วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2568

ททท.ต่อยอดITB2025ดึงร่วมTTM+2025รับมือTrump2.0เมกา-แคนาดาทัวร์ไทยโต2เท่า

 

ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง แอฟริกา ททท.

ททท.ลุยต่อยอด ITB2025 เอกชนไทยจับคู่ธุรกิจโกย 6,000 ล้าน

ดึงทั่วโลกร่วมTTM+2025มิ.ย.68ที่เชียงใหม่-รุกใช้Airline+Sustain

ลั่นมือTrump2.0ได้ม.ค.-มี.ค.68 “เมกา-แคนาดา”ทัวร์ไทยโต2หลัก

คิงเพาเวอร์จัดอภิมหาสงกรานต์รางน้ำ“สาด-เต้น-เล่น-กิน-ช้อป”

ช้อปโปร“บิวตี้ โบนัส”48ชม.ที่คิงเพาเวอร์ออนไลน์30-31มี.ค.68

คิงเพาเวอร์ชวนช้อปสุดขีดสงกราน์3สาขาลดเบอร์แรงสุด25%

CEO บางจากถ่ายทอดภาวะผู้นำที่ดียุคเปลี่ยนผ่านด้วย 4 หลัก

เทศกาลเที่ยวเมืองไทยจัดถึง30 มี.ค.เสน่ห์5ภูมิภาคลดคาร์บอน

TCEBเปิดครั้งแรกบิ๊กดาต้า“MICE Data Platform”พลิกโฉมไมซ์

สุขที่ภาคตะวันออกถึงฤดูเที่ยวผลไม้“อร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน” 

“เวียตเจ็ทไทยแลนด์”เทโปรตั๋วบินทั่วไทยเก็บได้3ปีเริ่ม1,700บ.

AOTถกRoutes Asia 2025เพิ่มไฟลต์เร่งไทยฮับบินของเอเชีย

วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก #TCEB  #อร่อยทุกไร่ชิมไปทุกสวน

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/14x3GDGY2K/

ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! “ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร” รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ต่อยอดความสำเร็จ ITB Berlin 2025 ขยายตลาดระยะไกล 4 ทวีป 3 มิติ “ภาพลักษณ์” เมืองไทยครองใจตลาดโลก “เศรษฐกิจปัง” ดึงรายได้ตามเป้า 6,000 ล้าน “สร้างโอกาส” เมืองน่าเที่ยว แทรเวลเทค เข้าตาคู่ค้าอินเตอร์ ลุยขายต่อเนื่องใน TTM+2025 มิ.ย.นี้ที่อุทยานราชพฤกษ์ เชียงใหม่ ชี้ไทยเฝ้าระวังปรากฎการณ์ Trump 2.0 สถานการณ์ 1 ม.ค.-24 มี.ค.68 “อเมริกา-แคนาดา” เที่ยวไทยโต 2 หลัก ขานรับ Coolcation รุกเทรนด์ “A+S” การบินผนึกเที่ยวยั่งยืนตอบโจทย์ทั่วโลก

 

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หลังเสร็จสิ้นงานซื้อขายการท่องเที่ยวระดับโลก ITB Berlin 2025 ได้เห็นโอกาสต่อเนื่องที่จะขยายการเติบโตตลาดระยะไกล (Longhaul Market) สามารถสร้างผลลัพธ์ต่อเนื่องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยปี 2568-2569 หลัก ๆ  3 มิติ ได้แก่

มิติที่ 1 สร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยเชิงบวกในเวทีโลก เป็นปีแรกที่รัฐบาลสนับสนุน ททท.รวมรวมคูหาประเทศไทยอยู่ในพื้นที่เดียวกันทั้งหมดขนาดใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมาเกือบ 4 เท่า จาก 500 ตรม.เป็น 1,820 ตรม.ทำให้เกิดความสะดวกกับการจับคู่เจรจาธุรกิจ และการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวของไทยใหม่ ๆ เป็นภาพจำที่ดีในตลาดโลก

 


มิติที่ 2 ด้านเศรษฐกิจ จากผลสำรวจผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เข้าร่วมเจรจาซื้อขายกับทั่วโลก 160 ราย เบื้องต้นปี 2568 เกิดการสร้างเศรษฐกิจเบื้องต้นกว่า 4,000 ล้านบาท แล้วก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายถึง 6,000 ล้านบาท นำรายได้เข้าประเทศเกิน 100 เท่าจากการลงทุนสร้างคูหาประเทศไทยใช้เงินเพียง 40 ล้านบาท แล้วยังมีมูลค่ากว่าสูงกว่าปี 2567 งานดังกล่าวมียอดธุรกิจเข้าเมืองไทยประมาณ 3,000 ล้านบาท

มิติที่ 3 สร้างโอกาสเปิดตัวเมืองน่าเที่ยว Hidden Gems Cities ก้าวสู่ตลาดนานาชาติ รัฐบาลได้อนุมัติให้ ททท.นำ 18 เมืองน่าเที่ยว และ 1 Start up Travel Tech เข้าร่วม ITB Berlin 2025 โดยได้จัดอบรมก่อนเดินทางเพราะเพิ่งเข้าร่วมเป็นครั้งแรก หลังเสร็จสิ้นงานเห็นโอกาสใหม่เกิดขึ้นทั้งเรื่องภาพลักษณ์สินค้าท่องเที่ยว เช่น มีบริษัทผู้ซื้อต่างชาติเดินมาตามหาโรงแรมที่พักจันทบุรีเมืองน่าเที่ยวมาแรงภาคตะวันออก ตอบโจทย์อีกหลายคู่ค้าซึ่งกำลังมองหาพื้นที่ท่องเที่ยวใหม่เพื่อนำไปเสนอขายเพิ่มมากขึ้น

