายนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ร่วมกับ บพท.ระดมชุดข้อมูลจากงานค้นคว้าวิจัย เสนอชุดคำตอบ 10 ประการ ตอบโจทย์ประเทศ ตอบสนองรัฐบาลใหม่ให้ครบทั้ง 4 นโยบาย

 

จากฐานข้อมูลครัวเรือนยากจนปี 2566 ทางสำนักงานสถิติแห่งชาติ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ร่วมกันสอบทานข้อมูลครัวเรือนยากจน โดยคณะวิจัย 779 คน ร่วมกับนักศึกษา 1,688 คน และภาคีเครือข่ายอีก 1,767 ภาคี พบว่า มีคนจนรวมกัน 2.39 ล้านคน คิดเป็น 3.41 % ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ โดยมีอันดับความยากจน ดังนี้

 

อันดับ 1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   มีสัดส่วนคนจนสูงที่สุดถึง 31.71 % ของจำนวนประชากรในพื้นที่

 

อันดับ 2 ภาคใต้ มีสัดส่วนคนจน 30.65 % ของจำนวนประชากรในพื้นที่

 

อันดับ 3 ภาคกลาง มีสัดส่วนคนจน 19.07 % ของจำนวนประชากรในพื้นที่

 

อันดับ 4 ได้แก่ ภาคเหนือ มีสัดส่วนคนจน  16.98 % ของประชากรในพื้นที่

 

อันดับ 5 กรุงเทพมหานคร มีสัดส่วนคนจน 1.60 % ของประชากรในพื้นที่

 

ดร.กิตติ กล่าวว่า ข้อมูลจากการศึกษาค้นคว้าวิจัยบ่งชี้ว่า ในสังคมมีสาเหตุสำคัญทำให้คนในพื้นที่ภาคต่าง  ๆ “ยากจน” ปัจจัยที่ 1 ขาดเงินออม 84 % เนื่องจากมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ปัจจัยที่ 2 ปัญหาหนี้สิน 70 % ปัจจัยที่ 3 การขาดที่ดินทำกิน 60 % ปัจจัยที่ 4 ขาดทักษะด้ านอาชีพที่สามารถสสร้างรายได้ 57 % ปัจจัยที่ 5 เข้าไม่ถึงสวัสดิการจากรัฐ 41 % ยิ่งไปกว่านั้นครัวเรือนคนจนมักจะมีถิ่นพำนักอยู่ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติซ้ำซาก

 

 

“บพท. ได้ร่วมกับเครือข่ายนักวิจัยและภาคีในพื้นที่ ทำงานวิจัยแก้ปัญหาความยากจนลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน โดยได้ออกแบบโมเดลแก้จนที่มีความสอดคล้องกับบริบทภูมิสังคมในพื้นที่ ขณะนี้นำไปประยุกต์ใช้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศแล้วถึง 299 โมเดล ครอบอีกทั้งยังได้สร้างนักจัดการพื้นที่เพื่อทำหน้าที่วิทยากรให้คำแนะนำชุมชนนำโมเดลแก้จนไปปรับใช้ประโยชน์กระจายตัวอยู่ใน 18 จังหวัด ได้แก่ “ภาคใต้” มี ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พัทลุง “ภาคอีอสาน” มี กาฬสินธุ์ เลย นครราชสีมา อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ มุกดาหาร ยโสธร สกลนคร บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด “ภาคเหนือ” ลำปาง พิษณุโลก และแม่ฮ่องสอน

 

ดร.กิตติกล่าวว่าผลจากการดำเนินงานวิจัยแก้จนต่อเนื่อง ก่อเกิด 34 กองทุนแก้จน กระจายตัวอยู่ในแม่ฮ่องสอน ลำปาง มุกดาหาร ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สกลนคร ยโสธร ชัยนาท พัทลุง อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ สุรินทร์ นครราชสีมา ปัตตานี ยะลา เป็นแรงกระตุ้นให้เกิด “ศูนย์วิจัยแก้จน” ขึ้นใน 3 พื้นที่ คือ ปัตตานี พัทลุง และยะลา