ททท.วางกลยุทธ์ต่อยอดนำเมืองน่าเที่ยวบุกตลาดระยะไกลในยุโรป อเมริกา ซึ่งต้องการพักผ่อนด้วยการหลีกหลีความวุ่นวายจากเมืองหลักสู่ชุมชนมากขึ้น แล้วสิ่งที่บริษัทผู้ซื้อการท่องเที่ยวต้องการมากที่ไทยเองต้องเตรียมความพร้อมขยายฐานตอบรับกระแสดังกล่าว ประกอบด้วย

1.บริษัทจัดการท่องเที่ยวสู่พื้นที่จุดหมายปลายทางในเมืองไทย หรือ DMC : Destination Management Company หรือแม้แต่กโรงแรมที่พักก็ควรจะแนะนำวิธีการเดินทางเชื่อมโยงจากสนามบินเมืองหลักไปยังที่พักเมืองน่าเที่ยวและการเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้

2.สร้าง Cluster เมืองน่าเที่ยว ในแต่ละภูมิภาคซึ่งอยู่ใกล้เมืองหลักรวมตัวกันนำเสนอการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเข้าหากันให้ได้ ตัวอย่างโมเดลต้นแบบคลัสเตอร์เมืองน่าเที่ยว ททท.จะทำทุกภูมิภาค โดยใช้เมืองท่องเที่ยวหลักซึ่งยุโรป อเมริกา นิยม เป็นจุดตั้งต้น เช่น กรุงเทพฯ หัวหิน/ประจวบคีรีขันธ์ (ภาคกลาง) พัทยา(ภาคตะวันออก) เชียงใหม่(ภาคเหนือ) สมุย(ภาคใต้) 

จะทำในลักษณะ “ดาวกระจาย” เช่น ภาคเหนือ -เชียงใหม่ ไปยัง ลำปาง เชียงราย ภาคใต้-สมุย ไปยัง กระบี่ พังงา ตรัง นครศรีธรรมราช หรือ ภาคตะวันออก -พัทยา ไปยัง ระยอง จันทบุรี ตราด ภาคอีสาน-อุดรธานี หนองคาย ไปยังอีสานเหนือ อีสานใต้ และภาคอื่น ๆ ก็ทำรูปแบบเดียวกัน

3.นำ 18 เมืองน่าเที่ยว และ 1 แทรเวล เทค ที่ได้รับเลือกไป ITB Berlin 2025 เข้าร่วมมหกรรมขายการท่องเที่ยวรายการใหญ่สุดของประเทศจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 22 คืองาน TTM+ :Thailand Travel Mart Plus 2025 เดือนมิถุนายน 2568 ที่อุทยานราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่


นายศิริปกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีปรากฏการณ์การเมืองในประเทศขนาดใหญ่ หรือ Trump 2.0 ส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงหลายส่วน ททท.กับผู้ประกอบการไทยพร้อมรับมือด้วยการใช้มอนิเตอร์ข้อมูลทุกสัปดาห์วิเคราะห์ “เทรนด์กับสถิติ” นักท่องเที่ยวที่เคลื่อนตัวเข้ามายังไทย

ปี 2568 สิ่งแรกจะเร่งขยายผลต่อจากปี 2567 ตลาดระยะไกลยุโรป อเมริกา ทำนิวไฮมีจำนวนนักท่องเที่ยวแซงปี 2562 เรียบร้อยแล้ว สถิติ 2 เดือนแรก ตั้งแต่ 1 มกราคม-2 มีนาคม 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยทุกตลาดระยะไกลทั้ง 4 ทวีปเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนเติบโตขึ้นถึง 2 หลัก ยอดรวม 2.61 ล้านคน เพิ่มเฉลี่ย 19%  ประกอบด้วย “ยุโรป” 2.079 แสนคน เพิ่ม 19 % “อเมริกา” 3.43 แสนคน เพิ่มขึ้น 17 % “ตะวันออกกลาง” 1.64 แสนคน เพิ่มขึ้น 33 % “แอฟริกา” 2.63 หมื่นคน เพิ่มขึ้น 32 %


โฟกัสเฉพาะนักท่องเที่ยวในพื้นที่ทรัมป์ 2.0 เดินทางเข้ามายังไทยแล้ว ระหว่าง 1 มกราคม -24 มีนาคม 2568 “อเมริกา” จำนวน 298,266 คน เพิ่มขึ้น 14.76 % “แคนาดา” จำนวน 91,257 คน เพิ่มขึ้น 12.68 % สะท้อนถึงพฤติกรรมการท่องเที่ยวยังเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากไทยวางตัวเป็นกลางอยู่เหนือความขัดแย้ง ผนวกกับสายการบินต่างๆ ร่วมมือเพิ่มความถี่และเส้นทางบินตรงมาไทยมากขึ้น

ขณะที่ตลาดการท่องเที่ยว “สหภาพยุโรป” เดินทางมาไทย ระหว่าง มกราคม-มีนาคม 2568 มีกระแสบางอย่างเกิดขึ้นคือ Coolcation :Cool+Vaction หรือหนีร้อนมาพึ่งเย็น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศร้อนขึ้นมากในช่วงซัมเมอร์ จึงส่งผลให้ชาวยุโรปหันมาเดินทางพักผ่อนในเมืองไทยสูงขึ้น จึงเป็น “โอกาส” ที่จะสร้างโมเมนตั้มให้เมืองไทยเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

ขณะที่ “ตลาดตะวันออกกลาง” สถิติเที่ยวเมืองไทย ระหว่างมกราคม -2มีนาคม 2568 มีจำนวน 164,166 คน เติบโตเพิ่มขึ้น 33 % ถือเป็นโมเมนตั้มที่ดีมาก แล้วก็มาช่วยเติมการใช้เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยช่วง “ฤดูฝน” ระหว่างพฤษภาคม-สิงหาคม” นี้ โดยมีหลายประเทศเป็น “ตลาดดาวรุ่ง” สำคัญที่จะใช้จ่ายเงินกระจายในหลายพื้นที่ได้

 


นายศิริปกรณ์ กล่าวว่า ททท.วางกลยุทธ์ขยายตลาดระยะไกล 4 ทวีป ด้วยวิธีแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ได้แก่ ตลาดประจำ กับ ตลาดดาวรุ่ง ปี 2568 เป็นต้นไป จะเน้นความโดดเด่นจุดขายตอบโจทย์พฤติกรรมกระแสความนิยมนักเดินทางทั่วโลกด้วย “2 เทรนด์ :A+S” ประกอบด้วย “A :Airline Focus” ต้องร่วมมือกับสายการบินนานาชาติรักษา เส้นทางบินตรง ความถี่เที่ยวบิน เข้าออกจากประเทศต้นทางมายังเมืองไทย และ “S :Sustainable” การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ตอนนี้ทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับเรื่องนี้ไม่เฉพาะยุโรป อเมริกา ทางผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ต และชุมชน หันมาใส่ใจยกระดับสถานที่พัก แหล่งท่องเที่ยว ที่ได้มาตรฐานสากล ดังนั้นจึงแนะนำให้เอกชนท่องเที่ยวของไทยสมัครเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ โดยเร็วทั้ง CF-Hotel , STGs :Star Tourism Goals และ Thailand Tourism Awards ปี 2568 กำหนดประกาศผลตัดสินเดือนกันยายน นี้ โดยได้เพิ่มรางวัลการท่องเที่ยวยั่งยืนไว้เรียบร้อยแล้ว

ฟังข่าวต้นชั่วโมง




ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์จัดอภิมหาสงกรานต์รางน้ำ“สาด-เต้น-เล่น-กิน-ช้อป”

คิง เพาเวอร์ พร้อมจัดยิ่งใหญ่ “อภิมหาสงกรานต์รางน้ำ” เตรียมยกทุกชายหาดดังของเมืองไทยเตรียมตัวให้พร้อม! แล้วมาสาด เต้น เล่น กิน ช้อป ให้โลกจำไปด้วยกัน

เปิดพื้นที่ย่านรางน้ำให้ร่วมสนุกสุดขีด ต่อเนื่องถึง 5 วันเต็ม วันที่ 10-15 เมษายน 2568 พบกันที่ย่านรางน้ำ รวมความสวยงามมาไว้ที่รางน้ำให้นักท่องเที่ยวได้เล่นน้ำแบบฉ่ำ ๆ  4 หาด ภูเก็ต เสม็ด พะงัน พัทยา ครบทั้ง 5 กิจกรรม ดังนี้

กิจกรรมที่ 1 “สาดสุดขีด” กับศิลปินกว่า 100 ชีวิต ขวัญใจแฟนคลับทุกวัย

กิจกรรมที่ 2 “เต้นสุดขีด” กับขบวนพาเหรดสุดอลังการ

กิจกรรมที่ 3 “เล่นสุดขีด” กับเกมส์มหาสนุก มาร่วมประลองฝีมือ

กิจกรรมที่ 4 “กินสุดขีด” กับเมนูเด็ด ริมทะเล

กิจกรรมที่ 5 “ช้อปสุดขีด” ลดสูงสุด 25% คัดสินค้าที่เข้าร่วมรายการมาให้นักช้อปเลือกซื้อได้เต็มที่

 


 ข่าวที่ 2 -ช้อปโปร“บิวตี้ โบนัส”48ชม.ที่คิงเพาเวอร์ออนไลน์30-31มี.ค.68

 

เตรียมตัวกดช้อป! คิง เพาเวอร์ 2 วันเท่านั้น! วันที่ 30-31 มีนาคม2568 กับ BEAUTY BONUS เพราะความงามไม่มีที่สิ้นสุด เติมความสวยให้ไม่มีวันหมดกับ “บิวตี้โบนัส” สุดพิเศษ คัดสินค้ามากมายหลายรายการมารวมไว้ที่ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์”

 

ทั้งแบรนด์ สกินแคร์ เมคอัพ หรือผลิตภัณฑ์ดูแลความงาม ช่วยให้ทุกสวยจากภายในสู่ภายนอก พิเศษเฉพาะช่วงเวลาเท่านั้น! อย่ารอช้า รีบมาคว้าบิวตี้โบนัสของคุณไปเลย! แค่มีไฟลต์บิน กดด่วนๆ หมดแล้วหมดเลยไม่รู้นะ พร้อมรอรับของที่สนามบินขาออกประเทศ

 

1.สินค้า Duty-Free สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย! รับสินค้าที่สนามบิน 2.แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 6 เดือน 3.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 16,500 บาท 4.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง มาก่อนมีสิทธิ์ก่อน ของแจกฟรีหมดแล้วหมดเลย 5.รับเลย! ส่วนลด 800 บาทเมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์  6.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท(สุทธิ)

 

ข่าวที่ 3-คิงเพาเวอร์ชวนสงกรานต์ช้อปสุดขีด3สาขาลดเบอร์แรงสุด25%

 

สงกรานต์นี้ เตรียมช้อปสุดขีด ให้โลกจำ ที่ “คิง เพาเวอร์” กับส่วนลดสูงสุด 25% เริ่มวันที่ 1-15 เมษายน 2568 ช้อปได้เต็มพิกัดในร้านดิวตี้ฟรีสาขาในเมือง 3 แห่ง  ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี และ ภูเก็ต ใกล้ที่ไหนแวะไปได้ทันที แล้วใช้สิทธิ์ให้เต็มที่ 3 รายการ

 