 

รวมถึงมี “ภาคีเครือข่ายนักวิจัย” จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ร่วมกันเสนอแนะแนวนโยบายการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เรื่อง “การเพิ่มรายได้ลดรายจ่าย” เพื่อสร้างความเข้มแข็งชุมชนในพื้นที่ ควบคู่การแก้ปัญหาภัยพิบัติ ปัญหาภัยความมั่นคงบริเวณชายแดน และภัยสังคมไปยังรัฐบาลรวม 10 ประการ ประกอบด้วย

 

1.ปัญหาความยากจน ควรกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และมีกลไกระดับชาติทำหน้าที่ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง

 

2.ควรมีกลไกความร่วมมือระดับจังหวัดในการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบองค์รวม

 

3.พัฒนาระบบคัดกรองและชี้เป้าครัวเรือนยากจน เชื่อมโยงฐานข้อมูลจากหลายแหล่งให้เป็นเอกภาพเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์และชี้เป้าความยากจนได้อย่างแม่นยำ

 

4.กำหนดให้สถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่เป็นผู้พัฒนาและบริหารจัดการข้อมูลเพื่อเป็นฐานออกแบบมาตรการแก้จนเชิงรุกตามประเภทความยากจนของครัวเรือน

 

5.แก้ปัญหาความยากจนแบบองค์รวม โดยใช้แพลตฟอร์มขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำระดับจังหวัด

 

6.จัดให้มีกลไกส่งต่อความช่วยเหลือคนจนในทุกระดับ

 

7.สนับสนุนองค์กรปกครองท้องถิ่นเป็นเจ้าภาพหลักในระดับพื้นที่จัดทำ “ยุทธศาสตร์แก้ปัญหาความยากจน” โดยใช้ข้อมูลคนจนแบบชี้เป้าและเชื่อมโยงแผนยุทธศาสตร์จังหวัด

 

8.สนับสนุนให้นายอำเภอ ทำหน้าที่กำกับ ติดตามระดับอำเภอและให้บรรจุเป็นนโยบายของศูนย์ขจัดความยากจน และพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงระดับจังหวัด และให้สถาบันวิชาการในพื้นที่เป็นหน่วยสนับสนุนทางวิชาการกลไกทุกระดับ

 

9.สร้างนโยบายเชิงรุกด้านสวัสดิการมุ่งเป้า ครอบคลุมทุกมิติ

10. สร้างโครงการพัฒนาทักษะอาชีพที่เข้าถึงครัวเรือนอย่างตรงเป้าและสอดคล้องกับบริบทพื้นที่

 

ข่าวที่สอง SCOOTโลว์คอสต์สิงคโปร์จัดโปรกินบินเที่ยวเริ่ม1,480บาท

 

 

Scootสายการบินราคาประหยัดในเครือ สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส (SIA) นำเสนอโปรโมชัน Scoot’s Everywhere Sale ใคร ๆ ก็บินไปอิ่มได้อร่อยด้วยกับ “อาหารรสเลิศ” ของแต่ละประเทศในราคาตั๋วโดยสารสุดคุ้ม  ต้นทางจาก “กรุงเทพฯ/ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เริ่มต้น 1,480 บาท จองได้ตั้งแต่ 9 -14 กันยายน 2568 แล้วนำไปใช้เดินทางได้ตั้งแต่ 15 กันยายน 2568 -31 สิงหาคม 2569 

 