1.ลดทันที 20% เมื่อช้อปครบ 8,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ หรือ

 

2.ลดทันที 25% เมื่อช้อปครบ 15,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ

 

3.สมาชิก คิง เพาเวอร์ รับฟรี! ตั๋วเครื่องบิน ไป - กลับ กรุงเทพฯ - ฮ่องกง* 1 ที่นั่ง เมื่อช้อปครบ 50,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) ให้สิทธิ์ได้คนละ 1 สิทธิ์วัน)

 

ข่าวที่ 4-เทศกาลเที่ยวเมืองไทยจัดถึง30มี.ค.เสน่ห์5ภูมิภาคลดคาร์บอน

 

นายสรวงศ์  เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย”  ช่วงเย็นวันพุธที่ 26 มีนาคม 2568 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันพุธที่ 26-วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม 2568 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยจะดึงนักท่องเที่ยวเข้างานตลอด 5 วัน ประมาณ 130,000 คน แวะมาเยี่ยมชมภายในงานเน้นนำเสนอความเป็น Grand Festivity เสน่ห์เทศกาลไทย มีทั้งหมด 9 โซน ไฮไลต์ด้วย “หมู่บ้านท่องเที่ยว 5 ภูมิภาค” ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคเหนือ 

 

เทศกาลเที่ยวเมืองไทย มุ่งโปรโมทการท่องเที่ยว โดย ททท.ตั้งเป้าหมายจะทำให้คนทั้งประเทศรับรู้และเข้าถึงได้ไม่ต่ำกว่า 45 ล้านคน-ครั้ง เมื่อเดินทางมาชมงานจะได้รับความสุข ข้อมูลเพื่อนำไปต่อยอดวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยได้ตลอดทั้งปี เพื่อกระจายรายได้ สร้างรอยยิ้ม และสร้างเศรษฐกิจทั่วประเทศเติบโตอย่างเข้มแข็ง

 

         

          นางสาวฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2568 ครั้งที่ 43 ททท. นำแนวความคิดนวัตกรรมมาผสมผสานกับวัฒนธรรมและเอกลักษณ์รูปแบบต่างๆ  5 ภูมิภาค ชูแนวคิด “5 Must Do in Thailand” กับ “Carbon Neutral Tourismขับเคลื่อนปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ปลุกแรงบันดาลใจให้คนออกเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ดี ๆ หรือ Grand Moment

           

            ภายในงานทำโมเดลการท่องเที่ยวยั่งยืนต่อเนื่องปีที่ 3 ผ่านกิจกรรม ลดโลกเลอะ Zero Waste to Landfills กำหนดให้แยกขยะทั่วงาน 14 จุด เพื่อช่วยลดปริมาณขยะที่ส่งไปยังบ่อฝังกลบให้น้อยที่สุด ตั้งเป้าหมายท้าทายลดปริมาณขยะที่ไม่ได้แยกไว้สูงสุด 10%

 

 

เทศกาลเที่ยวเมืองไทยในปีนี้ มีทั้งหมด 9 โซน กิจกรรมใหญ่สุดอยู่ตรง หมู่บ้าน 5 ภูมิภาค  5 โซน ได้ยกขบวนเสน่ห์ไทย 5 ภูมิภาค  ทั้งด้านประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิต ภูมิปัญญาและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้ทุกคนออกเดินทางรับ“สุขทันที ที่เที่ยวไทย” แต่ละโซนจัดเต็มนำเสนอแลนด์มาร์กสุดไอคอนิก จุดถ่ายภาพต้องเช็กอินผสานนวัตกรรมการท่องเที่ยวสุดล้ำสมัย ชวนเพลิดเพลิน ชอป ชิม ฟินกับอาหารและสินค้าท้องถิ่นจากทั่วประเทศ เรียนรู้ภูมิปัญญาผ่านกิจกรรมสาธิตและ DIY ที่น่าสนใจมากมาย และเพิ่มความสนุกตื่นตาตื่นใจไปพบโชว์วัฒนธรรมและร่วมสมัยที่ไม่ควรพลาด

 

เปิดให้เข้าชมงานฟรีตั้งแต่วันที่ 26-30 มีนาคม 2568 เริ่ม 10.00 - 21.00 น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สามารถเลือกใช้ใช้บริการขนส่งสาธารณะได้หลายช่องทาง คือ 1.รถไฟฟ้า MRT สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 2.รถแท็กซี่มีจุดบริการรับ - ส่ง ตรงชั้น G บริเวณฝั่งทะเลสาบ 3.รถประจำทาง สาย 136 สอบถามเพิ่มได้ที่ 1672

 

ข่าวที่ 5-CEO บางจากถ่ายทอดภาวะผู้นำที่ดียุคเปลี่ยนผ่านด้วย4หลัก

 

            นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้รับเชิญเป็นวิทยากรงาน A Night Out with CEOs on Transformation ของสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดขึ้นที่โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เปิดเวทีให้ผู้นำองค์กรร่วมถ่ายทอดประสบการณ์การขับเคลื่อนองค์กรด้วย Transformation & Synergy : เส้นทางที่มั่นคง ชัดเจน และปรับตัวไวสู่ความสำเร็จที่จับต้องได้” จึงได้สะท้อนประสบการณ์การบริหารจากเส้นทางที่หลากหลาย ทั้งในฐานะวิศวกร นักการเงิน/วาณิชธนกิจ และที่ปรึกษาทางการเงินในและต่างประเทศ ก่อนจะก้าวสู่ผู้นำบางจากฯ นำพาองค์กรพลังงานชั้นนำเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยศักยภาพของทีมงาน การบริหารเชิงกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นและทันต่อการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ

 

ด้วยการใช้หลักการสำคัญ นำพาองค์กรก้าวสู่ยุคเปลี่ยนผ่านแล้วสร้างความสำเร็จได้ด้วย 4 หลักสำคัญ คือ