สายการบิน Scoot ยังมีเที่ยวบินบริการในจากต้นทางในไทยอีกหลายจังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย กระบี่ ภูเก็ต เกาะสมุย ช่วยให้นักท่องเที่ยวไทยเข้าถึงจุดหมายปลายทางต่าง ๆ ทั้งภูมิภาค และทั่วโลกอย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น เน้นเพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดี มีผลิตภัณฑ์และบริการน่าเชื่อถือ ราคาเข้าถึงง่าย และการเดินทางอย่างยืดหยุ่น จากกรุงเทพฯ ทุกเที่ยวบินของ Scoot จะต้องแวะพักเครื่องที่สิงคโปร์ก่อนไปยังจุดหมายปลายทางประเทศอื่น ๆ

 

@ออสเตรเลีย : รสชาติของความสดใหม่ที่น่าลิ้มลอง

 

“อาหารออสเตรเลีย” มีความหลากหลายทั้งสดใหม่และอิ่มท้อง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งกินอยู่ที่บ้าน มีแผนเดินทางไป “เพิร์ท” ต้องลอง “พายเนื้อ” จานคลาสสิกอัดแน่นด้วยเนื้อวัวบดราดน้ำเกรวี เป็นของว่างประจำชาติคนออสเตรเลีย ถ้า “ชอบอาหารทะเล” มีเมนู “บารามันดี” ปลากระพงท้องถิ่นมักนำมาย่างจนสุกกำลังดี เสิร์ฟพร้อมผักตามฤดูกาล และของหวานอย่าง “ลามิงตัน” ชิ้นเค้กสปอนจ์เคลือบช็อกโกแลต โรยเกล็ดมะพร้าวแสนอร่อย

 

“ราคาตั๋วโดยสาร” เส้นทาง “กรุงเทพฯ-เพิร์ท” แวะพักเครื่องที่สิงคโปร์ เริ่มต้น 3,700 บาท/เที่ยวเท่านั้น ช่วยให้คนไทยได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติอันกว้างใหญ่ และวัฒนธรรมกาแฟของออสเตรเลียได้ง่ายขึ้น

 

@จีน : ค้นพบรสชาติอันเข้มข้นโดดเด่นจากแผ่นดินใหญ่

 

“จีน” เมืองแห่งประวัติศาสตร์และอาหารเลิศรส ตอบทุกโจทย์สายกินทุกความต้องการ เมื่อบิน กรุงเทพฯ สู่ “เมืองหางโจว” ต้องลอง “ปลาเปรี้ยวหวานซีหู” อาหารท้องถิ่นสะท้อนถึงแก่นแท้แห่งเจียงหนาน หรือจะบินสู่ “เมืองอู่ฮั่น” อุดมด้วยวัฒนธรรมอาหารคึกคัก เต็มไปด้วยร้านอร่อย ห้ามพลาด “บะหมี่แห้งเผ็ดร้อน” หรือ “เรอกานเมี่ยน” อาหารเช้ายอดนิยมของคนในพื้นที่ มีทั้ง เส้นบะหมี่ ซอสงา และน้ำมันพริก 

 

“ราคาตั๋วโดยสาร” เส้นทาง กรุงเทพฯ-หางโจวและอู่ฮั่น  เริ่มต้นเพียง 3,900 บาท/เที่ยว ต้อนรับผู้โดยสารไทยบินไปชิมอาหารรสชาติต้นตำรับจีนได้ตลอดทั้งสองเมือง


@ญี่ปุ่น : มหัศจรรย์ทางอาหาร

 

คนรักการกินต้องมี “ญี่ปุ่น” อยู่ในลิสต์ ประเทศที่อุดมด้วยวัฒนธรรมอาหารผสมผสานความเรียบง่ายและศิลปะ โดยเฉพาะ “โอซาก้า” มีสตรีทฟู้ดยอดนิยมอย่าง “ทาโกะยากิ” ขนมครกญี่ปุ่น ฉ่ำเยื้อมด้วยเนื้อหมึกยักษ์ราดซอสหวานและปลาโอแห้ง หรือจานท้องถิ่น “โอโคโนมิยากิ” หรือพิซซ่าญี่ปุ่น แพนเค้กแบบคาวอัดแน่นด้วยกะหล่ำปลี เนื้อหมูหรือซีฟู้ด ราดมายองเนสและซอสพิเศษ ตามด้วย “ของหวาน” อันละมุนของขนมรสชาเขียวมัทฉะรูปแบบต่าง ๆ เช่น ไอศกรีมและเค้ก