 

หลักที่ 1 การตั้งคำถามว่า “ทำไม” การคิดนอกกรอบ การบริหารสภาพคล่องอย่างรัดกุม และการตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลที่อัปเดตทุกวัน พร้อมกับย้ำให้เห็นถึงบทบาทหน้าที่ของ “ผู้นำ”ต้องไม่ปล่อยให้วิกฤตผ่านไปโดยไม่เรียนรู้ เพราะในทุกปัญหามีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ หาก “กล้าคิด-กล้าทำ-กล้าเผชิญ”

 

หลักที่ 2 สะท้อนแนวคิดเรื่อง “อย่ากลัวที่จะล้ม” เพราะการล้มคือบทเรียนทำให้ลุกได้เร็วและแข็งแรงขึ้น แต่ต้องเข้าใจเหตุแห่งความผิดพลาด แล้วใช้เป็นบทเรียนเพื่อเดินต่ออย่างชาญฉลาด

 

หลักที่ 3 ต้องสนุกกับงานที่ทำ และมองปัญหาเป็นความท้าทาย ไม่ใช่อุปสรรค

 

หลักที่ 4 ทำในสิ่งที่อธิบายได้ โดยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แล้วยืนหยัดบนเหตุผล ความถูกต้อง มากกว่าการตัดสินใจตามกระแสหรือความนิยม จะไม่ก่อให้เกิดการตัดสินใจที่ดี

 

นายชัยวัฒน์ ได้แสดงให้ถึงตลอดการทำหน้าที่ผู้นำบางจากฯ ได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ ขยายจาก “ธุรกิจพลังงานดั้งเดิม” มุ่งเน้นสร้าง “นวัตกรรมสีเขียวและผลิตภัณฑ์”ตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคใหม่ เช่น การพัฒนาสถานีบริการน้ำมันดีไซน์ทันสมัย เสริมธุรกิจ non-oil พลังงานหมุนเวียน น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) และอีกหลากหลาย

 

ขณะเดียวกันก็ได้ “สร้างความมั่นคงทางพลังงาน” ด้วยกลยุทธ์ การเข้าถือหุ้นใหญ่ในบริษัท OKEA ประเทศนอร์เวย์ เข้าซื้อกิจการเอสโซ่ ประเทศไทย ปัจจุบันคือ บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) “BSRC” และสร้างความแข็งแกร่งให้กลุ่มบริษัทบางจากมีธุรกิจครบวงจร

 

ข่าวที่ 6-TCEBเปิดครั้งแรกบิ๊กดาต้า“MICE Data Platform”พลิกโฉมไมซ์

 

          นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB เปิดเผยว่า ทีเส็บ เปิดตัวแพลตฟอร์มครั้งแรก "MICE Data Platform" ที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่หรือ Big Data เดินหน้าช่วยยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ในไทยให้แข่งขันในเวทีสากลได้อย่างยั่งยืน โดยได้สนับสนุนข้อมูลอุตสาหกรรมไมซ์และอื่น ๆ  ลงทุนสร้างเครื่องมือสำคัญด้วยการรวบรวม วิเคราะห์ นำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ผู้ประกอบการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมไมซ์ ตามแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนและพัฒนาข้อมูลขนาดใหญ่ของอุตสาหกรรมไมซ์ ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2568 - 2570) ตั้งเป้าสร้างระบบนิเวศด้านข้อมูล มุ่งใช้ข้อมูลในอุตสาหกรรมไมซ์ และยกระดับธรรมาภิบาล

 

ร่วมมือกันกันขับเคลื่อน “MICE Data Platform เป็นเครื่องมือสำคัญพลิกโฉมอุตสาหกรรมไมซ์ไทยเติบโตอย่างยั่งยืน และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในเวทีโลกได้

 

สำหรับ “MICE Data Platform มีคุณสมบัติโดดเด่นและให้บริการสำคัญ ประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก ได้แก่

 

ส่วนที่ 1 ข้อมูลอัจฉริยะในรูปแบบ Interactive Dashboard : รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ICCA WEF GDS และ CEIC การแสดงสถิติอุตสาหกรรมไมซ์ของไทย เปรียบเทียบศักยภาพกับประเทศในภูมิภาค และวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง

 

ส่วนที่ 2 เชื่อมโยงข้อมูลกับ Travel Link : ทีเส็บร่วมกับสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (BDI) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม แทรเวล ลิงค์ เชื่อมโยงข้อมูลการท่องเที่ยวให้ครอบคลุมมากขึ้นในระยะยาว

 

ส่วนที่ 3 บทวิเคราะห์เชิงลึก (Insight Report) : เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถนำไปใช้ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ

 

ส่วนที่ 4 บริการเผยแพร่ข้อมูลสาธารณะ (Open Data) และ API (Application Programming Interface) : เปิดโอกาสให้ผู้สนใจเข้าถึงและนำข้อมูลไปใช้ต่อยอดได้

 

โดยเน้นให้บริการ “กลุ่มเป้าหมาย” ที่สนใจใช้แพลตฟอร์มดังกล่าว คือ กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมไมซ์ทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น โทรคมนาคม การเงิน และการวิจัย

 

ภายในงานทีเส็บได้จัดเวทีเสวนา หัวข้อ "MICE Data Platform พลิกโฉมอุตสาหกรรมไมซ์ไทย ด้วยข้อมูลขนาดใหญ่" เชิญวิทยากรที่มีประสบการณ์สูงร่วมพูดคุยถึงทิศทางและโอกาสของอุตสาหกรรมไมซ์สามารถใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ให้เป็นประโยชน์ มีความโปร่งใสและความปลอดภัยในยุคดิจิทัลนำโดย 

 

ดร.จารุวรรณ สุวรรณศาสน์ ผู้ทรงคุณวุฒิ (Chief Information Officer : CIO) ทีเส็บ

 

รศ.ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน)

 

คุณปกาสิต วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด

 

ดำเนินรายการโดย คุณสุทธิพงษ์ คุรุหงษา อุปนายกสมาคมดาต้า เมเนจเม้นต์ (ประเทศไทย-กรุงเทพ)

 

ทีเส็บเปิดให้ผู้สนใจเข้าใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มที่ https://datahub.tceb.or.th/

 

 

ช่วงที่ 2 ภาคตะวันออกตะโกนชวน “ฟรุ้ตเลิฟเวอร์” ออกไปตะลอนทัวร์ตลุยกินผลไม้พร้อมเปิดแล้ว “อร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน” เริ่ม 1 เม.ย.รวมผลไม้แต่ละจังหวัดมาให้ไปเที่ยวกันใน 9 จังหวัด แล้วฟัง “6 วิธีชะลอความแก่ได้ง่าย ๆ” และข่าวเด่น ๆ ข่าวแรก “เวียตเจ็ทไทยแลนด์” ขายตั๋ว Power Pack ราคาเริ่ม 1,700 บาท บินทั่วไทย เก็บไว้ใช้ได้ 3 ปี ข่าวที่สอง “AOT ถก Route Asia 2025” กระตุ้นแอร์ไลน์สเพิ่มเที่ยวบินดันไทยเป็นฮับการบิน

 

ท่องเที่ยว –สุขที่ภาคตะวันออกเปิดฤดูเที่ยวผลไม้“อร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน” 

               

ได้เวลาเที่ยวสวนผลไม้ใกล้กรุงกันแล้ว “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) ภูมิภาคภาคตะวันออก เปิดฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออก “อร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน” ไปพร้อม ๆ  กับการสัมผัสเสน่ห์แดนบูรพาตลอดทั้งปี พร้อมมีโปรโมชั่นสุดพิเศษโดน ๆ จากพันธมิตร ให้ปักหมุดเดินทางได้ตลอดปีนี้ทั้ง 365 วัน

               

นางกนกกิตติกา  กฤตย์วุฒิกร ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก ททท. ชวนสายผลไม้ Fruit Lover มาเที่ยวเทศกาล “อร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน” ชิมสด ๆ ได้จากต้นกันเลย แถมยังเสิร์ฟ Must Taste อาหารทะเลและเสน่ห์เมนูท้องถิ่นตะวันออก 9 จังหวัด ในชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทราและสมุทรปราการ

 

พิกัดที่ 1 ตราด เสิร์ฟความอร่อยด้วยแคมเปญ “ตราดหวานฉ่ำ ชิมทุกคำสดจากไร่” จัดเต็มโปรโมชั่น  1 เมษายน -30 มิถุนายน 2568 “นอนหลักพัน รับคืนหลักร้อย”   โปรเด็ดโดนใจคนรักผลไม้

 

รับส่วนลด 100 บาท เมื่อจองห้องพักราคา 1,000 บาท หรือบุฟเฟต์ผลไม้จุกๆ 550 บาท ลดไปเลย 100! บาท คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว คูปองบุฟเฟต์ผลไม้

 

พบกับ บุฟเฟต์ทุเรียน มังคุด และเงาะ แบบไม่อั้น

 

พิกัดที่ 2 จังหวัดจันทบุรี แคมเปญ “อร่อยฟิน เที่ยวกิน ผลไม้เมืองจันท์” เพียงเข้าพักโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการฯ 20 แห่ง รับคูปองส่วนลด 100 บาท นำไปซื้อผลไม้ ของฝากและคาเฟ่ในสวนที่เข้าร่วมโครงการ 15 ร้านค้า

พิกัดที่ 3 ระยอง ชวนไปใช้แคมเปญ Rayong Wonder Fruits : ตะลุยชิมผลไม้ของดีเมืองระยอง  ร่วมกับผู้ประกอบการสวนผลไม้จังหวัดระยอง 33 สวน ให้นักท่องเที่ยวซื้อสินค้าและบริการท่องเที่ยวสวนผลไม้ที่เข้าร่วมให้ส่วนลดดังนี้

 

มูลค่าตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป รับส่วนลดทันที 100 บาท เริ่ม 10 เมษายน –  15 กรกฎาคม 2568 หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด

 

พิกัดที่ 4 จังหวัดชลบุรี พบกับเทศกาลทุเรียน ผลไม้และของดีบ่อทอง (OTOP)  ช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี บริเวณที่ว่าการอำเภอบ่อทอง

• เมษายน-มิถุนายน นี้ เอาใจสายสับปะรดศรีราชา สินค้า GI ของจังหวัดชลบุรี รสชาติหวานฉ่ำ มีกลิ่นหอม เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เกือบทั้งปี ผลผลิตจะออกมากช่วงเดือน เมษายน – มิถุนายน 2567

เดือนตุลาคม- ธันวาคม มีคาเฟ่ Fashion Fruit ให้คนรักทุเรียนต้องมามุงเมนู Recommend
รังสรรค์จากทุเรียน

พิกัดที่  5 จังหวัดฉะเชิงเทรา ชวนเที่ยวชมสวนมะพร้าว (เที่ยวได้ตลอดปี) และสวนมะม่วง (เที่ยวชมได้ตั้งแต่วันนี้– พฤษภาคม 2568) อร่อย ฟินกับอัตลักษณ์โดดเด่นดังนี้

 