 

“ราคาตั๋วโดยสาร” เส้นทาง กรุงเทพฯ-โอซาก้า เริ่มต้นเพียง 4,600 บาท/เที่ยว นักท่องเที่ยวไทยจะได้ไปสำรวจหลากหลายอาหารอร่อย สัมผัสวัฒนธรรมล้ำค่าที่มีมายาวนานของญี่ปุ่น

@สิงคโปร์ : ลิ้มรสอาหารอร่อย

 

“สิงคโปร์” แหล่งรวมวัฒนธรรมอาหารเอเชียมากมายและหลากหลาย สายกินตัวจริงต้องลอง “ข้าวมันไก่ไห่หนาน” อาหารประจำชาติยอดนิยมเสิร์ฟพร้อมข้าวหอมกับน้ำจิ้มรสจัดจ้าน อีกจานคือ “ปูผัดพริก” ปูเนื้อฉ่ำราดด้วยซอสรสหวาน เผ็ด และเค็ม เหมาะกับการจิ้มกินกับหมั่นโถว ส่วน “ของหวาน” ลองได้เลย “ไอซ์ คาจัง” หรือน้ำแข็งไส ให้ทั้งความสดชื่นและอร่อย ตกแต่งด้วยถั่วแดง ข้าวโพดหวาน น้ำเชื่อมหลากสี 

 

“ราคาตั๋วโดยสาร” เส้นทง กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ เริ่มต้นเพียง 1,480 บาท/เที่ยว สิงคโปร์เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไทยไปง่าย เต็มไปด้วยรสชาติที่มีชีวิตชีวา ไปได้ซ้ำ ๆ ตลอดทั้งปี


@อินโดนีเซีย : มรดกทางอาหารที่ครบเครื่อง

 

“อินโดนีเซีย” เมืองมรดกทางอาหารครบครันด้วยเครื่องเทศ รสชาติที่เข้มข้น สะท้อนความหลากหลาย แนะนำเมนู “ นาสิ โกเรง” ข้าวผัดเอกลักษณ์ของประเทศ ผัดกับซีอิ๊วหวาน กระเทียม และพริก ราดด้วยไข่ดาว ถ้าจะบินสู่ “เมืองเปกันบารู” ควรได้ลิ้มลอง “กุไล อิกัน ปาติน” เป็นแกงปลา ที่มีส่วนประกอบของขมิ้นกับกะทิ ส่วน “ของหวาน” ก็มี “กุย ลาปิส” เค้กหลายชั้นทำจากแป้งข้าวเจ้าและกะทิ

 

“ราคาตั๋วโดยสาร” เที่ยวเดียวของ Scoot จากกรุงเทพฯ-เปกันบารู (ท่าอากาศยานนานาชาติสุลต่าน ซะยารีฟ กาซิมที่ 2) เริ่มต้นเพียง 2,500 บาท/เที่ยว นักท่องเที่ยวไทยบินไปลิ้มรสชาติอาหารอินโดนีเซียที่แท้จริงได้อย่างง่ายดาย

 

ดูเพิ่มช่วงเวลาเดินทางราคาตั๋วทาง www.flyscoot.com/th/promotions/network-sale

 

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

TCEBนำไทยเจ้าภาพ3งานไมซ์โลกปี69-72 โกยรายได้เกือบแสนล้าน

  ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผอ. TCEB นำไทยรับธงเจ้าภาพ3งานโลก มหกรรมพืชสวนโลก อุดร โคราช Gastech  ผู้นำ TCEB โชว์พลังไมซ์ชูไทยเจ้าภาพ 3 งานโลก โ...