มะม่วงสายพันธุ์ต่าง ๆ  เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง มะม่วงขายตึก มะม่วงแรด มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงอกร่อง มะม่วงฟ้าลั่น มะม่วงทวายเดือนเก้า มะม่วงโชคอนันต์ ฯลฯ และมะพร้าวน้ำหอม รวมค่าเฟ่เก๋ๆ ให้นักท่องเที่ยวนั่งสบาย รวมทั้งผ่อนคลายไปกับเมนูสร้างสรรค์จากวัตถุดิบมะม่วงและมะพร้าว อาทิ Coco Milky Coffee, Coconut Latte ข้าวเหนียวมะม่วงเจลลี่ชีสเค้ก ไอศกรีมมะม่วง

 

พิกัดที่ 6 จังหวัดนครนายก จัดแคมเปญ เส้นทางอร่อยสุดฟิน กินทุเรียนมะยงชิดมะปรางหวาน @นครนายก ร่วมกับ 15 สวน จัดโปรโมชันมอบส่วนลดวันนี้ -เมษายน 2568 เมื่อซื้อมะยงชิด/มะปรางหวาน ครบ 300 บาทขึ้นไป ได้รับส่วนลด 100 บาท ทั้งหมด 1,500 สิทธิ์

 

โปรโมชัน เส้นทางอร่อยสุดฟินกินทุเรียน@นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้วเมื่อซื้อทุเรียนครบ 500 บาท ได้รับส่วนลดทันที 100 บาท/สิทธิ์ จากสวนต่างๆ (ระยะเวลาเดือนพฤษภาคม เดือนกรกฎาคม 2568) แล

 

 

พิกัดที่ 7 จังหวัดสมุทรปราการ เที่ยวคุ้งบางกระเจ้า 6 ตำบล ลิ้มรสอาหารถิ่นขึ้นชื่อที่รังสรรค์เมนูจากวัตถุดิบพื้นบ้าน ผสมผสานการปรุงรสอย่างพิถีพิถัน เช่น เมี่ยงกลีบบัวพริกเกลือ แกงกระเจี๊ยบกุ้ง ห่อหมกปลาช่อนบางยอ แกงมัสมั่นลูกจากพริกเกลือคั่วมะพร้าว แกงส้มพริกสด ปลาทอดซอสตะลิงปิง

เมื่อได้มาสัมผัสรสชาติอาหารถิ่นของคุ้งบางกระเจ้า รับรองติดใจ แล้วจะต้องหาโอกาสมาเยือนซ้ำ
อีกทั้ง ชุมชนบ้านสาขลา เมนูกุ้งเหยียด ที่มาแล้วพลาดไม่ได้ สามารถ เที่ยว กิน ฟิน ฟัน ได้ตลอดทั้งปีเช่นเดียวกัน

 

ดูข้อมูลเพิ่มทาง Facebook  เที่ยวตะวันออก และFacebook 6 สำนักงาน ททท. พัทยา ระยอง ททท. จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา (ดูแลพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ) และ ททท.นครนายก (ดูแลพื้นที่ จ.นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว)

 

สุขภาพ –6 วิธีชะลอความแก่ทำง่ายๆ ด้วยเวชศาสตร์ชะลอวัย

         คนส่วนใหญ่ต่างก็ต้องการ “ชะลอวัย” หรือหาวิธีทำให้ตัวเองแก่ช้าลง ปัจจุบันมี “เวชศาสตร์ชะลอวัย” ชี้เป้าวิธีปฏิบัติที่จะทำให้สามารถชะลอความแก่ได้ง่าย ๆ ทำตามได้  6 วิธี ดังนี้

1.การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ -ถือเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดของร่างกาย และเป็นหนึ่งในวิธีที่เวชศาสตร์ชะลอวัยแนะนำให้กับทุกคนได้ทำ โดยปกติแล้วเราควรนอนหลับพักผ่อนเป็นเวลา 6 – 8 ชั่วโมงต่อวัน

 

2.การรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มที่มีประโยชน์และเพียงพอ -โดยจะต้องรับประทานอย่างครบถ้วนและเพียงพอ ส่วนของเครื่องดื่มก็ควรหลีกเลี่ยงชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์  หันมาดื่มเครื่องดื่มอย่างน้ำเปล่าให้เพียงพอที่ 6 – 8 แก้วต่อวัน

3.การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ -ถือเป็นยาวิเศษที่คุณสามารถสร้างได้ด้วยตนเอง ศาสตร์ชะลอวัยในทุก ๆ ศาสตร์จะแนะนำการออกกำลังกายพ่วงด้วยเสมอ และถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เวชศาสตร์ชะลอวัยแนะนำด้วย เพราะในทุก ๆ ครั้งที่คุณออกกำลังกายไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่จะทำให้จิตใจเบิกบานแจ่มใสด้วย

4.การทำจิตใจให้แจ่มใสเบิกบานอยู่เสมอ -ต้องฝึกจิตใจให้เบิกบานแม้ต้องเผชิญกับกลุ่มคนหรือมลภาวะที่นำมาซึ่งความเครียดหรือความกดดัน

5.หลีกเลี่ยงจากมลภาวะที่ทำให้เกิดความเครียดหรือความกดดัน - ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่สร้างผลกระทบต่อร่างกายอย่างฝุ่น ควัน หรือ แสงแดด หรือ สิ่งที่สร้างผลกระทบต่อจิตใจอย่างกลุ่มคนหรือหน้าที่ความรับผิดชอบต่อการงานที่ไม่เหมาะสม

6.การหมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี เพื่อให้สามารถเฝ้าระวังและป้องกันอันตราย หรือ โรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายได้

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “เวียตเจ็ทไทยแลนด์”เทโปรตั๋วบินทั่วไทยเก็บได้3ปีเริ่ม1,700บาท

 

“เวียตเจ็ทไทยแลนด์” จัดเต็มโปรตั๋ว “Power Pack” ซื้อวันนี้-25 เม.ย. ไป-กลับ ในประเทศ เริ่ม 1,700 บาทเก็บไว้ใช้ได้นาน 3 ปี

“เวียตเจ็ทไทยแลนด์” เปิดโปรโมชั่นใหม่ล่าสุด “Power Pack ซื้อตั๋วล็อคไว้ล่วงหน้าราคาสุดคุ้ม แล้วเก็บไว้ใช้ได้นาน 3 ปี กับเครือข่ายเส้นทางบินเวียเจ็ทในประเทศ ราคาเริ่มต้นเที่ยวละ 1,700 บาท (ไป-กลับ) เปิดขายตั้งแต่วันนี้- 25 เมษายน 2568  เริ่มใช้ดั้งแต่ 21 เมษายน 2568 – 21 เมษายน 2571 (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ลามเงื่อนไขกำหนด) จองทางเว็บไซต์ www.vietjetair.com หรือ แอป Vietjet Thailand

 

ตั๋วเครื่องบิน “Power Pack เป็นชุดบัตรกำนัลตั๋วโดยสารนำเสนอให้ “ซื้อตั๋วล่วงหน้าในราคาสุดคุ้ม”ประกอบด้วยชุด “ตั๋วโดยสาร ใช้เดินทางบนเครือข่ายเส้นทางบินภายในประเทศ อายุการใช้งานภายใน 3 ปี ได้แก่ได้แก่ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี และหาดใหญ่ มีให้เลือก 4 แบบ ดังนี้

ชุดบัตรโดยสาร 4 ใบ ราคา 8,900 บาท

ชุด 6 ใบ ราคา 11,900 บาท

ชุด 12 ใบ ราคา 21,900 บาท และชุด 24 ใบ ราคา 40,800 บาท

เฉพาะผู้โดยสารถือบัตรสมาชิก Fun Member และสมาชิกใหม่ลงทะเบียนซื้อ Power Pack กับกำนัลได้

 

สำหรับ ตั๋วโดยสารแบบชำระเงินล่วงหน้า” เที่ยวบินเที่ยวเดียว ไปหรือกลับ โดยแลกเป็นบัตรโดยสารในราคา 0 บาท ไม่รวมภาษี ค่าธรรมเนียม และบริการเสริม และตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้

 

ข่าวที่สอง –AOTถกRoutes Asia 2025หนุนไทยฮับบินภูมิภาคเอเชีย

AOT ร่วมหารือ Routes Asia 2025 กรุงเพิร์ธ ออสเตรเลีย รุกเจรจากระตุ้นแอร์ไลน์สบินเพิ่มเข้าไทยดันขึ้นสู่ศูนย์กลางการบินแห่งเอเชีย

 

นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) พร้อมผู้บริหารและพนักงาน AOT เข้าร่วมการประชุมเจรจาธุรกิจ   การบิน “The Route Development Forum For Asia” (Routes Asia 2025) เมื่อ 25 – 27 มีนาคม 2568 ที่ The Perth Convention and Exhibition Centre กรุงเพิร์ธ ออสเตรเลีย

 

AOT เข้าร่วมการประชุม Routes Asia 2025 ครั้งนี้ มุ่งกระตุ้นพันธมิตรสายการบิน 1.เพิ่มเส้นทางบินใหม่ 2.เพิ่มความถี่เที่ยวบินเส้นทางบินเดิมมายังท่าอากาศยานของ AOT 3.ติดตามผลการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเส้นทางการบิน (Air Service Development (ASD) Feasibility Study Report) ระหว่างท่าอากาศยานของ AOT และท่าอากาศยานต่างประเทศ เพื่อตอบสนองผู้โดยสารกำลังเติบโตในอนาคต จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินตามนโยบายรัฐบาล

รวมทั้งเดินหน้าทำตลาดเชิงรุกด้วยกลยุทธ์ “เจรจาธุรกิจ” กับสายการบินต่างๆ เช่น สายการบินอินดิโก อินเดีย เวอร์จินออสเตรเลีย สายการบินคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน สายการบินการูดา สายการบินไลอ้อนแอร์ อินโดนีเซีย โอมานแอร์  สายการบินแอร์นิวซีแลนด์ และสายการบินอลาสกาแอร์ไลน์ สหรัฐอเมริกา  

 

โดยได้นำเสนอข้อมูลประกอบการตัดสินใจเปิดเส้นทางบินใหม่ รวมทั้งนำเสนอโครงการสนับสนุนการตลาดเพื่อเพิ่มเที่ยวบินระหว่างประเทศ ซึ่งได้รับความสนใจจากสายการบินต่าง ๆ เป็นอย่างดี

 

แล้ว AOT ยังได้เจรจาธุรกิจกับท่าอากาศยานชั้นนำอีกหลายแห่ง เช่น ท่าอากาศยานเพิร์ธ (PER) ท่าอากาศยานไครสต์เชิร์ช (CHC) ท่าอากาศยานแมนเชสเตอร์ (MAN) ท่าอากาศยานซานฟรานซิสโก (SFO) เพื่อส่งเสริมการเชื่อมต่อเส้นทางบินกับท่าอากาศยานของ AOT ในอนาคตอันใกล้นี้

การประชุมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมประชุมจากสายการบิน ท่าอากาศยาน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ในอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวทั่วโลกกว่า 400 หน่วยงาน เมื่อ
AOT ได้เข้าร่วมการประชุมเพื่อร่วมสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ไทยตามนโยบายรัฐบาล เป็นอีกกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทย  ส่งผลดีด้านขยายการค้าและการลงทุน การสร้างงาน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การ

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จับตา!!ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว3เดือนแรกไม่ถึง10ล้านคน

  นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ได้แค่ 9.5 ล้านคน จับตา !! ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว 3 เดือนแรกไม่ถึง 10 ล้านคน เม.ย.นี้ร...